1
รายงานการสมั มนา
เร่ือง รำวงมาตรฐานการแสดงและการแข่งขันทเ่ี หมาะสมในสถานศกึ ษา
1. นางสาวภทั รวดี ทองสม รหสั ประจำตัว 6311120007
2. นางสาวพัณณิตา บษุ รานนท์ รหสั ประจำตัว 6311120009
3. นางสาวปิ่นมณี ทองหตั ถา รหสั ประจำตัว 6311120011
4. นางสาวจารุวรรณ ทองประสูตร รหัสประจำตัว 6311120017
5. นางสาวสดุ ารัตน์ รตั นสุภา รหสั ประจำตัว 6311120022
6. นางสาวอภิญญา จนั โสด รหสั ประจำตัว 6311120025
รายงานฉบับนเี้ ป็นส่วนหนึ่งของการศึกษารายวชิ าสัมมนาการพฒั นาองค์ความรู้
และนวัตกรรมทางดา้ นนาฏศิลป์ หลกั สตู รนาฏศิลป์ คณะครศุ าสตร์
มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั นครศรธี รรมราช ภาคเรยี นท่ี 1/2556
2
คำนำ
รายงานการจดั สมั มนาทางวิชาการนาฏศิลป์ เร่ือง รำวงมาตรฐานการแสดงและการแข่งขนั ที่เหมาะสม
ในสถานศึกษา เป็นส่วนหน่งึ ของการศึกษารายวิชาสมั มนาพัฒนาองคค์ วามรู้และนวัตกรรมทางด้านนาฎศลิ ป์ มี
วัตถุประสงค์เพื่อศึกษารูปแบบศิลปะการแสดงที่เหมาะสมกับการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม และเพื่อจัดสัมมนา
เรื่องศิลปะการแสดงกบั การทอ่ งเท่ยี วเชงิ วัฒนธรรม อยา่ งนอ้ ย 1 คร้ัง
สาระสำคัญของเอกสารประกอบด้วย บทที่ 1 บทนำ ประกอบไปด้วย หลักการและเหตุผล
วัตถุประสงค์ ขอบเขตการศกึ ษา นยิ ามคำศพั ท์ และประโยชน์ทีค่ าดว่าจะไดร้ บั บทที่ 2 วรรณกรรมท่ีเกย่ี วขอ้ ง
ประกอบไปด้วย องค์ความรู้เรื่องศิลปะการแสดง และองค์ความรู้เรื่องการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม บทที่ 3
วิธีดำเนนิ การ ประกอบด้วย ขนั้ การเตรียมการ ข้ันดำเนินการ และขั้นสรปุ บทที่ 4 บทวชิ าการ และบทท่5ี
ถอดเทป
ขอขอบคุณ ดร. ชวลิต สุนทรานนท์ นางพีรพรรณ ถิ่นกาญจน์ และดร.พรเทพ บุญจันทร์เพ็ชร์ท่ีมาให้
ความรู้เรื่องรำวงมาตรฐานการแสดงและการแข่งขันที่เหมาะสมในสถานศึกษา ให้นักศึกษาเกิดความรู้ความ
เข้าใจเกี่ยวกับรำวงมาตรฐานมากยิ่งขึ้น ขอขอบคุณผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ธีรวัฒน์ ช่างสาน อาจารย์ประจำ
วิชาสัมมนาการพัฒนาองค์ความรู้และนวัตกรรมทางด้านนาฎศิลป์ ที่ชี้แนะการพัฒนาเอกสารจนสมบูรณ์เป็น
สือ่ ทีด่ ีมปี ระโยชน์ ขอบคณุ เพื่อนๆน้อง ๆ สาขาวิชานาฎศลิ ป์ทุกคนท่ีเป็นกำลังใจในการพัฒนาสร้างผลสัมฤทธ์ิ
ท่ีดขี องงานเอกสารครั้งนี้ จึงขอขอบคณุ มา ณ โอกาสน้ี
คณะผู้จัดทำ
19 กนั ยายน 2565
3
สารบัญ 2
2
คำนำ.................................................................................................................................... ........... 2
สารบัญ........................................................................................................................................... 3
บทที่ 1 บทนำ................................................................................................................................ 4
หลักการและเหตผุ ล......................................................................................................... 5
วัตถปุ ระสงค์..................................................................................................................... 5
ขอบเขตการศึกษา............................................................................................................ 6
นิยามคำศัพท.์ ................................................................................................................. 7
ประโยชน์ท่คี าดว่าจะได้รบั .............................................................................................. 7-8
บทที่ 2 ทบทวนวรรณกรรม.......................................................................................................... 8
องค์ความรู้รำวงมาตรฐาน............................................................................................... 9
9-10
ความหมายของรำวงมาตรฐาน......................................................................... 10
ประวตั คิ วามเปน็ มารำวงมาตรฐาน................................................................... 10-13
ความสำคัญของรำวงมาตรฐาน........................................................................ 14-24
องค์ประกอบการแสดงรำวงมาตรฐาน........................................................................... 25-48
ความหมายของการแข่งขนั รำวงมาตรฐาน....................................................... 48
บทที่ 3 วธิ ีดำเนนิ การ.................................................................................................................. 49-54
ข้นั การดำเนนิ งาน..........................................................................................................
ขั้นการประเมนิ ผลการสมั มนา......................................................................................
ขน้ั สรุป.........................................................................................................................
บทท่ี 4 บทความวิชาการ...........................................................................................................
บทที่ 5 บทความวิชาการ............................................................................................................
บรรณานุกรม………………………………………………………………………………………………………………..
ภาคผนวก...................................................................................................................... .............
1
บทที่ 1
บทนำ
หลกั การและเหตุผล
รำวงมาตรฐานหมายถึงศิลปะการแสดงชนิดหนึ่ง ในสมัยก่อนนั้นคำว่า รำวงมาตรฐาน มิได้มีใช้เรียก
กัน มีเพียงคำว่า รำวง ต่อมาในช่วง พ.ศ.2484 จอมพล ป.พิบูลสงครามได้ให้มีการพัฒนารำวงมาตรฐานขึ้น
อยา่ งมีแบบแผน ประณีตงดงาม ทง้ั ท่ารำ คำรอ้ ง ทำนองเพลงเคร่ืองดนตรีทใ่ี ช้ตลอดจนเคร่ืองแตง่ กาย ท่ารำมี
ทั้งหมด 14 แม่ท่า คำร้องนั้น เพลงรำวงมาตรฐาน 10 เพลง การแต่งกายนั้นมิได้กำหนดเฉพาะเจาะจงว่าตอ้ ง
แต่งชุดไทยอย่างใดอย่างหนึ่งให้แน่นอน แต่สามารถแต่งได้หลายอย่าง เช่น หญิงจะแต่งชุดไทยจักรี ชุดไทย
สมัย ร.6 ชุดไทยแบบชาวบ้าน (ห่มสไบ นุ่งโจงกระ-เบน) หรือชุดไทยสมัยใดก็ได้ ชายก็สามารถแต่งได้ทั้งชุด
ไทยแบบชาวบ้าน (นุ่งโจงกระเบน ใส่เสื้อคอพวงมาลัย แขนสั้น ผ้าดาดพุง) ชุดไทยที่เป็นเสื้อพระราชทานทาง
เกงขายาว ชุดราชปะแตน หรอื ชดุ สากล (ใส่เส้อื สตู ผูกเนคไท) ก็ได้ (กาญจนา อนิ ทรสุนานนท์ 2546:1)
ปัจจุบันรําวงมาตรฐานได้มีปรากฎในหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551
(ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560) กลุ่มสาระการเรียนรู้ศิลปะ สาระที่ 3 มาตรฐาน 3.1 เข้าใจและแสดงออกทาง
นาฏศิลป์อย่างสร้างสรรค์ วิเคราะห์ วิพากษ์วิจารณ์คุณค่านาฏศิลป์ ถ่ายทอดความรู้สึก ความคิดอย่างอิสระ
ชื่นชมและประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน ของนักเรียนชั้น ป.4 ตัวชี้วัดที่ ศ 3.1 ป.4/4 การแสดงนาฏศิลป์
ประเภทคู่ รำวงมาตรฐาน เพื่อให้ผู้เรียนได้ศึกษาความหมายความสำคัญและการปฏิบัติรำวงมาตรฐาน
นอกจากนส้ี ำนกั งานคณะการการศึกษาข้ันพน้ื ฐาน(สพฐ.) ยังมกี ารจดั แขง่ ขันรำวงมาตรฐานงานศลิ ปหัตถกรรม
นักเรียนทั้งระดับประถมและมัธยมมาอย่างต่อเนื่อง (หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน 2551 (ฉบับ
ปรับปรุง พ.ศ. 2560) 2563:37)
การแข่งขันงานศิลปะหัตถกรรมนักเรียนครั้งท่ี 69 ปีการศึกษา 2562 กลุ่มสาระการเรียนรู้ศิลปะ
(สาระนาฏศิลป์) ระดับชั้นที่จัดแข่งสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา(สพป.)ระดับชั้น ป.1-ป.3
สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา(สพม.)ระดับชั้น ม.1-3 และ ระดับช้ัน
ม.4-6 รายละเอียดการแข่งขัน เพลงบังคับ1เพลง ระดับชั้น ประถมศึกษา( ป.1 – ป. 6 ) คือเพลงคืนเดือน
หงายระดับชัน้ ม.1- ม.3 คือ เพลงรำซิมารำ ระดับชั้น ม.4 - ม.6 คือ เพลงดวงจันทร์วนั เพ็ญ เพลงเลือกเสรี 1
เพลงจบั ฉลากเลอื กเพลง 1 เพลงถ้าซ้ำกบั เพลงเลือกเสรี ใหจ้ บั ฉลากใหม่ แตง่ กายตามแบบรำวงมาตรฐาน ใช้ผู้
แสดงชายจริง หญิงแท้ ใช้ท่ารำของกรมศลิ ปากร เกณฑ์การให้คะแนน ความถูกตอ้ งท่ารำ 20 คะแนน จังหวะ
การรำ 20 คะแนน ลีลาความสวยงาม 20 คะแนน ความพร้อมเพรียง 20 คะแนนและการแต่งกาย 20 คะแนน
(การแข่งขันงานศิลปหัตถกรรมนักเรียนครั้งที่ 69 2562: 2) อย่างไรก็ตามเกณ์การให้คะแนนนั้นสามารถ
เปล่ยี นแปลงได้ตามการพิจารณาของคณะกรรมการวา่ ถูกต้องเหมาะสมและสวยงาม
2
นักศึกษาสาขาวิชานาฏศิลป์ คณะครุศาสตร์ มีความมุ่งหวังที่จะสร้างเสริมความรู้เกี่ยวกับรำวง
มาตรฐาน ทั้งในเรื่องของท่ารำ องค์ประกอบการแสดงและเรื่องมุมมองความคิดเห็น ในฐานะที่เป็น
ศิลปวัฒนธรรมของคนไทย คาดการณ์เป็นเบื้องต้นว่าการสัมมนาในครั้งนี้จะได้มุมมองใหม่ๆที่ได้คัดสรรค์มา
จากผทู้ ีม่ ีความรู้ความสามารถเพ่ือนำมาช้ีแนวทางในการตรวจสอบอย่างถูกต้องต่อไป จึงได้จัดสัมมนาในครั้งน้ี
ข้ึน
วตั ถุประสงค์
การสัมมนารำวงมาตรฐานการแสดงและการแข่งขันที่เหมาะสมในสถานศึกษามีวัตถุประสงค์ที่สำคญั
ดงั น้ี
1. เพื่อศึกษาองค์ความรู้ประวัติความเป็นมาและองค์ประกอบของรำวงมาตรฐานที่ใช้ประกอบการ
เรยี นการสอนและการแข่งขัน
2. เพ่ือจัดสัมมนารำวงมาตรฐานการแสดงและการแขง่ ขนั ทีเ่ หมาะสมในสถานศึกษาอย่างนอ้ ย1 คร้งั
ขอบเขตของการศกึ ษา
การสัมมนารำวงมาตรฐานการแสดงและการแข่งขันที่เหมาะสมในสถานศึกษามีขอบเขตที่น่าสนใจ
ดงั นี้
1. ขอบเขตดา้ นเนื้อหา
มุ่งศึกษาองค์ความรู้ประวัติความเป็นมาและองค์ประกอบของรำวงมาตรฐานที่ใช้ประกอบการ
เรียนการสอนและการแข่งขันและสมั มนารำวงมาตรฐานการแสดงและการแข่งขนั ท่เี หมาะสมในสถานศกึ ษา
2. ขอบเขตดา้ นสถานท่ี
ขอบเขตด้านสถานท่ีน้นั จะแบง่ ออกเปน็ 2 ดา้ น
2.1 ดา้ นวทิ ยากร
วิทยากรทเี่ หมาะสมกับการสัมมนาในคร้ังนเี้ ป็นบุคคลท่อี ยู่ในสายนาฏศิลป์ และมคี วามรู้ใน
เรอื่ งของรำวงมาตรฐาน ซ่ึงวทิ ยากรประกอบไปดว้ ย
1) ดร. ชวลิต สุนทรานนท์ ผู้เชี่ยวชาญ ข้าราชกาลบำนาญ สำนักการสังคีต กรมศิลปากร
กรงุ เทพมหานคร
2) นางพีรพรรณ ถิ่นกาญจน์ ครูชำนาญการพิเศษ รองผู้อำนวยการฝ่ายวิชาการวิทยาลัย
นาฏศิลปน์ ครศรธี รรมราช
3) ดร.พรเทพ บุญจันทร์เพ็ชร์ ครูชำนาญการพิเศษ รองผู้อำนวยการฝ่ายศิลปะและวัฒนธรรม
วิทยาลยั นาฏศิลปพ์ ทั ลุง
3
2.2 ด้านสถานทจ่ี ดั สมั มนา
ด้านสถานที่การสัมมนารำวงมาตรฐานการแสดงและการแข่งขันที่เหมาะสมในสถานศึกษา
ในครั้งน้ีจัดในรูปแบบออนไลน์ใน google meet ณ หลักสูตรนาฏศิลป์ อาคาร7 มหาวิทยาลัยราชภัฏ
นครศรีธรรมราช ตำบลท่างวิ้ อำเภอเมือง จงั หวดั นครศรธี รรมราช
3. ขอบเขตดา้ นระยะเวลา
การจัดสัมมนารำวงมาตรฐานการแสดงและการแข่งขันที่เหมาะสมในสถานศึกษาครั้งนี้ จะจัดข้ึน
ในวัน ท่ี 26 กนั ยายน พุทธศักราช 2565 ระยะเวลาตง้ั แต่ 08.30-12.00 น.
นิยามศัพทเ์ ฉพาะ
การสัมมนา หมายถึง การประชุมรปู แบบหนึ่งทีม่ ี วัตถุประสงคเ์ พื่อแลกเปลีย่ นความรู้ ความคิด และ
หาข้อสรุป หรือข้อเสนอแนะในเรื่องใดเร่ืองหน่ึง ผลสรุปที่ได้ถือว่าเป็นเพียงข้อเสนอแนะ ส่วนผู้ทีเ่ กี่ยวข้องจะ
นำไปปฏิบัติตามหรือไม่ก็ได้ (ราชบัณฑิตยสถาน 2546 : น.1170) การจัดสัมมนาครั้งนี้ คือ การสัมมนารำวง
มาตรฐานการแสดงและการแขง่ ขนั ท่ีเหมาะสมในสถานศึกษา
รำวงมาตรฐาน หมายถึง ศลิ ปะการแสดงชนดิ หนง่ึ ในสมัยก่อนนน้ั คำวา่ รำวงมาตรฐาน มไิ ด้มีใช้เรียก
กัน มเี พียงคำวา่ รำวง ตอ่ มาในช่วง พ.ศ.2484 จอมพล ป.พิบูลสงครามได้ให้มกี ารพัฒนารำวงมาตรฐานขึน้
อยา่ งมีแบบแผน ประณีตงดงาม ทงั้ ท่ารำ คำร้อง ทำนองเพลงเครื่องดนตรีท่ีใช้ตลอดจนเคร่อื งแต่งกาย ท่ารำมี
ทง้ั หมด 14 แม่ท่า คำร้องนนั้ เพลงรำวงมาตรฐาน 10 เพลง การแต่งกายน้นั มิได้กำหนดเฉพาะเจาะจงว่าต้อง
แต่งชุดไทยอยา่ งใดอยา่ งหนึง่ ให้แน่นอน แต่สามารถแตง่ ได้หลายอยา่ ง เช่น หญงิ จะแตง่ ชดุ ไทยจักรี ชุดไทยสมยั
ร.6 ชดุ ไทยแบบชาวบา้ น (ห่มสไบ นุ่งโจงกระ-เบน) หรือชุดไทยสมยั ใดก็ได้ ชายกส็ ามารถแต่งได้ทงั้ ชุดไทยแบบ
ชาวบ้าน (นงุ่ โจงกระเบน ใสเ่ สื้อคอพวงมาลยั แขนสน้ั ผา้ ดาดพงุ ) ชุดไทยท่เี ปน็ เส้อื พระราชทานทางเกงขายาว
ชุดราชปะแตน หรอื ชดุ สากล (ใส่เสื้อสูต ผกู เนคไท) ก็ได้ (กาญจนา อินทรสนุ านนท์ 2546: น.1)
รำวงมาตรฐานเพื่อการศึกษา หมายถึง การใช้หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช
2551 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560) กลุ่มสาระการเรียนรู้ศิลปะ สาระที่ 3 มาตรฐาน 3.1 เข้าใจและแสดงออก
ทางนาฏศิลป์อย่างสร้างสรรค์ วิเคราะห์ วิพากษ์วิจารณ์คุณค่านาฏศิลป์ ถ่ายทอดความรู้สึก ความคิดอย่าง
อิสระ ชื่นชมและประยุกต์ใชใ้ นชีวิตประจำวัน เพื่อให้ผูเ้ รียนไดศ้ ึกษาความหมายความสำคัญและการปฏิบัตริ ำ
วงมาตรฐาน (หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน 2551 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560) 2563:37) รำวง
มาตรฐานเพ่ือการศึกษาครง้ั นีเ้ ปน็ รำวงมาตรฐานทเี่ หมาะสมในสถานศึกษา
รำวงมาตรฐานเพื่อการแข่งขัน หมายถึง ดร.สุดาวรรณ์ มีบัว คณบดีคณะมนุษยศาสตร์และ
สังคมศาสตร์ เปิดเผยว่าการจัดการแข่งขันการประกวดรำวงมาตรฐานเพื่อเป็นการส่งเสริมการแข่งขันทักษะ
ทางวิชาการ และเพื่อการอนุรักษ์ สืบทอดศิลปวัฒนธรรมไทยที่ถูกต้องตามแบบฉบับของไทยเพื่อให้ คงอยู่
ตลอดไป สำหรับการแขง่ ขันจะแบ่งออกเปน็ 2 ระดับ คือ ระดับที่ 1 ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 – 6 และ
ระดับที่ 2 คือ ระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น ปีที่ 1 – 3 ซึ่งแข่งขันเป็นทีม ๆ ละ 8 คน (4 – 5 คู่) รำวง
มาตรฐานเพอ่ื การแข่งขันในครั้งน้เี ปน็ การแข่งขันรำวงมาตรฐานทเ่ี หมาะสมในสถานศกึ ษาเท่าน้นั
4
องค์ประกอบของการแสดง หมายถงึ คอื ส่วนย่อยทป่ี ระกอบกนั เป็นสงิ่ ใหม่ อยา่ งเชน่ รำวงมาตรฐาน
จะประกอบไปดว้ ย ผู้แสดง เครือ่ งแตง่ กาย เพลงดนตรี และท่ารำ องคป์ ระกอบของการแสดงในครั้งน้ีหมายถึง
องค์ประกอบของการแสดงรำวงมาตรฐานที่กรมศิลปากรพัฒนาขึ้นมาเพื่อใช้ประกอบการเรียนการสอนและ
ประกอบเกณฑ์การแขง่ ขันเท่านนั้
สถานศึกษา หมายถึง สถานพัฒนาเด็กปฐมวยั โรงเรยี น ศนู ย์การเรียน วทิ ยาลยั สถาบันมหาวิทยาลัย
หน่วยงานการศึกษาหรือหน่วยงานอื่นของรัฐหรือของเอกชน ที่มีอำนาจหน้าที่ หรือมีวัตถุประสงค์ในการจัด
การศึกษา (ราชกิจจานเุ บกษา 2542:น.1)
ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ
เมื่อการสัมมนารำวงมาตรฐานการแสดงและการแข่งขันที่เหมาะสมในสถานศึกษาสำเรจ็ ลงคาดว่าจะ
ได้ประโยชน์คือ
1. ไดอ้ งค์ความรู้ประวตั ิความเป็นมาและองค์ประกอบของรำวงมาตรฐานเพ่ือตรวจสอบความถูกต้อง
อย่างกระจ่างแจ้ง
2. ไดร้ ายงานผลการจดั สมั มนารำวงมาตรฐานการแสดงและการแขง่ ขนั ทีเ่ หมาะสมในสถานศึกษาเพ่ือ
ใช้เปน็ เอกสารตรวจสอบในโอกาสต่อไป
5
บทที่ 2
ทบทวนวรรณกรรม
วรรณกรรมท่ีเก่ียวข้อง
วรรณกรรมที่เกี่ยวข้องคือเรื่องที่เกี่ยวข้องสัมพันธ์กับสิ่งที่นักศึกษาต้องการมีความรู้ในการสัมมนา
“การสัมมนาการพัฒนาแผนการจัดการเรียนรู้แบบบูรณาการ” สิ่งที่นักศึกษาควรทบทวนวรรณกรรม มี
ประเดน็ เรม่ิ ตน้ ต่อไปนี้
ความร้เู รื่องรำวงมาตรฐาน
1. ความหมายของรำวงมาตรฐาน
2. ประวัตคิ วามเป็นมา
3. ความสำคญั ของรำวงมาตรฐาน
4. องค์ประกอบของการแสดงรำวงมาตรฐาน
ความหมายของรำวงมาตรฐาน
สุมติ ร เทพวงษ์ (2545, น. 98) ไดร้ วบรวมไวว้ ่า รำวงมาตรฐานเป็นการแสดงท่ีพัฒนาปรับปรุงมาจาก
รำโทน ซึ่งเป็นรำวงพื้นบ้านของไทยที่ชาวบ้านนิยมเล่นในเทศกาลต่างๆ อย่างแพร่หลายในสมัยโบราณสืบต่อ
กันมาจนถึงช่วงสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 จอมพล ป. พิบูลสงครามนายกรัฐมนตรีสมัยนั้นต้องการปลอบขวัญ
ประชาชนให้คลายจากความหวาดกลัวภัยสงคราม ประกอบกับต้องการที่จะเชิดชูศิลปะการแสดง และรักษา
แบบแผนการแสดงนาฎศิลปไ์ ทย จงึ ไดม้ อบให้กรมศลิ ปากรปรับปรงุ การรำโทนขึน้ เมื่อ พ.ศ. 2487
กาญจนา อินทรสุนานนท์และรุจี ศรี สมบัติ (2546, น. 1) รำวง แต่เดิมเรียกว่า "รำโทน" เป็นศิลปะท่ี
เกิดจากพื้นบ้านของไทยต่อมามีการกำหนดท่ารำ บทร้อง และดนตรีขึ้นอย่างมีแบบแผน จึงเรียกกันว่า"รำวง
มาตรฐาน"
โมฬี ศรีแสนยงค์ (2549, น. 17) รำวงมาตรฐานเป็นการแสดงท่ีพัฒนาปรับปรุงมาจากรำโทน ซึ่งเป็น
รำวงพื้นบ้านของไทยที่ชาวบ้านนิยมเล่นในฤดูหรือเทศกาลต่างๆ อย่างแพร่หลายในสมัยโบราณ ดังนั้น รำวง
มาตรฐานจึงเป็นศิลปะแห่งการฟ้อนรำให้เข้ากับจังหวะหน้าทับ ใช้ท่ารำที่เป็นแบบฉบับมาตรฐานโดยรำเป็น
วงกลม หันหน้าทวนเข็มนาฬิกา การรำวงมาตรฐานเป็นการรำที่ประดิษฐ์ขนึ้ ใหม่โดยการดูแลของกรมศิลปากร
ร่วมกับ กรมประชาสัมพันธ์ช่วยกันจัดทำขึ้น เพื่อให้เป็นแบบแผนในการใช้ท่ารำให้งดงามถูกต้องตามหลัก
นาฏศลิ ป์ไทย
6
ประวัติความเปน็ มารำวงมาตรฐาน
เป็นการแสดงที่มีวิวัฒนาการมาจาก “รำโทน” เป็นการรำและร้องของชาวบ้าน ซึ่งจะมีผู้ชายและ
ผู้หญิง รำกันเป็นคู่ ๆ รอบๆ ครกตำข้าวที่วางคว่ำไว้ หรือไม่ก็รำกันเป็นวงกลม โดยมีโทนเป็นเครื่องดนตรี
ประกอบจังหวะ ลักษณะการรำ และการร้องเป็นไปตามความถนัด ไม่มีแบบแผนกำหนดไว้ ในช่วงระหว่าง
พ.ศ. 2484 – 2488 เป็นช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ทหารญี่ปุ่นได้ยกพลขึ้นที่ตำบลบางปู จังหวัดสมุทรปราการ
เมื่อวันท่ี 8 ธันวาคม 2484 เพื่อเจรจาขอตั้งกองทัพในประเทศไทย โดยใช้เส้นทางต่างๆ ในแผ่นดินไทยลำเรียง
เสบยี งอาหาร อาวธุ และกำลงั พล เพอ่ื ใชใ้ นการตอ่ สู้กับประเทศสมั พันธมิตร
ขณะน้นั ประเทศไทยมีจอมพล ป (แปลก) พบิ ลู สงคราม เปน็ นายกรัฐมนตรี ได้ตดั สนิ ใจยอมใหป้ ระเทศ
ญี่ปุ่นเข้ามาตั้งฐานทัพในประเทศไทย เพราะเกรงว่าหากปฏิเสธคงจะถูกปราบปรามแน่ ด้วยเหตุนี้เองประเทศ
ไทยจึงได้รับผลกระทบจากการรุกรานของฝ่ายสัมพันธมิตร ที่ส่งกองทัพเข้ามาโจมตีฐานทัพญี่ปุ่นทางอากาศ
โดยเฉพาะในยามที่เป็นคืนเดือนหงาย จะมองเหน็ จุดยุทธศาสตร์ได้งา่ ย ข้าศกึ มกั จะเข้ามาโจมตีอย่างหนักด้วย
การท้ิงระเบิด ซึง่ สร้างความเสียหายทำลายชวี ิตและทรัพย์สนิ บ้านเรือนเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะบ้านเรือนที่
อยู่ใกล้กับฐานทัพญี่ปุ่น เมื่อช่วงคืนเดือนหงายผ่านไป คืนเดือนมืดเข้ามา ข้าศึกจะมองเห็นจุดยุทธศาสตร์ไม่
ชัดเจนจึงพักการรุกราน ประชาชนชาวไทย ได้รับความเดือนร้อน ต่างอยู่ในสถานการณ์ที่หวาดกลัวเป็นอย่าง
มาก จึงได้หาวิธีการผ่อนคลายความตึงเครียด ความหวาดผวา ด้วยการนำศิลปะพื้นบ้านที่ซบเซาไป กลับมา
ร้องรำทำเพลง นั้นก็คือ “การเล่นรำโทน” คำร้อง ทำนองและการแต่งกาย ก็ยังคงเรียบง่ายเน้นความ
สะดวกสบาย สนุกสนาน เช่นเดิม เพลงที่นิยมได้แก่ เพลงใกล้เข้าไปอีกนิด ช่อมาลี ตามองตา ยวนยาเหล เป็น
ตน้ ต่อมาเมื่อปี พ.ศ. 2487 รัฐบาลไดเ้ ล็งเห็นศิลปะพ้ืนบ้านอันสวยงามของไทยท่ีมีอยู่อยา่ งแพร่หลายควรที่จะ
เชิดชูให้มีระเบียบแบบแผนตามแบบนาฏศิลป์ไทย เพราะหากชาวต่างชาติมาพบเห็นจะตำหนิได้ว่าศิลปะการ
ฟ้อนรำของไทยนี้มิได้มีความสวยงาม ประณีตแต่อย่างใด รวมถึงไม่มีศิลปะที่แสดงออกว่าเป็นชาติ ที่มี
วัฒนธรรม จึงได้มอบให้ กรมศิลปากรเป็นผูร้ ับผดิ ชอบใน การปรับปรุงและพัฒนาการรำ (รำโทน) ขึ้นใหม่ให้มี
ระเบียบ แบบแผน มีความงดงามมากยิ่งขึ้น ทั้งทางด้านเนื้อร้อง ทำนองเพลง และนำท่ารำจากแม่บทกำหนด
เป็นท่ารำเฉพาะแต่ละเพลงอย่างเป็นแบบแผน รำวงมาตรฐาน ประกอบด้วยเพลงทั้งหมด 10 เพลง กรม
ศิลปากรแต่งเนื้อร้องจำนวน 4 เพลงคือ 1.เพลงงามแสงเดือน (เพลงที่ 1) 2.เพลงชาวไทย (เพลงที่ 2) 3.เพลง
รำมาซิมารำ (เพลงที่ 3) 4.เพลงคืนเดือนหงาย (เพลงที่ 4) ท่านผู้หญิงละเอียด พิบูลสงคราม แต่งเนื้อร้องเพิ่ม
อีก 6 เพลงคือ 1. เพลงดวงจันทร์วันเพ็ญ (เพลงที่ 5) 2.เพลงดอกไม้ของชาติ (เพลงที่ 6) 3. เพลงหญิงไทยใจ
งาม (เพลงที่ 7) 4. เพลงดวงจันทร์ขวัญฟ้า (เพลงท่ี 5.เพลงยอดชายใจหาญ (เพลงที่ 9) 6.เพลงบูชานักรบ
(เพลงที่ 10)
7
ความสำคญั ของรำวงมาตรฐาน
รำวงมาตรฐาน เป็นการรำท่ีได้รับความนยิ มสบื มาจนถึงปจั จบุ ัน มักนยิ มนำมาใชห้ ลังจากจบการแสดง
หรือจบงานบันเทิงตา่ ง ๆ เพือ่ เชญิ ชวนผรู้ ว่ มงานออกมารำวงรว่ มกัน เป็นการแสดงความสามัคคกี ลมเกลยี ว อกี
ทั้งยงั เปน็ ทน่ี ิยมของชาวตา่ งชาติในการออกมารำวงเพ่ือความสนกุ สนาน
องค์ประกอบการแสดงรำวงมาตรฐาน
พงศ์ศิริ คำพา (2559) ได้กล่าวมาแล้วว่านาฏศิลป์จะหมายรวมไปถึงการร้องรำทำเพลงดังน้ัน
องค์ประกอบของนาฏศิลป์ก็จะประกอบไปด้วยการร้อง การบรรเลงดนตรี และการฟ้อนรำ ทั้งนี้เพราะการ
แสดงออกทางนาฏศิลป์ไทยจะต้องอาศัยบทร้องทำนองเพลงประกอบการแสดง เพราะฉะนั้นก่อนที่จะมาเป็น
นาฏศลิ ป์ไทยไดจ้ ะต้องประกอบไปดว้ ยองคป์ ระกอบสำคัญๆ ดังน้ี
1. การฟ้อนรำหรอื ลลี าท่ารำ
การฟ้อนรำหรือลีลาท่ารำเป็นท่าทางของการเยื้องกรายฟ้อนรำที่สวยงาม โดยมีมนุษย์เป็นผู้ประดิษฐ์
ท่ารำเหล่านั้นได้ถูกต้องตามแบบแผน รวมทั้งบทบาทและลักษณะของตัวละคร ประเภทของการแสดง และ
การสื่อความหมายทชี่ ดั เจน
2. จงั หวะ
จังหวะเป็นส่วนย่อยของบทเพลงที่ดำเนินไปเป็นระยะและสม่ำเสมอ การฝึกหัดนาฏศิลป์ไทย
จำเป็นต้องใช้จังหวะเป็นพื้นฐานในการฝึกหัด เพราะจังหวะเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจากธรรมชาติและมีอยู่ในตัว
มนุษยท์ กุ คน หากผเู้ รียนมที กั ษะทางการฟังจงั หวะแล้วกส็ ามารถรำไดส้ วยงาม แต่ถ้าผ้เู รยี นไม่เขา้ ใจจังหวะ ก็
จะทำให้รำไมถ่ กู จังหวะหรอื เรียกว่า "บอดจงั หวะ" ทำให้การรำกจ็ ะไมส่ วยงามและถกู ต้อง
3. เนือ้ ร้องและทำนองเพลง
เนื้อร้องและทำนองเพลงการแสดงลีลาท่ารำแต่ละครั้งจะต้องสอดคล้องตามเนื้อรอ้ งและทำนองเพลง
ทั้งนี้เพื่อบอกความหมายของท่ารำ ถ่ายทอดอารมณ์ความรู้สึกในการแสดงได้ตามเนื้อเร่ือง ตลอดจนสามารถ
สื่อความหมายให้กับผู้ชมเข้าใจตรงกันได้ เช่น การแสดงอารมณ์รัก ผู้รำจะประสานมือทาบไว้ที่หน้าอก
ใบหนา้ ย้มิ ละไม สายตามองไปยังตัวละครทร่ี ำคู่กนั เป็นต้น
4. การแตง่ กาย
การแตง่ กายในการแสดงนาฏศิลปส์ ามารถบ่งบอกถึงยศ ฐานะ และบรรดาศกั ดิข์ องผแู้ สดงละครนั้นๆ
โดยเฉพาะการแสดงโขน การแต่งกายจะเปรียบเสมือนแทนสีกายของตัวละคร เช่น เมื่อแสดงเป็นหนุมาน
จะตอ้ งแตง่ กายดว้ ยชดุ สีขาว มีลายปักเปน็ ลายทักษิณาวตั ร สวมหัวขนลิงสขี าวปากอ้า เปน็ ตน้
5. การแตง่ หน้าการแตง่ หนา้
เป็นองค์ประกอบหนึ่งที่ทำให้ผู้แสดงสวยงามและอำพรางข้อบกพร่องของใบหน้าของผู้แสดงได้
นอกจากนก้ี ็ยังสามารถใช้วธิ ีการแต่งหน้าเพอ่ื บอกวยั บอกลกั ษณะเฉพาะของตัวละครได้
8
6. เครอื่ งดนตรที ี่บรรเลงประกอบการแสดง
การแสดงนาฏศิลป์จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องใช้เครื่องดนตรีบรรเลงประกอบการแสดง ดังนั้นผู้แสดง
จะต้องรำให้สอดคลอ้ งตามเนื้อร้องและทำนองเพลงในขณะเดียวกัน ดนตรีก็เป็นองค์ประกอบหลักท่ีสำคญั ใน
การช่วยเสริมให้การแสดงสมบูรณ์ และสามารถสื่อความหมายได้ชัดเจนมากขึ้น อีกทั้งยังช่วยเสริมสร้าง
บรรยากาศในการแสดงให้สมจริงยง่ิ ข้ึนด้วย
7. อปุ กรณก์ ารแสดงละคร
การแสดงนาฏศลิ ปไ์ ทยบางชดุ ต้องมีอุปกรณป์ ระกอบการแสดงละครด้วย เชน่ ระบำพดั ระบำนกเขา
ฟ้อนเทียน ฟ้อนเล็บ ฟ้อนร่ม เป็นต้น อุปกรณ์แต่ละชนิดที่ใช้ประกอบการแสดงจะต้องสมบูรณ์ สวยงาม
และสวมใส่ได้พอดี หากเป็นอุปกรณ์ที่ต้องใช้ประกอบการแสดง เช่น ร่ม ผู้แสดงจะต้องมีทักษะในการใช้
อปุ กรณ์ไดอ้ ยา่ งคลอ่ งแคลว่ วางอยใู่ นระดบั ที่ถูกต้องสวยงาม
ดังนั้น องค์ประกอบของการแสดงรำวงมาตรฐานมี 7 ด้าน คือการฟ้อนรำหรือลีลาท่ารำ จังหวะ เน้ือ
รอ้ งและทำนองเพลง การแตง่ กาย เครือ่ งดนตรีท่บี รรเลงประกอบการแสดง อปุ กรณก์ ารแสดงละคร
ความหมายของการแขง่ ขันรำวงมาตรฐาน
การแข่งขันนาฏศิลป์ไทย ในงานศิลปหัตถกรรมนักเรียน คือ แข่งขันทางทักษะนาฏศิลป์ไทยจัดการ
แข่งขนั ครั้งแรกเม่ือปีการศึกษา 2552 โดยสำนกั พัฒนากจิ กรรมนักเรียน สงั กดั คณะกรรมการการศึกษา เป็นผู้
กำหนดเกณฑก์ ารแข่งขัน และไดแ้ บ่งกจิ กรรมการแข่งขันนาฏศิลป์ไทยออกเปน็ 3 กจิ กรรม คอื รำวงมาตรฐาน
นาฏศิลป์ไทยอนุรักษ์ และนาฏศิลป์ไทยประยุกต์ เมื่อปีการศึกษา 2553 กิจกรรมนาฏศิลป์ไทยประยุกต์ได้ถกู
ยกออกจากการแข่งขันนาฏศิลป์ไทย โดยได้บรรจุกิจกรรมนาฏศิลป์ไทยสร้างสรรค์เข้ามาแทนที่จนกระทั้งถึง
ปัจจุบัน (ปีการศึกษา 2555) การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวทำให้เกิดความขันแย้ง และเป็นปัญหาในการแข่งขัน
นาฏศิลป์ไทยสร้างสรรคส์ บื มา
ดังนั้น งานมีความมุ่งหมายเพื่อศึกษาและวิเคราะห์ให้เห็นถึงปัญหาด้านความเข้าใจในเกณฑ์การ
แข่งขันนาฏศิลป์ไทยประยุกต์กับนาฏศิลป์ไทยสร้างสรรค์ที่แตกต่างกัน ระหว่างกลุ่มผู้จัดงานกับกลุ่มผูเ้ ข้ารว่ ม
การแขง่ ขนั ต้งั แตป่ ี การศกึ ษา 2552-2554
9
บทที่ 3
วธิ ีดำเนนิ การ
วธิ ีดำเนนิ การจดั กิจกรรมสมั มนาทางวชิ าการเรือ่ ง รำวงมาตรฐานการแสดงและการแข่งขันท่ีเหมาะสม
ในสถานศึกษา ผู้ศกึ ษามีวิธดี ำเนินการ ดงั น้ี
กลุม่ ประชากร
กลุม่ ประชากร
1. นางสาวภัทรวดี ทองสม หวั หน้าผ้จู ัดทำโครงการสมั มนา
2. นางสาวปิ่นมณี ทองหัตถา ฝ่ายธุรการ
3. นางสาวอภิญญา จันโสด ฝา่ ยประชาสัมพันธ์
4. นางสาวจารุวรรณ ทองประสตู ร ฝ่ายพธิ กี ร
5. นางสาวพณั ณติ า บุษรานนท์ และนางสาวสุดารัตน์ รตั นสภุ า ฝ่ายอาคารสถานท่ีและจดั ทำอุปกรณ์
กล่มุ ตัวอย่าง
1. ดร.ชวลิต สุนทรานนท์ ผู้เชี่ยวชาญข้าราชการบำนาญ สำนักการสังคีต กรมศิลปากร
กรงุ เทพมหานคร
2. นางพีรพรรณ ถิ่นกาญจน์ ครูชำนาญการพิเศษ รองผู้อำนวยการฝ่ายวิชาการวิทยาลัย
นาฏศิลป์นครศรธี รรมราช
3. ดร.พรเทพ บุญจนั ทรเ์ พ็ชร์ ครชู ำนาญการพิเศษ รองผอู้ ำนวยการฝ่ายศิลปะและวฒั นธรรม
วทิ ยาลัยนาฏศลิ ป์พทั ลงุ
ข้นั การดำเนินงาน
การดำเนินงานการจัดโครงการสัมมนารำวงมาตรฐานการแสดงและการแข่งขันที่เหมาะสมใน
สถานศกึ ษาแบ่งงานตามหนา้ ท่ีดำเนนิ งาน ดงั ต่อไปน้ี
1. หัวหน้าโครงการสัมมนา รับผิดชอบโดย นายภัทรวดี ทองสม ผู้จัดหรือหัวหน้าคณะในการจัด
โครงการสัมมนาเป็นผู้กำหนดนโยบาย รูปแบบการจัดสัมมนา จัดสรรหน้าที่ของฝ่าย เป็นผู้ตัดสินใจในเรื่อง
สำคัญ
2. ฝ่ายธุรการ รับผิดชอบโดย นางสาวปิ่นมณี ทองหัตถา เขียนบันทึกข้อความในการสัมมนา ติดต่อ
ประสานงาน ไม่ว่าจะเปน็ ทางหนงั สอื เข้า - ออก ทุกฉบับ
3. ฝ่ายประชาสัมพันธ์ รับผิดชอบโดย นางสาวอภิญญา จันโสด ทำหน้าที่ประชาสัมพันธ์โครงการ
สมั มนา รวมถึงการทำควิ อารโ์ ค้ดเพื่อให้ผูท้ ี่เขา้ รว่ มโครงการสมั มนาสแกนเพื่อลงทะเบียนเข้ารบั การสมั มนา คิว
อารโ์ ค้ดแบบวัดประเมินความพึงพอใจ และทำเกยี รติบตั รให้กับผเู้ ข้ารว่ มสัมมนา
10
4. ฝ่ายอาคารสถานที่ รับผิดชอบโดย นางสาวพัณณิตา บุษรานนท์ และนางสาวสุดารัตน์ รัตนสุภา
ทำหน้าที่จัดเตรียมสถานที่ในการสัมมนา ตรวจเช็คระบบเสียง ทั้งในห้อง Google Meet ที่ใช้สัมมนา และ
ระบบเสียงในการไลฟ์สดทางเพจ Facebook
ขนั้ การประเมินผลการสัมมนา
ขั้นการประเมินผลการจัดโครงการสัมมนารำวงมาตรฐานการแสดงและการแข่งขันที่เหมาะสมใน
สถานศึกษา มีรายละเอียดดังต่อไปนี้
1. การจัดโครงการสัมมนารำวงมาตรฐานการแสดงและการแข่งขันที่เหมาะสมในสถานศึกษา ณ
อาคาร7 สาขานาฏศิลป์ คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครศรีธรรมราช วันที่ 26 กันยายน 2565 เวลา
12.30น.-16.00น. ผู้เข้าร่วมโครงการสมั มนารำวงมาตรฐานการแสดงและการแขง่ ขันทีเ่ หมาะสมในสถานศึกษา
เป็นนักศึกษาสาขาวชิ านาฏศิลป์ชัน้ ปีท่ี 2-3 จำนวน 37 คน และเป็นผู้ท่ีสนใจเขา้ ร่วมโครงการสัมมนา จำนวน
22 คน
2. หลังจากการสมั มนาเสรจ็ สิ้น คณะผู้จัดทำโครงการเปิดคิวอาร์โค้ดให้กับผู้เขา้ รว่ มสัมมนาได้สแกน
ทำแบบประเมินวัดความพึงพอใจของโครงการสัมมนาในครั้งนี้ เพื่อนำข้อเสนอแนะมาปรับปรุบแก้ไขในงาน
คร้ังต่อไป
ขั้นสรปุ
ผู้ศึกษาสรุปผลโครงการสัมมนา เรื่อง สัมมนารำวงมาตรฐานการแสดงและการแข่งขันที่เหมาะสมใน
สถานศึกษา โดยการสรุปเป็นเอกสารรายงานผลการจัดกิจกรรมทั้งที่เป็นเอกสารในเชิงคุณภาพ และเชิง
ปรมิ าณ
ดงั น้ี
การสรปุ เชิงคุณภาพ
การสรุปเชงิ คุณภาพ ผู้ศึกษาสรปุ รายงานผลเอกสารเป็น 5 บท ประกอบด้วยดงั นี้
1. บทท่ี 1 บทนำ ประกอบดว้ ย หลกั การและเหตผุ ลวตั ถุประสงค์ ขอบเขตการศึกษา คำสำคัญและ
ประโยชน์ทคี่ าดวา่ จะไดร้ บั
2. บทท่ี 2 ทบทวนวรรณกรรม ประกอบดว้ ย วรรณกรรมที่เกยี่ วขอ้ ง ความรู้เรื่องรำวงมาตรฐานความ
หมายของรำวงมาตรฐาน ประวตั ิความเป็นมารำวงมาตรฐาน ความสำคัญของรำวงมาตรฐานองคป์ ระกอบการ
แสดงรำวงมาตรฐาน ความหมายของการแข่งขันรำวงมาตรฐาน
3. บทที่ 3 วิธดี ำเนินการ ประกอบดว้ ย ชั้นเตรียมการ ขั้นดำเนินการ และข้ันสรปุ
4. บทที่ 4 รายงานผลการจดั โครงการสมั มนา เร่ือง สมั มนารำวงมาตรฐานการแสดงและการแขง่ ขนั ที่
เหมาะสมในสถานศึกษา ประกอบด้วยแบบประเมนิ ความพึงพอใจ
5. บทท่ี 5 สรปุ และข้อเสนอแนะ
11
การสรปุ เชิงปริมาณ
การสรุปเชิงปริมาณ ผู้ศึกษามีวิธีการดำเนินการ ผู้ศึกษาได้พัฒนารูปแบบของแบบสอบถามเพื่อวัด
ความพึงพอใจโครงการสัมมนาเรื่อง รำวงมาตรฐานการแสดงและการแข่งขันที่เหมาะสมในสถานศึกษา
แบบสอบถามในลักษณะ google form แบง่ ข้อคำถามเป็น 3 ตอน คอื
ตอนท่ี 1 เปน็ ขอ้ มูลส่วนตวั ของผูต้ อบ ประกอบด้วย เพศ อายุ สถานภาพ
ตอนท่ี 2 ระดบั ความพึงพอใจต่อโครงการสัมมนารำวงมาตรฐานการแสดงและการแข่งขันที่เหมาะสม
ในสถานศกึ ษาประกอบดว้ ย 1. หลงั เขา้ ร่วมการสัมมนาผเู้ ข้ารว่ มมีความรู้ ความเข้าใจเร่ืองรำวงมาตรฐานการ
แสดงและการแขง่ ขนั ทเ่ี หมาะสมในสถานศึกษามากน้อยเพยี งใด 2. หลงั จากการเขา้ ร่วมสัมมนาผ้เู ข้ารว่ มได้รับ
องค์ความรู้รำวงมาตรฐานการแสดงและการแข่งขันที่เหมาะสมในสถานศึกษามากน้อยเพียงใด 3. หลักจาก
เข้าร่วมสัมมนาแล้ว ผู้เข้าร่วมสัมมนาได้รับเทคนิคการแสดงรำวงมาตรฐานมากน้อยเพียงใด 4. การสัมมนา
เป็นที่น่าสนใจ ใช้ภาษาเข้าใจง่ายและชัดเจน 5. การสัมมนาเป็นที่น่าสนใจ ใช้ภาษาเข้าใจง่ายและชัดเจน 6.
การใช้เอกสาร สื่อประกอบการบรรยายและอุปกรณ์ในการอบรมสัมมนาเหมาะสม มากน้อยเพียงใด 7.
ความรู้ที่ได้รับสามารถนําไปใช้ให้เกิดประโยชน์ในการปฏิบัติงานได้ 8. เนื้อหาสาระที่ได้รับตรงกับความ
ต้องการและความสนใจของท่าน 9. หัวข้อสัมมนากับระยะเวลาในการสัมมนามีความเหมาะสมมากน้อย
เพยี งใด 10. เน้ือหาของการสัมมนาเหมาะสมกบั สถานการณก์ ารทํางานในปัจจุบนั มากน้อยเพยี งใด
ตอนที่ 3 เปน็ ขอ้ เสนอแนะอ่นื ผูศ้ กึ ษาได้นำแบบสอบถามเพื่อวัดความพึงพอใจดังกล่าวไปทดลองเก็บ
ข้อมลู จากผูเ้ ขา้ รับการสมั มนาทีไ่ ม่ใช่กลมุ่ ตวั อย่างเพื่อตรวจสอบปญั หาความไม่เข้าใจในข้อคำถามหากมีปัญหา
จะได้ตรวจสอบและแก้ไขเพื่อปรับแต่งข้อมูลให้แบบสอบถามดังกล่าวสมบูรณ์ถูกต้อง จากนั้นจึงได้นำ
แบบสอบถามไปเก็บข้อมูลจากแหล่งเก็บข้อมูลจริงจากผู้เข้ารับการสัมมนา ในวันที่ 26 กันยายน พุทธศักราช
2565 โดยมีผู้เข้ารับการอบรม จำนวน 60 คน จากนั้นนำได้นำแบบสอบถาม แบบสอบถามที่เก็บได้ทั้งหมด
ป้อนข้อมูลแบบสอบถามลงโปรแกรมสำเร็จรูป SPSS FOR WINDOWS เพื่อหาค่าร้อยละของสถานภาพ คือ
คา่ ร้อยละของประเด็นการประเมนิ ความพงึ พอใจ ดังน้ี
1. กลุม่ เปา้ หมายหรอื ผู้เขา้ ร่วมโครงการ
กลุ่มเป้าหมาย/ผู้เข้าร่วมโครงการ นักศึกษาสาขานาฏศิลป์ คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลยั
ราชภัฏนครศรีธรรมราช และผ้สู นใจเขา้ ร่วมการสัมมนา
2. ระยะเวลาการดำเนินโครงการ
ระยะเวลาการดำเนินโครงการ วันที่ 26 กันยายน พทุ ธศกั ราช 2565
3. สถานท่ีดำเนนิ โครงการ
จัดการสัมมนาในรูปแบบออนไลน์ ณ ห้อง 711 อาคาร 7 มหาวิทยาลัยราชภัฏ
นครศรธี รรมราช อำเภอเมือง ตำบลท่างว้ิ จงั หวดั นครศรีธรรมราช
4. ข้นั ตอนการประเมนิ โครงการ
4.1 สรปุ การผลการดำเนินโครงการ/แบบประเมนิ โครงการ
4.2 รปู ถา่ ยโครงการ
12
5. เคร่ืองมอื ที่ใช้ในการศึกษา
เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษา โครงการเรื่อง รำวงมาตรฐานการแสดงและการแข่งขันท่ี
เหมาะสมในสถานศึกษา
ส่วนท่ี 1 ขอ้ มูลทวั่ ไปของผูต้ อบแบบสอบถาม
1.1 เพศ
1.2 อายุ
1.3 สถานภาพ
ส่วนท่ี 2 ความคดิ เหน็ ของผเู้ ขา้ ร่วมโครงการสัมมนา
2.1 ด้านเน้อื หาสาระและการนำไปใชป้ ระโยชน์
ส่วนที่ 3 ข้อเสนอแนะเพิม่ เติม
3.1 ขอ้ เสนอแนะอนื่ ๆ
การแปลความหมายของระดับคะแนนในตอนที่ 2 ได้แปลผลระดับความพึงพอใจของ
ผู้เข้าร่วมโครงการ โดยใช้ค่าเฉลี่ยของผลคะแนนเป็นตวั ช้ีวัดตามเกณฑ์ในการวิเคราะหร์ ะดบั ความพงึ
พอใจ วดั เป็น 5 ระดบั ดังนี้
คา่ เฉลี่ย ความหมาย
5 ระดับความพงึ พอใจ มากท่สี ุด
4 ระดบั ความพึงพอใจ มาก
3 ระดับความพึงพอใจ ป่านกลาง
2 ระดับความพึงพอใจ นอ้ ย
1 ระดบั ความพึงพอใจ น้อยท่สี ุด
6. วิธีการเก็บรวบรวมขอ้ มูล
6.1 เก็บข้อมูลจากแบบประเมินโครงการสัมมนาเรื่อง รำวงมาตรฐานการแสดงและ
การแขง่ ขันทีเ่ หมาะสมในสถานศกึ ษา
6.2 นำข้อมูลมาวเิ คราะหใ์ นโปรแกรม SPSS for Window version 16.0
7. วิธีการวิเคราะหข์ อ้ มูล
วเิ คราะหข์ อ้ มลู โดยใช้สถิตพิ ้ืนฐาน มีดงั นี้
7.1 การแจกแจงความถี่ของข้อมูล (Frequency Distribution)
7.2 การหาค่าเฉลีย่ (Mean)
7.3 การหาค่าความเบยี่ งเบนมาตรฐาน (Standard Deviation)
7.4 การหาคา่ รอ้ ยละ (Percentage)
8. ข้ันตอนการดำเนินการ
8.1 ขน้ั เตรียมงาน
8.1.1 ประชุมเตรียมงานภายในกลมุ่ งานการประชมุ เพ่อื พจิ ารณาโครงการฯ
13
8.1.2 ตดิ ต่อประสานงานในสว่ นทเ่ี ก่ยี วข้อง
8.1.3 รา่ งโครงการฯเพอ่ื เสนอ
8.1.4 จดั เตรยี มเอกสาร ขอ้ มลู ที่เกีย่ วขอ้ ง
8.1.5 ประสานผูท้ มี่ ีส่วนเกีย่ วขอ้ งในโครงการ
8.2 การดำเนนิ งานในวันจดั โครงการ
8.2.1 นางสาวภัทรวดี ทองสม หัวหน้าโครงการสัมมนา กล่าวต้อนรับวิทยากรและ
ผู้เขา้ รว่ ม
8.2.2 ดร.ชวลติ สุนทรานนท์ วิทยากรบรรยาย
8.2.3 นางพรี พรรณ ถิ่นกาญจน์ วิทยากรบรรยาย
8.2.4 ดร.พรเทพ บญุ จนั ทร์เพ็ชร์ วิทยากรบรรยาย
8.2.5 วิทยากรและผเู้ ขา้ รวมสมั มนา รว่ มกันอภปิ ราย
8.3 การดำเนินการหลังการจดั สัมมนา
8.3.1 นำแบบประเมินความพึงพอใจมาวิเคราะห์และสรุปรายงานผลการดำเนิน
โครงการ
8.3.2 รายงานผลการดำเนนิ งาน
14
บทท4่ี
ผลการวเิ คราะหข์ อ้ มูล
บทความน้เี ป็นการนำเสนอของ “รำวงมาตรฐานการแสดงและการแข่งขนั ท่ีเหมาะสมในสถานศึกษา”
กล่าวถึง รำวงมาตรฐานเป็นศิลปะการแสดงทางวัฒนธรรมไทย ที่มุ่งเน้นให้คนไทยมีความรักชาติ เดิมเป็นการ
รำและร้องของชาวบ้าน ซึ่งจะมีผู้รำทั้งชาย และหญิง รำกันเป็นคู่ ๆ รอบ ครกตำข้าวที่วางคว่ำไว้ หรือไม่ก็รำ
กันเป็นวงกลม โดยมีโทนเป็นเครื่องดนตรีประกอบจังหวะ ลักษณะการรำ และร้องเป็นไปตามความถนัด ไม่มี
แบบแผนกำหนดไว้ เป็นการรำและร้องง่าย ๆ มุ่งเน้นที่ความสนุกสนานรื่นเริงเป็นสำคัญ ต่อมาเมื่อ ปีพ.ศ.
2487 หลังการเปลี่ยนแปลง สงครามโลกครั้งที่ 2 ในสมัยจอมพล ป. พิบูลสงคราม เป็นนายกรัฐมนตรี รัฐบาล
ตระหนักถึงความสำคัญของการละเล่นรื่นเริงประจำชาติ โดยมีนัยสำคัญที่จะให้กรมศิลปากรพัฒนารูปแบบ
ของการแสดงพื้นบา้ นขึ้น รำวงมาตรฐานมีบทบาทท่ีสำคัญหลายด้านไมว่ ่าจะเป็นบทบาทด้านเครื่องมือส่ือสาร
อำนาจทางวัฒนธรรมไทย บทบาทของรำวงมาตรฐานในฐานะนาฏกรรมการปกครอง บทบาทของรำวง
มาตรฐานส่งเสริมทักษะทางกายและจิตใจ และบทบาทของรำวงมาตรฐานในฐานะสื่อการเรียนการสอน
ปัจจบุ นั รำวงมาตรฐานไดบ้ รรจุในหลกั สูตรการเรียนการสอนสำหรับใช้ใน นอกจากจะเปน็ สื่อการเรียนการสอน
แล้วรำวงมาตรฐานยังมีการประกวดแข่งขันเพื่อแสดงผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษาของนักเรียน ถึงในแต่ละ
องค์ประกอบของรำวงมาตรฐานนั้นจะสื่อถึงความงามของความเป็นวัฒนธรรมไทยการเมืองการปกครอง
มงุ่ เนน้ การรกั ชาติไทย และความเปน็ อยู่ของชาตไิ ทยต้งั แตอ่ ดีตจนปจั จุบัน
คำสำคัญ : รำวงมาตรฐาน / รปู แบบการแสดงรำวงมาตรฐาน / หลักสูตรแกนกลางในสถานศกึ ษา / การ
แขง่ ขนั รำวงมาตรฐาน
ความเป็นมาและความสำคญั ของปญั หา
รำวงมาตรฐานเป็นศลิ ปะการแสดงทางวัฒนธรรมไทย ที่มุ่งเน้นใหค้ นไทยมีความรกั ชาติ เดิมเป็นการรำ
และร้องของชาวบ้าน ซึ่งจะมีผู้รำทัง้ ชาย และหญิง รำกันเป็นคู่ ๆ รอบ ครกตำข้าวที่วางคว่ำไว้ หรือไม่ก็รำกัน
เปน็ วงกลม โดยมีโทนเป็นเครื่องดนตรปี ระกอบจงั หวะ ลักษณะการรำ และรอ้ งเป็นไปตามความถนัด ไม่มีแบบ
แผนกำหนดไว้ เป็นการรำและร้องง่าย ๆ มุ่งเน้นที่ความสนุกสนานรื่นเริงเป็นสำคัญ ต่อมาเมื่อ ปีพ.ศ. 2487
หลังการเปลี่ยนแปลง สงครามโลกครั้งที่ 2 ในสมัยจอมพล ป. พิบูลสงคราม เป็นนายกรัฐมนตรี รัฐบาล
ตระหนักถึงความสำคัญของการละเล่นรื่นเริงประจำชาติ โดยมีนัยสำคัญที่จะให้กรมศิลปากรพัฒนารูปแบบ
ของการแสดงพื้นบ้านขึ้นจึง ได้พัฒนาเพลงรำวงมาตรฐานขึ้นมา 10 เพลง ประกอบด้วย 14 ท่ารำ โดยจม่ืน
มานิตย์นเรศ แต่งเนื้อร้องขึ้นมา 4 เพลงและ ท่านผู้หญิงละเอียด พิบูลสงคราม แต่งเนื้อร้องขึ้นมา 6 เพลง
เพลงรำวงมาตรฐานสอ่ื ใหเ้ ห็นคุณภาพของคนไทยที่มศี ักยภาพ มุ่งเน้นให้ถงึ ความรักชาติ มีความสนุกสนาน รื่น
เรงิ ปจั จุบันรำวงมาตรฐานไดบ้ รรจุในหลักสูตรการเรียนการสอนสำหรับใช้ในสถานศึกษา(กาญจนา อินทรสุนา
นนท์, 2546:1)
15
การศึกษาของไทยให้ความสำคัญกับรำวงมาตรฐานในฐานะสื่อวัฒนธรรมของชาติปรากฏในหลักสูตร
แกนกลางการศึกษาขั้นพืน้ ฐานพุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560) ที่มุ่งพัฒนาการจัดการศึกษาขน้ั
พื้นฐานให้ผู้เรียนเป็นคนดี มีวินัย ภูมิใจในชาติ และมีความรับผิดชอบต่อครอบครัว ชุมชน สังคม และ
ประเทศชาติ โดยเฉพาะในมาตรฐานของการเรียนการสอนนาฏศิลป์ สาระที่ 3 มาตรฐาน 3.1 เข้าใจและ
แสดงออกทางนาฏศิลป์อย่างสร้างสรรค์ วเิ คราะห์ วิพากษว์ จิ ารณ์คณุ ค่านาฏศลิ ป์ ถ่ายทอดความร้สู ึก ความคิด
อย่างอิสระ ชื่นชมและประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน รำวงมาตรฐานปรากฏในการเรียนการสอนอยู่ในระดับช้นั
ป.4-6 และ ม.1-3 (เกษศริ ินทร์ แพงวเิ ศษ และคณะ, 2562)
การจัดกิจกรรมการเรียนการสอนรำวงมาตรฐานในสถานศึกษาดังกล่าว เมื่อวิเคราะห์พบว่าให้
ความสำคัญใน 2 ลักษณะ คือใช้เป็นกิจกรรมการเรียนการสอนในทุกช่วงชั้นที่เป็นการศึกษาภาคบังคับ ตาม
ตัวชี้วัดที่มุ่งเน้นให้นักเรียนเข้าใจวัฒนธรรมของชาติ มีทักษะปฏิบัติการแสดงรำวงสำหรั บนำไปพัฒนา
บุคลิกภาพความเป็นคนไทยในเยาวชน อีกทั้งได้มีกิจกรรมการเคลื่อนไหวเพื่อสร้างพัฒนาการที่ดีให้เกิดแก่
ร่างกาย ส่วนอีกลักษณะนั้นเป็นกิจกรรมการแข่งขันทักษะการแข่งขันศิลปหัตถกรรมของนักเรียนซึ่งมีการจัด
แขง่ ขัน โดยมวี ตั ถปุ ระสงคเ์ พ่ือเป็นเวทีให้นกั เรียนไดร้ ับการพัฒนาตนเองดา้ นศิลปะ ดนตรี วชิ าการ งานอาชีพ
ผา่ นกิจกรรมตามโครงการประกวดแข่งขันศิลปหัตถกรรมนักเรยี น
บทความนี้มุ่งนำเสนอรายละเอียดของรำวงมาตรฐานการแสดงและการแข่งขันที่เหมาะสมใน
สถานศึกษาเพื่อตรวจสอบองค์ความรู้ประวัติความเป็นมาและองค์ประกอบ ความงามของรำวงมาตรฐาน
สำหรบั ใช้เปน็ องค์ความรู้พฒั นาการเรียนการสอนและการแขง่ ขนั ทักษะทางวชิ าการ คาดการณเ์ ปน็ เบื้องต้นว่า
จะได้เป็นเอกสารสำคัญที่จะชี้แนะแนวทางในเรื่องของการศึกษาโดยเฉพาะอย่างยิ่งในการเรียนการสอนรำวง
มาตรฐานในสถานศึกษาของเด็กทุกระดับชั้นและได้เป็นแนวทางในการพั ฒนาต่อยอดในการแข่ง ขัน
ศิลปหตั ถกรรมแกผ่ สู้ นใจในโอกาสตอ่ ไปจึงไดเ้ รียบเรยี งบทความในคร้ังนีข้ ึ้น
รำวงมาตรฐาน
รำวงมาตรฐานศิลปะการแสดงแบบปรับปรุงของไทยทีม่ ีพัฒนาการมาจากการรำวงพ้ืนบ้านของไทย
ที่เรียกว่า “รำโทน” ปีพ.ศ.2487 สมัยจอมพล ป.พิบูลสงคราม เป็นนายกรัฐมนตรี รัฐบาลตระหนักถึง
การละเล่นรื่นเริง ประจำชาติ และเห็นว่าคนไทยนิยมเล่นรำโทนกันอย่าง แพร่หลาย จึงได้มอบหมายให้กรม
ศิลปากรปรับปรุงรำโทน ขึ้นใหม่ให้เป็นมาตรฐาน เมื่อปรับปรุงแบบแผนการเล่นเป็น รำวงมาตรฐาน มีความ
งดงามมากยิ่งข้ึน ทั้งทางด้านเนื้อร้อง ทำนองเพลง และนำท่ารำจากแมบ่ ทกำหนดเป็นท่ารำเฉพาะแตล่ ะเพลง
สาระสำคัญที่จะให้รายละเอียดประกอบด้วย องค์ประกอบของการแสดงรำวงมาตรฐาน ความงามของรำวง
มาตรฐานในฐานะการแสดงของไทย ดงั นี้
องคป์ ระกอบของการแสดงรำวงมาตรฐาน
ประวตั คิ วามเปน็ มาของรำวงมาตรฐาน นกั วชิ าการกลา่ วไวพ้ อรวบรวมได้ ดงั น้ี
ประวตั ิของรำวงมาตรฐาน
16
รำวงเป็นการละเล่นอย่างหนึ่งของชาวบ้านที่เล่นกันเพื่อความสนุกสนานและความสามัคคีกัน มี
ปรากฏในระหว่าง พ.ศ.2486-2488 การแสดงนแี้ ตเ่ ดิมเรียกว่า “รำโทน” ศิลปะทีเ่ กิดมาจากพ้ืนบ้านทางภาค
กลางนิยมเล่นเวลามีงานรื่นเริง เครื่องดนตรีใช้ประกอบการรำคือ โทน โดยมี ฉิ่ง และกรับ ตีเป็นเครื่อง
ประกอบจังหวะ ต่อมาการศิลปะแขนงนี้ได้แพร่หลายไปตามจังหวัดต่างๆ จนมีผู้แต่งบทร้องและทำนองเพลง
ขึ้นอีกมากมาย บทร้องส่วนใหญ่เป็นบทเชิญชวน หยอกเย้า ชมโฉม และรำพันรัก ถ้อยคำตรงไปตรงมาเข้าใจ
งา่ ย ตามลักษณะพืน้ เมือง (รตั นา มณสี นิ . 2535 : 105)
ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 พ.ศ. 2484-2488 คนในกรุงเทพฯ นิยมเล่นรำโทนกันทั่วไป รัฐบาล
เห็นสมควรเชิดชูศิลปะการเล่นพื้นเมืองแบบนี้ให้เป็นระเบียบแบบแผนอันดีงามตามแบบนาฎศิลป์ไทย จึงได้
มอบให้กรมศิลปากรปรบั ปรงุ การเล่นรำโทนขึ้นใหมโ่ ดยได้แต่งบทร้องขึ้นจำนวน 10 เพลง ทงั้ นน้ี าฎศิลป์อาวุโส
ของกรมศิลปากรคือ จมื่นมานิตย์นเรศ และนางลมุล ยมะคุปต์ ได้ร่วมกันคิดท่ารำ โดยนำท่ารำมาจาก
“แม่บท” มาเป็นแบบท่ารำ และได้เปลี่ยนชื่อการเล่น “รำโทน” เป็น “รำวง” และได้เพิ่มดนตรีประกอบซึ่ง
อาจเป็น วงปี่พาทย์ หรือวงดนตรีสากลก็ได้ แต่ยังคงมี โทน กรับ และฉิ่ง ศิลปะการเล่นรำวงมาตรฐานมี
พฒั นาการที่ดสี ืบทอดมาจนทกุ วันนี้
องคป์ ระกอบของการแสดงรำวงมาตรฐาน
องค์ประกอบของการแสดงรำวงมาตรฐาน ที่จะกล่าวต่อไปนี้เป็นการอธิบายความของสิ่งที่เกี่ยวข้อง
กับการแสดงรำวงมาตรฐาน ที่มีคุณภาพโดยการพัฒนามาจากการเล่นรำโทนของประชาชนในภาคกลาง โดย
กรมศิลปากรได้นำมาพัฒนาเนื้อเพลง ใส่ท่วงทำนองเพลง และท่ารำ โดยบรมครูผู้เชี่ยวชาญทางนาฏศิลป์ไทย
เพื่ออนุรักษ์สืบสานความเป็นไทยที่งดงามให้คงอยู่รูปแบบการแสดงรำวงมาตรฐานมีองค์ประกอบของชุดการ
แสดงท่ลี งตัวงดงามสามารถแยกประเดน็ การศึกษาได้ คือ ผู้แสดง วงดนตรี เพลงรอ้ ง และลักษณะการแต่งกาย
โอกาสที่ใช้แสดง อนั จะไดอ้ ธิบายในรายละเอียดต่อไปนี้
1. ผู้แสดง
การแสดงรำวงมาตรฐานเป็นการรำคู่ระหว่างผู้หญิงและผู้ชาย แต่ส่วนใหญ่จะใช้หลาย ๆ คู่มารำ
ประกอบเป็นวงรำตามกันไปด้วยความเป็นระเบียบเรียบร้อยสวยงาม มีระยะห่างระหว่างคู่ที่ใกล้เคียงกัน
พน้ื ฐานทางการแสดง ดังนั้น เพื่อใหเ้ ข้าใจสำหรับวิธีเฟ้นหาผ้แู สดงรำวงมาตรฐานที่สวยงามใคร่ยกอ้างลักษณะ
การคัดเลือกตัวพระตวั นางสำหรับการแสดงรำไทยโดยทวั่ ไป ดงั น้ี
1.1 การคัดเลอื กตวั พระ มีวธิ กี ารตามรายละเอียดของการคัดเลอื กตอ่ ไปนี้
1.1.1 ตอ้ งเป็นคนท่ีมใี บหน้ารปู ไข่ หมายถึง มใี บหนา้ ยาวคิ้วดกพอสมควร จมูกโด่ง นยั นต์ า
ไมพ่ กิ าร ปากเป็นรปู กระจับ หไู มพ่ กิ ารและมีริมฝปี ากบางพอประมาณ
1.1.2 ลำคอ หมายถึง ต้องมีช่วงคอที่ยาวพอสมควร หัวไหล่จะต้องนิ่งไม่เป็นคนไหล่ยกและ
หลงั ไม่โกง่ อกไมแ่ อ่นจนเกนิ ไป ลำตวั กลมพอสมควร
1.1.3 แขน หมายถงึ จะตอ้ งไม่แขนส้นั หรอื ยาวเกินไป และไม่พิการ เชน่ แขนคอก หรือลีบ
และงอไม่ได้ มีสว่ นสดั ท่รี ับลำตวั และขาทั้งสอง ดูนว้ิ มือท้ัง 5 น้วิ จะตอ้ งไมห่ งกิ งอหรือพิการแตป่ ระการใด
17
1.1.4 ขา หมายถึง ขาท้ังสองขา้ งไม่คดหรือไมโ่ ก่งและเกหรือพิการแต่อย่างไร ขาทงั้ 2 จะต้อง
มีความยาวเท่ากันคือไม่สั้นข้างยาวข้างจึงจะใช้ได้รูปร่างจะต้องเป็นคนสูงโปร่งคือไม่สูงเกินไปและไม่เต้ีย
จนเกินไป โดยเฉพาะตวั พระจะต้องมรี ูปร่างสงู กว่านางจึงจะใช้ได้
1.2 การคัดเลือกตวั นาง มวี ิธกี ารตามรายละเอยี ดตอ่ ไปน้ี
1.2.1 ใบหน้า หมายถึง จะตอ้ งเปน็ คนมีใบหนา้ ยาวหรือกลมก็ได้ คิว้ ดกประมาณ จมูกโด่ง
นยั น์ตาไมพ่ กิ ารปากเป็นรปู กระจับ หูสมบูรณ์ไมเ่ ลก็ ไม่ใหญ่จนเกนิ ไป มีริมฝปี ากบางพอประมาณคางไมป่ ้าน
1.2.2 ลำคอ หมายถึง จะต้องมชี ว่ งคอท่ยี าวพอสมควรหวั ไหล่จะต้องผึง่ ไม่เป็นคนไหล่ยก ไม่
เปน็ ไหล่งุ้ม และหลังจะต้องไม่โก่ง อกไมแ่ อ่นจนเกนิ ไป ลำตัวกลมหรอื แบนก็ใชไ้ ด้
1.2.3 แขน หมายถึง แขนไม่สั้นและยาวจนเกินไปไม่เป็นคนแขนพิการ เช่น แขนคอกหรือ
แขนลีบ เวลาจับงอแขนดูยืดเข้าออกได้มีส่วนสัดที่รับกับลำตัวและขาทั้งสองและดูน้ิวมือทั้ง 5 นิ้ว ไม่หงิกงอ
หรอื พิการแตอ่ ย่างไร
1.2.4 ขา หมายถึง ขาทั้งสองต้องไม่คดหรือโก่ง และเกพิการแต่อย่างใด ดูนิ้วเท้าทั้ง 5 นิ้ว
จะต้องไม่บดิ เบ้ยี วเกหงกิ งอ
1.2.5 ส่วนสัด หมายถึง ส่วนสดั ของตวั นางจะต้องเป็นคนรูปร่างโปร่ง และต้องตำ่ กว่าตัวพระ
รปู ร่างสนั ทดั ผวิ เน้อื ไม่จำกัดว่าจะผิวดำหรอื ขาว แตถ่ า้ ผิวขาวหน่อยก็จะดี
2. วงดนตรี
วงดนตรีที่ใช้ประกอบการละเล่นรำวงมาตรฐาน แต่เดิมใช้โทน ซึ่งเป็นเครื่องดนตรีพื้นบ้าน มี
เครื่องดนตรีประกอบจังหวะ คือ ฉิ่ง กรับ ฉาบ และโทน ต่อมามีการพัฒนารูปแบบการแสดงเป็นรำวง
มาตรฐานรปู แบบของวงดนตรีเรมิ่ มีการพัฒนารูปแบบขน้ึ ทัง้ นส้ี ามารถใชว้ งปี่พาทย์ และวงดนตรสี ากล ดงั นี้
2.1 วงปี่พาทย์ หมายถึง วงดนตรีไทยประเภทหนึ่งซึ่งประกอบด้วยเครื่องเป่า คือ ปี่ ผสมกับ
เครื่องตี ได้แก่ระนาดและฆ้องวงชนิดต่างๆ เป็นหลัก และยังมีเครื่องกำกับจังหวะ เช่น ฉิ่ง ฉาบ กรับ โหม่ง
ตะโพน กลองทัด กลองแขก และกลองสองหน้า ปพี่ าทย์น้บี างสมัยเรียกวา่ "พิณพาทย์"
2.2 วงดนตรีสากล ใช้วงดนตรีขนาดเล็ก ที่เรียกว่า วงคอมโบ (Combo) เครื่องดนตรีที่ใช้ คือ
เครื่องเป่าต่าง ๆ 1-2 คนเครื่องประกอบจังหวะทั้งหลาย เช่น กลองชุด กีตาร์ เบส เปียโน หรือออร์แกน
เครื่องตีกระทบประกอบจังหวะ เครื่องดนตรีอื่น ๆ ก็สามารถนำมาประสมวงเพิ่มเติมได้ตามความต้องการ
จุดมุ่งหมายของการบรรเลงด้วยวงคอมโบ คือ บรรเลงประกอบการขับร้อง บรรเลงเพื่อการฟัง บรรเลง
ประกอบการเต้นรำ และบรรเลงเพ่ือประกอบการแสดงตา่ ง ๆ
3. เพลงรอ้ ง
เพลงร้องของรำวงมาตรฐานมีทั้งหมด 10 เพลงได้แก่ เพลงงามแสงเดือน เพลงชาวไทย เพลงรำ
มาซิมารำ เพลงคืนเดือนหงาย เพลงดวงจันทร์วันเพ็ญ เพลงดอกไม้ของชาติ เพลงหญิงไทยใจงาม เพลง ดวง
จนั ทรข์ วญั ฟ้า เพลงยอดชายใจหาญ และเพลงบูชานกั รบ
4. การแต่งกาย
18
การแต่งกายของรำวงมาตรฐานมีวิวัฒนาการการแต่งกายมาตามลำดับ ที่สามารถรวบรวมเพื่อใช้
เปน็ แนวทางการศกึ ษามดี ังน้ี
4.1 แตง่ แบบพน้ื บา้ น หมายถงึ น่งุ โจงกระเบนผ้าพนื้ สวมเสอื้ คอกลม แขนพอดีศอก ผ้าขาวม้า
คาดเอว หญงิ นงุ่ ผ้าซิ่นมีเชงิ กลอมเท้า สวมเส้อื แขนกระบอก หม่ สไบเฉียง หรอื ชายนงุ่ โจงกระเบนผ้ามว่ ง
4.2 แต่งกายแบบรัชกาลที่ 5 หมายถึง การแต่งกายแบบสมัยนิยมสมัยรัชกาลที่ 5 โดยผู้ชาย
สวมเส้ือราชปะแตน นงุ่ ผ้าโจงกระเบนสีมว่ ง สวมถงุ เทา้ ยาวคลุมเข่า ใสร่ องเทา้ หนงั สว่ นผหู้ ญงิ สวมเสื้อลูกไม้
แขนพองฟู ห่มผ้าสไบเฉียงไหล่ นุ่งผ้าโจงกระเบน สวมถุงน่องและรองเท้าคัชชู ตกแต่งด้วยเครือ่ งประดับด้วย
สรอ้ ยคอ ตา่ งหู มีสร้อยมกุ คาดทบั ผมอย่างสวยงาม
4.3 แต่งแบบไทยเรือนต้น หมายถึง การแต่งกายของผู้หญิงในสมัยนิยมที่ผู้หญิงแต่งชุดไทย
เรือนต้น คือสวมเสื้อแขนกระบอกคอกลม นุ่งผ้าซิ่นทับชาย สวมใส่เครื่องประดับด้วยสร้อยคอต่างหู สวม
รองเทา้ คัชชู ส่วนผู้ชายสวมใสเ่ สื้อราชปะแตน นงุ่ กางเกงขายาว ใสร่ องเทา้ หนงั
4.4 แต่งแบบไทยสากลนิยม หมายถึง การแตง่ กายในสมัยนิยมที่ผชู้ ายแตง่ ชุดสูท(สวมใส่เส้ือเช้ิต
และสวมชดุ สูทสากลทบั นอกผกู เนคไท ผูห้ ญิงแต่งแบบชุดไทยประยุกต์)
ความงามของรำวงมาตรฐาน
ความงามรำวงมาตรฐานนั้นแบ่งได้ตามองค์ประกอบรำวงมาตรฐาน ประกอบด้วย ความงามของผู้
แสดง ความงามของเพลง ความงามของทา่ รำ และความงามด้านเคร่อื งแต่งกาย ดังน้ี
1. ความงามของผู้แสดงรำวงมาตรฐาน การแสดงรำวงมาตรฐานเป็นการรำคู่ระหว่างชายจริงหญิง
แทท้ ่ีมรี ปู รา่ งสมส่วนระหว่างชายและหญิง
2. ความงามของเพลงรำวงมาตรฐาน เพลงรำวงมาตรฐานสื่อถึงความเปน็ อยขู่ องชาว
ไทยในด้านตา่ ง ๆ จะเห็นไดจ้ ากการส่อื ความหมายของเนือ้ เพลงรำวงมาตรฐาน ดังนี้
2.1 เพลงงามแสงเดือน ให้ความหมายที่สื่อถึงยามที่แสงจันทร์ส่องมายังโลกทำให้โลกนี้ ดู
สวยงาม ผู้คนที่มาเล่นรำวงยามที่แสงจันทร์ส่องก็มีความงดงามด้วย การรำวงนี้เพื่อให้มีความสนุกสนาน มี
ความสามัคคกี นั และละท้ิงความทุกขใ์ หห้ มดส้นิ ไป
2.2 เพลงชาวไทย ให้ความหมายของหน้าทีท่ ี่ชาวไทยพึงมีต่อประเทศชาติ เป็นสิ่งที่ทุกคนควร
กระทำ อย่าได้ละเลยไปเสีย และในการที่เราได้มาเล่นรำวงกันอย่างสนุกสนานปราศจากทุกข์โศกทั้งปวงนี้ก็
เพราะว่าประเทศไทยเรามีเอกราช ประชาชนมีเสรีในการคิดจะทำสิ่งใด ๆ ดังนั้นเราจึงควรช่วยกันเชิดชูชาติ
ไทยให้เจริญรุ่งเรืองต่อไป เพือ่ ความสุขยงิ่ ๆ ขึน้ ของไทยเรา
2.3 เพลงรำมาซิมารำ ให้ความหมายทส่ี ่ือถึงการรำวงกันในยามว่างเพื่อคลายทุกข์ ถึงเวลางาน
เราก็จะทำงานกันอย่างตั้งใจ และการรำก็จะรำอย่างมีระเบียบแบบแผนตามวัฒนธรรมไทยของเราแล้วจะดู
งดงามย่ิง
2.4 เพลงคืนเดือนหงาย ให้ความหมายสื่อถึงเวลากลางคืน เป็นคืนเดือนหงาย มีลมพัดมาเย็น
สบายใจ แต่ก็ยังไม่สบายใจเท่ากบั การทไ่ี ด้ผกู มิตรกบั ผอู้ ื่น และทร่ี ่มเยน็ ไปทวั่ ทกุ แห่ง
19
2.5 เพลงดวงจันทร์วันเพญ็ ให้ความหมายของพระจนั ทร์เต็มดวงที่ลอยอยู่บนท้องฟ้าดูสวยงาม
เพราะเปน็ พระจนั ทร์ทรงกลด คอื มแี สงเล่อื มกระจายออกรอบดวงจันทร์ทงั้ ดวง แต่ถงึ จะงามอย่างไรก็ยังไม่เท่า
ความงามของดวงหน้าหญิงสาว ที่ดูผุดผ่องมีน้ำมีนวล อีกทั้งรูปร่างก็ดูสมส่วน กิริยาวาจาก็อ่อนหวานไพเราะ
สมแล้วกับที่เปรยี บว่าหญิงไทยน้ีคือดอกไม้
2.6 เพลงดอกไม้ของชาติ ให้ความหมายถึงผู้หญิงไทยเปรียบเสมือนดอกไม้อันเป็นเอกลักษณ์
ของประเทศไทย การร่ายรำด้วยการแสดงออกอย่างอ่อนช้อย งดงามตามรูปแบบความเป็นไทยแสดงให้เห็นถึง
ความเจริญทางด้านวัฒนธรรมของคนไทย
2.7 เพลงหญิงไทยใจงาม ให้ความหมายสื่อถงึ ดวงจนั ทร์ทีส่ อ่ งแสงอยูบ่ นทอ้ งฟ้ามีความงดงาม
มาก เปรียบเหมอื นกับดวงหน้าของหญงิ สาวที่มีความงดงามอยู่แลว้ ถ้ามคี ณุ ความดีด้วย กจ็ ะทำให้หญิงนั้นงาม
เป็นเลิศ
2.8 เพลงดวงจนั ทร์ขวญั ฟ้า ให้ความหมายสื่อถึงในเวลาค่ำคนื ท้องฟ้ามีดวงจันทรป์ ระจำอยู่ ใน
ใจของชายกม็ หี ญิงอันเปน็ สดุ ทร่ี ักประจำอยู่
2.9 เพลงยอดชายใจหาญ ให้ความหมายสื่อถึงการขอผูกมิตรไมตรีกับชายผู้กล้าหาญ และจะ
ขอมีส่วนในการทำประโยชน์ทำหน้าที่ของชาวไทย แม้จะลำบากยากแค้น ก็จะขอช่วยเหลือจนเต็ม
ความสามารถ
2.10 เพลงบูชานักรบ สื่อถึงผู้หญิงกล่าวชมชายชาตินักรบที่มีความมานะอดทน แม้ว่าจะ
ยากเย็นแสนเขญ็ และยงั มีความรักในชาติบ้านเมืองยง่ิ กว่าชีวิต ยอมสละไดแ้ ม้ชวี ิตและเลือดเน้ือเพื่อให้ชาติไทย
คงอยู่คโู่ ลกต่อไป
3. ความงามของท่ารำรำวงมาตรฐาน ท่ารำเพลงรำวงมาตรฐานมที ั้งหมด 14 ทา่ รำ ความงามของการ
รำ อยูท่ ก่ี ระบวนท่ารำทมี่ ลี ักษณะเฉพาะในแตล่ ะเพลง
4. ความงามของเครื่องแต่งกาย เครื่องแต่งกายรำวงมาตรฐานมีการกำหนดการแต่งกายของผู้แสดง
ให้มีระเบียบเป็นแบบแผน จะมี 4 รูปแบบด้วยกัน ประกอบด้วย แบบชาวบ้าน แบบรัชกาลที่ 5 แบบสากล
นิยม แบบราตรีสโมสร ความงามของเคร่ืองแตง่ กายรำวงมาตรฐานนั้นจะดูไดจ้ ากสีของเครื่องแต่กายเป็นไปใน
โทนสเี ดยี วกนั ทำให้เกิดความเหมาะสมสวยงาม
บทบาทของรำวงมาตรฐานในสังคม
บทบาทของรำวงมาตรฐานในสังคม มีรายละเอยี ดคอื บทบาทในฐานะเป็นเครื่องมือสือ่ สารอำนาจทาง
วัฒนธรรมไทย บทบาทของรำวงมาตรฐานในฐานะนาฏกรรมการปกครอง บทบาทของรำวงมาตรฐานเพ่ือ
สง่ เสรมิ ทักษะทางกายและจติ ใจ บทบาทของรำวงมาตรฐานในฐานะสอ่ื การเรียนการสอน ดงั นี้
20
1. บทบาทเป็นเครื่องมือสือ่ สารอำนาจทางวฒั นธรรมไทย
บทบาทเปน็ เคร่อื งมอื สอื่ สารอำนาจทางวัฒนธรรมไทย มณิศา วศนิ ารมณ์, ( 2565 :
บทคัดย่อ )จากสรุปบทบาทของรำวงมาตรฐานในฐานะเป็นเครื่องมือสื่อสารอำนาจทางวัฒนธรรมไทยอ้างว่า
ตามนโยบายการปกครองของจอมพล ป. พบิ ูลสงคราม นายกรัฐมนตรี เพ่อื แสดงความเป็นชาติทมี่ ีอารยธรรมสู่
สากล แนวทางการสร้างสรรค์สู่การเผยแพร่รำวงมาตรฐาน มุ่งปรับเปลี่ยนค่านิยม อุดมการณ์ทางการ เมือง
ปลูกฝังแนวคิด พฤติกรรม การเผยแพร่แก่สาธารณชนในโอกาสต่าง ๆ รัฐบาลมีการดำเนินการอย่างต่อเนื่อง
ตั้งแต่การเลือกนาฏกรรม การปรับผสมผสานระหว่างของเดิมและสากล การสร้างสรรค์และตรวจสอบโดย
ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางจากการแต่งตั้งของรัฐบาลทำให้เกิดการยอมรับในสังคม ศิลปินต้นแบบผู้เผยแพร่การ
แสดงได้รับความนิยม ทำให้เกิดการสร้างแรงจูงใจ และกระแสสังคม การกำหนดข้อปฏิบัติในการเผยแพร่แก่
สังคมทำให้เกิดการปลูกฝังให้อยู่ในตัวบุคคล สังคม เมื่อรับชม รับฟัง อิทธิพลจากรำวงมาตรฐานที่ส่งผลต่อ
บุคคล กลุ่มบุคคล สังคมของไทยในเวลานั้น มีผลกระทบในเวลาต่อมา คือ ความเป็นชาติไทยนิยม ความเป็น
เอกราช เครื่องแต่งกายไทยสากล หรือแบบสากลนิยม การรับราชการทหาร ความขยันหมั่นเพียร นาฏศิลป์
และการละเล่นของไทย ภาษาไทย คุณลักษณะสตรีไทย นอกจากนี้ เมื่อมีการเผยแพร่แก่ชาวต่างชาติ รำวง
มาตรฐานยังเป็นการสร้างภาพลักษณ์ของประเทศ และขยายอิทธิพลทางวัฒนธรรมเพื่อแสดงความเป็นหน่ึง
เดยี วกัน
2. บทบาทของรำวงมาตรฐานในฐานะนาฏกรรมการปกครอง
บทบาทของรำวงมาตรฐานในฐานะนาฏกรรมการปกครอง หมายถึง การเปลี่ยนแปลงของ
แนวคิด พฤติกรรม สังคม และการปกครอง มีการเปลี่ยนแปลงอย่างเป็นระบบ ได้แก่ ความหมาย รูปแบบ
เน้อื หา บทบาท และสาระสำคญั สง่ ผลตอ่ นาฏกรรมทำให้มีการเปล่ยี นแปลงทั้งระบบเช่นกัน การเปลยี่ นแปลง
ที่เกิดขึ้นมีทั้งแบบค่อยเป็นค่อยไป และการเปลี่ยนแปลง อย่างรวดเร็ว รุนแรง หรือที่เรียกว่าการปฏิวัติ
ผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงมีทั้งแบบระยะสั้น และระยะยาว นาฏกรรมจึงถูกควบคุมการสร้างสรรค์และ
การเผยแพร่โดยผู้นำและรัฐบาล ทั้งนี้ผู้ที่บทบาทสำคัญในการ เผยแพร่นาฏกรรม และนโยบายการปกครอง
คือ ศิลปนิ จากกระแสความนิยมนาฏกรรม
3. บทบาทของรำวงมาตรฐานสง่ เสรมิ ทกั ษะทางกายและจติ ใจ
บทบาทของรำวงมาตรฐานส่งเสริมทักษะทางกายและจิตใจ หมายถึง การรำวงมาตรฐานเป็น
กิจกรรมที่แสดงออกถึงวัฒนธรรมประเพณีที่ดีงามของประเทศไทย มีการนำไปใชแ้ สดงในงานต่าง ๆ ในชุมชน
ทั้งระดับอำเภอ ระดับจังหวัดและระดับภาค ในแต่ละปีจะมีงานสังสรรค์ต่าง ๆ ของหน่วยงานภาครัฐและ
เอกชนอยู่เสมอ การรำวงมาตรฐานช่วยส่งเสริมบุคลิกภาพของผู้รำ ช่วยฝึกสมาธิ นอกจากจะ เสริมพัฒนา
ทักษะทางกายและจิตใจแล้วยังช่วยนุรกั ษ์ประเพณีวฒั นธรรมของชาติ แต่ในปัจจุบัน การรำวงได้อย่างถูกตอ้ ง
สวยงามมีน้อยลง ส่วนใหญ่จะรำวงในลักษณะที่เข้าจังหวะแต่ไม่ถูกหลักและขาดความสวยงาม บุคคลในสังคม
ปัจจุบันจำเป็นต้องพัฒนาศกั ยภาพของตนเอง ให้มีบุคลิกภาพที่ดีทั้งทางด้าน ร่างกาย จิตใจ สังคม วัฒนธรรม
และสิ่งแวดล้อม กลุ่มผู้สนใจเรื่องการส่งเสริมพัฒนาทักษะทางกายและใจเล็งเห็นความสำคัญของรำวง
มาตรฐาน
21
4. บทบาทของรำวงมาตรฐานในฐานะสอื่ การเรยี นการสอน
บทบาทของรำวงมาตรฐานในฐานะสื่อการเรียนการสอนคือรำวงมาตรฐานได้บรรจุในหลักสูตร
การเรียนการสอนสำหรับใช้ในสถานศึกษาซึ่งสาระนาฎศิลป์มุ่งให้ผู้เรียนมีความรู้ความเข้าใจในองค์ประกอบ
นาฏศิลป์ แสดงออกทางนาฏศิลป์อย่างสร้างสรรค์ ใช้ศัพท์เบื้องต้นทางนาฏศิลป์ วิเคราะห์ วิพากษ์ วิจารณ์
คุณคา่ นาฏศิลป์ ถา่ ยทอดความร้สู ึกความคิดอย่างอิสระ สรา้ งสรรค์การเคลื่อนไหวในรูปแบบต่าง ๆประยุกต์ใช้
นาฏศิลป์ในชีวิตประจำวัน เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างนาฎศิลป์กับประวัติศาสตร์วัฒนธรรม เห็นคุณค่าของ
นาฏศิลป์ที่เปน็ มรดกทางวัฒนธรรม ภูมิปัญญาท้องถิ่น ภูมิปัญญาไทยและสากล บทบาทนี้จะแบง่ 2 ประเดน็
ดงั น้ี
4.1 การเรยี นการสอน
รำวงมาตรฐานปรากฏในหลักสูตรการเรียนการสอน อ้างจากหลักสูตรแกนกลางการศึกษา
ขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 และมาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัดฯ (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560) สาระที่ 3 :
นาฎศิลป์ มาตรฐาน ศ 3.1 : เข้าใจและแสดงออกทางนาฎศิลป์อย่างสร้างสรรค์ วิเคราะห์ วิพากษ์ วิจารณ์
คณุ ค่านาฎศลิ ป์ ถา่ ยทอดความรู้สึก ความคดิ อย่างอิสระ ชืน่ ชม และประยกุ ต์ใช้ในชีวิตประจำวนั มาตรฐาน ศ
3.2 : เข้าใจความสัมพนั ธร์ ะหวา่ งนาฎศิลป์ ประวัติศาสตร์ และวัฒนธรรม เหน็ คณุ คา่ ของนาฏศิลปที เ่ี ป็น มรดก
ทางวัฒนธรรม ภูมิปัญญาท้องถิ่น ภูมิปัญญาไทย และสากล ส่งเสริมให้ผู้เรียนมี ความเชื่อมั่นในตนเองและ
แสดงออกในเชิงสร้างสรรค์ สามารถค้นพบศักยภาพของตนเอง อันเป็นพื้นฐานในการศึกษาต่อหรือประกอบ
อาชีพได้ ด้วยการมีความรับผิดชอบ มีระเบียบวินัย มีคุณธรรมและจริยธรรม สามารถทำงานร่วมกับผู้ อื่นได้
อย่างมีความสุข (พชั นีพงศ์ คลอ่ งนาวา,2553)
4.2 การแข่งขัน
การแข่งขันรำวงมาตรฐานในสถานศึกษา แนวทางการแข่งขันรำวงมาตรฐานมุ่งทำตาม
เจตนารมณพ์ ระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติพ.ศ. 2542 และทีแ่ ก้ไขเพ่ิมเตมิ (ฉบบั ท่2ี ) พ.ศ. 2545 หลักสูตร
แกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 และพระราชบัญญัติระเบียบบริหาร ราชการ
กระทรวงศึกษาธิการ พ.ศ. 2546 มุ่งหวังที่จะปฏิรูปการศึกษา เพื่อให้คนไทยได้เรียนรู้ตลอดชีวิตอย่างมี
คุณภาพ และพัฒนาคุณภาพการศึกษาให้สามารถตอบสนองความต้องการของบุคคล ให้ผู้เรียนมีศักยภาพใน
การแข่งขันและร่วมมืออย่างสร้างสรรค์ในสังคมโลก รวมทั้งนโยบายสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาข้ัน
พน้ื ฐาน มุ่งพฒั นาการจดั การศึกษาขนั้ พ้นื ฐานใหผ้ ูเ้ รียนเป็นคนดี มวี นิ ัย ภมู ิใจในชาติ และมคี วามรับผิดชอบต่อ
ครอบครัว ชมุ ชน สงั คม และประเทศชาติ ดว้ ยการบริหารจดั การแบบมสี ว่ นร่วมบูรณาการการจดั การศึกษาบน
พื้นฐานของความรับผิดชอบที่มปี ระสทิ ธภิ าพและประสิทธิผล โดยมีวัตถุประสงค์เพือ่ เป็นเวทีใหน้ ักเรียนได้รับ
การพัฒนาตนเองด้านศิลปะ ดนตรี วิชาการ งานอาชีพ ผ่านกิจกรรมตามโครงการประกวดแข่งขัน
ศิลปหัตถกรรมนกั เรียน เพื่อส่งเสริมให้ผู้บริหาร ครูและบุคลากรทางการศกึ ษาได้พัฒนาต่อยอดนวัตกรรมทาง
การศึกษาอย่างหลากหลายและเพื่อส่งเสริมการมีส่วนร่วมและความสำเร็จสูงสุดด้านรางวลั และความพึงพอใจ
22
จากการร่วมกจิ กรรม ในการแข่งขันศลิ ปหตั ถกรรมนักเรยี นนักเรยี นจะได้รบั การพัฒนาตนเองเต็มตามศักยภาพ
มคี วามพร้อมในการประกวดแขง่ ขันในระดบั เขตพื้นทีก่ ารศึกษา ระดบั ภาค และระดบั ชาติต่อไป (เกษศิรินทร์
แพงวเิ ศษ และคณะ,2562)
รูปแบบการแข่งขัน รำวงมาตรฐานเป็นเพลงที่มีเนื้อร้องสุภาพ ใช้คำง่าย ทำนองเพลงง่าย มุ่งให้เห็น
วัฒนธรรมของชาติเป็นส่วนใหญ่ การแสดงจะใช้ผู้แสดงหญิงชายไม่น้อยกว่า 4 - 5 คู่ ประกอบด้วยเพลง
ทั้งหมด 10 เพลง มีลักษณะการรำเป็นวงกรม เดินทวนเข็มนาฬิกา ชายและหญิงเดินคู่กันเดิมคู่กันเรื่อย ๆ ไป
ตามจงั หวะเพลง ปจั จุบันมกี ารแข่งขันรำวงมาตรฐาน มเี กณฑ์ของการแขง่ ขันทชี่ ัดเจน
เกณฑ์การแข่งขันรำวงมาตรฐาน ประกอบด้วยคุณสมบัติผเู้ ข้าแขง่ ขนั ผเู้ ข้าแขง่ ขันเป็นนกั เรียนระดับช้ัน
ประถมศึกษาป.1 - ป.6 และระดับมัธยมศึกษา ม.1 - ม.6 2. จำนวนผู้เข้าแข่งขันเป็นทีม 8 - 10 คน (4-5 คู่)
จำนวนผ้เู ขา้ แขง่ ขัน ระดับชนั้ ประถมศึกษา ป.1 - ป. 6 จำนวน 1 ทมี ระดับชัน้ ม.1- ม.3 ระดบั ชั้น ม.4-ม.6
หลักเกณฑ์การแข่งขัน เพลงบังคับ 1 เพลง ระดับชั้น ประถมศึกษา( ป.1 - ป. 6 ) คือเพลงคืนเดือนหงาย
ระดับชนั้ ม.1- ม.3 คือ เพลงรำซิมารำ ระดับช้ัน ม.4 - ม.6 คือ เพลงดวงจนั ทร์วนั เพ็ญ เพลงเลือกเสรี 1 เพลง
จับฉลากเลือกเพลง 1 เพลงถ้าช้ำกับเพลงเลือกเสรี ให้จับฉลากใหม่ (การแข่งขันศิลปหตั ถกรรมนักเรียนคร้งั ที่
70, 2565)
ความเหมาะสมของรำวงมาตรฐานของการเรียนการสอนและการแข่งขัน
รำวงมาตรฐานถูกบรรจุไว้ในการเรียนการสอนของกระรวงศึกษาธิการ ทุกระดับชั้นในหลักสูตร ทั้งใน
ระดับชั้นประถมศึกษา มัธยมศึกษาตอนต้นและมัธยมศึกษาตอนปลาย จึงเกิดการแข่งขันทักษะวิชาการทาง
นาฏศิลป์เรื่องรำวงมาตรฐาน รำวงมาตรฐานที่รัฐบาลมอบหมายให้กรมศิลปากรจัดทำขึ้นในเรื่องของรูปแบบ
การแสดง รูปแบบของการรรำที่โชว์ในสถานที่ตา่ ง ๆ เพราะรำโทนไม่เปน็ ระเบยี บ และใหก้ รมศลิ ปากรจัดทำให้
เปน็ ระเบียบข้ึนและออกเผยแพร่ ต่อมาการศึกษาสนใจอยากได้เป็นหลักสูตรและนำไปใส่ไว้ในหลักสูตรแต่เกิด
ปัญหาจากแต่เดิมจะรำติดต่อกันทั้ง 10 เพลง เพราะเป็นองค์ความรูท้ ี่เอาไปโชว์ให้ผู้คนรับชม แต่เมื่ออยากจะ
ศึกษาเรื่องรำวงมาตรฐานและเอาไปบรรจุไว้ในหลักสูตรการเรียนการสอนและจัดเป็นการเรียนการสอนรำวง
มาตรฐานที่ไม่ติดต่อกันจะต้องวิเคราะห์ท่ารำ วิเคราะห์เพลงที่จะสอนโดยครูผู้สอนจากหลักสูตร เช่น
ประถมศึกษาอาจจะสอน 3 เพลง มัธยมศึกษาตอนต้นสอน 3 เพลงและมัธยมศึกษาตอนปลายสอน 4 เพลงก็
จะครบ 10 เพลง เพราะฉะนั้นรูปแบบการรำจึงต้องมีการปรับปรุงหรือพัฒนาขึ้นใหม่เมื่อหลักสูตรปรากฏใน
กระทรวงศึกษาครูผู้สอนก็ต้องวิเคราะห์หลักสูตรวา่ ประดับชั้นไหนควรเลอื กเพลงไหนมาจัดการเรียนการสอน
และเมื่อรำทีละเพลงก็จะมีทำนองดนตรีอินโทรเพื่อย่ำเท้าและเริ่มรำด้วยคำแรกของเพลงและเมื่อรำจบในแต่
ละเพลงก็จะหยดุ สากล แนวทางการจดั การเรียนรูน้ าฏศิลปเ์ รื่องรำวงมาตรฐาน มุ่งเนน้ การส่งเสรมิ ให้ผู้เรียนมี
ความคิดสร้างสรรค์ มีจินตนาการ มีสุนทรียภาพ สามารถนำกิจกรรมไปใช้ในการพัฒนาตนเองในทุกทาง ท้ัง
ร่างกาย อารมณ์ สังคม จิตใจ และสติปัญญา ต่อมาได้นำรำวงมาตรฐานไปจัดการแข่งขันในสถาบันการศึกษา
การจัดแข่งขันรำวงมาตรฐานงานศิลปหัตถกรรมนักเรียนขึ้นเป็นประจำทุกปี โดยสำนักงานคณะกรรมการ
การศึกษาข้นั พ้นื ฐาน สพฐ. มีแนวทางการแข่งขนั รำวงมาตรฐาน รูปแบบการแข่งขนั และเกณฑก์ ารแขง่ ขัน
23
สรุป
รำวงมาตรฐานเปน็ ศลิ ปะการแสดงทางวฒั นธรรมไทย ทม่ี งุ่ เน้นใหค้ นไทยมีความรกั ชาติ ซึง่ จะมีผู้รำท้ัง
ชาย และหญงิ รำกันเปน็ คู่ ๆ รอบครกตำขา้ วท่วี างคว่ำไว้ หรอื ไมก่ ็รำกนั เป็นวงกลม โดยมโี ทนเป็นเครื่องดนตรี
ประกอบจังหวะต่อมาเมื่อ ปีพ.ศ. 2487 หลังการเปลี่ยนแปลง สงครามโลกครั้งท่ี 2 รัฐบาลตระหนักถึง
ความสำคัญของการละเล่นรืน่ เริงประจำชาติ โดยมีนัยสำคัญที่จะใหก้ รมศิลปากรพัฒนารูปแบบของการแสดง
พื้นบ้านขึ้นจึงได้พัฒนาเพลงรำวงมาตรฐานขึน้ มา 10 เพลง ประกอบด้วย 14 ท่ารำ ปัจจุบันรำวงมาตรฐานได้
บรรจุในหลักสูตรการเรียนการสอนสำหรับใช้ในสถานศึกษา การศึกษาของไทยให้ความสำคัญกับรำวง
มาตรฐานในฐานะสื่อวัฒนธรรมของชาติปรากฏในหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน มุ่งพัฒนาการจัด
การศึกษาขั้นพืน้ ฐานให้ผูเ้ รียนเป็นคนดี มีวินัย ภูมิใจในชาติ และมีความรับผิดชอบตอ่ ครอบครัว ชุมชน สังคม
และประเทศชาติ โดยประกอบด้วย องค์ประกอบของการแสดงรำวงมาตรฐาน มีดังนี้ ผู้แสดง วงดนตรี เพลง
ร้อง การแต่งกายของ เป็นการรำวงมาตรฐานเป็นกิจกรรมที่แสดงออกถึงวัฒนธรรมประเพณีที่ดีงามของ
ประเทศไทย มีการนำไปใช้แสดงในงานต่าง ๆ ในด้านความงามของรำวงมาตรฐาน ความงามของผู้แสดงรำวง
มาตรฐาน การแสดงรำวงมาตรฐานเป็นการรำคู่ระหว่างชายจรงิ หญิงแท้ทมี่ ีรปู รา่ งสมสว่ นระหวา่ งชายและหญิง
ความงามของเพลงรำวงมาตรฐาน เพลงรำวงมาตรฐานสื่อถึงความเปน็ อยู่ของชาวไทยในด้านต่าง ๆ จะเห็นได้
จากการสื่อความหมายของเนื้อเพลงรำวงมาตรฐาน ความงามของท่ารำรำวงมาตรฐาน ท่ารำเพลงรำวง
มาตรฐานมีทั้งหมด 14 ท่ารำ ความงามของการรำ อยู่ที่กระบวนท่ารำที่มีลักษณะเฉพาะในแต่ละเพลง 4.
ความงามของเครื่องแต่งกาย เครื่องแต่งกายรำวงมาตรฐานมีการกำหนดการแต่งกายของผู้แสดงให้มีระเบียบ
เป็นแบบแผน จะมี 4 รปู แบบด้วยกัน อีกท้ังรำวงมาตรฐานได้มกี ารนำไปใช้ในสถานศึกษา ในด้านของการเรียน
การสอนและการแข่งขัน โดยจะมกี ารจดั การแข่งขนั ศลิ ปหตั ถกรรมในทุกปีการศึกษาเพื่อใช้เปน็ เวทีให้นักเรียน
ได้ฝึกฝนเรียนรู้ กล้าที่จะแสดงออกและโชว์ศักยภาพ ในส่วนของบทบาทของรำวงมาตรฐานในสังคม คือ
บทบาทในฐานะเป็นเครื่องมือสื่อสารอำนาจทางวัฒนธรรมไทย บทบาทของรำวงมาตรฐานในฐานะนาฏกรรม
การ บทบาทของรำวงมาตรฐานเพื่อส่งเสริมทักษะทางกายและจิตใจ และบทบาทของรำวงมาตรฐานในฐานะ
สอื่ การเรยี นการสอน
24
บทท่ี 5
สรปุ และขอ้ เสนอแนะ
ถอดเทปโครงการสัมมนา เร่ือง รำวงมาตรฐานการแสดงและการแขง่ ขันที่เหมาะสมในสถานศึกษา
วนั ที่ 26 กนั ยายน 2565 ณ อาคาร7 สาขานาฏศลิ ป์ คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลยั ราชภฏั นครศรธี รรมราช
พิธกี รภาคสนาม: การลงทะเบียนกพ็ รอ้ มเสรจ็ สนิ้ เรยี บร้อยแล้วนะคะ. อยา่ ลมื นะคะ ภายหลังการสัมมนาจะ มี
การแจกเกยี รติบัตรผู้เขา้ รว่ ม ผเู้ ขา้ รว่ มดว้ ยนะคะ แต่โปรแกรมของเรานะคะ จะใหเ้ ฉพาะท่านท่ี มชี อ่ื ปรากฏใน
การลงทะเบียนเท่าน้นั ค่ะ ดังนน้ั ตรวจสอบความถกู ต้องให้เรยี บร้อยนะคะ ลงชือ่ นามสกุลให้ถูกต้องชดั เจน ค่ะ
แล้วเวลาต่อจากนี้นะคะ ดิฉันขอนําท่านผู้มีเกียรติทุกท่านนะคะ เข้าสู่บรรยากาศของการสัมมนาวิชาการเรื่อง
รำวงมาตรฐาน ต่อไปนะคะ ดิฉันขอเรียนเชิญท่านผู้มีเกียรติทุกท่านนะคะ เข้าสู่บรรยากาศของการสัมมนา
วชิ าการนะคะ เรอ่ื ง รำวงมาตรฐานการแสดงและการแข่งขันท่ีเหมาะสม ในสถานศึกษาค่ะ ขอเชิญคุณภัทรวดี
ทองสม นะคะ หัวหนา้ โครงการ การสัมมนาราํ วงมาตรฐานการแสดงและการแข่งขันทเี่ หมาะสมในสถานศึกษา
กล่าวรายงานในการจัดทําโครงการสมั มนาในครัง้ นี้ ตอ่ ท่านประธานขอเรียนเชญิ ค่ะ
หัวหน้าโครงการสัมมนา: กราบเรียนท่าน ท่านประธานที่เคารพอย่างสูงนะคะ ดิฉัน นางสาวภัทรวดี ทองสม
ในนามของคณะกลุ่มการจัดสัมมนารำวงมาตรฐาน การแสดงและการแข่งขันที่เหมาะสมในสถานศึกษา รู้สึก
เป็นเกียรติอย่างยิ่งนะคะ ที่ท่านได้มาเป็นประธานในวันนี้ค่ะ กิจกรรมในครั้งนี้จัดขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพ่ือ
ศึกษาองค์ความรู้ ประวัติความเป็นมา และองค์ประกอบของรำวงมาตรฐาน ที่ใช้ประกอบการเรียนการสอน
และการแข่งขัน ในฐานะที่เป็นศิลปะวัฒนธรรมอันดีงามของคนไทย โดยมุ่งหวังว่าผู้ที่เข้าร่วมกิจกรรมสัมมนา
ในครง้ั น้ีนะคะ จะได้รับองคค์ วามรูแ้ ละสามารถนาํ องคค์ วามรู้ท่ีได้รับไปใชป้ ระโยชน์ในอนาคตต่อไปค่ะ การจัด
สัมมนา จัดขึ้นในวันจันทร์ที่ยี่สิบหกกันยายน พุทธศักราชสองพันห้าร้อยหกสิบห้า ในระบบออนไลน์ โดยมี
วิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิ มาให้ความรู้ ประกอบด้วย ท่านที่หนึ่งนะคะ. ท่านด็อกเตอร์ชวลิต สุนทรานนท์.
ผู้เชี่ยวชาญสํานักการสังคีต. กรมศิลปากรกรุงเทพมหานคร. ท่านที่สองนะคะ. ท่านอาจารย์พีรพรรณ ถ่ิน
กาญจน์ รองผู้อํานวยการฝ่ายวิชาการวิทยาลัยนาฏศิลป์นครศรีธรรมราช และท่านที่สามนะคะท่านด็อกเตอร์
พรเทพ บุญจันทร์เพ็ชร รองผ้อู ํานวยการฝ่ายศลิ ปะและวฒั นธรรมวิทยาลยั นาฏศิลป์พัทลงุ ค่ะ ผเู้ ข้าร่วมสัมมนา
ในครั้งนี้ เราได้ยอดการแจ้งเตือนจากการเปิดรับลงทะเบียนแบบออนไลน์จํานวนเจ็ดสิบคน. เป็นนักศึกษา
สาขานาฏศิลป์ชั้นปีทส่ี องและชั้นที่สาม คณาจารย์ในสถานศึกษาและนักศึกษาต่างสถาบัน การจัดการสัมมนา
จะมีการแจกเอกสารรูปแบบออนไลน์ ผู้เข้าร่วมสัมมนาสามารถโหลด ข้อมูลตามประชาสัมพันธ์ พิธีกร
ประกอบการสัมมนาและดําเนินรายการในวันนี้นะคะ. ก็คืออาจารย์พัทธนันท์ อธิตัง อาจารย์คณะวิทยาการ
จดั การ ภายหลงั จากการเสร็จส้ินสัมมนา. จะมีการแจกเกยี รติบตั รสำหรบั ผู้เข้าร่วมทุกทา่ นด้วยค่ะ ขอขอบคุณ
25
คณบดีคณะวิทยาการจัดการที่อนุเคราะห์พิธีกรและขอขอบคุณคณบดีคณาจารย์เจ้าหน้าที่คณะครุศาสตร์ ท่ี
อํานวยความสะดวกในการออกเอกสารสำคัญ ทําให้การสัมมนาในครั้งนี้ บรรลุผลประสิทธิภาพ บัดนี้ได้เวลา
อนั สมควรแล้ว ดิฉันขอกราบเรยี นเชิญทา่ นประธานกล่าวเปดิ กจิ กรรม ขอกราบเรยี นเชิญค่ะ
ดร.นพรัตน์ ชัยเรือง : ครับก็ กองติดพัฒนาอย่างยั่งยืนด้วย ครูดีมีคุณภาพ นี่คือ ปรัชญาของชาวคณะครุ
ศาสตร์ ไม่ทราบ ได้ยินเสียงเป็นลูกครับ พิธีกรครับ ได้ยินชัดเจนค่ะ นี่ครับ ตกใจไป นึกว่าไม่ได้ยินเสียง พูด
เรียนผู้ทรงคุณวุฒิที่เคารพยิ่งนะครับ โดยเฉพาะท่านด็อกเตอร์ชวลิต สุนทรานนท์ ผู้เชี่ยวชาญข้าราชการ
บํานาญ สํานักงาน การสังคีต กรมศิลปากร กรุงเทพมหานคร ท่านอาจารย์รพีพรรณ ถิ่นกาญจน์ รอง
ผู้อำนวยการฝ่ายวิชาการวิทยาลัยนาฏศิลป์นครศรีธรรมราช ท่านด็อกเตอร์พรเทพ บุญจันทร์เพ็ชร รอง
ผู้อำนวยการฝ่ายศิลปะและวฒั นธรรมวิทยาลัยนาฏศิลป์พัทลงุ ประธาน หลักสูตร คณาจารย์ประจําหลักสตู ร
นาฏศิลป์. คุณครู นักศึกษาที่เข้าร่วมในกิจกรรม รวมทั้งบุคลากรเจ้าหน้าที่ทุกคนทุกฝ่าย. ด้วยความเต็มใจย่ิง
ครับ. ได้รับเชิญก็ เห็นชื่องานสัมมนาครั้งนี้ก็ เริ่มมีความสุขแล้วครับ ยังไม่ได้พูดคุยอะไรกันเลย ก็ถือว่าเป็น
กิจกรรมท่ี สร้างสรรคก์ ิจกรรมท่ีคิดว่าจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งที่ จะมาเติมเต็มให้นักศึกษา หลักสูตรนาฏศิลป์
และผู้ที่สนใจเนี้ย ได้เห็นความเจริญ ความรุ่งเรืองและก็ศิลปวัฒนธรรมที่มีคุณค่า ซึ่งก็จะเป็นมรดก ก็ตาม
วัฒนธรรมอีกประเภทหนึ่งก็ ก็ ก็ว่าได้. ดังนั้นกิจกรรม เอ่อ การสัมมนาในเรื่องของ เอ่อ รำวงมาตรฐานและ
การสนับสนุนการแข่งขนั ที่เหมาะสมในสถานศึกษา เนี่ย. ถือเป็น เป็นส่วนหนึ่งในการที่จะเผยแพร่ในการที่จะ
ถ่าย ก็ อ่า ให้ไปสู่เยาวชนลูกหลานของเราให้เข้าใจถึงวิถีชีวิต วัฒนธรรม การละเล่นต่างๆที่คิดว่าเป็นการ
จรรโลงใจกิจกรรมเหล่านี้เป็นกิจกรรมที่สามารถที่จะนําไปสู่การบูรณาการ สร้างบรรยากาศในการเรียนการ
เรยี นรู้ การเรียนการสอนและสามารถท่ีจะบูรณาการกบั นักศึกษา เชอื่ วา่ อย่างน้ัน เพราะวา่ ปกติในวิถีชีวิตของ
สังคม มนั ถึงแม้แตส่ รรพสัตว์ทั้งหลาย เน่ีย ก็ตอ้ งการส่ิงที่ จรรโลงใจ ต้องการสิ่งท่มี ีความ อ่า สนุกสนานแล้วก็
โดยเฉพาะในเรื่องของการ ให้ความรู้ไปด้วยนะครับ ซึ่งหลายครั้งที่ทางหลักสูตรได้จัดกิจกรรมช่วงเช้าก็มีอยู่
เนอะ ก็มีโอกาสได้ไปร่วม ได้นั่งฟังถึงความรู้ของวิทยากรที่สอนยังไงให้สอนนาฏศิลป์แล้ว มันสอดรับกับยุค
สมยั สอนแล้วมนั เป็นทน่ี า่ สนใจ สอนแล้วเด็กสนใจนะครับ และกส็ อนแล้วให้เกดิ ประโยชนใ์ นการเรียนรู้ ส่ิงต่าง
ต่างเหล่านี้ก็ได้ประโยชน์อย่างยิ่งนะครับ. ก็ตอนเช้าก็ฟังอยู่พอสมควร. ถึงแม้ว่าอาจจะมีเวลา ไม่เต็มร้อยนะ
ครบั . เฉดเชน่ เดยี วกนั ครบั . ตอนเย็นนค้ี รบั . กไ็ ดร้ ับเชิญใหม้ าเปน็ ประธานและพิธีการ สมั มนาทางวชิ าการรำวง
มาตรฐาน. แตท่ ่จี ริงแล้ว แตน่ ่าจะเป็นออนไซตน์ ะ. แต่กไ็ มเ่ ป็นไรครับ. เพราะว่าถา้ เป็นออนไซต์ ท่านวิทยากร
เอยหรือหลายหลายท่านอาจจะไม่สะดวก. เราก็พยายามบูรณาการ. และก็เอา เทคโนโลยีนวัตกรรมสมัย ใหม่
นะครับ. เข้ามาช่วยในการจัดสัมมนานะครับ. ก็ ลึกลึกก็ รู้สึกชื่นชมนะครับ. ว่าทางหลักสูตร เนี่ย พยายามทํา
กิจกรรมต่างต่างขึ้นมา. มากมาย. ซึ่งก็จะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อนักศึกษา. เอ่อ ของเรานะครับ. ที่จะได้เอา
ประสบการณ.์ นะครับ. ต่างตา่ งทไ่ี ด้จากการพดู คยุ จากการสัมมนา. จากการได้ ศึกษาจากการได้เรียนรู้เหล่าน้ี.
ไปขยายผล. และนําไปใช้ประโยชน์. ในการจัดการเรียนรู้การเรียนการสอนในสถานศึกษา. ในโอกาสต่อไป.
26
นอกจากสถานศึกษาแล้วจริงจรงิ แล้วกิจกรรมตา่ งตา่ งทเี่ ราจัดข้นึ เนี้ย สามารถนําไปใช้กบั ชวี ติ ประจาํ วันนะครับ
ชุมชนและสังคมได้เป็นอย่างดี ก็ต้อง ต้องชื่นชม ยิ่งวันนี้ อ่า ได้รับเกียรติจากผู้ทรงคุณวุฒิ ยิ่งที่มีความรู้
ความสามารถมาเติมเต็ม. จรงิ จริง เออ่ เดยี๋ วบ่ายสามสองโมงมีประชุม. แต่ว่าชว่ งน้ีอาจจะน่ังฟังไปด้วยนะครับ.
เพราะว่า ก็สนใจอยู่นะครับ. เพราะว่าคิดว่าจะเป็นประโยชน์. ในการที่เราจะไปประยุกต์ใช้. และก็นําไปใช้ได้
ด้วยนะครับ. แล้วก็ เอ่อ โดยเฉพาะผู้ทรงคุณวุฒิอย่างที่กล่าวแล้วนะครับว่าท่านมีประสบการณ์ตรงนะครับก็
นอกจากเราเรียนในห้องครูบาอาจารย์จากสิ่งแวดล้อมที่เรามีอยู่แล้ว ที่เราได้เรียนจากผู้ที่เขาผ่านงานผ่าน
ประสบการณ์มามากมายก็ถือว่าขอช่ืนชมทุกๆคนทุกฝ่าย แลว้ ก็ลกู ๆนสิ ิตนักศึกษาเองท่ีไม่หยุดท่ีจะเรียนรู้และ
กใ็ ฝร่ ู้ กค็ ดื วา่ เราจะได้ครูดีครูเก่งตามท่ีเราต้องการ สรา้ งสรรค์สังคม นะครบั ก็รว่ มดว้ ยช่วยกันนะครับ คณบดี
เองผู้บริหารเอง ถงึ แมว้ า่ จะไม่ไดไ้ ปสมั ผัสโดยตรง
อาจารยพ์ ัทธนันท์ อธติ ัง: สาขานาฏศิลป์นะคะ. ก็หันหน้าเข้าหากนั เลย. อ่า ผเู้ ขา้ สัมมนานะคะ. ในทหี่ ลาย
หลายท่านนะคะ. ท่ีอาจจะไม่รจู้ ักนะคะ. หรือว่าวนั นน้ี ะคะ. เพงิ่ เคยเจอหนา้ กนั คร้งั แรกนะคะ. ขออนุญาต
แนะนําตวั . อีกสักคร้งั หน่ึงนะคะ. ก็ชือ่ พทั ธนนั ท์ อธติ งั นะคะ. เอ่อ ชื่อเล่นชอ่ื อาจารย์อีฟนะคะ. ก็ปจั จบุ นั เปน็
อาจารย์อย่หู ลักสตู ร บริหารธุรกิจบัณฑิตสาขาวชิ าการจดั การนะคะ คณะวทิ ยาการจดั การ มหาวิทยาลัยราช
ภฏั นครศรธี รรมราชนะคะ. วนั นีก้ ็ได้รับเกยี รตนิ ะคะจากท่านผชู้ ่วยศาสตราจารย์
ดร. ธีรวฒั น์ ชา่ งสาน นะคะ. ใหเ้ ป็น พิธีกรนะคะ. สําหรับการดาํ เนนิ การ ในชว่ งสมั มนาชว่ งบา่ ยในวนั นีน้ ะคะ.
ก็ต้องบอกเลยนะคะ. ว่า ของดีนะคะ. อาทติ ยท์ ีแ่ ล้วนะคะ. จัดเป็นของดีอย่างหน่ึง. อาทิตยน์ ้ีนะคะ. ก็เลย. อ่า
ขายออกตอ่ . อา้ นะคะ. ขอบคณุ ท่านอาจารย์ธีรวัฒน์ อีกสักหนึ่งครั้งนะคะ อ่า ตอนนีพ้ ิมพก์ นั เขา้ มารัวรัวแล้ว
นะคะ ทราบมาวา่ วันน้ีนะคะ เรามผี เู้ ข้ารว่ มสมั มนานะคะ ทง้ั จาก อ่า นกั ศกึ ษาของราชภัฏนครศรธี รรมราชเอง
นะคะ แล้วกม็ บี คุ ลากรนะคะ ทเ่ี ก่ยี วขอ้ งกบั หวั ข้อสัมมนา แล้วกผ็ ู้เข้าร่วมสัมมนา เยอะแยะเลยนะคะท่ีเข้าร่วม
สัมมนาวันน้ีเกือบหกสบิ คนกนั เลยทีเดียว อย่ใู นหอ้ งสัมมนาของเรานะคะ เพราะพอฟงั ชื่อวิทยากรท่ีวันน้ีนะคะ
จะมาให้ความรู้เนี้ยก็ต้องบอกเลยนะคะว่าอีฟเองกเ็ ปน็ หนึ่งคนค่ะที่ชอบนะคะใน เรื่องของศิลปวัฒนธรรมรวม
ไปจนถึงเวลาที่มีการแข่งขันหรือมีการประกวดนะคะ เป็นหนึ่งคนนะคะที่จะไม่ค่อยพลาด ถ้าเมื่อไหร่ที่เขามี
ถา่ ยทอดสด อ่า นะคะ หรอื เรามโี อกาสทจ่ี ะได้เดนิ ทางไปดยู งั สถานท่ีท่ีมีการจัดประกวด นะคะ. ถามวา่ จริงจริง
เป็นคนเชี่ยวชาญทางด้านศาสตร์นี้ไหม? ก็ต้องบอกว่าไม่เชี่ยวชาญนะคะ. เพียงแต่ว่า ชื่นชอบในเรื่องของ
ศลิ ปะ. การแสดงเกย่ี วกับข้องกับการรา่ ยรําท้งั หลายนะคะ. แล้วก็มหี ัวขอ้ สาํ หรับการ สัมมนาในวนั น้ี. อฟี ก็ต้อง
บอกนะคะ. ว่า นะคะ อ่า เกี่ยวกับนะคะ การสอนการรำวงมาตรฐานที่เหมาะสมนะคะ ที่จะใช้นะคะ กับ
สถานศกึ ษา รวมไปถงึ นะคะ ทัง้ คณุ ครนู ะคะ ที่เข้ารว่ มสัมมนาเนยี้ มีจากโรงเรยี นหลายท่ีปกติแล้วเน้ียค่ะ ก็ส่ง
นักเรยี น นักเรียนนกั ศกึ ษาของทา่ นนะคะ. เข้าสู่การแข่งขัน. หรอื ว่า เข้าประกวดแขง่ ขนั ตา่ งตา่ ง. กต็ ้องบอกว่า
วันนี้หัวข้อตรงประเด็นมากมากนะคะ. สําหรับใครนะคะ. ที่มีข้อสงสัยที่ต้องการจะสอบถามวิทยากรนะคะ.
วนั นีน้ ะคะ. เราเปิด ช่องทางนะคะ ใหก้ ับทุกท่านไดม้ ีโอกาสพิมพเ์ ข้ามาในช่องแชทนะคะ เดีย๋ วทางผจู้ ดั สมั มนา
27
นะคะ เราจะมีแอดมินนะคะ ประมาณหนึ่งร้อยท่าน อ้า นะคะ แอดมินประมาณหนึ่งร้อยท่านนะคะ ช่วยดูใน
เรื่องของ ข้อคําถามนะคะ ประเด็นคําถามที่เรานะคะวันนี้ จะได้รับความรู้จากท่านวิทยากรนะคะ ก่อนจะส่ง
มอบไมคน์ ะคะ. ให้กบั ทางวทิ ยากรวนั น้ีนะคะ. ดิฉันขออนุญาตขอความร่วมมือนะคะ. ผเู้ ขา้ ร่วมสมั มนาทุกท่าน
นะคะ. หากสะดวกนะคะ. ขอความร่วมมือใหช้ ่วยกันเปิดกล้องนะคะ. หากตรงไหนนะคะ. เป็นเนอ้ื หาที่รู้สกึ ว่า
สนใจ ประทับใจนะคะ หรือท่านวิทยากรนะคะ พูดแล้วรู้สึกว่ามัน อ่า เขาเรียกว่ามันจึ๊งเข้าไปในใจของเรานะ
คะ แล้วก็รู้สึกว่าเป็นสิ่งที่เราสนใจกว่าข้อนี้พอดีนะคะ สามารถพิมพ์นะคะ เข้ามาในช่องแชทนะคะ อ่า ที่เรา
เปิดได้เลยนะคะ. พิมพเ์ ขา้ มาพูดคุยกับทางวิทยากรได้เลยนะคะ. เดี๋ยวเราจะมีแอดมินนะคะ. คอยดู อ่า หัวข้อ
ที่ท่านพิมพ์ส่งเข้ามานะคะ. แล้วก็ขอความร่วมมือหากอยู่ อ่า หน้าจอนะคะ. ขอความร่วมมือในเรื่องของการ
ปิดไมค์ของท่านนะคะ. เพื่อไม่เป็นการรบกวนท่านวิทยากร อ่า นะคะ ถ้าทุกท่านพร้อมแล้วนะคะ เดี๋ยวช่วง
บา่ ยนี้นะคะ เราขออนญุ าตนะคะ นาํ ทา่ นเขา้ สู่บรรยากาศของการจัดสัมมนาในคร้ังน้ีนะคะ ขอให้เป็นลักษณะ
ของการถามตอบแลว้ กเ็ ปน็ บรรยากาศของการพูดคุยนะคะ ระหวา่ งผู้เชีย่ วชาญนะคะ กับผูท้ ี่รู้แล้วแตอ่ าจจะยัง
ไม่รูล้ ึกร้จู รงิ นะคะ หรือผูท้ ่ียังไมร่ เู้ ลยนะคะ. เพราะฉะนัน้ วันนี้เราจะล้าง ความคิดของทุกท่านนะคะ. Calibrate
เปน็ ศนู ยใ์ หม่หมดนะคะ. แลว้ เราลองมาฟังนะคะ. เน้อื หาที่ต้องบอกเลยว่าเป็นมาตรฐานนะคะ. เป็นมาตรฐาน
รวมไปจนถึงเป็นถ้าต้องใชเ้ ป็นภาษาบริหารธุรกิจนะคะ เหมือน อาจารย์อีฟเองเนีย่ อยู่สายบรหิ ารธุรกิจนะคะ
เราจะใช้คําว่า อ่า standard ที่เราจะใช้นะคะ ในการเป็นมาตรฐานในการจัดส่งเข้าประกวดหรือแข่งขัน หรือ
ในเรอื่ งของการเรียนการสอนเพื่อให้นะคะ เน้ือหา รดั แนน่ ถกู ตอ้ งแล้วกเ็ ปน็ นักศกึ ษาสามารถจดจํามาตรฐาน
ท่ถี กู ต้อง. ตามหลักนัน่ เองนะคะ. ตามหลกั การ. เดี๋ยววันนน้ี ะคะ. ทราบมาวา่ ท่านวิทยากรท้ังสามท่าน เน่ีย. มี
หนึ่งท่านที่วันนี้จะมีสไลด์มานําเสนอให้กับ ทุกคนด้วยนะคะ ขออนุญาตอ่านําเรียนแจ้งชื่อของวิทยากรอีก
สักครู่ครั้งนะคะ หากแต่ว่าทางพิธีกรขออนุญาตอ่าไม่ได้เอ่ยถึงประวัตินะคะ ซ้ำนะคะ เนื่องจากว่านักศึกษาท่ี
เป็นพิธีกรได้ทาํ การอ่าเลา่ ไปแล้วเนอะ เพราะฉะนั้นเนี้ยขออนุญาตเอ่ย เอ่ยนามของวิทยากรวนั น้ี สักหนึ่งครั้ง
นะคะ ท่านแรกนะคะ ท่านดอ็ กเตอรช์ วลิต สนุ ทรานนท์นะคะ ผู้เช่ียวชาญ ข้าราชการบํานาญนะคะ สํานักงาน
สงั คีตกรมศลิ ปากรกรงุ เทพมหานครคะ่ ไมท่ ราบว่าท่าน
ดร.ชวลิตนะคะ อยู่ในห้องประชุมแล้วใช่ไหมคะ อยู่แล้วครับ หวัดดี ครับ ค่ะ อยู่ ค่ะ สวัสดีค่ะท่านอาจารย์
สวัสดีค่ะ ท่านอาจารย์ชวลิตนะคะ ท่านที่สองนะคะ อ่า ท่านอาจารย์ อ่า พีรพันธ์ ถิ่นกาญจน์ค่ะ คุณชํานาญ
การพิเศษนะคะ รองผู้อํานวยการฝ่ายวิชาการ วิทยาลัยนาฏศิลป์นครศรีธรรมราชค่ะ ครูอยู่ในสายแล้วใช่ไหม
ค่ะ สวัสดีค่ะจะอยูแ่ ล้วนะคะ ท่านที่สามค่ะ ท่านพรเทพ บุญจันทร์เพ็ชรค่ะ ครูชํานาญการพิเศษ รองผู้อำนวย
ฝ่ายศิลปะและวัฒนธรรม วิทยาลัยนาฏศิลป์พัทลุงค่ะ ค่ะ ท่านด็อกเตอร์พรเทพค่ะโอเคค่ะ น่าจะติดสัญญาณ
นะคะ อาจจะด้วยระยะทางจากนครศรีธรรมราชไปพัทลุง ช่วงนี้อาจจะ ติดคร่อมเรื่องสัญญาณสักเล็กน้อยนะ
คะ ไม่เปน็ ไรนะคะ เดย๋ี วเรา ไม่ เปน็ การเสยี ท้ังนาฬกิ านะคะ แล้วก็เสยี ทัง้ เวลาด้วยนะคะ แลว้ เด๋ยี วจะง่วงนอน
จนเกินไปนะคะ ก็เดี๋ยวเราจะขออนุญาตนําเรียน อ่า เรียนเชิญท่านด็อกเตอร์ชวลิต สุนทรานนท์นะคะ มาให้
28
ความรูน้ ะคะ สําหรบั ในหัวข้อประเดน็ ในเร่ืองของการสัมมนาวันนี้ น่ันก็คือในเรือ่ งของรำวงมาตรฐานนน่ั เองนะ
คะ เดี๋ยววันนี้ท่านดอกเตอร์ชวลิตนะคะ จะมาอธิบายนะคะ หรือว่าให้เนื้อหาความรู้นะคะ ในส่วนของ
มาตรฐานของรำวงมาตรฐานเนือ้ หาจะเป็นยังไงนะคะ เดย๋ี วทางพธิ ีกรขออนุญาตส่งมอบไมคน์ ะคะ ใหก้ บั ทา่ นด็
อกเตอรช์ วลติ สนุ ทรานนทค์ ะ่ ท่านอาจารย์พรอ้ มแลว้ นะคะ
ดร. ชวลติ สนุ ทรานนท์: พร้อมครับ
อาจารยพ์ ทั ธนันท์ อธติ ัง: คะ่ . พร้อมแลว้ ทา่ นอาจารย์. เชญิ ได้เลยค่ะ.
ดร. ชวลติ สนุ ทรานนท์: ครับ. ขอบคณุ มากครับ. หวดั ดี ครบั . ทกุ ทา่ นครับ. ท่เี ขา้ รว่ มสมั มนาแล้วก็ในเรื่องรํา
วงมาตรฐานต่อการแสดงของ และการแข่งขันที่เหมาะสมกบั สถานศึกษานะครับ คือช่วง เนี้ย นะ จาก จากได้
การ เอ่อ ผสานกับ เอ่อ นักศึกษาแล้ว เนี่ย อยากได้เป็นองค์ความรู้. คราวนี้เราได้ ได้ส่งเป็นไฟล์พาวเวอร์
พอยท.์ ไวก้ ับนักศึกษาแล้ว. ถ้าใครสนใจ ยินดี นะครบั . ถา้ เหน็ วา่ มปี ระโยชน์นะ. มีประโยชน์. แล้วก็ได้ อ่า ใช้
ประโยชน์ได้สําหรับ หรือว่าผู้เข้าร่วมสัมมนา อ่า ทุกท่าน อะ นะครับ ยินดีนําไปเปิด กระแทกได้เลย นะครับ
กบั องคค์ วามรใู้ นเรื่องของประมงมาตรฐาน ครบั ในส่วนน้ี เนี่ย ที่จริงแล้วเราอยากพูดคยุ ในเรื่องของประเด็นที่
มัน อ่า เป็นเรื่องของความรู้ ความรู้ด้านทักษะ แต่คราวนี้ถ้าเรา ถ้านักศึกษาอยากได้เป็น วัตถุประสงค์แรก
เนย่ี ได้เป็นองค์ความร้ดู ว้ ย แล้วกจ็ ัดหา จดั หาให้ท่มี นั เปน็ องค์ความรู้ว่าเกยี่ วกบั ประวตั ทิ ี่มา หรือวา่ เครื่องแต่ง
กาย ดนตรีที่ใช้ในการ อ่าบรรเลงในการแสดงนะคะ ส่วนลักษณะของท่ารํานั้น เนื่องจากเรามีการสัมมนากัน
ทาง เอ่อ ออนไลน์ บางที หรอื ว่าบางครงั้ เน่ยี อาจจะไม่ได้เหน็ ขบวนธาตุท่ีจืดซอ่ื ว่าท่ีชัดเจนก็ต้องขออภัยด้วย
นะฮะ. ตรง เนี้ย. เนื่องจากว่าการถ่ายทอดองค์ความรู้ทางด้าน. หรือ ปฏิบัติหนึ่ง วิชานาฏศิลป์นั้นน่ะ มีบาง
องค์ประกอบที่สามารถที่จะ เราจะใช้ออนไลน์ได้ แต่บางองค์ประกอบ เนี่ย เราควรใช้ on side. เพราะว่าจะ
เป็นหูฟัง ที่ เอ่อ ผู้เข้าร่วมอบรม. อาจจะได้ความรู้ที่ชัดเจนในเรื่องทักษะปฏิบัติ. ถามว่า จะมีเทคนิคหรือว่า
กลวิธใี นแตล่ ะท่า แตล่ ะตําบลท่าในแต่ละ ท่ี ทีห่ ลากหลาย ซง่ึ ซึง่ ผู้เข้ารว่ มอบรมก็จะได้ อ่า ความรู้ตรงไหน ได้
ชัดเจนขึ้นนะครับ. แต่คราว เนี้ย วัน เนี้ย เราก็จะทําเต็ม เต็มความสามารถที่สื่อ ออนไลน์ที่เราจะสามารถส่ง
ตอ่ กนั ได้. หรือวา่ มีใครสงสัยอะไรที่อยาก แครงครามใจอะไร เนีย่ สาขาน้นั ได้ดีขนึ้ . ครับ คำถาม เราจะไม่เน้น
มากในส่วนของประวตั ิ รูก้ นั อยูว่ ่า ในเรอื่ งของรำวงมาตรฐานนั้นนะครบั เปน็ การที่ รัฐบาลได้มอบหมายให้กรม
ศิลปากร เป็นผู้จัดทําขึ้น จัดทําขึ้นจากอะไร จาก จากรำโทน รำโทนเป็นการรําพื้นบ้านชนิดหนึ่งซึ่งมี มีอยู่
ทวั่ ไปท้ังประเทศไทย ท้งั ส่ีภาค แลว้ แต่ละท้องถิ่นจะเรียกว่าอาหาร. นะ. รำโทนแตเ่ ดิมก็คือราํ เปน็ วงกลม. นะ.
เวยี นไปตามครก กับขา้ ว ครบั จะมคี รกตําข้าวอยู่ตรงกลาง คว่ำอยแู่ ล้วเราก็ลองเปลี่ยนไป ซ่ึงแต่ละท้องถิ่นก็มี
การแสดง ประเทศน.ี้ ทุกภาคแต่จะเรียกว่าอะไรนะ? ก็ เอ่อ แลว้ แต่ท้องถ่ินนัน้ . แตใ่ นภาคกลาง เราจะเรียกว่า
รําลึก เรามีโทน เนี่ย แพร่หลายมากในปีพอหลังจากสงครามโลกครั้งที่สอง ประมาณปี พ.ศ. สองพัน แปดสิบ
สามนะฮะ. คราวนเ้ี ม่อื มกี ารเต้นกนั มากข้นึ แสดงกนั มากขนึ้ ในแต่ละทอ้ งถ่ิน เนยี่ ความเปน็ ระเบยี บเรยี บร้อยก็
29
ไมม่ .ี แตล่ ะทอ้ งถ่นิ ก็ รําไปตาม แต่ละท้องถนิ่ น้ัน นะฮะ ตามความสามารถ ความ อะ สนุกสนาน สนกุ สนานใน
แต่ละท้องถิ่น. เรียกกันไปลําเลยี งครกบ้าง. รําอะไรบ้าง. ก็แล้วแต่รฐั ท้องถ่ิน. นะครับ. แต่คราวนี้นะ. รัฐบาลก็
เลยอยากจัดให้การรําโทน เนี่ย. มีระเบียบ. มีการรําทีเ่ ปน็ ระเบียบขึ้น ทั้งเรื่องของกระบวนท่ารํา การแต่งกาย
และกเ็ พลงร้อง. จงึ มอบหมายให้กรมศิ กรเป็นผจู้ ัดการข้นึ ในปี พ.ศ. สองพันสี่ร้อยแปดสิบเจ็ด ถ้าจําไม่ ไม่ผิด
นะครบั ถ้าปดิ ก็ขออภัยดว้ ย เพราะปรากฏอย่ใู นเอกสาร นะฮะ ขอไดจ้ าก เอ่อ ผู้จัด นะฮะ ผมส่งไปใหแ้ ล้ว ขอ
ได้เลยนะครบั . ยินดีเปดิ แค่ นะคะ. ตรงน้ีพอเสรจ็ ปุบ๊ เนยี่ . เมือ่ จัดเปน็ ระเบียบแล้ว. เราไม่เรียกรำโทนแล้ว. เรา
กลับเรียกว่ารำวงมากกว่า. นะฮะ เพราะมีคําว่ามาตรฐานเกิดขึ้น นะ. ในลักษณะของความเป็นมาตรฐาน
อะไรบ้าง? มาตรฐานทั้ง เครื่องแต่งกาย. กําหนดให้เครื่องแต่งกายเป็น เราพูดกัน กําหนดให้ท่ารําเป็นอย่างไร
กําหนดให้ดนตรีเป็นอย่างนั้น มีการกําหนดขึ้นมาเป็นระเบียบ ขึ้นมานะ ตาม เอ่อ สนองความต้องการของ
รัฐบาล งั้นแล้วเราก็เปลี่ยนชื่อจาก รำโทนมาเป็นรำวงมาตรฐาน คณะผู้ศรัทธาที่ผู้ประดิษฐ์คิด ขึ้นมาท้ัง
ทางด้าน อ่า การแต่งกาย ทั้งทางด้านกระบวนทา่ รำ ทั้งทางด้าน ก็เป็นปรมาจารย์ กรมศิลปากร ปรมการของ
กรมศิลปากรทั้งสามด้านนั้นเป็นปรมาจารย์ที่โอนย้ายมาจากละครหลวง จากกรมมหรสพ เพราะฉะน้ัน
กระบวนท่ารําต่างต่างจึงใช้แนวทางในการ อ่า เคลื่อนไหว ลีลา ร่างกาย ท่าทางต่างต่าง มาจาก ละครหลวง
นะ เพราะฉะนั้น มันจะไม่เป็นพื้นบ้านเหมือนรำโทนแล้ว นี่คือลักษณะที่หนึ่ง ลักษณะที่สองคือ ลักษณะของ
เพลงร้อง. มีการวิวัฒนาการเพลงร้องขึ้นมา. เป็นสิบเพลง. นะครับ. จับแต่เดิม. รำโทนเล็กเล็ก. แต่แต่ละ
ทอ้ งถิ่นนัน้ . เปน็ เรอ่ื งของการร้องเพลงเกย้ี วพาราสกี ัน เชญิ หนมุ่ หญงิ สาว นะ. ใน ต่างตา่ ง. บทชมโฉม ม่ัง. บท
เอ่อ หรือว่าบท อ่า บทพลอดพร่ำร่ำลาการจากกัน นะลักษณะตัว เนี้ย อ่า ของผมจะมีตัวเอกสารแจกไว้ใน
เอกสารนะครับ เพราะเรา ถ้าเรา เราไม่อยากจะพูดว่า แต่ละตัวอย่างเป็นยังไง แต่ละเพลง อ่า เป็นอย่างไร
นั้นน่ะ ขอได้เลยนะ ยินดีให้นะครับ ไปในนั้น จะได้ไม่ต้องมา มาคุยกัน เดี๋ยวเราจะได้ไป ในเรื่องของกระบวน
ท่ารำ ให้มากขึ้นนะ จะได้มีเวลากันมากขึน้ นะครับ เมื่อลักษณะของรำโทนเป็นแบบน้ี ลักษณะบทเป็นการ แต่
พอมากรมศิลปากรจัดระเบยี บการนําตัว มาเป็นรําวงมาตรฐาน บทขับร้อง เป็นบทขับร้องที่ประพันธ์ขึ้นในยุค
นั้น มีบังคับทั้งหมดสิบเพลง ยอดชายใจหาญแล้วก็บูชานักรบ. ทั้งสิบเพลงนี้นะ. เป็นเพลงที่ ปรมาจารย์
ทางด้านขับร้อง. นะ. ซึ่งเป็นละครหลวงเหมือนกัน. ท่านเป็นผู้ ประดิษฐ์ขึ้น ซึ่งมีผู้หญิงละเอียด เจ้าหมื่น
มานิตย์ อะไรก็ตามแต่ไปดูเอกสารในน้ันได.้ ดนตรี. ดนตรีนัน้ เรากใ็ ชด้ นตรีทเ่ี ป็นวงปี่พาทย์ ถูกต้อง. อบรมอยู่
นั้น. มีมีอะไร? ไม่มีอะไรจะพาดไว้เลยครับ. ขอขออนุญาตปิดไมค์ด้วยได้ไหมครับ? ครับ. ฝากรบกวน คุณสรา
ยุทธนะคะ. โอเคค่ะ. ปิดไมค์ให้แล้วค่ะ. ทางวิทยากรเชิญต่อได้เลยค่ะ. ครับ. นะฮะ. ในลักษณะของดนตรีนั้น
นะครับ. แต่คือ ดนตรีในการรำโทน เราจะมีโทนเปน็ เครื่องประกอบจังหวะ. นะครับ. มีโหม่ง. มีกรับ มีฉิ่ง. แต่
เมือ่ มาเปน็ การ. อา่ . ได้รับมอบหมายจากกรมศลิ ป์ดนตร.ี จะมเี คร่อื งดนตรีทีเ่ ราเรียกวา่ วงป่ีพาทย.์ เขา้ ไปผสม.
แล้วก็จะเอาเคร่ืองดนตรที ีเ่ ป็นโทน แล้วก็เคร่ืองประกอบจังหวะที่โหมง่ ฉิ่ง กรับ อะไรอย่าง เงี้ย มาเป็นเครื่อง
ประกอบจงั หวะอยู่ในวงดนตรีไทยท่ีเราเรียกวา่ วงปี่พาทย์ และเราก็ยังมีวงดนตรีสากล จะใช้วงดนตรีปีพาทย์ก็
30
ได้หรือวงดนตรีสากลก็ได้ แต่เราจะต้องมีเครื่องประกอบจังหวะคือโทน โหม่ง ฉิ่ง กรับ อะไรอย่างเงี้ย เพราะ
เน่ืองจากว่าการแสดงชุดน้ีมาจากรำโทนประกอบอยู่ท้ังสองวงนั้น ส่วนรายละเอยี ดของวงปี่พาทย์และวงสากล
นั้น ประกอบไปด้วยอะไรบ้างนั้นไปดูได้ในเอกสารนะครับ ตรงนี้นะครับ คราวนี้ ในเรื่อง เอ่อ ของท่ารํา เรา
กลับมาที่ท่ารํา ผู้ประดิษฐ์ท่ารําเป็นปรมาจารย์ของปรมาจารย์ของทางด้านนาฏศิลป์ไทยเรานะฮะ ก็จะมี คุณ
ลมุล ยมะคปุ ต์ คุณกระหม่อมต่วนนะคะ แล้วก็คุณครูมลั ลี คงประภศั รค์ ะ เป็นผูป้ ระดษิ ฐ์ท่ารําตรงนี้นะ หม่อม
ต่วน ภัทรนาวิกเนี่ยนะฮะ นะตามปรากฏในภาพซึ่งปรากฏอยู่ในเอกสาร พวกนี้มีอยู่ในเอกสาร. นะ. ซึ่งเราไป
หา สามารถหาองค์ความรู้ได้จากเอกสาร. นะ. ที่ครูรวบรวมแล้วก็เรียบเรียงไปใหต้ รงนี้นะครับ. ต่อไป เป็นใน
ส่วนของ ท่ารำ เนื่องจากว่าจากรำโทนในแตล่ ะท้องถิ่นนั้นนะฮะ ที่เห็นได้ชัดเลย ครูบอกแต่เดิมแลว้ วา่ มนั เปน็
เรื่องของการเกี้ยวพาราสีกัน เพราะฉะนั้นกระบวนท่ารําแต่เดิมเป็นการรํา ตีบท เราเรียกว่ารำตีบท. นะ.
อย่างเช่น เจ้าช่อมาลี. คนดีของพี่เข้ามา สวยจริงหนา เวลาค่ำคืน. จะเป็นการตีบทตามเนื้อเพลง ในแต่ละ
ท้องถิ่น. แล้วก็รํากันไปเป็นวงกลม แต่พอกรมศิลปากรมาจัดทําเป็นรําวงมาตรฐาน. ที่ครูบอกแล้วมาเป็น
ปรมาจารย์ทางด้านละคร. เพราะฉะนั้นท่านก็ใช้องค์ความรู้ทางด้าน เนี้ย มาคิดประดิษฐ์. แล้วก็จัดระเบียบ
ความลงไป. ในสิบเพลงที่ปรากฏนั้น. นะครับ เช่น เพลงงามแสงเดือนเราจะใช้ท่าสอดสร้อยมา ในรำวง
มาตรฐาน ถ้าร้องเพลงงามแสงเดือนใหม่ จะใช้ท่าอื่นไม่ได้นอกจาก ท่าสอดสร้อยมาลา หรือว่าถ้าเป็นเพลง
ชาวไทยเราก็จะใช้ท่าชักแป้งผัดหน้า หรือท่าเป็นเพลงรำมาซิมารำเราจะใช้ท่ารำส่าย คือถูกบังคับความเป็น
มาตราฐาน ความเป็นระเบียบไว้. เราจะไปใช้ท่ารําอื่นไม่ได้. ปรมาจารย์ท่านกํากับไว้เลย. ในสิบเพลงนี้จะมี
ทงั้ หมดสิบหกท่า. นะครับ. อันน้ีผมสรปุ เปน็ รอ้ ย. มาพดู คุยกนั . แตใ่ นเอกสารจะเขยี นไวห้ มดแลว้ . อันน้ีคือองค์
ความรู้. ในเรื่องของ การรำวงมาตรฐาน. คือสิ่งที่ต้องควรจําคือในกระบวนท่ารำ. กระบวนท่ารำของ รำวง
มาตรฐานที่เรา พัฒนามาจากรำโทน แนวคิดที่เราสร้างสรรค์ขึ้นจากรำโทนนั้น แต่เราจะไม่ใช้กระบวนท่ารํา
เหมือนรำโทน เพราะรำโทนเป็นการตบี ทไปตามเน้ือร้อง นะในแต่ละท้องถ่นิ จะเป็นการตบี ทไปตามเนื้อร้องน้ัน
นะ แต่ในรําวงมาตราฐาน เราจะใช้ท่ารำที่มาจากแม่บทมาเป็นท่ารําในสิบเพลงและก็กําหนดเลยว่าเพลงนี้ใช้
ทา่ รำอะไร เชน่ งามเเสงเดอื นใช้ท่าสอดสรอ้ ยมาลา ชาวไทยใชท้ ่าชักแป้งผดั หน้า ยามคืนเดือนหงายใช้ท่าสอด
สร้อยมาลาแปลง ดวงจันทร์ใช้ท่าแขกเต้าเข้ารัง กําหนดเลยนะ กําหนดไปตายตัวถึง มันถึงเกิดความเป็น
ระเบียบและกค็ วามเปน็ มาตรฐานขน้ึ คราวนี้ขอ ขอผจู้ ดั สไลด์ไปทเี่ คร่ืองแต่งกายนิดหนง่ึ ครบั . นะฮะ. ลกั ษณะ
ของเครือ่ งแตง่ กายนน้ั . ในยุคแรกเลยนะ. ในยคุ แรกของการราํ วงมาตรฐาน. เออ. ยุคแรก. เรายังไมม่ อี ะไร. นะ.
เนื่องจาก นะ เนื่องจากว่าในยุคนั้นน่ะ เป็นยุคของจอมคุ้มครอง. เพราะฉะนั้นทําตะวันตกเข้ามามีอิทธิพลนะ.
อ่า ผู้หญิงไทยเรา แต่เดิม นุ่งโจงกระเบน กินหมาก ไม่ใส่เสื้อ ห่มผ้าออกไปนอกบ้าน นิยมผ้าถุง. ใส่หมวกเปน็
แฟชั่น. นะ. ท้งั ผหู้ ญงิ ผชู้ าย ผู้ชายใส่สทู จะเทห่ ม์ าก นะครับ ยคุ แรกในเรือ่ งของการรำวงมาตรฐานนะคะ เคร่อื ง
แต่งกายมักจะเปน็ ลกั ษณะการแตง่ กายเหมือนกันหมดเลย ในยคุ แรก ผู้ที่นําทง้ั หกท่าน เนยี่ กไ็ มม่ ีแลว้ . ท่านไป
ดําใน ในยุค ในโลกของท่านแล้วปัจจุบันนี้. ไม่ว่าจะเป็นคุณครูสุวรรณี. คุณครูอาคม. อ่า คุณครูธีรยุทธ. หรือ
31
คุณครู. อ่า. คุณครูจํานงนะ. คุณครูจํานงมากที่สุด เนี่ย. เหรอ? นะ. ทุกท่านทั้งหกท่านทั้งฝ่ายหญิงฝ่ายชาย.
เนี่ย ไม่อยู่แลว้ นะ. ผ้ทู ร่ี ำในยคุ ถา้ ทา่ นอยบู่ างทา่ นก็อายุ จะร้อยป.ี นะครบั . ตรงนีน้ ะครับ. นะ. สง่ิ ต่างๆเหล่าน้ี
เนี่ย นะฮะ. นั่นก็คือ เครื่องแต่งกาย. ต่อมากรมศิลปากร เนี่ย ไม่เอาล่ะ. คือในยุคนั้น เนี่ย เป็นยุคเบื้องหลัง
สงครามโลกนะ. วัสดุอุปกรณ์ต่างๆที่จะซื้อตามมาตัดเสื้อผ้าก็แพง. แต่งงบประมาณของราชการก็มีไม่มาก.
ประมาณเราถึงมีการปรับและตกแต่งเครื่องแต่งกาย นะครับ 4 แบบ เนี้ย แบบแรกเราเรียกว่า ลักษณะเป็น
แบบชาวบา้ น เด๋ยี วรายละเอยี ดให้ผูร้ ว่ มสัมมนาเขา้ มามีบทบาทดว้ ย เราจะสนกุ สนานกนั . ต่อไปก็คือแบบ แบบ
ท่ี 2 อนั น้เี ปน็ รชั กาลท่ี 5 . เปน็ ชุดทผี่ ูช้ ายเป็นตวั แทนของขา้ ราชการในสมัยนนั้ ส่วนผู้หญิงเป็นชุดออกงาน แต่
ต้องขอนำเรียงก่อนว่าลักษณะนี้มันเป็นเรื่องของการแสดงนาฏศิ ลป์ไทยเพราะฉะนั้นมันจะมีการบูรณาการ
ตกแต่งในสมยุคง่ายๆ ดูตัวอย่างผู้หญิงแต่งชุดในรัชกาลที่ 5 ก็จริงแต่ดูทรงผมไม่ใช่รัชกาลที่ 5 ล่ะ ทรงผม
รัชกาลที่ 5 ต้องเป็นทรงดอกกระทุ่ม แต่นี่ไม่ใช่ดอกกระทุ่มแล้วเพราะเนื่องจากในยุคนั้นเรามีการทำทรงผม
ม้วนผมไว้ผมทรงบ๊อบทรงต่างๆ วัฒนธรรมต่างๆถูกนำมาใส่ในการแสดงนาฏศิลป์ เพราะฉะนั้นถ้าเป็นรำวง
มาตรฐาน. ถูกต้อง. มีเคย เคยเจอประสบการณ์จากการไปตัดสนิ ประกวดรำวง มผี เู้ ขา้ สง่ ประกวดว่า ทําไมของ
หนไู มไ่ ดแ้ ตง่ ร.5 ร.5 ก็ต้องทำทงี ผมดอกกระทุ่ม อันนั้นเป็นประวตั ิศาสตร์ สภาพวถิ ีชีวติ ทางสังคม สภาพ ชีวิต
ของ อ่า คน การแต่งกายของมนุษย์ในสังคม ในยุคราชการที่ 5 ใช่ ผมทรงดอกกระทุ่ม แต่การแต่งกายของรำ
วงมาตรฐานเปน็ การแต่งกายของการแสดงนาฏศลิ ปช์ ุดรำวงมาตรฐาน มีการประยุกต์ในเร่ืองของทรงผมเข้ามา
ใช้ อันนี้เราต้องแต่งตาม เพราะตอนนี้เรานําเสนอในเรื่องของการแสดงนาฏศิลป์ไทยนะคะ โอเคต่อไปครับ.
ครบั . อันนเ้ี ป็นชดุ ไทยสากล นะฮะ. คอื ลกู ผชู้ ายใส่สูท. นะ. และก็ผ้หู ญงิ ในชุดไทย. นะ. พระราชนิยมนะครับ.
ต่อไปครับ. อันนี้เป็นในยุคนั้นที่เราสร้างเครื่องแต่งกายขึ้นมา เราตั้งชื่อชุดนี้ว่าชุดราตรีสโมสร ในยุคนั้นท่าน
เปรมกำลังดังหล่อมากในประเทศไทย เมื่อใส่เสื้อพระราชทานแขนยาว แล้วก็คาดเอว ผูกเอวอย่าง เงี้ย หล่อ
มาก เนี้ย ก็ได้แนวทางตรงนั้นมา แล้วก็ผู้หญิงก็แต่งชุดไทย นะ ชุดไทยห่มสไบแต่มีการจัดเดฟตรงสไบ มีการ
สร้างสรรค์ชุด นะฮะ มีการสร้างสรรค์ชุดขึ้น มาตรงนี้นะครับ. นี่คือลักษณะของการแต่งกายในชุดรําวง
มาตรฐานนะ. ซึ่งกรมศิลปากรกําหนดออกมา เนี่ย. มีการแต่งกายอยู่ 4 แบบ . และเวลาแสดง เนี่ย การแต่ง
กาย เนยี่ เรากจ็ ะกาํ หนดในแตล่ ะยุคแต่ละสมยั เนี่ย เรียงลําดับกนั มาเชน่ เริม่ ต้นด้วยชาวบ้าน แล้วก็มาตอ่ ด้วย
ร. 5 มาต่อชุดไทยสามคนท่ีใสส่ ทู แล้วก็มาปดิ ด้วยราตรสี โมสร อนั นีค้ อื เป็นระเบียบ นะ เราจะเอาชุด คนนี้เรา
อยากแต่งชุดไหนก่อน ก็แต่งมาไม่ได้ เราชอบชุดนี้ก็ขอเป็นคู่หนึ่งไม่ได้ คู่หนึ่งกําหนดไว้เลยว่าต้องแต่งเป็น
ชาวบ้านสดุ ท้ายก็ตอ้ งแต่งเปน็ ราตรีสโมสร. อันนี้เป็นรูปแบบอีกรูปแบบหน่ึงในการนําไปใช้. หาในการนําไปใช้
ว่า. พอเวลาลักษณะเราไปแสดงแล้ว เนี่ย. เอ่อ. ผมต้องการที่แขก. ผมต้องการจะอยากให้รำวง ให้แต่งกาย
เหมอื นกัน. สามารถทาํ ได้ไหม? ก็ทําได้. แตเ่ ราก็ดงึ มาจากจดุ ใดช้ินหนึ่ง. จะเปน็ ชดุ อ่า. ชาวบ้าน. ชุดดออาม่า.
หรือชุด แบบ ไทยสากลหรือชุดราตรีสโมสรก็ได้. แต่ มันไม่ได้เป็นการแต่งกายแบบเต็มรูปแบบในการทํา
มาตรฐาน. อัน เนี้ย เป็นการแต่งกายที่โอเค. เราจุดประสงค์ของเรา. เราอยากให้แต่งแบบเดยี วกัน. เหมือนกัน
32
ได้. ได้. ตามจุดประสงค์ของเรา. เราตอ้ งการ. ฉะน้ัน แต่ความถูกต้องของการแต่งกายในสมาคมแห่งมาตรฐาน
ที่ถูกต้องแล้วเป็นมาตรฐานแล้ว ต้องตัดสินแตกต่างที่ ชี้แจงไป ให้รายละเอียดไปนะครับ ตรงนั้น นี่ก็คือ
ลักษณะของการแต่งกายนะครับ แล้วก็จะมีกําหนดอีก มีในเรื่อง การผ่อนสไบ จะต้องอยู่ตรงไหน ต้องจง นุ่ง
โจงกระเบนจะต้องอย่ตู รงไหน? สภาพดา้ นไหน? ดอกไม้ตดิ ดา้ นไหน? เปน็ ขอ้ กําหนดสง่ิ ตรง เนยี้ . เพราะฉะนั้น
ผู้ที่ อ่า อ่า จะนําไปใช้นะ. เราก็ต้องศึกษา ลักษณะของการแต่งกายเป็น แฝงอยู่ในองค์ความรู้หรือศาสตร์
ทางด้านนี้นะฮะ. นี่ก็เป็นในเรือ่ งของครา่ วคร่าว. ในเรื่องขององค์ความรู้. แต่ถ้ายังไม่ละเอียดพอ. อยากได้องค์
ความรู้ที่ชัดเจน. เข้มข้นกว่านี้อีก แต่จะไม่ใช่เรื่องของทักษะปฏบิ ัติ. อันนี้เรามาเข้าเรือ่ งของเรา. ขอขอต่อเลย
ได้ไหมครับ? ท่านพิธีกร. ต่อเลยได้ไหมครับ? ได้เลยค่ะ ค่ะ ท่านอาจารย์ขา ค่ะ ต่อเลยในเรื่องขององค์ความรู้
เรากลับเข้าไปสู่ ในเรื่องของกระบวนการ ในเรื่องของค่าเรา วิธีการ ปฏิบัติในด้านซ้าย จากหัวข้อที่ท่านสา
สมหมาย นั้นเป็นเรื่องของการ การนํา รําวงมาตรฐานที่ติดต่อการแสดงและการแข่งขันที่เหมาะสมกับ
สถานศึกษา อนั นี้ก็ตคี วามวา่ ลกั ษณะของเราโกงมาตรฐานทเ่ี ปน็ การแสดงเป็นอยา่ ง นะ. นเ่ี ปน็ การแข่งขันเป็น
อย่างไร. และสถานศึกษาเป็นอย่างไร? ผมขอคืนทันสมัย. นะครับ. เนื่องจากว่า. เราปรับปรุงมาตรฐานนี้. ถูก
บรรจุไว้ในการเรียนการสอนของ ศึกษาธิการ ทุกระดับชั้นในหลักสูตร. ถูกมั้ยฮะ? มันจะมีประถมเขต. คําคม
มาตรฐาน. มัธยมต้นก็มีนามสูงมาตรฐาน. มัธยม ปรายก็มีรำวงมาตรฐาน. จึงเกิดรายการที่เราเรียกว่าแข่งขัน
ทกั ษะวิชาการใน ทางดา้ นนาฏศลิ ป.์ เร่อื งรำวงมาตรฐานเกิดขน้ึ มา. อัน เนย้ี แหละ. การแขง่ ขนั ทกั ษะทางด้าน
วิชาการ เนี่ย. มันเป็นเรื่องของการนําไปใช้องค์กร. เริ่มต้นจาก รําวงมาตรฐานที่รัฐบาลอาจมอบให้กรม
ศลิ ปากรจัด นะ จัดสรา้ งขนึ้ หรอื จดั ทาํ ชดุ น้ัน เป็นในเร่อื งของรูปแบบของการแสดง รปู แบบของการรํา ที่จะไป
โชว์ในที่ต่างต่างว่า เอ่อ การนําโทน เนี่ย มันไม่เป็นระเบียบนะ. รัฐบาลเขามอบหมายให้กรมศิลปากร ทํากับ
กลุ่มมาตรฐานที่เป็นระเบียบขึ้น. เราก็ออกเผยแพร่แบบ นะ. ต่อมานะ. การศึกษาสนใจ อยากได้เป็นไว้เป็น
หลักสูตร. นะ. ก็เลยนาํ ไปใส่ไว้ในหลกั สตู ร. พอนําไปใส่ไวใ้ นหลกั สูตรน.้ี เกดิ อะไรขึน้ ? กเ็ กดิ อะไร ปญั หาขนึ้ มา.
ปัญหาประการแรกในเร่ืองของการรำ. ตอนแรกเราลองติดต่อกันเลยสิบเพลง. เราไม่มีการหยุด. เพราะเราเป็น
องค์ความรู้ท่ีเราออกไปโชว์ไว้. เขาดู. ถ้าออกไปเผยแพร่ให้ดูว่าเราคงมาตรฐาน เน่ีย. ต้งั แต่เพลงท่ีหน่ึงถึงเพลง
ที่สิบ รําอย่างนี้นะ พอจบแล้วเราก็เข้าเวทีมา สบาย ท่านก็ดูพระเอก แต่พอที่อยากจะศึกษาเรื่องของรำวง
มาตรฐาน แล้วก็เอาไปประกวดไว้ในหลักสูตรการเรียนการสอน ในสถาบันการศึกษาวิทยาลัยนาฏศิลป์ที่เป็น
แต่พอหลักสูตรการเรียนการสอน ของกระทรวงศึกษาในระดับการศึกษาเนี่ย ตั้งแต่ชั้นประถมถึงมัธยมปลาย
เนี่ย. เป็นการสอนที่ไม่ติดต่อกัน. จะต้องวิเคราะห์ท่า วิเคราะห์รายเอ่อเพลงที่จะสอนโดยครูผู้สอน. จาก
หลักสูตรเช่นประถมศึกษา. หัดสอนสามปีมัธยมศึกษาตอนต้น สองเพลง สี่เพลง เหลืออีกสามเพลงไปไว้ตอน
ปลายเน่ยี กจ็ ะครบสิบเพลง เพราะฉะนน้ั รูปแบบการราํ เราจึงต้อง มีปรบั ปรงุ หรอื วา่ พฒั นาให้ใหมจ่ ากการท่ีเรา
นําติดต่อกันไม่หยุดเลยสิบเพลงมันก็จะต้องเริ่มรําทีละเพลง ทีละเพลง แล้วแต่ฮะ พอหลักสูตรปรากฏใน
กระทรวงศึกษาขึ้นมา ผู้สอนก็ต้องไปวเิ คราะหห์ ลักสูตรข้ึนมาว่าระดับประถมใช้เพลงอะไรระดับมัธยมใช้เพลง
33
อะไร ระดับมัธยม ตอนปลายใช้เพลงอะไรก็ไปดูความยากง่ายในสิ่งที่เหมาะสม ก็แล้วแต่จะวิเคราะห์เอา
อย่างเช่น อะ เพียงหนึ่ง สอง สาม อาจจะใช้อยู่กบั ประถมศึกษา สี่ห้าหกเป็นมัธยมตอนต้น ละเจ็ดแปดเก้าสิบ
ไปอยู่ในมัธยมปลายอะไรก็แล้วแต่ อยู่ที่ครูผู้สอนจะวิเคราะห์หลักสูตร ออกมาแล้วก็ทําพิธีการสอนกันออกมา
มันก็เลยมีกระบวนวธิ ีการนาํ ทเ่ี ราเรยี กวา่ รําแต่ละเพลงแลว้ ต้องหยุด คราวนพี้ อรําแตล่ ะเพลงแล้วต้องหยุด ใน
แต่ละเพลง เราจะเรียกว่า ในทํานองดนตรีแต่ละเพลง. จะมีทํานองดนตรีนําเข้า. นะฮะ. อย่างเช่น ชาวไทย
ด้วยกัน. ได้ไหมคะ? ชาวอุทัยเจา้ เอ้ย เราจะมีทํานองดนตรขี องเขามา ในทํานองดนตรีนั้นน่ะ เราก็ยังไม่ให้เดก็
ราํ เพราะว่าเดก็ จะกลบั ไมท่ ัน เด็กไมใ่ ช่ เปน็ ศลิ ปินหรือเป็นอะไรทเี่ ขาราํ กันไดค้ ล่อง ก็เลยไปกําหนดใน ทํานอง
เพลงร้อง. เริ่มต้นจากชาวไทย. พอเริ่มจากชาวก็เลยย่ำเท้าซ้าย ทุ่มเท. นะ. ตั้งแต่เพลงงามแสงเดือนมาจนถึง
เพลงที่ 10 . เราจะเริ่มด้วยเท้าซ้าย. ตัวเอง. แต่เริ่มด้วยคำแรกของเนื้อร้อง แล้วเมื่อเรารำแต่ละเพลงจบเราก็
หยุด. เพราะเนื่องจากว่าเพลงแต่ละเพลงที่ใช้สอนใน ของกระทรวงศึกษาในระดับประถมศึกษาและ
มัธยมศึกษากัน เราไม่ได้สอนติดต่อกันโดย 10 เพลง เราจึงนําติดต่อกันไม่ได้ตรงนี้. แต่ถ้าเราไปรําโชว์. ไม่
เป็นไร. แต่ในการเรียนการสอน. เราจะเป็นเเบบจริงๆ. นะครับ. มันจะเป็นลักษณะอย่างนี้. นี้ อีกนิดหนึ่ง เรา
ยังไม่เข้ารายละเอียดของท่ารําในแต่ละปีเป็นอย่างไรบ้าง นิดหนึ่งนะคะ ต่อไปในส่วนของ นะคะ ในส่วนของ
อ่า การรํา อ่า ของกรมศิลปากร เขาก็ยังมีรูปแบบการรำทีร่ ำติดต่อกัน. เพื่อเผยแพร่ให้ประชาชนได้ชมอยู.่ ใน
สิ่ง ใน ในการรําโชวห์ รอื การรําออกแสดงกบั สงิ่ อนื่ น้ัน. เขากย็ งั ปฏิบัติอยู่. มันก็เลยจะกลายเปน็ รูปแบบที่เขานํา
ติดต่อกัน. ทั้งสิบเพลงให้เห็นกับการ อ่า การเรียนการสอน คราวนี้ความแตกต่างมันก็แตกต่างกัน. นะคะ.
เพราะการรำติดต่อกัน 10 นั้นน่ะ. มันจะมีกระบวนการวิธีการรำที่ต้องเชื่อมต่อกันเลย เพลงหนึ่ง เพลงสอง
เพลงสาม จนครบ สิบเพลง แล้วรำเข้าเวทไี ป นะ. นน่ั กค็ อื รปู แบบทีส่ องคือรำตดิ ตอ่ กัน. รปู แบบท่ีหนึง่ ก็คอื ที
ละที. ทีละเพลง. ทีละเพลง. นะคะ. ตรงนี้. คือมาร สังคมในปัจจุบันมีปรากฏอยู่ในการเรียนการสอน.
เพราะฉะนั้น เนี่ย แหละ. สิ่งที่เกิดขึ้น ต่อมา เนี่ย ก็ยังไม่หยุดอีก มีการนํา เรื่องของรำวงมาตรฐาน ไปแข่งขัน
ในสถาบันการศึกษา คราวนี้แข่งขันในแต่ละต้องมีการกําหนดแต่ละชั้น ถูกปะ ในช่วงชั้นประถมมีเพลงบังคับ
อีกนะ เพลงบงั คับ เพลงเลือก แลว้ กเ็ พลงจับฉลาก เพลงบังคบั ในระดับประมเนยี้ อย่างคืนเดือนหงาย มธั ยมต้น
เพลงบังคับต้องเพลงรำมาซิมารำ ม.ปลายต้องเป็นเพลง อ่า ดวงจันทร์วันเพ็ญ อย่างเงี้ย ดวงจันทร์วันเพ็ญ
อย่าง เงี้ย นะคะ. มันก็เลยกลายเป็นว่า ก็เลยกลายเป็นว่าแต่ละเพลงที่ใช้ในการแข่งขันก็ไม่ติดต่อกันเอง.
อย่างเช่นเพลงบังคับเพลงที่สี่ แต่คุณชอบเพลงที่หนึ่งแหละคุณก็ไปเลือกเพลงที่หนึ่ง สี่แล้วมาถึงเพราะฉะน้ัน
การปฏิบัติติดต่อกันมันเป็นไปไมไ่ ด้ทั้ง เพลงที่ปรากฏทีจ่ ะมานาํ เสนอ ทํานองเพลงน้ี มันจะเชือ่ มต่อกันไมไ่ ด้ไง
ฮะ ด้วยระดับเสยี งของเพลง ก็ไมเ่ ท่ากัน ถูกไหมครบั เนี่ยแหละ มนั ถงึ เกดิ วา่ มันจะต้องเป็นรำ แต่จะเปลี่ยนเร็ว
อยู่ แล้วเพลงจับฉลากคุณไปได้เพียงสี่อย่างเงี้ย เพลงไม่ได้เรียงติด ต่อกันเป็น หนึ่ง สอง สาม นี่ก็คือลักษณะ
ของ อ่า รูปแบบงานที่ถูกนํามาใช้ในเรื่องของการแข่งขัน การฝึกทักษะตรงนี้ นะฮะ คราวนี้ไปเรื่อง ในเรื่อง
ของท่ารํา ลงลกึ เข้าไปในเร่อื งของทา่ รำอีก. แตเ่ ดมิ ในยุคของอาจารยท์ ั้งหกท่านที่ท่านเสียชีวิตไปแล้วท่ีให้ดูรูป
34
ในรูปเคร่ืองแต่งกายน้ัน. นะครับ. แต่เดิมเลยนะครับ. เราบอกว่ากระบวนทา่ รําเราจะเร่ิม ด้วยเท้าซ้าย ของคํา
ร้องเพลงแรก ของคําร้องในแต่ละเพลงเริ่มด้วยเท้าซ้าย นะฮะ ก็เลยเกิดน่ะ ในยุคของครูบาอาจารย์ทั้งหก
ท่านน่ะ ท่านก็เริ่มน่ะ เริ่มปฏิบัติการเพลงงามเเสงเดือน ได้ท่าสอดสร้อยมาลา ท่านจะย่ำจังหวะเท้าซ้ายเลย
โดยเรมิ่ จากคาํ วา่ เดือนจังหวะใหญ่ ดว้ ยเทา้ ซ้าย งามแสงเดือนละย่ำเท้าซา้ ย. นะคะ. แลว้ ทา่ นก็จะรําไปเรื่อยๆ.
เกณฑ์หนึ่งมีแปดจังหวะ. กระบวนท่ารำแปดจังหวะ สิบหก. แล้วก็สี่จังหวะ. กึ่งกลาง. พอแปดจังหวะก็หมด.
คราว เนยี้ . พอเปน็ ลักษณะอยา่ งเน้ียก็ปฏิบัติกนั มาเรื่อยๆ ตอ่ มาคณุ ครูลมุลทา่ นเป็นหนึง่ ในประดิษฐท์ ่ารำ ท่าน
ก็เลยบอกว่าเออคำว่าเราเล่นที่หมุนตัวเนี่ยควรจะไหล่ผู้หญิงกับผู้ชาย ต้องรับกัน. หรือว่าต้องกินกัน. แล้วก็
ปรับ. จากวงเดียวเป็นสองวง. จะความยาก. มันจะขึ้นอยู่. เดี๋ยวนะ. ความงง. ของผู้เข้ารับฟัง. แต่ถ้าเป็นพวก
นาฏศิลป์ ก็จะพอรู้นะ. มันจะเริ่มว่า. คําว่าเราเลน่ . เราเล่น เนี่ย มือต้องลงวงมาเลย มืออีกข้างหนึ่งก็จบี ท่ชี าย
พบเลย จะไมเ่ ต้นค่อยเดินไปเหมือนรุ่นแรกๆ อะ สี่จังหวะแล้วไปแปดจังหวะ พอคาํ ว่าเราเล่นต้องจีบ แล้วก็ตั้ง
วงเลย แล้วก็ไหล่กินกัน ตวั ละครทัง้ ตวั ผหู้ ญงิ และผชู้ าย ต้องเป็นเท้าใน เทา้ ซ้าย เนย่ี ตรงกับว่าเดอื น เน่ีย คํา
ว่าเราเลน่ จะไมเ่ ป็นเทา้ ขวาจะกลายเปน็ เท้าซ้าย. เพราะฉะน้ันกล็ งมาไม่ได้. เทา้ กบั มือเป็นคนละข้างกนั . ท่านก็
เลยปรบั . เป็นคาํ ว่างาม. เหมอื นปัจจบุ ันท่ีเราปฏบิ ัติอย่.ู แบบน้.ี พอปฏิบตั ิกันอยูเ่ นยี้ เป็นคําว่างามพอคําว่าเรา
เล่นเราก็รำไดเ้ ลย นะฮะ แตใ่ นยคุ แรกเขาคาํ ว่าเราเล่นเขาไม่ได้มารำ กนิ กนั เลยเขากร็ ําไปเรื่อยๆ หมุนตัวแล้วก็
แลกวงกันไปเรื่อยๆแปดจังหวะตั้งวง ตรงนี้ นี่ไงฮะ นี่ก็คือ หลักฐานแล้วก็เหตุผลที่ปรากฏว่าทําไมถึงจะมีการ
เปลี่ยนแปลง แล้วก็ปรับเปลี่ยนแล้วให้มันเป็น เป็นอยู่ในปัจจุบันที่เราเห็นกันอยู่ในปัจจุบันนี้ นะคะ. แล้วก็
ผู้หญิงก็จะยังหมุนตัวด้านซ้าย. ทําไมยังหมุนตัวด้านซ้ายอยู่? เพราะเนื่องจากว่าเกณฑ์รําซิมารำในเพลงที่สาม
เนี่ย. วิธีการ ด้วยท่ารำส่าย. ท่ารำส่าย. แต่วิธีการปฏิบัติการ ย่ำเท้า การเข้าวงการสับเปลี่ยน เนี่ย เหมือนกับ
เพลงงามแสงเดือน แล้วเพลงรำซิมารำ เนี่ย เขาลงจังหวะแรกด้วยคําว่ารำด้วยเท้าซ้าย มันเป็นจังหวะใหญ่
แล้ว ไปเปลี่ยนไม่ได้ เพราะฉะนั้น ก็เลยต้องปฏิบัติจริงๆนะครับ. เตือนในขณะเรียนการสอนว่าเราก็ยังหมุน
ซ้าย. เข้าด้านใน. แต่! เปลี่ยนมาเป็นเราเลน่ เนี่ย ให้ไหล่กินกัน. แต่ลงคำ. แล้วก็ไปลงคําว่างาม. เป็นคําแรกที่
เท้าซ้าย นี่คือการเปลี่ยนเหตุผลที่ต้องเปลี่ยนแปลง แต่อีกส่วนนึง ส่วนที่ยังเป็นการแสดงของกรมศิลปากรอยู่
เขาจะเริ่มต้นด้วยคําว่างาม เหมือนกัน เริ่มต้นด้วยเพลงแรกด้วยคําว่างาม คําร้องว่างามเหมือนกัน. แต่ทําไม
เขาต้องเป็นทางขวา. หรอื หมุนนอกของผู้หญงิ . เพราะเพลงต่อๆไป. จังหวะจะไปตบ. ทเี่ ท้าขวาทุกเพลง. ตั้งแต่
เพลงที่สี่. เห็นไหม? งามแสงเดือน. พอเรางามแรกแล้ว จังหวัดตบ เนี่ย มันไปตบที่ เท้าขวา. เห็นไหม?
เพราะฉะนน้ั เวลาเขา ติดตอ่ ไป. ต่างต่าง เน่ยี . เพลงทุกเพลงไปตกทเี่ ท้าขวา. การหมนุ ตวั เด็กเองที่ตึงและเพลง
ที่สามเขาก็เลยต้องอยู่ทางด้านขวามือเพราะเนื่องจากจังหวะตบของเท้าจังหวะใหญ่ที่ตบของเท้าเนี้ยในการ
ปฏิบัตติ ิดตอ่ กันทัง้ ทํานองเองดว้ ยทาํ เนื้อรอ้ งดว้ ยเนย้ี ตั้งแต่ตน้ จนจบ เนีย่ . จังหวะไปตบท่ีเท้าขวา. ครับ. อันนี้
กค็ ือสิง่ ท่เี กดิ ข้นึ . ใน การราํ วงมาตรฐาน. นะ. ทัง้ สบิ เพลง หนาสบิ เพลงนะ. ท่ารำท่ใี ช้. มีไม่ทราบว่าต้องบอกอีก
ไหม? หรือว่าให้ผู้เข้ารว่ มสัมมนาไปดูทีนะว่า. เพลงที่หนึ่ง. สอดสร้อยมาลาใชท้ ่าอะไร? เดี๋ยวใช้การพูดคุยกันดี
35
ไหมฮะ? พิธีกรว่า. ลักษณะของการปฏิบัติว่าอย่างเช่นท่ายามคืนเดือนหงายสอดสร้อยมาลาแปลงวง คงอยู่
ระดับไหน ผชู้ ายจะเกบ็ องศาแค่ไหน ผมวา่ เด๋ยี วเรามาพดู คยุ กัน
อาจารยพ์ ทั ธนนั ท์ อธติ งั : ได้เลยค่ะ นเี่ ลยค่ะ เชอื่ ว่า เชือ่ วา่ พดู แลว้ เข้ารว่ มสมั มนานะคะ น่าจะมีโอกาสเปิด ใน
ส่วนของเอกสารไปบ้างแล้วนะคะ. แล้วก็อาจจะมีหลาย ค่ะ. หลายๆท่านนะคะ. ที่อาจจะมีคําถามบ้างนะคะ.
รวมไปจนถึงพิธีกรเองนะคะ. จริงๆมี มีคําถามด้วย. เพราะว่าพิธีกร เนี่ย ต้องบอกเลยว่าไม่ได้มาทางสายนี้นะ
คะอาจารย์.
ดร. ชวลิต สนุ ทรานนท์: ครับ.
อาจารย์พัทธนันท์ อธิตัง: ก็คือ พอฟัง เนี่ย พอฟังท่านอาจารย์แล้ว ทีนี้ เนี่ย ค่ะ. หนู หนูขออนุญาตเปิด เปิด
ประเด็นเองด้วยคําถามนีก้ ่อนเลยได้ไหมคะ? อาจารย์?
ดร. ชวลติ สนุ ทรานนท์: ไดค้ รับ.
อันนี้ อันนี้คอื คําถามสว่ นตัวของหนเู องเลยนะคะ.
ดร. ชวลติ สนุ ทรานนท์: ครบั . ยนิ ดคี รบั .
อาจารยพ์ ัทธนันท์ อธิตัง: และเกี่ยวกับผเู้ ข้าร่วมสมั มนา. ค่ะ. กค็ ือว่า คือหนูอยากร้คู ่ะ. วา่ แสดงวา่ ในสว่ นของ
การแตง่ กาย อะ คะ่ มันมีมาตรฐานของมนั วา่ อ่า จะตอ้ งแตง่ เปน็ แบบทีห่ นึ่ง แบบชาวบ้าน แบบทสี่ อง รชั กาล
ทห่ี ้า แบบท่ีสาม ไทยสากล แล้วกแ็ บบท่สี ี่ เนีย่ ราตรีสโมสร ถ้าหนูเข้าใจไม่ผิดก็คือว่า ถ้าสมมุติว่ามันไม่ใช่เวที
ของการแข่งขันหรอื ประกวด เราสามารถแตง่ ตามทเ่ี จา้ ภาพแจ้งเราได.้ ถูกไหมคะ?
ดร. ชวลิต สุนทรานนท์: ไดเ้ ลยค่ะ. ไมไ่ ด้ผดิ มาตรฐาน.
อาจารยพ์ ัทธนนั ท์ อธิตงั : ถึง. เขาเรยี กวา่ ถา้ ไมผ่ ิดกฎหมาย. ไมผ่ ิด. ไม่ผิด. กฎหมายอะไร?
ดร. ชวลิต สุนทรานนท์: ไม่ผิด แล้วก็แต่งได้ตามสบาย ไม่ว่าเจ้าภาพจะต้องการหรือเราต้องการจะแต่ง ไม่มี
ใครมาจับผดิ เรา. ตรง เนย้ี ก็คอื ไมม่ รี ะเบียบเข้าไปจบั . ไมม่ ีระเบียบเขา้ ไปจับนะฮะ. ถ้าเราไม่ได้แขง่ กัน. แต่พอ
เรา พอเราแขง่ ขนั แลว้ มันมรี ะเบียบเพราะมันจับ มาจบั มันนะครับ. ว่าจะต้องแต่งกายตามระเบียบของเขา. นะ
ครบั .
อาจารย์พทั ธนนั ท์ อธิตงั : คะ่ .
ดร. ชวลิต สนุ ทรานนท์: ได้เลยครับ. เพราะบางทีรํา ราํ ร้อยคน ราํ สองร้อยคน อยากแตง่ ชดุ ร ห้า ทั้งสองร้อย
คน กไ็ ด้. ทัง้ ผูห้ ญงิ ผูช้ าย. หรอื จะแต่งแบบ ชาวบ้าน. แตง่ แบบ แบบไหน ไดห้ มดเลยคะ่ .
36
อาจารย์พัทธนันท์ อธิตัง : อ๋อ ค่ะ. อันนี้แสดงว่า เมื่อกี้ตอนฟังท่านอาจารย์ เนี่ย. พยายามตั้งใจฟังเลยว่า.
ทําไมเวลาเราเห็นคน รำบางงาน เราจะเห็นว่าคนเยอะ. แต่งตัวเหมือนกันหมดเลยนะคะ. ซึ่งวัน เนี้ย พอได้มา
ฟังอาจารย์ก็เลยได้รู้ว่า. อ๋อ! จริงๆวันนี้ สี่แบบ. ถ้าเราต้องการจะประกวดแข่งขนั . แต่ว่าเราต้องทําตามอยา่ งง้ี
ค่ะ. แถวหนา้ จะตอ้ งแบ่งทห่ี นึง่ ของชาวบา้ น. แถวทส่ี องเป็น. อ่า โอเคคะ่ . แสดงว่าอันน.้ี วทิ ยากรได้บรรยายมา
ตรงนี้. ทําให้พิธีกรนะคะ. ได้ทราบด้วย ทีนี้เวลาไปดูบนเวทีจะได้รู้แล้ววา่ อ๋อ อัน เนี้ย แต่งตามความต้องการ
หรือแต่งตามมาตรฐาน.
ดร. ชวลิต สนุ ทรานนท์: ครบั .
อาจารย์พัทธนันท์ อธิตัง:อันนี้ขอบคุณท่านอาจารย์มากๆเลย. ทีนี้ค่ะอาจารย์. เอ่อ อันนี้เป็น เป็นสิ่งที่อยาก
ให้อาจารย์ต้องเรียกว่าแลกเปลี่ยนเรยี นรู้แล้วกันหนูอยากรู้ค่ะว่า. แล้วเวลาที่เขาแข่งขันกันอ่ะอาจารย์ ท่ารํา
ท่าราํ ที่ แบบวา่ จะมีปญั หาหรอื ว่า แบบว่า มเี รอื่ งของความถูกต้องเข้ามา. เก่ียวขอ้ ง เก่ยี วเลย. เป็นปญั หาบ่อย
ท่สี ุด. เวลาทีเ่ ราเคยไปตัดสนิ . อา่ . อาจารยแ์ ชรใ์ หฟ้ ังหน่อยได้ไหมคะ? วา่ รำไหนหรอื วา่ อาจจะเป็นเพลงไหนก็
ไดค้ ่ะท่ีมปี ัญหาทสี่ ดุ เวลา เวลาที่ไปรำกันหรือไปแขง่ ขนั ประกวดแข่งขันกันนะคะ
ดร. ชวลิต สุนทรานนท์: คือคือต้องนําเรียนท่านเป็นคนพิธีกรก่อนนะครับว่า ก่อนที่ ที่จะไปถึงจะเป็นเรื่อง
ของท่ารำ ผมตอ้ ง ต้องฝากตรงน้ีว่า สงิ่ สิ่งทเ่ี ราจะไปทาํ อะไรตรงนนั้ . ใชไ่ หม? เราตอ้ งมีความรู้ในสง่ิ นนั้ ก่อน.
อาจารย์พัทธนันท์ อธิตงั : ค่ะ.
ดร. ชวลิต สุนทรานนท์: เพื่อที่จะไม่ให้เกิดขึ้น. ปัญหาเกิดขึ้น. เพราะสิ่งที่เราไม่คิดว่ามันจะจะ. คาดไม่ถึงว่า
จะเกิดปญั หา แตส่ ง่ิ ต่างๆอัน เน้ีย มนั เกิดขึ้นมาได.้ แตถ่ า้ เราชีแ้ จงให้สงั คม. ปัญหากจ็ ะไม่ม.ี จริงไหมครับ? ใน
เรื่องของลักษณะ แบบ กระบวนท่ารำ. เอาตามที่พิธีกรอ่านก่อน. ถูกมั้ยฮะ ปัญหามากที่สุดเลย นะ
ยกตัวอย่างง่ายๆ เอาดวงจันทร์วันเพ็ญ ค่ะ เพลงที่ห้า อันนี้ อย่างที่ผมเห็น จาก จากอันนั้นน่ะ จากการศึกษา
มาละ พอคาํ วา่ ดวงจนั ทรว์ ันเพญ็ นค่ี ือท่า แขกเต้าเข้ารัง ถูกไหมครับ ทา่ นี้ มาาทหี่ น่ึง แขกเต้าเขา้ รัง พอคร้ังท่ี
สองปุ๊บ ต่อไปเราจะเชื่อมดว้ ยท่าอะไรนะ ทา่ ผาลาเพียงไหล่ มอื ทเี่ ราชักจบี มาเปน็ จีบเน่ยี มนั คอื มอื ล่าง มาเป็น
จีบ ค่ะ ถูกไหมครับ แล้วแต่มือบนที่จีบบน เราจะไปตั้งวง เพราะฉะนั้นแล้วไหล่ทีเ่ ปน็ มือจีบน่ะมันจะถูกกดลง
ไป แต่ถ้าเราใช้มือจีบนี่สูง มันคือธรรมชาติ ไหล่ถูกกดแต่มือดัน สูงขึ้น. แต่ถ้ามือจีบมันลดลงมา. แต่จริงจริง
แล้วมันก็ไม่ได้ลดอะไรมากมาย. เพียงแต่เราชักมันเท่ากันแล้ว. พอกดตัวไป เนี่ย. จีบมันก็ลงมาเอง. ตรง เนี้ย.
ความเหลอ่ื มล้ำมัน. แค่อะไรฮะ? ขอ้ มอื เดยี ว. คือข้อนวิ้ ข้อน้ิว. ใช.่ แคน่ ัน้ เอง. คะ่ . นะคะ. แตถ่ ้าบางคน. ทําไป
สูง. อัน เนี้ย มันไม่ใช่. เพราะเป็นธรรมชาติของมนุษย์. ถ้าไหล่ไหนกดแต่คุณจะดันซึ่งมันเป็นไปไม่ได้มันขัด
อย่างเงี่ย ถกู ม้ัยฮะ นมี่ ันเปน็ เร่อื งของสรีระด้วย อนั นี้คือเหตุผลท่ีใช้ นะครับอันเน้ยี แล้วก็ตามหลักจริงๆ แล้ว
วิธกี ารปฏบิ ัตจิ ริงๆ มนั ก็ตอ้ งเปน็ อยา่ งไรแต่บางที บางท่านเขายังไม่เข้าใจนะ. เรากจ็ ะได้ให้ความรูท้ ่ี ท่ีเขา้ ใจกัน
ไปด้วยนะครบั . ค่ะ. ที่เห็นง่ายงา่ ย. ที่เห็นงา่ ยง่ายคือ คือท่านี้. และอีกอันหนึง่ . โครงสร้างของท่าอีกท่านี้ อันนี้
37
น้.ี เวลาขนึ้ ครงั้ แรกเราอย่าง ง้ี ขึน้ . ถูกไหมครับ? พอครง้ั ทส่ี องเราก็ตั้ง. แลว้ กข็ ้ึน. แล้วก็ชักจีบไปหงาย. พอท่า
ต่อไป. ทกุ คนจะดีข้ึนมาเลย. ครั้งต่อไป เนีย่ . ตกั จีบข้ึนมาเลยไมใ่ ช่. โครงสร้างเดมิ ก็คอื ต้องตงั้ มือก่อนขน้ึ มา. น่ี
ไง. อันนี้ก็คือรายละเอียดที่จะต้องเจอ. เพราะการกระบวนท่ารำ โครงสร้างเหมือนกันหมด. ค่ะ. ตรงนี้เราก็
หมุน. พอมาลงผาลาแล้ว. ท่านี้ก็ต้องตั้งก่อน. ไม่ใช่.บางที่ก็จีบ ขึ้นมา จ้วงจีบขึ้นมาอย่างนี้เลย ค่ะ แล้วก็ไม่
ไม่ใช่ ใน ในเพลงนี้ อ.พัทธนันท์ : ค่ะ ท่านอาจารย์ ก็ต้องบอกเลยว่า จริงจริงแล้ว ก่อนที่จะ ส่งเข้าประกวด
เนอะ ผู้ ท่เี ขา้ ประกวดนะคะ รวมไปจนถงึ ครูทีส่ ง่ เข้าประกวด เน่ยี อาจจะตอ้ งทําการศกึ ษามาตรฐานที่ถูกต้อง
ก่อน. นะคะ. เราถึงจะได้ อา่ เราฝกึ ซอ้ ม เนาะ. จะไดฝ้ กึ ซ้อมได้ถูกต้องตง้ั แต่แรกนะคะ. ซึง่ ท่านอาจารย์ก็บอก
แลว้ วา่ มนั มี องค์ความรูใ้ นส่วนของที่ ทเ่ี ป็นทางเอกสาร. แล้วก็ท้งั ในสว่ นท.ี่ อนั นีม้ เี ผยแพร่ทางเวบ็ ไซต์อะไร ไว้
บ้างแล้วใช่ไหมคะอาจารย์?
ดร. ชวลติ สนุ ทรานนท์: เผยเผยแพรแ่ ลว้ ครบั
อาจารย์พัทธนันท์ อธิตัง: แสดงว่าสําหรับในส่วนของคําถามนี้ที่ทางพิธีกรนะคะ. ถามท่านอาจารย์ไปก็คือ
ปัญหา เน่ีย เกดิ จากบางทเี ราอาจจะร้.ู หรือเข้าใจไมต่ รงกัน มันกเ็ ลยทาํ ให้นะคะเกดิ เป็นปญั หาระหว่างที่เราทํา
การ แข่งขันนั่นเอง. นะคะ แบบนั้นก็ต้องขอบคุณท่านอาจารย์มากมากเลยนะคะ. เดี๋ยวเราจะมีคําถามถาม
เร่อื ยเรื่อย. อาจจะเปน็ ช่วง ท้ายท้ายด้วยนะคะ.
ดร.พรเทพ บุญจันทร์เพ็ชร์: มาคุยเรื่องลักษณะของวันนี้พอดีว่าพอมาคุยเรื่องรำวงมาตรฐานแล้วก็อาจจะมี
การแสดงอยู่อยู่ประเภทหน่งึ กค็ ือรองเเงง็ นะครับที่กรมศิลปากรได้จดั ทา่ รํารําวงมาตรฐานข้ึนมาแล้วก็อาทิตย์น้ี
และได้ส่งบุคลากรหรือว่าครูบาอาจารย์ของกรมศิลปากรไปถ่ายทอดสดวงมาตรฐานให้กับให้กับบุคลากรทาง
การศกึ ษาของของจงั หวัดภาคใตจ้ งั หวัดปตั ตานียะลานราธวิ าสนะครับช่ือด้านหลังจากทวี่ า่ กรมศลิ ป์ไปถ่ายทอด
ให้คุณสมานแสงมาลีอนาคตตอนนั้นเป็นรัฐมนตรีกระทรวงศึกษาธิการแล้วก็อบรมร้องเองทั้งหมดปิดเพลงใน
วันที่จะปิดปิดการประชุมการประชุมการอบรมหรือว่าเรียกสมัยก่อนเรียกว่าออนต่อรองนะครับอบรมภาคฤดู
รอ้ นขนุ จารุวิเศษศึกษากรที่จะเป็นเป็นศึกษาธิการในสมัยนน้ั ของปตั ตานนี ะครับก็ไดเ้ กดิ แนวคิดว่าการแสดงรํา
วงมาตรฐานที่ทำขึ้นมาขึ้นของปัตตานีนะคะมันก็จะมีบางอย่างซึ่งมีลักษณะการแสดงที่ว่าเหมือนกับร ำวง
มาตรฐานนำเอาหลักการหลักการของของรำวงนะครับเอาหลักการและแนวคิดของรำวงมาตรฐานมารับนะ
ครับมาปรับรองเเงง็ ของปัตตานนี ะครบั โดยโดยยึดรูปแบบของรำวงมาตรฐานของกรมศลิ ปากรเป็นแนวทางการ
ทำแบ่งออกเป็นขั้นตอนก็คือรำวงมาตรฐานของกรมศิลปากรการแสดงชายและหญิงออกมาเป็นแถวเป็น แถว
ตอนนะครบั ผา่ นหนา้ ตอ้ งหากันเหมือนกนั ซ่ึงในขณะนีก้ ำลังมาตรฐานพอมาเจอผู้หญิงมาเจอกนั ก็จะแสดงความ
เคารพด้วยการไหว้แต่ว่าเนื่องจากว่าอย่างนั้นเป็นวัฒนธรรมของชาวไทยมุสลิมก็เลยให้ต่างฝ่ายต่างทำความ
เคารพด้วยการสลามนะครับแล้วก็ครั้งที่ 2 ในการรำแถวของของรำวงมาตรฐานต้องมีการเดินเป็นวงกลมใน
ลักษณะทวนเขม็ นาฬิกาแตว่ า่ ขุนจารุวเิ ศษศึกษากรซ่งึ เป็นผู้คดิ รปู แบบปรับรูปแบบน้ีก็ใหป้ รบั ใหแ้ ตกตา่ งกว่ารำ
38
วงนดิ นงึ จะแตกต่างด้วยการใหผ้ ู้แสดงหันหน้าเข้าหากนั แลว้ ก็รำตามกระบวนทา่ โดยทีว่ ่าเหมือนกับโดยกำหนด
เองขึ้นมาว่าเหมือนเพลงของรำวงมาตรฐานกำหนดเนื้อเพลงรำงามแสงเดือนท่านขุนจารุวิเศษศึกษากรก็
กำหนดด้วยเอาเพลงลาฆูดูวอซึ่งเป็นเพลงพื้นฐานของรำวงมาตรฐานของรองเง็งมากำหนดเป็นที่หนึ่งแล้วก็มี
เพลงเเลนางเพลงอีนางอะไรต่างๆนานาจนครบ 10 เพลงนะคะซึ่งเราก็จะทำตามกระบวนท่าจนจบเพลง
สุดท้ายในขณะที่รำวงมาตรฐานจบด้วยเพลงบูชานักรบก็มากำหนดดว้ ยมันจบจบด้วยเพลงอีนางรำมาเพือ่ เปน็
เพลงลาแล้วก็ขั้นที่ 3 ก็เมื่อนำจบเพลงในเพลงที่ติดของรำวงมาตรฐานขอให้ผู้แสดงเข้าเวทีละคู่ต่างกันตาม
ทำนองเพลงรองเเง็งก็เอาแบบนี้มาเหมือนกันนะครับโดยเอาหลักการและแนวคิดทุกอย่างจากโรงเรียนของ
โรงเรียนพื้นบ้านโดนยึดแนวคิดมาจากที่ว่ากระผมมาตรฐานมาจากรำโทนอันนี้ก็เอาจากรำวงพื้นบ้านที่มี
หลากหลายมีเป็น 10 30 เพลงแต่มาเลือกเสื้อผ้าให้เหมาะสมนะครับแล้วก็หลังจากนั้นมาก็เครื่องแต่งกาย
เคร่อื งแตง่ กายราํ วงมาตรฐานกำหนดเป็นรูปแบบว่า 2-3 รูปแบบอา่ นผลการศึกษาขนุ จารุวิเศษศึกษากรเข้ามา
กำหนดชั่วโดยยึดแต่งกายแบบชาวไทยมุสลิมเป็น 3 รูปแบบคือแบบชาวบ้านแบบชนชั้นกลางและชนชั้นสูงก็
คือพอไปดูลักษณะของการแต่งกายเนาะจะล้อมาจากรำวงมาตรฐานหมดเลยพอมาดนตรีหลักของของรำวง
มาตรฐานต้องคือนะครับพอมาดูของรองเเง็งขนุ จารวุ ิเศษศึกษากรก็เลยปรับจากจากจากโทนของภาคกลางก็ให้
มาเข้ากับวัฒนธรรมของรองเเง็งต้องใช้รำมะนาทุกอย่างนะครับแนวคิดต่างๆทุกอย่างสามารถเปรียบเทียบได้
เช่นเปรียบเทียบระหว่างรำวงมาตรฐานของโรงเรียนดนตรีเครื่องดนตรีหลักทรัพย์ฯรำวงมาตรฐานใช้โทน
รำมะนาเวลาแสดงความเคารพรำวงมาตรฐานใช้การไหว้ รองแง็งใช้การสลามวัฒนธรรมอิสลามแล้วก็รูปแบบ
และลักษณะการแสดงก็รำเป็นหมู่เหมือนกันนะครับกำหนดโดยกำหนดเลียนแบบมาจากรำวงมาตรฐานโดย
กำหนดว่าเดิมไม่ได้กำหนดรองแง็งงไม่ได้กำหนดแล้วแต่จำผิดคู่ก็ได้แต่ว่ามันเป็นแบบมาตรฐานข้อกำหนดผู้
แสดงถงึ 8-10 คู่เหมือนกนั นะครับแล้วกโ็ อกาสที่ใช้ที่ใช้รำวงรำวงมาตรฐานเอาไปใช้ในการแสดงต้อนรบั หรือว่า
งานแทนการเต้นรำลีลาศแบบชาวตะวันตกก็เช่นเดียวกันรองแง็งก็เนื่องจากวัฒนธรรมของเวลาสามจังหวะ
เวลาข้าราชการส่วนใหญ่เป็นเป็นเป็นมุสลิมเวลามีงานพิธีการศพต่างๆก็ใช้รองเเง็งแทน ส่วนรูปแบบมีทั้งรำ
ต่อเนื่องกันไปเนื่องกันไปทั้ง 10 เพลงหรือว่าเลือกมาแค่ 3 เพลงหรือว่าฝึกซ้อมเป็นจริงเป็นจังแล้วก็จบแล้วก็
จบแล้วก็จบด้วยการสลามทุกครั้งเหมือนกันนะครับ ซึ่งเมื่อก่อนเคยเคยไปสัมภาษณ์ขุนจารุวิเศษในปัจจุบันนี้
ท่านได้เสียชีวิตไปแล้วนะครับท่านถามว่าก็เลยไม่เคยมองว่าพี่ทำไมรองเเง็งกับรำวงเนี่ยรำวงมาตรฐานและมี
ลักษณะรูปแบบเหมือนกันเลยท่านก็เลยบอกว่าจริงๆแล้วหลังจากที่ว่าท่านเป็นเป็นศึกษาธิการอ่ะท่านเอา
แนวคิดจากที่ว่ากรมศิลปากรกรมศิลปากรมาถ่ายทอดให้จังหวัดปัตตานีเมื่อตอน 2494 ตอนที่กรมศิลป์มามา
แต่วา่ ครั้งแรกที่ทา่ นทำนะครบั ท่านทำแคแ่ ค่ 2 เพลงงานแรกตอนพิธีปิดท่อี บรมภาคฤดูร้อนน้นั ท่านเอาเพลงลา
คูดูวอเป็นเพลงพื้นฐานเป็นที่หนึ่งแล้วก็เพลงเมาะอินังชวาเป็นเพลง 2 เพลงเวลามันก็เหมือนกับที่เราตอนท่ี
สมัยนี้พ่ออาคมกับแม่วันครูจำนงค์คุณธีรยุทธรายการตามที่ท่านก็มาทำให้ รำครั้งแรกหลังจากนั้นค่อยๆปรับ
มาแล้วก็จนเปน็ มาตรฐานจนปัจจบุ ันนนี้ ะครบั ขอบคุณครับ
39
อาจารยพ์ ัทธนนั ท์ อธิตงั :คะ่ ท่านอาจารย์พรเทพคะมีในสว่ นของรองเเง็งเขามีการประกวดแข่งขันด้วยไหมคะ
อนั นพ้ี ิธีกรถามส่วนตวั ค่ะ
ดร. ชวลิต สุนทรานนท์:งานศิลปหัตถกรรมใน 5 จังหวัดชายเเดนภาคใต้ก็มีการประกวดด้วยจะใช้เกณฑ์
เหมือนกกบรำวงเเตจ่ ะปรับจากท่ารำให้เหมือนกันเป็นท่าเต้นใหเ้ หมอื นกันนอกนั้นก็ยึดรปู เเบบงานหัตถกรรม
ของส่วนกลางครับ
อาจารยพ์ ทั ธนันท์ อธิตัง : อ๋อแสดงว่ามีแตว่ า่ เป็นเฉพาะสว่ นมากแลว้ จะอยู่ท่ีทาง 3 จังหวดั ชายแดนภาคใต้นะ
คะ
ดร.พรเทพ บุญจันทร์เพ็ชร์: ส่วนการเเตง่ กายเวลาประกวดก็เหมือนกับการรำวงภาคกลางปัจจุบันที่ว่าแม้แต่
แตง่ ตัวชาวบา้ นก็ตอนนก้ี ส็ ีสันเครอื่ งประดับอะไรก็ดูรายการเดยี วกนั ครบั
อาจารย์พัทธนันท์ อธติ ัง : อันน้ีก็คอื ใชใ้ นเร่ืองของการแต่งกายแบบ 4 แบบเหมือนกันไหมคะ
ดร.พรเทพ บญุ จันทรเ์ พช็ ร์: รองเเงง็ ก็จะมี 3 แบบเเต่งเเบบชาวบ้าน เเบบชนช้นั กลาง เเบบราชสำนัก
พิธีกร :ค่ะนี่คือความแตกต่างนะคะของของที่บอกว่าก่อนหน้านี้ท่านอาจารย์ชวลิตบอกว่าถ้าเป็นรำวง
มาตรฐานนะคะก็จะเป็น 4 เเบบอะ่ แตม่ ันเป็นรองเเง็งเองก็จะมี 3 แบบนะคะในสว่ นของการแต่งกาย จะมีการ
เเตง่ กายในสว่ นของมุสลิมเขา้ มาเกี่ยวข้องด้วยมยั๊ คะท่านอาจารย์พรเทพ คะ
ดร.พรเทพ บุญจันทรเ์ พ็ชร์:จะเเตง่ เลยี นเเบบชาวมุสลิมเลยครบั กค็ อื ถา้ เเต่งชาวบ้านกจ็ ะนุ่งผ้าปาเต๊ะผู้ชายก็
จะนุ่งผ้าสั้นๆก็คือป้าปาเต๊ะ แต่ถ้าชนชั้นกลางก็ใส่เสื้อลูกไม้ เเบบราชสำนักก็จะใส่เป็นชุดหรูหราเจ้าบ่าว
เจ้าสาวของมสุ ลมิ ครบั
อาจารย์พัทธนันท์ อธิตัง : อ่อ ค่ะขอบคุณท่านอาจารย์พรเทพมากๆเลยนะคะจริงๆแล้วเรื่องของการแสดงก็
เกี่ยวข้องกับเรื่องของศาสนาศิลปะวัฒนธรรมเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยนะคะพี่กรก็รู้สึกว่ามันเป็นลักษณะของการ
ประยุกต์ด้วยส่วนหนึ่งแล้วก็เป็นลักษณะของแต่ละพื้นที่บริเวณของแต่ละท้องถิ่นซึ่งอันนี้ก็ทำให้เป็นการ
ผสมผสานระหวา่ งศิลปะวัฒนธรรมท่ีต้องบอกว่าลงตวั เลยนะคะแลว้ ก็นา่ จะตอ้ งสวยงามมากๆถ้ามโี อกาสพิธีกร
นา่ จะได้แวะไปเย่ียมรับชมนะคะการแสดงรองเเง็งบา้ งนะคะเพราะว่าอันนี้กไ็ ม่ได้ไม่เคยได้เดนิ ทางไป 3 จังหวัด
ชายแดนเหมอื นกันถ้าสมมตุ ิว่ามีมีสักครั้งไหมที่เขามีการประกวดแข่งขันนะคะน่าสนใจและท่านอาจารย์ชวลิต
จะมามาร่วมรับชมด้วยไหมคะ
ดร. ชวลิต สนุ ทรานนท์: ยินดคี รับ
อาจารยพ์ ัทธนันท์ อธติ ัง: ท่าอาจารย์เคยมารว่ มรึยงั คะ
40
ดร. ชวลติ สุนทรานนท์: ไม่เคยครบั เเต่มารว่ มฟังความรูจ้ ากท่านอาจารย์พรเทพแลว้ เนี่ยน่าสนใจมากเป็นสิ่งท่ี
น่าจะทำให้มาเป็นรปู ประธรรมที่ชดั เจนย่ิงข้ึนแล้วมนั ก็เป็นการสนับสนุนสัญชาตทิ ีม่ ีอิสลามในประเทศของเรา
ด้วย นา่ จะดงึ มา เมือ่ ก้ที ฟ่ี งั เขาเดนิ เปน็ วงมั๊ย หรือไม่ได้เดินเปน็ วง
ดร.พรเทพ บุญจันทร์เพ็ชร์: เขาหันหน้าเข้าหากันเป็นลักษณะของการรุกพอผู้ชายรุกผู้หญิงก็ถอยหลังพอ
ผู้หญิงรุกมาผู้ชายก็ถอยหลัง เเล้ววผู้ชายก็จะไปส่งผู้หญิงตรงกลางเวที ลักษณะการหมุนตัวเลียนเเบบมาจาก
เพลงงามเเสงเดอื น ตา่ งคนตา่ งเต้นมาถงึ ทเ่ี เล้วเเทนที่รำวงมาตรฐานจะหมุนให้ไหล่กินกันเเตร่ องเเงง็ ต่างคนต่าง
หมุนรอบตวั เองหมุนขวา 1 รอบแลว้ ก็หมุนซ้าย 1 เทย่ี วนะมาเจอกัน
ดร. ชวลิต สุนทรานนท์: เป็นเรื่องที่น่าสนใจมากถึงมากที่สุดและเป็นสิ่งที่น่าทำวิจัยมากจากรำโทนสูตรรำวง
มาตรฐานของสู่รองเเง็งแล้วมันจะมีความอันไหนมีความเหมือนมีความต่างเราสามารถสรุปออกมาได้เป็นสิ่งที่
น่าสนใจจริงๆนะความรู้และความเกิดแรงบันดาลใจที่อยากจะให้ทำขึ้นมานักศึกษาของครูขุ้ยก็ได้รีบลงไป
ศึกษาตรงนี้เลยว่ารับจากการรำวงมาตรฐานของกรมศิลปากรสู่อย่างไรมีอะไรเหมือนมอี ะไรต่างตรงไหนท่ีต่าง
เพราะอะไรท่เี ขายงั อนุรกั ษ์ส่วนของเขาอยู่อยา่ งเงย้ี มนั จะเปน็ สิง่ ที่น่าศึกษามากเลยครบั
อาจารย์ ธีรวัฒน์ ช่างสาน: วิทยากรที่รู้เรื่องจริงอะตายไปแล้วตอนนี้มีเเต่วิทยากรดำเเล้วละที่จะต้องเชิญมา
เปน็ คนบอกเลา่ ในเร่อื งของการทำวทิ ยานิพนธน์ ช้ี ะนัน้ เราไปท่ีเรอ่ื งรำวงของเราเถอะ
อาจารย์พัทธนันท์ อธติ งั : พิธกี รกะจะชมนะคะเพราะโดนสกัดดาวรงุ่ แบบนน้ี ะคะไมก่ ล้าพดู ต่อเลยนะคะ
ดร. ชวลิต สุนทรานนท์: ครับตอ่ ไปทา่ นใดมีเนอ้ื หาเก่ียวกบั รำวงเราจะได้เข้าเนือ้ หากันต่อ
อาจารย์พัทธนันท์ อธิตัง : ได้เลยค่ะทา่ นอาจารย์ขออภัยด้วยนะคะเม่ือสักครู่น้ีพิธีกรสญั ญาณหายไปเล็กน้อย
ค่ะกค็ ือในสว่ นของท่านอาจารย์จะไปในสว่ นของรำวงมาตรฐานต่อใช่ไหมคะทา่ นอาจารยช์ วลติ
ดร. ชวลติ สนุ ทรานนท์: มาตรฐานผ้ปู ระดิษฐท์ ่ารำหรือคิดรูปแบบการแสดงปรมาจารย์ทางดา้ นนาฏศิลป์ไทย
ที่มาจากราชสำนักเพราะฉะนั้นไม่ว่าการใช้ร่างกายการเคลื่อนไหวร่างกายในจะเป็นแบบนครหลวงเช่น
ยกตวั อย่างง่ายๆเชน่ จังหวะเข่าการย่ำเท้ามจี ังหวะเข่าไม่ใช่ย่อๆอย่างเดยี วน่าจะตอ้ งมีจังหวะยืดในจังหวัดอะไร
ก็เรื่องของการหรือการใช้เท้าในจังหวะรูปแบบใดได้ 1234 บางท่าว่าจะมีการเดินย่ำเท้าจังหวะเข่าแล้วก็
ลักษณะของการดำเนินเรื่องจากว่ามันเป็นการรำระหว่างผู้ชายกับผู้หญิงไม่ใช่ตัวพระตัวนางที่เป็นเรื่องของ
โครงสร้างการตั้งวงข้างในจะเป็นรักษาให้เหน็ ความแตกต่างระหว่างการรำแบบผ้ชู ายกบั ผู้หญงิ ระหว่างเพศชาย
กับเพศหญิงมเี ราใช้เดก็ นกั เรยี นชายซ่ึงมลี กั ษณะพิเศษไปขวางเขาจะอ่อนแข่งกับผู้หญิงจะไม่ใช่เรื่องของการรำ
วงจะต้องเป็นการดำเนินโครงสร้างของผู้ชายกับผู้หญิงเป็นอย่างไรก็ตามผู้ชายกับผู้หญิงเห็นชัดเจนมีความ
แข็งแรงข้ึนมามีความอะไรก็เรื่องของการแต่งหน้าก็เหมือนกนั ลักษณะของการแตง่ หนา้ ผชู้ ายกับผู้หญิงผู้ชายไม่
อยากแต่งหน้าเท่ากับผู้หญิงเวลาออกมามันก็เลยกลายเป็นดูว่าเป็นการรำที่เป็นไซส์ผู้หญิงมารำทั้งหมดตรงน้ี
41
เพราะว่าเขาก็บอกนะว่าฝากไว้ด้วยนะครับว่าเป็นลักษณะการรำแล้วก็รายละเอียดท่า หญิงไทยใจงามบาง
โรงเรียนที่สอนเนี่ยเปลี่ยนจากท่ายูงฟ้อนหางมาเป็นท่าพรหมสี่หน้าจบี ไม่ได้ไปจีบวงบนอีกระดับเอวข้างลำตัว
ระดับเอวท่อนบนช่วงบนระดับลำตัวเราเนี่ยช่วงต่ำกว่าลิ้นปี่ระดับนั้นไม่ใช่มาเปลี่ยนนะครับขึ้นมาตรงนี้แล้วก็
ถ้าช้างประสานงาขวัญใจดอกไม้ของชาติใช้ท่าจันทร์ทรงกลดใช้ม้วนมือเข้ามันจะตา่ งจากบูชานักรบท่ีครูพูดไป
ก่อนเป็นผ้าเดียวกันแตถ่ ้าเพลงน้ีในเพลงดวงจันทรข์ วัญฟา้ มว้ นมือและเป็นตั้งจันทร์ทรงกลดระดับไหล่นะครับ
ท่าจะตา่ งกัน แลว้ เวลารำความสวยงามอย่างที่ครบู อกนะมนั จะเกิดมีเรื่องของลลี าท่ารำอยา่ งเช่นผู้ชายไม่ใช่ไป
ซ้อนอยู่หลงั ผู้หญิงทำให้ไมเ่ หน็ เเขนอีกข้างนึงเห็นอยู่ข้างเดยี วเวลาส่ายแขนเพราะเเขนอีกข้างนงึ ถูกบังด้วยกัน
ตอ้ งดูกันระยะเว้นระยะเว้นช่องไฟอะไรใหด้ ีเพ่ือทจ่ี ะให้เหน็ ทั้งสองแขนทั้งสองขา้ งของผู้หญิงแต่ก็ไม่ได้ติดเเขน
กันตรงนั้นเลยข้อศอกมันหน่อยหรืออย่างไรเพื่อที่จะให้ผู้หญิงก็จะไม่เห็นอันนี้เป็นเรื่องของความสวยงามของ
รายละเอยี ดตามที่พนี่ กึ ขึน้ มาไดก้ ็จะบอกนะครับ
อาจารยพ์ ัทธนนั ท์ อธติ ัง : คะ่ ไดเ้ ลยค่ะพอท่านอาจารย์พูดถงึ เพลงรํามาซิมารํามีคำถามถามต่อจากเพลงรํามา
ซิมารํานะคะว่ามีน้องนักศึกษาถามว่าความถูกต้องของเพลงนี้นะคะมันเป็นจังหวะยั้งหรือไม่ยั้งจังหวะอ่าน
ตามที่น้องนักศึกษาถามมานะเพลงรํามาซิมารําที่ถูกต้องมันเป็นจังหวะยั้งหรือไม่ยั้งจังหวะค่ะอันนี้เป็นคำถาม
จากนอ้ งนักศกึ ษาค่ะ
ดร. ชวลติ สนุ ทรานนท์:ย่ำหรอื ปล่าว
นกั ศกึ ษา : คอื ยำ่ เทา้ ต่อไปเลยใชไ่ หมคะไมต่ ้องหยดุ
ดร. ชวลิต สนุ ทรานนท์: ไมห่ ยุดเท้า เริม่ ทเี่ ทา้ ซา้ ย 8 จังหวะก็หนั หน้าเข้ายำ่ เทา้ ทกุ จังหวะไม่ต้องหยดุ เท้าเเล้ว
ก็เพลงรำมาซิมารำกับเพลงยอดชายใจหาญของผู้หญิงเราจะไม่ใชก้ ารถัดเทา้ เหมือนรำเพลงเร็วเราจะใช้การย่ำ
เทา้ ทง้ั หมดเนื่องจากวา่ การเพราะฉะน้ันเราจะไม้ใชเ้ ลยในเร่ืองของการถดั เท้าเเบบเพลงเรว็ เราจะใช้การย่ำเท้า
ทงั้ เพลงยอดชายใจหาญและรำซมิ ารำ
นกั ศกึ ษา : ขอบคุณคะ่ อาจารย์
อาจารย์พัทธนันท์ อธิตัง : น้องนกั ศึกษาได้คำตอบนะคะ สำหรับในสว่ นนน้ี ะคะ คำถามตอ่ ไปนะคะ เพลงดวง
จนั ทร์วันเพญ็ ต้ังมือทัง้ 2 จงั หวะใช่หรอื ม๊ัยคะอาจารย์
อาจารย์ ชวลิต : ใชค่ รับต้งั มือทง้ั 2 จงั หวะ ไมใ้ ชต่ ักมือขึ้นมาก็คือตั้งมอื ก่อนเพราะโครงสร้างเเรกเราเป็นอย่างงี้
พอไปหงายปุ๊บพอขน้ึ อีกข้างก็ต้ังเเลว้ หมุนกลับมาหงายพอจะข้ึนใหม่ก็ต้ังโครงสรา้ งของท่ารำต้องเหมือนกันทั้ง
2 ข้างเสริมนดิ นงึ เวลาตอ่ มือจะตอ้ งจบี ติดขอ้ ศอกไม่หา่ ง
อาจารยพ์ ทั ธนันท์ อธติ งั : อา่ าากค็ อื ตอ้ งติดกบั ขอ้ ศอกเลย คำถามต่อไปนะคะ
ผู้เข้าร่วมสัมมนา : เพลงรำมาซิมารำ รำส่ายมือผู้ชายต้องอยู่บริเวณตรงไหนของผู้หญิงได้ครับอยู่ตรงข้อศอก
ผูห้ ญงิ หรือบรเิ วณไหลค่ รับ
42
ดร. ชวลติ สนุ ทรานนท์: ประมาณกลางศอกของผู้หญิงก็ไดไ้ มต่ ้องไปถึงไหล่กไ็ ด้เพราะวา่ เราจะไม่เหน็ เราจะไม่
เหน็ แขนทส่ี า่ ย ตรงนั้นนะครบั
ผู้เขา้ รว่ มสมั มนา :ผชู้ ายผู้หญงิ เพลงนใ้ี ห้หนั หมดตัวเลยใช่ไหมครบั
ดร. ชวลิต สุนทรานนท์: ใช่ครบั หนั หน้าเข้าออกหมดเลยครบั พอ 8 จงั หวะก็หันออก พอ 8 จังหวะก็หันเขา้
อาจารย์พัทธนันท์ อธิตัง : ค่ะมีจากทางบ้านค่ะอาจารย์ขา เพลงบูชานักรบตอนนี้กลับไปที่เพลงบูชานักรบ
ตอนทีผ่ ้ชู ายจะเปลยี่ นเป็นท่าขอแก้วจากผ้หู ญงิ รบกวนครชู ่วยอธบิ ายทา่ เชือ่ มจังหวะน้ีค่ะ
ดร. ชวลิต สุนทรานนท์:ทา่ เชื่อมใช้มะ้ พอหมดดว้ ยเทา้ ขวาเเตะใช่มัย๊ ครับเรากก็ ้าวเทา้ ขวาวางเท้าซา้ ยด้วยจมูก
เท้าลงหลังเปดิ สน้ เทา้ หลงั ในจังหวะเเรกพอจังหวะต่อไปกย็ ่ำเท้าปกติแลว้ กม็ ือมือซ้ายจบี พอก้าวเท้าขวามือซ้าย
จีบมอื ขวาเอียงขวาและมือขวาตัง้ วงนะครับเสร็จแล้วก็วางเท้าซ้ายลงหลังด้วยจมูกเท้ามือซา้ ยต้ังวงมือหงายมือ
งอขอ้ ศอกนดิ หนอ่ ยไม่ถงึ ขนาดงอเตม็ ท่นี ิดเดยี ว งอเเขนนิดเดียวยดื เเขนออกไปเเต่ไม้ตึงเเขนเหมือนจบี ยาว
ดร.พรเทพ บุญจนั ทร์เพ็ชร์: เพลงบชู านกั รบนะครับมันมีชว่ งเปลี่ยนทจี่ ะไปขอเเกว้ ท่ีมาทมี บางทีมบางคนม้วน
จบี เเลว้ ต้งั วงเเล้วบางทมี เเทงมือ
ดร. ชวลิต สุนทรานนท์: มว้ นจบี ครบั ท่ีถกู คอื มว้ นจีบไมม่ เี เทงมือเราใช้มว้ นจบี ตง้ั เเตจ่ ังหวะเเรกเลย
อาจารย์ธีรวัฒน์ ช่างสาน : อะะอีกคำถามนะครับจากบ้านเเม่โอมฝากถามอาจารย์ทั้ง 3 ท่าน ในกรณีที่ถ้า
หากกว่าจะส่งรำวงมาตรฐาน 5 คู่ เเล้วคู่ที่ 5 การเเต่งกายมันนอกเหนือจากที่เขากำหนดมา 4 เเบบเเล้วคู่ที่ 5
ควรจะเป็นเเบบไหนท่จี ะเหมาะสมในความคดิ ของท่านอาจารย์ทั้ง 3 ท่านครับ
ดร. ชวลิต สุนทรานนท์: ในส่วนของครูก่อนเเล้วกันนะคือที่เห็นส่วนมากจะเป็นเเซกกลางส่วนมากจะเป็นใน
ยคุ ร.7 เพราะเนอื่ งจากว่าในยุค ร.7 เนยี้ มันจะไมม่ เี คร่ืองเเต่งกายท่ีมาโชวใ์ ห้เห็นในรำวงมาตรฐานเเต่ถ้ายุคต่อ
จากราชปะเเตนเเขนยาวเเล้วผู้หญิงเป็นราตรี สโมสร เเล้วผ้ชู ายจะเเตง่ ชดุ อะไรตรงน้ีมันเป็นข้อคิดของคนที่จะ
ส่งว่ามันจะต้องต่อยุคสมัยกันเเล้วผู้ชายจะเเต่งอย่างไรผู้หญิงจะเเต่งอย่างไรในยุคสุดท้ายเนี้ยส่วนใหญ่ผู็หญิง
จะเเต่งชุดไทยพระราชนิยมท่หี ม่ สไบเขาจะไมไ่ ด้ทำเปน็ ชุดท่ีจบั เดฟจบั อะไร
อาจารย์ธีรวัฒน์ ช่างสาน :เเล้วชุดนั้นอะครับเขาเรียกชุดในสมัยไหนอะที่ผู้หญิงนุ่งผ้าซิ่นเเล้วใส่เสื้อเสื้อยาว
คลุมเขา่ เลยอะตัวเส้ือคลมุ ผ้าถุงเเลว้ บนหวั จะมผี ้าปดิ เหน้าเล็กๆน้อย เเล้วผ็ชู ายกใ็ สท่ ักซิโด้นุง่ โจงกระเบนอย่าง
นนั้ ได้ไหมครับ
ดร. ชวลติ สุนทรานนท์: อยา่ งน้นั ก็ได้ ทผ่ี ่านตามาอะนะจะมเี เบบน้ีอยู่เเต่เขาจะไปเเซกไว้ตรงกลางจะบอกว่า
เป็นสมัยร.6 ร.7 ที่ออกงานราตรีกัน เเต่ก้มีคุณครูเเกเกษียณไปเเล้วครูวันเคยบอกว่าทำไมมันต้องมาใส่หมวก
เพราะในยุคอน่ื ๆไม่ใส่หมวกเลยเพราะมันเป็นการเเสดงนาฏศลิ ป์ถูกไหมกไ็ ม่ควรใสห่ รือใส่ที่มนั ไมเ่ ข้ากับชุดไทย
ในปัจจุบันมีการปักขนนกขนไก่ดว้ ยอะไรอย่างงี้ก็เลยบอกว่าให้ใช่บางๆเลก็ น้อยเพราะมันจะไม่เท่ากับอื่นๆบน
เวทีบางทีมนั จะเวอร์ไป
ดร.พรเทพ บญุ จันทรเ์ พ็ชร์:มีบางทีมนะครบั ชุดร.7 เนย้ี ติดขนนกด้วย
43
ดร. ชวลิต สุนทรานนท์: อ่าาเนี้ยๆตามที่ครูบอกไปพอติดขนนกเเล้วมันกลายเปน็ วา่ มันไม่เข้ากับท่ีปรากฏอีก
4 สมยั
อาจารย์พัทธนันท์ อธติ งั : คะ่ อันนมี้ ีผลต่อคะเเนนมัย๊ คะอาจารย์
ดร. ชวลิต สุนทรานนท์:คือมีผลต่อคะเเนนคือความเหมาะสมบอกกูตรงนี้หน้าความเหมาะสมความสวยงาม
ความเหมาะสมกับกับ 4 สมัยที่ตรงนั้นน่ะมันจะไม่แต่ถ้าคนอื่นเขาเหมาะสมกว่าเขาก็น่าจะได้ไปตรงนี้มันเป็น
องค์รวมคะแนนที่มีผลต่อคะแนน 1 คะแนนอะไรอย่างนี้เราก็ไม่รู้เนื่องจากว่าการรำวงมาตรฐานมันไม่ได้ใช้
ตามที่ผมบอกครูบาอาจารยก์ ็ไม่ได้กำหนดสภาพชวี ิตในสังคมเลย มันต้องเข้ากับชุดที่เป็นองค์ประกอบของเรา
ดว้ ยถา้ มันโดนมนั ก็ไม่เหมาะสม มนั ตอ้ งเขา้ กับอน่ื ๆดว้ ย
อาจารย์ธีรวัฒน์ ช่างสาน :ในส่วนของผมนะครบั ผมคิดว่าชุดสวยแต่ถ้าไปอยูใ่ นร่างเด็กแล้วมนั ไม่ลงอย่างเชน่
ไปยมื ราชปะเเตนของคนอน่ื มาใส่แลว้ เด็กเราผอม ถูกระเบียบเเล้วราชปะเเตนดำพอข้ึนเวลาเเล้วก็ไม่สวยคนใส่
ชุดไทยจกั รพรรดนิ งุ่ ผ้าถุงปิดรองเท้าหมดเลยพอย่ำเท้าทีเหยียบชายผา้ ถงุ ชายสไบอย่างนี้มันมีผลต่อการทรงตัว
ของท่ารำเเล้วมันก็มีผลในเรื่องของการให้คะเนนดพราะฉะนั้น ณ ตรงนี้ ครูผู้สอนก็จำเป็นต้องไปดูด้วยนะ
อันดับ 1 ความสะอาดอย่างนี้ ดำมกอย่างนี้เวลาไปรำปุ๊บน่าจะส่งกลิ่นมาถึงกรรมการนะก็ควรจะไปดูเเลสัก
นดิ นงึ
อาจารย์พัทธนนั ท์ อธิตัง : ก็ในส่วนของความสะอาดก็จะอยู่ในเรื่องของความเหมาะสมความสวยงามจริงๆหนู
มองในมุมของคนที่ไม้เคยตัดสินนะคะอาจจะเคยตัดสินอย่างอื่นเนี้ยบางทีอยู่ที่ดุลพินิธของกรรมการด้วยใน
เรื่องของการพิจารณาในส่วนของผู้ส่งเข้าประกวดเเลว้ หนูมองว่ามีส่วนกับการยอมรับผลการตัดสินสิ่งนงึ ท่ีเกดิ
เนี้ยมันเป็นเรื่องละเอียดอ่อนทีมที่ส่งเข้าประกวดต้องเข้มเเข็งทางจิตใจที่สึดก็คือต้องยอมรับความจริงค่ะว่า
มาตรฐานในเรื่องของความรู้สึกหรือเกณฑ์ที่กรรมการได้เลือกเเล้วถือว่าเป็นการตัดสินอันเด็ดขาด จริงๆการ
ยอมรบั ความจริงสำคญั มากๆ
อาจารยพ์ ีรพรรณ : ขอถามหน่อยคะ่ ในกรณเี ครอ่ื งเเต่งกายมาชาวบา้ นทุกคู่เลย ร.5 ทกุ คูเ่ ลยไดม้ ย๊ั คะ
ดร. ชวลิต สุนทรานนท์:คือถ้าไม่ได้เเข่งขันอะได้เเต่ถ้าเกณฑ์การประกวดเเเล้วมันมีในเรื่องของความถูกต้อง
ตามทเ่ี ขก่ ำหนดมาเเล้ววา่ รำวงมาตรฐานมนั ตอ้ งเเตง่ เป็น 4 เเบบอย่างน้ี
อาจารยพ์ ีรพรรณ:ในเกณฑก์ ม็ เี เตห่ นูเห็นเขาก็เเต่งมาเหมอื นกนั อีก
ดร. ชวลิต สุนทรานนท์:เขาเห็นว่าสวยงามไง เเต่งเหมือนกันเอาเกณฑ์ระบำมาใช้ไงเเต่งเหมือนกันเเต่งร.5
ทั้งหมด 4 คู่เป็นชาวบ้านทั้งหมดเป็นเกณฑ์ของระบำเเต่งกายเหมือนกันเเล้วดูสวยงามเเต่นี่มันเป็นรำวง
มาตรฐานท่ีเขากำหนดของกรมศลิ ปากรเขาเขามีเเต่งเเบบนัน้ ไหมก็มีเเตเ่ ขาไม่ได้นำไปเผยเเพร่ในเรื่องของการ
เเขง่ ขันไปรำโชว์
อาจารยพ์ ีรพรรณ:ใชค่ ่ะบางทเี ขาก็มาอ้างวา่ เหน็ กรมศิลปากรเเตง่ เราก็ให้คำตอบไมไ่ ด้ก็เลยถามตรวน้ีเลยจะได้
เปน็ คำตอบ
44
ดร. ชวลิต สุนทรานนท์:เพราะที่เขาเเต่งเเบบนั้นเขาเผื่อไว้เวลาไปเเสดงรำโชว์ที่เราไม่มีชุดต้องหาชุด4 ชุดที่
จะเเต่งเเบบใดเเบบนึงก็ได้มันไม่มีเกณฑ์มาจับนี้เขาบอกว่าต้องแต่งกายตามแบบรำวงมาตรฐานของกรม
ศิลปากร ถ้าเเต่งการรำวงมาตรฐานก็จะเป็นชดุ พวกน้ี
อาจารยพ์ ัทธนันท์ อธิตงั : คะ่ ต้องถกู ตอ้ งเเล้วก็ถกู ใจดว้ ย
ดร.ธีรวัฒน์ ช่างสาน :อีกคำถามนึงนะครับพอดีเขาฝากถามมาเพลงบูชานักรบสรุปว่าผู้หญิงต้องย่ำเท้าซ้าย
ดว้ ยหรือมยั๊
ดร. ชวลติ สนุ ทรานนท์:น้องรักรักบูชาพ่เี ร่ิมคำว่าน้องรักดว้ ยยำ่ เทา้ ซา้ ย
อาจารย์พัทธนันท์ อธิตัง : มีอีกคำถามนึงค่ะเพลงงามเเสงเดือนค่ะคำว่างามตั้งมือสอดสร้อยมาลาให้ตั้งเลย
หรอื คอ่ ยๆสอดขนึ้ คะ
ดร. ชวลติ สุนทรานนท์:คำว่างามคือตั้งเลยพอว่าต่อไปถึงจะเดินมืองามเเสงเดือนมาเยือนส่องหล้างามใบหน้า
มาอย่วู งรำ
อาจารย์พัทธนันท์ อธิตัง : อ่าาาคำถามนี้นะคะก็คือให้ตัง้ เลย ลักษณะการเดินเทา้ เพลงดวงจันทร์วันเพ็ญตอ้ ง
เดินกา้ วไปข้างหน้าตามวงหรือกา้ วเเบบเข้าๆออกๆ
ดร. ชวลติ สุนทรานนท์:คอื กา้ วออกไปเเต่ว่าตามวงคือเเบก้าวออกไปข้างหนา้ ไมไ่ ด้ก้าวออกไปข้างๆวิธีการก้าว
ออกของเพลงดวงจนั ทรว์ นั เพญ็ คือก้าวออกเเตเ่ ดนิ ไปขา้ งหน้าก้าวเข้ากเ็ หมอื นกนั กา้ วไปขา้ งหน้าให้เท่ากนั
ดร.ธีรวัฒน์ ช่างสาน :ก็คือถ้าก้าวออกตดั วงใชไ่ หมครับเพราะฉะถ้าก้าวออกอะตัดวงเราตอ้ งเดินทะเเยงตัวขึ้น
ถกู ตอ้ งมยั๊ ครบั
ดร. ชวลติ สนุ ทรานนท์:ใชๆ่
อาจารยพ์ ทั ธนนั ท์ อธิตงั : กค็ ือก้าวไปขา้ งหนา้ นะคะยังอยู่ในวง
อาจารย์พทั ธนันท์ อธิตงั :เชญิ ท่านอาจารยป์ ระสาธนช์ ัย ถามคำถามไดเ้ ลยคะ่
อาจารย์ประสาธน์ชัย : ครับๆสวัสดีครับผมอยากเรียนถามว่าในเมื่อเพลงดวงจันทร์วันเพ็ญเราเดินตัดข้ึน
ทะเเยงขึ้นเเล้วก็ทะเเยงเข้าทะเเยงออกเเล้วตอนช่วงจงั หวะหมุนเราเคลอ่ื นท่ีไปขา้ งหนา้ หรอื หมนุ อย่กู ับท่ี
ดร. ชวลิต สนุ ทรานนท์:หมุนอยกู่ ับที่ไม่ต้องเดินไปไหนครับ
อาจารยป์ ระสาธน์ชัย :ใหห้ มุนอยกู่ บั ที่เเล้วก็จบดว้ ยท่าผาลาเพยี งไหลใ่ ชม่ ัย้ ครับ
ดร. ชวลติ สุนทรานนท์:ใชๆ่ เราก็หมนุ อยู่อย่างนี้ไมไ่ ด้เดินหมนุ ไปข้างหนา้
อาจารย์ประสาธน์ชัย :ครับเคยได้รับการอบรมว่าตอนเดินออกเเขงเต้าเข้ารังสองข้างตอนเดินเข้าเเละการ
เคลือ่ นท่ีไปขา้ งหน้าคือเคลอ่ื นจงั หวะที่หมนุ ตัว
ดร. ชวลิต สนุ ทรานนท์:ขออนุญาต ใชๆ่ ต้องเดินไปด้วย
อาจารย์ประสาธนช์ ัย :เดินเคลอ่ื นท่ีไปข้างหน้าใ่มย้ั ครับ
ดร. ชวลติ สนุ ทรานนท์:เดินเคลอื่ นท่ีไปข้างหนา้ ไมไ่ ด้ย่ำอยกู่ ับท่ี
45
อาจารย์ประสาธนช์ ยั :กเ็ เสดงวา่ ในทะเเยงขนึ้ ก็เดินข้ึนไปหมุนก็เดนิ ขึน้ ไปใช่ไหมครบั
ดร. ชวลติ สนุ ทรานนท์:ใชๆ่ ๆ
อาจารย์ประสาธน์ชัย :ครบั ขอบคุณครบั บ
ดร.พรเทพ บุญจันทร์เพ็ชร์: มีถามย้อนกลับครับจะถามเรื่องการเเต่งกายตอนนี้เนื่องจากตอนนี้กระเเสย้อน
สมยั กำลังมาเเรงถ้าเกิดว่ามีทมี ในใดทีมนึงไปดูการเเต่งกายสมยั ท่ีเเมว่ ันเเต่งเชน่ ท่ีเปิดไหล่เเล้วก็เเต่งมานั้นโดย
ที่ว่าเขาสง่ เข้ามาประกวดจะมีผลตอ่ คะเเนนเรื่องของการเเต่งกายมย้ั ครับ
ดร. ชวลิต สนุ ทรานนท์:คือในยคุ ที่เเมว่ ันเเตง่ เเล้วเราจะมาไวใ้ นช่วงไหนตรงน้ีกรรมการก็ต้องวิเคราะห์ดูว่าเอา
มาไว้ในยุคไหนตอนไหนถ้าเอามาไว้ในชว่ งต่อจากร.5 ก่อนจะเป็นยุคของไทยสากล ผู้ชายก้ต้องใส่สูทผู้ชายกบั
ผู้ชายก็ใส่สูทซ้ำกันเเล้ว ถูกไหมนี้คือเรื่องของการพิจารณาของกรรการในเรื่องของการเเต่งกายที่มันไป
เหมือนกันไม่มีความต่างตรงนี้เหมือนเราจะเลี่ยงว่าถ้าคุณเเต่งร.7 ที่เป็นชาวบ้านกับร.7 ที่เป็นผ้าถุงผู้ชายก็ใส่
ราชปะเเตนเเขนสนั้ จะได้ไม่ซ้ำกับราชปะเเตนเเขนยาวถามว่าผดิ ไหมไม่ผดิ เเตม่ องดูเเล้วบนเวทีกลายเป็นผู้ชาย
ใส่สูทซ้ำกันซึ่งมันปรากฏในเอกสารหลักฐานเเล้วตรงนี้ผู้ชายจะเลี่ยงเป็นใส่ทักซิโด้ใส่อะไรเนี้ยเราก็จะไม่รู้ไม่
ปรากฏมันก็ไม่สอดคล้องกบั ผ้หู ญิงอกี ไปเเต่งในยุคปจั จุบันในยคุ นั้นเเลว้ เเต่เปน็ ยุคต้นๆใช่ไหมครบั ตรงนี้ผู้ชายก็
ต้องใสส่ ทู รุ่นแมเ่ ขาผชู้ ายใสส่ ูทสากลยคุ แรกเกดิ การแต่งกายที่ที่เขาคือพูดงา่ ยๆว่าเป็นรนุ่ แรกท่เี ขารำเคร่ืองแต่ง
กายเป็นแบบนี้แต่ต่อมาเนี่ยครูบาอาจารย์ท่านก็พิจารณาว่าเเม่มูลท่านเป็นตัวหลักได้แต่งกายมันธรรมดามัน
น่าจะเป็นยุคสมัยเพราะเราพัฒนามาจากกรณีการแต่งกายออกมาเป็นให้เห็นถึงการพัฒนาการแต่งกายของ
สงั คมไทย
อาจารย์พัทธนันท์ อธิตัง : ค่ะนะคะก็สอดคล้องกับพัฒนาการของสังคมไทยปัจจุบันด้วยนะคะ ค่ะอาจารย์
ธีรวัฒน์ เเสดงว่าเมื่อสักครูน่ ีท้ ีจ่ ะมาใสเ่ นี่ยเราต้องพูดต้องตัดสินใจสักอย่างนึงว่าจะใส่ของแบบแม่วันแล้วก็เอา
ไทยจักรพรรดอิ อกหรือยังไงอย่างนนั้ ใช่ไหมฮะเลือกเอาสักเเบบ
ดร. ชวลิต สนุ ทรานนท์:ทค่ี รดู ำถามเม่อื กถี้ า้ จะเเทรกเเบบของเเม่วนั มาใส่จะเเทรกตรงไหนก็คอื
อาจารย์ธีรวฒั น์ ชา่ งสาน: กค็ ือมนั เเทรกไม่ไดม้ นั ซำ้ กนั เเล้ว
ดร. ชวลิต สุนทรานนท์:เเต่จะเอาเเมว่ นั มาใส่ไม่ได้ก็คือให้เเนวคิดเเต่ที่ขุ้ยถามคือการทีเ่ อาไอ่นั้นออกเเล้วเอา
ไทยจกั รพรรดมิ าเเทนไมไ่ ดเ้ พราะว่าเขากำหนดรปู เเบบของเคร่ืองเเต่งกายในยคุ 4 ยุคมนั เป็นเเบบนี้
อาจารย์ธรี วฒั น์ ช่างสาน:อ่าาโอเคครบั บทีนเ้ี เมโ่ อมเขาถามมาต่ออกี วา่ เมื่อกเ้ี นีย้ เขาได้ความชัดเจนมากเลยใน
เร่ืองของเสื้อผ้าเคร่ืองเเต่งกายว่าชดุ ที่ 5 ควรเป้นเเบบไหนเน้ียเขาคิดได้เเลว้ ทีน้ีเเลว้ คำถามเน้ียเขาถามมาบอก
ว่าเเลว้ คุมโทนสีเน้ียจำเปน็ มั้ยอย่างเช่นทำใหม้ ันเเมชชงิ่ กนั ท้งั 5 คู่เเบบนีจ้ ำเป็นม้ยั ในมุมมองของอาจารย์
ดร. ชวลิต สุนทรานนท์:เรื่องสีเราไม่ได้กำหนดว่าจะต้องเป็นโทนสี ผู้ส่งเข้าประกวดเนี้ยจะคิดกันไปเองว่า
กรรมการเนีย้ จะชอบโทนสีอะไรอย่างน้ีคือไม่ได้กำหนดเเต่มองภาพรวมเเลว้ สวยงามอย่างเช่นเอาสเี เดงกับชมพู
ไว้ใกลก้ นั อนั น้สี ใี กลเ้ คยี งกันเเต่ถา้ คุณโดดสีก็ใหม้ ันโดดสีกนั ไปคือเราไม่ไดก้ ำหนดอยู่ที่มมุ มองดูให้มนั ลน่ื ตา
46
อาจารย์พัทธนันท์ อธิตัง : อ่าานะคะโทนสีไม่ใช่ประเด็นนะคะมองเเล้วให้สบายตาอันนี้ก็เป็นอีกสิ่งนึงที่ผู้ส่ง
เข้าประกวดต้องคำนึงนะคะเเต่ก็ไม่ได้มีการเน้นนะคะว่าจะต้องเป็นสีอะไรอาจารย์ธีรวัฒน์คะคำถามนี้เคลียร์
นะคะ
คุณวิทวัฒน์ : ครับสวัสดีทุกท่านครับก็คืออาจารย์ธีรวัฒน์ก็ได้ถามไปหมดเเล้วนะครับก็อยากจะขอบคุณ
มากกว่าเพราะรำวงมาตรฐานเนี้ยมีรายละเอียดยิบย่อยมากมายนะครับที่เราไปเเข่งเเล้วเเพ้เพราะเราก็ฟัง
คุณครูหลายๆท่านเเล้วเราไม่ได้เก็บรายละเอียดคิดว่าเป็นอย่างงี้ต้องจัดอบ รมออนไซต์เเล้วละครับใน
ปงี บประมาณนี้น่าจะดที ี่สดุ นะครับขอบคุณมากครับ
อาจารย์พัทธนันท์ อธิตัง : ค่ะตอนนี้มีผู้เข้าร่วมสัมมนาชั้นไหนนะคะที่ยังมีคำถามอีกไหมคะถ้ายังไม่มีคำถาม
แล้วเนี่ยเดี๋ยววันนี้เราอาจจะต้องมาถึงชว่ งสุดท้ายก็ไม่ขายก็เกือบจะต้องขอบคุณท่านวิทยากรแล้วเพราะวนั น้ี
เราก็ต้องก็ต้องบอกเลยวา่ เราใช้เวลาค่อนข้างมากๆตอนนี้หาวันน้ีแม่ต้องบอกเลยว่า Premium มากๆขอใช้คำว่า
พ่ีเงียบเลยนะวา่ ระดบั ผู้เช่ยี ววชาญขนาดนน้ี ะคะแล้วก็สละเวลาให้นะคะแลว้ กท็ ส่ี ำคัญทีส่ ุดนะคะไม่มีค่าใช้จ่าย
ใดๆทั้งสิ้นไม่ต้องบอกเลยว่าการสัมมนาวันนี้เนี่ยคลาสสิคมากๆเลยนะคะแล้วหนูดีใจมากที่วันนี้ได้มีโอกาสมา
เจอกบั ผู้รหู้ ลายๆทา่ นเลยนะคะเดี๋ยวหนูขอโอกาสครั้งสุดท้ายค่ะมีท่านไหนท่ยี ังมีคำถามไหมคะเด๋ียวถ้าไม่งั้นพี่
กรจะขออนุญาตตัดไปในส่วนของการขอบคุณวิทยากรในวันนั้นนะคะมีท่านทั้งบ้านมีใครให้คำถามอีกครั้งนะ
คะพิธีกรเกง่ มากคะ่ คุณอ้อยชว่ ยบำรงุ ไมแ่ น่ใจวา่ เปน็ เป็นคำขอบคุณนะคะวันนต้ี อ้ งยกเครดติ ใหว้ ทิ ยากรนะคะที่
คอยช่วยพิธีกรได้เยอะมากๆเลยนะคะเพราะว่าตัวเองก็ต้องขอตัวนะคะท่านอาจารย์ชวลิตนะคะแล้วก็ท่าน
อาจารย์ประพีรพรรณและท่านอาจารย์พรเทพส่งนดิชั้นเป็นหนึ่งคนที่พี่ไม่ค่อยรู้ ทางศาสตร์นี้แต่วันนี้ฟังแล้ว
รู้สึกว่าเข้าใจเลยค่ะว่าคำว่ารายละเอียดเนี่ยเด็กๆก็ตัดสินใจกันมากๆเลยนะคะเพราะต้องใช้ความจำค่อนข้าง
เยอะเลยแล้วก็ทีส่ ำคัญทสี่ ุดเรื่องของความสวยงามดว้ ยนะคะพจ่ี ะต้องทีจ่ ะต้องลงรายละเอียดแล้วแต่ว่าวันน้ีถ้า
ยงั ไมม่ คี ำถามแลว้ ค่ะมีทีมจดั สัมมนามคี ำถามอะไรเพิม่ เตมิ ไหมคะไมม่ ีนะคะครบทกุ วนั เลยนะคะเช่อื กันค่ะวันนี้
บรรยากาศ 3 ชั่วโมงนี้เป็น 3 ชั่วโมงที่แบบว่าผ่านไปเร็วมากๆนะครับผ่านไปเร็วมากๆเลยนะคะเดี๋ยววันนี้นะ
คะทางหนรู หัสน้องอีฟนะแลว้ ก็ทเ่ี ปน็ พธิ ีกรวันนี้นะคะถ้ามีตรงไหนท่ีผิดพลาดนะคะอยา่ ขอโทษขออภัยนะท่าน
อาจารย์ทัง้ 3 ทา่ นดว้ ยนะคะเอ็งอาจจะอาจจะยงั ไดป้ ระสบการณใ์ นเร่ืองของศิลปวัฒนธรรมแล้วก็ในเรื่องของ
การแสดงนะคะแต่เชื่อเหลือเกินค่ะว่าวันนนี้ ะจากการถ่ายทอดองค์ความรูเ้ นี่ยเองก็จะสามารถเอาไปใช้ต่อยอด
ในเรื่องของสาบทีต่ อนน้ีเป็นก็มีโอกาสได้เป็นตอนนี้เป็นนักศึกษาอยู่เหมอื นกันนะคะกำลังศึกษาระดับปริญญา
เอกอยูม่ องวา่ วันนี้นะคะโจทย์ในเร่ืองของการนำศลิ ปะวฒั นธรรมเน่ียไปใช้ทางธุรกิจและมองในแง่ของธุรกิจนะ
คะหนูมองว่าวันนี้วันนี้เนื้อหาวันนี้สามารถเอาไปประยุกต์ใช้ได้เลยโดยเฉพาะราชภัฏซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยท่ี
บริการท้องถิ่นและชุมชนอยู่แล้วนะคะเรื่องนี้มองว่าน่าจะสามารถเอาไปต่อยอดได้วนั นี้ก็ได้รับองค์ความรู้จาก
อาจารย์ทั้ง 3 ท่านนะคะต้องใช้คำว่าขออนุญาตส่งมอบหมายให้กับพิธีกรแล้วก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่าหนูจะได้มี
โอกาสเจอทั้ง 3 ท่านนะคะในงานนะคะงานใหญ่หรือเล็กๆก็ได้นะคะแล้วก็หวังว่าท่านจะได้มีโอกาสไปเยือน
47
ราชภัฏนครศรธี รรมราชแลว้ เราคงจะได้มีโอกาสถ่ายทอดองค์ความรู้แบบนี้กนั นะคะเด๋ียววันนห้ี นูขออนุญาตส่ง
มอบหมายให้กับพิธีกรในวันนี้นะคะเพื่อจะเขาจะได้ทำกิจกรรมต่อนะคะวันนี้หนูขอตัวลาก่อนนะคะท่าน
อาจารยท์ งั้ 3 ทา่ นแลว้ ก็ผู้เข้าร่วมสัมมนาทกุ คนค่ะขอบพระคุณแลว้ ก็สวสั ดคี ะ่ ขอมอบหมายให้พธิ ีกรไดเ้ ลยคะ่