๔หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี
หลกั การร้องเพลง
● ใชเ้ ครือ่ งดนตรบี รรเลงประกอบการรอ้ งเพลง ดน้ สด
ที่มจี งั หวะและทานองงา่ ย ๆ (ศ ๒.๑ ป.๖/๔)
การขบั รอ้ งเพลง
การขับร้อง คือ การเปล่งเสียงออกมาเป็นถ้อยคาให้ครบถ้วน
ถูกต้องตามจังหวะและทานองที่กาหนดไว้ เสียงท่ีเปล่งออกมาจะต้อง
สัมพันธ์เขา้ กับทานอง
๑. การร้องเพลงประกอบดนตรไี ทย
การร้องเพลงที่มีการบรรเลงดนตรีประกอบ ผู้ร้องจะต้องขับร้องให้
ตรงกบั จังหวะและทานอง จะตอ้ งสอดคลอ้ งกบั เสยี งของดนตรีที่บรรเลง
ลกั ษณะการขบั รอ้ งเพลงประกอบดนตรีไทย
๑.๑) การร้องรับหรือการรอ้ งส่ง คือ การขบั รอ้ งท่ผี รู้ อ้ งจะร้อง ไปจนเกือบจบทอ่ นเพลง จากนน้ั
ดนตรกี ็จะบรรเลงรบั ร้องและบรรเลงตอ่ ไปจนจบทอ่ นเพลงและบรรเลงเพลงรบั รอ้ ง และถ้ามกี าร
ขับร้องเพลงในท่อนตอ่ ไป ดนตรีจะบรรเลงสง่ ร้อง เพอ่ื ใหผ้ ขู้ บั รอ้ งสามารถร้องถกู จงั หวะและทานอง
เมื่อร้องเกอื บจบ เพลงดนตรีจะบรรเลงรบั รอ้ งอีกคร้ังจนจบเพลงและบรรเลงเพลงรบั ตอนจบเพลง
จะมีการบรรเลงเร็วข้นึ
๑.๒) การรอ้ งสอด คอื การร้องสอดแทรกกับการบรรเลงดนตรีในเพลงท่อนใดท่อนหนงึ่ ของเพลง
๑.๓) การรอ้ งคลอ คอื การรอ้ งเพลงทม่ี ีการบรรเลงดนตรีพร้อม ๆ กนั นยิ มรอ้ งกบั วงปพ่ี าทย์
ไมน้ วม วงเครอื่ งสาย วงมโหรี หรอื ร้องคลอไปกับซอสามสาย
๒. หลกั การขบั รอ้ งเพลงไทย
การปฏบิ ัติตามหลักการขับร้องเพลงไทยจะทาให้สามารถขับร้อง
เพลงได้ไพเราะ ถ่ายทอดอารมณ์เพลงมาสู่ผู้ฟังได้ถูกต้อง ทาให้ผู้ฟัง
เกิดความซาบซ้ึง ซ่ึงหลักการขบั รอ้ งเพลงไทย มดี งั นี้
๓. การด้นสด
การด้นสด หรือเพลงปฏิพากย์ คือ การขับร้องท่ีเป็นการคิดคาร้อง
ใหม่ในทันที ซ่ึงการร้องด้นสดผู้ขับร้องจะต้องมีปฏิภาณไหวพริบในการ
ขับร้อง การด้นสดมักใช้เนื้อร้องแบบคากลอน มีการสัมผัสคาและซ้า
วรรคสุดท้าย เพื่อให้ผู้ร้องคนต่อไปมีเวลาคิดเน้ือร้องต่อไปได้ และมีการ
นาเคร่ืองดนตรีมาบรรเลงประกอบ เพ่ือสร้างความสนุกสนาน เช่น ฉิ่ง
รามะนา กลองแขก เพลงทีม่ ีการดน้ สด เช่น เพลงฉอ่ ย ลาตดั
เพลงพ้ืนบา้ นภาคตา่ ง ๆ
๔. การสรา้ งสรรค์รปู แบบจังหวะและทานองดว้ ยเคร่อื งดนตรี
การสร้างสรรคเ์ พลงและดนตรี เปน็ การฝกึ ความคดิ สร้างสรรค์สง่ิ ใหม่
ทางดนตรี โดยการนารูปแบบเก่ามาดดั แปลงหรือผสมผสานกับรูปแบบใหม่
ซึง่ สามารถสร้างสรรค์ไดด้ ว้ ยเคร่อื งดนตรี การสร้างสรรค์ทางดนตรี
สามารถทาได้โดยวธิ ตี า่ ง ๆ ดังน้ี
๑) ประดิษฐ์ทา่ ทางประกอบจังหวะของดนตรแี ละการเคลือ่ นไหว
รา่ งกายตามจงั หวะเพลง
๒) ดัดแปลงเนอื้ เพลงใหม่
๓) เปล่ียนจงั หวะและทานองดนตรใี หม้ รี ูปแบบใหม่
๔) วาดภาพตามจนิ ตนาการจากการฟังเพลงได้
๕) ประดษิ ฐส์ ิง่ ของในท้องถิน่ เป็นเคร่ืองดนตรีนามาบรรเลงผสมกับ
เครอื่ งดนตรหี ลกั
หลกั การรอ้ งเพลง