ระบบการศกึ ษาท้ังสามัญและศาสนาภายในรุ่นทีส่ อง-สาม และถึงแม้วา่ ชาวจีน
มุสลิมในภาคเหนอื จะเป็นเพียงชนส่วนน้อยของสงั คม แตพ่ วกเขายนื อย่ไู ดอ้ ยา่ ง
มีเกียรติศักดิ์ศรีเพราะพวกเขาเป็นผู้ให้และทำ�ประโยชน์ให้กับสังคมบนความ
สามารถในการพงึ่ พาตนเอง
3. อตั ลักษณ์ของกลมุ่ ชนใดก็ตาม ไม่ใช่ส่งิ แข็งกระด้าง ติดแนน่ ตายตัว หากมคี วาม
หลากหลาย ลน่ื ไหลปรบั ตัวอยู่เสมอ
เร่อื งเล่าให้เด็กมลายูมสุ ลิม
“เจ๊ก” ไม่ใช่ “แขก”
ผเู้ ขยี นเลา่ ถงึ ความประทบั ใจแรกทเ่ี ดก็ มสุ ลมิ ภธู รจากเชยี งใหมอ่ ยา่ งผเู้ ขยี นทไ่ี ดย้ า่ งกา้ ว
เทา้ เขา้ ไปในสวนอมั พรเปน็ ครงั้ แรกในชวี ติ ดว้ ยความตน่ื ตาตนื่ ใจทง้ั ภาพรา้ นอาหารฮาลาลแปลก
ตามากมาย และผูค้ นมุสลมิ จากท่วั ทุกภาคของประเทศ ในขณะทผ่ี เู้ ขยี นก�ำ ลังเดนิ ฝา่ กล่มุ วยั รนุ่
มสุ ลมิ ทเี่ กาะกลมุ่ กนั ตามทางเดนิ ทง้ั สองขา้ งทางภายในงาน ทนั ใดนน้ั กม็ เี สยี งดงั ขน้ึ มาวา่ “กวู า่
มนั เปน็ เจก๊ วะ่ ! มนั ไมใ่ ชแ่ ขกวะ่ !” ผเู้ ขยี นตระหนกั ดถี งึ พนื้ ฐานตวั เองทเี่ กดิ มาหนา้ ตแี๋ ละเตบิ ใหญ่
มาในชุมชนมุสลมิ เชื้อสายจีนที่คนรุ่นพ่อเปน็ พ่อคา้ อพยพมาจากมณฑลยนู นานประเทศจีน
ถงึ แมว้ า่ มสุ ลมิ สว่ นใหญใ่ นภาคเหนอื จะเปน็ มสุ ลมิ เชอื้ สายจนี และมปี ระวตั ศิ าสตรก์ ารตงั้
ชมุ ชนมายาวนานนับร้อยปี แตด่ ูเหมอื นว่าก็ยังไมเ่ ปน็ ทีร่ บั รขู้ องมสุ ลมิ ในภูมิภาคอืน่ ๆ จนถงึ กบั
มเี รื่องเล่าเชิงติดตลกหลายเร่ืองเกีย่ วกบั ชุมชนจีนมสุ ลมิ ในภาคเหนือ เช่น เมอ่ื มุสลมิ ต่างถน่ิ ถาม
คนทัว่ ไปถงึ มสั ยดิ ในเชียงใหมเ่ พอ่ื จะเขา้ ไปท�ำ พธิ ีละหมาด พอเดนิ เขา้ ไปในบรเิ วณอาคารมัสยดิ
ตามที่คนแนะนำ� แทนท่ีจะมองเห็นภาษาอาหรับประดับประดาบริเวณอาคารกลับเห็นอักษร
จีนตัวใหญ่ 3 คำ� ซึง่ อ่านว่า ชงิ -เจนิ -สื้อ ติดอยู่บรเิ วณหน้ามัสยิด จงึ ไมก่ ลา้ เขา้ ไปละหมาดเพราะ
คงเข้าใจเป็นว่าวดั เส้าหลินของจีน ในขณะทีค่ วามจรงิ แลว้ อักษร 3 ค�ำ น้ีเป็นค�ำ ท่ีชาวจีนใชเ้ รียก
มัสยิด ซง่ึ แปลว่า สถานทบ่ี รสิ ุทธิ์และแทจ้ รงิ ทงั้ นี้ คำ�ว่า “มสั ยดิ ” นั้นเป็นค�ำ ภาษาอาหรบั ซึ่ง
มสุ ลมิ โดยทวั่ ไปจะใชเ้ รยี กทบั ศพั ทน์ เ้ี พอื่ แทนสถานทส่ี �ำ หรบั เขา้ ไปท�ำ พธิ ลี ะหมาด แตช่ าวมสุ ลมิ
ในประเทศจนี ไมไ่ ดเ้ รยี กมสั ยดิ ตามภาษาอาหรบั แตเ่ รยี กตามความเขา้ ใจในภาษาของจนี ของตวั
เอง ดงั นัน้ มัสยดิ ตา่ ง ๆ ในประเทศจีนจึงนิยมติดอักษร 3 คำ�น้ี เพอื่ บอกใหร้ ูว้ ่าน่ีคือ มสั ยิด หรือ
สถานท่ีส�ำ หรบั ละหมาด
รายวชิ าท ี่ 2 พหุวัฒ นธรรมและ สงั คมจงั หว ัดชายแดนภาคใต้ 41
ภาพท่ี 1 มสั ยดิ บ้านฮ่อ จังหวดั เชยี งใหม ่ ภาพท่2ี อักษรจนี 3 ค�ำ ชนิ -เจนิ -ส้ือ
อยา่ วา่ แตเ่ พอื่ นตา่ งศาสนกิ เลย ทสี่ ว่ นใหญย่ งั คงมคี วามเขา้ ใจทค่ี ลาดเคลอื่ นวา่ คนทเี่ ปน็
มุสลิมต้องมหี น้าตาแบบแขก ๆ แมแ้ ต่มสุ ลมิ เองจำ�นวนไมน่ ้อยก็ยงั มีความเขา้ ใจเช่นเดียวกัน ผู้
เขยี นซง่ึ เปน็ มสุ ลมิ หนา้ ตจี๋ งึ ไดร้ บั ประสบการณต์ รงอยเู่ สมอเวลาพบมสุ ลมิ ทยี่ งั ไมเ่ คยรจู้ กั นกั วจิ ยั
มาก่อนจึงมกั ทกั ทายดว้ ยการยกมอื ไหวต้ ามมารยาทแบบไทย แทนท่ีจะกล่าวให้ “สลาม” อนั
เปน็ ประเพณกี ารทกั ทายแบบชาวมสุ ลมิ ซง่ึ ครง้ั หนงึ่ เมอ่ื หลายปมี าแลว้ เมอื่ ผเู้ ขยี นไดล้ งจากเวที
การบรรยายไดม้ สี ตรมี สุ ลมิ คนหนงึ่ ไดเ้ ดนิ มาหาและกลา่ วขอโทษ ผเู้ ขยี นกง็ ง ๆ วา่ มาขอโทษเรอ่ื ง
อะไรเพราะเรากไ็ มไ่ ดร้ จู้ กั กนั มากอ่ น เธอจงึ รบั สารภาพวา่ “กอ่ นอาจารยข์ นึ้ เวทบี รรยาย หนนู กึ
วา่ อาจารยเ์ ปน็ เจก๊ คะ่ พอเหน็ อาจารยก์ ลา่ วใหส้ ลาม และกลา่ วน�ำ การบรรยายดว้ ยภาษาอาหรบั
จงึ รู้วา่ เป็นมสุ ลมิ ไม่ใชเ่ จ๊ก จงึ ขอมะอฟั (แปลว่า ขออภัย) คะ่ ”
ปัจจุบัน ตัวเลขประชากรมุสลิมในโลกซึ่งมีประมาณ 1,800 -2,000 ล้านคน ความ
จริงแล้วมุสลมิ ทีเ่ ปน็ ชาวแขกอาหรบั มอี ย่เู พยี งประมาณรอ้ ยละ 20 เทา่ นั้น สว่ นอีกร้อยละ 80
ของประชาการมุสลิมบนโลกนี้ไม่ใช่ชาวอาหรับ จงึ มคี �ำ กลา่ วที่ว่า “ไมใ่ ชช่ าวมุสลิมทุกคนทเ่ี ปน็
คนอาหรับ และไมใ่ ช่ชาวอาหรับทกุ คนท่ีเปน็ มสุ ลมิ ” (มชี าวอาหรบั ทนี่ บั ถือศาสนาคริสต์ หรอื
ยิว ด้วยเช่นกัน) และประเทศท่มี ีประชากรมุสลิมมากทสี่ ดุ ในโลกคอื ประเทศอนิ โดนเี ซยี ทีเ่ ป็น
เพ่ือนบ้านเราในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้นี้เอง สำ�หรับประเทศจีนเองมีประวัติศาสตร์การเข้า
มาของศาสนาอิสลามมายาวนานนับพันกว่าปี สามารถย้อนไปถึงบันทึกที่เป็นทางการของจีน
ตัง้ แต่ในสมยั ราชวงศ์ถงั คือ ค.ศ. 651 หรอื เป็นเวลาหลายร้อยปีก่อนอิสลามจะเข้าสโู่ ลกมลายู
และปัจจุบันประเทศจีนมีประชากรมุสลิมประมาณ 65 ล้านคน หรือเท่า ๆ กับประชากรใน
ประเทศไทยทั้งหมดนั่นเอง
อาจารย์กินข้าวกบั ตะเกยี บบาปไหม?
ผู้เขียนได้ช้ีให้ผู้ถามเห็นว่า ความจริงแล้วไม่เพียงแต่ศาสนาอิสลามเท่านั้นแต่รวมถึง
42
42 รายวชิ าท่ี 2 พหวุ ฒั นธรรมและสังคมจงั หวัดชายแดนภาคใต้
ศาสนาสากลทุกศาสนาที่ย่อมมีการเดินทางท่องเที่ยวขยายและกระจายไปจากถ่ินกำ�เนิดเดิม
ของศาสนาน้นั ๆ และทุกทีท่ ศ่ี าสนาไดเ้ ดนิ ทางไปต้ังหลกั ปักฐานในสงั คมหรอื ชมุ ชนหน่ึงๆ ย่อม
มกี ารปรบั ตวั เขา้ กบั สภาพหรอื บรบิ ทของสงั คมนน้ั ๆเสมอ (contextualize) ศาสนาอสิ ลามกเ็ ชน่
เดียวกนั เมื่อเดนิ ทางเขา้ ไปในประเทศจนี ตอ้ งปรบั เข้ากับวัฒนธรรมและแม้แต่ภาษาของจีน ใน
บางเรอื่ งศาสนาอิสลามกท็ ับได้สนิทไม่มรี อ่ งรอยของวฒั นธรรมจีนใหเ้ หน็ ไดแ้ กเ่ รือ่ งท่ีเกยี่ วขอ้ ง
กบั หลกั ศรทั ธาอนั เปน็ เอกภาพของพระผเู้ ปน็ เจา้ ทม่ี สุ ลมิ ทกุ คน ทกุ ที่ ตา่ งมคี วามชดั เจนทจี่ ะไมม่ ี
การน�ำ สงิ่ ใดมาเทยี บเคยี งกบั อ�ำ นาจอนั ยงิ่ ใหญเ่ บด็ เสรจ็ และสมบรู ณข์ องพระผเู้ ปน็ เจา้ ดงั นนั้ ชาว
มุสลมิ จนี จึงไม่มกี ารเซน่ ไหว้ผีบรรพบรุ ษุ การประกอบพิธีเช็งเมง้ หรือพิธไี หว้พระจนั ทร์ ตลอด
จนสง่ิ ถกู สรา้ งโดยมนษุ ยท์ งั้ หมด แตใ่ นขณะเดยี วกนั ศาสนาอสิ ลามกไ็ มไ่ ดท้ บั สนทิ บนวฒั นธรรม
ของสงั คมนนั้ ๆ ทไี่ มไ่ ดข้ ดั หรอื น�ำ สกู่ ารละเมดิ การเทยี บเคยี งกบั อ�ำ นาจอนั ยง่ิ ใหญข่ องพระผเู้ ปน็
เจา้ หรอื พดู ใหเ้ ขา้ ใจแบบงา่ ย ๆ วา่ ในสว่ นของวฒั นธรรมทไ่ี มไ่ ดเ้ กย่ี วขอ้ งกบั พธิ กี รรมทางศาสนา
และความเช่ือศรัทธาใดๆ ได้แก่ สถาปัตยกรรมอาคารรูปทรงแบบจีน วัฒนธรรมการกินโดย
ตะเกียบ (หรือวัฒนธรรมฝร่ังอาจกินโดยใช้ มีด-ช้อน-ส้อม) ซึ่งไม่ได้เก่ียวข้องกับความเช่ือทาง
ศาสนาแตอ่ ยา่ งใด ดงั นน้ั วฒั นธรรมเหลา่ นน้ี อกจากจะไมบ่ าปแลว้ ในทศั นะของผเู้ ขยี นยงั แสดง
ถงึ ความหลากหลายอนั งดงามอนั เปน็ สงิ่ สรรสรา้ งจากสตปิ ญั ญามนษุ ยใ์ นทต่ี า่ งๆ ทพ่ี ระผเู้ ปน็ เจา้
ประทานมาน่ันเอง
ผู้เขียนจึงได้ยกตัวอย่างอาคารมัสยิดในประเทศจีนให้เด็กมุสลิม หรือมุสลิมในจังหวัด
ชายแดนภาคใตไ้ ด้เห็นซ่งึ ล้วนเปน็ ภาพของอาคารมสั ยิดท่เี กนิ จนิ ตนาการของพวกเขาว่าอาคาร
รูปทรงเชน่ นี้นจ้ี ะเป็นมสั ยิดส�ำ หรับละหมาดได้อยา่ งไร (นา่ จะเปน็ วัดจนี ชัด ๆ)
ภาพท่ี 3 ประตูเขา้ มสั ยดิ แหง่ หนึ่ง มีแผ่นปา้ ยอักษรจนี 3 ค�ำ 43
รายวชิ าท ี่ 2 พหวุ ฒั นธรรมและ สงั คมจงั หว ัดชายแดนภาคใต้
ภาพที่ 4 มสั ยิดแห่งหน่งึ ในเขตปกครองตนเองหนงิ เซยี่ ภาพที่ 5 มัสยดิ ก้เู ฉิ่ง ทรงเกง๋ จีนในมณฑลยนู นา
ผู้เขียนอธิบายว่า ในรูปมัสยิดด้านซ้ายมือซ่ึงเป็นสถาปัตยกรรมแบบอาคารทรงเก๋ง
จีนอาคารน้ี หากชาวพุทธเอาพระพุทธรูปเข้าไปใส่ก็จะกลายเป็นวัดพุทธ หากชาวคริสต์เอาไม้
กางเขนเข้าไปใส่ก็จะกลายเป็นโบสถ์คริสต์ แต่สำ�หรับชาวมุสลิมจีน พวกเขาเอาอักษร 3 คำ�
(ชิง-เจิน-สื้อ) เข้าไปประดับบนหลังคา ก็เลยกลายเป็นอาคารมัสยิดสำ�หรับชาวมุสลิมใช้เป็นท่ี
ทำ�พธิ ีละหมาด และใตห้ ลังคาลงมา (รปู ดา้ นขวา) มีการประดับดว้ ยอกั ษรภาษาอาหรับ แต่เปน็
ภาษาอาหรบั ทเี่ ขยี นเปน็ ศลิ ปะตวดั เปน็ ลวดลายแบบอกั ษรจนี ไมใ่ ชภ่ าษาอาหรบั ทเ่ี ขยี นแบบใน
ประเทศอาหรบั ซงึ่ ชาวอาหรบั อาจจะอา่ นภาษาของตวั เองทเ่ี ขยี นในประเทศจนี ไมอ่ อกดว้ ยซ�ำ้ ไป
ดงั ทค่ี รงั้ หนง่ึ ผเู้ ขยี นเคยทา้ ชวนใหช้ าวจอรแ์ ดนทเี่ ปน็ คนอาหรบั ใหอ้ า่ นภาษาอาหรบั ตวดั แบบจนี
ในเมยี๊ ะฮห์ รบั (บอกทิศทางที่ชี้ไปยังทศิ ละหมาดส�ำ หรบั มุสลมิ คอื นครมักกะฮ)์ ตามรปู ข้างล่าง
นี้ ของมัสยิดหน่งึ ในมณฑลยูนนาน ประเทศจีน ซงึ่ ชาวอาหรบั ยอมรับวา่ ตนเองอา่ นภาษาของ
ตัวเองไม่ออก
44
44 รายวิชาท่ี 2 พหุวัฒนธรรมและสงั คมจงั หวัดชายแดนภาคใต้
ภาพที่ 6 เมี๊ยะฮ์หรบั (ช้ที ศิ การละหมาด) มสั ยดิ ท่คี นุ หมงิ มณฑลยูนนาน
ใช้ภาษาอาหรับตวดั ลวดลายศลิ ปะแบบจนี
ภาพท่ี 7 เม๊ยี ะฮ์หรับ บนท่ีละหมาดของมัสยิดอสิ ลามบา้ นฮอ่ เชียงใหม่
(ลวดลายอาหรบั ตวดั แบบศลิ ปะจีน)
นอกจากนน้ั ผเู้ ขยี นยงั ไดเ้ สนอรปู เปรยี บเทยี บหลมุ ฝงั ศพของชาวฮน่ั กบั หลมุ ฝงั ศพของ
ชาวหยุ มสุ ลมิ เพอ่ื ชใ้ี หเ้ หน็ ถงึ ความแตกตา่ งทส่ี �ำ คญั แมว้ า่ ทงั้ สองจะมโี ครงสรา้ งหรอื แบบของหลมุ
คลา้ ยๆกนั คอื เปน็ หลมุ ฝงั ศพทก่ี อ่ ขนึ้ ดว้ ยปนู ซง่ึ จะไมค่ อ่ ยพบในโลกมสุ ลมิ อน่ื ๆ ทน่ี ยิ มฝงั ลงพนื้
ดนิ โดยไม่มีการกอ่ ดว้ ยปนู ใหด้ สู ูงตระหง่านแบบน้ี
รายวิชาท ี่ 2 พหุวัฒ นธรรมและ สงั คมจังหว ัดชายแดนภาคใต้ 45
ภาพที่ 8 รูปเปรียบเทียบหลุมฝงั ศพของชาวฮน่ั กบั หลุมฝังศพของชาวหยุ มุสลมิ
ผเู้ ขยี นมกั จะถามผ้คู นว่า คิดว่าหลุมฝังศพสองอันน้ี อนั ไหนเปน็ ของชาวมสุ ลมิ อนั ไหน
เปน็ ของชาวฮ่ันทีไ่ ม่ใชม่ สุ ลิม เพราะอะไร? ซึ่งคนแทบทง้ั หมดจะตอบถูกตอ้ งวา่ อนั ด้านขวามือ
เป็นของมสุ ลมิ และเม่ือถามเหตุผลว่าทำ�ไม ส่วนใหญ่จะจะตอบว่า “เพราะมนั มโี ดม”
ผู้เขียนจึงบอกกล่าวไปวา่ แท้ทจ่ี รงิ แลว้ ข้อแตกต่างท่สี ำ�คัญของทงั้ สอง ไมใ่ ชต่ ัวรปู โดม
ทบ่ี ง่ บอกวา่ นา่ จะเปน็ หลมุ ศพของคนมสุ ลมิ แตค่ อื ของเซน่ ไหวบ้ รเิ วณหลมุ ฝงั ศพซง่ึ หลมุ ของชาว
ฮ่ัน (ด้านซา้ ยมือ) จะมีการวางของเซน่ ไหวบ้ รรพบรุ ษุ แตห่ ลมุ ศพของมสุ ลิมจะไม่มขี องเซน่ ไหว้
ใดๆ วางอยู่บนพ้ืน ซ่ึงในความเช่ือของชาวมุสลิมจะมีการส่งต่อถึงผู้ตายด้วยการขอพรโดยตรง
ต่อพระผู้เป็นเจ้าให้ประทานความเมตตาและให้อภัยโทษแก่บรรพบุรุษผู้ล่วงลับ โดยไม่ต้องมี
ของเซน่ ไหว้ใด ๆ และอาจมขี ้อสงั เกตสำ�คัญอกี อนั หนึ่งคือ หลมุ ดา้ นขวามอื ของชาวมุสลิมจะมี
ภาษาอาหรบั ประดบั อยซู่ ึง่ เป็นโองการหนงึ่ จากอัล-กุรอาน (3: 185) ที่วา่
แปลว่า “ทกุ ๆ ชวี ิต จะไดล้ ้มิ รสความตาย”
อสิ ลามมองการตายไมใ่ ชก่ ารดบั สญู เปน็ เพยี งการเปลย่ี นผา่ นจากโลกหนง่ึ ไปยงั อกี โลก
หนง่ึ เทา่ นน้ั อสิ ลามจงึ สอนวา่ คนทฉ่ี ลาดคอื ผทู้ รี่ �ำ ลกึ ถงึ ความตายอยเู่ สมอเพอื่ ทจี่ ะไดใ้ ชช้ วี ติ อยา่ ง
ระมดั ระวงั ประกอบคณุ ธรรมความดี และเพอื่ สรา้ งประโยชนใ์ หก้ บั เพอื่ นมนษุ ยแ์ ละสงั คม ดงั นน้ั
เม่ือมสุ ลิมไดท้ ราบขา่ วการเสยี ชีวิต จะถูกสอนให้กล่าววา่ (อัล-กุรอาน 2: 156)
(แท้จรงิ เราเป็นกรรมสิทธ์ขิ องอัลลอฮ์ และแทจ้ รงิ เราจะต้องกลบั คนื สูพ่ ระองค์)
46
46 รายวิชาท่ี 2 พหวุ ฒั นธรรมและสังคมจงั หวัดชายแดนภาคใต้
และผเู้ ขยี นไดส้ งั เกตหลมุ ฝงั ศพของชาวจนี มสุ ลมิ ในเชยี งใหมก่ จ็ ะมลี กั ษณะคลา้ ย ๆ กบั
ประเทศจีน คือจะเป็นลักษณะการก่อด้วยอิฐสูงขึ้นไปและนิยมติดด้วยอักษรภาษาอาหรับเช่น
เดยี วกบั ทปี่ ระเทศจนี ซง่ึ ประเพณปี ฏบิ ตั เิ ชน่ นจ้ี ะเปน็ ลกั ษณะเฉพาะของชาวจนี มสุ ลมิ ซง่ึ จะตา่ ง
ไปจากชาตพิ นั ธอ์ุ นื่ ๆ ในประเทศไทย หรอื ประเทศอน่ื ๆ ซงึ่ จะมธี รรมเนยี มการปฏบิ ตั ติ อ่ หลมุ ฝงั
ศพหรอื ประดบั ดว้ ยภาษาอาหรบั ที่แตกตา่ งกันออกไป
ดังน้ัน สำ�หรับชาวมุสลิมซ่ึงในทุกย่างก้าวของวิถีชีวิตจะต้องยึดโยงอยู่กับคำ�สอนของ
ศาสนาอยเู่ สมอวา่ อะไรท�ำ ได้ อะไรท�ำ ไมไ่ ด้ ในหลายๆครงั้ มสุ ลมิ เองกส็ บั สนน�ำ เอาเรอื่ งวฒั นธรรม
เช่น การยกมอื ไหว้แสดงความคารวะผู้อาวุโสในสงั คมไทย การกนิ อาหารด้วยตะเกียบ การแตง่
กายดว้ ยเสอ้ื ผา้ พน้ื เมอื งตามวฒั นธรรมทอ้ งถน่ิ ฯลฯ แตม่ กั ไปเหมารวมวา่ เปน็ หลกั ความเชอื่ หรอื
พิธีกรรมทางศาสนาจึงไมย่ อมปฏบิ ตั ิตามประเพณีหรอื วฒั นธรรมดงั กล่าว ท้งั ๆ ไมใ่ ช่เปน็ เร่ือง
ของพิธกี รรมทางศาสนาแตอ่ ยา่ งใด
นอกจากนนั้ การปรบั ตวั ในเรอ่ื งภาษานบั เปน็ อกี เรอื่ งหนงึ่ ทม่ี คี วามนา่ สนใจมาก คอื เมอื่
อสิ ลามซ่งึ มตี น้ ก�ำ เนดิ ท่โี ลกอาหรับ ใชภ้ าษาอาหรบั พอเดนิ ทางมาถงึ ประเทศจนี ซง่ึ ใช้ภาษาจนี
จะมกี ารปรบั ตวั ในการท�ำ ความเขา้ ใจแนวคดิ อสิ ลามจากโลกอาหรบั ผา่ นการใชภ้ าษาจนี ไดอ้ ยา่ งไร
ดังตัวอยา่ งเชน่
ชาวจีนมสุ ลิมยูนนานในภาคเหนือ กับการสร้างชนชน้ั กลางในสังคม
ตอ่ จากนน้ั ผเู้ ขยี นไดเ้ ลา่ เรอ่ื งชมุ ชนมสุ ลมิ จนี ในภาคเหนอื ซงึ่ นอ้ ง ๆ นกั เรยี นยงั ใหค้ วาม
สนใจเปน็ อยา่ งมากเกย่ี วกบั ประวตั คิ วามเปน็ มาของกลมุ่ คาราวานมา้ ตา่ งของพอ่ คา้ จนี มสุ ลมิ นน้ั
ได้เร่ิมสู่ภาคเหนือของไทยต้ังแต่กลางคริสต์ศตวรรษท่ี 19 และต่อมาได้ก่อต้ังชุมชนและมัสยิด
ของชาวจนี มุสลิมขนึ้ โดยมีผูน้ ำ�สำ�คัญคอื ท่านเจิ้งชงหลิง่ ซงึ่ ตอ่ มามีบทบาทส�ำ คัญในการพฒั นา
รายวิชาท ี่ 2 พหวุ ัฒ นธรรมและ สงั คมจงั หว ัดชายแดนภาคใต้ 47
สังคมไทยในภาคเหนือ เช่น บริจาคที่ดนิ สร้างสนามบนิ เชยี งใหมเ่ ปน็ จำ�นวนถงึ 225 ไร่ 2 งาน
ดงั ปรากฏในราชกิจจานุเบกษา พ.ศ. 2467 การเป็นนายไปรษณยี ์บริการจดหมายและพัสดทุ ัว่
ภาคเหนอื ดว้ ยคาราวานมา้ ตา่ ง และการขนสง่ พสั ดแุ ละอาหารเพอื่ สรา้ งทางรถไฟลอดถ�ำ้ ขนุ ตาล
เพอ่ื เปน็ เสน้ ทางคมนาคมเชอื่ มกรงุ เทพฯ กบั จ.เชยี งใหม่ นบั ไดว้ า่ คนรนุ่ แตบ่ รรพบรุ ษุ ไดเ้ ปน็ แบบ
อยา่ งอนั ดงี ามในการสรา้ งคณุ ประโยชนอ์ นั ยงิ่ ใหญใ่ หก้ บั สงั คมและประเทศชาตทิ พ่ี วกเขาเขา้ มา
อย่อู าศยั
ภาพท่ี 9 เจิ้งชงหลิง่ (ผูก้ ่อต้งั ชมุ ชนอสิ ลามบา้ นฮ่อ เชียงใหม่)
และจากผลพวงของการเข้าสู่ระบบการศึกษาสมัยใหม่ได้ทำ�ให้ชาวจีนยูนนานมุสลิม
รุ่นต่อๆ มาเข้าสู่ระบบอาชีพท่ีหลากหลายและมีบทบาทสำ�คัญในการรับใช้สังคมไทย ปัจจุบัน
มบี คุ ลากรทางการแพทย์ (แพทย์ ทันตแพทย์ เทคนิคการแพทย์ เภสชั กร และพยาบาล) ที่เป็น
ชาวจนี มุสลิมมากกวา่ 100 คน (ซงึ่ เปน็ สัดสว่ นทส่ี ูงมากหากเทียบกับประชากรมสุ ลิมกลุ่มอืน่ ๆ
ในประเทศไทย) กระจายอยู่ตามโรงพยาบาลต่าง ๆ ในทั่วภาคเหนือ มีครูจีนมุสลิมสอนอยู่ใน
แทบทุกโรงเรียนมีอาจารยส์ อนในแทบทกุ คณะของมหาวิทยาลยั ตา่ ง ๆ ในภาคเหนอื
ชาวจีนมสุ ลิมคนหนงึ่ ได้ให้สมั ภาษณว์ ่า “ในฐานะเป็นชนกลุ่มน้อย มนั เปน็ เร่อื งส�ำ คญั
มากส�ำ หรบั เดก็ ๆ ของเราทจ่ี ะตอ้ งไดร้ บั การศกึ ษาทงั้ ทางดา้ นสามญั และศาสนา พวกเขาตอ้ งเรยี น
สงู ๆ เพอ่ื จะไดม้ อี าชพี การงานทดี่ ี สามารถชว่ ยเหลอื ตนเองไดแ้ ละจะไดย้ นื อยอู่ ยา่ งมเี กยี รตศิ กั ด์ิ
48
48 รายวิชาท่ี 2 พหวุ ัฒนธรรมและสังคมจงั หวดั ชายแดนภาคใต้
ศรใี นสงั คมน้ี ปจั จบุ ัน โลกเราเตม็ ไปด้วยการแข่งขัน ดังนัน้ หากเราไม่ใส่ใจกบั การศกึ ษาพวกเขา
กจ็ ะไม่สามารถส้คู นอ่ืนได้ ดงั น้ัน เราตอ้ งเขม้ แขง็ ท้ังทางด้านการงานในโลกน้ีและรกั ษาแนวทาง
ศาสนาเพือ่ โลกหน้าไปพร้อมๆ กัน”
และผู้ให้สัมภาษณ์อีกคนหนึ่ง “ในฐานะที่เราเป็นมุสลิม เราต้องใช้ชีวิตอย่างสมดุลท้ัง
เพ่ือโลกนี้และโลกหน้า หมายความว่า อิสลามสอนให้เราช่วยเหลือผู้อื่นแล้วเราจะได้รับรางวัล
จากอัลลอฮ์ ในฐานะท่ีเราเป็นชนกลุ่มน้อยในสังคมน้ี เราจึงต้องอดทนต่อสู้ทำ�งานหนักกว่าคน
อนื่ เพอื่ จะไดร้ บั ความส�ำ เรจ็ และยนื อยใู่ นสงั คมอยา่ งมเี กยี รตศิ กั ดศิ์ รี อสิ ลามสอนใหเ้ ราเปน็ มอื บน
เปน็ ผใู้ ห้ ซงึ่ การมกี ารศกึ ษาสงู ๆ จะเปน็ เครอื่ งมอื ส�ำ คญั ทจ่ี ะผลกั ดนั ใหเ้ ราสคู่ วามส�ำ เรจ็ พวกเรา
ตอ้ งขอบคณุ คนรนุ่ พอ่ -แม่ ผมู้ สี ายตายาวไกลทที่ �ำ ใหพ้ วกเราเปน็ พลเมอื งทมี่ คี ณุ ภาพแมว้ า่ เราจะ
เปน็ เพยี งชนกลุ่มน้อยกต็ าม”
และ “ปัจจบุ นั นช้ี าวจนี มสุ ลิมในภาคเหนอื มากมายไดเ้ ปน็ ผู้มอี าชีพที่ดแี ละมเี กยี รติใน
สังคม เรามีคนกระจายไปในแทบทุกๆ สาขาอาชพี เช่น แพทย์ ทันตแพทย์ เภสัชกร พยาบาล
วศิ วกร นกั กฎหมาย อาจารยม์ หาวทิ ยาลยั ตลอดจนนกั ธรุ กจิ ใหญๆ่ หลายประเภท เราภมู ใิ จทมี่ ี
แพทยด์ า้ นหวั ใจทเ่ี กง่ ระดบั ประเทศ มบี รษิ ทั คอมพวิ เตอร์ บรษิ ทั ทวั ร์ ศนู ยจ์ �ำ หนา่ ยจกั รยานยนต์
ทใี่ หญท่ สี่ ดุ ในเชยี งใหม่ มโี รงงานผลติ กลอ่ งกระดาษ โรงงานท�ำ ถงุ พลาสตกิ โรงงานผลติ เตา้ หแู้ ละ
ผลติ ผลทางการเกษตร และเรายงั มชี าวจนี มสุ ลิมท่ีจบทางดา้ นศาสนาจากโลกอาหรบั มากมาย
เชน่ กนั เพ่ือให้ความรูด้ า้ นศาสนาแกล่ ูกหลานเราตอ่ ไป”
จึงสรุปให้นักเรียนเห็นว่า สำ�หรับชีวิตคนเป็นมุสลิมน้ันไม่ว่าจะอยู่ท่ีไหน มีสถานะ
เช่นไร จำ�เป็นที่จะต้องสร้างคุณความดีต่อสังคมที่เราอยู่เสมอเพราะนี่คือคำ�สอนของท่าน
นบีมูฮัมหมดั ทว่ี า่ “มนษุ ยท์ ด่ี เี ลิศคอื ผทู้ ท่ี �ำ คณุ ประโยชนแ์ ก่เพอ่ื นมนษุ ย์”
อตั ลกั ษณท์ ี่หลากหลายและลืน่ ไหล: เราคือ “ชาวมสุ ลมิ ไทยเชอ้ื สายจนี แหง่ ลา้ นนา”
ชื่อ ภาษา ศาสนาและความชาติพันธุ์ นับเป็นอัตลักษณ์สำ�คัญที่บ่งบอกถึงความเป็น
ตวั ตนของมนุษย์ทกุ หมเู่ หล่า และอัตลักษณ์ของคนเรานนั้ ไม่เคยมเี พียงหน่งึ เดียวหรอื หยดุ น่ิงไม่
เคล่ือนไหวเปล่ยี นแปลง หากแต่ลืน่ ไหลปรับเปล่ยี นไดเ้ สมอ ในหลาย ๆ สงั คม หากผู้คนยดึ ติด
กับอัตลักษณ์ของตนอย่างแข็งกระด้างติดแน่นตายตัว สังคมนั้นมีแนวโน้มที่จะมองคนอ่ืนแบบ
แบ่งแยกเขา-เรา ชัดเจนจนกีดกันคนอ่ืนออกไปจากขอบเขตของตนเอง และมีโอกาสที่จะเกิด
ความขดั แยง้ รุนแรงมากกว่าสงั คมทผ่ี ้คู นมองอตั ลกั ษณ์มคี วามหลากหลาย
แผ่นป้ายมัสยิดของผู้เขียนท่ีเชียงใหม่เป็นอีกสิ่งหนึ่งท่ีผู้เขียนมักใช้บอกเล่าถึงเร่ืองราว
และอัตลักษณค์ วามเป็นตวั ตนของผู้เขยี นและผู้คนในสงั คมมุสลมิ ในภาคเหนอื เพอ่ื ฉายภาพ
ให้เหน็ ถงึ ความหลากหลายในความเป็นตัวตนของเราท่ีอยใู่ นสังคม
รายวชิ าท ่ี 2 พหวุ ฒั นธรรมและ สังคมจังหว ดั ชายแดนภาคใต้ 49
ภาพท่ี 10 แผน่ ปา้ ยมัสยดิ ทีเ่ ชียงใหม่
อกั ษรภาษาอาหรบั แถวบนสดุ มาจากโองการในคมั ภรี อ์ ลั -กรุ อานทม่ี คี วามหมายวา่ “และ
แทจ้ ริง มัสยดิ คอื บา้ นของอลั ลอฮ์ จงอย่าวิงวอนขอผใู้ ดนอกจากอลั ลอฮ์” บง่ บอกถึง อตั ลักษณ์
ความเปน็ มสุ ลมิ ที่เรานบั ถอื ศาสนาอิสลาม
อกั ษรภาษาไทยแถวกลาง “สเุ หรา่ อสิ ลามเชยี งใหม”่ บง่ บอกถงึ อตั ลกั ษณค์ วามเปน็ ไทย
ท่ีเราเกดิ และเตบิ โตใช้ชีวติ อยใู่ นผนื แผน่ ดินไทยแหง่ นี้
อักษรภาษาจีนแถวล่างสุดอ่านว่า “หุย-แจ้ว-หล่ี-ไป่-ถัง” แปลว่า สถานที่ละหมาด
ส�ำ หรบั คนมสุ ลมิ บง่ บอกถงึ อตั ลกั ษณค์ วามเปน็ จนี ทเ่ี รามบี รรพบรุ ษุ อพยพมาจากมณฑลยนู นาน
ประเทศจีนมาตง้ั แต่เมื่อรอ้ ยกว่าปีก่อน
นอกจากนน้ั ลายดอกไมต้ รงหวั มมุ ทงั้ สดี่ า้ นของปา้ ยแผน่ นี้ ยงั เปน็ ลายเอกลกั ษณเ์ ฉพาะ
ของชาวลา้ นนาเรียกว่า “ทิพยม์ ณฑา” ซงึ่ ไมใ่ ชแ่ บบของลายไทยภาคกลาง
เราจึงได้เห็นถึงความหลากหลายในอัตลักษณ์ของมุสลิมในภาคเหนือที่มีทั้งอัตลักษณ์
ความเป็นมุสลิม-ไทย-จีน-ล้านนา ดังน้ัน หากท่านจะถามว่าเราเป็นใคร? เราก็จะบอกว่า เรา
คอื “ชาวมุสลมิ ไทยเชอื้ สายจนี แหง่ ลา้ นนา”
ดังนั้น จงึ ชวนนอ้ ง ๆ นกั เรียนคิดว่า คนเราจึงไม่จ�ำ เป็นต้องมีอตั ลักษณเ์ พยี งหนง่ึ เดียว
และแข็งทื่อตายตัวใช่หรือไม่ การมีอัตลักษณ์ที่หลากหลายนั้นความจริงแล้วนับล้วนเป็นบท
กำ�หนดและเปน็ ความเมตตาของพระผเู้ ป็นเจา้ ทม่ี ีตอ่ เรา
นอกจากน้ัน สิ่งท่ีน่าสนใจของป้ายนี้ยังได้แก่ แถวบริเวณริมตรงกลางของป้ายทั้งสอง
ดา้ น ด้านหนึ่งเขยี นเปน็ ภาษาไทยว่า “สร้าง พ.ศ. 2459” และอีกด้านหนึง่ เขยี นเป็นภาษาจนี
ซง่ึ มคี วามหมายว่า “สร้าง ค.ศ. 1917” ในขณะทใี่ นโลกมสุ ลิมมีการนบั ศักราชของตัวเองคอื ใช้
ค�ำ วา่ “ฮจิ เราะฮ์ศกั ราช” หรือ ฮ.ศ. ซง่ึ ฮ.ศ. ท่ี 1 คือ การเริ่มนบั จากปแี รกของการอพยพของ
ทา่ นศาสดามฮู มั หมดั จากนครมกั กะฮไ์ ปยงั นครมะดนี ะฮ์ แตป่ า้ ยนก้ี ลบั ไมใ่ ชศ้ กั ราชตามประเพณี
ของโลกมสุ ลมิ กลบั ใช้ “พทุ ธศกั ราช” และ “ครสิ ตศกั ราช” บง่ บอกถงึ การใหเ้ กยี รตใิ นการอยรู่ ว่ ม
กันกับเพื่อนบ้านที่เป็นท้ังพ่ีน้องชาวพุทธและพ่ีน้องชาวคริสต์ซึ่งอยู่รายล้อมชุมชนมุสลิมแห่งนี้
แมแ้ ตด่ ้านหน่งึ ของก�ำ แพงมสั ยิดนี้กม็ กี ารใชก้ ำ�แพงร่วมกันกบั วดั อปุ คตุ จ.เชียงใหม่ มาเปน็ เวลา
มากกว่า 100 ปีมาแล้ว มุสลิมเราต่างคุ้นชินกับเสียงสวดของพระวัดอุปคุตที่เล็ดลอดเข้ามาใน
50
50 รายวิชาที่ 2 พหุวฒั นธรรมและสงั คมจงั หวดั ชายแดนภาคใต้
มัสยิดขณะท่ีเรากำ�ลังละหมาด ในขณะที่ฝ่ายพระสงฆ์ต่างก็คุ้นชินกับเสียงอาซานเพ่ือเรียกร้อง
เชิญชวนมุสลิมมาสู่การละหมาดในขณะท่ีท่านกำ�ลังสวดอยู่เช่นกัน จึงนับเป็นอีกตัวอย่างหนึ่ง
ของความงดงามในการอยรู่ ว่ มกนั ของพ่นี อ้ งสองศาสนามายาวนานนบั ร้อยปี
จากเวทพี บปะนอ้ ง ๆ เยาวชนมสุ ลมิ ในจงั หวดั ชายแดนภาคใตค้ รงั้ นนั้ มสี งิ่ หนง่ึ ทผ่ี เู้ ขยี น
คอ่ นขา้ งแปลกใจคือ...
เปน็ ครง้ั แรกที่ได้คุยกบั พระ
ก่อนวันสุดท้ายได้มีการพานักเรียนทั้งหมดไปศึกษาดูงานท่ี ชุมชนบ้านตะโหมด อ.ตะ
โหมด จ.พทั ลงุ ซงึ่ เปน็ ชมุ ชนทท่ี า่ นเจา้ อาวาสวดั ตะโหมดไดท้ �ำ งานรว่ มกนั กบั ทา่ นอหิ มา่ มประจ�ำ
มัสยิดในชุมชนเป็นอย่างดี
ผู้เขียนซึ่งเป็นคนเติบโตมาในสังคมท่ีมุสลิมเป็นชนส่วนน้อยในพ้ืนท่ีซ่ึงชุมชนรายล้อม
ด้วยวัดวาอารามมากมาย มัสยิดในชุมชนท่ีผู้เขียนเติบโตมาชื่อมัสยิดเฮดายาตุ้ลอิสลามบ้านฮ่อ
จ.เชียงใหม่ น้ัน ใช้กำ�แพงเดียวกันกับวัดอุปคุตท่ีอยู่ด้านติดกันกับมัสยิด และผู้เขียนเติบใหญ่
มากับการเล่นกับเพ่ือนชาวพุทธตั้งแต่เด็กๆ ดังน้ัน ผู้เขียนจึงรู้สึกฉงนใจเป็นอย่างมากเม่ือเด็ก
นกั เรยี นมสุ ลมิ ซง่ึ เรยี นอยถู่ งึ ชนั้ มธั ยมศกึ ษาตอนปลายแลว้ บอกวา่ “เปน็ ครง้ั แรกในชวี ติ ทผี่ มเดนิ
เขา้ ไปในวดั และเปน็ คร้ังแรกในชีวติ ท่ีผมไดค้ ุยกับพระอย่างใกล้ชิดแบบน”้ี
สงิ่ ทผี่ เู้ ขยี นไดส้ งั เกตเหน็ อยา่ งชดั เจนคอื แววตาของเดก็ มสุ ลมิ ขณะทพี่ ดู คยุ กบั พระสงฆ์
อยา่ งใกลช้ ดิ นน้ั มนั ชา่ งเปน็ แววตาทส่ี ดใสแวววาวแสดงถงึ ความอยากกระหายใครร่ จู้ กั ผอู้ น่ื ทตี่ า่ ง
ไปจากตนเอง คำ�ถามคอื แล้ว ผใู้ หญท่ ีเ่ ปน็ มุสลิมจำ�นวนไม่น้อย ทำ�ไมกลบั ไปสร้างแต่กำ�แพงที่
คอยปดิ กั้นความกระหายใคร่รู้ของเดก็ เหล่าน้ัน?
รายวชิ าท ี่ 2 พหุวฒั นธรรมและ สงั คมจงั หว ัดชายแดนภาคใต้ 51
พอคนื สดุ ทา้ ย คณะวทิ ยากรใหเ้ ดก็ นกั เรยี นทเ่ี ขา้ อบรมครงั้ นน้ั ลองวาดภาพถงึ ชมุ ชนใน
ฝันของพวกเขา และส่ิงท่ีเราได้เห็นจากภาพที่เด็กวาดคือ รูปวัดพุทธ–วัดจีน-มัสยิด-และโบสถ์
ครสิ ต์ เปน็ ชมุ ชนทป่ี ระกอบดว้ ยผู้คนหลากหลายศาสนาทีอ่ ยูร่ ว่ มกนั และเดก็ ๆ ได้ชว่ ยกันแตง่
บทกลอนเพอื่ ปดิ การอบรมในครั้งนน้ั ด้วยบทกลอนช่อื ว่า “เยาวชนสันติวิธี”
เราคือเยาวชนแหง่ สนั ติ บานผลเิ หมือนดอกไมห้ ลายสสี สี ัน
เรารักเพ่ือนมนษุ ยร์ ว่ มแบ่งปัน แมต้ า่ งศาสน์ ชาติพันธุ์ ร่วมฝันรกั
เราได้ถามเด็ก ๆ ที่เป็นเหย่ือความรุนแรงในจังหวัดชายแดนภาคใต้เหล่าน้ันว่า พวก
เขาคิดท่ีจะแกแ้ คน้ จากความสญู เสียสมาชิกในครอบครัวหรอื ไม?่ พวกเขาตอบวา่ “ไมเ่ ลยครับ”
เพราะศาสนาอสิ ลามสอนเกย่ี วกบั ความตายไวว้ า่ “คนเราทกุ คนเปน็ กรรมสทิ ธข์ิ องพระผเู้ ปน็ เจา้
และแนน่ อน เราจะตอ้ งกลบั คนื ส่พู ระองค์”
บทกวีดังกล่าวนับเป็นพื้นท่ีแห่งความหวัง (Space of Hope) สำ�หรับเยาวชนคนรุ่น
ใหมท่ ี่จะช่วยสรรสรา้ งสนั ตสิ ุขสู่สังคมในทา่ มกลางความหลากหลาย
52
52 รายวิชาที่ 2 พหุวฒั นธรรมและสังคมจังหวดั ชายแดนภาคใต้
การได้มีโอกาสพบปะพูดคุยกับเด็กๆในโครงการน้ีทำ�ให้เราได้เห็นพ้ืนที่แห่งความหวัง
ในการทจี่ ะชว่ ยกนั สรา้ งสนั ตภิ าพในพน้ื ทจี่ งั หวดั ชายแดนภาคใต้ ดงั ทท่ี า่ นประธานาธบิ ดเี นลสนั
แมนเดลลา ได้เคยกล่าวไว้ว่า
“มนุษย์เราน้ัน ไม่มีใครท่ีเกิดมาพร้อมกับการเกลียดผู้อื่น เพียงเพราะ
สีผิวหรือศาสนาที่แตกต่างกัน แสดงว่าคนเราคนเรียนรู้ท่ีจะเกลียดกัน
ในภายหลัง ดังนั้น หากคนเรียนรู้ท่ีจะเกลียดกันได้ เขาก็ย่อมที่จะถูก
สอนให้รกั กันได้เชน่ กัน เพราะความรกั นัน้ มันเป็นธรรมชาติของมนษุ ย์
เสยี ยิ่งกว่าความเกลียด”
3.3 การสรา้ งความเขา้ ใจเพื่อการอยรู่ ว่ มกนั ในสงั คมพหวุ ัฒนธรรมในชายแดนภาคใต้
หลงั จบการศกึ ษาจากมหาวทิ ยาลยั ฮาวายกลบั มาท�ำ งานทม่ี หาวทิ ยาลยั พายพั เหตกุ ารณ์
ความไมส่ งบและความรุนแรงในภาคใต้ซง่ึ คนสว่ นใหญเ่ ปน็ ชาวไทยมลายมู ุสลิมยงั คงเป็นปัญหา
สำ�คัญที่รัฐบาลพยายามแก้ไขแต่ยังไม่สำ�เร็จ และความขัดแย้งท่ีนำ�สู่ความรุนแรงในจังหวัด
ชายแดนภาคใตย้ งั คงไมม่ ที า่ ทวี า่ จะสงบโดยงา่ ย ซง่ึ ผเู้ ขยี นเกรงวา่ จะเปน็ หนงึ่ ในเงอ่ื นไขส�ำ คญั ใน
การหลอ่ เลย้ี งการสรา้ งภาพหวาดกลวั อสิ ลามและถกู น�ำ ไปเปน็ เงอื่ นไขในการท�ำ ลายความสมั พนั ธ์
ท่ดี ีระหวา่ งผคู้ นในสังคมไทย มีเหตุการณ์มากมายทอ่ี าจพบเจอไดใ้ นชวี ิตประจำ�วนั ที่นา่ จะน�ำ สู่
บทเรียนเพ่ือการเรียนรู้ท่ีผู้เขียนหยิบยกข้ึนมาเป็นประเด็นพูดคุยในเวทีต่าง ๆ ตลอดหลายปีท่ี
ผา่ นมา
บทบาทของผเู้ ขยี นนอกจากการสอนหนงั สอื ในมหาวทิ ยาลยั พายพั และท�ำ งานวจิ ยั แลว้
ยงั ได้รบั เชญิ ให้ท�ำ งานด้านการสรา้ งสนั ตภิ าพในองค์กรต่างๆ ทัง้ องค์กรภาครัฐ ไดแ้ ก่ หลกั สตู ร
ประกาศนยี บตั รชน้ั สงู เสรมิ สรา้ งสงั คมสนั ตสิ ขุ ของสถาบนั พระปกเกลา้ หลกั สตู รการอยรู่ ว่ มกนั
อยา่ งสนั ตสิ ขุ ในสงั คมพหวุ ฒั นธรรมของศนู ยอ์ �ำ นวยการบรหิ ารจงั หวดั ชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.)
และของภาคประชาสงั คมทงั้ ในประเทศและตา่ งประเทศ ไดแ้ ก่ มลู นธิ เิ อเชยี ธนาคารโลก UNDP
Oxfam ศนู ยเ์ ฝ้าระวงั ภาคใต้ ปาตานีฟอรมั่ หลกั สตู รการเข้าถงึ ความยุติธรรมของผ้หู ญิงมสุ ลมิ
ใหก้ บั ส�ำ นักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแหง่ ชาติ และมูลนิธผิ หู้ ญิง เป็นตน้ ในการอบรม
ให้กับเยาวชนและนักศึกษา ผู้นำ�ชุมชนและผู้นำ�ศาสนาในพื้นที่ความรุนแรงในภาคใต้ของไทย
รวมทง้ั เปน็ วทิ ยากรประจ�ำ ใหก้ บั หลกั สตู รโรงเรยี นผนู้ �ำ ของแผนงานสรา้ งเสรมิ สขุ ภาวะมสุ ลมิ ไทย
ในการอบรมให้กับผู้นำ�มุสลิมท้ังชายและหญิงทั่วประเทศ และเป็นวิทยากรในโครงการพัฒนา
ศักยภาพผู้นำ�มุสลิม ของส�ำ นักจฬุ าราชมนตรใี นการอบรมให้กบั ผู้น�ำ มสุ ลมิ จากทว่ั ประเทศไทย
เช่นกนั
รายวิชาท ี่ 2 พหุวัฒ นธรรมและ สังคมจังหว ดั ชายแดนภาคใต้ 53
โดยในระหว่างทางอนั ยาวนานน้ี ผเู้ ขยี นไดม้ ีโอกาสพบปะกับผคู้ นและเหตกุ ารณต์ ่าง ๆ
มากมายท่เี ก่ยี วขอ้ งกับการอยู่รว่ มกันท่ามกลางความหลากหลาย
3.4 บริบทความขัดแยง้ ระหวา่ งศาสนาในสงั คมไทย
สงิ่ ทผ่ี เู้ ขยี น (ดู สชุ าติ เศรษฐมาลนิ ี 2560) เปน็ กงั วลใจของพฒั นาการสถานการณค์ วาม
ขัดแย้งในสังคมไทยโดยเฉพาะที่สะท้อนจากปฏิสัมพันธ์ของคนต่างวัฒนธรรมกันจนสร้างอคติ
และเปน็ อปุ สรรคในการอยรู่ ว่ มกนั อยา่ งสนั ตทิ า่ มกลางความหลากหลายโดยเฉพาะระหวา่ งชาว
ไทยพทุ ธกับมสุ ลิม
ปรากฎการณ์อสิ ลามโมโฟเบีย (โรคเกลยี ดกลัวอิสลาม) ในสังคมไทย
ภาพที่ 11 ภาพจากสอื่ โซเชยี ล
อิสลามโมโฟเบยี หรอื โรคเกลยี ดกลวั อสิ ลาม เป็นแนวคิดทใ่ี ช้กันอย่างแพรห่ ลายโดย
ทั่วไปทั้งแวดวงวิชาการและในหมู่สาธารณะชน แนวคิดนี้มีพัฒนาการตั้งแต่ปลายทศวรรษ
1990 และต้น 2000 โดยนักการเมือง องค์กรพฒั นาเอกชน (NGO) นักวิจารณเ์ กยี่ วกบั ประเดน็
สาธารณะ และองคก์ ารระหว่างประเทศ เพอื่ เรยี กรอ้ งความสนใจเกย่ี วกับพฤตกิ รรมการทำ�รา้ ย
ชาวมุสลิมและศาสนาอิสลามในสังคมเสรีประชาธิปไตยตะวันตก ไม่ว่าโดยการกระทำ�หรือโดย
การใช้วาจาก็ตาม ในปีต่อๆ มา แนวคิดน้ีเร่ิมเป็นท่ีสนใจในแวดวงสังคมศาสตร์จากการที่มีนัก
วิจัยศึกษามิติต่างๆของแนวคิดน้ีกันอย่างกว้างขวางมากข้ึนได้แก่ มิติทางประวัติศาสตร์ ความ
เปน็ มา และพัฒนาการจนถึงในปจั จุบนั สาเหตแุ ละผลของอิสลามโมโฟเบยี ตลอดจนความเข้ม
ข้นของอิสลามโมโฟเบียว่าเป็นอย่างไรในสงั คมทศี่ ึกษา เป็นต้น
อยา่ งไรกต็ าม คำ�นยิ ามของแนวคดิ นย้ี ังคงไม่มีความชัดเจนและยงั ไมเ่ ปน็ ที่ลงตวั ในหมู่
นกั วชิ าการวา่ หมายถงึ อะไร ในบางแง่ อสิ ลามโมโฟเบยี เปน็ เหมอื นค�ำ ใหมข่ องแนวคดิ ทเ่ี คยถกู น�ำ
เสนอมาแลว้ ไดแ้ ก่ งานทมี่ ชี อื่ เสยี งของ Edward Said เมอื่ ตน้ ทศวรรษ 1970 เรอื่ ง Orientalism
54
54 รายวชิ าที่ 2 พหวุ ฒั นธรรมและสังคมจงั หวดั ชายแดนภาคใต้
ซง่ึ แสดงใหเ้ หน็ วา่ “โลกตะวนั ตก” ไดส้ รา้ งความเปน็ อน่ื และสรา้ งภาพลกั ษณ์ ตลอดจนความรสู้ กึ
ในเชิงลบต่อโลกอิสลามมายาวนานแล้ว ต่อมา อิสลามโมโฟเบีย ได้อุบัติข้ึนเป็นวาทกรรมร่วม
สมยั จากการพมิ พร์ ายงานในปี ค.ศ. 1997 เรอ่ื ง อสิ ลามโมโฟเบยี : สงิ่ ทา้ ทายส�ำ หรบั เราทงั้ หมด”
(Islamophobia: A Challenge for Us All) โดยองคก์ รพฒั นาเอกชนดา้ นความสมั พนั ธเ์ ชอ้ื ชาติ
นับแต่น้ันเป็นต้นมา โดยเฉพาะหลังเหตุการณ์ถล่มตึกเวิลด์เทรดเซ็นเตอร์ ท่ีมหานครนิวยอร์ค
ในปี ค.ศ. 2001 แนวคดิ น้ีได้ถกู ใชก้ ันโดยท่ัวไปในสอ่ื รวมท้งั ผคู้ นทว่ั ไปในยุโรป สหรฐั อเมริกา
ตอ่ มาแนวคดิ ไดแ้ พรก่ ระจายออกไปอยา่ งมากในองคก์ รนานาชาตไิ มว่ า่ องคก์ รสหภาพยโุ รปและ
องคก์ ารสหประชาชาตทิ ไ่ี ดเ้ ขยี นรายงานเรอ่ื งเกยี่ วกบั อสิ ลามโมโฟเบยี ออกมาหลายชน้ิ อยา่ งตอ่
เนื่องตัง้ แต่ปี ค.ศ. 2002
ถงึ แมว้ า่ แนวคดิ นจ้ี ะเรมิ่ แพรห่ ลายโดยทวั่ ไป แตค่ �ำ นยิ ามทถี่ กู ตอ้ งของอสิ ลามโมโฟเบยี
คอื อะไร กย็ งั คงเปน็ ทถ่ี กเถยี งและยงั หาขอ้ สรปุ อยา่ งลงตวั ไมไ่ ดใ้ นทางวชิ าการ ไดแ้ ก่ ในรายงาน
The 1997 Runnymede Trust อธบิ ายว่า อสิ ลามโมโฟเบยี หมายถงึ “ความสะพรึงกลวั หรือ
ความเกลยี ดตอ่ ศาสนาอสิ ลาม ดงั นน้ั จงึ เกดิ ความกลวั และเกลยี ดตอ่ ชาวมสุ ลมิ ทง้ั หมดหรอื สว่ น
ใหญ่” ในรายงานน้ี ไดข้ ยายความแนวคิดอสิ ลามโมโฟเบยี ว่าไมใ่ ชเ่ ป็นเพียงความร้สู กึ เกลียดชัง
เทา่ นัน้ หากยังรวมถึงการเลอื กปฏิบตั ิอย่างไมเ่ ป็นธรรมต่อชาวมสุ ลมิ และชมุ ชนมสุ ลมิ และการ
ผลกั ไสมุสลิมให้ออกไปจากเร่อื งราวทางสงั คมและการเมอื งน้ันๆ ด้วย
นกั เขยี นหลายคนเกยี่ วกบั เรอื่ งนเ้ี ลยี่ งทจ่ี ะไมอ่ ธบิ ายค�ำ นยิ ามของอสิ ลามโมโฟเบยี วา่ คอื
อะไร บางคนกอ็ ธบิ ายลกั ษณะของอสิ ลามโมโฟเบยี อยา่ งกวา้ งๆ บา้ งกแ็ คบๆ บา้ งก็ คลมุ ๆเครอื ๆ
เชน่ อสิ ลามโมโฟเบยี หมายถงึ “ความวติ กกงั วลของสงั คมตอ่ อสิ ลามและวฒั นธรรมของมสุ ลมิ ”
หรอื “รปู แบบหนงึ่ ของการแบง่ แยกโดยการเหยยี ดผวิ ” ดงั นน้ั ไมว่ า่ นกั วชิ าการจะนยิ ามอสิ ลาม
โมโฟเบียว่าหมายถึงอะไรก็อาจยังคงมีจุดอ่อนอยู่ แต่ก็พอจะเห็นนัยยะสำ�คัญๆ ของแนวคิด
อสิ ลามโมโฟเบยี วา่ “เปน็ ภาวะความสะพรงึ กลวั ตอ่ มสุ ลมิ และศาสนาอสิ ลาม จนตดั สนิ โดยลอยๆ
อย่างเหมารวมเลยวา่ อิสลามมีฐานะเปน็ ‘ศตั รู’ ‘เป็นคนอน่ื ’ ‘เป็นตัวอนั ตราย’ ตอ่ โลกตะวัน
ตก” ดังน้นั อสิ ลามโมโฟเบยี จงึ เปน็ อาการปฏเิ สธต่อศาสนาอสิ ลาม กลมุ่ คนมุสลิม หรือมสุ ลิม
ทเ่ี ปน็ ปจั เจกชน โดยพนื้ ฐานของอคตแิ ละการเหมารวม ดังปรากฏตวั อยา่ งเชน่ สตรมี สุ ลิมถูก
ทำ�ร้ายจนเสียชีวิตที่เยอรมัน เด็กหญิงมุสลิมถูกไล่ออกจากโรงเรียนเพราะคลุมผมมาโรงเรียน
ชมุ ชนมสุ ลมิ ถกู จอ้ งโดยนกั การเมอื ง หรอื ผมู้ อี �ำ นาจในบา้ นเมอื ง เปน็ ตน้ ตวั อยา่ งทก่ี ลา่ วมา ไมใ่ ช่
เรอื่ งราวในนยิ าย แตไ่ ดเ้ กดิ ขน้ึ จรงิ ในยโุ รปปจั จบุ นั อนั เปน็ ผลพวงจากกระแสการตอ่ ตา้ นและสรา้ ง
ความเกลียดชังในหมมู่ ุสลมิ ที่แพร่กระจายไปทัว่
จากประสบการณต์ รงในภาคเหนอื ทผ่ี มเตบิ โตมาคอื ไดเ้ หน็ ถงึ พฒั นาการความสมั พนั ธ์
ระหวา่ งชาวพทุ ธและมสุ ลมิ ทเ่ี ปลย่ี นไปจนนา่ ตกใจ ในอดตี เมอ่ื หลายสบิ ปที ผี่ า่ นมานนั้ ชาวมสุ ลมิ
รายวชิ าท ่ี 2 พหุวฒั นธรรมและ สงั คมจงั หว ดั ชายแดนภาคใต้ 55
คอ่ นขา้ งไดร้ บั การตอ้ นรบั อยา่ งดจี ากพนี่ อ้ งชาวพทุ ธในภาคเหนอื แตใ่ นชว่ งปี พ.ศ. 2555 ถอื เปน็
หมุดหมายสำ�คัญของความเปราะบางระหว่างชาวพุทธและมุสลิมในภาคเหนือจากกระแสการ
ตอ่ ตา้ นการสร้างมสั ยิดอย่างต่อเนอื่ งในหลาย ๆ พ้ืนทอี่ ยา่ งไม่เคยเกดิ ขนึ้ มากอ่ น ไมว่ ่าจะเป็นท่ี
จ.เชยี งราย จ.นา่ น รวมทง้ั จ.เชยี งใหม่ ซง่ึ สอดคลอ้ งกบั งานศกึ ษาของปาตานฟี อรม่ั 2 เรอื่ ง ไดแ้ ก่
สัญญาณความหวาดกลัวอสิ ลามในสังคมไทย (ดอน ปาทาน 2561) และวา่ ดว้ ยความสัมพนั ธท์ ่ี
เปราะบางระหวา่ งชาวพุทธและมุสลมิ (เอกรนิ ทร์ ต่วนศริ ิ 2562)
สาเหตุของโรคเกลียดกลวั อสิ ลาม
มลู เหตคุ วามกลวั อสิ ลามมาจากทงั้ ปจั จยั ภายนอกและปจั จยั ภายใน ทวี่ า่ ปจั จยั ภายนอก
คอื เราไดเ้ หน็ งานทม่ี พี ลงั ทางวชิ าการอยา่ งของ Edward Said ทไ่ี ดส้ บื สาวเรอ่ื งราวใหเ้ หน็ วา่ โลก
ตะวนั ตกไดม้ คี วามพยายามจงใจสรา้ งความเปน็ อนื่ โดยผา่ นชดุ องคค์ วามรทู้ เ่ี ปน็ อตุ สาหกรรมทาง
วชิ าการ เพอื่ เขยี นภาพอสิ ลามใหเ้ ปน็ ไปตามจนิ ตนาการของโลกตะวนั ตก วฒั นธรรมอาหรบั และ
อิสลามจงึ ถูกฉายภาพในลกั ษณะเปน็ ส่งิ แปลกประหลาด ลา้ หลัง ไร้อารยะธรรม และอันตราย
นอกจากอคตใิ นงานทางวชิ าการแลว้ ภาพความปา่ เถอ่ื น นา่ กลวั ของอสิ ลามและมสุ ลมิ
ถกู ผลติ ซ�้ำ ในสอ่ื แทบทกุ แขนงในโลกตะวนั ตก เชน่ ในภาพยนตรฮ์ อลลวี ดู ทมี่ สุ ลมิ หรอื ชาวอาหรบั
มกั เป็นผรู้ ้ายอยเู่ สมอ
ในรายงานการติดตามเก่ียวกับอิสลามโมโฟเบียในที่ต่างๆ ขององค์กรความร่วมมือ
อสิ ลาม (OIC) ไดแ้ สดงใหเ้ หน็ ชดั เจนวา่ ตลอดระยะเวลาทผี่ า่ นมาจวบจนปจั จบุ นั สอื่ ในโลกตะวนั
ตกไดม้ คี วามพยายามบดิ เบอื นเพอ่ื สรา้ งภาพลกั ษณใ์ นเชงิ ลบเกยี่ วกบั อสิ ลามอยา่ งชดั เจน แมว้ า่
ในหลายประเทศเร่ิมจะมีการใช้มาตรการทางกฎหมายจัดการกับความบิดเบือนและการทำ�ร้าย
หรือเลือกปฏิบัติต่อชาวมุสลิมแล้วก็ตาม ตัวอย่างภาพบิดเบือนสร้างความเกลียดชังอิสลามท่ี
ปรากฏในรายงานของ OIC ได้แก่
ภาพจากสื่อเว็บไซด์หน่ึงท่ีลงภาพมีเด็กผู้หญิงกำ�ลังตกลงมาจากตึกสูง และบรรยาย
ว่า เป็นเหตุการณ์ที่เกิดข้ึนในหมู่บ้านแห่งหน่ึงในประเทศอียิปต์ มีชาวมุสลิมจับเด็กหญิงชาว
คริสเตียนอายุ 15 ปี โยนลงมาจากตกึ ชน้ั 3 ในขณะทีค่ วามเป็นจรงิ แล้ว ได้มเี หตุการณเ์ ด็กผู้
หญิงได้ตกลงมาจากตึกจริงแต่เกิดข้ึนท่ีนครเซ่ียงไฮ้ ประเทศจีน ซ่ึงในเนื้อข่าวได้บรรยายว่า มี
เด็กสาวชาวจีนที่เป็นโรคจิตเภท (schizophrenia) โดยมีอาการวิตกกังวลคิดว่าจะมีคนอ่ืนมา
ท�ำ รา้ ยจงึ ได้ว่งิ หนแี ละตกลงมาจากตึก แต่จากภาพและการบรรยายของเว็บไซดด์ ังกล่าว เราได้
เหน็ เดก็ ตกจากตกึ จรงิ ๆ เราไดเ้ หน็ มชี าวมสุ ลมิ โหร่ อ้ งดใี จ มคี วามสขุ จรงิ ๆ หลงั ตกึ โดนเครอ่ื งบนิ
ถล่ม แต่ความจริงเหล่าน้ันกลับเป็นความจริงใหม่ท่ีถูกสร้างจากความจริงอื่นท่ีทำ�ให้เหตุการณ์
น้ันกลายเป็นความจรงิ เสียย่งิ กวา่ ความเป็นจรงิ
56
56 รายวิชาที่ 2 พหุวฒั นธรรมและสงั คมจังหวัดชายแดนภาคใต้
Website: FreePatriot.org
“In a truly outrageous demonstration of the lawlessness that
exists in Egypt today, the Muslim residents of a small village
in southern Minya province went on a rampage. They attacked
Christian homes, burning 10 of them. 15 Christians were
wounded, including a 15 year-old girl who was thrown from
the third floor of a building. The report is from Ezzat Ibrahim,
a minority rights activist.”
ดังนั้น ในหมู่ชนที่ไม่ใช่มุสลิมจึงมีคำ�ถามที่ค้างคาใจหรือมีภาพเกี่ยวกับอิสลามหลาย
ประการท่ีเป็นไปในลกั ษณะ
- การวาดภาพอสิ ลามอย่างแข็งกระดา้ งมคี วามเป็นเนอื้ เดียวกนั ทง้ั หมดในโลกอิสลาม
ซงึ่ ในความเปน็ จริงโลกอิสลามยงั คงมคี วามแตกตา่ งหลากหลายมากมาย
- การมองว่าศาสนาอิสลามมีคุณค่าท่ีแตกต่างไปโดยสิ้นเชิงจนเข้ากันไม่ได้กับศาสนา
และวัฒนธรรมอ่นื ๆ
- มองวา่ ค�ำ สอนของศาสนาอิสลามสนับสนนุ การใชค้ วามรุนแรงในสังคม
- มองศาสนาอิสลามเปน็ อุดมการณ์ความรนุ แรงในปรมิ ณฑลทางการเมือง
อยา่ งไรกต็ าม ผเู้ ขยี นมกั จะเตอื นชาวมสุ ลมิ เองใหพ้ งึ มสี ตริ ะวงั ในการเสพสอ่ื และตอบโต้
เพื่อนตา่ งศาสนิกจากเห็นในสือ่ โซเชียลเพราะในหลายๆ กรณที มี่ ผี ูก้ ระทำ�โพสต์ กลา่ วหาว่ารา้ ย
หรือดูหมิ่นเหยียดหยามศาสนาอิสามน้ัน ล้วนเป็นการสร้างข่าวปลอมเพื่อสร้างความเกลียดชัง
ระหวา่ งกัน ดงั ตัวอยา่ งเช่น
กรณมี ีผู้หญิงคนหนึ่งช่ือสวุ รรณี ได้โพสต์ข้อความในเฟสบคุ๊ ดา่ พระผเู้ ป็นเจ้า (อลั ลอฮ)์
และศาสนาอสิ ลามดว้ ยถอ้ ยค�ำ อยา่ งหยาบคายเปน็ ทสี่ ดุ สรา้ งความเคยี ดแคน้ ใหก้ บั มสุ ลมิ จ�ำ นวน
มากที่เขา้ ไปตอบดา่ จนกระทัง่ ถงึ ขนั้ ขทู่ �ำ รา้ ยเธอในเฟสบุ๊ค ผู้เขยี นไดล้ องคน้ หาชอ่ื ของผู้หญิงคน
รายวชิ าท ่ี 2 พหวุ ัฒ นธรรมและ สังคมจงั หว ัดชายแดนภาคใต้ 57
น้ัน ปรากฏพบว่าเธอมีอาชีพครูสอนอยู่ในโรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดอุดรธานี ต่อมาภายหลัง
ครสู วุ รรณี ไดเ้ ดนิ ทางมายงั ส�ำ นกั จฬุ าราชมนตรเี พอื่ แสดงความบรสิ ทุ ธใ์ิ จวา่ เธอไมไ่ ดเ้ ปน็ ผพู้ มิ พ์
ขอ้ ความหยาบคายตอ่ ศาสนาอสิ ลามดงั กลา่ วในเฟสบคุ๊ ของเธอ และเธอไดไ้ ปแจง้ ความใหต้ �ำ รวจ
ดำ�เนินคดตี อ่ ผโู้ พสต์กลา่ วหาเธอ
จนในท่ีสุดเจ้าหน้าท่ีตำ�รวจสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้คาผ้าเหลืองโดยกลับกลายเป็น
อดีตสามีของเธอเองท่ีต้องการแก้แค้นเพราะเธอไม่ยอมคืนดี จึงโจรกรรม (แฮค) เข้าไปในเฟส
บ๊คุ ของเธอและดา่ ศาสนาอสิ ลามเพื่อใหพ้ วกมสุ ลมิ มารมุ ท�ำ ร้าย ดังนัน้ เร่อื งราวที่เรามองเห็นได้
อย่างชดั เจนในในเฟสบคุ๊ หรอื ในส่ือโซเชยี ลตา่ งๆ ทกุ วนั น้สี ว่ นมาก อาจเปน็ เพยี งแคภ่ าพลวงท่ี
ถกู ผลติ สรา้ งท�ำ ใหเ้ ปน็ ความจรงิ อนั ใหมเ่ สยี ยง่ิ กวา่ ความเปน็ จรงิ การเสพสอ่ื อยา่ งมสี ตแิ ละอยา่ ง
ร้เู ท่าทันจงึ เป็นสงิ่ ส�ำ คญั ในโลกยุคความก้าวหนา้ ของสื่อสมยั ใหมน่ ้ี
สำ�หรับปัจจัยภายใน คือ ต้องยอมรับว่าในหมู่มุสลิมเอง ซ่ึงมีคนบางกลุ่มนิยมการใช้
ความรนุ แรงและสรา้ งความเสยี หายอยา่ งมากมายแมจ้ ะเปน็ เพยี งคนกลมุ่ นอ้ ยกต็ าม ดงั นนั้ เมอ่ื
ปรากฏเปน็ ขา่ วตามสอื่ กระแสหลกั ตา่ งๆ ยอ่ มสรา้ งความหวาดกลวั ใหแ้ กค่ นโดยทวั่ ไปทไ่ี มม่ คี วาม
รู้ความเข้าใจในอิสลาม และสำ�หรับในประเทศไทยตอกยำ้�ด้วยสถานการณ์ความรุนแรงในสาม
จังหวัดภาคใต้ที่มีมายาวนานจึงทำ�ให้ชาวไทยในที่อื่นๆ เกิดความหวาดกลัวต่อชาวมุสลิม ดัง
ตวั อย่างของหนงั สอื จากคนในจังหวดั นา่ น ท่ีเขยี นถงึ ท่านจฬุ าราชมนตรี กรณคี ดั ค้านการสร้าง
มสั ยดิ โดยใหเ้ หตผุ ลในบางขอ้ ไวว้ า่ “ประชาชนขาดความรคู้ วามเขา้ ใจในวถิ กี ารปฏบิ ตั ศิ าสนกจิ
ตลอดจนการอยรู่ ่วมกนั ของกล่มุ คนสองศาสนา” และ “ราษฎรในพ้ืนที่หวาดกลวั หวาดระแวง
ต่อผู้นับถือศาสนาอิสลามซ่ึงมีสาเหตุมาจากความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ซึ่งมีคนส่วน
ใหญเ่ ปน็ มสุ ลมิ และขา่ วสารจากญาตทิ ลี่ งไปท�ำ งานในพนื้ ทพ่ี บวา่ ความไมส่ งบสว่ นใหญเ่ ปน็ การ
สงั หารชาวไทยพทุ ธ ชาวบา้ นจงึ ไมม่ คี วามไวว้ างใจ” รวมถงึ กรณลี า่ สดุ การคดั คา้ นการสรา้ งมสั ยดิ
ทจ่ี งั หวดั มกุ ดาหารโดยมมี อื ลกึ ลบั เขยี นแผน่ ปา้ ยไปปกั หนา้ มสั ยดิ ทกี่ �ำ ลงั กอ่ สรา้ งไวว้ า่ “พวกเรา
58
58 รายวิชาที่ 2 พหวุ ัฒนธรรมและสงั คมจงั หวัดชายแดนภาคใต้
ชาว จ.มุกดาหาร ขอให้หยดุ การกอ่ สรา้ งมสั ยิด พทุ ธมณฑลปัตตานีสร้างไม่ไดเ้ พราะมอี ิสลาม ที่
น่มี แี ตพ่ ทุ ธสร้างใหใ้ คร ท่นี ีม่ แี ต่พุทธ”
สญั ญาณเตอื นโรคเกลียดกลวั อิสลามในชวี ติ ประจำ�วัน
หากจะเล่าถึงตัวอย่างของโรคเกลียดกลัวอิสลามในสังคมไทยในปัจจุบันคงเล่าได้
มากมาย ในท่ีนี้ผู้เขียนเพียงขอเล่าไม่ก่ีตัวอย่างที่มุสลิมได้ประสบพบเจออย่างไม่เคยเกิดข้ึนมา
ก่อนในพน้ื ท่ีจงั หวัดเชยี งใหมท่ ่ีผู้เขียนเติบโตมาซ่งึ เร่อื งราวทำ�นองนี้น่าจะมคี วามสำ�คญั ในหลาย
เหตุผลเพอ่ื เป็นสญั ญาณเตือนของพฒั นาการโรคความเกลยี ดกลวั อิสลามในสงั คมไทย กลา่ วคอื
หนง่ึ เปน็ ปรากฏการณท์ ไี่ มเ่ คยเกดิ ขนึ้ มากอ่ นในสงั คมเชยี งใหมซ่ งึ่ ชมุ ชนมสุ ลมิ ในหลาย
แหง่ มปี ระวตั ศิ าสตรอ์ นั ยาวนานมากกวา่ รอ้ ยปใี นการอยรู่ ว่ มกบั คนทอ้ งถนิ่ ไดเ้ ปน็ อยา่ งดตี ลอดมา
สอง เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นพร้อมๆ กับบริบทของความขัดแย้งรุนแรงในภาคใต้ท่ีมี
มสุ ลิมเป็นคนส่วนใหญ่และความรุนแรงในระดับภมู ิภาค เช่น ในประเทศพมา่ ศรลี งั กา อนิ เดยี
เป็นต้น
สาม เป็นเร่ืองท่ีเกิดข้ึนในระหว่างการปฏิสัมพันธ์กันในวิถีชีวิตประจำ�วันระหว่างชาว
พทุ ธ-มสุ ลิม ท้งั ทีเ่ คยร้จู ักและไม่เคยรู้จกั กันมากอ่ น และเกดิ ข้นึ ในหลากหลายกล่มุ คน
และสี่ อาการหรือพฤติกรรมการแสดงออกในบางตัวอย่างไม่เพียงแค่เป็นเรื่องความ
ไมช่ อบหรือเกลยี ดชงั ในใจ หากแสดงถึงการคุกคามอย่างชดั เจน ไมว่ า่ จะดว้ ยวาจา หรือการมุ่ง
ท�ำ รา้ ย
กรณแี รก มผี หู้ ญงิ มสุ ลมิ คลมุ ผมคนหนง่ึ เลา่ วา่ เธอไดไ้ ปพบแพทยท์ ค่ี ลนิ กิ แหง่ หนง่ึ พรอ้ ม
กับลูกน้อยอีกสาม ขณะอยู่ท่ีคลนิ ิก เดก็ กว็ ่ิงซุกซนตามประสาเดก็ เม่อื หมอเห็นเชน่ นัน้ จงึ กลา่ ว
ขึน้ ว่า “คุณควรจะหยดุ มีลกู ได้แลว้ ...คณุ ไมร่ ู้หรอื ว่าสังคมไทยเขาเกลยี ดมุสลมิ !”
เธอรสู้ กึ ตกใจกบั ค�ำ พดู นแ้ี ละรวบรวมสตติ อบไปวา่ “ท�ำ ไมคณุ หมอพดู แบบนค้ี ะ พอ่ หนู
เป็นอาจารย์สอนหนังสอื ในมหาวทิ ยาลัยจนเกษยี ณ พ่ีหนกู เ็ ป็นครใู นโรงเรียน พวกเรามสุ ลมิ ทำ�
ประโยชนม์ ากมายใหส้ งั คมนะคะ” หมอคนน้นั จึงเงยี บลง
กรณีท่ีสอง มีสตรีมุสลิมซึ่งคลุมผมเช่นกันคนหน่ึงเล่าให้ผู้เขียนฟังถึงประสบการณ์โรค
เกลียดกลัวอิสลามว่า ขณะที่เธอกำ�ลังขับมอเตอร์ไซด์อยู่บนถนนแห่งหนึ่ง ปรากฏว่าเธอถูก
รถยนต์คันหนึ่งตั้งใจเบียดเธอลงข้างทาง ซึ่งเธอไม่เคยรู้จักคนขับคนนั้นมาก่อนและเชื่อว่าเป็น
เพราะเขาเกลียดที่เห็นเธอเป็นมุสลิม
กรณีที่สาม ชายมุสลิมคนหนึ่งซึ่งทำ�งานในบริษัทเอกชนแห่งหน่ึงในเชียงใหม่ เล่า
ประสบการณใ์ หฟ้ งั วา่ ครงั้ หนงึ่ เขาไดช้ วนเพอื่ นทที่ �ำ งานไปเทยี่ วตลาดชมุ ชนมสุ ลมิ บา้ นฮอ่ ซง่ึ จะ
เปิดเฉพาะเช้าวันศกุ ร์ และมคี วามคึกคัก สินค้าหลากหลายมาก กลายเป็นตลาดสดท่ีมชี อื่ เสยี ง
รายวชิ าท ี่ 2 พหุวฒั นธรรมและ สงั คมจังหว ดั ชายแดนภาคใต้ 59
แหง่ หนง่ึ ของจงั หวดั เชยี งใหม่ แตเ่ พอื่ รว่ มงานคนนนั้ กลบั ตอบวา่ “ไมอ่ ยากไป เพราะไมช่ อบและ
ไม่อยากใกลพ้ วกมสุ ลมิ !”
กรณที ีส่ ี่ วนั หน่ึงเมอื่ ไม่นานมานี้ (ชว่ งปลายปี พ.ศ.2562) ผเู้ ขียนได้พบกับรุน่ พ่ผี หู้ ญงิ
มุสลิมคนหน่ึงโดยบังเอิญที่ตลาดสดแห่งหนึ่งในเชียงใหม่ เราจึงได้หยุดคุยกันถึงเร่ืองราวต่างๆ
มากมายในสังคมมุสลิม และน่ีคือเร่ืองหน่ึงท่ีเธอเล่าให้ผู้เขียนฟังด้วยน้ำ�ตาว่า “พ่ีไม่เข้าใจเกิด
อะไรขนึ้ กับสงั คมบา้ นเราตอนน้ี ท�ำ ไมคนต่างศาสนิกเขาถึงได้เกลียดเราเหลือเกนิ บา้ นพ่ีอยตู่ ิด
กับวัดแห่งหน่ึงซ่ึงท่ีผ่านมาถึงแม้เราจะเป็นมุสลิมเราก็ให้ความช่วยเหลือกิจกรรมทางสังคมแก่
วดั ทเ่ี หมอื นเปน็ เพอ่ื นบา้ นเรา ลกู พเ่ี ปน็ ผรู้ บั เหมามคี นงานเรากใ็ หไ้ ปชว่ ยท�ำ ความสะอาดวดั หรอื
กิจกรรมอืน่ ๆ อย่ตู ลอด แต่อยู่มาวนั หนงึ่ พี่มกี ารทำ�บุญ และได้เชญิ ท่านอิหมา่ มและครู-นกั เรียน
ศาสนามาอา่ นหนงั สอื (คมั ภรี อ์ ลั -กรุ อาน) ทบ่ี า้ น ปรากฏวา่ พอรถอหิ มา่ มและคณะครสู อนศาสนา
(ซงึ่ ทกุ คนใสห่ มวกละหมาดกะปเิ ยาะฮส์ ขี าว ดรู เู้ ลยวา่ เปน็ มสุ ลมิ ) เอารถมาจอดในบรเิ วณทจ่ี อด
ของวดั ดงั กลา่ ว เจา้ อาวาสจงึ เดนิ เขา้ มาบอกกบั คณะอหิ มา่ มวา่ “วดั นมี้ มี ตไิ มใ่ หร้ ถของคนมสุ ลมิ
เข้ามาจอด!
นี่เป็นเพียงตัวอย่างไม่ก่ีตัวอย่างที่เกิดขึ้นในเชียงใหม่ และยังคงมีตัวอย่างแบบน้ีอีก
มากมายท่ีเกิดขนึ้ ในสังคมไทยในทา่ มกลางกระแสการสร้างความเกลียดชังในโลกส่อื โซเชยี ล ดงั
นน้ั หากศาสนาด�ำ รงอยเู่ พยี งเพอ่ื สรา้ งความเกลยี ดชงั ระหวา่ งกนั แลว้ ศาสนาจะยงั คงมนี �ำ้ ยาของ
แก่นธรรมอนั ใดในการสร้างสนั ตภิ าพใหเ้ กิดขึน้ ในสงั คม
พวกอิสลามท�ำ ลายวถิ พี ทุ ธ!
เม่ือวันที่ 19 พฤศจิกายน 2562 ศูนย์มุสลิมศึกษา สถาบันเอเชียศึกษา จุฬาลงกรณ์
มหาวทิ ยาลยั รว่ มกบั สภาเครอื ขา่ ยชว่ ยเหลอื ดา้ นมนษุ ยธรรม ส�ำ นกั จฬุ าราชมนตรี และสถาบนั
สมุทรรฐั เอเชียตะวนั ออกเฉียงใตศ้ กึ ษา ได้จัดงานสมั มนาทางวิชาการนานาชาติ เร่ือง อาเซยี น
กับวัฒนธรรมของการอยู่ร่วมกันในสังคมพหุวัฒนธรรม: ความท้าทายและแนวทางแก้ปัญหา
(ASEAN for Cultural Coexistence: Challenges and Ways to Overcome) โดยผเู้ ขยี น
ได้รับเชิญใหเ้ ป็นผู้ร่วมเสวนาในหวั ข้อ “อาเซียนกับความทา้ ทายของการอยูร่ ว่ มกันในสังคมพหุ
วัฒนธรรม”
ในช่วงการถาม-ตอบ ได้มีพระคุณเจ้ารูปหนึ่งได้ยกมือขึ้นและพูดในเวทีว่า “ทุกวันนี้
ศาสนาอิสลามกำ�ลังทำ�ลายวิถีพุทธ!” แล้วท่านก็ยกตัวอย่างโดยเล่าเรื่องสอง-สามเรื่องให้ฟังว่า
มีพระสงฆ์ได้ออกไปบิณฑบาตที่อำ�เภอแห่งหนึ่งในจังหวัดภาคใต้ตอนบน (ผู้เขียนขอสงวนช่ือ
อำ�เภอและจังหวัด) และเมื่อผ่านชุมชนมุสลิมที่อำ�เภอนั้น ปรากฏว่าพวกมุสลิมไม่ยอมให้พระ
บณิ ฑบาต โดยบอกวา่ ทนี่ เ่ี ปน็ ชมุ ชนมสุ ลมิ และอกี ครง้ั หนง่ึ เกดิ ขน้ึ ทกี่ รงุ เทพฯ ในหมบู่ า้ นจดั สรร
60
60 รายวชิ าท่ี 2 พหุวฒั นธรรมและสังคมจงั หวดั ชายแดนภาคใต้
แหง่ หนงึ่ เมอื่ มีพระจะเข้าไปบณิ ฑบาต เจ้าหน้าที่รกั ษาความปลอดภยั ในหมู่บ้านไม่ยอมให้พระ
บณิ ฑบาตโดยบอกวา่ เพราะประธานชมุ ชนแหง่ นเ้ี ปน็ มสุ ลมิ พระสงฆจ์ งึ ขอพบกบั ประธานชมุ ชน
และอยากขอถามเหตผุ ล ในทส่ี ดุ กไ็ มไ่ ดร้ บั อนญุ าตใหบ้ ณิ ฑบาต และพระคณุ เจา้ รปู นน้ั กจ็ ดั หนกั
เลา่ เร่อื งตอ่ ไปว่าเหตเุ กดิ ทส่ี วนจตั ุจกั ร กรงุ เทพฯ เชน่ กนั ไม่ยอมให้พระบิณฑบาต และก็มาถึง
เร่ืองสุดท้ายท่ีท่านเล่าต่อไปคือ เกิดข้ึนท่ีจังหวัดเชียงใหม่ (ซ่ึงท่านคงไม่ทราบว่าผู้เขียนเองเป็น
มสุ ลมิ หนา้ ตใี๋ นจงั หวดั เชยี งใหม)่ เรอ่ื งทที่ า่ นเลา่ กค็ อื วา่ ไดม้ มี สุ ลมิ ปลอมตวั เปน็ พระแลว้ ไปเทย่ี ว
เดนิ ขอบรจิ าคเพอ่ื สรา้ งความเสอ่ื มเสยี ภาพลกั ษณใ์ หก้ บั พทุ ธศาสนา แลว้ ทา่ นจงึ สรปุ วา่ เหน็ หรอื
ไมว่ ่าทุกวันนีศ้ าสนาอสิ ลามรกุ คบื ท�ำ ลายวถิ ีพุทธไปหมดแล้ว!
ผู้เขียนจึงขอตอบพระคณุ เขา้ รูปนน้ั โดยกลา่ ววา่ “ผมตอ้ งขอขอบพระคุณท่านพระคุณ
เจา้ ทไ่ี ดเ้ ลา่ เรอื่ งทง้ั หลายใหเ้ ราฟงั ในเวทนี ี้ ซงึ่ ในฐานะทผี่ มเปน็ มสุ ลมิ ผมรสู้ กึ เสยี ใจเปน็ อยา่ งยง่ิ ท่ี
ไดย้ นิ เรอื่ งราวเหลา่ นน้ั และไมอ่ ยากใหท้ า่ นพระคณุ เจา้ เหมารวมวา่ นเี่ ปน็ การทม่ี สุ ลมิ ก�ำ ลงั ท�ำ ลาย
วถิ พี ทุ ธ เหมอื นกบั ทผ่ี มไดบ้ รรยายในหลายทหี่ ลายแหง่ ใหม้ สุ ลมิ ในชมุ ชนตา่ งๆ ทว่ั ประเทศฟงั เมอื่
พดู ถึงกรณเี หตุการณ์สังหารหมู่นักเรียนและครสู อนศาสนาในพมา่ ท่เี กดิ ขนึ้ ท่ีเมอื งมทิ ธิรา เมือ่ ปี
พ.ศ. 2556 จนทำ�ใหน้ ักเรยี นและครสู อนศาสนาถูกฆา่ ตายร่วม 40 ชีวติ โรงเรียนและมสั ยดิ ถูก
เผาจากการปลกุ ปน่ั ของพระสงฆท์ น่ี ยิ มความสดุ โตง่ รปู หนงึ่ จนนติ ยสารไทมซ์ ง่ึ ไมใ่ ชน่ ติ ยสารของ
มสุ ลิมเอารูปของท่านข้ึนปกและพาดหัววา่ “The Face of Buddhist Terror” หรอื “หนา้ ตา
ของผู้ก่อการร้ายชาวพุทธ” ซ่ึงผมได้พยายามเตือนสติชาวมุสลิมท่ีรับฟังการบรรยายจากผมว่า
ศาสนาพทุ ธในประเทศพมา่ มีทั้งหมด 9 นกิ าย และพระสงฆท์ ่นี ิยมความรุนแรงรปู ดงั กล่าวเป็น
เพยี งตง่ิ หนง่ึ ของหนงึ่ ในเกา้ นกิ ายชองพทุ ธศาสนาในพมา่ ดงั นน้ั เราจะตอ้ งไมเ่ หมารวมวา่ ศาสนา
พทุ ธก�ำ ลังทำ�ลายวถิ ีอสิ ลามในพมา่ ดังท่เี รามุสลิมคนุ้ ชินกับการถกู เหมารวมจากสังคมมาตลอด
ดังนั้น เราจะต้องไม่มองโลกอยา่ งเหมารวมเหมือนท่เี รามกั ถูกกระทำ�อยเู่ สมอ”
ผู้เขียนจึงพูดต่อไปว่า “ในกรณีไม่ให้พระสงฆ์บิณฑบาตในชุมชนมุสลิมนั้น ผมต้อง
ขออภยั และร้สู กึ เสียใจเปน็ อย่างยิง่ หากเหตกุ ารณน์ น้ั ได้เกิดขนึ้ แบบนัน้ จรงิ ซ่งึ ผมอยากจะเรียน
ใหพ้ ระคณุ เจา้ ไดเ้ ขา้ ใจวา่ ศาสนาอสิ ลามทผ่ี มรจู้ กั และเขา้ ใจนน้ั มนั ชา่ งหา่ งไกลเหลอื เกนิ กบั ความ
ประพฤตเิ ชน่ นนั้ เพราะอสิ ลามใหค้ วามส�ำ คญั มากกบั ชวี ติ ความเปน็ อยขู่ องเพอ่ื นบา้ น ของเพอื่ น
มนษุ ย์ ไมว่ า่ จะนบั ถอื ศาสนาใดกต็ ามเราตา่ งคอื พน่ี อ้ งกนั ดงั นน้ั หากมพี ระสงฆเ์ ดนิ ทางผา่ นมายงั
ชมุ ชนมสุ ลมิ โดยทไ่ี มม่ ชี าวพทุ ธอาศยั อยแู่ ละไมม่ อี าหารอยใู่ นบาตรเลย ผมถกู สอนวา่ เปน็ หนา้ ท่ี
ของมสุ ลมิ ทจ่ี ะตอ้ งใหอ้ าหารแกพ่ ระรปู นน้ั เพราะหากผมปลอ่ ยใหพ้ ระหวิ ไมม่ อี าหารส�ำ หรบั ฉนั
ผมจะมคี วามบาปตดิ ตวั และจะถกู สอบสวนจากพระผเู้ ปน็ เจา้ ครบั ซง่ึ ครงั้ หนง่ึ ผมเคยไปบรรยาย
ทม่ี หาวทิ ยาลยั พะเยา ไดม้ นี กั ศกึ ษาคนหนงึ่ ถามผมวา่ ‘อาจารยเ์ ปน็ มสุ ลมิ อาจารยใ์ หอ้ าหารพระ
ไดห้ รอื ไม’่ ผมไดต้ อบไปวา่ ‘ทงั้ ใหไ้ มไ่ ด้ และไมใ่ หไ้ มไ่ ด!้ ’ ทบ่ี อกวา่ ใหไ้ มไ่ ด้ คอื มสุ ลมิ เราจะใหไ้ ม่
รายวิชาท ่ี 2 พหวุ ัฒ นธรรมและ สงั คมจงั หว ัดชายแดนภาคใต้ 61
ไดใ้ นฐานะที่เป็นพิธกี รรมความเชื่อทางศาสนาเหมอื นท่พี น่ี ้องชาวพทุ ธเชอ่ื แตไ่ มใ่ หไ้ ม่ได้ หมาย
ถงึ การช่วยเหลอื มีน�้ำ ใจในฐานะเพือ่ นมนษุ ย์ หากมพี ระมาในชมุ ชนมุสลมิ แลว้ เราปล่อยใหพ้ ระ
หวิ ไมม่ ีอาหารไดฉ้ นั เรายอ่ มจะมบี าปตดิ ตัวอย่างแน่นอน นีค่ อื คำ�สอนของศาสนาอิสลามท่ีผม
อยากจะเรยี นพระคณุ เจา้ วา่ เราสอนแบบน้ี ไมไ่ ดถ้ กู สอนใหเ้ ปน็ คนไรน้ �้ำ ใจตอ่ ผคู้ นไมว่ า่ เขาจะเปน็
ใครก็ตาม มนษุ ย์เราทุกคนตา่ งคือพ่ีน้องกนั
สำ�หรับเร่ืองมุสลิมปลอมตัวเป็นพระไปเที่ยวขอเร่ียไรเพ่ือสร้างความเส่ือมเสียให้พุทธ
ศาสนาที่จังหวัดเชียงใหม่ ผมขอเรียนท่านว่า ผมเองเป็นมุสลิมที่เกิดและโตในจังหวัดเชียงใหม่
และในปัจจุบัน นอกจากจะเป็นอาจารย์สอนหนังสือแล้ว ผมยังมีอีกฐานะหนึ่งคือ เป็นรอง
ประธานคณะกรรมการอิสลามประจำ�จังหวัดเชียงใหม่ ซ่ึงมีหน้าท่ีดูแลเรื่องราวความเป็นไปที่
เกี่ยวกับสังคมมุสลิมในเชียงใหม่ ซึ่งผมไม่เคยได้ยินเรื่องท่ีท่านเล่ามาด้วยความสัตย์จริง ดังน้ัน
เมื่อลงจากเวทีแล้วผมจะขอไปพบท่านพระคุณเจ้าเพ่ือขอหลักฐานดังกล่าว แล้วผมจะรีบไป
ด�ำ เนนิ การใหท้ า่ นตอ่ ไปอยา่ งแนน่ อนครบั ” และเมอื่ เวทเี สวนาจบลง ผเู้ ขยี นไดเ้ ขา้ ไปหาพระคณุ
เจา้ รูปดังกล่าว และไม่สามารถด�ำ เนนิ การใดๆ ได้ต่อไปในเร่อื งนเ้ี พราะยงั คงเฝา้ รอเอกสารหลัก
ฐานท่ที ่านกลา่ วหามาจนถงึ ทกุ วันน!้ี
ดมี าดีตอบ รา้ ยมาร้ายตอบ!
ในการสมั มนาผนู้ �ำ ชมุ ชนจากจงั หวดั ชายแดนภาคใตโ้ ดย สถาบนั สทิ ธมิ นษุ ยชนและสนั ติ
วธิ มี หาวทิ ยาลยั มหดิ ล เมอ่ื ปลายปี พ.ศ. 2562 ทผ่ี า่ นมา คณะผจู้ ดั ไดน้ �ำ ผนู้ �ำ ชมุ ชนทง้ั พนี่ อ้ งชาว
ไทยพทุ ธและมสุ ลมิ เดินทางมาร่วมสัมมนาและศึกษาดูงานกันทีจ่ งั หวัดเชยี งใหม่
ในวนั สดุ ทา้ ยกอ่ นสน้ิ สดุ การสมั มนา คณะผจู้ ดั ไดพ้ าผเู้ ขา้ รว่ มสมั มนาทง้ั หมดไปศกึ ษาดู
งานในชมุ ชนวดั เกตการาม ซง่ึ เป็นชุมชนเกา่ แกท่ มี่ ีชอื่ เสยี งในด้านการอยู่ร่วมกนั ของผู้คนหลาก
หลายศาสนาท้ังชาวพุทธ – ครสิ ต์ – มสุ ลิม – ซกิ ขแ์ ละชาวฮนิ ดู ในระหวา่ งการสรุปพูดคยุ ผล
จากการเย่ียมชุมชนตา่ ง ๆ มพี ระคุณเจ้ารูปหนึง่ ไดพ้ ูดขึน้ กลางท่ปี ระชุมสัมมนาว่า
“จากการไดไ้ ปศกึ ษาดูงานท่ีโรงเรยี น.อาตมาพบเห็นคติค�ำ สอนของศาสนาตา่ ง ๆ ท่ตี ดิ
ตรงบนั ไดทางขนึ้ อาคารของโรงเรยี น อาตมาเหน็ วา่ มคี �ำ สอนหนง่ึ ของศาสนาอสิ ลามทอ่ี าตมาเหน็
วา่ เปน็ ค�ำ สอนที่อนั ตรายมาก ที่สอนว่า ‘ดีมาดีตอบ รา้ ยมารา้ ยตอบ’ ไม่ทราบว่าเพ่ือนมุสลิมจะ
อธบิ ายวา่ อย่างไร”
ผู้เขียนซึ่งน่ังฟังอยู่ในท่ีประชุมจึงรีบคว้าไมโครโฟนขึ้นชี้แจงว่า “ในฐานะที่เป็นมุสลิม
ขอเรียนให้ทุกท่านทราบว่า ผมไม่เคยถูกสอนมาแบบน้ัน ผมคุ้นเคยกับคำ�สอนของอิสลามท่ีว่า
‘ดีมาดีตอบ ร้ายมาดีตอบ’ ต่างหากครับ” หลงั จากพูดเสรจ็ ผู้เขยี นรบี คน้ หาโองการจากคมั ภรี ์
อัล-กุรอานใน google ทันทีภายในเวลาอันสั้นนั้น และพูดในวงสัมมนาให้ผู้เข้าร่วมประชุมรับ
62
62 รายวิชาที่ 2 พหวุ ัฒนธรรมและสังคมจังหวดั ชายแดนภาคใต้
ฟังว่า “ผมเจอข้อความในโองการอัล-กุรอานแล้วนะครับเพื่อยืนยันในส่ิงที่ผมได้พูดเมื่อสักครู่
คอื อัล-กุรอาน บทที่ 41 วรรคที่ 34 กลา่ ววา่ ...
“จงตอบโต้การกระทำ�อันเลวรา้ ยของผอู้ ืน่ ดว้ ยสง่ิ ท่ดี ีงามกว่า แลว้ เมื่อนนั้ ผทู้ เ่ี คยมี
อริระหว่างตวั ทา่ นกับตวั เขากจ็ ะเปน็ เย่ยี งมิตรอนั อบอนุ่ ”
คณุ ครผู อู้ �ำ นวยการโรงเรยี นซง่ึ อยใู่ นเหตกุ ารณร์ บี ออกตวั ขอโทษวา่ เธอเพงิ่ มารบั ต�ำ แหนง่
และไมท่ นั ไดส้ งั เกตและไมไ่ ดต้ รวจสอบความถกู ตอ้ ง จงึ รสู้ กึ เสยี ใจและขออภยั เปน็ อยา่ งยงิ่ และ
เธอจะกลับไปแก้ไขปรบั ปรุงค�ำ สอนดงั กลา่ วท่โี รงเรียน
ผู้เขียนไม่อาจล่วงรู้ได้ว่า คำ�สอนในทำ�นองน้ี ยังจะมีปรากฏในโรงเรียนอ่ืน ๆ ของ
ประเทศไทยอกี เทา่ ไหร่ แลว้ เราจะเข้าใจกันได้อย่างไร หากเดก็ นกั เรยี นได้ซึมซับรับรู้ในค�ำ สอน
ทีบ่ ดิ เบอื นเช่นน้?ี
หนทางสกู่ ารลดความเกลียดกลัวและความไม่เข้าใจกนั ระหว่างศาสนา
คำ�ถามนี้เป็นเรื่องใหญ่ท่ีมีความสำ�คัญมากๆ เพราะผู้เขียนเห็นด้วยกับ Hans Kung
บาทหลวงชาวคาทอลิกทม่ี ีชื่อเสียงซึง่ ได้ใหข้ อ้ คิดเพอ่ื เตือนสติศาสนิกชนตา่ งๆ ว่า
สนั ตสิ ขุ ระหวา่ งสงั คมหรอื ชนชาตติ า่ งๆ จะเกดิ ไมไ่ ดเ้ ลยหากไมม่ สี นั ตสิ ขุ ระหวา่ งศาสนา
สนั ติสขุ ระหวา่ งศาสนาจะเกดิ ข้ึนไม่ไดเ้ ลยหากไม่มกี ารเสวนาพดู คยุ กนั ระหว่างศาสนา และการ
เสวนาพูดคุยกันระหว่างศาสนาจะเกิดขนึ้ ไมไ่ ด้ หากศาสนิกในศาสนานั้นๆ ไมเ่ ข้าใจแกน่ ธรรม
ค�ำ สอนของศาสนาตัวเอง
ซง่ึ ขอ้ คดิ ของทา่ นสอดคลอ้ งกบั นกั ปราชญข์ องชาวพทุ ธในสงั คมไทยอยา่ งทา่ นพทุ ธทาส
ภิกขุ ซึ่งได้ตั้งปณธิ าน 3 ข้อเพอื่ นำ�สู่การเปน็ ศาสนกิ ทสี่ มบรู ณ์ ไดแ้ ก่
1) ศาสนิกใดๆ จะตอ้ งรซู้ ้ึงและเขา้ ใจถงึ แก่นธรรมในศาสนาของตนเอง
2) จะตอ้ งมกี ารพดู คยุ และรว่ มมอื กนั ระหว่างศาสนา และ
3) ตอ้ งรว่ มกันต่อสกู้ ับลัทธิวตั ถนุ ยิ มและบริโภคนยิ ม
ดังน้ัน หนทางทจ่ี ะลดความกลัวและความไมเ่ ขา้ ใจ หากเสนอโดยรวมๆ ผูเ้ ขียนเห็นว่า
แต่ละศาสนกิ ต้องกลับมาทบทวนในแกน่ ธรรมคำ�สอนของศาสนาของตวั เองและ หาแนวทาง
พดู คยุ ท�ำ ความเขา้ ใจกนั ใหม้ ากขนึ้ กวา่ น้ี เพอ่ื หาทางน�ำ ค�ำ สอนของศาสนาไปเยยี วยาแกไ้ ขปญั หา
และวกิ ฤตตา่ งๆ ในสงั คมทเ่ี รามรี ่วมกัน ไม่วา่ จะเปน็ เร่อื ง สิง่ แวดลอ้ ม เด็กและเยาวชน ยาเสพ
ตดิ ฯลฯ ตลอดจนการปลูกฝงั ศาสนิกของตนใหเ้ กดิ การเรียนรทู้ ี่จะรัก เมตตา อภัย และเคารพ
ในความแตกต่างหลากหลายจากมุมมองของศาสนาแทนความโกรธเกลยี ด ไมใ่ ช่สอนดว้ ยอวชิ า
รายวิชาท ่ี 2 พหุวฒั นธรรมและ สังคมจงั หว ดั ชายแดนภาคใต้ 63
วา่ “หากพทุ ธหรอื มสุ ลิม ถูกฆา่ เรากต็ อ้ งเอาคืนดว้ ยการไปเผามัสยิด เผาวดั ” เป็นต้น
ในฐานะนกั วชิ าการมุสลิม สิ่งที่ผมพอจะทำ�ได้ในทกุ ครั้งเมอ่ื มีโอกาสก็คือ การเรียกรอ้ ง
ให้พ่ีน้องมุสลิมหันกลับมาทบทวนและเข้าใจในเป้าหมายของชีวิตมนุษย์ในทัศนะอิสลาม คือ
การมุ่งสู่การเคารพภักดีต่อพระผู้เป็นเจ้า อันหมายรวมถึงการต้องปฏิบัติดีต่อเพ่ือนมนุษย์ทุก
หมู่เหล่าไม่ว่าเขาจะนับถือศาสนาใดก็ตามต้องดำ�เนินตามรอยคำ�สอนของศาสนาอย่างม่ันคงที่
ว่าศาสนาอิสลามถูกส่งมาเพ่ือเป็นความเมตตาสำ�หรับมนุษยชาติไม่ใช่สำ�หรับมุสลิมเท่าน้ัน ดัง
น้นั การรับใชผ้ อู้ ื่นจงึ หมายถงึ การรบั ใช้พระผู้เปน็ เจา้ เพราะการเปน็ มสุ ลมิ หมายถงึ การยอมรับ
อสิ ลามโดยสนั ติ ยอมจ�ำ นนตอ่ พระผเู้ ปน็ เจา้ โดยสนั ติ และการจะตอ้ งปฏบิ ตั ติ วั โดยสนั ติ และทา่ น
นบมี ฮู มั หมดั ยงั ไดส้ อนวา่ ผศู้ รทั ธาทด่ี ที ส่ี ดุ นนั้ คอื ผทู้ ท่ี �ำ ตนใหเ้ ปน็ ประโยชนต์ อ่ ผอู้ นื่ ดงั นนั้ หาก
มุสลิมทุกคนปฏิบัติได้ดังนี้ ไม่ว่าส่ือจะสร้างภาพลักษณ์อิสลามที่บิดเบือนอย่างไรก็ตาม ผู้คนท่ี
เขามีประสบการณ์ตรงกับมุสลิมแบบน้ีจะเป็นผู้คอยปกป้องและสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องให้
กบั มุสลิมเองโดยทีไ่ ม่จำ�เป็นต้องไปแกข้ า่ วหรอื แกต้ ัวว่าศาสนาอิสลามดีอย่างน้นั สันติอยา่ งนี้
ในขณะเดยี วกนั ในสว่ นของหนว่ ยงานภาครฐั โดยเฉพาะฝา่ ยทเี่ กยี่ วขอ้ งกบั ความมน่ั คง
และเทคโนโลยกี ารสอ่ื สารควรตดิ ตามและตรวจสอบอยา่ งใกลช้ ดิ ถงึ แหลง่ การแพรก่ ระจายขอ้ มลู
ทน่ี �ำ มาซงึ่ การสรา้ งความแตกแยกและสรา้ งความเกลยี ดกลวั ตอ่ ชนทกุ ศาสนา หากผลการตรวจ
สอบขอ้ มลู พบวา่ เปน็ การจงใจใหร้ า้ ยตอ่ คนตา่ งศาสนกิ โดยไมม่ มี ลู ความจรงิ แตอ่ ยา่ งใด จะตอ้ งมี
การดำ�เนินการตามมาตรการทางกฎหมายอย่างเด็ดขาดเพื่อยุติการสร้างความแตกแยกซ้ำ�ซ้อน
และความขัดแย้งทจี่ ะถล�ำ ลกึ ยิ่งขึ้นต่อไปในสังคมไทย
3.5 คณุ คา่ ในการอยู่ร่วมกนั อยา่ งสนั ติสุขในสังคมพหวุ ฒั นธรรม
3.5.1 ตอ้ งมองเหน็ ค่าของชีวติ มนษุ ย์ทกุ ผู้คน
เหตกุ ารณค์ วามรนุ แรงในจงั หวดั ชายแดนภาคใตน้ บั ทไ่ี ดป้ ะทขุ นึ้ ใหมน่ บั แตป่ ี พ.ศ. 2547
แทบจะกลายเปน็ ความรนุ แรงรายวนั จากตวั เลขเหตกุ ารณค์ วามรนุ แรงจนถงึ เดอื นธนั วาคม พ.ศ.
2561 พบว่า มีเหตุการณ์ความรุนแรงเกิดขึ้นทั้งสิ้น จำ�นวน 20,163 คร้ัง มีผู้เสียชีวิตจำ�นวน
6,921 และบาดเจบ็ อีกจำ�นวน 13,511 คน
มีผู้คนบริสุทธ์ิมากมายต้องบาดเจ็บล้มตายท้ังชาวไทยพุทธและมุสลิม ส่งผลให้มีหญิง
หมา้ ยและเด็กกำ�พร้าในพื้นทจ่ี �ำ นวนนับหมน่ื ชวี ิตทีเ่ ปน็ เหยอื่ ของความรุนแรง
ครัง้ หนึ่ง ผูเ้ ขียนได้มโี อกาสไปเยยี่ มน้องอร ภรรยาของ จ.ส.ต.อนรุ ักษ์ รักษบ์ ุตร ที่บา้ น
พรอ้ มกบั กรรมการสทิ ธมิ นษุ ยชนแหง่ ชาติ และรสู้ กึ หดหใู่ จมากกบั สภาพครอบครวั ของเธอจงึ ได้
โพสต์ในเฟสบุ๊คในครง้ั นน้ั วา่
64
64 รายวิชาที่ 2 พหุวฒั นธรรมและสงั คมจงั หวดั ชายแดนภาคใต้
วันน้ีเดินทางมากับคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ มา
เยย่ี มใหก้ �ำ ลงั ใจนอ้ งอร ภรรยา จ.ส.ต. อนรุ กั ษ์ รกั ษบ์ ตุ ร ต�ำ รวจ
จราจร สภ.เมืองปตั ตานี ซ่ึงเสียชวี ิตในเหตุลอบวางระเบิดหนา้
มสั ยดิ กลางปตั ตาน ี เม่อื ต้นเดอื น กค. ท่ผี ่านมา เธอมลี ูกชาย 2
คน อายุ 9 และ 4 ขวบ และกำ�ลังตงั้ ทอ้ งอายุ 8 เดือน
วนั นี้ ใน 3 จงั หวดั ชายแดนใต้ มคี นทีเ่ ป็นเมยี และแมแ่ บบน้อง
อร จ�ำ นวนนับร้อยนบั พนั มีเดก็ ก�ำ พรา้ นับพันนับหมืน่ ทเี่ ป็นท้ัง
ชาวพทุ ธและมสุ ลมิ ไมว่ า่ ความรนุ แรงจะเกดิ จากการกระท�ำ โดย
ใครกต็ าม...คนไมร่ อู้ โิ หนอ่ เิ หนย่ งั ตายกนั ไมพ่ อดอกหรอื ? มเี ดก็ ๆ
ทตี่ ้องก�ำ พร้าพ่อ-แม่ กนั แตเ่ ล็กๆ ยังไม่พอดอกหรือ? และทำ�ให้
นึกถึงครู Glen Paige ท่ีได้ต้ังคำ�ถามท้าทายให้เราต้องขบคิด
อย่างมากว่า “เป็นไปได้หรือไม่ ท่ีเราจะอยู่ในสังคมที่ไม่มีการ
ฆา่ ฟนั กัน?..ท�ำ ไมเป็นไปได้ และท�ำ ไมเป็นไปไม่ได?้ ”
ค�ำ ถามนขี้ องครเู กลน็ เพจ นบั เปน็ ค�ำ ถามเชงิ ปรชั ญาทสี่ �ำ คญั มากส�ำ หรบั การอยรู่ ว่ มกนั
ของมนุษยชาติ และทา่ นพยายามจะชีใ้ ห้พวกเราไดเ้ หน็ อย่างมคี วามหวังว่า “มันเป็นไปได้ที่เรา
จะอยใู่ นสงั คมทไี่ มม่ กี ารฆา่ ฟนั กนั ” ทา่ นมเี หตผุ ลอะไรมาสนบั สนนุ ความคดิ เชน่ น.้ี ..ขอทา่ นไปหา
คำ�ตอบได้ในหนังสอื เลม่ นี้ (แปลโดย ศโิ รตม์ คลา้ มไพบลู ย์ 2552)
สำ�หรับอิสลาม มองชีวิตมนุษย์เป็นสิ่งสูงส่งและศักด์ิสิทธิ์ที่พระเจ้าเป็นผู้สรรสร้างใน
ฐานะตวั แทนของพระองค์บนหนา้ แผ่นดนิ
รายวิชาท ี่ 2 พหุวฒั นธรรมและ สงั คมจงั หว ัดชายแดนภาคใต้ 65
“จงอยา่ สงั หารชีวิตทีพ่ ระผเู้ ปน็ เจา้ ได้ทำ�ใหศ้ ักด์ิสทิ ธิ.์ .” (อัล-กรุ อาน 17:33; 5: 32)
“ฉันคือศตั รขู องใครก็ตามท่ีไปท�ำ ร้ายคนตา่ งศาสนิก และถา้ ฉันเปน็ ศัตรกู ับใครแลว้ แนน่ อนฉัน
จะไปยืนยนั ในส่ิงนนั้ ในวันพพิ ากษา”
“หากผใู้ ดฆา่ ผบู้ รสิ ทุ ธแิ์ มเ้ พยี งคนเดยี วเทา่ กบั เขาฆา่ มนษุ ยท์ ง้ั โลก และหากผใู้ ดรกั ษาชวี ติ มนษุ ย์
แม้เพียงคนเดียวเทา่ กับเขารกั ษาชวี ติ มนุษย์ทง้ั โลก” (อลั -กุรอา่ น 5: 32)
3.5.2 การให้อภยั และไม่อาฆาตมาดร้าย
ส่ิงนี้นับเป็นคุณค่าสำ�คัญและท้าทายอย่างมากว่าเป็นคุณค่าที่เป็นเพียงอุดมคติเท่าน้ัน
หรอื ไม่ เพราะคนเปน็ ปุถชุ นคนธรรมดาอยา่ งเรา ๆ ย่อมมคี วามเจ็บแคน้ เจบ็ ปวดเมื่อถูกกระท�ำ
ยำ่�ยี อยา่ งไรก็ตาม มีตัวอยา่ งของผู้ทเ่ี ป็นเหยื่อความสญู เสียมากมายทใ่ี หค้ วามสำ�คัญกับคุณค่า
แหง่ การให้อภัย ดังตวั อยา่ งเชน่ ท่านประธานาธิบดีเนลสัน แมนเดลลา แหง่ แอฟรกิ าใต้ ที่ชวี ติ
ของทา่ นถกู อธรรมอยา่ งโหดรา้ ยจนตอ้ งถกู จองจ�ำ อยใู่ นคกุ บนเกาะรอ็ บเบนอยา่ งไรค้ วามยตุ ธิ รรม
เป็นเวลาถงึ 27 ปี และเมอื่ ทา่ นออกจากคกุ ในปี ค.ศ. 1990 จนตอ่ มาในปี ค.ศ. 1994 ทา่ นได้
รบั เลอื กใหเ้ ปน็ ประธานาธบิ ดี และบรรดาคนสผี วิ ทเี่ คยถกู ย�่ำ ยจี ากคนผวิ ขาวเรยี กรอ้ งใหท้ า่ นแก้
แคน้ แตท่ า่ นกลบั ปฏเิ สธโดยกลา่ ววา่ “ชยั ชนะทใ่ี หญย่ ง่ิ จะตามมาหลงั จากการใหอ้ ภยั ทย่ี งิ่ ใหญ”่
ผเู้ ขยี นเชอ่ื แนว่ า่ ค�ำ สอนเกย่ี วกบั การใหอ้ ภยั นนั้ มปี รากฏในทกุ ศาสนา และในทางศาสนา
อสิ ลาม ทงั้ การใหอ้ ภยั ตอ่ เพอื่ นมนษุ ยด์ ว้ ยกนั และการขออภยั โทษในความผดิ บาปตอ่ พระผเู้ ปน็
เจา้ นั้น นบั เป็นคุณค่าทส่ี �ำ คัญยิง่ ประการหนงึ่ ของความเป็นมนษุ ย์ ดงั คมั ภรี อ์ ัล-กุรอาน ไดก้ ลา่ ว
วา่ “เจา้ จงยดึ มน่ั ซง่ึ การใหอ้ ภยั และจงกระท�ำ สงิ่ ทชี่ อบ และจงผนิ หลงั ใหแ้ กผ่ โู้ ฉดเขลาทง้ั หลาย
เถดิ ” (อลั -อะอร์ อฟ: 199)
และในเทศนาอ�ำ ลาของทา่ นศาสดามฮุ มั หมดั ทา่ นไดก้ �ำ ชบั ในค�ำ สง่ั เสยี ของทา่ นเพอื่ เปน็
แบบอย่างใหม้ สุ ลิมต้องปฏบิ ัตติ อนหนึ่งว่า “นบั ตอ่ แต่นี้ไป เรอื่ งของการอาฆาต พยาบาท และ
การแก้แคน้ เข่นฆา่ ทดแทนกนั ดว้ ยเลอื ด เฉกเชน่ ในยุคอนารยชนเปน็ เรอ่ื งต้องหา้ ม การจองเวร
ล้างผลาญกันดว้ ยเลือดตอ้ งสิ้นสุดอยา่ งเดด็ ขาด”
เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา ได้มีตัวอย่างของการให้อภัยที่ย่ิงใหญ่ของชาวไทยมุสลิมท่าน
หนึ่งซ่ึงได้ไปใช้ชีวิตในประเทศสหรัฐอเมริกาคือ ดร.สมบัติ จิตต์หมวด ท่านเกิดและเติบโตใน
อ.บางนำ้�เปรี้ยว จ.ฉะเชิงเทรา ต่อมาได้เข้าศึกษาต่อในมหาวิทยาลัยท่ีรัฐมิสซูรี และได้พบกับ
ลนิ ดา โคโลโครโตรนิส ภรรยาของทา่ น และได้มบี ตุ รดว้ ยกนั จำ�นวน 5 คน
นายศอลาฮุดดิน จิตต์หมวด ลูกชายคนที่ 5 ของครอบครัวท่ียังคงศึกษาต่อในระดับ
มหาวยิ าลยั ทเี่ มืองเล็กซงิ ตนั ซึง่ อาสาช่วยดูแลบ้านให้ พร้อมกับทำ�งานในชว่ งเวลาวา่ งเพ่ือชว่ ย
เป็นทนุ การศึกษา และในคืนวนั ท่ี 19 เมษายน ปี ค.ศ. 2015 นายศอลาฮดุ ดิน ได้ถูกฆาตกรรม
66
66 รายวชิ าท่ี 2 พหวุ ฒั นธรรมและสังคมจงั หวดั ชายแดนภาคใต้
อยา่ งโหดรา้ ยดว้ ยการถกู แทงด้วยมีดพกของนาย Trey Relford วัยรนุ่ ชาวอเมรกิ นั วยั 24 ปี จน
เสยี ชวี ติ ในเวลาต่อมาในระหว่างทีเ่ ขากำ�ลงั สง่ พิชซา่ ในรัฐเคนทักกี
ในตอนท้าย คำ�พูดของ ดร. สมบัติ จิตต์หมวด ทำ�ให้ทุกคนในศาลต้องท่งึ เม่ือเขาหนั
ไปพดู กับฆาตกรทีฆ่ ่าลกู ชายของเขาวา่ “ผมไม่โทษคุณส�ำ หรับส่ิงที่เกดิ ขึน้ และผมไมไ่ ดโ้ กรธคุณ
แตผ่ มโกรธซาตานมารรา้ ย ผมโกรธซาตานมารรา้ ยทท่ี �ำ ใหค้ ณุ หลงท�ำ ผดิ กอ่ อาชญากรรมอนั โหด
ร้ายนี้ขนึ้ ผมจึงใหอ้ ภยั คุณ”
แนน่ อนวา่ ค�ำ พดู ของ ดร. สมบตั ิ สะเทอื นใจทกุ คนนงั่ ฟงั อยใู่ นศาลเปน็ อยา่ งมาก แมแ้ ต่
ผพู้ พิ ากษาเองยงั ต้องสง่ั พกั การพิจารณาคดเี พื่อออกไปเช็ดนำ้�ตา เมือ่ การพจิ ารณาคดีไดเ้ ร่มิ ขึ้น
อีกครัง้ แม่ของ Trey Relford ได้ยืนขึ้นและพดู เกย่ี วกับลูกชายว่า “เมอื่ ยงั เดก็ เขาเปน็ คนทด่ี ี
มาก แต่พอโตเปน็ วัยรุ่น เขาไดต้ กเปน็ เหย่ือของยาเสพติด” จากน้นั Relford ก็ได้เดินไปขอโทษ
พอ่ ของผเู้ สยี ชีวิตด้วยตัวเอง เขาบอกว่า “ผมขอโทษส�ำ หรับส่ิงที่เกิดขึน้ ในวันน้นั ผมยกยอ่ งคุณ
ที่กล้าให้อภัยกับคนที่ทำ�ให้คุณเจ็บ แน่นอนว่าผมไม่สามารถจินตนาการถึงความเจ็บปวดของ
คณุ ได้ ผมไมม่ ีข้อแก้ตวั อะไร และขอบคณุ ส�ำ หรับการใหอ้ ภยั จากคุณ” ตอ่ มา ดร. สมบตั ิ ได้จับ
มือ Relford จากนั้นกส็ วมกอดเขา โดยมสี มาชิกครอบครัวของทงั้ สองฝา่ ยยนื ดอู ยรู่ อบๆ พรอ้ ม
น�้ำ ตาทีร่ นิ ไหลดว้ ยความซ้ึงใจ
ดร. สมบตั ิ จติ ตห์ มวด กลา่ ววา่ “ผมบอกเขาวา่ ทกุ สงิ่ ทกุ อยา่ งไมเ่ ปน็ ไรนะ ไมต่ อ้ งเสยี ใจ
เพราะวา่ คณุ พลาดไป แตค่ ุณมโี อกาสจะมีชวี ิตต่อไป ขอให้คุณทำ�คณุ งามความดี และขอใหค้ ณุ
คดิ ถงึ พระเจา้ มากๆ” ทา่ นยงั บอกอกี วา่ สงิ่ ส�ำ คญั ทท่ี �ำ ใหเ้ ขาเลอื กทจี่ ะใหอ้ ภยั ฆาตกรเพราะ “การ
ให้อภยั เปน็ ของขวัญทลี่ ำ้�คา่ ท่สี ุดในศาสนาอสิ ลาม”
รายวิชาท ี่ 2 พหวุ ฒั นธรรมและ สังคมจงั หว ัดชายแดนภาคใต้ 67
“อย่างท่ีผมกล่าว มันเป็นลิขิตของพระเจ้า เราก็ต้องยอมรับ เพราะเราทราบว่า
ซาลาฮดุ ดนี ไดเ้ ขา้ สสู่ รวงสวรรคข์ องพระเจา้ ทเ่ี ตรยี มใหเ้ ขา และเรากข็ อพรวา่ ใหเ้ ราไดม้ โี อกาสไป
พบกนั อีกในวนั ปรโลกนะครบั ”
“อยากจะบอกอีกคร้ังว่าท่ีผมทำ�แบบน้ีเพ่ือต้องการความโปรดปรานจากพระเจ้า
หากอลั เลาะห์พอใจกบั สิ่งท่ีเราทำ� พระองค์จะประทานใหเ้ ราไดเ้ ขา้ สูส่ รวงสวรรค์”
อีกกรณีหนึ่งที่เกิดข้ึนในเมืองไทยเม่ือไม่นานมาน้ี จากเหตุการณ์ นายพฤหัส แซ่จิว
อายุ 26 คน ขับรถเก๋งพุ่งชนร้านบางกอกลิฟวิ่งมอลล์ ซ่ึงเป็นร้านเฟอร์นิเจอร์ขนาดใหญ่ใน
อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา เม่ือชว่ งตี 3 ของคนื วนั ที่ 18 ก.พ. 2562 และเกิดไฟลุกไหม้รถเก๋ง จน
ลุกลามไหมร้ า้ นเฟอร์นิเจอรห์ มดท้ังหลัง คา่ เสยี หายประมาณ 80 ลา้ นบาท
นายอชั อารยี ์ วนั อบั ดลุ เลาะห์ หรอื บงั ฉ�ำ่ เจา้ ของรา้ นเฟอรน์ เิ จอร ์ เปดิ เผยวา่ ตนเสยี ใจ
มาก แต่ไม่เครียดไม่โกรธ และท่ีย้ิมได้ก็เพื่อทำ�ใจยอมรับ ซ่ึงตนทำ�กิจการมา 25 ปี เป็นร้าน
เฟอรน์ เิ จอร์สาขาท่ี 3 ท่ใี หญ่มากใน อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา เม่อื เกดิ เหตุการณ์ข้ึน ตนกพ็ ยายาม
ตง้ั สติกอ่ น และคุยกับภรรยาว่าคอ่ ย ๆ คิดอยา่ งคอ่ ยเป็นค่อยไป คยุ กันว่าจะไม่เสียน้ำ�ตา และ
ยอมรับความจริงให้ได้ และบอกลกู ของตนด้วยว่าใหม้ ีสติ แลว้ เร่ิมต้นใหม่
นายอชั อารีย์ เล่าวา่ วันเกดิ เหตุ ลกู ชายกลบั มาท่บี า้ นมาเคาะประตตู น และมที หารมา
บอกว่าไฟไหม้ ตนตั้งสตไิ ด้จึงว่ิงไปเรียกพนักงานทหี่ ลับอยู่ ซึง่ ไฟลกุ ไหม้โหมที่นอนยางพาราใน
ร้านประมาณ 300 ที่ และโซฟา ซง่ึ เป็นเชื้อเพลิงอย่างดี โดยไฟไหม้สายไฟแล้วหยุดลงทั่วรา้ น
อย่างรวดเร็ว ขณะนัน้ มีทหารและชาวบา้ นเขา้ ไปช่วยคนขับรถเกง๋ ออกมา เจ้าตัวอยู่ในอาการ
เมา ไม่ได้สติ ตนจึงขอบัตรประชาชนและใบขบั ขไ่ี ว้เพ่ือส่งให้ตำ�รวจ ตอนนัน้ ตนยืนดูไฟไหมร้ า้ น
ตอ่ หน้า และทำ�ใจให้เขม้ แข็ง โดยมลู ค่าความเสียหายมากกวา่ 81.5 ล้านบาท ซึง่ ตนกไ็ มค่ าดคิด
ว่ารถยนต์จะขบั เข้ามาถงึ ในรา้ น เนอ่ื งจากร้านหา่ งจากถนนพอสมควร
68
68 รายวิชาที่ 2 พหวุ ัฒนธรรมและสังคมจงั หวัดชายแดนภาคใต้
ข้อคดิ ของนาย “อชั อารีย์ วันอับดลุ เลาะฮ์” เจา้ ของรา้ นเฟอรน์ เิ จอร์ ท่ีเสยี หายกวา่ 80
ลา้ นบาท จากเหตุคนเมาแลว้ ขบั เจ้าตวั ไดโ้ พสต์ลงเฟสบุค๊ สว่ นตวั หลงั วนั เกดิ เหตุ เม่อื วนั ที่ 19
ก.พ 2562 ว่า...
“ความเสียหายที่เกิดข้ึนกับครอบครัวผม มันเทียบไม่ได้เลย
กับสิ่งท่ีผมได้รับคืนมานับเป็นร้อยเท่าพันเท่าในชั่วเวลา ไม่ทัน
ข้ามวัน คือ ความรกั และความห่วงใยจากขวั้ หวั ใจของพอ่ แมพ่ ่ี
นอ้ ง พรรคพวก เพ่ือนฝูง ลกู หลาน และหนว่ ยงานต่าง ๆ ท่าน
พีน่ อ้ งครับ ผมและครอบครัว ขอยืนยนั อกี ครง้ั ว่าสงิ่ ทผ่ี มไดร้ บั
มันมากกว่าสิ่งท่ีเสียไปมากกว่าจริง ๆ หลายพันเท่าเลยจริง ๆ
และพ่ีน้องไม่ต้องเป็นห่วงผู้เขียนเลยนะครับ เพราะความเป็น
ห่วงเป็นใยของท่าน ดุอาอ์และพรของท่านพระเจ้าของเราได้
ทรงตอบรับไว้แล้ว อามีน ญาซากัลลอฮูคัยรอน” (ขออัลลอฮ์
ตอบแทนความดงี ามใหท้ า่ น)
และนายอชั อารยี ์ วันอับดลุ เลาะฮ์ เลือกที่จะใหอ้ ภยั ดว้ ยการใหเ้ หตุผลที่ว่า
“ทกุ คนในโลกนเ้ี ปรยี บเสมอื นครอบครวั รกั ตวั เองรกั ครอบครวั
เห็นครอบครัวมคี วามสขุ ผมกม็ คี วามสุข เหตผุ ลนที้ ผ่ี มเลือกจะ
ให้อภัยและหาทางแกไ้ ขกันตอ่ ไป”
3.5.3 ความเปน็ พีน่ อ้ งทม่ี าจากครอบครวั เดยี วกนั
มคี ำ�กล่าวของเซอร์ ไอแซค นิวตนั ซึ่งสะท้อนถงึ มมุ มองการอยรู่ ่วมกนั ของมนษุ ย์ไว้วา่
“คนเรามกั ชอบสรา้ งแตก่ �ำ แพง แตไ่ มค่ อ่ ยชอบสรา้ งสะพานกนั ” ทงั้ ๆ ทเ่ี ราตา่ งเกดิ มาเปน็ มนษุ ย์
กอ่ นท่จี ะเป็นโน้นเปน็ น่ี
ดร. ‘อสิ มาอีลลุตฟี จะปะกยี า’ อธกิ ารบดี มหาวิทยาลัยฟาฏอนี ได้ใหข้ อ้ คดิ ค�ำ สอนที่
นับว่าเปน็ การปลดล็อกความต่างให้กับบรรดามสุ ลิมไว้วา่ ในมมุ มองของอิสลามน้นั มนุษยท์ ุก
คนต่างเป็นพี่น้องกัน เพราะ เราตา่ งมคี วามเหมือนกนั คอื
• ความเป็นมนุษย์ (ทุกคนทีเ่ ป็นมนษุ ยถ์ ูกสร้างจากอลั ลอฮ)์
• มนษุ ยท์ กุ คนมพี ่อคนเดยี วกนั (คือ อาดมั )
• ทุกคนล้วนแลว้ แตเ่ ปน็ ประชาชาติของมูฮมั หมดั (ซ.ล.)
รายวิชาท ี่ 2 พหวุ ัฒ นธรรมและ สังคมจงั หว ัดชายแดนภาคใต้ 69
• นบีรบั ค�ำ สั่งจากอลั ลอฮว์ ่า ทุกคนที่เปน็ มนษุ ย์คอื พน่ี อ้ งกัน
• ทกุ ศาสนาประกาศตวั วา่ เราเปน็ “ศัตรขู องมารรา้ ย”
และในคมั ภรี อ์ ลั -กรุ อาน ไดก้ ลา่ วไวอ้ ยา่ งชดั เจนวา่ มนษุ ยต์ า่ งมาจากแหลง่ ก�ำ เนดิ เดยี วกนั
เพื่อจะได้มาทำ�ความรูจ้ ักกัน รักกัน และสมั พันธก์ นั
“โอม้ นษุ ยชาติทัง้ หลาย แท้จรงิ เราได้สรา้ งพวกเจ้าจากเพศชาย
และเพศหญงิ และเราไดใ้ หพ้ วกเจา้ แยกเปน็ เผา่ และตระกลู เพอ่ื
จะไดร้ จู้ ักกัน แท้จริงผ้ทู ม่ี ีเกยี รติยิง่ ในหม่พู วกเจา้ ณ ท่ีอลั ลอฮ์
นน้ั คอื ผทู้ ม่ี คี วามย�ำ เกรงยงิ่ ในหมพู่ วกเจา้ แทจ้ รงิ อลั ลอฮน์ น้ั เปน็
ผทู้ รงรอบรอู้ ยา่ งละเอียดถถ่ี ้วน” (อลั -กรุ อ่าน 49: 13)
3.5.4 การยอมรับความหลากหลายทางวฒั นธรรมของมนุษย์
การให้คำ�นิยามความหมายของคำ�ว่า “วัฒนธรรม” ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย นักวัฒนธรรม
ศกึ ษาช่อื กอ้ งอยา่ ง Raymond Williams (1983) ไดใ้ ห้คำ�นิยาม วัฒนธรรม (culture) ไวว้ ่า
ค�ำ นเ้ี ปน็ หนงึ่ ในค�ำ 2-3 ค�ำ ในภาษาองั กฤษทมี่ คี วามซบั ซอ้ นมากทสี่ ดุ จากการส�ำ รวจของ Kevin
Avruch (2006) พบวา่ มีการใหค้ วามหมาย วฒั นธรรม มากกว่า 160 ความหมาย และหนงึ่ ใน
จดุ อ่อนของแนวคดิ ทเี่ กี่ยวขอ้ งวฒั นธรรมท่พี งึ ตอ้ งระมดั ระวัง คือ วฒั นธรรมมกั ถกู มองวา่ คอื สิง่
เดยี วกับ ประเพณอี นั ดงี าม (Culture is a custom) ทป่ี ฏบิ ตั ิสืบทอดติดตอ่ กันมา สิ่งทีเ่ ราเห็น
จากวฒั นธรรมกค็ อื สง่ิ ทเ่ี ราไดร้ บั มนั มานน่ั เอง ดงั นน้ั สง่ิ ส�ำ คญั ถา้ หากเราเปน็ บคุ คลจากภายนอก
คอื ตอ้ งรจู้ กั ถงึ กฎประเพณปี ฏบิ ตั เิ พอื่ จะประพฤตติ นไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ งเหมาะสม วฒั นธรรมจงึ ถกู
ลดทอนให้กลายเป็นเพียงระดับของพ้ืนผิวของความมีมารยาทอันดีงาม ในขณะที่ ความหลาก
หลายทางวฒั นธรรมน้นั อาจน�ำ มาซง่ึ มารยาทท่แี ตกตา่ งกนั ได้
วัฒนธรรมกินข้าวหมดจาน?
มีตัวอย่างของการให้ความหมายทางวัฒนธรรมที่บ่งบอกถึงมารยาทอันดีงามที่อาจถูก
นิยามแตกต่างกันได้แก่ มารยาทในการกินข้าว ผู้เขียนได้ถามคนท่ัวไป ไม่ว่าจะเป็นชาวพุทธ
หรือมุสลิม เราล้วนถูกสอนให้มีมารยาทในการกินอาหารให้หมดจาน โดยผู้ใหญ่จะบอกว่าข้าว
ทุกเม็ดล้วนมีคุณค่า ได้มาจากความยากลำ�บากบนหยาดเหง่ือแรงงานของชาวนาท่ีปลูกข้าวให้
เรากัน ดังนนั้ เราจงึ ควรกนิ ขา้ วให้หมดจาน อยา่ ให้เหลอื แบบ “กนิ ทิ้งกนิ ขวา้ ง!” ซง่ึ เป็นการกิน
แบบไมม่ ีมารยาท
ในขณะเดียวกนั พี่น้องชนเผ่าปะกากญอ (กะเหรีย่ ง) กลบั มีวฒั นธรรมการกินขา้ วดว้ ย
70
70 รายวชิ าท่ี 2 พหุวฒั นธรรมและสงั คมจงั หวัดชายแดนภาคใต้
มารยาทอีกแบบหนง่ึ คอื เวลากนิ ขา้ วอยา่ กินให้หมดจาน ตอ้ งเหลือขา้ วไว้บ้างส�ำ หรบั แบ่งปนั ให้
มด ให้แมว ใหน้ ก ใหแ้ มลง และให้สุนขั หรือสงิ ห์สาราสัตวท์ ีอ่ ยูร่ ายลอ้ มพวกเรา
ดงั น้ันปรชั ญาวิธคี ิดของชาวปะกากญอไมไ่ ด้ต่างไปจากปรชั ญาแนวคิด Ubuntu ของ
ชาวแอฟริกาท่ีเน้นการแบ่งปัน การมีนำ้�ใจต่อผู้อื่นรวมถึงสัตว์แมลงที่อยู่ในธรรมชาติ ในระบบ
นิเวศนเ์ ดียวกบั พวกเขา หรือว่านี่คือแนวคิดแบบนิเวศน์เชิงลึก (deep ecology) ซ่ึงคนในเมอื ง
อย่างเรายังคงต้องเรยี นรู้อีกมากจากพวกเขา
การรจู้ กั ถอ่ มตนไมเ่ อาวฒั นธรรมของเราเองเปน็ ศนู ยก์ ลางนบั วา่ มคี วามส�ำ คญั อยา่ งมาก
ในงานการสร้างสันติภาพ แนวทางท่ีจะพิจารณาเกี่ยวกับความขัดแย้ง ซ่ึงแปรเปล่ียนไปตาม
บริบททางวัฒนธรรม สถานการณ์ ประวัติศาสตร์ รวมทั้งปจั จยั ตา่ งๆ ของบุคคลและกลุ่ม เรา
ตอ้ งตระหนกั ว่าไม่มีแนวทางทเี่ ป็นสากลใดๆ ในการในการแก้ไขความขัดแย้ง
Ubuntu กบั สายรงุ้ อนั งดงาม
กอ่ นทจี่ ะเรยี นรวู้ า่ เราจะสามารถใชช้ วี ติ อยอู่ ยา่ งสนั ตใิ นทา่ มกลางความขดั แยง้ ไดอ้ ยา่ งไร
นน้ั แสงรงุ้ อนั สวยงามจากธรรมชาตนิ า่ จะใหบ้ ทเรยี นอนั มคี ณุ คา่ เพอ่ื เปน็ กรอบคดิ ในการท�ำ ความ
เข้าใจความแตกตา่ งหลายหลายทางวัฒนธรรมทเ่ี ราอยู่ร่วมกันในโลกเล็กๆ ใบน้ี
รายวิชาท ่ี 2 พหุวัฒ นธรรมและ สังคมจังหว ัดชายแดนภาคใต้ 71
ภาพรงุ้ กนิ น�ำ้ นบั เปน็ ภาพทเ่ี กยี่ วโยงอยา่ งใกลช้ ดิ ทส่ี ดุ กบั ยคุ หลงั การเหยยี ดสผี วิ (post-
apartheid) ในแอฟรกิ าใต้ เปน็ ภาพทย่ี �้ำ เตอื นตวั เราวา่ เราไมส่ ามารถทจ่ี ะแยกตวั เองออกไปจาก
ผอู้ นื่ ไดอ้ ยา่ งสมบรู ณ์ เดด็ ขาด สตี า่ งๆทหี่ ลอมรวมกนั กลายเปน็ สรี งุ้ นน้ั นบั ไดว้ า่ เปน็ ตวั แทนของ
คนต่างเช้อื ชาติ ตา่ งเผา่ พันธุท์ ี่หลอมรวมกันกลายเป็นชุมชนแหง่ ใหม่ เป็นตัวแทนของความหวัง
ความสดใส ความมชี วี ติ ชวี า และความมีเสรี ความงดงามของแสงรงุ้ ไมไ่ ดเ้ กดิ จากเพยี งแคก่ ารท่ี
มสี ตี ่าง ๆ มารวมกนั หากแตเ่ กดิ จาการที่สีต่างๆ กันน้ันตา่ งเข้ามาผสมผสานซงึ่ กนั และกันอยา่ ง
แนบเนียนและกลมกลืนกลายเป็นสีรุ้งอันใหม่ท่ีสวยสดงดงาม ในขณะท่ี ความเป็นเอกลักษณ์
ความโดดเดน่ และความสดใสของแตล่ ะสกี ็ยังคงอยู่ และในขณะเดยี วกัน สรี ุ้งทีส่ มบูรณ์ท้ังหมด
น้ันก็สรรสร้างความเจิดจรัสให้กับสีแต่ละสี ภาพของรุ้งกินนำ้�จึงสอดคล้องกับความคิดเร่ือง
“ubuntu” ของชนเผา่ ซลู แู อฟรกิ าใต ้ ซง่ึ มคี วามหมายวา่ “ทฉ่ี นั เปน็ ฉนั ไดน้ น้ั เพราะวา่ มเี ราอยู่
และเพราะมีเราอยู่ ฉนั จึงเป็นฉันได้”(I am because we are…because we are therefore I
am) หรือ คนเรากลายเป็นคนขึน้ มาได้ก็ด้วยการปฏิสมั พนั ธก์ ับคนอืน่ (umuntu ngumuntu
ngabantu: a person is a person through other persons)
Archbishop Desmond Tutu: “Ubuntu คอื แกน่ ของความเปน็ มนษุ ย์ บอกวา่ มนษุ ย์
ไม่อาจด�ำ รงอย่อู ย่างโดดเด่ยี ว เราทุกคนต่างเกี่ยวขอ้ งเชอ่ื มโยงกนั คณุ ไมส่ ามารถเปน็ มนษุ ย์ได้
ด้วยตัวคณุ เอง และหากคณุ มี Ubuntu นน่ั หมายความว่าคณุ เป็นคนมนี �ำ้ ใจทีก่ วา้ งขวาง”
Nelson Mandela: Ubuntu “นักเดนิ ทางทไี่ ปหยุดหมู่บ้านแห่งหน่งึ แล้วชาวบา้ นเอา
อาหาร น�ำ้ และอ�ำ นวยความสะดวกแกเ่ ขาโดยทเี่ ขาไมต่ อ้ งเอย่ ปากขอ นน่ั คอื แงม่ มุ หนงึ่ ในหลาย
ๆ แง่มมุ ของ Ubuntu”
Ubuntu = การแบง่ ปัน ความมนี ้ำ�ใจ ความเออ้ื อาทร และความร่วมมือกนั
และ Kazuo Ogoura นกั รฐั ศาสตรช์ าวญป่ี นุ่ ไดก้ ลา่ ววา่ การทเี่ ราจะสามารถสรา้ งความ
เชื่อม่ันให้กับตัวเอง หรือทบทวนตัวเอง ก็ด้วยการแลกเปล่ียนทางวัฒนธรรมกับโลกภายนอก
เทา่ นน้ั โดยเฉพาะอยา่ งยง่ิ ในโลกที่มวี ฒั นธรรมแตกต่างไปจากตัวเรา
เราอาจลองพจิ ารณาเปรยี บเทยี บกบั การแสดงของวงดนตรซี มิ โฟนอี อเคสตรา้ นกั ดนตรี
แตล่ ะคนในวงตา่ งเลน่ อปุ กรณเ์ ครอื่ งเลน่ ทแ่ี ตกตา่ งกนั ภายใตค้ วามสนใจรว่ มกนั คอื รว่ มบรรเลง
เพลงท่ีไพเราะเพราะพริ้งให้กับผู้ฟัง การผสมผสานของเสียงท่ีขัดกันบ้าง เสริมกันบ้าง อันเกิด
จากอปุ กรณ์ตา่ งๆ กนั ได้สรรสรา้ งกลายเปน็ เสียงเพลงอันไพเราะทสี่ ดุ บางชว่ งจังหวะของการ
บรรเลงอาจเกิดเสียงที่ดูประหนึ่งขัดแย้ง ต่อสู้ แย่งชิงจังหวะกันและกัน แต่ในที่สุดเสียงเหล่า
นน้ั กก็ ลบั มาผสมผสานกลมกลนื เขา้ ดว้ ยกนั ไวทยากรผคู้ วบคมุ วงพยายามชว่ ยตคี วามหมายของ
ดนตรีและอ�ำ นวยการสอ่ื สารระหวา่ งนักดนตรีทัง้ หมดเพอื่ ใหบ้ รรลุสจู่ ุดหมายของการแสดงร่วม
กัน ภาพการแสดงของวงออเคสตร้าจึงแสดงให้เห็นถึงโครงสร้าง ความเป็นผู้นำ� และการมีจุด
72
72 รายวิชาที่ 2 พหุวฒั นธรรมและสงั คมจังหวดั ชายแดนภาคใต้
หมายร่วมกันนั้นสามารถจะช่วยแก้ไขความขัดแย้งให้ลุล่วงไปได้ด้วยดี และช่วยย้ำ�เตือนเราว่า
ความหลากหลายนน้ั มคี ุณคา่ เปน็ อยา่ งยิง่ ในการช่วยสรรสรา้ งบทเพลงที่งดงาม
มเี รอ่ื งเลา่ เกยี่ วกบั การทดลองของนกั มานษุ ยวทิ ยาอเมรกิ นั วา่ เมอื่ เขาเดนิ ทางเขา้ ไปใน
หมู่บ้านแห่งหนึ่งในแอฟริกาใต้ และทำ�การทดลองกับเด็กๆ ในหมู่บ้านโดยเอาขนมที่เด็กชอบ
ใส่ไว้ในตะกร้าแล้วไปวางไว้ในใต้ต้นไม้ เขาบอกเด็กว่าหากเขานับ หนึ่งถึงสาม ให้เด็กว่ิงไปท่ี
ตะกรา้ ขนมใครถงึ กอ่ นคนนนั้ กจ็ ะไดเ้ ปน็ เจา้ ของกนิ ขนมอนั แสนอรอ่ ยไป เมอ่ื เขานบั เสรจ็ ปรากฏ
ว่าแทนท่ีเด็กแอฟริกันเหล่านั้นจะว่ิงกรูไปหาขนมใต้ตนไม้พวกเขากลับจูงมือวิ่งไปพร้อม ๆ กัน
ยังความประหลาดใจเป็นอย่างมากแก่นักมานุษยวิทยาผู้ทำ�การทดลองนี้ เขาจึงถามเด็ก ๆ
ว่า ทำ�ไมไม่ต่างคนต่างวิ่งเพื่อเป็นเจ้าของขนม เด็กจึงตอบเขาไปว่า “เราไม่เคยถูกสอนมาให้
กินคนเดียวแล้วอร่อย หรือมีความสุข เราถูกสอนให้แบ่งปันกันกินแล้วจึงมีความสุข เพราะนี่
คอื Ubuntu!”
คำ�ถามคือ หากลองนำ�การทดลองน้ีมาทำ�กับเด็กไทย หรือเด็กชาวพุทธ หรือเด็กชาว
มสุ ลมิ ฯลฯ ในชมุ ชนของเรา จะเกดิ อะไรข้ึน? ผูเ้ ขียนไดแ้ ต่หวังวา่ เดก็ เราจะไม่ตา่ งคนต่างวิ่ง
เพ่ือแยง่ ชิงเปน็ เจา้ ของขนมแต่เพยี งผเู้ ดยี วเหมอื นเด็กสผี ิวชาวอฟั รกิ นั !
รายวชิ าท ่ี 2 พหวุ ัฒ นธรรมและ สังคมจังหว ดั ชายแดนภาคใต้ 73
ฟงั เรอ่ื งราวขา้ งตน้ แลว้ ท�ำ ใหน้ กึ ถงึ ค�ำ สอนในคมั ภรี อ์ ลั -กรุ อาน หลายบททชี่ ช้ี วนใหม้ นษุ ย์
เราไดเ้ หน็ ถงึ ความงดงามของความหลากหลาย ได้แก่
“โอ้มนุษยชาติทั้งหลาย แท้จรงิ เราได้สรา้ งพวกเจา้ จากเพศชาย และเพศหญิง และเรา
ไดใ้ หพ้ วกเจา้ แยกเปน็ เผา่ และตระกลู เพอ่ื จะไดร้ จู้ กั กนั แทจ้ รงิ ผทู้ มี่ เี กยี รตยิ ง่ิ ในหมพู่ วกเจา้ ณ ท่ี
อลั ลอฮน์ น้ั คอื ผทู้ มี่ คี วามย�ำ เกรงยงิ่ ในหมพู่ วกเจา้ แทจ้ รงิ อลั ลอฮน์ นั้ เปน็ ผทู้ รงรอบรอู้ ยา่ งละเอยี ด
ถ่ีถว้ น” (อัล-กุรอ่าน 49: 13)
“และหนึ่งจากสญั ญาณท้ังหลายของพระองคค์ ือ การสรา้ งช้ันฟ้าทง้ั หลายและแผ่นดนิ
และการแตกตา่ งของภาษาของพวกเจ้าและผวิ พรรณของพวกเจา้ แทจ้ ริงในการน้แี นน่ อน ยอ่ ม
เปน็ สัญญาณสำ�หรับบรรดาผูม้ ีความร”ู้ (อัล-กุรอ่าน 30: 22)
5) การเอาใจเขามาใส่ใจเรา (Empathy)
ครง้ั หนงึ่ ผเู้ ขยี นไดม้ โี อกาสเดนิ ทางไปประเทศอนิ โดนเี ซยี ประเทศเพอื่ บา้ นเราในอาเซยี น
ท่ีมีจำ�นวนประชากรมุสลิมมากที่สุดในโลกขณะน้ี ได้ฟังเร่ืองเล่าเรื่องจากผู้นำ�ชุมชนแห่งหนึ่ง
ในเมอื งท่อี ยูใ่ กล้ ๆ กับเมืองยอร์คจาการ์ตา ชือ่ ชุมชนสุนันกุดดสุ ผ้นู ำ�ชมุ ชนเลา่ ให้พวกเราว่า
ชมุ ชนมสุ ลมิ ของพวกเขานั้นไม่กนิ เน้อื วัวเลยมานบั แต่อดตี เกือบสองร้อยปี สาเหตเุ ปน็ เพราะวา่
เมอ่ื ครัง้ แรกทอ่ี หิ ม่ามน�ำ มุสลิมจำ�นวนหน่ึงมายังชมุ ชนแหง่ น้ี คนสว่ นใหญ่เปน็ ชาวฮนิ ดูท่ไี มท่ าน
เนอ้ื ววั ดว้ ยความนบั ถอื ศรทั ธาวา่ ววั เปน็ สตั วส์ งู สง่ ทเ่ี ปน็ พานะของเทพเจา้ ของชาวฮนิ ดู ในขณะ
ท่ีสำ�หรับชาวมุสลิมมีความเช่ือว่าวัวเป็นสัตว์ท่ีเป็นท่ีอนุมัติจากพระผู้เป็นเจ้าให้ทานได้เพื่อเป็น
อาหารในการยงั ชพี ดงั นั้น เมื่อชาวมุสลิมเจอเนือ้ วัวกบ็ อกวา่ “หรอ้ ยจงั ฮ!ู้ ” ในขณะทชี่ าวฮนิ ดู
กลบั มองววั วา่ เปน็ สตั วต์ อ้ งหา้ มในการรบั ประทาน แลว้ คนตา่ งศาสนา ตา่ งศรทั ธา ตา่ งวฒั นธรรม
จะอยดู่ ้วยกนั อย่างไรในชมุ ชนเดียวกนั
74
74 รายวชิ าที่ 2 พหุวัฒนธรรมและสงั คมจงั หวัดชายแดนภาคใต้
ผู้นำ�ชุมชนสุนันกุดดุส จึงเล่าให้ฟังต่อไปว่าท่านอิหม่ามในขณะน้ัน จึงได้ห้ามมุสลิม
ผู้ตดิ ตามทา่ นไม่ให้เชือดววั เป็นอาหาร ด้วยตระหนกั ว่าถึงแมก้ ารเชอื ดววั เพอื่ เปน็ อาหารจะเป็น
สทิ ธอิ นั ชอบธรรมของชาวมสุ ลมิ หากเมอื่ สทิ ธอิ นั ชอบธรรมนอี้ าจไปท�ำ รา้ ยความรสู้ กึ ศรทั ธาของ
เพือ่ นบา้ นเรา มสุ ลิมกค็ วรเล่ยี งไปรบั ประทานสัตวอ์ ื่นแทนได้ มสุ ลมิ จึงไปเชอื ดควายเป็นอาหาร
แทน และท่านเล่าด้วยความภาคภูมิใจว่าชาวมุสลิมในหมู่บ้านแห่งน้ีรับประทานเนื้อควายโดย
ไมม่ กี ารเชอื ดวัวเลยมาจนถึงทกุ วันน้ี
ภาพที่ 12 หออาซานทรงวหิ ารฮินดู มัสยิดชุมชนสุนนั กดุ ดุส ประเทศอนิ โดนเี ซยี
และเมื่อครั้งได้มีโอกาสเดินทางไปบรรยายนักเรียนไทยท่ีกรุงอาบูดาบี ประเทศสหรัฐ
อาหรบั เอมเิ รตส์ เมือ่ ปี พ.ศ. 2562 คุณอนชุ า หวนั โซะ เจา้ หน้าทีล่ า่ มภาษาอาหรบั ประจำ�สถาน
ทูตไทย ได้กรุณาพาผู้เขียนไปเยี่ยมชมมสั ยิดแห่งหนง่ึ ในใจกลางกรุงอาบูดาบี ซึ่งเปน็ มัสยดิ ท่ีอยู่
รายล้อมด้วยโบสถค์ รสิ ต์หลายโบสถ์นกิ ายตา่ ง ๆ กัน ในบริเวณน้นั ความนา่ สนใจของมัสยดิ ดัง
กลา่ ว นอกจากการอยรู่ ายลอ้ มดว้ ยโบสถค์ รสิ ตน์ กิ ายตา่ ง ๆ แลว้ จดุ ทนี่ า่ สนใจทสี่ ดุ ส�ำ หรบั ผเู้ ขยี น
คือ การตัง้ ชือ่ มัสยดิ แห่งน้ที คี่ ำ�นงึ ถงึ หลกั “เอาใจเขา มาใส่ใจเรา (empathy)” คือ เขยี นชอ่ื เป็น
ภาษาองั กฤษวา่ Mary The Mother of Jesus Mosque (มสั ยดิ พระแมม่ าเรยี (แมร)่ี พระมารดา
ของพระเยซู ในขณะท่ี ต้นฉบบั ภาษาอาหรับ คือ ช่อื ว่า มสั ยิดพระนางมัรยัม พระมารดาของ
ทา่ นนบีอีซา
รายวิชาท ี่ 2 พหุวฒั นธรรมและ สังคมจังหว ดั ชายแดนภาคใต้ 75
ท้ังน้ี ชาวมุสลิมมีความเช่ือและมีคำ�เรียกต่างจากชาวคริสตชนคือ ชาวมุสลิมจะเรียก
พระเยซวู า่ เปน็ นบี (ศาสดาทา่ นหนงึ่ ในศาสนาอสิ ลาม) ทมี่ ชี อื่ วา่ “นบอี ซี า” ซง่ึ ทา่ นเปน็ บตุ รของ
“พระนางมรั ยมั ” ซงึ่ ชาวครสิ ตชนจะเรยี กทา่ นวา่ พระแมม่ าเรยี หรอื แมรี่ ดงั นน้ั ชอ่ื ภาษาองั กฤษ
ของมัสยิดแห่งน้ีแทนที่จะใช้ช่ือล้อตามต้นฉบับภาษาอาหรับว่า “Maryam The Mother of
Esa Mosque” แตก่ ลบั เรยี กตามประเพณนี ยิ มของพนี่ อ้ งชาวครสิ ตว์ า่ “Mary The Mother of
Jesus Mosque” ทง้ั เพอ่ื เปน็ การใหเ้ กยี รตเิ พอื่ นตา่ งศาสนกิ ตามภาษาทเี่ ขาใชเ้ รยี กและเปน็ การ
รจู้ กั เอาใจเขามาใสใ่ จเรา ไมไ่ ดเ้ อามาตรฐานหรอื ประเพณขี องเรา หรอื เอาสทิ ธอิ นั ชอบธรรมของ
เราเปน็ ศูนยก์ ลางเทา่ น้ัน
ผู้เขียนหวังว่า ตัวอย่างเล็กๆ น้ีจะช่วยสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้คนท่ีอยู่ด้วยกัน
ท่ามกลางความหลากหลายได้ตระหนักถึงความสำ�คัญของการรู้จัก “เอาใจเขา มาใส่ใจเรา
(empathy)” การคำ�นึงความรู้สึกศรัทธาของผู้อื่นเหนือการอ้างสิทธิอันชอบธรรมของเราเอง
หากเปน็ ดงั นี้ โลกเราคงจะน่าอยกู่ วา่ ท่เี ป็นอยู่น้ี
3.5.5 หลกั ความรกั ความเมตตา (ท่ไี มม่ ีเส้นแบง่ )
ช่วยเฉพาะมสุ ลมิ เทา่ นัน้ !
เมอ่ื ปี พ.ศ. 2548 ได้เกิดเหตุการณน์ ้ำ�ท่วมใหญ่ในจังหวัดเชยี งใหม่ ขณะท่ีมีหน่วยงาน
องค์การต่างๆ มากมายต่างกำ�ลังให้ความช่วยเหลือประชาชนผู้ประสบความเดือดร้อนในพื้นท่ี
บริเวณตัวเมืองเชียงใหม่ ได้มีชาวบ้านจากชุมชนหนึ่งได้โทรเข้าสถานีวิทยุและเล่าเรื่องราวของ
เธอว่า “ขา้ เจ้า (ฉัน) อยู่ในพ้นื ที่ชุมชนมุสลิมแห่งหน่ึง ปรากฏว่าพวกเขานำ�อาหารมาแจกคนใน
พน้ื ที่ แตพ่ อเหน็ บตั รประจ�ำ ตวั ของขา้ เจา้ เปน็ คนพทุ ธ เขาบอกวา่ ใหไ้ มไ่ ด้ เขาแจกใหเ้ ฉพาะมสุ ลมิ
76
76 รายวิชาที่ 2 พหวุ ฒั นธรรมและสังคมจังหวัดชายแดนภาคใต้
เท่านัน้ !”
และอีกเหตุการณ์หนึ่ง ขณะผู้เขียนได้เดินทางไปทำ�งานประเมินโครงการ โครงการ
หน่ึงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ พร้อมกับอาจารย์เพ่ือนร่วมงานอีกสองท่าน โดยท่านหน่ึง
เปน็ ชาวครสิ เตียน และอีกทา่ นหน่งึ เปน็ ชาวพุทธ เย็นวนั หนึ่ง เมอื่ รถโรงแรมไปสง่ เราท้ังสามคน
ทร่ี า้ นอาหารมสุ ลมิ รา้ นหน่ึงแลว้ กก็ ลบั และเมือ่ เราทานขา้ วเสรจ็ เปน็ เวลาเกือบ 3 ทมุ่ ซงึ่ ไมม่ รี ถ
ประจ�ำ ทางแลว้ หญิงเจ้าของร้านอาหารมสุ ลมิ แหง่ นจ้ี ึงอาสาบอกใหส้ ามซี งึ่ เป็นครูโรงเรยี นแห่ง
หนึ่งไปส่งเราทโี่ รงแรม
ระหวา่ งเดนิ ทางกลบั จนรถมาเกอื บถงึ โรงแรม ผเู้ ขยี นซง่ึ นงั่ คกู่ บั คนขบั จงึ หนั มาพดู หยอก
กบั เพอื่ นอาจารยอ์ กี สองคนทนี่ ง่ั อยดู่ า้ นหลงั วา่ “วนั นเ้ี ราเปน็ ลกู คา้ กติ ตมิ ศกั ดเ์ิ ลยนะครบั เจา้ ของ
ร้านมาสง่ เราถงึ ทเ่ี ลย” เมอ่ื คนขับครมู สุ ลมิ ได้ยินเช่นน้นั จึงกล่าวขึน้ วา่ “ไมเ่ ป็นไรหรอกอาจารย์
เราเป็นมสุ ลมิ ดว้ ยกันเรากต็ อ้ งช่วยกนั อยู่แลว้ .......ถา้ ไม่ใชม่ ุสลมิ ผมกไ็ ม่ช่วยอย่แู ลว้ !”
เมอื่ ผเู้ ขยี นไดย้ นิ เชน่ นน้ั ไดแ้ ตช่ อ็ กพดู อะไรไมอ่ อกอกี เลย จนรถแลน่ ไปไดอ้ กี หนอ่ ยทา่ น
อาจารย์ที่เป็นชาวพทุ ธจึงพูดขน้ึ วา่ “ไมเ่ ปน็ ไรครบั ผมขอลงตรงนี้แหละครบั ผมอยากเดนิ ออก
ก�ำ ลังครบั ” (ท่านยงั คงมคี วามเกรงใจอย่มู ากทไ่ี มพ่ ดู ไปตรงๆ วา่ ไมเ่ ปน็ ไรครบั ผมเปน็ คนพทุ ธ
ครบั ไมต่ อ้ งชว่ ยผมก็ไดค้ รับ!)
หลังจากน้ัน ทุกคร้ังท่ีมีโอกาสได้รับเชิญให้บรรยายโดยเฉพาะอย่างย่ิงในชุมชนมุสลิม
ผเู้ ขยี นจะเลา่ ถงึ เหตกุ ารณท์ ง้ั สองเรอ่ื งเสมอ เพอื่ จะบอกวา่ ในหลกั ค�ำ สอนของศาสนาอสิ ลามนน้ั
ไม่เคยมีตรงไหนท่สี อนให้ชาวมุสลิมให้ความชว่ ยเหลอื เฉพาะผ้ทู ่ีเปน็ มุสลมิ ดว้ ยกนั เท่านัน้ ดังใน
คัมภรี อ์ ัล-กุรอาน ได้กล่าวไวว้ า่
“และเรามไิ ดส้ ง่ เจา้ (มฮู มั หมดั ) มาเพอ่ื อน่ื ใด นอกจากเพอื่ เปน็ ความเมตตาแกป่ ระชาชาติ
ทง้ั หลาย” (อัล-กรุ อาน 21:107)
และยังมีเรื่องเล่าสมัยท่านนบีอิบรอฮีม ที่ว่า คร้ังหน่ึงท่านได้เชิญคนคนหน่ึงมารับ
ประทานอาหารทบี่ า้ น และตอ่ มาทา่ นรวู้ า่ คนคนนน้ั ไมใ่ ชม่ สุ ลมิ ทา่ นจงึ ปฏเิ สธการเลยี้ งอาหารนน้ั
ไป ทันใดนน้ั เอง พระผู้เปน็ เจา้ ได้สื่อสารถึงทา่ นนบีอบิ รอฮีมในทันทวี า่ “อบิ รอฮีม ทา่ นปฏเิ สธ
ท่ีจะให้อาหารคนคนหน่ึงเพียงเพราะเขานับถือศาสนาตา่ งจากท่าน ในขณะที่ท่านไม่ได้คิดดอก
หรอื ว่า ความจริงแลว้ ชวี ติ ของชายคนน้นั ข้าคือผทู้ ป่ี ระทานปจั จัยยงั ชีพ คือผู้ประทานความ
เมตตา และใหค้ วามชว่ ยเหลอื แก่เขา!”
ดังน้ัน ศาสนาอิสลามจึงไม่เคยสอนให้มุสลิมจะต้องให้การช่วยเหลือเฉพาะมุสลิมด้วย
กนั เท่านน้ั หากอิสลามสอนวา่ “เมอ่ื คณุ รบั ใช้ผอู้ ื่น คณุ กำ�ลงั รับใชพ้ ระผเู้ ปน็ เจา้ ” (When you
serve the created, you serve the Creator) และมหี ะดษี ท่กี ลา่ วไว้วา่ ทา่ นศาสดามฮู ัมหมดั
ไดก้ ลา่ ววา่ “มนษุ ยท์ ด่ี เี ลศิ คอื ผทู้ ส่ี รา้ งประโยชนใ์ หก้ บั เพอ่ื นมนษุ ย”์ และ “บคุ คลทพี่ ระผเู้ ปน็ เจา้
รายวชิ าท ี่ 2 พหุวฒั นธรรมและ สังคมจงั หว ดั ชายแดนภาคใต้ 77
รกั มากท่ีสดุ คอื ผู้ทีท่ �ำ ประโยชน์กับเพื่อนมนุษย์มากท่ีสุด”
ซึ่งแก่นของคำ�สอนดังกล่าวน้ี ท่านพุทธทาสภิกขุก็ได้กล่าวไว้ทำ�นองเดียวกันคือ
“รกั ผู้อน่ื คอื หัวใจของทกุ ศาสนา”
อิสลามไม่เคยสอนว่าให้ช่วยเฉพาะคนมุสลิมเท่าน้ัน แต่อิสลามสอนว่า: “เมื่อคุณรับ
ใชผ้ ู้อื่น คณุ กำ�ลงั รับใชอ้ ลั ลอฮ์” (When you serve the created, you serve the Creator)
ทำ�ให้นึกถึงข้อคิดของนักปราชญาผู้ยิ่งใหญ่ท่านหนึ่งในโลกมุสลิมคือ จัลลาลุดดิน รูมี
ซึง่ ได้กล่าวเปรียบเทยี บอย่างลุ่มลึกไว้วา่ “ตะเกียงอาจมีหลาบแบบ หลายชนดิ แตแ่ สงท่ีมันสอ่ ง
ออกมานั้น ล้วนมาจากลำ�แสงเดยี วกัน”
ผู้เขียนจึงชชี้ วนให้คดิ ว่า “ศาสนาใดก็ตาม จะเป็นศาสนาสากลท่ยี ่งิ ใหญ่ได้อยา่ งไร
หากมคี ำ�สอนสอนอย่างคบั แคบให้ชว่ ยคนเฉพาะคนในศาสนิกตนเทา่ นัน้ !”
78
78 รายวิชาท่ี 2 พหุวฒั นธรรมและสังคมจงั หวดั ชายแดนภาคใต้
อีกตัวอยา่ งหนึ่งทน่ี า่ สนใจไดแ้ ก่ ชุมชนมสุ ลมิ อ. แมส่ ะเรยี ง จ.แมฮ่ อ่ งสอน เป็นชมุ ชน
มสุ ลมิ เชอื้ สายเบงกาลเี กา่ แกอ่ กี ชมุ ชนหนงึ่ ในภาคเหนอื สามารถยอ้ นกลบั ไปตงั้ แตย่ คุ กอ่ ตง้ั ชมุ ชน
มาเม่ือร้อยกวา่ ปีมาแล้ว ปจั จบุ นั นับเป็นชุมชนมสุ ลิมตัวอยา่ งอกี ชุมชนหนึ่งแสดงถงึ การอยูร่ ่วม
กนั อย่างสนั ติในสงั คมพหุวัฒนธรรม
คณุ สรุ ยิ า อรา่ มวงค์ (ประธานคณะกรรมการอสิ ลามประจ�ำ จงั หวดั แมฮ่ อ่ งสอน) ซงึ่ เปน็
คนพนื้ ถนิ่ ในชมุ ชนแมส่ ะเรยี ง ไดเ้ ลา่ ใหฟ้ งั ถงึ ความเปน็ มาและบทบาทของศนู ยเ์ รยี นรศู้ าสนาและ
ชาติพนั ธอุ์ สิ ลามใน อ.แม่สะเรียงวา่ ในขณะท่ีเกดิ เหตุการณถ์ ล่มตึกเวิลดเ์ ทรดเซ็นเตอร์เม่ือวันที่
11 กนั ยายน พ.ศ. 2544 นน้ั ทา่ นอยทู่ ก่ี รงุ เทพฯ และโดยปรกตทิ า่ นมกั แตง่ กายแบบอสิ ลามนยิ ม
(สวมหมวกขาว) โดยในขณะรอรถไฟท่ีหัวลำ�โพงซงึ่ เป็นเก้าอีม้ ้ายาววนเปน็ วงรนี ง่ั ไดท้ ั้งสองดา้ น
โดยอีกด้านหน่ึงมชี าวตา่ งชาติ (ฝรัง่ ) ประมาณ 5 คนน่งั อยู่ เมื่อชาวตา่ งชาติหนั มาเหน็ ทา่ นกล็ ุก
เดินหนีไปทง้ั หมด ทำ�ให้เริม่ มีความรูส้ กึ วา่ มีคนอคติตอ่ อิสลาม เมื่อกลับมาถงึ บา้ น วันหนงึ่ ขณะ
เดนิ ไปมสั ยดิ วยั รนุ่ เยาวชนซอ้ นมอเตอรไ์ ซดผ์ า่ นมาตะโกนวา่ “ไมก่ ลวั เหรอพวกบนิ ลาเดน” ลกู
หลานมสุ ลมิ เมอื่ ไปโรงเรยี นกจ็ ะถกู เรยี กวา่ บนิ ลาเดน เมอื่ เยาวชนไปโรงเรยี นคลมุ ศรี ษะ (ฮญิ าบ)
กม็ ปี ระเดน็ วา่ ท�ำ ไมตอ้ งคลมุ เมอ่ื กอ่ นกไ็ มเ่ หน็ คลมุ ยงิ่ ตอกย�ำ้ ความรสู้ กึ วา่ การบรโิ ภคสอ่ื ตะวนั ตก
ส่งผลกระทบมาถึงบา้ นเมืองนแี้ ล้ว ตอ้ งทำ�อะไรบา้ งแลว้ จงึ เร่มิ คิดถึงโครงการวทิ ยากรบรรยาย
วัฒนธรรมและศาสนาอิสลามให้แก่สถานศึกษาและหนว่ ยงานราชการ
ส่ิงที่น่าสนใจของชุมชนน้ีขณะที่มีการต้อนรับเพ่ือนต่างศาสนิกคือ จะมีการแจกผล
อินทผลัมให้กับแขกท่ีมาเยือน ซ่ึงอินทผลัมเป็นผลไม้ที่ทรงคุณค่าอย่างมากท้ังในเชิงสัญลักษณ์
และเชิงโภชนาการตอ่ รา่ งกายของมนษุ ย์ ผ้นู ำ�ชุมชนจงึ เรียกการให้น้วี า่ “อนิ ทผลัมโมเดล” ส่ง
ความหมายถงึ การทชี่ มุ ชนมสุ ลมิ อยากจะมอบสง่ิ ทมี่ คี ณุ คา่ ทสี่ ดุ สงิ่ ทด่ี ตี อ่ รา่ งกายทสี่ ดุ ใหก้ บั เพอ่ื น
ตา่ งศาสนกิ เราจงึ ไดเ้ หน็ ใบหนา้ อนั อม่ิ เอบิ ของพนี่ อ้ งชาวพทุ ธขณะเออ้ื มมอื หยบิ ผลอนิ ทผลมั ขน้ึ
มาทาน
รายวิชาท ่ี 2 พหุวฒั นธรรมและ สังคมจงั หว ัดชายแดนภาคใต้ 79
และเมื่อเสร็จสิ้นจากการเย่ียมเยือนผู้นำ�ชุมชนมุสลิมแม่สะเรียงยังได้มอบผลอินทผลัม
ใส่ซองพรอ้ มเขยี นวา่
“ผลไมม้ หศั จรรยท์ ป่ี รากฏในคมั ภรี อ์ ลั กรุ อาน และศาสดามฮุ มั มดั (ศอ็ ล) ใชบ้ รโิ ภคเปน็
อาหารประจำ�วนั ต่อมาได้มีการวจิ ัยโดยนักวิทยาศาสตรโ์ ภชนาการ จงึ ไดท้ ราบถงึ สรรพคณุ อัน
ทรงประโยชน์ตอ่ ร่างกายมนุษย์อย่างมหาศาล”
พอครน้ั ถงึ ในชว่ งฤดหู นาว ทง้ั พนื้ ทใี่ น จ.แมฮ่ อ่ งสอน และ อ.ฝาง จ.เชยี งใหม่ จะมคี วาม
หนาวเย็นมาก ชุมชนมุสลิมก็จะมีการระดมทุนเพื่อซื้อเครื่องกันหนาวแจกจ่ายให้ประชาชนผู้
ประสบภัยหนาวโดยแจกใหท้ ุกผู้คนโดยไม่คำ�นึงถึงพื้นฐานทางศาสนาหรือชาตพิ ันธ์ุ
ภาพที่ 13 ชาวบ้าน อ.แมส่ ะเรียง จ.แมฮ่ อ่ งสอน ภาพที่ 14 ชาวบา้ น อ.ฝาง จ.เชียงใหม่
80
80 รายวิชาท่ี 2 พหุวัฒนธรรมและสงั คมจังหวัดชายแดนภาคใต้
หรอื กรณีเรือลม่ ท่ี จ.พระนครศรีอยธุ ยา เหตสุ ลดครง้ั นี้เกิดขึ้นเมอื่ ชว่ งเยน็ ของวนั ที่ 18
ก.ย. 2559 เมื่อเจ้าหน้าท่ีตำ�รวจ สภ.พระนครศรีอยุธยา รับแจ้งเหตุเรือโดยสารทัวร์บุญของ
พี่น้องชาวมุสลิมล่มในแม่นำ้�เจ้าพระยา เหตุเกิดที่ท่าน้ำ�หน้าวัดสนามไชย หมู่ 9 ต.บ้านป้อม
อ.พระนครศรอี ยธุ ยา จ.พระนครศรีอยธุ ยา เปน็ เหตุให้มผี ้เู สยี ชีวติ ถึง 28 คน บาดเจ็บอกี 51 คน
จากการสอบสวนพบวา่ เรอื ล�ำ ดงั กลา่ วเปน็ เรอื นำ�เท่ียว 2 ชน้ั เป็น 1 ใน 15 ล�ำ ซง่ึ ถูกว่า
จา้ งให้มารับผู้โดยสารซงึ่ เป็นชาวมุสลิม ในพ้นื ที่ 3 ตำ�บล คอื ต.สำ�เภาลม่ และ ต.ประตชู ยั ไป
ทำ�กิจกรรมพบปะสังสรรค์ตามประเพณีท่ีถือปฏิบัติกันมานาน โดยจะล่องเรือจากมัสยิดตำ�บล
หน่ึงไปอีกตำ�บล โดยก่อนเกิดเหตุขบวนเรือทั้งหมดล่องเรือกันมาตั้งแต่ช่วงเช้า จนถึงช่วงที่จะ
เดนิ ทางกลบั ผ่านหน้าวัดสนามไชยมเี รอื บรรทกุ แล่นสวนทางมาในรอ่ งน�ำ้ เดียวกนั ท�ำ ให้คนขับ
เรอื หักหลบแลว้ เสียหลักพงุ่ ชนแพทา่ น�ำ้ อยา่ งแรงทำ�ใหเ้ รือจมลงอยา่ งรวดเร็ว
อยา่ งไรก็ตาม ไดม้ คี ณะสงฆใ์ นพนื้ ทไี่ ด้มาเย่ียมปลอบประโลมใจพรอ้ มทงั้ มอบสินน้�ำ ใจ
และข้าวของแก่บรรดาพี่น้องมุสลิมท่ีสูญเสียญาติพี่น้องจากอุบัติเหตุในคร้ังน้ัน จึงนับเป็นอีก
ตวั อย่างหน่ึงของความงดงามของความเมตตาธรรมท่ไี ร้พรมแดน
ภาพท่ี 15 คณะสงฆท์ ม่ี าให้ก�ำ ลังใจและช่วยเหลอื พี่น้องมุสลิมมที่เป็นเหยอื่ อุบัติเหตเุ รือลม่ จ.อยุธยา 81
รายวชิ าท ี่ 2 พหุวฒั นธรรมและ สังคมจังหว ดั ชายแดนภาคใต้
3.5.6 หลกั การเสวนาพูดคุยกนั อย่างสนั ติ และการมีมารยาททดี่ ี
อัล-กุรอาน ส่งเสริมให้มีการเสวนาพูดคุยระหว่างกันด้วยดีเพื่อแสวงหาจุดร่วมในการ
อยรู่ ว่ มกนั “จงเรยี กรอ้ งสแู่ นวทางแหง่ พระเจา้ ของสเู จา้ โดยสขุ มุ และการตกั เตอื นทด่ี ี และจงโต้
แยง้ พวกเขาดว้ ยสงิ่ ทด่ี กี วา่ แทจ้ รงิ พระเจา้ ของพระองคแ์ ละพระองคท์ รงรดู้ ยี ง่ิ ถงึ บรรดาผทู้ อ่ี ยใู่ น
ทางที่ถูกต้อง” (อลั -กุรอาน 16:125)
ภาพท่ี 16 ปา้ ยในหมูบ่ า้ นมุสลิมแหง่ หนง่ึ
อยากให้มุสลิมได้ตั้งสติในการตอบโต้ส่ิงที่มาท้าทายวิถีชีวิตด้วยความสุภาพและด้วย
มารยาทท่ีดงี ามตามค�ำ สอนของอสิ ลามท่ีว่า
• ชายหนุ่มคนหนึ่งผู้ถามท่านศาสดาว่า “โอ้ท่านศาสดา ฉันอยากเป็นคนดีที่สุด
ในหมูม่ นษุ ย์ ฉันต้องทำ�อยา่ งไรละ? ละหมาดตะฮัจยดุ ถอื ศีลอด ละหมาดสุนัต
82
82 รายวิชาท่ี 2 พหวุ ัฒนธรรมและสังคมจงั หวัดชายแดนภาคใต้
บรจิ าคทาน ท�ำ ฮจั ย์ ท�ำ อมุ เราะฮหรอื ?” ทา่ นศาสดากลา่ วตอบวา่ “จงใหบ้ รกิ าร
กบั ผคู้ นแลว้ ท่านจะเปน็ คนทดี่ ีทสี่ ุดในหมู่มนุษย ์ น่ันคอื มารยาทท่ีดี”
• มีสหายท่านศาสดาอีกคนหน่ึงได้ถามว่า “ฉันอยากเป็นผู้ศรัทธาท่ีสมบูรณ์ต้อง
ท�ำ อยา่ งไร” ท่านศาสดากล่าวตอบวา่ “จงท�ำ ใหม้ ารยาทของท่านสมบูรณ์ แลว้
ความศรทั ธาของทา่ นจะสมบรู ณ”์
ภาพท่ี 17 พระสงฆม์ าเสวนาและเรยี นรู้ศาสนาอสิ ลามทมี่ ัสยิดอิสลามบา้ นฮอ่ เชียงใหม่
3.5.7 หลักการปกปอ้ งกนั ซง่ึ และกนั
ภาพเหตกุ ารณค์ วามรนุ แรงในจงั หวดั ชายแดนภาคใตท้ สี่ รา้ งความสะเทอื นใจใหก้ บั ผคู้ น
โดยท่ัวไปคงมีอยู่มากมายหลายภาพหลายเหตุการณ์ เพราะเหย่ือของความรุนแรง ส่วนใหญ่
ตลอดระยะเวลาสิบกว่าผีท่ีผ่านมาน้ันล้วนเป็นประชาชนผู้บริสุทธ์ิท้ังชาวไทยพุทธและมุสลิมซึ่ง
เป็นเปา้ หมายออ่ นที่ไม่ไดเ้ ปน็ คคู่ วามขดั แย้งโดยตรง
มีภาพหนึ่งที่ผู้เขียนมีความรู้สึกสะเทือนใจเป็นอย่างมากจากเหตุการณ์ความรุนแรงใน
พน้ื ทค่ี อื ภาพทหารทถ่ี อื ปนื เอม็ 16 คอยใหก้ ารคมุ้ ครองพระสงฆข์ ณะออกบณิ ฑบาตในตอนเชา้ ตรู่
ทำ�ไมผู้เขียนจึงรู้สึกสะเทือนใจเมื่อเห็นภาพน้ี? เน่ืองจากผู้เขียนนึกถึงภาพเหตุการณ์
เมอ่ื ครัง้ สมัยท่านศาสดามฮู ัมหมดั ไดอ้ พยพเพ่ือหนจี ากการถกู ไล่ลา่ ท�ำ ร้ายจากฝ่ายกุเรช ในนคร
มักกะฮ์ไปยังเมืองมะดีนะฮ์ซึ่งเป็นเมืองที่รายล้อมด้วยผู้คนหลากหลายศาสนาและชาติพันธ์ุทั้ง
ชาวยวิ และคริสเตียน จนต่อมาท่านศาสดามฮู มั หมดั ได้มีการทำ�ข้อตกลงกับชนเผา่ ตา่ งๆ ในการ
อยรู่ ว่ มและคอยชว่ ยเหลอื ปกปอ้ งซงึ่ กนั และกนั หากฝา่ ยใดฝา่ ยหนงึ่ จะไดร้ บั ภยั อนั ตราย ขอ้ ตกลง
นมี้ ีชอื่ เรียกวา่ “ธรรมนญู มะดีนะฮ์” ซ่งึ นับเปน็ บรรทัดฐานสำ�คญั ในการอยูร่ ว่ มกันในท่ามกลาง
รายวชิ าท ี่ 2 พหวุ ฒั นธรรมและ สงั คมจังหว ดั ชายแดนภาคใต้ 83
ความหลากหลายในสงั คม
และผู้เขียนได้เห็นเหตุการณ์ความรุนแรงร่วมสมัยที่ได้เกิดข้ึนหลายๆ ที่บนโลกแห่งน้ี
ในยคุ รว่ มสมยั น้ี และเราไดเ้ หน็ ความงดงามของการใชห้ ลกั ธรรมนญู มะดนี ะฮใ์ นการชว่ ยปกปอ้ ง
กนั และกนั เมอื่ ผคู้ นอกี ฝา่ ยตกอยใู่ นภาวะอนั ตราย ไดแ้ ก่ เหตกุ ารณก์ ราดยงิ มสั ยดิ ทเี่ มอื ง Christ
Church ประเทศนวิ ซแี ลนด์ มพี นี่ อ้ งชาวครสิ ตไ์ ดอ้ าสาลกุ ขนึ้ มาชว่ ยปกปอ้ งดแู ลความปลอดภยั
ขณะท่ีชาวมุสลิมกำ�ลังละหมาด โดยยืนชโู ปสเตอร์ที่มีข้อความว่า
“คุณคือเพอ่ื นของฉนั
ฉันจะปกป้องคณุ ในขณะท่คี ณุ ก�ำ ลังทำ�การละหมาด”
หรอื ในกรณเี หตกุ ารณก์ ารลกุ ฮอื วนุ่ วายในประเทศอยี ปิ ต์ ไดม้ ชี าวมสุ ลมิ ชว่ ยกนั ปกปอ้ ง
โบสถ์ครสิ ตข์ ณะพี่น้องชาวครสิ ตก์ ำ�ลงั ท�ำ พธิ ที างศาสนาของตน เป็นตน้
ผเู้ ขยี นจงึ ฝนั ทอี่ ยากจะเหน็ ภาพเหลา่ นบ้ี า้ งในทา่ มกลางความขดั แยง้ จนน�ำ สคู่ วามรนุ แรง
ยดื เยอื้ ในจงั หวดั ชายแดนภาคใต้ คอื หากพระสงฆอ์ าจไดร้ บั อนั ตรายขณะออกบณิ ฑบาตในตอน
เช้าตรู่ โดยมีพี่น้องมุสลิมเป็นผู้คอยให้การปกป้อง ไม่ใช่อยู่ภายใต้การคุ้มกันของทหารถือปืน
เอม็ 16!
3.5.8 มีความใส่ใจไรพ้ รมแดน
เมอื่ วนั ที่ 15 มนี าคม พ.ศ. 2562 เกดิ เหตกุ ารณก์ ราดยงิ สงั หารอยา่ งสยองขวญั ในมสั ยดิ
สองแห่งท่ีเมืองไครสต์เชิร์ช ประเทศนิวซีแลนด์ ระหว่างการทำ�ละหมาดของชาวมุสลิมในวัน
ศุกร ์ ประมาณ 400 คน เปน็ เหตใุ ห้ศาสนกิ อยา่ งนอ้ ย 51 รายเสยี ชีวติ และบาดเจบ็ อยา่ งนอ้ ย
48 คน ต�ำ รวจแจง้ วา่ เปน็ การกอ่ การรา้ ยของกลมุ่ ขวาจดั หวั รนุ แรงโดยมอื ปนื ไดต้ ดิ ตง้ั กลอ้ งวดิ โี อ
ไว้บนศีรษะเพ่ือถ่ายทอดสดการอาละวาดกราดยิงของเขาไปสู่ช่องทางของ Facebook ภาพ
เคลอ่ื นไหวดงั กลา่ วแสดงใหเ้ หน็ วา่ เขายงิ อยา่ งไมเ่ จาะจงไปยงั ผชู้ าย ผหู้ ญงิ และเดก็ เลก็ ในระยะ
เผาขนทมี่ ัสยดิ และหลงั จากสงั หารคนจำ�นวนมากทม่ี สั ยดิ อัล-นรู แล้ว มือปืนเคล่ือนย้ายตอ่ มา
ท่ีมัสยิดลนิ วูดแลว้ สงั หารคนที่น่นั อกี 10 ราย โดยนายกรัฐมนตรนี ิวซีแลนด์ จาซินดา อาร์เดิรน์
แถลงวา่ เหตกุ ารณน์ เี้ ปน็ “การโจมตขี องผกู้ อ่ การรา้ ย” และเปน็ หนง่ึ ใน “ชว่ งเวลาทมี่ ดื มนทส่ี ดุ ”
ของประเทศ
84
84 รายวชิ าท่ี 2 พหวุ ัฒนธรรมและสังคมจังหวัดชายแดนภาคใต้
ปรากฏวา่ เม่อื ชว่ งกอ่ นการปดิ ประเทศชว่ งโควิด 19 ได้มีสตรีชาวนวิ ซแี ลนดค์ นหนงึ่ ได้
ถอื ชอ่ ดอกไมม้ าขอเขา้ เยยี่ มอหิ มา่ มและคณะกรรมการมสั ยดิ อสิ ลามบา้ นฮอ่ เชยี งใหม่ เพอ่ื แสดง
ความเสยี ใจตอ่ เหตกุ ารณก์ รณชี าวมสุ ลมิ ในเมอื งไครสตเ์ ชริ ช์ ประเทศนวิ ซแี ลนดท์ ถี่ กู สงั หารขณะ
ท�ำ การละหมาด ทง้ั ๆ สมาชิกของมุสลมิ ชุมชนบ้านฮอ่ เชียงใหม่ ไม่มใี ครมีญาตทิ ีส่ ญู เสยี จาก
เหตุการณ์ในคร้ังนั้น และในเมืองน้ันก็ไม่ได้มีมุสลิมเชื้อสายจีนยูนนานไม่ว่าจะมาจากประเทศ
จนี หรือจากประเทศไทย แต่เธอเพยี งตระหนกั ว่าผู้สูญเสียตา่ งเป็นมสุ ลมิ ด้วยกนั และเหนืออน่ื
ใดเราตา่ งเป็นมนุษยร์ ว่ มสงั คมเดยี วกนั ทเี่ ธอพงึ จะแสดงความเสยี ใจต่อการสูญเสยี ที่เกดิ ขึ้น
ผู้เขียนได้แต่หวังว่าชาวมุสลิมทั้งหลายจะได้มีความประทับใจในน้ำ�ใจและความเห็นใจ
ของเธอผู้น้ีเพ่ือจะได้แบ่งปันความรัก ความเห็นใจ และความเอ้ืออาทรต่อ เพื่อนมนุษย์ร่วม
โลกอกี มากมายที่ประสบกบั ชะตากรรมความเลวร้ายในชีวิตโดยไม่จ�ำ เปน็ ต้องแบง่ แยกศาสนา
ชาติพันธ์ุ ฐานะ หรอื เสน้ แบ่งใดๆ
รายวชิ าท ่ี 2 พหวุ ัฒ นธรรมและ สงั คมจงั หว ัดชายแดนภาคใต้ 85
บทส่งท้าย
เหตกุ ารณถ์ �้ำ หลวง-ขนุ น�ำ้ นางนอน อ.แมส่ าย จ.เชยี งราย เปน็ ปฏบิ ตั กิ ารคน้ หาและกภู้ ยั
ผู้ประสบภยั 13 ชวี ติ ท่ตี ดิ ภายในถ�้ำ หลวง ระหวา่ งวันท่ี 23 มิถนุ ายน – 10 กรกฎาคม พ.ศ.
2561 ประกอบดว้ ยสมาชกิ ทมี ฟตุ บอลเยาวชนในทอ้ งถ่ิน 12 คน และผชู้ ่วยผู้ฝกึ สอน 1 คน ท่ี
เข้าไปสำ�รวจและหายตัวไปท้ังหมดได้เข้าไปในถ้ำ�หลวงและไม่สามารถกลับออกมาได้เนื่องจาก
ไดม้ ีฝนตกหนกั ท�ำ ใหน้ ้�ำ ฝนไหลเอ่อเขา้ ทว่ มภายในถ�้ำ และนำ�้ ไดท้ ่วมปดิ ทางออก จงึ ท�ำ ใหท้ ั้ง 13
คนออกมาไม่ได้ ปฏิบตั ิการคน้ หาได้เรมิ่ โดยทนั ทตี ง้ั แตว่ ันที่ 23 มิถุนายน 2561 นบั เปน็ ปฏบิ ตั ิ
การท่ไี ดร้ บั ความสนใจจากสังคมเปน็ วงกว้างและเป็นขา่ วไปทั่วโลก
86
86 รายวิชาที่ 2 พหวุ ัฒนธรรมและสังคมจังหวดั ชายแดนภาคใต้
สว่ นตวั ผเู้ ขยี นเองได้เดินทางจาก จ.เชียงใหม่ ในวันท่ี 25 มิถุนายน 2561 พร้อมคณะ
กรรมการอิสลามประจำ�จังหวัดเชียงใหม่ส่วนหน่ึงไปร่วมกับคณะของคณะกรรมการอิสลาม
ประจ�ำ จงั หวดั เชยี งรายโดยไปในฐานะตวั แทนทา่ นจฬุ าราชมนตรเี พอื่ มอบเงนิ สนบั สนนุ เจา้ หนา้ ท่ี
ทีก่ ำ�ลงั ปฏบิ ตั ิการช่วยเหลอื เดก็ ในถ้ำ�หลวงและได้รว่ มกนั ขอดอุ าอ์ (ขอพร) ท่ีหนา้ ถ�ำ้ เพอื่ ให้เด็ก
และเจา้ หนา้ ทที่ ุกคนได้รับความปลอดภยั เหตุการณ์ในคร้งั นั้นเราจะเห็นว่าผู้คนทกุ ศาสนกิ ตา่ ง
รวมหัวใจเป็นหน่งึ เราทุกคนต่างมคี วามรู้สกึ วา่ ชีวิตคนศักดิ์สทิ ธ์ิ และเดก็ หม่ปู า่ ทต่ี ดิ ถ้ำ�ทั้งหมด
นนั้ ตา่ งเปน็ ลกู หลานเรา จงึ นบั เปน็ การเสวนาของผคู้ นทตี่ า่ งรอ้ ยใจและปฏบิ ตั กิ ารรว่ มกนั (ไมใ่ ช่
แค่พดู แล้วกเ็ ลกิ กันไป) คำ�ถามส�ำ คัญก็คือ
รายวิชาท ่ี 2 พหวุ ฒั นธรรมและ สงั คมจังหว ัดชายแดนภาคใต้ 87
• ทำ�ไม เราต้องรอให้เกิดปัญหา / วิกฤต ก่อน จึงค่อยมาร่วมด้วยช่วยกัน /
ปฏสิ ัมพันธ์กนั ?
• ดงั นนั้ หากเราเรม่ิ มคี วามรสู้ กึ และความสมั พนั ธท์ ด่ี ตี อ่ กนั กอ่ นเสยี แตบ่ ดั นี้ โลก
เราคงจะน่าอย่แู ละมสี ันตสิ ขุ ทย่ี ืนยงมากกว่านี้!
John Paul Lederach นกั วชิ าการและนกั ปฏบิ ตั กิ ารดา้ นการสรา้ งสนั ตภิ าพทม่ี ชี อ่ื เสยี ง
ไดก้ ลา่ วไวว้ ่า
“หากเราสรา้ งพนื้ ทท่ี างสงั คมทนี่ �ำ พา ความจรงิ ความเมตตา ความยตุ ธิ รรม และสนั ตสิ ขุ
ร่วมกันภายในกลุ่มของความขัดแย้ง จะเกิดพลังที่สรรสร้างความเข้าใจอันลุ่มลึก และจะเกิด
หนทางทไ่ี ม่คาดคิดทีจ่ ะน�ำ สูก่ ารฟน้ื ฟูและความสมานฉันท์”
และในฐานะมุสลิม ผู้เขียนชอบท่ีจะต้ังคำ�ถามกับตัวเองและอยากเรียกร้องให้พ่ีน้อง
มุสลิมด้วยกันได้ตรวจสอบตัวเองอยู่เสมอว่า ความขัดแย้งหรือความไม่เข้าใจต่างๆ ของพี่น้อง
ตา่ งศาสนกิ ทม่ี ตี อ่ มสุ ลมิ ในสงั คมไทยนน้ั สว่ นส�ำ คญั คอื มนั เกดิ จากตวั เราเองทเี่ ปน็ มสุ ลมิ ดว้ ยหรอื
เปลา่ ? โดยเล่าถึงคำ�ถามท่ีผู้เขยี นชอบถามเวลาพดู คยุ กบั เพื่อนต่างศาสนิกคอื เวลาไดย้ ินคำ�วา่
“อสิ ลาม” นึกถึงอะไร? (ตอบค�ำ เดยี วสั้น ๆ)
คำ�ถามข้อหน่ึงท่ีผู้เขียนมักใช้ถามเม่ือได้มีโอกาสบรรยายหัวข้อเก่ียวกับอิสลามให้กับ
นกั ศกึ ษาหรอื เพอ่ื นตา่ งศาสนกิ คอื เวลาไดย้ นิ ค�ำ วา่ “อสิ ลาม” นกึ ถงึ อะไร? (ตอบค�ำ เดยี วสนั้ ๆ)
และผเู้ ขียนได้เรียนรูว้ ่า เพ่ือนตา่ งศาสนิกส่วนใหญ่รจู้ ักศาสนาอิสลานผา่ นค�ำ ไมก่ ค่ี �ำ คือ “แขก”
“ไมก่ นิ หมู” “มีเมยี ได้ส่ีคน” “ผกู้ ่อการร้าย” เปน็ ต้น
ผู้เขียนชอบที่จะต้ังคำ�ถามกับมุสลิมโดยท่ัวไปว่า การที่เพ่ือนต่างศาสนิกรู้จะอิสลาม
เพียงแค่น้ัน เป็นเพราะความผิดของพวกเขาเองท่ีไม่สนใจหาความรู้อิสลามท่ีมีอยู่มากมายใน
สอ่ื อนิ เตอรเ์ นต็ ทงั้ หลาย หรอื เปน็ เพราะเราในฐานะทเี่ ปน็ มสุ ลมิ ไมเ่ คยฉายภาพความงดงามของ
อสิ ลามใหเ้ พอื่ นเราไดเ้ หน็ ดงั ทไ่ี ดม้ นี กั วชิ าการมสุ ลมิ ผมู้ ชี อ่ื เสยี งทา่ นหนง่ึ คอื Akbar Ahmed ได้
กล่าวไว้วา่ “ไมเ่ พยี งคนไมใ่ ช่มุสลมิ ลม้ เหลวทจี่ ะเขา้ ใจมสุ ลิม คนมุสลมิ เองก็ลม้ เหลวทจี่ ะอธบิ าย
ตัวเอง” หรอื Nouman Ali Khan เคยได้รับคำ�ถาม จากผหู้ ญิงทไี่ มใ่ ชม่ ุสลมิ คนหนึง่ ถามท่านวา่
“ฉนั คอื ผหู้ ญงิ ทไี่ มใ่ ชเ่ ปน็ คนมสุ ลมิ เมอ่ื ฉนั ไดศ้ กึ ษาถงึ สทิ ธขิ องผหู้ ญงิ ในคมั ภรี อ์ ลั -กรุ อาน ฉนั รสู้ กึ
ประทบั ใจเหลอื เกนิ แตพ่ อฉนั ไดเ้ หน็ ชายมสุ ลมิ ทป่ี ฏบิ ตั ติ อ่ ผเู้ ปน็ ภรรยาหรอื คนในครอบครวั ฉนั
กลับรสู้ ึกผิดหวงั เหลอื เกิน (ทีไ่ มเ่ หน็ พวกเขาได้ปฏบิ ตั ติ ามคำ�สอนอันงดงามของอิสลาม)”
ในโลกความเป็นจริงท่ีบีบคั้น บีบรัด ท้ังทางสังคมและเศรษฐกิจการเมืองในปัจจุบัน
ศาสนาตา่ งๆ ล้วนเผชญิ กับการทา้ ทายอย่างมากโดยเฉพาะค�ำ ถามจากผู้คนมากมายในโลกสมัย
ใหมว่ า่ ศาสนายงั จะมนี �้ำ ยาทางจรยิ ธรรมมากนอ้ ยแคไ่ หนในการทจ่ี ะชว่ ยแกไ้ ขปญั หาทางสงั คม
และยกระดับจิตใจของมนุษย์ ดังมีตัวอย่างอันมากมายที่เกิดขึ้นตามส่ือรายวันของชนแทบทุก
88
88 รายวิชาที่ 2 พหวุ ัฒนธรรมและสงั คมจังหวดั ชายแดนภาคใต้
ศาสนกิ ทดี่ จู ะใชช้ วี ติ หา่ งไกลจากค�ำ สอนของศาสนาทตี่ นนบั ถอื การฉอ้ ฉลคดโกง ชงิ ทรพั ย์ ท�ำ รา้ ย
ฆ่าฟันกนั โป้ปดหลอกลวง ข่มขืนท�ำ รา้ ยผูห้ ญิง การคา้ มนุษยแ์ ละความรนุ แรงในครอบครวั เมา
แล้วฆ่า เมาแล้วขับ ฯลฯ เปน็ ข่าวรายวนั ท่ีผคู้ นคุ้นชนิ จนรูส้ กึ กลายเปน็ เรอื่ งธรรมดา
ในฐานะมุสลิม ผู้เขียนจึงได้แต่เรียกร้องให้มุสลิมได้หันกลับมาทบทวนตัวเอง และ
เปลย่ี นแปลงตัวเองเพื่อน�ำ ความงดงามของอสิ ลามใหเ้ พือ่ นต่างศาสนกิ ไดเ้ หน็ ในตวั เรา ครงั้ หน่งึ
ผู้เขียนได้มีโอกาสเดินทางไปบรรยายให้ผู้บริหารองค์กรสำ�คัญองค์กรหน่ึงของไทยที่ อ.พัทยา
จ.ชลบุรี มีผ้เู ข้ารว่ มสมั มนาท่ีเปน็ เพอื่ นต่างศาสนิกแซวโดยถามว่า “เวลามุสลิมทักทายกนั เขา
ทกั ทายกันว่าอะไรนะครับ?”
ผู้เขียนจึงตอบไปว่า: “เราทักทายกันว่า อัส-สะ-ลาม-มุ-อะ-ลัย-กุ้ม แปลว่า ขอความ
สันตสิ ขุ จงประสบแด่ท่าน
ผเู้ ขา้ รว่ มสมั มนา: “นกึ วา่ ทกั กนั วา่ “อสิ -ลาม-มา-แลว้ -กลมุ้ ”! พรอ้ มกบั หวั เราะชอบใจ?
ผู้เขยี นเข้าใจวา่ ในทางมานุษยวิทยา การล้อเลียนเกิดขน้ึ ไดใ้ นทุกๆ สงั คม และการล้อ
เลยี นไมไ่ ด้เปน็ เรือ่ งไร้สาระ ไร้ความหมาย หากบ่งบอกอะไรหลายอย่าง โดยเฉพาะการเปน็ ชอ่ ง
ทางใหผ้ คู้ นในสงั คมไดป้ ลดปลอ่ ยในสงิ่ ทอี่ าจไมส่ ามารถพดู ไดใ้ นยามปกติ ผเู้ ขยี นจงึ ไมร่ สู้ กึ โกรธ
แตอ่ ยา่ งใดกบั ค�ำ ลอ้ อนั เจบ็ ปวดนนั้ หากแตอ่ ยากน�ำ มาบอกเลา่ ใหพ้ น่ี อ้ งมสุ ลมิ ดว้ ยกนั ใหต้ ระหนกั
วา่ ไม่ควรท�ำ ตวั เองให้เหมือนค�ำ ลอ้ เลียนนน้ั เลยท่วี ่า “อสิ -ลาม-มา-แล้ว-กลมุ้ ” และทำ�ให้นึกถึง
คำ�พดู ของนกั คิดคนส�ำ คัญท่านหนึง่ ของโลกมสุ ลิมคอื มูฮัมหมดั อับดุฮ์ (Muahmmad Abduh)
ซง่ึ เปน็ ชาวอยี ปิ ตท์ ม่ี ชี วี ติ อยชู่ ว่ ง ค.ศ. 1849-1905 คอื ครง้ั หนง่ึ เมอื่ ทา่ นไดม้ โี อกาสเดนิ ทางไปใน
โลกตะวันตก ทา่ นไดก้ ล่าววาทะเด็ดท่กี ระตกุ เตือนชาวมุสลมิ เป็นอยา่ งดไี ดจ้ นถงึ ทุกวันน้วี ่า
“เม่ือฉนั เดินทางไปโลกตะวนั ตก ฉนั เห็นอสิ ลามแต่ไม่มมี ุสลมิ
พอฉนั เดนิ ทางมาโลกตะวันออก (อาหรับ) มมี สุ ลิมมากมาย แตฉ่ นั ไม่เห็นอสิ ลาม!”
(I went to the West and saw Islam, but no Muslims; I got back to the East and
saw Muslims, but not Islam.)
ซง่ึ อสิ ลามที่ท่านเห็นคงหมายถึง ความสะอาด ความมรี ะเบียบ ความมีน�ำ้ ใจ ความตรง
ต่อเวลา ความซื่อสัตย์ ฯลฯ ซงึ่ ลว้ นเปน็ คุณคา่ ส�ำ คญั ที่อยใู่ นค�ำ สอนของศาสนาอสิ ลาม
จงึ ได้แต่หวังวา่ เราจะไมเ่ ปน็ ศาสนิกกันแต่เพยี งในนาม โดยเฉพาะอย่างย่งิ ในหมูพ่ ่ี
น้องมสุ ลิมทจ่ี ะไมใ่ หเ้ พื่อนต่างศาสนกิ ไดก้ ล่าวอีกว่า “อิส-ลาม-มา-แล้ว-กลมุ้ !”
รายวชิ าท ่ี 2 พหวุ ฒั นธรรมและ สังคมจงั หว ัดชายแดนภาคใต้ 89
บรรณานกุ รม
จารึก ศิรินุพงศ์ และคณะ. 2560. รายงานวิจัยฉบับสมบูรณ์ เรื่อง กระบวนการส่ือสารเพื่อ
สร้างเสริมสันติของผู้นาทางสังคมใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้. สถาบันวิจัย
พทุ ธศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยมหาจฬุ าลงกรณ์ราชวิทยาลยั .
ดอน ปาทาน เอกรินทร์ ตว่ นศิริ และอันวาร์ กอมะ. 2561. สญั ญาณความหวาดกลวั อิสลาม
ในสงั คมไทย. ปตั ตานี: ปาตานีฟอรมั่ .
แพร ศริ ศิ ักด์ดิ ำ�เกงิ . 2549. “แนวคดิ พหุวฒั นธรรม.” งานประชมุ ทางวชิ าการระดับชาติสาขา
สงั คมวิทยา ครัง้ ท่ี 3.
ศิโรตม์ คลา้ มไพบูลย ์ (แปล). 2552. รฐั ศาสตรไ์ มฆ่ า่ . กรงุ เทพฯ: ส�ำ นักพมิ พค์ บไฟ.
สุชาติ เศรษฐมาลินี. 2550. ความรุนแรง สันติภาพ และความหลากหลายในโลกอิสลาม.
กรงุ เทพฯ: สำ�นกั พมิ พศ์ ยาม.
. 2555. รายงานการวิจัยฉบับสมบูรณ์ เร่ือง “มิติทางวัฒนธรรมของการสรา้ ง
สันติภาพ.” ใน มารค ตามไท. รายงานการวิจัยฉบับสมบูรณ์ โครงการ “มิติทางปรัชญาและ
วฒั นธรรมของการสร้างสันติภาพ” สนบั สนุนโดย ส�ำ นักงานกองทุนสนับสนุนการวจิ ยั (สกว. /
สกสว.).
. 2558. รายงานการวิจัยฉบับสมบูรณ์ เร่ือง “การสร้างสันติภาพในสังคม
พหลุ ักษณ์ทางศาสนาชาติพนั ธุ์: กรณศี กึ ษาชมุ ชนมสุ ลมิ ในภาคเหนอื .” สนับสนนุ โดย
ส�ำ นกั งานกองทุนสนับสนุนการวิจยั (สกว. /สกสว.).
. 2560. นัยนามแห่งอิสลาม: บทสำ�รวจคำ�สอนอิสลามว่าด้วย สันติภาพ
ความรุนแรง ครอบครัวและสตรี. ปัตตาน:ี ปาตานีฟอร่มั .
. 2563. รายงานการวิจัยฉบับสมบูรณ์ เรื่อง “ถอดบทเรียนความขัดแย้ง
และการสร้างสันติภาพในชีวิตประจำ�วัน.” สนับสนุนโดย ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร
(องคก์ ารมหาชน).
เอกรินทร์ ต่วนศิริ. 2562. ว่าด้วยความสัมพันธ์ท่ีเปราะบางระหว่างกลุ่มชาวพุทธและมุสลิม
ในสงั คมไทย. ปัตตาน:ี ปาตานฟี อร่มั .
Afzali, Aneelah & Colleton, Laura. 2003. “Constructing Coexistence A Survey
of Coexistence Projects in Areas of Ethnic Conflict.” In Chayes,
A. & Minow, M. (Editor). Imagine Coexistence: Restoring Humanity After
Violent Ethnic Conflict. San Francisco: Jossey-Bass A Wiley. pp. 3-20.
90
90 รายวิชาที่ 2 พหวุ ฒั นธรรมและสงั คมจังหวัดชายแดนภาคใต้