บทบรรณาธกิ าร
สัปดาห์นี้เป็นสัปดาห์สุดท้ายของปี 2563 ซึ่งน่าจะเป็นช่วง
เทศกาลแห่งความสุข มีการเฉลิมฉลองตามเทศกาลส่งท้ายปีก่อน และ
เตรียมการต้อนรับปีใหม่ แต่จากข่าวเรื่องการระบาดของเช้ือไวรัส
COVID-19 ซ่ึงระบาดใหม่ระรอกสอง โดยเร่ิมเห็นชัดในวันที่ 20
ธันวาคม 2563 ทําให้หลายๆคนกังวล เร่ืองการระบาดและความ
ปลอดภัยของตนเอง และครอบครัว จนทําให้หน่วยงานรัฐต้องกลับมา
พิจารณาการจัดงานเฉลิมฉลองท่ีมีผู้คนแออัด ประชาชนโดยท่ัวไปต้อง
กลับมาปอ้ งกนั ตนเองอกี ครัง้ อย่างแข็งขัน ทําใหบ้ รรยากาศแห่งการเฉลิม
ฉลอง Drop ไป แต่เราจะผ่านมันไปด้วยกัน ด้วยการเว้นระยะห่าง
สวมหน้ากากอนามัย ล้างมือบ่อยคร้ัง กินร้อน ช้อนกลาง สิ่งเหล่าน้ี เป็น
วิธกี ารงา่ ยทเี่ ราทกุ คนช่วยกันได้ เทา่ นเี้ รากจ็ ะหา่ งไกลต่อโรค COVID-19
สําหรับวารสารฉบับนี้ยังคงมีบทความดีๆให้ทุกท่านอ่านแก้เหงา
เพิ่มเติมความรู้เช่นเคย โดยมาทําความรู้จักการนําเข้าเคมีภัณฑ์จาก
ต่างประเทศ หน่วยงานและกฎหมายท่ีเก่ียวข้องการนําเข้าเคมีภัณฑ์จาก
ต่างประเทศ รวมถึงข้ันตอนการดําเนินการ ที่ทางฝ่ายเคมีได้มี
ประสบการณ์จากการให้บริการแก่โรงไฟฟ้าหงสา สปป.ลาว ในส่วนของ
ห้องปฏิบัติการเคมี นําเสนอความรู้เทคนิค Chemical Suppressed
Ion Chromatography สําหรับใช้หาค่า Sodium, Chloride และ
Sulfate ซ่ึงเป็น parameter ที่สําคัญในการควบคุมคุณภาพนํ้าในระบบ
ผลิตนํ้าบริสุทธ์ิและระบบนํ้าหม้อน้ํา/ไอนํ้า และสําหรับนักเคมีโรงไฟฟ้า
ทางเราก็มีบทความท่ีเก่ียวข้องกับความสําคัญของข้อมูลและการเก็บ
ข้อมูลในระบบ RO มาฝากเผื่อท่านใดจะนําไปประยุกต์ใช้งานใน
โรงไฟฟ้าของต้น สุดท้ายเราจะพาทา่ นไปรู้จกั สารประกอบ Dioxins และ
กลุ่มพิวริน ที่เกิดจากกระบวนการเผาไหม้ โดยเฉพาะโรงไฟฟ้าท่ีใช้
เชอ้ื เพลงิ ขยะ
สุดท้ายน้ี ในวาระโอกาสขึ้นปีใหม่ ขออวยพรให้ทุกท่าน
มีความสุข สุขภาพแข็งแรง ผ่านพ้นวิกฤต COVID-19 ไปด้วยกัน
แล้วพบกันใหมใ่ นฉบับหนา้
ยิง่ ศกั ดิ์ หลแี กว้ เครอื
บรรณาธิการ
สารบญั
การนาเข้าเคมภี ณั ฑ์จากตา่ งประเทศ 1
หน่วยงานและกฎหมายที่เกีย่ วขอ้ งการนาเข้าเคมภี ัณฑ์จากตา่ งประเทศ 8
การใช้เทคนคิ Chemical Suppressed Ion Chromatography
สาหรบั การหาค่า Sodium, Chloride และ Sulfate
ในระบบผลติ นาบริสุทธแ์ิ ละระบบนาหม้อนา/ไอนา
Reverse Osmosis Performance : 12
Data collection and Interpretation
Dioxins คอื อะไร ? ทาไมต้องรู้จัก 17
วารสาร Chem’s Talk ปีที่ 2 ฉบับท่ี 4 เดอื น ตลุ าคม – ธันวาคม 2563
กองบรรณาธกิ าร แผนกเคมเี ทคนิค กองเคมีคณุ ภาพ ฝ่ายเคมี
โทรศัพท์ : 02-436-6713, 6716
Website : http://cd.egat.co.th/
1
การนําเขาเคมีภัณฑจากตางประเทศ
หนวยงานและกฎหมายทเี่ กี่ยวของการนาํ เขาเคมภี ณั ฑจากตางประเทศ
โดย วท.นิศาชล ชนิ พนั ธ
นกั วทิ ยาศาสตรระดับ 9 กองเคมภี ัณฑ ฝา# ยเคมี
ป%จจุบันการนําเข*าวัตถุอันตรายด*านอุตสาหกรรม กรมโรงงานอุตสาหกรรม รับผิดชอบวัตถุอันตรายท่ี
สําหรับนําไปใช*ในกระบวนการผลิต ผลิตเป0นสินค*า นําไปใช*ในทางอุตสาหกรรม กรมวิชาการเกษตร
จําหน1ายภายในประเทศและส1งออกต1างประเทศ มี รับผิดชอบวัตถุอันตรายที่นําไปใช*ทางการเกษตร ยกเว*น
ปริมาณมากกว1า 2 ล*านตันต1อป4และมีมูลค1าสูงกว1าภาค ผลิตภัณฑท่ีใช*ทางการประมงและการเพาะเล้ียงสัตวน้ํา
การเกษตรและการใช*ในภาคครัวเรือนประมาณ 10 เท1า กรมประมง รับผิดชอบวัตถุอันตรายที่นําไปใช*ทางการ
ในการนําเข*าสินค*า ผ*ูนําเข*าจะต*องปฏิบัติตามกฎหมาย ป ร ะ ม งแ ล ะ ก า ร เ พ า ะ เ ล้ี ย งสั ต ว นํ้ า สํ า นั ก งา น
ระเบยี บ และประกาศท่ีกรมศุลกากรและหน1วยงานอ่ืน ๆ คณะกรรมการอาหารและยา รับผิดชอบวัตถุอันตรายที่
ท่ีเก่ียวข*องในการนําเข*า อาทิ กระทรวงพาณิชย นําไปใช*ในบ*านเรือนหรือ ทางสาธารณสุข สํานักงาน
สาํ นักงานคณะกรรมการอาหารและยา กรมปศุสัตว ฯลฯ พลังงานปรมาณูเพื่อสันติ รับผิดชอบวัตถุอันตรายท่ี
ท่ีกําหนดไว*ใหค* รบถว* น สาํ หรบั การนาํ เขา* เคมภี ัณฑ ผ*นู าํ เกี่ยวข*องกับกัมมันตภาพรังสี กรมธุรกิจพลังงาน
เข*าจะต*องปฏิบัติตามระเบียบของกระทรวงอุตสาหกรรม รับผิดชอบวตั ถุอันตรายท่เี ป0นกาG ซปโH ตรเลียม
ในการนําเข*า จัดเก็บ และขนส1งเคมีภัณฑท่ีจัดเป0นวัตถุ
อันตรายตามที่ระบุในพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. จะรูไดอยางไรวาสินคาหรอื เคมภี ณั ฑนน้ั ๆ ตองขอ
2535 ซึ่งได*กําหนดวัตถุอันตรายออกเป0น 4 ประเภท อนุญาต?
ดงั น้ี
ในการนําเข*าสินค*าเคมีภัณฑจากต1างประเทศ
วัตถุอันตรายชนิดที่ 1 ได*แก1 วัตถุอันตรายที่การ ผู*นําเข*าจะตอ* งทาํ การตรวจสอบประเภทวัตถอุ ันตรายเพ่ือ
ผลิต การนําเข*า การส1งออก หรือการมีไว*ในครอบครอง ขออนุญาตและขึ้นทะเบียนวัตถุอันตรายต1อหน1วยงานที่
ตอ* งปฏบิ ัตติ ามหลกั เกณฑและวธิ กี ารท่ีกาํ หนด กํากับดูแลตามที่กําหนดในพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย
และแจ*งต1อกรมศุลกากร โดยการคิดอัตราภาษีศุลกากร
วัตถุอันตรายชนิดที่ 2 ได*แก1 วัตถุอันตรายที่การ เปน0 ไปตามพระราชกําหนดพกิ ดั อตั ราศลุ กากร พ.ศ. 2530
ผลิต การนําเข*า การส1งออก หรือการมีไว*ในครอบครอง
ต*องแจ*งให*พนักงานเจ*าหน*าท่ีทราบก1อนและต*องปฏิบัติ ในเบื้องต*น จะต*องทราบก1อนว1าสินค*าน้ัน
ตามหลักเกณฑ และวธิ กี ารทกี่ ําหนดดว* ย
นํามาใช*ในกิจการประเภทใด เช1น นํามาใช*ประโยชนใน
วัตถุอันตรายชนิดที่ 3 ได*แก1 วัตถุอันตรายท่ีการ
ผลิต การนําเข*า การส1งออก หรือการมีไว*ในครอบครอง งานเกษตรกรรม เช1นเป0นปุIย ยาฆ1าแมลง ก็อาจเก่ียวข*อง
ต*องได*รบั ใบอนุญาต
กับหน1วยงานที่ดูแลด*านน้ีอยู1 นั่นคือ กรมวิชาการเกษตร
วัตถุอันตรายชนิดท่ี 4 ได*แก1 วัตถุอันตรายท่ีห*าม
มิให*มีการผลิต การนําเข*า การส1งออก หรือการมีไว*ใน และกรมประมง หรือเป0นสินค*าท่ีนํามาใช*ในบ*านเรือน
ครอบครอง
เช1นเป0นสินค*า อุปโภคบริโภค ยารักษาโรค กอ็ าจเกย่ี วข*อง
โดยกระทรวงอุตสาหกรรมได*ประกาศบัญชรี ายช่อื
วัตถุอันตรายและรายชื่อหน1วยงานท่ีกํากับดูแลวัตถุ กับหน1วยงานท่ีดูแลด*านนี้อยู1 คือสํานักงานคณะกรรมการ
อันตราย ซง่ึ แบ1งหน*าทแี่ ละความรบั ผิดชอบของหน1วยงาน
ตามวัตถุประสงคของการนําวัตถุอันตรายไปใช* โดยผู*ผลิต อาหารและยา (อย.) ถ*าเป0นสินค*าที่นํามาใช*เป0นวัตถุดิบ
นําเข*า ส1งออกหรือครอบครองวัตถุอันตรายท่ีอยู1ในบัญชี
รายช่ือวัตถุอันตราย จะต*องปฏิบัติตามระเบียบและ หรือส1วนผสมในกระบวนการผลิตในอุตสาหกรรม ก็จะ
ประกาศของหนว1 ยงานท่กี าํ กบั ดูแล ได*แก1
เก่ียวข*องกับกระทรวงอุตสาหกรรม หน1วยงานท่ีดแู ลก็คือ
สาํ นกั ควบคุมวัตถุอันตราย นอกจากนี้ยังมีหน1วยงานอ่ืนๆ
ที่เกย่ี วขอ* งอกี เชน1 กรมยทุ ธภณั ฑกระทรวงกลาโหม
2
การตรวจสอบในเบื้องต*น หากไม1ทราบว1าจะ วิธีการดําเนินการเกี่ยวกับวัตถุอันตรายใน
เป0นสินค*าอันตรายหรือวัตถุอันตรายหรือไม1 ให*ปฏิบัติ
ดงั น้ี สวนท่ีเก่ยี วของกับสาํ นักควบคมุ วตั ถอุ นั ตราย
ก1 อ น จ ะ นํ า เ ข* า เ ค มี ภั ณ ฑ ใ ห* ส อ บ ถ า ม สําหรับเคมภี ัณฑท่ที ราบแล*วว1าเก่ียวข*องกบั งาน
บริษัทผู*ผลิต โดยขอรายละเอียดของเคมีภัณฑ เช1น ในอุตสาหกรรม การนําเข*าต*องดําเนินการตามข้ันตอน
เอกสารข*อมลู ดา* นความปลอดภยั หรอื SDS (Safety Data ต1างๆ ดงั นี้
Sheet) และนํามาตรวจสอบก1อนกับ พรบ. วตั ถุอนั ตราย
2 5 3 5 ห รื อ ต ร ว จ ส อ บ จ า ก เ ว็ บ ไ ซ ต วัตถุอันตรายชนิดท่ี 1 ไม1ต*องขออนุญาต
http://www2 . diw.go.th/haz/Searchlist.asp ห า ก เพียงแต1ตอ* งยนื่ แจง* ตามแบบฟอรม วอ./อก.6 ให*พนกั งาน
ตรวจสอบแล*วยังไม1แน1ใจว1าจะเข*าข1ายหรือไม ให*ทํา เจา* หน*าที่ทราบก1อนไปดําเนินการตามพิธกี ารศลุ กากร
หนังสือขอหารือเก่ียวกับวัตถุอันตรายไปยังหน1วยงานที่
เกยี่ วข*อง โดยการทําหนงั สอื ขอหารือฯ ให*สาํ เนาเอกสาร วัตถุอันตรายชนิดที่ 2 จะต*องขอข้ึนทะเบียน
ประกอบการพิจารณาจํานวน 2 ชุด (เอกสารแสดง
ส1วนผสมครบ 100 % และเอกสารคู1มือความปลอดภัย วัตถุอันตราย และต*องแจ*งตามแบบฟอรมใบแจ*งการ
หรือ Safety Data Sheet) เมื่อทราบแล*วว1าเคมีภัณฑ
ดังกล1าว เกี่ยวข*องกับหน1วยงานใดแล*วให*ดําเนินการ ดําเนินการเก่ียวกับวัตถุอันตราย ชนิดที่ 2 (หลังจากท่ี
สอบถามถึงวิธีการ ข้ันตอน การดําเนินการต1างๆจาก
หนว1 ยงานน้นั ๆ ต1อไป ได*รับการข้ึนทะเบยี นแล*ว) จะต*องมีสถานทเ่ี กบ็ รักษาวัตถุ
อันตรายเป0นไปตาม พรบ.วัตถุอันตรายและประกาศ
กระทรวงอุตสาหกรรม ย่ืนแจ*ง วอ./อก.6 ก1อนไป
ดาํ เนินการตามพิธีการศุลกากร
วัตถุอันตรายชนิดท่ี 3 จะต*องขอขึ้นทะเบียน
วัตถุอันตรายจะต*องมีใบอนุญาต และได*รับการอนุญาต
จากพนักงานเจ*าหน*าท่ีก1อนจึงจะนําเข*าได*จะต*องมี
สถานที่เก็บรักษาวัตถุอันตรายเป0นไปตาม พรบ.วัตถุ
อันตรายและประกาศกระทรวงย่ืนแจ*ง วอ./อก.6 ก1อนไป
ดาํ เนินการตามพธิ ีการศุลกากร
3
ขัน้ ตอนนาํ เขาเคมีภณั ฑ 4
1. โรงงานผูขาย
เคมีภัณฑ และสินค*าท่ีไม1สามารถแยกชนิดและคุณภาพ
จุดเริ่มต*นของการนําเข*าเคมีภัณฑคือผู*ขาย ได*โดยง1าย ควรมีเอกสารใบรับรองการวิเคราะหของ
หรือผู*ผลิต เรียกว1า “หน*าโรงงาน” ในภาษาไทย หรือ ผู*ผลิตสินค*า (Certificate of Analysis) หรือเอกสาร
“Shipper” ในภาษาอังกฤษ หรอื อาจใชค* าํ อย1างอ่ืน เช1น รายละเอียดของสินค*า (Specification) หรือเอกสาร
โรงงาน (Factory) และ โกดัง (Warehouse) กไ็ ด* ข*อมูลความปลอดภยั (Safety Data Sheet)
2. การขนสงในประเทศตนทาง 7. ขนสงจากทาเรือ
เมื่อตกลงซ้ือขายกันเสร็จสิ้นแล*วสินค*าจะถูก สนิ คา* ท่ตี รวจปลอ1 ยแล*วจะขนไปยงั ผรู* ับ โดย
บรรจุ ขนึ้ รถบรรทกุ เพอ่ื ขนสง1 ไปยังท1าเรือ/ทา1 อากาศยาน การขนส1งทางรถในประเทศไทยนน้ั ต*องปฏบิ ตั ติ ามกฎ
ต1างๆ แล*วจึงถ1ายโอนสินค*าต1อไปยังทางเรือหรือทาง การขนสง1 สนิ คา* อนั ตรายทางถนนของไทย (ADR
เคร่ืองบนิ เพ่อื จัดส1งออกไปยังประเทศปลายทาง เรียกว1า 2011/2017)
Trucking, Pick-up, Inland หรอื Inland freight 8. ผูซอื้ (Consignee)
3. การทําพิธกี ารศลุ กากรขาออก
ขอตกลงการสงมอบเคมีภัณฑในการคาระหวาง
ในข้ันตอนน้ีผู*ขาย (Shipper) หรือตัวแทน ประเทศ (International Commercial Terms :
ขนส1งสนิ ค*าระหว1างประเทศ (Freight Forwarder) ที่ได* INCOTERMS)
จั ด ซื้ อ จั ด จ* า ง ไ ว* จ ะ มี ห น* า ท่ี ใ น ก า ร สํ า แ ด ง สิ น ค* า ต1 อ
เจา* หน*าทศี่ ุลกากร (Customs House) วา1 สินค*าอะไรจะ การนําเขา* เคมีภณั ฑจากตา1 งประเทศ ผ*ูนําเขา*
ออกจากประเทศนั้น เรียกขั้นตอนน้ีว1า Outbound จําเปน0 ตอ* งทราบเงอ่ื นไขขอ* ตกลงการค*าระหวา1 งประเทศ
Customs Clearance เพื่อทีจ่ ะนําขอ* มูลราคาสนิ ค*า คา1 ระวางขนส1ง และคา1
4. ทาเรือ/ทาอากาศยานตนทาง ประกันภัย มาใช*ในการทําใบขนสนิ ค*าเพื่อดําเนนิ การ
ผ1านพธิ กี ารศลุ กากรไดอ* ยา1 งถกู ต*อง
เมื่อศุลกากรไดต* รวจปล1อยสินค*าแล*ว สินค*าก็
จะไดร* บั อนญุ าตใหเ* อาขน้ึ เรือหรือเครือ่ งบนิ ทีจ่ ดั เตรยี มไว* ข*อตกลงการสง1 มอบของในทางการค*าระหว1าง
เพ่ือขนส1งออกจากประเทศผู*ขาย ขั้นตอนน้ีจะเรียกว1า ประเทศ เป0นข*อตกลงที่กําหนดโดยหอการค*าระหว1าง
Port of Loading (POL) แต1ไม1ใช1ว1าทําพิธีการเสร็จแล*ว ประเทศ เพื่อใช*เปน0 เงือ่ นไขหรอื ขอ* กาํ หนดในการสง1
เรือหรือเครื่องบินจะออกได*ทันที ยังต*องมีการผ1าน มอบสนิ ค*าระหวา1 งผซ*ู ือ้ กับผ*ขู าย และสามารถบ1งบอก
กระบวนการอีกพอสมควร ข้ึนอยู1กับกฏข*อบังคับต1างๆ ขอบเขตความรบั ผดิ ชอบภาระคา1 ใชจ* า1 ยและความเสี่ยง
ของท1าเรือท1าอากาศยานของแต1ละประเทศดว* ย ต1างๆ ของผู*ซอื้ กบั ผูข* าย ให*เกดิ ความเขา* ใจในหน*าท่แี ละ
5. ทาเรอื /ทาอากาศยานปลายทาง ความรับผิดชอบระหวา1 งผซู* ื้อและผูข* าย และอํานวย
ความสะดวกต1อการขยายตัวทางการค*าระหวา1 งประเทศ
เมื่อสนิ คา* ไดเ* ดินทางมาถึงยังประเทศของผ*ูซ้ือ ประกอบด*วยข*อตกลง 13 ข*อ ตกลงดังต1อไปนี้
แลว* สินคา* จะถกู ลาํ เลยี งเข*าโกดังไว* รอใหผ* *ซู ือ้ หรอื
ตวั แทนออกของและศุลกากรมาตรวจปลอ1 ยสินค*าตอ1 ไป EXW (Ex Works) ผ*ูขายสง1 มอบของใหแ* ก1ผ*ู
โดยขนั้ ตอนน้ีจะเรยี กวา1 Port of Discharge (POD) ซือ้ ณ ทที่ าํ การของผขู* าย เช1น โรงงาน หรือ โรงพกั
6. พิธกี ารศลุ กากรสินคาขาเขา สินค*า ฯลฯ ดังนัน้ ผขู* ายจึงไมต1 *องรบั ผิดชอบตอ1 ของที่สง1
มอบนน้ั อกี ผูซ* อื้ จะเปน0 ผูร* ับภาระการดําเนินการและ
เจ*าหน*าท่ีศุลกากรจะตรวจสินค*าท่ีผู*ซื้อนําเข*า ค1าใช*จา1 ยรวมทั้งความเสย่ี ง หลังจากการสง1 มอบของจาก
มาว1าสินค*าที่นําเข*ามาตรงกับท่ีได*แจ*งกับกรมศุลกากรไว* ผข*ู าย เช1น การขนของขนึ้ ยานพาหนะ การผา1 นพธิ ีการ
หรือไม1 เสียภาษีตรงกับฐานภาษีที่กรมศุลกากรกําหนด ขาออก เป0นต*น
หรือไม1 เป0นสินค*าควบคุมหรือไม1 เรียกขั้นตอนน้ีว1า
Inbound Customs Clearance โดยผร*ู ับสนิ คา* จะต*อง FCA (Free Carrier) ผ*ูขายตอ* งดาํ เนินการ
เตรียมเอกสารข*อมูลใบขนสินค*าขาเข*า ดังนี้ ข*อมูลเรือ พธิ กี ารศุลกากรขาออกจนเสร็จสิน้ แลว* สง1 มอบของให*อย1ู
เข*า ใบตราส1งสนิ ค*า บัญชีรายการสนิ คา* ทกุ รายการ บัญชี ในความรับผดิ ชอบของผ*รู บั ขนส1ง ณ สถานท่ีสง1 มอบของ
รายละเอียดการบรรจุหีบหอ1 เอกสารอืน่ ๆ เช1น เอกสาร ซง่ึ ผ*ูซือ้ เป0นผกู* าํ หนดไว*
ผู*รับบรรทุก ผู*รับประกันภัยธนาคาร ใบอนุญาตนําเข*า
หรือเอกสารอื่นใด กรณีสินค*านําเข*าเป0นของต*องจํากัด
ตามเง่ือนไขของกฎหมายท่ีเกี่ยวข*อง กรณีนําเข*า
5
6
FAS (Free alongside Ship) ผู*ขายมีภาระ CPT (Carriage Paid to) ผู*ขายเป0นผู*ชําระ
รับผิดขอบท่ีจะต*องขนส1งของน้ันมาวางไว*หรือลงเรือ ค1าขนส1งของไปจนถึงสถานที่ปลายทางท่ีระบุชื่อไว*
ลําเลียงเทียบข*างเรือ ณ ท1าที่ส1งออกท่ีได*ระบุไว* ภาระ สําหรับความเสี่ยงต1อการเสียหาย หรือสูญหายของของ
คา1 ใชจ* 1ายทั้งหมดรวมท้งั ความเสี่ยงตอ1 ความเสยี หาย หรือ รวมท้ังค1าใช*จ1ายเพิ่มเติมที่เกิดขึ้นเน่ืองจากเหตุใด ๆ
สญู หายของของที่เกิดขึ้นหลังจากเวลานั้น ผู*ซ้ือเป0นผู*รับ หลังจากท่ีของได*ส1งมอบให*กับผู*รับขนส1งแล*ว ผู*ซ้ือจะ
ภาระทัง้ ส้ิน เป0นผร*ู ับผิดชอบทัง้ ส้นิ
FOB (Free on Board) ผู*ขายมภี าระ CIP (Carriage Insurance Paid to) ผ*ูขาย
รบั ผดิ ชอบต*องสง1 มอบของลงเรอื ณ ทา1 สง1 ออกท่ไี ด*ระบุ มีภาระรับผิดชอบเช1นเดียวกับ CPT เพียงแต1ต*อง
ไว* ส1วนผู*ซ้อื จะต*องรับภาระค1าใชจ* า1 ยท้ังหมดรวมท้งั หมด รับผิดชอบเพ่ิมเติมในการทําประกันภัยให*กับผู*ซ้ือใน
รวมท้ังความเสย่ี งต1อความเสียหายหรือสญู หายของของท่ี ความเสี่ยงภัยต1อการเสียหายหรือสูญหายของของ
เกิดข้นึ ระหว1างการขนส1ง จนถึงสถานท่ีปลายทางที่ระบุชื่อไว*
ทั้งนีผ้ *ขู ายเป0นผูเ* ข*าทาํ สัญญาและชําระค1าประกันภยั ดว* ย
CFR (Cost and Freight) ผู* ข า ย จ ะ ต* อ ง ตนเอง
รับภาระค1าใชจ* า1 ย และค1าขนส1งต1าง ๆ ทจ่ี าํ เป0นในการนํา
ของไปส1งจนถึงท1าปลายทางตามที่ระบุช่ือไว* แต1ผู*ซื้อจะ DAF (Delivered at Frontier) ผูข* ายมภี าระ
เป0นผ*ูรับภาระความเส่ยี งภัยต1อการเสียหายหรือสูญหาย รับผิดขอบต*องนําของผ1านพิธีการศุลกากรขาออก และ
ของของ รวมทั้งค1าใช*จ1ายเพ่ิมเติมที่อาจเกิดขึ้นเนื่องจาก ส1งมอบของ ณ จุดผ1านแดนที่ระบุไว* แต1ก1อนถึงเขต
เหตุใด ๆ หลังจากที่ได*ขนของขึ้นพ*นกราบเรือ ณ ท1า ศุลกากรของประเทศท่ีติดต1อกันโดยปกติกรณีน้ีใช*กับ
ส1งออก ของที่ขนส1งโดยทางรถไฟหรือทางถนน แต1ก็อาจใช*กับ
การขนสง1 โดยวธิ ีอน่ื ไดด* ว* ย
CIF (Cost, Insurance and Freight) ผ*ูขาย
มีภาระรับผิดขอบเช1นเดียวกับ CFR นอกจากน้ีต*อง DES (Delivered Ex Ship) ผู* ข า ย มี ภ า ร ะ
รับผิดชอบเพิ่มเติมในการทําประกันภัยให*กับผ*ูซ้ือใน รับผิดชอบในการส1งมอบของจนถึงเวลาท่ีเรือที่บรรทุก
ความเสี่ยงภัยต1อการเสียหาย หรือสูญหายของของ ของเดินทางมาถึงท1าปลายทางที่ระบุชื่อไว* แต1ยังไม1ได*
ระหว1างการขนสง1 จนถงึ ท1าปลายทาง ท้ังน้ีผข*ู ายเป0นผู*เข*า ผ1านพิธีการศุลกากรขาเข*า บรรดาค1าใช*จ1ายตลอดจน
ทําสญั ญาและชาํ ระคา1 ประกนั ภยั ดว* ยตวั เอง ความเสีย่ งภยั ทีเ่ กี่ยวข*องกบั การนําของมาส1ง ณ ท1าเรือ
DEQ (Delivered Ex Quay) ผู*ขายมีภาระ DDP (Delivered Duty Paid) ผ*ูขายมีภาระ
รับผิดชอบในการส1งมอบของ โดยต*องขนของข้ึนจากเรือ รับผิดชอบในการส1งมอบของ ณ สถานท่ีที่ระบุช่ือไว*ใน
มาวางไว*บนท1าเรือ ณ ท1าปลายทางท่ีระบุชื่อไว* และ ราชอาณาจกั ร รวมถึงความเสี่ยงภัยและค1าใช*จ1ายตลอด
รับผิดชอบความเส่ียงภัยทั้งหมดในการส1งมอบของ ทงั้ ค1าภาษี ค1าอากร และค1าธรรมเนียมอื่น ๆ ท่ีเกยี่ วข*อง
ดังกล1าว ผู*ซ้ือจะต*องผ1านพิธีการศุลกากรขาเข*ารวมท้ัง กบั การส1งมอบของดังกล1าว และการผ1านพิธีการศลุ กากร
ชําระค1าภาษี ค1าอากร คา1 ใชจ* 1ายอ่ืน ๆ ขาเข*า
DDU (Delivered Duty Unpaid) ผ*ูขายมี
ภาระรับผดิ ชอบในการสง1 มอบของ ณ สถานที่ทีร่ ะบุไวใ* น
ราชอาณาจักร โดยผู*ขายต*องรับภาระค1าใช*จ1ายและ
ความเสียงภัยทั้งปวงในการส1งของนั้น ตั้งแต1ประเทศ
ผู*ขายจนถึงสถานท่ีดังกล1าวแต1ไม1รวมค1าอากร ค1าภาษี
และคา1 ธรรมเนียมทางราชการอนั เนือ่ งจากการนําของเขา*
7
ผูเขียนบทความ
นางสาวนิศาชล ชินพนั ธุ
ตาํ แหนง นักวทิ ยาศาสตร ระดับ 9
กองเคมีภัณฑ ฝlายเคมี
8
การใชเทคนิค Chemical Suppressed Ion Chromatography
สําหรับการหาคา& Sodium, Chloride และ Sulfate ในระบบผลิตน้ําบรสิ ุทธิแ์ ละระบบนํา้ หมอนา้ํ /ไอนา้ํ
โดย วท.วลัยพรรณ มณดี ลุ ย
นกั วิทยาศาสตรระดับ 5 แผนกวเิ คราะหนํ้าและสารทว่ั ไป กองเคมีวเิ คราะห
นํ้า เป'นองคประกอบหลักในกระบวนการผลิต ห รื อ Degassed Cation Conductivity เ ป' น
ไฟฟ*า การควบคุมคณุ ภาพน้ําจึงเปน' ส่งิ สาํ คัญ ไมว/ /าจะเป'น ตั ว แ ท น ใ น ก า ร เ ฝ* า ร ะ วั ง แ ต/ อ ย/ า ง ไ ร ก็ ต า ม ค/ า
นํ้าดิบ น้ําที่ผ/านกระบวนการผลิตนํ้าใส กระบวนการผลิต Conductivity ไม/สามารถบอกปริมาณที่แน/นอนของ
นํ้าบริสุทธ์ิ ไปจนถึงนํ้าท่ีใช4ในระบบนํ้าหม4อน้ํา/ไอน้ํา ซึ่ง Corrosive ions ทั้งคู/ได4เทคนิคหนึ่งที่สามารถใช4หา
จะต4องเป'นน้ําท่ีมีความบริสุทธ์ิสูง พารามิเตอรกลุ/มหนึ่งท่ี ปริมาณ Chloride และ Sulfate ในระดับความเขม4 ข4นต่าํ
ต4องเฝา* ระวังสาํ หรบั น้าํ บรสิ ุทธิ์และนํ้าในระบบน้าํ หม4อน้ํา/ ถึงระดับ ppb ได4คือ เทคนิค Ion Chromatography
ไอน้ํา ก็คือ Sodium , Chloride และ Sulfate ions นอกจากน้ยี ังสามารถใชเ4 ทคนิคน้ีในการยนื ยันค/า Sodium
ทีไ่ ดจ4 ากเคร่ือง Online monitoring ได4อีกด4วย
Sodium เป'นพารามิเตอรหลักท่ีต4องเฝ*าระวัง
ใน Steam, Condensate และ Feed water เนื่องจาก เทคนิค Ion Chromatography
Sodium ion เปน' ตัวการหลกั ที่ทําให4เกดิ การสึกกรอ/ นของ เทคนิค Chromatography เป'นเทคนิคท่ีใช4ใน
Turbine โดยเฉพาะการเกดิ Stress Corrosion Cracking การแยกสารผสม โดยสารที่สนใจ (Analyte) จะถูกแยกใน
หรือทําใหเ4 กดิ Deposit corrosion ใน Evaporator tube สภาวะที่มีเฟส 2 เฟส คือ เฟสคงที่ (Stationary phase)
ได4 Chloride และ Sulfate ก็เช/นกัน ทั้งสองตัวเป'น และ เฟสเคลื่อนที่ (Mobile phase) การแยกจะข้ึนกับ
Corrosive ions ในสภาวะท่ีเหมาะสม จะส/งผลให4เกิด ความสามารถในการดูดซับของสารนั้นๆ บนเฟสคงที่ท่ี
Corrosion ต/ออุปกรณต/างๆ ในระบบได4 การเฝ*าระวัง บรรจุใน Column โดยมีเฟสเคลื่อนที่ท่ีมีคุณสมบัติคล4าย
พารามิเตอรท้ัง 3 ตัว จึงเป'นสิ่งจําเป'นอย/างมาก ถึงแม4 กบั Analyte เป'นตวั พา สารทมี่ คี ณุ สมบัติใกลเ4 คยี งกับเฟส
ความเสียหายท่ีเกิดข้ึนอาจจะใช4เวลานาน แต/เมื่อเกิดขึ้น เคล่อื นทม่ี ากกวา/ หรือดูดซบั ได4ไมด/ ีบนเฟสคงท่ีจะถูกแยก
แล4วจะมกี ารสญู เสียค/าใช4จา/ ยในการซอ/ มบาํ รุงมหาศาล ออกมากอ/ น
สําหรับ Ion chromatography (IC) เป'นหน่ึง
เกณฑการควบคุม ค/า Sodium, Chloride และ ในเทคนิค Chromatography ซึ่งเป'นการแยกสารใน
Sulfate น้ั น จ ะ ขึ้ น กั บ Treatment program ข อ ง รูปแบบ Ion หรือโมเลกุลที่มีข้ัว โดยอาศัยหลักการ
โรงไฟฟ*าแต/ละแห/ง ซ่ึงโดยท่ัวไปมักใช4 Treatment แลกเปล่ียนประจุและแรงกระทําระหว/างประจุ (Ion
program แบบ AVT(R) โดยจะมีการเติมสารประกอบ interaction) โดยเฟสคงที่จะเป'นโพลิเมอรที่มีข้ัวประจุ
ฟอสเฟตเพ่ือควบคุมค/า pH ใน LP Boiler ซึ่งเกณฑควบ ตรงข4ามกับ Analyte ที่สนใจวิเคราะห และเฟสเคล่ือนท่ี
คุบ Sodium, Chloride และ Sulfate ใน Water steam จะเป'นสารละลายท่ีมีองคประกอบเป'นสารที่แตกตัวได4
ของ Treatment program แบบนี้จะอย/ูที่ ≤ 3 ppb เป'นประจุชนิดเดยี วกบั Analyte
(EPRI) เ ม่ื อ เ ฟ ส เ ค ล่ื อ น ท่ี พ า ส า ร ผ ส ม เ ค ลื่ อ น ท่ี ผ/ า น
Column ท่มี ีเฟสคงที่อย/ู จะเกิดการแยกโดย Analyte จะ
ในการเฝ*าระวังค/า Sodium โรงไฟฟ*าบางแห/ง เข4าไปจับกับประจุข้ัวตรงข4ามบนเฟสคงที่ และจะถูกชะ
จะมกี ารใช4 เคร่ือง Sodium online monitoring สําหรับ ออกมาเมื่อมกี ารเปลีย่ นแปลงของ pH และ ถูกแทนท่ีดว4 ย
การตรวจติดตาม โดยเฉพาะที่บริเวณ Condensate Ion ทีม่ คี วามแรงมากกวา/ ดังรูปท่ี 1
pump discharge แต/สําหรับ Chloride และ Sulfate
น้ัน ส/วนใหญ/จะใช4ค/า Cation conductivity
9
รูปท่ี 1 แสดงกระบวนการแยกของ Ion ใน Column สําหรับ รูปท่ี 2 แสดง Diagram ของเทคนคิ Ion Chromatography
Anion-Exchange Chromatography ช/ อ ง ล/ า ง ข ว า แ ส ด ง แบบ Chemical suppressor ยหี่ อ4 Metrohm กรอบสแี ดง
Chromatogram ของ Ions ที่ตรวจวิเคราะหได4 โดยสีขาวแทน
Eluent สีแดงและสเี ขียวแทน Analytes แสดงตําแหน/งของระบบ Suppression
โดยลําดับการแยกจะข้ึนกับแรงกระทําระหว/าง จะต4องอาศัยสารเคมี Regenerant ด4วย เรียกเทคนิค IC
ประจุของ Ion ในตัวอย/างและประจุบนเฟสคงที่ ซ่ึงจะ ท่ีมีระบบ Suppression แบบใช4สารเคมีน้ีว/า Chemical
เป'นผลมาจากขนาดประจุและความแรงของประจุ (Ionic Suppressed Ion Chromatography โดยมีกระบวน
strength) จากน้ัน Ion ท่ีถกู แยกจะถกู ตรวจวดั สญั ญาณที่ การลดสญั ญาณท่ีแตกต/างกันตามชนดิ ประจุ ดังนี้
Detector กรณีท่ีเป'นการวิเคราะห Ion เด่ียวๆ เช/น
Sodium, Chloride และ Sulfate ประเภท Detector จะ 1. Chemical Suppression System สํ า ห รั บ
เป'น Conductivity Detector โดยจะแสดงผลออกมาเปน' Anion-Exchange Ion Chromatography
Chromatogram ที่ เ ป' น ค ว า ม สั ม พั น ธ ร ะ ห ว/ า ง ค/ า
Conductivity แ ล ะ Retention time ค/ า Retention สํ า ห รั บ Anion จ ะ ใ ช4 Eluent เ ป' น Sodium
time คือเวลาที่ Ion นั้นๆ ถูกตรวจวัดได4 ซึ่งจะเป'น bicarbonate/ Sodium carbonate (NaHCO3/
ลักษณะเฉพาะของ Ion แต/ละชนิด ทําให4เทคนิค Ion Na2CO3) ซึ่ ง ท้ั ง 2 ตั ว นี้ มี ค/ า Conductivity สู ง ม า ก
Chromatography เป'นเทคนิคที่มีความจําเพาะสูง ส/วน ยกตัวอย/างเช/น 3mM Na2CO3 มีค/า Conductivity
ค/าความเข4มข4นน้ันได4จาก การเทียบสัญญาณที่ได4จาก ประมาณ 507 µS/cm ในขณะที่ Analyte ที่สนใจ
ต ร ว จ วั ด ตั ว อ ย/ า ง กั บ สั ญ ญ า ณ ท่ี ต ร ว จ วั ด ไ ด4 จ า ก ส า ร วิ เ ค ร า ะ ห เ ช/ น Chloride ion 10 ppb มี ค/ า
มาตรฐานท่ีทราบความเข4มข4นแน/นอน โดยสัญญาณที่ใช4 Conductivity เพยี ง 21.9 µS/cm จะเห็นได4วา/ สัญญาณ
เทียบหาปริมาณ Ion จะใช4ในรปู ของ Peak area จาก Eluent สูงกว/าสัญญาณจาก Analyte มาก ทําให4
สญั ญาณ Analyte ถูกบดบงั ไมส/ ามารถตรวจวัดได4 ดังน้ัน
ในเทคนิค Ion Chromatography โดยเฉพาะ ในการวิเคราะหที่ระดับความเข4มข4นตํ่าระดับ ppb จึง
ช นิ ด Anion เ ฟ ส เ ค ล่ื อ น ที่ ห รื อ Eluent จ ะ มี ค/ า จําเป'นทีจ่ ะต4องมรี ะบบ Suppression
Conductivity ทส่ี งู มาก หากสงู กว/า Analyte จะทําใหไ4 ม/
สามารถตรวจวดั Analyte ได4 ดังน้ันจงึ ต4องมีกระบวนการ Regenerant ใ น ร ะ บ บ Suppression ข อ ง
ลดสัญญาณ background เพื่อไม/ให4เกิดการรบกวนต/อ Anion-Exchange Ion Chromatography เป'น Sulfuric
การวิเคราะห กระบวนการลดสัญญาณ Background นี้ acid โดยจะอาศัยหลักการแลกเปล่ียนประจุ Cation เพื่อ
เรยี กว/า Suppression system ลดสัญญาณของ Eluent ซ่ึงกระบวนการ Suppression
แบ/งไดเ4 ปน' 3 ขั้นตอน
Chemical Suppression System
ระบบ Suppression ในกระบวนการวิเคราะห ขั้นตอนที่ 1: Sodium ion (Na+) จาก Eluent
โดยเทคนคิ Ion Chromatography นั้น จะตั้งอย/ูระหว/าง จ ะ จั บ กั บ ข้ั ว ล บ บ น Cation exchange resin ใ น
Column แ ล ะ Detector ดั ง รู ป ที่ 2 ห ลั ก ก า ร ข อ ง Suppressor module แทนที่ Hydrogen ion (H+) ดังรปู
Suppression จ ะ เ ป' น ก า ร ล ด Conductive ions ใ น
Eluent โดยการแลกเปล่ยี นประจุ ซ่งึ ในกระบวนการน้ี
10
ที่ 3 H+ จะไปรวมตัวกบั HCO3- หรอื CO32- ไดเ4 ป'น H2CO3
ซง่ึ จะมีค/า Conductivity ตํ่า ดงั สมการ
โดย H2CO3 สามารถเกิดปฏิกิริยาผันกลับได4
เปน' H2O และ CO2 ดังสมการ
↔
รปู ที่ 4 แสดงข้นั ตอนการ Regenerated โดย H+ (สแี ดง)
ท่แี ตกตัวจาก Sulfuric acid ซงึ่ เปน' Regenerant
รูปท่ี 3 แสดงขั้นตอนการแลกเปล่ียนประจุในระบบ รปู ท่ี 5 แสดงขน้ั ตอนการล4าง Suppressor ด4วยนา้ํ
Suppressor โดย Na+ จาก Eluent (สีเขียว) จะเข4าแทนท่ี
H+ (สแี ดง) ลกู ศรสเี ขยี วแสดงทศิ ทางการเคล่ือนทขี่ อง Na+ 2. Chemical Suppression system
สําหรับ Cation-Exchange Ion Chromatography
CO2 ท่ีเกิดขนึ้ จะถกู กําจดั โดย CO2 Suppressor ตอ/ ไป
ส/วน H2O นั้นมีค/า Conductivity ตํ่า ไมส/ ง/ ผลต/อการ สาํ หรับ Cation-Exchange IC นนั้ ไม/จําเป'นต4อง
ตรวจวัด Analyte ที่สนใจ สว/ น Hydrogen ion (H+) ท่ี ใช4ระบบ Suppressor เน่ืองจากสญั ญาณ Background
หลุดออกมาจาก Resin จะไปจบั กบั Analyte ในกรณีนที้ ี่ จาก Eluent ซึ่งคือ Nitric acid น้นั ไม/ได4มคี า/ สงู แตก/ าร
Analyte เปน' Chloride จะเปน' ดงั สมการ ใชร4 ะบบ Suppressor กจ็ ะชว/ ยเพิ่มประสทิ ธิภาพการ
วิเคราะหไดด4 มี ากขึ้น
HCl ให4ค/า Equivalent Conductivity สูงกว/า
NaCl ทาํ ใหช4 ว/ ยขยายสัญญาณ Analyte ได4 Regenerant ใ น ร ะ บ บ Suppression ข อ ง
Cation ที่ ใ ช4 กั น ทั่ ว ไ ป คื อ Sodium bicarbonate/
ขัน้ ตอนท่ี 2: Na+ ทจี่ บั บน Cation exchange Sodium carbonate (NaHCO3/ Na2CO3) หลักการก็
resin จะถกู ชะโดย Regenerant โดย Hydrogen ion จะคล4ายกับระบบ Suppression ของ Anion คือ NO3-
(H+) ทแี่ ตกตัวจาก Sulfuric acid (H2SO4) ดงั รปู ที่ 4 และ ที่ แ ต ก ตั ว จ า ก Nitric acid Eluent จ ะ ไ ป แ ท น ที่
ถูกขับทิง้ เป'น Waste Carbonate ion (CO32-) บน Anion exchange resin
ใน Suppressor module สว/ น H+ จะไปรวมกับ HCO3-
ข้ันตอนที่ 3: Suppressor module จะถูกล4าง หรือ CO32- กลายเป'น H2CO3 ซ่ึง H2CO3 น้ัน สามารถ
ด4วยนํ้า Ultrapure เพ่ือชะ Ion ต/างๆ ดังรูปท่ี 5 เพื่อ แตกตัวเป'น H2O และ CO2 ซงึ่ เป'นสมการผันกลบั ได4 ดัง
เตรียมพรอ4 มสําหรับการ Suppressed ตวั อยา/ งถัดไป สมการ
11
CO2 ทเ่ี กิดข้ึนจะถกู กาํ จดั โดย CO2 Suppressor ดังน้ันการใช4เทคนิค Ion Chromatography ท่ี
ส/วน H2O ให4สัญญาณต่ํา ไม/ส/งผลกระทบต/อการ ขอบเขตความเข4มข4นตํ่า จําเป'นท่ีจะต4องมีระบบ
วิเคราะห Suppression เพ่อื กดสัญญาณ Eluent หาก Eluent มี
สญั ญาณมากกว/า Analyte จะทําใหส4 ัญญาณ Analyte
สรปุ ถูกบดบัง ส/งผลให4ไมส/ ามารถทําการวเิ คราะหได4
Ion Chromatography เ ป' น เ ท ค นิ ค ท่ี ถู ก
ระบบ Suppression ท่ีใช4กันท่ัวไปเป'นแบบ
นาํ มาใชใ4 นการหา คา/ Sodium, Chloride และ Sulfate Chemical suppression ซึ่งจะมีการใช4สารเคมีเป'น
ในนํ้าบริสุทธ์ิและนํ้าระบบ Water-steam เพื่อให4 Regenerant โดยหลักการลดสัญญาณ Background
สามารถควบคมุ พารามเิ ตอรเหล/าน้ีให4อยใู/ นเกณฑตามที่ ของ Suppressor คือการแลกเปลี่ยนประจุและการทํา
มาตรฐานกําหนดได4 ซึ่งค/าเหล/านี้ในนํ้าบริสุทธ์ิหรือ ให4 Eluent เกิดปฏิกิริยาทางเคมีเพื่อให4ได4 Product ท่ี
ระบบน้ําหม4อนาํ้ /ไอนํา้ นั้น มคี า/ ตาํ่ มากถึงระดบั ppb ใหส4 ญั ญาณต่ํา ไมร/ บกวนตอ/ การวเิ คราะหนัน่ เอง
เอกสารอางอิง
1. Cycle Chemistry Guidelines for Combined
Cycle/Heat Recovery Steam Generators (HRSGs),
EPRI, 2006
2. Ion Chromatography Theory: Colums and
Eluents, Helwig Schäfer, Markus Läubli and
Roland Dörig, Metrohm monograph
3. Robust IC: The Metrohm Suppressor
Module (MSM) explained, Metrohm TV
ผูเขียนบทความ :
น.ส.วลยั พรรณ มณีดลุ ยQ
ตาํ แหนง& นักวิทยาศาสตรQ ระดบั 5
แผนกวเิ คราะหQนํา้ และสารท่ัวไป
กองเคมีวเิ คราะหQ ฝTายเคมี
12
Reverse Osmosis Performance : Data Collection
and Interpretation
โดย วท.สุธดิ า ป่ินชัยศิริ
นกั วทิ ยาศาสตร์ระดับ 6 แผนกเคมีเทคนิค กองเคมคี ณุ ภาพ ฝา่ ยเคมี
ก า ร ก ร อ ง น้ า ด้ ว ย ร ะ บ บ รี เ ว อ ร์ อ อ ส โ ม ซิ ส
(Reverse Osmosis ; RO) เป็นท่ีนิยมใช้งานอย่าง
แพร่หลาย โดยเฉพาะอุตสาหกรรมโรงไฟฟ้า เนื่องจาก
สามารถผลิตน้าบริสุทธ์ิเพื่อป้อนหม้อไอน้าได้อย่างมี
ประสิทธิภาพ ในบทความนีจะกล่าวถึงวิธีการตรวจสอบ
และแปรผลข้อมูลในการท้างานของระบบ RO เพ่ือเพิ่ม
ประสิทธิภาพในการท้างาน อีกทังยังช่วยลดต้นทุนในการ
ด้าเนนิ งานให้มีต้นทนุ น้อยท่ีสุด
Performance Monitoring รปู ท่ี 1 แสดงความสัมพันธข์ อง TCF และ อณุ หภมู ขิ องนา้ feed
ส้าหรับโรงไฟฟ้า เรามักจะคุ้นเคยกบั ระบบผลิต
ตารางท่ี 1 จุดตดิ ตังเครื่องมือวดั และพารามิเตอรท์ ี่ต้องตรวจวัดใน
น้าบริสุทธ์ิท่ีใช้หลักการ ion exchange เพ่ือผลิตน้า
บริสุทธ์ิใช้เป็นน้าป้อน (Make up) ให้กับหม้อป้อนไอน้า ระบบ RO
(Boiler) แต่ปัจจุบันเร่ิมมีการน้าระบบผลติ น้าบรสิ ุทธ์ิทีใ่ ช้
หลักการ Reverse Osmosis (RO) เข้ามาใช้งาน โดย Feed Interstage Product Reject
ระบบ RO นัน มีความยุ่งยากในการดูแลระบบ และการ
ตดิ ตามตรวจสอบที่มคี วามซับซ้อนมากกว่า ถงึ แม้คณุ ภาพ Pressure X X XX
น้าท่ีผลิตได้จากระบบ RO อยู่ในเกณฑ์ท่ีก้าหนด แต่ไม่
อาจบอกได้ว่าระบบ RO ยังคงปกติ หรือเริ่มเกิดปัญหาใน Flow rate X X X
ระบบแลว้
Conductivity X X XX
ดังนันจึงต้องมีการจัดเก็บ รวบรวม และแปรผล
ข้อมูลต่างๆ ของระบบ RO เพื่อป้องกันและแกไ้ ขปัญหาท่ี Temperature X
อาจเกดิ ขนึ ไดใ้ นอนาคต
จากตารางที่ 1 ได้ระบุต้าแหน่งในการติดตัง
- Data Collection อุปกรณ์ตรวจวัด เพื่อตรวจสอบการท้างานของระบบ RO
ชุดข้อมูลของระบบ RO ที่ควรจะต้องมีการ ซึ่ ง ไ ด้ แ ก่ feed, interstage, product, reject แ ล ะ
บันทึก เพื่อใช้ในการตรวจสอบและติดตามสภาพของ parameter ที่จ้าเป็นในการติดตามประเมินประสิทธภิ าพ
ระบบ แสดงดังตารางท่ี 1 โดยชุดข้อมูลดังกล่าวจะมีผล การทา้ งานของ RO membrane ซง่ึ หากไม่มีขอ้ มูลเหลา่ นี
โดยตรงต่ออัตรการไหลของน้าที่ผลิตได้ (Product จะไม่สามารถตรวจสอบ ประเมิน และป้องกันปัญหาที่
Flow rate) และคุณภ าพน้ าที่ผลิ ตได้ ( Product เกิดขึนได้ โดยปัญหาท่ีพบส่วนใหญ่ คือ การเกิด fouling
Quality) ตัวอย่างเช่น เม่ืออุณหภูมิของ feed water ที่ RO stage 1 แ ล ะ ก า ร เ กิด scale ท่ี RO stage 2
เปล่ียนแปลง 1 องศา จะส่งผลให้ปริมาณน้าที่ผลิตได้ นอกจากนียังมีปัญหาการร่ัวของระบบ เนื่องจาก RO
(permeate) เปล่ียนแปลงไปจากเดิม 3% (ตามรูปท่ี 1) membrane degrade หรือ RO membrane เสียหาย
เป็นตน้ จากสาเหตุการเดนิ ระบบเอง
Fouling : ใช้เรียกปรากฎการณ์ท่ีตัวถูกละลาย
ในน้าท่ีจ่ายเข้าระบบ membrane ถูกกันไม่ให้ผ่านท้าให้
เกิดการอุดตนั (clogging) และเกดิ การก่อตัวของชันสารท่ี
จับติดท้าให้เกิดการตกตะกอนขึนมีผลท้าให้ประสิทธิภาพ
ของ membrane ลดลง ส่วนใหญ่เป็นการอุดตันที่เกิด
จากสารอนิ ทรยี ์ (Organic)
Scaling : ใชเ้ รียกปรากฎการณท์ ่ีเกิดการอุดตัน
(clogging) อันเกิดจากสารอนินทรีย์(Inorganic) โดยเกิด
13
ก า ร ต ก ผ ลึ ก อ ยู่ บ น ผิ ว membrane มี ผ ล ท้ า ใ ห้ นอกจากนียังต้องพิจารณาคุณภาพน้า feed ใน
ประสิทธิภาพของ membrane ลดลง โดยทั่วไปจะเป็น parameter ต่างๆ ดังแสดงในตารางท่ี 2 ท่ีอาจส่งผลท้า
ผลึกของ CaCO3 ซ่ึงต้องมีการเติมน้ายาป้องกัน anti- ให้เกิดปัญหา Fouling, Scale และ Degradation
scaling เช่น Sodium bisulfide (NaHSO3) ปอ้ งกันเหล็ก
ไมใ่ ห้เปลีย่ นรูป
ตารางท่ี 2 แสดงพารามเิ ตอร์ในนา้ feed และเกณฑค์ วบคมุ เพือ่ ลดปัญหา fouling, scaling และ degradation กับ RO membrane
Item Measure Value
Suspended solids Turbidity <1.0 NTU+
Colloids Silt density index (SDI) <5+
Microbes* Dip slides <1 000 CFU.mL-1
Organics Total organic carbon (TOC) <3
Color APHA color scale <3
Metal: Fe**, Mn, Al mg.kg-1 <0.05
Hydrogen sulfide mg.kg-1 <0.10
Silica (soluble)* mg.kg-1 200++
Barium, strontium mg.kg-1 <0.05
Chlorine, free mg.kg-1 <0.02
- Data Analysis ภายใต้เงื่อนไขท่ีก้าหนด ซ่ึงหากข้อมูล Normalization
ในกา ร วิเ ค ร า ะ ห์ ป ร ะ สิ ทธิภ า พของ RO ถูกตัดออกไปเพียงครังเดียวอาจส่งผลต่อการประเมิน
membrane การบ่งชีถึงแนวโน้มการเกิด fouling, scale ประสิทธิภาพระบบ RO, แนวโน้มการเกิด fouling,
และการ degrade ของ RO membrane จะต้องน้า scaling และการเกดิ degradation ได้
ข้ อ มู ล Pressure, Flow rate, Conductivity แ ล ะ
Temperature ดังตารางท่ี 1 มาพิจารณา เนื่องจากการ Normalized Product Flow
เปลี่ยนแปลงของ parameter ต่างๆ ในตารางที่ 1 ส่งผล Normalized Product Flow (NPF) คือ อตั รา
ต่ออัตราการผลิตน้า (Product Flow rate) และการเล็ด การไหลของน้ากรองท่ีถูกเทียบค่าโดยใช้โปรแกรม
ลอดของแร่ธาตุต่างๆ ท่ีผ่าน RO membrane (salt spreadsheet หรือโปรแกรมคอมพิวเตอร์ เพ่ือรวบรวม
passage) ซึ่งการเปล่ียนแปลงดังกล่าวสามารถเกิดขึนได้ ข้อมลู ดบิ ตังแต่ระบบ RO เร่ิมใชง้ านใหม่ ซ่ึงจะมอี ัตราการ
ตลอดเวลา ดังนันควรมีการบันทึกข้อมูลตาม ตารางท่ี 1 ไหลของน้ากรอง (product flow) ค่าหน่ึงตามสภาวะ
อย่างต่อเนื่อง เพ่ือน้ามาประเมินแนวโน้มท่ีเกิดขึนใน RO ตอนเริ่มเดินระบบของอณุ หภูมิ แรงดนั น้าป้อน แรงดันลด
membrane ได้ อัตราการน้าน้าจืดกลับคืน (recovery) และความเข้มข้น
ของเกลือในน้าป้อน ต่อจากนันหากน้ากรองมีปริมาณ
- Data Normalization ลดลง โดยมีสภาวะการเดินระบบคงเดิมแสดงว่ามีคราบ
Data Normalization เป็นข้อมูลที่ได้ปรับปรุง ตะกรันสะสมหรอื อดุ ตันเกดิ ขึนบนผวิ หนา้ ของเมมเบรน
ขึนเพ่ือเปรียบเทียบประสิทธิภาพในการท้างานของระบบ เมอ่ื การจดั เกบ็ ข้อมลู product flow และนา้ มา
RO ในครังแรกเทียบกับข้อมูลประสิทธิภาพการท้างาน สร้างกราฟแนวโน้มของข้อมูล ดังรูปที่ 2 แสดงให้เห็นถึง
ของระบบ RO ในครังอื่นๆ โดยมีการบันทึกข้อมูลตาม แนวโน้มในด้านตา่ งๆ กราฟในแนวยกขนึ บ่งบอกถึงปัญหา
สภาวะการเดินระบบในขณะนนั ได้แก่ อุณหภูมิ ความดัน degradation ของเมมเบรน กราฟชีลงบง่ บอกถงึ สภาวะ
และคุณภาพนา้ การเกิด fouling หรือ scaling ในเมมเบรน ส่วนกราฟ
โดยข้อมูล Normalized ที่ใช้เป็นข้อมูลฐาน เส้นตรงแสดงให้เห็นว่าไมม่ ีการเปลี่ยนแปลงประสิทธภิ าพ
จ้าเป็นต้องเกบ็ ข้อมูลในช่วงเวลาของการ start up ระบบ (ซ่ึงอาจหมายความว่าไม่มีการเปล่ียนแปลง หรืออาจเกิด
RO ใหม่ (เป็นค่าเริ่มต้นของการใช้ RO membrane) fouling, scaling หรอื degradation ในเมมเบรนได้)
รูปที่ 2 แสดง Normalized Product Flow ในแต่ละช่วงเวลา 14
รูปที่ 3 เป็นการยกตัวอย่างให้เห็นถึงข้อมูลการเดินระบบ หรือ scale จะท้าให้ NPF ลดลง และต้องปรับเพิ่มความ
จากกราฟแสดงให้เห็นว่ามีการรักษาประสิทธิภาพในการ ดันของระบบอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้น้าไหลผ่านชันของ
ผลิตของระบบได้คงที่ท่ี 77 m3.h-1 ซึ่งจากข้อมูลดิบนี foulant และscaleทเี่ กาะติดอยู่บนผิวหน้าของเมมเบรนได้
ท้าให้เราทราบว่าระบบ RO ยังคงท้างานได้อย่างมี
ประสิทธิภาพ เมื่อระบบต้องท้างานในสภาวะ fouling หรือ
scaling เป็นระยะเวลายาวนาน ซ่ึง foulant และ scale
รปู ที่ 3 แสดงอัตราการไหลของนา้ ทผ่ี ลติ ได้ (Product flow) สามารถทนต่อก้าจัดออก โดยการท้าความสะอาดได้
ในแต่ละช่วงเวลา ดังนัน NPF จึงเป็นตัวก้าหนดช่วงเวลาในการท้าความ
สะอาดเมมเบรน ก่อนที่ foulant และ scale จะติดถาวร
นอกจากนีการเดินระบบ RO ท่ีมีการเกิด fouling หรือ
scaling อย่างตอ่ เนอื่ งจะสง่ ผลให้แรงดนั ในการใช้งานของ
ปั๊มเพ่ิมขึนในระดับสูงสุด และส่งผลให้อัตราการไหลของ
น้าที่ผลิตได้ (Product flow) ลดลง ดังนันตัวแปรส้าคัญ
ในการรักษาการท้างานของเมมเบรนให้มีประสิทธิภาพ
คือ การตรวจสอบ NPF อย่างสม้า่ เสมอ
การท้าความสะอาดเมมเบรน ควรเร่ิมเมื่อ NPF
ลดลง 10-15% จากสภาวะการใช้งานเริ่มต้น ตาม
หลักการแลว้ ควรกา้ หนดเวลาท้าความสะอาดเมื่อลดลงไป
10% และเสร็จสนิ ตอน 15%
Normalized Salt Passage
Salt Passage เป็นอีกหน่ึงพารามิเตอร์ในการ
จัดท้าข้อมูล เน่ืองจากความดันและความเข้มข้นมีการ
เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา จึงเป็นการยากที่จะเปรียบเทียบ
ผลข้อมูลแบบวนั ตอ่ วัน การจัดทา้ normalized ของ salt
passage จึงเป็นการเทียบข้อมูลในช่วงเวลาหน่ึงกับ
ช่วงเวลาอื่นๆ สมการที่ 3 แสดงให้เห็นว่าความดันและ
ความเข้มข้น มีผลต่อการจัดท้า normalized salt
passage ทม่ี ีการไหลผ่านเมมเบรน
รปู ที่ 4 แสดงการเปรยี บเทียบอตั ราการไหลของนา้ ที่ผลติ ได้ โดย
(Product flow) ด้วยการจดั ทา้ ระบบขอ้ มลู แต่ละชว่ งเวลา EPF คอื อัตราการไหลเฉลี่ย
STCF คอื สัมประสิทธิ์ปรับแกอ้ ุณหภูมิการผ่านของเกลือ
รูปท่ี 4 แสดงข้อมูลท่ีผ่านการ normalized Cf คอื ความเข้มข้นของนา้ feed
จากฐานข้อมูลเดียวกันกับรูปที่ 3 แสดงค่าความชันในเชงิ CFC คอื ความเข้มขน้ ของสารละลายเข้มขน้
ลบเม่ือเทียบกับเวลา โดยขึนอยู่กับข้อมูลที่ได้รับจากรูปท่ี
2 ซ่ึงแสดงให้เห็นว่าหากระบบ RO เกิดปัญหา fouling
s คือ สภาวะมาตรฐาน 15
a คือ สภาวะทีเ่ กดิ ขึนจรงิ
ให้แผ่นเมมเบรนเกิด ความเสียหาย ดังนัน pressure
การติดตามค่า salt passage มีความส้าคัญใน drop จึงควรน้ามาใช้ในการก้าหนดช่วงเวลาในการล้าง
การติดตามปัญหา scale และ degradation ในเมมเบรน เมมเบรน เม่ือ pressure drop เพ่ิมขึน 10-15% จาก
ซึ่งค่า salt passage จะเพ่ิมขึน หากเมมเบรนเกิด สภาวะปกติ
degradation แต่ในกรณีการเกิด scale การเพ่ิมขึนของ
salt passage ไม่สามารถประเมินปัญหาได้ โดยพิจารณา Pressure drop แ ล ะ NPF ค ว ร ใ ช้ ติ ด ต า ม
ไดจ้ ากตวั อยา่ งดังรูป ตรวจสอบการท้างานของเมมเบรน ด้วยกัน และ
ค ว ร พิ จ า ร ณ า ล้ า ง เ ม่ื อ ตั ว แ ป ร ใ ด ตั ว แ ป ร ห นึ่ ง มี ก า ร
เปลี่ยนแปลง 10%
ตารางท่ี 3 แสดงประสทิ ธภิ าพ และสาเหตทุ ่ีเกิดขึนของระบบ RO
เมมเบรน
รปู ที่ 5 แสดงภาพตัดขวางของเมมเบรนมีการเกดิ ชันของตะกรัน - Data Interpretation
แคลเซียมคารบ์ อเนตบนผวิ หน้าของเมมเบรน ตารางท่ี 3 แสดง NPF, pressure drop และ
normalized salt passage ที่สามารถใช้แก้ปัญหาของ
รูปที่ 5 แสดงภาพตัดขวางของเมมเบรนท่ีมีการ ระบบ RO ข้อมูลดังกล่าวอยภู่ ายใต้การจ้าลองสถานการณ์
เกิดชันของตะกรันแคลเซียมคาร์บอเนตบนผิวหน้าของ ซ่ึงในสถานการณ์จริงอาจมีมากกว่าหนึ่งปัญหาท่ีอาจะ
เมมเบรน ซ่ึงความเข้มข้นของแคลเซียมบนเมมเบรนสูง ส่งผลกระทบกับประสิทธิภาพของเมมเบรน เช่น organic
กว่าในน้า feed เป็นจ้านวนมาก ตังแต่ความเข้มข้นบน fouling ที่ส่งผลให้ pressure drop ไมค่ งที่
หน้าผิวเมมเบรนถึงจุดอ่ิมตัว แม้ว่า %passage ของ
แคลเซียมยังคงที่ที่ 2% แต่เมมเบรนท่ีเกิดปัญหา scale Minimizing Membrane fouling, Scale and
จะให้ความเข้มข้นของแคลเซียมในการซึมผ่านสูงขึน Degradation
เนื่องจากความเข้มข้นสูงกว่าความเข้มข้นของสารละลาย
แคลเซียม การออกแบบชุด RO และการปรับสภาพท่ี
เ ห ม า ะ ส ม เ ป็ น วิ ธี ท่ี ดี ที่ สุ ด ใ น ก า ร ล ด โ อ ก า ส เ กิ ด ปั ญ ห า
แ ม้ ว่ า ก า ร จั ด ท้ า normalized ข อ ง salt fouling, scale และ degradation ในเมมเบรน ท้าได้โดย
passage ไม่ไดน้ ้ามาใชเ้ ปน็ ตวั แปรหลกั ในการวางแผนล้าง การลดความเขม้ ข้นของสารมีขัว (polarization) เนอ่ื งจาก
เมมเบรน แต่ก็ยังถูกใช้เป็นตัวแปรร่วมกับ NPF และ หากน้ามีความเข้มข้นของสารมีขัวมาก ยิ่งเพ่ิมความหนา
Pressure drop ในการวิเคราะห์และแก้ปัญหาในระบบ ของชันตะกรันสะสมระหว่างสารละลายและผิวหน้าของ
RO เมมเบรน หากชันของการสะสมหนาขนึ สง่ ผลตอ่ ความเรว็
ของการไหลผ่านชันเมมเบรน โดยถ้าอัตราความเร็วของ
- Pressure Drop การไหลสูง แสดงว่ามีชันตะกรันสะสมเพียงเลก็ น้อย หาก
Pressure drop สามารถน้ามาใช้เปน็ ตัวแปรใน บริเวณผิวหน้าเมมเบรนมีชันสะสมหนา (อัตราการไหล
การก้าหนดช่วงเวลาในการล้างเมมเบรน เน่ืองจาก ผ่านต้่า) ยิ่งท้าให้จุลินทรีย์และแบคทีเรียเกาะสะสมอยู่
สามารถตรวจวัดการสูญเสยี ความดัน เน่ืองจากมีแรงเสยี ด บริเวณผิวหน้าของเมมเบรนเป็นระยะเวลานาน ส่งผลให้
ทานจาก scale หรือ foulant บนหน้าเมมเบรน เกิดปัญหา fouling หรือ scale และกรณีที่ RO feed
ซ่ึงพลังงานท่ีสูญเสียไปจากการดูดซับวัสดุของเมมเบร
นจากการเกิด fouling หรือ scale อยู่ในระดับสูง ส่งผล
water มีความเข้มข้นของสารแขวนลอยสูง ก็จะต้องเพิ่ม 16
ความเร็วของอัตราการไหลผ่านเมมเบรนมากขึน เพื่อให้
การผลิตน้าเป็นไปอย่างคงที่ ซึ่งท้าใหเพิ่มต้นทุนการเดิน นอกจากนีสารแขวนลอยต่างๆ ท่ีอยู่ในน้าก็จะ
ระบบ ถูกก้าจัดโดยผ่านการกรอง เพ่ือเป็นการกรองตะกอน
หยาบขันต้นที่ปะปนมากับน้าทุกชนิด เช่น ทรายละเอยี ด
ตารางที่ 4 แสดงปัจจัยท่ีก่อให้เกิดปัญหา fouling, scale และ สนิมเหล็ก เศษผง และจุลินทรีย์ เพื่อยืดอายุการใช้งาน
degradation ของเมมเบรน ของเยอื่ กรองเมมเบรนอกี ด้วยดว้ ย
ดังนันการปรับสภาพน้ากอนเขาระบบที่ดีเพื่อ Summary
ก้าจัดตะกอนอนุภาคของสารตางๆ รวมทังเชือจุลินทรีย ความส้าคัญของการจัดเก็บข้อมูลการเดินระบบ
และสารเคมี ดังตารางท่ี 2 และ 4 ท่ีอาจก่อใหเกิดปัญหา
scale, fouling แ ล ะ degradation บ น ผิ ว ห น า เ ม ม ท่ีเหมาะสม และการจัดท้า normalized flow และ
เบรนหรือท้าให เนือเยื่อของเมมเบรนเส่ือมสภาพ rejection ข้อมูลเหล่านีสามารถบ่งบอกถึงสภาพเบืองต้น
โดยท่ัวไปมีการใช้สารเคมีจ้าพวกกรด และสารเคมีกลุ่ม ของเมมเบรน ซ่ึงการรับรู้ข้อมูลสภาวะของเมมเบรนอยู่
antiscalants ตลอดเวลา ส่งผลให้สามารถติดตามการท้างานของระบบ
RO และแกไ้ ขปญั หาไดอ้ ย่างมีประสทิ ธิภาพ นอกจากนียัง
เป็นการลดตน้ ทนุ การด้าเนินงานใหน้ ้อยที่สดุ
เอกสารอา้ งองิ
Jane Kucera, Reverse Osmosis Performane :
Data Collection and Interpretation,The 28th
Annual University of IIIinois Electric Utility
Chemistry Workshop, Champaign, II, U.S.A.,
May 6-8,2008.
ผเู้ ขยี นบทความ :
น.ส.สุธดิ า ปิ่นชยั ศริ ิ
ตา้ แหนง่ นกั วทิ ยาศาสตร์ ระดับ 6
แผนกเคมเี ทคนคิ
กองเคมคี ุณภาพ ฝ่ายเคมี
17
??? Dioxins ???
ทมี่ า โดย วท.ธนั ยบรู ณ์ ธญั ญโชติไพบลู ย์
หวั หนา้ กองเคมีโรงไฟฟ้า ฝา่ ยเคมี
ไดอ๊อกซิน (dioxins) เป็นผลิตผลทางเคมีจาก
กระบวนการเผาไหม้ท่ีไม่สมบูรณเ์ ป็นสารประกอบในกล่มุ กระบวนการผลิตทางอุตสาหกรรมในรูปของ
คลอริเนตเตทอะโรเมติก ( chlorinated aromatic วัตถุดิบหรือผลิตภัณฑ์ สารไดออ๊ กซิน/ฟิวแรน เปน็ สารท่ีมี
compounds) ที่มีออกซิเจน (O) และคลอรีน (Cl) เป็น ความคงทนยาวนานในส่ิงแวดล้อมและส ามารถ
องค์ประกอบ 1 ถึง 8 อะตอม เคลื่อนย้ายจากอากาศสู่ดิน จากดินสู่พืช หรือจากดินสู่น้า
โดยการชะล้างและเข้าสู่มนุษย์และสัตว์ต่อไป โดย
ไดอ๊อกซินมีชื่อเรียกเต็ม คือ โพลี่คลอริเนตเตท ปนเปื้อนอยู่ในอาหารและน้าท่ีใชบ้ ริโภค
ไดเบ น โซ่ พารา -ไดอ๊ อ ก ซิ น ( polychlorinated
dibenzo-para-dioxins : PCDDs) สารในกลุ่มไดอ๊อก 1. กระบวนการผลิตเคมีภณั ฑ์ ในกลมุ่ นเี กี่ยวกับ
ซนิ มีทงั หมด 75 ชนดิ ผลิตภัณฑ์ประเภท คลอริเนตเตท ฟีนอล (chlorinated
phenols) และตวั ท้าละลายทีม่ สี ารคลอรีน (chlorinated
สารประกอบที่คล้ายคลึงกับกลุ่มไดอ๊อกซินอีก solvents) นอกจากนียังรวมอุตสาหกรรมผลิตกระดาษ
กลุ่มหนึ่ง คือ “ฟิวแรน (furans) หรือมีชื่อเรียกเต็มว่า โพ และเยือ่ กระดาษอยูใ่ นกลมุ่ นดี ว้ ย
ลีคลอริเนตเตท ไดเบนโซ่ ฟิวแรน (polychlorinated
dibenzo furans : PCDFs) มีอยู่ 135 ชนิด สารฟิวแรน 2. กระบวนการเผาไหม้อุณหภูมิสูงทุกชนิด ใน
(PCDFs) แตกต่างจากกลุ่ม "ไดอ๊อกซิน(PCDDs)" โดยมี กลุ่มนีรวมถึงเตาเผากากของเสียทุกชนดิ เช่น เตาเผาขยะ
ออกซิเจนน้อยกว่าอยู่ 1 อะตอม โดยทั่วไปนักวิชาการมกั ทั่วไป เตาเผาขยะสารอันตรายหรือกากอุตสาหกรรม
เรียกรวมและรู้จักกันทั่วว่า "ไดอ๊อกซิน/ฟิวแรน" หรือ เตาเผาขยะติดเชือ หรือของเสียจากโรงพยาบาล และ
“PCDDs/PCDFs” เตาเผาศพ เผาซากสัตว์ การเผาไหม้เชือเพลิงท่ีเป็นทัง
ของแข็ง และของเหลวและกระบวนการหลอมโลหะโดย
แหลง่ เกดิ Dioxin/Furans ใชค้ วามร้อนสูง
ในเบืองตน้ วา่ สารกลุ่มนีเกดิ ขึนในรูปของผลผลิต
3.กระบวนการทางชีวภาพซึง่ อาจมีการสร้างสาร
พลอยได้จากหลายกระบวนการและแพร่กระจายไปสู่ PCDDs/PCDFs ขึนมา การยอ่ ยสลายและการหมัก
สิ่งแวดล้อมในอีกลักษณะหนึง่ อาจจะมปี รากฎอยู่ใน
4.แหล่งกักเก็บต่างๆ เช่น บริเวณที่ทับถมด้วย
กองขยะและดินซึ่งมีสาร PCDDs/PCDFs ปนเปื้อนสะสม
อยู่เป็นเวลายาวนาน
อนง่ึ PCDDs/PCDFs อาจเกิดจากการผลิต
สารประกอบประเภทคลอรเิ นตเตท ไฮโดร์คาร์บอนอีก
หลายชนดิ เชน่ pentachlorophenol,
polychlorinated biphenyls (PCBs),
hexachlorobenzene นอกจากนกี ารผลิตสารเคมหี ลาย
ชนิด ถงึ แมว้ ่าจะไม่ท้าใหเ้ กดิ PCDDs/PCDFs แต่เม่ือสาร
เหลา่ นีถกู นา้ ไปใช้เปน็ วตั ถดุ บิ ในการผลิตสารอืน่ ๆ กอ็ าจ
ทา้ ให้เกดิ PCDDs/PCDFs ขนึ ได้ สารเหล่านเี รียกวา่
“สารตงั ตน้ ” (precursors) ซง่ึ มอี ยู่ 28 ชนดิ คอื
18
วงจรการผลติ Dioxins / Furans
1. การปลดปลอ่ ยส่นู ้า 19
ไดอ๊อกซนิ /ฟวิ แรน เขา้ สู่แหลง่ นา้ ไดจ้ ากการ PCDDs/PCDFs ในดินส่วนใหญ่โดยตรงมาจาก
ปลอ่ ยน้าเสยี การชะล้างจากบรเิ วณปนเปอ้ื นหรือจาก ผลิตภัณฑ์หรือกากของเสียจากสารเคมีป้องกันก้าจัด
ผลติ ภณั ฑ์ ปนเปอื้ น เช่น การใชส้ ารเคมปี ้องกนั ก้าจัด ศัตรูพืชและสัตว์ สารรักษาเนือไม้ที่มี PCDDs/PCDFs
ศัตรพู ืชและสตั วป์ ระเภทออร์แกนโนคลอรนี ปนเป้ือน การน้าเอากากของเสยี ไปใช้ในพืนท่ีเกษตร และ
(organochlorine) การทงิ กาก ของเสยี ฯลฯ การปลอ่ ย การน้ากากของเสียท่ีมี PCDDs/PCDFs ปนเป้ือนไปกอง
น้าเสียจากอตุ สาหกรรมทม่ี กี ระบวนการเกีย่ วกบั การสร้าง ทงิ ไว้ เปน็ ต้น
PCDDs/PCDFs กลา่ วคอื
1) น้าเสยี จากกระบวนการผลติ กระดาษและเยือ่ กระดาษ 3.การปนเปอ้ื นในผลิตภัณฑ์
(pulp and paper) ที่มีการใชส้ ารคลอรีนในการฟอกสี
2) น้าเสยี จากกระบวนการผลติ เคมภี ณั ฑ์ทเ่ี ก่ยี วขอ้ งกบั ไ ด อ๊ อ ก ซิ น / ฟิ ว แ ร น ใ น ผ ลิ ต ภั ณ ฑ์ นี จ ะ เ ป็ น
สารคลอรีน ผลิตภัณฑ์ท่ีเป็นสารประกอบประเภทออร์แกนโนคลอรีน
3) นา้ เสยี จากอุตสาหกรรมฟอกยอ้ ม เสน้ ใย หนงั ไม้ ท่ีใช้ โดยตรงและผลิตภัณฑ์ที่ใช้คลอรีนในกระบวนการ เช่น
สี ย้ อ ม ห รื อ น้ า ย า รั ก ษ า คุ ณ ภ า พ ข อ ง วั ต ถุ ดิ บ ที่มี กระดาษและเยื่อกระดาษ ผลิตภัณฑ์ที่มีการปนเปื้อนสูง
PCDDs/PCDFs เจือปนอยู่ 4) น้าเสียจากบ้านเรือนทั่วไป เช่น พวกคลอริเนตเตท ฟีนอล และอนุพันธ์ เช่น
เช่น เคร่ืองซักผ้า และเครื่องล้างชาม เป็นต้น และ 5) น้า pentachlorophenol (PCP), 2 ,4 ,5 -
เสียจากกิจกรรมการผลิตและสถานที่ของกิจกรรมท่ีมกี าร trichlorophenoxyacetic acid (2,4,5 –T หรือที่รจู้ กั กนั
ใช้สารหรือวัตถุดิบที่ ปนเป้ือนด้วย PCDDs/PCDFs เช่น ทั่วไปว่า “ฝนเหลือง และ polychlorinated biphenyls
สถานท่ีผลิตและใช้สารคลอโรฟีนอล (chlorophenol) (PCBs) ท่ีใช้ใน หม้อแปลงไฟฟ้า และ ตัวเก็บประจุไฟฟ้า
โรงเล่ือย สุสานรถยนต์โดยเฉพาะอยา่ งย่ิงมนี ้ามันหกรดอยู่ ประเทศเยอรมนีได้ทา้ การศึกษาและวเิ คราะห์ปรมิ าณสาร
น้าเสยี จากเตาเผาขยะ เป็นตน้ PCDDs/PCDFs ในผลิตภัณฑ์เคมีและผลิตภัณฑ์ส่ิงทอ
2. การปลดปลอ่ ยสดู่ ิน หลายชนิด (ตารางท่ี 1 และตารางท่ี 2) พบว่าสาร
pentachlorophenol เ ป็ น ส า ร ท่ี มี ก า ร ป น เ ป้ื อ น
ไดออ๊ กซิน/ฟวิ แรนถูกปลดปลอ่ ยไปสดู่ ินได้ โดย PCDDs/PCDFs สู งสุ ด ถึง 2 ,320 ( g.I-TEQ (g = ng x
การทิงหรือการปลดปล่อยผลิตภัณฑ์ที่มี PCDDs/PCDFs 1,000)
ปนเป้ือนอยู่โดยตรง หรือสารนีสะสมตัวอยู่ในดินโดยผา่ น
สงิ่ แวดลอ้ มต่างๆ เช่น จากอากาศสู่ดินดงั ทกี่ ล่าวแล้ว และ
สารท่ีสะสมอยู่ในดินก็จะผ่านเข้าสู่ห่วงโซ่อาหาร (food
chain) และถกู ดูดซมึ เข้าสพู่ ืชและสตั วต์ อ่ ไป
20
4.การปลดปล่อยสู่อากาศ 5.การปลดปลอ่ ย PCDDs/PCDFs จากเตาเผาอุณหภมู ิ
สงู
ไดอ๊อกซิน/ฟิวแรน เข้าสู่บรรยากาศจากแหล่ง
ต่างๆ ทังที่เป็นแหล่งคงที่ซ่ึงมักเกี่ยวข้องกับการ เตาเผา (incinerator) ต่างๆ ไมว่ า่ จะเปน็ เตาเผา
อุตสาหกรรมหรือแหล่งท่ีไม่คงท่ีซ่ึงเก่ียวข้องกับการใช้ ขยะชุมชน (municipal waste incinerator) เตาเผาขยะ
ผ ลิ ต ภั ณ ฑ์ ที่ มี ส า ร PCDDs/PCDFs เ จื อ ป น อ ยู่ อันตราย (hazardous waste incinerator) เตาเผาขยะ
PCDDs/PCDFs จากทังสองแหล่งนีสามารถอยู่คงท่ีหรือ ติดเชือหรือเตาเผาขยะโรงพยาบาล ( medical or
เคลื่อนยา้ ยไปไดเ้ ป็นระยะทางไกลมากจึงสามารถตรวจวัด hospital waste incinerator) แ ล ะ เ ต า เ ผ า ศ พ
ได้ทั่วไปแม้แต่จากแหล่งต่างๆ ซึ่งอยู่ห่างไกลมากๆ จาก ( crematoria) นั บ เ ป็ น แ ห ล่ ง ส้ า คั ญ ที่ ป ล ด ป ล่ อ ย
แหล่งทป่ี ลดปลอ่ ย PCDDs/PCDFs ปรมิ าณมากน้อยขนึ อยู่กับวสั ดทุ ่ีนา้ เขา้ ไป
เผาซึ่งจะต้องมีส่วนประกอบในสภาวะใดสภาวะหน่ึงหรือ
ตั วอย่ า งของกร ะ บ วนกา ร ท่ีป ล ด ป ล่ อ ย หลายๆ สภาวะทัง 4 ดังกล่าวแล้วในการเผาท่ีมีวัสดุใน 3
PCDDs/PCDFs ไปสู่อากาศเช่น กระบวนการเผาไหม้ สภาวะคือ มีสารพวกอินทรีย์คาร์บอน มีสารคลอรนี และมี
กระบวนการผลิตโลหะและหลอมโลหะ กระบวนการปิ้ง ผลิตภัณฑ์ที่มีสาร PCDDs/PCDFs ปะปนอยู่ จะสามารถ
หรือย่าง ตู้อบควัน อุตสาหกรรมที่ใช้ความร้อนสูง เป็นตน้ ผลิตหรอื ปลดปลอ่ ย PCDDs/PCDFs สู่บรรยากาศได้ ต้อง
โอกาสที่จะมีการสร้างและปลดปล่อย PCDDs/PCDFs สู่ มีตัวแปรหรือสภาวะที่ส้าคัญอีกส่วนหน่ึงคืออุณหภูมิใน
บรรยากาศสามารถเกดิ ขนึ ได้ในสภาวะใดสภาวะหนึ่งหรือ การเผาไหม้
หลายๆสภาวะรว่ มกนั คอื
การสร้างหรือผลิต PCDDs/PCDFs จากการเผา
1) กระบวนการเผาไหม้ท่ีไม่สมบูรณ์เม่ือ ไหม้จะอยู่ในช่วงอุณหภูมิประมาณ 200-550 องศา
อุณหภูมิสงู กวา่ 200 องศาเซลเซียส เซลเซียส ความเข้มข้นสูงสุดของ PCDDs/PCDFs จะมีอยู่
ในก๊าซและเถ้า (ash) ท่ีอยู่ในปล่องท่ีอุณหภูมิประมาณ
2) มีสารพวกอินทรีย์คาร์บอน ( organic 350 องศาเซลเซียส ความเข้มข้นจะลดลงต้่าสุดเมื่อ
carbon) อุณหภูมิลดลงหรือเพ่ิมขึนท่ีประมาณ 275 และ 420
องศาเซลเซียส ตามล้าดับแต่ก็ยังมีสารนีอยู่ในปริมาณต่้า
3) มสี ารคลอรนี (chlorine, Cl) ในช่วง 200-275 องศาเซลเซียสและสูงกว่า 420-550
4) ผลิตภณั ฑท์ ี่มีสาร PCDDs/PCDFs ปะปนอยู่ องศาเซลเซียส โมเลกุลของ PCDDs/PCDFs จะเร่ิมถูก
ท้าลาย (break down) เมื่ออุณหภูมิ 850 องศาเซลเซียส 21
ขึนไปและจะถูกทา้ ลายเกือบสมบรู ณเ์ มื่ออณุ หภมู ิขนึ ไปถึง
1,100 องศาเซลเซียสเป็นเวลา 2 วินาที อย่างไรก็ตาม ดังนันเตาเผาท่ีมีประสิทธิภาพสูงและก้าจัด
PCDDs/PCDFs จะไม่ถูกท้าลายอย่างสินเชิงเพราะเมื่อ PCDDs/PCDFs ไดส้ ูงสดุ ดีกว่ามาตรฐานทีก่ ้าหนดก็จะตอ้ ง
อณุ หภูมิลดลงก็จะสร้างขนึ มาใหม่อกี มีอุปกรณ์ที่เผาก๊าซอย่างสมบูรณ์และประกอบด้วย
อุปกรณ์ก้าจัดสารพิษต่างๆ ในก๊าซในปล่องและเถ้าลอย
การสรา้ งหรือผลิต PCDDs/PCDFs จะมีปริมาณ (fly ash) อุปกรณ์นีเรียกว่า “ เครื่องท้าความสะอาดก๊าซ
สูงสุดในช่วงของกระบวนการเริ่มเผาด้วยเชือเพลิง ถ้า (flue gas cleaner) เม่ือมีการท้าความสะอาดดังกล่าว
เชือเพลิงมปี ริมาณสารคลอรีน (Cl) ตา่้ ความเข้มข้นกจ็ ะตา้่ แล้ว ส่วนที่เหลือจากกระบวนการเผาซ่ึงเป็น “ เถ้าหนัก
ด้วย ในสภาวะการเผาไหม้ท่ีคงท่ีซึ่งเป็นผลมาจากการเผา (bottom ash) “หรือ” เถ้าลอย (fly ash) “ ก็สามารถ
ไหมท้ ส่ี มบูรณข์ องกา๊ ซในปลอ่ ง PCDDs/PCDFs ก็เกือบจะ น้าไปใช้ประโยชน์ในกิจกรรมอื่นๆ ได้ เช่น น้าไปใช้ในการ
ถูกท้าลายหมดในห้องเผา แต่ในทางตรงข้ามก๊าซในปล่อง กอ่ สร้างโดยไมม่ อี ันตรายจากสารไดออ๊ กซนิ /ฟิวแรน
ที่ไม่ถูกเผาไหม้เนื่องจากสภาวะการเผาไหม้ไม่คงที่จะเปน็
ผลให้มีความเข้มข้นของ PCDDs/PCDFs สูงในก๊าซที่ เอกสารอ้างองิ
ออกมา ในอกี สว่ นหนึง่ ท่ี PCDDs/PCDFs ถูกสรา้ งขนึ ก็คือ
ในส่วนที่เป็นหม้อไอน้า (boiler) ซ่ึงจะมีการสะสมตัวของ 1. http://pcd.go.th/info_serv/haz_dioxin.ht
กากขีเถา้ ลอย (fly ash) อย่ใู นบรเิ วณนี
m
2. http://www.foodnetworksolution.com/w
iki/word/2028/dioxins
ผู้เรียงรอ้ ยบทความ
(เรยี บเรยี งขอ้ มูลจากที่มาตามเอกสารอ้างอิง
โดยมไิ ด้แตง่ เติมประโยคใดๆทังสิน)
นางธนั ยบรู ณ์ ธญั ญโชตไิ พบูลย์
ตา้ แหนง่ หัวหนา้ กองเคมีโรงไฟฟา้ ฝ่ายเคมี