เรื่องและภาพ โดย ภาวินี วงศ์คำ
นักศึกษาชั้นปีที่ 1 สาขาการสอนภาษาไทย
มหาวิทยาลัยขอนแก่น
สื่อนิทานนี้เป็นส่วนหนึ่งของ รายวิชาวรรณกรรมสำหรับเด็กกับการจัดการเรียนรู้ (ED171015)
ณ ป่าใหญ่แห่งหนึ่ง มีสัตว์อยู่มากมายหลายชนิด
มีตั้งแต่สัตว์ที่มีขนาดเล็กไปจนถึงสัตว์ที่มีขนาดใหญ่ ในป่าแห่งนี้มีฝูงมดอยู่ฝูงหนึ่ง
ซึ่งถือได้ว่าเป็นสัตว์ที่มีขนาดเล็กที่สุดในป่านี้เลยก็ว่าได้
ในฝูงมดนี้มีมดตัวใหญ่อยู่ตัวหนึ่งที่มีชื่อว่า “ เจ้ามดตะนอย ” เจ้ามดตะนอย
เป็นมดที่มีนิสัยอวดดี อวดเก่ง หยิ่งผยอง
และไม่ยอมรับฟังความคิดเห็นจากใคร
แต่ถึงอย่างไรก็ตาม ด้วยที่มันมีขนาดตัวที่ใหญ่ที่สุดในฝูง จึงได้ถูกรับเลือกให้เป็นผู้นำฝูงมด
ยิ่งทำให้เจ้ามดตะนอยแสดงนิสัยที่กร่างมากกว่าเดิม เพราะเชื่อว่า
จะไม่มีมดตัวใดที่กล้าขัดใจของตนอย่างแน่นอน
และในป่าแห่งนี้ ก็ยังมีโขลงช้างป่าอยู่โขลงหนึ่ง
ช้างโขลงนี้ มีสมาชิกอยู่ทั้งหมด 10 ตัว
2 1
54 3
6 9
8
7
รวมทั้งยังมีผู้นำโขลงช้าง นั่นก็คือ “ โบโบ้ ”
โบโบ้ มีขนาดตัวที่ใหญ่ที่สุดในฝูง นิสัยดี ใจกว้าง ชอบช่วยเหลือผู้อื่น
จึงได้รับเลือกให้มาเป็นผู้นำจากช้างป่าทุกตัว
10
วันหนึ่ง สิงโตเจ้าป่า ได้เรียกให้สัตว์ทุกตัวมารวมตัวกันเพื่อแจ้งเรื่องสำคัญ
“ ฝนที่ตกหนัก จักเริ่มเบาไป นับจากเดือนหน้า
เริ่มพาหวั่นใจ อากาศหนาวมาเร็วไว ให้เตรียมรับมือ …”
สิงโตเจ้าป่าได้ประกาศข่าวเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของฤดูกาล
ที่กำลังจะมาถึงด้วยสีหน้ากังวลใจ
เพราะอีกไม่กี่วันก็จะเข้าสู่ช่วงฤดูหนาวแล้ว
ในทุกๆปีเมื่อถึงช่วงฤดูหนาว จะมีสัตว์น้อยใหญ่นอนแข็งตายเกลื่อนไปทั่วบริเวณป่า
เพราะไม่มีที่อาศัยที่อบอุ่นพอ
“ อากาศหนาวทุกปี ทำให้มีแต่ทุกข์หนัก
มักทำให้เพื่อนรัก ที่รู้จักถูกพัดหาย ...”
“ ดังนั้นในปีนี้ ข้าจึงอยากให้พวกเจ้าทุกตัว
ทั้งสัตว์เล็กและสัตว์ใหญ่ได้ร่วมมือร่วมใจกันสร้างที่ป้องกันลมหนาว”
เจ้ามดตะนอยสงสัยในสิ่งที่สิงโตเจ้าป่ากำลังป่าวประกาศ จึงได้ตะโกนถามออกไปว่า
“ อากาศหนาวเช่นนั้น จะช่วยกันได้อย่างไร
ควรหลบให้เร็วไว ไยต้องให้มารอกัน …”
“… ข้าไม่เอาด้วยหรอกท่านเจ้าป่า ท่านรู้หรือไม่ว่าเมื่อถึงคราวที่อากาศหนาวเริ่มเข้ามา
สัตว์ทุกตัวควรหลบอยู่ในที่ของตนและไม่ควรออกมาเดินเพ่นพ่านอยู่แล้ว ส่วนที่เหลือก็เอาตัวรอดเองแล้วกัน
ถ้าขืนมามัวเป็นห่วงกันอยู่เช่นนี้ มีหวังคงตายท่ามกลางลมหนาวกันหมดทุกตัวแน่ๆ ”
สิงโตเจ้าป่าถอนหายใจเบาๆพร้อมตอบกลับไปว่า “ เจ้ามดตะนอย เจ้ารู้หรือไม่ว่า
ในทุกๆปีที่เราสูญเสียเพื่อนๆสัตว์ป่าไป ก็เพราะเราต่างพากันหนีเอาชีวิตรอดอย่างไรล่ะ
ดังนั้น ถ้าปีนี้เราต่างช่วยเหลือกัน เพื่อนๆสัตว์ป่าของเราก็จะไม่ต้องตายสักตัว ”
เจ้ามดตะนอยทำหูทวนลมและชวนเหล่ามดที่ตนเองปกครองอยู่กลับเข้ารัง
โดยเก็บความมั่นใจเอาไว้อย่างเต็มอกว่า ฤดูหนาวปีนี้ ตนก็จะไม่ไปขอความช่วยเหลือจาก
ผู้ใดทั้งสิ้น
ในขณะที่บรรยากาศในการประชุม
กำลังเต็มไปด้วยความตรึงเครียด
โบโบ้และสมาชิกช้างป่าตัวอื่นๆ
ก็ได้เสนอตัวเป็นอาสาสร้าง
“ บ้านใบไม้ ”
ไว้สำหรับเป็นที่พักพิงและให้ความอบอุ่นแก่เหล่าสัตว์น้อยใหญ่
“ ตัวข้าและเพื่อนพ้อง ขอจับจองเป็นอาสา
เอาใบไม้ใบหญ้า ในป่ามาสร้างกำบัง …”
หลังจากประชุมเสร็จ
สัตว์ทุกตัวก็ได้แยกย้ายกันเก็บรวบรวมใบไม้และกิ่งไม้เอาไว้
เพื่อรอให้โบโบ้และเหล่าช้างป่ามาช่วยสร้างบ้านใบไม้ให้
ในด้านของเหล่าฝูงมด ก็เริ่มพากันหวาดระแวงเพราะกลัวกับสภาพอากาศหนาวเย็นที่
ใกล้เข้ามา
แต่เจ้ามดตะนอยก็ได้บอกกับมดทุกตัวในฝูงว่า
“ ก็แค่อากาศเย็น หนาวอย่างเช่นปีผ่านมา
นอนนิ่งรอเวลา ไม่ต้องหาอะไรทำ”
“ พวกเจ้าจะหวาดระแวงและกังวลใจกันไปทำไม ในทุกๆปีฤดูหนาวก็เวียนผ่านมาเช่นนี้
แค่พวกเราเข้าไปหลบในกองใบไม้ … เพียงเท่านี้ ไม่ว่าสภาพอากาศจะเป็นเช่นไร
ก็ไม่สามารถทำอะไรพวกเราได้แล้ว”
เมื่อเหล่าฝูงมดได้ยินเช่นนั้น
จึงคลายความรู้สึกกังวลใจไปได้บ้าง และพากันใช้ชีวิต อย่างปกติเหมือนเดิม
วันหนึ่งในขณะที่โบโบ้ เดินผ่านมาบริเวณที่เหล่าฝูงมดอาศัยอยู่
โบโบ้ก็ได้เห็นว่าในบริเวณนี้ ยังไม่มีบ้านใบไม้ ไว้สำหรับเป็นกำบังในฤดูหนาวสักหลังเดียว
โบโบ้จึงได้เสนอความช่วยเหลือแก่เจ้ามดตะนอยไปว่า
“ พวกเจ้าต้องการให้ข้าสร้างบ้านใบไม้ให้หรือไม่ ในตอนนี้เพื่อนๆสัตว์ป่าทุกตัว
ต่างมีบ้านใบไม้เป็นของตนเองกันหมดแล้ว
เหลือเพียงแค่พวกเจ้าเท่านั้น ”
เจ้ามดตะนอยทำหูทวนลมเช่นเคย
และตอบกลับไปอย่างอวดดีว่า
“ เจ้าไม่ต้องห่วงพวกข้าหรอก พวกข้าสามารถเอาตัวรอดกันเองได้
แล้วเหตุใดพวกเจ้าจึงต้องตื่นตูม
และกลัวอากาศหนาวกันจนถึงเพียงนี้เล่า ”
โบโบ้จึงได้ตอบกลับเจ้ามดตะนอยด้วยน้ำเสียงที่ใจเย็นว่า
“… ปีนี้เขาเล่าว่า ลมหนาวมาต้องหลบพลัน
หิมะตกในทุกวัน อาจเป็นอันต้องหนาวตาย
เป็นปีที่แปรปรวน จึงควรเตรียมตัวก่อนสาย
อย่างน้อยอาจช่วยคลาย เรื่องเลวร้ายที่อาจเจอ …”
“ พวกเจ้าตัวเล็กนิดเดียว โปรดให้ข้าช่วยเถิด เกิดถ้ามีหิมะตกขึ้นมาจริงๆอย่างที่เขาว่า
พวกเจ้าคงได้นอนแข็งตายกันยกรังก็เป็นแน่”
เจ้ามดตะนอยทำท่าทางโกรธสะบัดฟัดเฟียด
และเดินหันหลังให้กับความหวังดีที่โบโบ้ได้มอบให้
ครั้นเมื่อฤดูหนาวเข้ามาถึง
นอกจากอากาศจะหนาวแบบเย็นยะเยือกแล้ว
บรรยากาศภายในป่าก็เงียบสงัด ราวกับว่าไม่มีสิ่งมีชีวิตใดๆอาศัยอยู่เลย
สัตว์ป่าทุกตัวต่างพากันอยู่ในบ้านใบไม้ที่โบโบ้ช่วยสร้างให้
ซึ่งถือได้ว่าเป็นเกราะป้องกันอากาศหนาวที่ดีที่สุดในช่วงเวลานี้เลยทีเดียว
แต่ทว่า มีเพียงเหล่าฝูงมดเท่านั้น ที่ไม่มีแม้แต่ที่จะอาศัยอยู่
เพราะกองใบไม้ตามพื้นก็ถูกปกคลุมไปด้วยหิมะทั้งหมด
ฟู่ฟู่เสียงลมหนาวกำลังมา ทำอุราใจหายกันไปหมด
ไม่มีที่กำบังให้ฝูงมด สุดรันทดรอคอยวันหนาวหมดไป
แต่ด้วยความที่เจ้ามดตะนอยนั้นมีทิฐิสูง ไม่ยอมไปขอความช่วยเหลือจากใครเลย
จึงได้แต่ทนหนาวอยู่ใต้กองใบไม้และกิ่งไม้ที่เต็มไปด้วยหิมะอยู่แบบนั้น
วันแล้ววันเล่า เมื่อเวลาผ่านไป สมาชิกในฝูงมดก็เริ่มลดลงไปเรื่อยๆ
เนื่องจากไม่สามารถทนกับสภาพอากาศที่หนาวเย็นได้
ในท่ามกลางมดอีกหลายตัวที่นอนแข็งตายกันไปหมดแล้ว
ก็มีแต่เสียงร้องระงมขอความช่วยเหลือของเหล่าฝูงมดที่เหลือดังไปทั่วบริเวณ
“ ช่วยด้วย! ช่วยด้วย! อากาศช่างหนาวเหลือเกิน
พวกข้าทนไม่ไหวแล้ว ”
เจ้ามดตะนอยเริ่มรู้สึกใจเสีย เพราะตอนนี้ตนได้สูญเสียสมาชิกภายในฝูงไปเป็นจำนวนมาก
และก็เริ่มสูญเสียมากขึ้นเรื่อยๆจนเหลือเพียงแค่ตัวของเจ้ามดตะนอยเพียงตัวเดียว
“…เหตุใดหนออากาศช่างเลวร้าย เพื่อนข้าหายล้มตายกันไปหมด
ในตอนนี้ชีวิตข้าสุดรันทด ไม่อาจอนทนหนาวอีกต่อไป ”
“ ฮือ ฮือ ฮือ ข้าต้องจะอย่างไรดี ทำไมเหตุการณ์ทุกอย่าง ถึงได้เลวร้ายกว่าที่ข้าคิด
ตอนนี้ข้าไม่เหลือใครอีกต่อไปแล้ว ฮือ ฮือ ฮือ”
เจ้ามดตะนอยได้แต่นั่งร้องไห้คร่ำครวญให้กับ
เรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้น ได้แต่นั่งโทษฟ้าดิน
โทษสภาพอากาศที่หนาว
โดยไม่ได้ฉุกคิดขึ้นมาเลยว่า ต้นเหตุที่ทำให้เจ้ามดตะนอย
ต้องสูญเสียเหล่าเพื่อนมดของตนเองไปมากมายขนาดนี้
คือเกิดจากตัวของเจ้ามดตะนอยเอง เพราะตนนั้นมีทิฐิสูง อวดดี
ไม่ยอมรับความช่วยเหลือจากใคร ทำให้ต้องจมอยู่กับความรู้สึก
ที่โดดเดี่ยวเป็นอย่างมาก
หลังจากที่สัตว์ป่าทุกตัวได้รับรู้ถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับเจ้ามดตะนอย ที่ได้สูญเสียเพื่อนมด
ไปทั้งหมดจากสภาพอากาศที่เลวร้าย ก็ต่างพากันเห็นใจและรู้สึกสงสารเจ้ามดตะนอยเป็นอย่างมาก
โบโบ้ จึงได้ชวนให้เจ้ามดตะนอยมาหลบอยู่ในบ้านใบไม้ด้วยกัน
“ เพื่อนเอ๋ยเพื่อนเจ้ามดน้อยมดตะนอย อย่าได้ปล่อยตัวโศกเศร้าอยู่อย่างนั้น
รีบมาเถิดเข้ามาหลบอยู่ด้วยกัน เดี๋ยวเจ้าพลันนอนหนาวตายไม่ดีแน่ …”
“ นี่ เจ้ามดตะนอย อีกไม่กี่วันก็จะหมดฤดูหนาวแล้ว ข้าเชื่อว่าเดี๋ยวทุกอย่างก็จะดีขึ้นอย่างแน่นอน
แต่ตอนนี้เจ้าต้องเข้ามาหลบอยู่ที่นี่ด้วยกันก่อน มาเร็วเข้า! ”
ในครั้งนี้ เจ้ามดตะนอยยอมรับความช่วยเหลือจากโบโบ้แล้ว
ในบ้านใบไม้นี่ช่างอบอุ่นเหลือเกิน
เจ้ามดตะนอยได้แต่คิดโทษตนเองว่า
หากตนยอมรับความรับความช่วยเหลือจากโบโบ้ตั้งแต่แรก
และไม่เห็นแก่ตัวที่หวังจะเอาชีวิตรอดเพียงตัวเดียว
เหล่าเพื่อนมดของตนก็คงไม่ต้องตายจากไปหมดเช่นนี้
“… เพื่อนโบโบ้ตัวข้านี้แย่ยิ่งนัก ทำเพื่อนรักต้องทนอยู่กับความหนาว
พอคิดว่าข้าเป็นเหตุของเรื่องราว คงถึงคราวที่ข้าต้องอยู่เดียวดาย ”
เจ้ามดตะนอยได้แต่นั่งร้องไห้สะอึกสะอื้นและคร่ำครวญอยู่แบบนั้น
โบโบ้จึงเข้ามาปลอบใจ
“ มาตอนนี้เจ้าก็คงสำนึกผิด จงหยุดคิดโทษตัวเองให้เศร้าหมอง
ต่อไปนี้ทำอะไรให้ตรึกตรอง แล้วมาลองเริ่มต้นใหม่ทำให้ดี ”
“ เจ้าเลิกโทษตัวเองได้แล้วนะ ทุกคนย่อมเคยทำผิด คิดผิด
ในความสูญเสียที่เกิดขึ้น แม้เจ้าจะไม่สามารถกลับไปเปลี่ยนแปลงอะไรได้
แต่เจ้าเชื่อข้าสิ ว่าเรื่องราวเหล่านั้นจะย้อนกลับมาเป็นบทเรียนสอนเจ้า
อีกอย่าง ข้าและเพื่อนๆสัตว์ป่าทุกตัวพร้อมที่จะให้โอกาสเจ้าได้ปรับปรุงแก้ไขตัวเองนะ ”
เมื่อมดตะนอยได้ยินดังนั้น ก็ร้องไห้ออกมา
ด้วยความซาบซึ้งใจ พร้อมกับพูดว่า
“… ข้าขอขอบคุณพวกเจ้าจากใจของข้า ข้าจะใช้โอกาสนี้ที่พวกเจ้าได้มอบให้
ปรับปรุงและแก้ไขตัวให้ดีขึ้น ข้าจะไม่เห็นแก่ตัว
และเวลาที่คิดอะไรหรือทำอะไร ข้าก็จะเห็นแก่ส่วนรวมมากขึ้นนะ”
หลังจากฤดูหนาวพัดผ่านไปทุกอย่างก็ดีขึ้น
เหล่าสัตว์ป่าน้อยใหญ่เริ่มพากันออกมาจากบ้านใบไม้
และได้กลับมาใช้ชีวิตกันอย่างปกติสุข ส่วนเจ้ามดตะนอยนั้น
หลังจากที่ได้รับบทเรียนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิต ก็ได้พยายามปรับปรุงตัวจนดีขึ้น
โดยมีโบโบ้เป็นที่ปรึกษาและคอยให้คำแนะนำจนทั้งสองสนิทกัน
และก็กลายมาเป็นเพื่อนสนิทกันในที่สุด
เจ้ามดตะนอยกลายเป็นที่รักของสัตว์ทุกตัวในป่า เริ่มรู้จักการทำเพื่อคนอื่นมากขึ้น
นับตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา
ชีวิตของเจ้ามดตะนอยก็มีแต่รอยยิ้ม
และถูกรายล้อมไปด้วยมิตรภาพที่ดีที่สุดในทุกๆวันเสมอมา