กาหนดการจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้
รายวิชา ค33101 คณติ ศาสตร์พน้ื ฐาน
ชัน้ มัธยมศกึ ษาปีที่ 6 ภาคเรียนท่ี 1
ปีการศกึ ษา 2564
โดย
นางสาวเริงนภา อาทะวงษ์
ตาแหนง่ ครู
กลมุ่ สาระการเรยี นรคู้ ณิตศาสตร์
โรงเรียนโคกโพธไิ์ ชยศึกษา
อาเภอโคกโพธ์ไิ ชย จังหวัดขอนแก่น
สานกั งานเขตพ้ืนทก่ี ารศกึ ษามัธยมศกึ ษาขอนแกน่
คานา
กาหนดการจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ สาหรับช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 6 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2564 จัดทา
ขึ้นเพ่ือใช้เป็นแนวทางในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ในรายวิชา ค 33101 คณิตศาสตร์พ้ืนฐาน กลุ่มสาระการเรียนรู้
คณิตศาสตร์ เพ่อื ให้นักเรียนบรรลตุ ามมาตรฐานการเรียนร/ู้ ตวั ช้ีวัด/จุดมุ่งหมาย ท่ีกาหนดไว้ ผู้จัดทาจึงได้ศึกษาสาระ
การเรยี นรู้พนื้ ฐานใหเ้ ข้าใจอยา่ งถอ่ งแท้ และนาปญั หาที่พบจากประสบการณ์และความรู้ท่ีได้จากการอบรมสาระการ
เรียนรู้คณิตศาสตร์ เทคนิคและวิธีการสอน การวัดผลประเมินผล จิตวิทยาการเรียนรู้ ตลอดจนความรู้ที่ได้จาก
การศกึ ษาค้นควา้ ด้วยตนเอง มาจัดทากาหนดการจดั กิจกรรมการเรียนรูใ้ นครงั้ นี้
ผู้จดั ทาขอขอบคณุ ผ้บู รหิ ารโรงเรยี น ผเู้ ช่ยี วชาญ และคณะครูกลุ่มสาระการเรยี นรู้คณิตศาสตร์โรงเรียนโคก
โพธิ์ไชยศึกษา ที่ให้ความอนุเคราะห์ ตรวจสอบ ให้ข้อเสนอแนะ ข้อแนะนาในการปรับปรุง แก้ไข พัฒนากาหนดการ
จัดกจิ กรรมการเรยี นรู้เล่มนจี้ นสาเร็จลุลว่ งไปไดด้ ว้ ยดี
หวังเป็นอย่างยิ่งว่า กาหนดการจัดกิจกรรมการเรียนรู้นี้ จะเป็นประโยชน์สาหรับครูผู้สอนตลอดจนเป็น
แนวทางในการจดั กิจกกรมการเรยี นรขู้ องกล่มุ สาระการเรียนรูค้ ณติ ศาสตร์ตอ่ ไป
เริงนภา อาทะวงษ์
คาชี้แจง
กาหนดการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ สาหรับชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 6 รายวิชา ค 33101 คณิตศาสตร์พื้นฐาน
จดั ทาขึน้ เพือ่ ใชเ้ ป็นแนวทางในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ในภาคเรียนท่ี 1 ปีการศึกษา 2564 โดยมุ่งเน้นให้นักเรียน
เกิดความรู้ ทักษะกระบวนการและคุณลักษณะอันพึงประสงค์ และบรรลุตามมาตรฐานการเรียนรู้/ ตัวช้ีวัด/
จดุ มุ่งหมาย ทก่ี าหนดไวใ้ นกาหนดการจดั กิจกรรมการเรยี นรเู้ ล่มนี้ประกอบดว้ ย
หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 เรอื่ ง ความหมายของสถิติศาสตร์และขอ้ มลู
หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 2 เรอื่ ง การวเิ คราะห์และนาเสนอข้อมลู เชงิ คณุ ภาพ
หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 3 เร่อื ง การวิเคราะห์และนาเสนอขอ้ มลู เชิงปริมาณ
ผูจ้ ัดทาหวงั เปน็ อยา่ งยงิ่ วา่ กาหนดการจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้นี้ จะเป็นประโยชน์สาหรับครูผู้สอนตลอดจน
เปน็ แนวทางในการจัดกิจกกรมการเรยี นรู้ของกลมุ่ สาระการเรียนร้คู ณิตศาสตรต์ ่อไป
สารบัญ หนา้
คานา 1
คาชแ้ี จง 1
สารบัญ 2
2
สมรรถนะสาคญั ของผเู้ รียน 3
คณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์ 3
ทาไมตอ้ งเรียนคณิตศาสตร์ 4
เรยี นรอู้ ะไรในคณติ ศาสตร์
สาระการเรยี นรู้และมาตรฐาน 4
ทักษะและกระบวนการทางคณติ ศาสตร์
คุณภาพผู้เรยี น 4
ตวั ช้ีวดั และสาระการเรยี นรู้แกนกลาง 5
การจัดเวลาเรียน 6
โครงสร้างหลกั สตู รรายวชิ าคณิตศาสตร์ระดบั ชั้นมัธยมศกึ ษาตอนปลาย 7
โครงสร้างเวลาเรยี นสาระการเรียนรคู้ ณิตศาสตร์พ้ืนฐาน 8
คาอธบิ ายรายวิชา 10
หน่วยการเรียนร/ู้ สาระการเรยี นร/ู้ จดุ มุ่งหมายการเรยี นรู้ 11
โครงสรา้ งรายวชิ า ค33101 คณิตศาสตร์พ้ืนฐาน 12
การวดั และประเมนิ ผลการเรียนรู้ รายวิชา ค33101 คณติ ศาสตร์พนื้ ฐาน 14
กาหนดแผนการจดั กจิ กรรมการเรียนรูร้ ายวิชา ค33101 คณติ ศาสตร์พื้นฐาน 15
การจดั การเรยี นรู้ 17
สื่อการเรยี นรู้ 24
การวดั และประเมินผลการเรยี นรู้
อภิธานศัพท์ 27
เอกสารอา้ งอิง
โครงสร้างกาหนดการจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ รายวชิ า ค33101 คณิตศาสตร์พื้นฐาน ภาคเรยี นที่ 1 ปกี ารศกึ ษา 2564 1
สมรรถนะสาคญั ของผเู้ รียน
หลกั สูตรสถานศึกษาโรงเรียนโคกโพธ์ไิ ชยศกึ ษา มุ่งให้ผเู้ รยี นเกดิ สมรรถนะสาคัญ 5 ประการ ดังนี้
1. ความสามารถในการส่ือสาร เปน็ ความสามารถในการรับและส่งสาร มีวัฒนธรรมในการใช้ภาษา
ถ่ายทอดความคิด ความรู้ความเขา้ ใจ ความรู้สึกและทศั นะของตนเองเพ่ือแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารและประสบการณ์
อนั จะเป็นประโยชน์ตอ่ การพัฒนาตนเองและสังคม รวมทง้ั การเจรจาตอ่ รองเพือ่ ขจดั และลดปัญหาความขัดแย้งต่าง ๆ
การเลือกรับหรือไม่รับข้อมูลข่าวสารด้วยหลักเหตุผลและความถูกต้อง ตลอดจนการเลือกใช้วิธีการสื่อสาร ที่มี
ประสิทธิภาพโดยคานึงถึงผลกระทบท่ีมตี อ่ ตนเองและสังคม
2. ความสามารถในการคดิ เปน็ ความสามารถในการคิดวิเคราะห์ การคิดสังเคราะห์ การคิด อย่าง
สร้างสรรค์ การคดิ อย่างมีวิจารณญาณและการคิดเป็นระบบ เพ่ือนาไปสู่การสร้างองค์ความรู้หรือสารสนเทศเพื่อการ
ตดั สินใจเกี่ยวกับตนเองและสงั คมได้อย่างเหมาะสม
3. ความสามารถในการแกป้ ญั หา เปน็ ความสามารถในการแกป้ ัญหาและอปุ สรรคต่าง ๆ ท่ีเผชิญได้
อย่างถูกต้องเหมาะสมบนพ้ืนฐานของหลักเหตุผล คุณธรรมและข้อมูลสารสนเทศ เข้าใจความสัมพันธ์และการ
เปลีย่ นแปลงของเหตุการณ์ตา่ ง ๆ ในสังคม แสวงหาความรู้ ประยุกต์ความร้มู าใช้ในการป้องกันและแก้ไขปัญหาและมี
การตัดสนิ ใจทม่ี ปี ระสทิ ธภิ าพโดยคานึงถงึ ผลกระทบที่เกดิ ขน้ึ ต่อตนเอง สังคมและส่งิ แวดลอ้ ม
4. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต เป็นความสามารถในการนากระบวนการต่าง ๆ ไปใช้ ในการ
ดาเนนิ ชวี ิตประจาวัน การเรยี นรดู้ ว้ ยตนเอง การเรียนรู้อย่างต่อเน่ือง การทางานและการอยู่ร่วมกันในสังคมด้วยการ
สร้างเสริมความสัมพนั ธอ์ ันดีระหว่างบุคคล การจัดการปัญหาและความขัดแย้งต่าง ๆ อย่างเหมาะสม การปรับตัวให้ทัน
กับการเปลี่ยนแปลงของสังคมและสภาพแวดล้อมและการรู้จักหลีกเลี่ยงพฤติกรรมไม่พึงประสงค์ ท่ีส่งผลกระทบต่อ
ตนเองและผูอ้ ่นื
5. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี เป็นความสามารถในการเลือก และใช้ เทคโนโลยีด้านต่าง ๆ
และมที กั ษะกระบวนการทางเทคโนโลยี เพ่ือการพัฒนาตนเองและสังคม ในด้านการเรียนรู้ การสื่อสาร การทางาน การ
แกป้ ัญหาอย่างสร้างสรรค์ ถูกตอ้ ง เหมาะสม และมีคุณธรรม
คณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์
หลักสตู รแกนกลางการศกึ ษาข้ันพื้นฐาน มุ่งพฒั นาผู้เรียนให้มีคุณลักษณะอันพึงประสงค์ เพ่ือให้สามารถอยู่
รว่ มกับผอู้ ่ืนในสังคมได้อย่างมีความสุข ในฐานะเป็นพลเมอื งไทยและพลโลก ดงั น้ี
1. รักชาติ ศาสน์ กษตั รยิ ์
2. ซื่อสัตยส์ ุจรติ
3. มวี ินยั
4. ใฝ่เรยี นรู้
5. อยอู่ ยา่ งพอเพยี ง
6. มงุ่ มน่ั ในการทางาน
เรียบเรียงโดยนางสาวเริงนภา อาทะวงษ์ ตาแหน่งครู กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ โรงเรยี นโคกโพธิไ์ ชยศกึ ษา
โครงสรา้ งกาหนดการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ รายวิชา ค33101 คณติ ศาสตร์พื้นฐาน ภาคเรยี นที่ 1 ปกี ารศกึ ษา 2564 2
7. รกั ความเปน็ ไทย
8. มจี ติ สาธารณะ
ทาไมต้องเรยี นคณติ ศาสตร์
คณติ ศาสตร์มีบทบาทสาคัญย่ิงต่อความสาเร็จในการเรียนรู้ในศตวรรษท่ี 21 เนื่องจากคณิตศาสตร์ช่วยให้
มนษุ ย์มคี วามคดิ รเิ รม่ิ สรา้ งสรรค์ คดิ อยา่ งมีเหตุผล เป็นระบบ มีแบบแผน สามารถวเิ คราะหป์ ญั หา หรือสถานการณ์ได้
อย่างรอบคอบและถ่ีถ้วน ช่วยให้คาดการณ์ วางแผน ตัดสินใจ แก้ปัญหาได้อย่างถูกต้องเหมาะสม และสามารถ
นาไปใช้ในชีวิตจริงได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากน้ี คณิตศาสตร์ยังเป็นเคร่ืองมือ ในการศึกษาด้านวิทยาศาสตร์
เทคโนโลยี และศาสตรอ์ น่ื ๆ อนั เปน็ รากฐานในการพัฒนาทรัพยากรบุคคลของชาติให้มีคุณภาพและพัฒนาเศรษฐกิจ
ของประเทศให้ทดั เทยี มกบั นานาชาติ การศึกษาคณิตศาสตร์ จึงจาเป็นต้องมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ทันสมัย
และสอดคล้องกบั สภาพเศรษฐกิจ สังคม และความรู้ ทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีท่ีเจริญก้าวหน้าอย่างรวดเร็วใน
ยุคโลกาภวิ ัตน์
เรยี นร้อู ะไรในคณิตศาสตร์
กลุ่มสาระการเรยี นรูค้ ณติ ศาสตร์จดั เปน็ 4 สาระ ไดแ้ ก่
จานวนและพีชคณิต ระบบจานวนจริง สมบัติเก่ียวกับจานวนจริง อัตราส่วน ร้อยละ การ
ประมาณคา่ การแก้ปญั หาเกย่ี วกับจานวน การใชจ้ านวนในชีวติ จริง แบบรูป ความสัมพันธ์ ฟังก์ชัน เซต ตรรกศาสตร์
นพิ จน์ เอกนาม พหนุ าม สมการ ระบบสมการ อสมการ กราฟ ดอกเบี้ยและมูลค่าของเงิน เมทริกซ์ จานวนเชิงซ้อน
ลาดบั และอนุกรม และการนาความรเู้ กยี่ วกับจานวนและพีชคณติ ไปใชใ้ นสถานการณต์ า่ ง ๆ
การวัดและเรขาคณิต ความยาว ระยะทาง น้าหนัก พื้นท่ี ปริมาตรและความจุ เงินและเวลา
หน่วยวดั ระบบต่าง ๆ การคาดคะเนเก่ียวกับการวัด อัตราส่วนตรีโกณมิติ รูปเรขาคณิตและสมบัติของ รูปเรขาคณิต
การนกึ ภาพ แบบจาลองทางเรขาคณิต ทฤษฎีบททางเรขาคณิต การแปลงทางเรขาคณิตในเรื่องการเลื่อนขนาน การ
สะท้อน การหมุน เรขาคณิตวิเคราะห์ เวกเตอร์ในสามมิติ และการนาความรู้เกี่ยวกับ การวัดและเรขาคณิตไปใช้ใน
สถานการณต์ ่าง ๆ
สถิติและความน่าจะเป็น การตั้งทางสถิติ การเก็บรวบรวมข้อมูล การคานวณค่าสถิติ การ
นาเสนอและแปลผลสาหรบั ข้อมูลเชิงคุณภาพและเชิงปริมาณ หลักการนับเบ้ืองต้น ความน่าจะเป็นการแจกแจงของ
ตัวแปรส่มุ การใชค้ วามรู้เกีย่ วกบั สถติ ิและความนา่ จะเป็นในการอธบิ ายเหตุการณ์ ต่าง ๆ และช่วยในการตดั สินใจ
แคลคูลัส ลิมิตและความต่อเน่ืองของฟังก์ชัน อนุพันธ์ของฟังก์ชันพีชคณิต ปริพันธ์ของฟังก์ชัน
พชี คณติ และการนาความรเู้ ก่ียวกับแคลคลู ัสไปใชใ้ นสถานการณต์ า่ ง ๆ
เรยี บเรียงโดยนางสาวเรงิ นภา อาทะวงษ์ ตาแหนง่ ครู กลุ่มสาระการเรยี นรคู้ ณติ ศาสตร์ โรงเรยี นโคกโพธ์ิไชยศึกษา
โครงสร้างกาหนดการจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ รายวชิ า ค33101 คณิตศาสตร์พื้นฐาน ภาคเรยี นท่ี 1 ปีการศกึ ษา 2564 3
สาระและมาตรฐานการเรยี นรู้
สาระการเรยี นรู้พ้นื ฐาน
สาระที่ 1 จานวนและพีชคณติ
มาตรฐาน ค 1.1 เข้าใจความหลากหลายของการแสดงจานวน ระบบจานวน
การดาเนนิ การของจานวน ผลท่ีเกดิ ขึ้นจากการดาเนินการ
สมบตั ขิ องการดาเนนิ การ และนาไปใช้
มาตรฐาน ค 1.2 เขา้ ใจและวเิ คราะห์แบบรปู ความสัมพันธ์ ฟังกช์ ัน ลาดบั และอนุกรม
และนาไปใช้
มาตรฐาน ค 1.3 ใชน้ พิ จน์ สมการ อสมการ และเมทริกซ์ อธบิ ายความสมั พันธ์
หรือช่วยแกป้ ญั หาที่กาหนดให้
สาระท่ี 2 การวัดและเรขาคณิต
มาตรฐาน ค 2.1 เข้าใจพ้ืนฐานเกีย่ วกบั การวดั วดั และคาดคะเนขนาดของส่ิงทต่ี ้องการวดั
และนาไปใช้
มาตรฐาน ค 2.2 เข้าใจและวิเคราะห์รูปเรขาคณิต สมบตั ขิ องรูปเรขาคณิต
ความสมั พนั ธ์ระหวา่ งรูปเรขาคณิต และทฤษฎีบททางเรขาคณิต และนาไปใช้
สาระท่ี 3 สถิติและความนา่ จะเป็น
มาตรฐาน ค 3.1 เขา้ ใจกระบวนการทางสถติ ิ และใช้ความรูท้ างสถติ ิในการแก้ปญั หา
มาตรฐาน ค 3.2 เขา้ ใจหลักการนับเบ้อื งต้น ความน่าจะเปน็ และนาไปใช้
ทกั ษะและกระบวนการทางคณติ ศาสตร์
ทักษะและกระบวนการทางคณติ ศาสตรเ์ ปน็ ความสามารถท่ีจะนาความร้ไู ปประยุกต์ใช้ใน การเรียนรู้สิ่งต่าง
ๆ เพ่ือให้ได้มาซ่ึงความรู้ และประยุกต์ใช้ในชีวิตประจาวันได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทักษะและกระบวนการทาง
คณิตศาสตร์ในที่นี้ เน้นที่ทักษะและกระบวนการทางคณิตศาสตร์ที่จาเป็น และต้องการพัฒนาให้เกิดข้ึนกับผู้เรียน
ไดแ้ ก่ ความสามารถตอ่ ไปนี้
1. การแก้ปัญหา เป็นความสามารถในการทาความเข้าใจปัญหา คิดวิเคราะห์ วางแผนแก้ปัญหา
และเลอื กใชว้ ิธกี ารท่เี หมาะสม โดยคานงึ ถงึ ความสมเหตุสมผลของคาตอบ พร้อมท้งั ตรวจสอบความถูกตอ้ ง
2. การสื่อสารและการสื่อความหมายทางคณิตศาสตร์ เป็นความสามารถในการใช้รูป ภาษาและ
สญั ลกั ษณท์ างคณติ ศาสตรใ์ นการสอื่ สาร ส่อื ความหมาย สรปุ ผล และนาเสนอได้อยา่ งถูกตอ้ ง ชดั เจน
3. การเช่ือมโยง เป็นความสามารถในการใช้ความรู้ทางคณิตศาสตร์เป็นเครื่องมือในการเรียนรู้
คณิตศาสตร์เนือ้ หาตา่ ง ๆ หรอื ศาสตรอ์ ่นื ๆ และนาไปใชใ้ นชวี ิตจริง
เรยี บเรยี งโดยนางสาวเรงิ นภา อาทะวงษ์ ตาแหนง่ ครู กล่มุ สาระการเรยี นร้คู ณิตศาสตร์ โรงเรียนโคกโพธ์ิไชยศกึ ษา
โครงสรา้ งกาหนดการจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ รายวชิ า ค33101 คณติ ศาสตร์พนื้ ฐาน ภาคเรียนท่ี 1 ปีการศึกษา 2564 4
4. การให้เหตุผล เป็นความสามารถในการให้เหตุผล รับฟังและให้เหตุผลสนับสนุนหรือโต้แย้ง เพ่ือ
นาไปสู่การสรปุ โดยมขี อ้ เทจ็ จรงิ ทางคณิตศาสตรร์ องรบั
5. การคิดสร้างสรรค์ เป็นความสามารถในการขยายแนวคิดที่มีอยู่เดิมหรือสร้างแนวคิดใหม่ เพื่อ
ปรับปรงุ พัฒนาองคค์ วามรู้
คุณภาพผู้เรียน
จบชนั้ มธั ยมศึกษาปีที่ 6 (สาหรับนักเรยี นทเ่ี น้นวิทยาศาสตร์)
เขา้ ใจและใชค้ วามรู้เก่ยี วกับเซตและตรรกศาสตร์เบื้องตน้ ในการสือ่ สาร สอื่ ความหมายทางคณิตศาสตร์
เข้าใจและใช้หลักการนับเบื้องต้น การเรียงสับเปลี่ยน และการจัดหมู่ ในการแก้ปัญหา และนาความรู้
เก่ียวกบั ความนา่ จะเป็นไปใช้
นาความรเู้ ก่ียวกับเลขยกกาลัง ฟงั กช์ นั ลาดบั และอนกุ รม ไปใช้ในการแก้ปัญหา รวมท้ังปัญหาเก่ียวกับ
ดอกเบ้ียและมลู คา่ ของเงนิ
เข้าใจและใช้ความรทู้ างสถิติในการวิเคราะห์ข้อมูล นาเสนอขอ้ มูล และแปลความหมายขอ้ มูล เพื่อ
ประกอบการตัดสนิ ใจ
ตัวชีว้ ดั และสาระการเรยี นรแู้ กนกลาง
สาระท่ี 3 สถิติและความนา่ จะเปน็
มาตรฐาน ค 3.1 เข้าใจกระบวนการทางสถิติ และใช้ความรูท้ างสถิติในการแก้ปัญหา
ชั้น ตัวช้ีวัด สาระการเรียนรู้แกนกลาง
ม.6 สถิติ
1. เข้าใจและใช้ความรู้ทางสถิติในการ - ข้อมลู
นาเสนอข้อมูล และแปลความหมายของ - ตาแหนง่ ท่ขี องข้อมูล
คา่ สถิตเิ พ่ือประกอบการตัดสนิ ใจ - คา่ กลาง (ฐานนยิ ม มัธยฐาน ค่าเฉลยี่ เลข
คณติ )
- คา่ การกระจาย (พสิ ัย ส่วนเบีย่ งเบนมาตรฐาน
ความแปรปรวน)
- การนาเสนอขอ้ มลู เชงิ คุณภาพและเชิงปรมิ าณ
- การแปลความหมายของคา่ สถิติ
การจดั เวลาเรียน
หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน ได้กาหนดกรอบโครงสร้างเวลาเรียนขั้นต่าสาหรับระดับชั้น
มธั ยมศกึ ษาตอนปลาย (ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 4 – 6) เป็นรายภาคเรียนซ่ึงมีเวลาเรียนวันละไม่เกิน 6 ชั่วโมง คิดน้าหนักของ
รายวิชาทเ่ี รียนเป็นหนว่ ยกิต ใชเ้ กณฑ์ 40 ช่ัวโมงตอ่ ภาคเรยี น มคี ่าน้าหนกั วิชา เท่ากบั 1 หน่วยกติ (นก.)
เรียบเรยี งโดยนางสาวเรงิ นภา อาทะวงษ์ ตาแหน่งครู กลุม่ สาระการเรยี นรูค้ ณิตศาสตร์ โรงเรยี นโคกโพธ์ไิ ชยศึกษา
โครงสร้างกาหนดการจดั กิจกรรมการเรยี นรู้ รายวชิ า ค33101 คณติ ศาสตร์พ้ืนฐาน ภาคเรียนท่ี 1 ปีการศึกษา 2564 5
โครงสร้างหลักสูตรรายวิชาคณิตศาสตร์ระดับชั้นมัธยมศกึ ษาตอนปลาย
โรงเรยี นโคกโพธิไ์ ชยศึกษา
รายวิชา เวลาเรยี น รายวิชา เวลาเรียน
หนว่ ยกติ /(ชม.) หนว่ ยกิต/(ชม.)
ชน้ั มธั ยมศึกษาปีท่ี 4 (ภาคเรียนท่ี 1) ช้นั มัธยมศกึ ษาปที ี่ 4 (ภาคเรยี นท่ี 2)
รายวิชาพ้ืนฐาน รายวิชาพื้นฐาน
ค33101 คณิตศาสตรพ์ ้ืนฐาน 1.0 (40) ค33102 คณิตศาสตร์พืน้ ฐาน 1.0 (40)
รายวิชาเพิ่มเติม รายวชิ าเพม่ิ เติม
ค31201 คณิตศาสตร์เพมิ่ เตมิ 1.5 (60) ค31202 คณิตศาสตร์เพ่ิมเติม 1.5 (60)
รวม 2.5 (100) รวม 2.5 (100)
ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 5 (ภาคเรยี นที่ 1) ชัน้ มัธยมศึกษาปที ี่ 5 (ภาคเรียนท่ี 2)
รายวิชาพืน้ ฐาน รายวชิ าพื้นฐาน
ค32101 คณิตศาสตร์พืน้ ฐาน 1.0 (40) ค32102 คณิตศาสตร์พน้ื ฐาน 1.0 (40)
รายวิชาเพมิ่ เติม รายวชิ าเพิม่ เตมิ
ค32201 คณติ ศาสตร์เพม่ิ เตมิ 1.5 (60) ค32202 คณติ ศาสตรเ์ พิ่มเตมิ 1.5 (60)
รวม 2.5 (100) รวม 2.5 (100)
ชั้นมธั ยมศกึ ษาปที ่ี 6 (ภาคเรยี นที่ 1) ช้ันมัธยมศึกษาปที ี่ 6 (ภาคเรยี นที่ 2)
รายวิชาพื้นฐาน รายวิชาพ้นื ฐาน
ค32101 คณิตศาสตร์พ้ืนฐาน 1.0 (40) ค32102 คณิตศาสตร์พ้นื ฐาน 1.0 (40)
รายวชิ าเพิ่มเตมิ รายวชิ าเพิ่มเติม
ค32201 คณิตศาสตรเ์ พ่มิ เติม 1.5 (60) ค32202 คณติ ศาสตร์เพ่ิมเติม 1.5 (60)
รวม 2.5 (100) รวม 2.5 (100)
รวมทงั้ สิน้ 7.5 (300) รวมทัง้ สิ้น 7.5 (300)
เรียบเรยี งโดยนางสาวเรงิ นภา อาทะวงษ์ ตาแหน่งครู กลุ่มสาระการเรยี นรคู้ ณิตศาสตร์ โรงเรียนโคกโพธิ์ไชยศกึ ษา
โครงสรา้ งกาหนดการจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ รายวิชา ค33101 คณติ ศาสตร์พื้นฐาน ภาคเรียนที่ 1 ปกี ารศึกษา 2564 6
โครงสร้างเวลาเรียนสาระการเรียนร้คู ณิตศาสตร์พ้นื ฐาน
ระดับช้ันมัธยมศึกษาตอนปลาย
ช้ันมัธยมศึกษาปที ่ี 4
ค31101 คณิตศาสตร์พื้นฐาน 2 ชั่วโมง / สปั ดาห์ 40 ชว่ั โมง /ภาคเรียน จานวน 1.0 หน่วยกิต
ค31102 คณิตศาสตร์พนื้ ฐาน 2 ชัว่ โมง / สปั ดาห์ 40 ชว่ั โมง /ภาคเรยี น จานวน 1.0 หน่วยกติ
ช้นั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 5
ค32101 คณิตศาสตร์พื้นฐาน 2 ชวั่ โมง / สัปดาห์ 40 ชว่ั โมง /ภาคเรียน จานวน 1.0 หน่วยกิต
ค32102 คณิตศาสตร์พนื้ ฐาน 2 ชั่วโมง / สปั ดาห์ 40 ช่ัวโมง /ภาคเรียน จานวน 1.0 หนว่ ยกิต
ชั้นมัธยมศึกษาปที ี่ 6
ค33101 คณิตศาสตร์พ้ืนฐาน 2 ชว่ั โมง / สปั ดาห์ 40 ชว่ั โมง /ภาคเรยี น จานวน 1.0 หนว่ ยกิต
ค33102 คณิตศาสตร์พื้นฐาน 2 ช่ัวโมง / สปั ดาห์ 40 ชัว่ โมง /ภาคเรียน จานวน 1.0 หน่วยกิต
เรยี บเรยี งโดยนางสาวเรงิ นภา อาทะวงษ์ ตาแหนง่ ครู กล่มุ สาระการเรยี นร้คู ณติ ศาสตร์ โรงเรียนโคกโพธ์ิไชยศึกษา
โครงสรา้ งกาหนดการจัดกจิ กรรมการเรียนรู้ รายวชิ า ค33101 คณิตศาสตร์พืน้ ฐาน ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2564 7
คาอธบิ ายรายวชิ า
รายวชิ า ค33101 คณติ ศาสตร์พื้นฐาน กลุ่มสาระการเรยี นรู้คณิตศาสตร์ โรงเรยี นโคกโพธิไ์ ชยศกึ ษา
ช้ันมธั ยมศกึ ษาปีท่ี 6 ภาคเรยี นที่ 1 ปีการศกึ ษา 2564
เวลา 2 ชวั่ โมง/สัปดาห์ รวม 40 ช่วั โมง/ภาคเรียน จานวน 1.0 หนว่ ยกิต
ศึกษา ฝึกทกั ษะการคิดคานวณ จัดการเรยี นรู้ โดยใชป้ ระสบการณ์หรือสถานการณ์ ในชวี ติ ประจาวันที่ใกล้
ตัวผู้เรียน ให้ผู้เรียนได้ศึกษาค้นคว้าโดยการปฏิบัติจริง ทดลอง สรุปรายงานและฝึกทักษะและกระบวนการในสาระ
ตอ่ ไปน้ี
ความหมายของสถติ ิศาสตร์และข้อมลู สถติ ศิ าสตร์ คาสาคัญในสถิติศาสตร์ ประเภทของข้อมูล (ประเภท
ของข้อมูลตามแหล่งที่มาของข้อมูล ประเภทของข้อมูลตามระยะเวลาท่ีจัดเก็บ ประเภทของข้อมูลตามลักษณะของ
ขอ้ มลู ) สถิตศิ าสตร์เชงิ พรรณนาและสถติ ิศาสตรเ์ ชิงอนุมาน
การวิเคราะห์และนาเสนอข้อมูลเชิงคุณภาพ การวิเคราะห์และนาเสนอข้อมูลเชิงคุณภาพด้วยตาราง
ความถี่ (การวเิ คราะห์ขอ้ มูลเชงิ คณุ ภาพ การนาเสนอขอ้ มูลเชิงคุณภาพด้วยตารางความถี่) การวิเคราะห์และนาเสนอ
ข้อมลู เชงิ คุณภาพด้วยแผนภาพ
การวิเคราะหแ์ ละนาเสนอข้อมลู เชงิ ปรมิ าณ การวเิ คราะหแ์ ละนาเสนอข้อมลู เชงิ ปรมิ าณด้วยตารางความถี่
การวเิ คราะห์และนาเสนอข้อมลู เชิงปรมิ าณด้วยแผนภาพ ค่าวัดทางสถติ ิ (คา่ กลางของข้อมูล ค่าวัดการกระจาย ค่าวัด
ตาแหนง่ ท่ีของข้อมูล)
โดยใช้กระบวนการทางคณิตศาสตร์ เพื่อการจัดประสบการณ์หรือสร้างสถานการณ์ที่ใกล้ตัวให้ผู้เรียนได้
ศึกษาค้นคว้าโดยการปฏิบัติจริง ทดลองและสรุปรายงาน โดยคานึงถึงมาตรฐานด้านทักษะกระบวนการทาง
คณิตศาสตร์ ใช้การวัดและประเมินผลด้วยวิธีการท่ีหลากหลายให้ครอบคลุมท้ังด้านความรู้ ทักษะ
กระบวนการ คณุ ธรรม จรยิ ธรรม และคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์
เพือ่ ให้มคี วามรู้ความเข้าใจ มที กั ษะในการคิดคานวณ การแก้ปัญหา การให้เหตุผล การสื่อความหมายทาง
คณิตศาสตร์ และสามารถนาไปใช้ในการเรียนรู้ส่ิงต่าง ๆ และใช้ในชีวิตประจาวันอย่างสร้างสรรค์ มีระเบียบ มีความ
รับผดิ ชอบ มีวิจารณญาณ และมีความเช่อื มน่ั ในตนเอง สามารถทางานอย่างเป็นระบบ รวมท้ังเห็นคุณค่าและมีเจตคติ
ท่ีดีต่อคณิตศาสตร์
รหัสตัวช้ีวัด
ค 3.1 ม.6/1 เขา้ ใจและใช้ความร้ทู างสถิตใิ นการนาเสนอขอ้ มูล และแปลความหมายของคา่ สถติ ิ
เพ่อื ประกอบการตัดสินใจ
รวมทัง้ หมด 1 ตวั ช้วี ดั
เรยี บเรยี งโดยนางสาวเรงิ นภา อาทะวงษ์ ตาแหน่งครู กล่มุ สาระการเรียนรคู้ ณิตศาสตร์ โรงเรยี นโคกโพธไิ์ ชยศกึ ษา
โครงสร้างกาหนดการจดั กิจกรรมการเรียนรู้ รายวิชา ค33101 คณติ ศาสตร์พ้นื ฐาน ภาคเรยี นที่ 1 ปกี ารศึกษา 2564 8
หนว่ ยการเรียนร/ู้ สาระการเรยี นรู้/จุดมงุ่ หมายการเรียนรู้
หนว่ ยการ ชอื่ หน่วย สาระการเรียนรู้ จุดมุง่ หมาย
เรียนรทู้ ี่ การเรยี นรู้
1 ความหมายของ 1.1 สถติ ิศาสตร์ 1. บอกความหมายและประโยชน์ของ
สถิตศิ าสตร์และ สถิติศาสตร์ พร้อมท้ังสามารถอธิบายได้ว่าการ
ข้อมลู นาเสนอข้อมูลท่ีพบเห็นในชีวิตประจาวัน มี
ความน่าเชื่อถือมากน้อยเพียงใด ก่อให้เกิด
ความเขา้ ใจคลาดเคล่ือนหรือไม่
1.2 คาสาคญั ในสถติ ศิ าสตร์ 2. ระบุประชากร ตัวอย่าง ตัวแปร ข้อมูล
พารามเิ ตอร์ และสถติ ิจากสถานการณ์ที่กาหนด
1.3 ประเภทของข้อมลู 3. จาแนกประเภทของข้อมลู ตามแหล่งทีม่ าของ
1.1.1 การแบง่ ประเภทของขอ้ มูล ขอ้ มูล ระยะเวลาทจ่ี ัดเกบ็ หรอื ลกั ษณะของ
ตามแหลง่ ท่มี าของข้อมูล ข้อมูล
1.1.2 การแบง่ ประเภทของข้อมูล
ตามระยะเวลาทจ่ี ัดเกบ็
1.1.3 การแบ่งประเภทของข้อมลู
ตามลกั ษณะของข้อมูล
1.4 สถิติศาสตร์เชงิ พรรณนาและ 4. ระบไุ ด้วา่ สถานการณท์ ีก่ าหนดใชว้ ธิ กี ารของ
สถิตศิ าสตร์เชิงอนุมาน สถิตศิ าสตร์เชิงพรรณนาหรอื สถิตศิ าสตร์เชิง
อนมุ าน
2 การวิเคราะห์และ 2.1 การวเิ คราะหแ์ ละนาเสนอข้อมลู 5. สามารถวิเคราะห์และนาเสนอข้อมูลเชิง
นาเสนอข้อมูลเชิง เชงิ คณุ ภาพดว้ ยตารางความถ่ี คุณภาพด้วยตารางความถ่ีและแผนภาพ
คุณภาพ 2.1.1 การวิเคราะห์ขอ้ มูลเชิง (แผนภูมิรูปภาพ แผนภูมิรูปวงกลม และ
คุณภาพ แผนภูมแิ ทง่ ) พร้อมท้ังสามารถสรุปผลท่ีได้จาก
2.1.2 การนาเสนอข้อมูลเชงิ การนาเสนอข้อมูลด้วยตารางความถี่และ
คุณภาพดว้ ยแผนภาพ แผนภาพต่างๆ
2.2 การวเิ คราะหแ์ ละนาเสนอขอ้ มลู
เชิงคุณภาพด้วยแผนภาพ
เรียบเรียงโดยนางสาวเริงนภา อาทะวงษ์ ตาแหน่งครู กลมุ่ สาระการเรียนรู้คณติ ศาสตร์ โรงเรียนโคกโพธิ์ไชยศกึ ษา
โครงสร้างกาหนดการจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ รายวชิ า ค33101 คณิตศาสตร์พนื้ ฐาน ภาคเรยี นท่ี 1 ปกี ารศึกษา 2564 9
หน่วยการ ชอ่ื หน่วย สาระการเรยี นรู้ จุดมุง่ หมาย
เรียนรู้ที่ การเรยี นรู้
3 การวิเคราะห์และ 3.1 การวเิ คราะห์และนาเสนอข้อมูล 6. สามารถวิเคราะห์และนาเสนอข้อมูลเชิง
นาเสนอขอ้ มูลเชงิ เชงิ ปริมาณด้วยตารางความถ่ี ปรมิ าณดว้ ยตารางความถี่และแผนภาพ (ฮิสโท
ปรมิ าณ 3.2 การวเิ คราะห์และนาเสนอข้อมูล แกรม แผนภาพลาต้นและใบ แผนภาพกล่อง
เชงิ ปรมิ าณดว้ ยแผนภาพ และแผนภาพการกระจาย) พร้อมท้ังสามารถ
สรุปผลท่ีได้จากการนาเสนอข้อมูลด้วยตาราง
ความถแี่ ละแผนภาพตา่ งๆ
3.3 คา่ วัดทางสถติ ิ
3.3.1 ค่ากลางของขอ้ มลู 7. หาค่ากลางของข้อมูล (ค่าเฉล่ียเลขคณิต
มัธยฐาน และฐานนิยม) พร้อมท้ังเลือกใช้ค่า
กลางของข้อมูลที่เหมาะสมเป็นตัวแทนของ
ขอ้ มูลและใช้คา่ กลางของขอ้ มูลในการแก้ปญั หา
3.3.2 ค่าวัดการกระจาย 8. หาค่าวัดการกระจายสัมบูรณ์ (พิสัย พิสัย
ระหว่างควอรไ์ ทล์ สว่ นเบย่ี งเบนมาตรฐาน และ
ความแปรปรวน) และค่าวัดการกระจาย
สมั พทั ธ์ (สมั ประสทิ ธ์ขิ องการแปรผัน) พร้อมท้ัง
เลือกใช้ค่าวัดการกระจายท่ีเหมาะสมในการ
อธิบายการกระจายของข้อมูลและใช้ค่าวัดการ
กระจายในการแก้ปญั หา
3.3.3 คา่ วัดตาแหน่งท่ีของข้อมลู 9. หาค่าวัดตาแหน่งที่ของข้อมูล (ควอร์ไทล์
และเปอร์เซ็นไทล์) พร้อมทั้งใช้ค่าวัดตาแหน่งท่ี
ของข้อมลู ในการแก้ปญั หา
เรียบเรียงโดยนางสาวเริงนภา อาทะวงษ์ ตาแหนง่ ครู กลุ่มสาระการเรยี นรูค้ ณติ ศาสตร์ โรงเรียนโคกโพธ์ิไชยศึกษา
โครงสร้างกาหนดการจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ รายวิชา ค33101 คณิตศาสตร์พนื้ ฐาน ภาคเรยี นที่ 1 ปีการศกึ ษา 2564 10
โครงสร้างรายวิชา ค33101 คณติ ศาสตร์พ้ืนฐาน
หน่วยการ ช่อื หน่วย หน่วยการเรยี นรู้ยอ่ ย เวลา นา้ หนัก
เรยี นรู้ (ชม.) คะแนน
(6) (14)
1 ความหมายของ
13
สถิติศาสตรแ์ ละ 1.1 สถติ ิศาสตร์ 13
24
ข้อมลู 1.2 คาสาคญั ในสถิตศิ าสตร์ 24
(10) (30)
1.3 ประเภทของขอ้ มลู 6 20
1.4 สถิติศาสตรเ์ ชงิ พรรณนาและสถติ ิศาสตรเ์ ชงิ อนมุ าน 4 10
2 การวเิ คราะห์ (20) (56)
28
และนาเสนอ 2.1 การวเิ คราะหแ์ ละนาเสนอข้อมูลเชิงคณุ ภาพด้วย
28
ข้อมลู เชิง ตารางความถ่ี
10 23
คณุ ภาพ 2.1.1 การวิเคราะหข์ ้อมูลเชงิ คุณภาพ 4 10
27
2.1.2 การนาเสนอข้อมลู เชิงคณุ ภาพดว้ ยตาราง - 60
2 20
ความถี่ 2 20
40 100
2.2 การวเิ คราะห์และนาเสนอขอ้ มลู เชิงคณุ ภาพด้วย
แผนภาพ
2 การวเิ คราะห์
และนาเสนอ 3.1 การวเิ คราะห์และนาเสนอขอ้ มลู เชิงปริมาณด้วย
ข้อมลู เชงิ ตารางความถ่ี
ปรมิ าณ 3.2 การวิเคราะหแ์ ละนาเสนอขอ้ มูลเชิงปริมาณด้วย
แผนภาพ
3.3 คา่ วดั ทางสถิติ
3.3.1 ค่ากลางของข้อมูล
3.3.2 ค่าวดั การกระจาย
3.3.3 คา่ วัดตาแหนง่ ทีข่ องข้อมลู
วดั ผลการเรียนรูร้ ะหว่างเรยี น
วัดผลการเรียนรู้กลางภาค
วัดผลการเรยี นรปู้ ลายภาค
รวมทัง้ ส้ิน
เรียบเรียงโดยนางสาวเรงิ นภา อาทะวงษ์ ตาแหน่งครู กลุม่ สาระการเรยี นรู้คณติ ศาสตร์ โรงเรียนโคกโพธ์ไิ ชยศึกษา
โครงสร้างกาหนดการจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ รายวชิ า ค33101 คณิตศาสตร์พ้นื ฐาน ภาคเรยี นที่ 1 ปีการศกึ ษา 2564 11
การวดั และประเมนิ ผลการเรยี นรู้ รายวิชา ค33101 คณิตศาสตร์พนื้ ฐาน
การวัดผล
ท่ี ตวั ชว้ี ัด/จดุ มุง่ หมาย จานวน คะแนนระหว่างเรยี น กลาง ปลาย
ช่ัวโมง กอ่ น หลงั ภาค ภาค
(40) กลางภาค กลางภาค
11
1. เขา้ ใจและใช้ความรู้ทางสถติ ใิ นการนาเสนอขอ้ มลู และแปลความหมายของค่าสถิติเพอ่ื ประกอบการตัดสนิ ใจ 6
3
1 บอกความหมายและประโยชน์ของสถิตศิ าสตร์ พร้อมทั้งสามารถ 12 1
20
อธิบายได้ว่าการนาเสนอข้อมูลที่พบเห็นในชีวิตประจาวนั มคี วาม
น่าเช่อื ถือมากน้อยเพียงใด กอ่ ให้เกดิ ความเขา้ ใจคลาดเคลื่อนหรอื ไม่
2 ระบุประชากร ตัวอยา่ ง ตัวแปร ขอ้ มลู พารามเิ ตอร์ และสถติ ิจาก 1 2 1
สถานการณ์ท่ีกาหนด
3 จาแนกประเภทของขอ้ มูลตามแหล่งท่ีมาของขอ้ มลู ระยะเวลาท่ี 23 1
จัดเก็บหรือลกั ษณะของข้อมูล
4 ระบไุ ดว้ ่าสถานการณท์ ีก่ าหนดใช้วธิ กี ารของสถติ ิศาสตรเ์ ชิงพรรณนา 2 3 1
หรือสถิตศิ าสตรเ์ ชิงอนมุ าน
5 สามารถวิเคราะหแ์ ละนาเสนอข้อมลู เชงิ คณุ ภาพด้วยตารางความถ่ี 10 20 10
และแผนภาพ (แผนภมู ิรปู ภาพ แผนภมู ิรปู วงกลม และแผนภูมแิ ท่ง)
พรอ้ มท้ังสามารถสรุปผลท่ไี ดจ้ ากการนาเสนอขอ้ มลู ดว้ ยตารางความถี่
และแผนภาพตา่ งๆ
6 สามารถวิเคราะห์และนาเสนอขอ้ มูลเชิงปรมิ าณด้วยตารางความถี่และ 4 5 56
แผนภาพ (ฮสิ โทแกรม แผนภาพลาต้นและใบ แผนภาพกล่อง และ
แผนภาพการกระจาย) พรอ้ มทั้งสามารถสรปุ ผลท่ไี ดจ้ ากการนาเสนอ
ข้อมลู ดว้ ยตารางความถแ่ี ละแผนภาพตา่ งๆ
7 หาค่ากลางของขอ้ มลู (คา่ เฉลยี่ เลขคณิต มัธยฐาน และฐานนิยม) 10 10
พร้อมท้ังเลอื กใชค้ า่ กลางของขอ้ มูลทเ่ี หมาะสมเปน็ ตัวแทนของข้อมูล
และใชค้ า่ กลางของขอ้ มลู ในการแก้ปัญหา
8 หาค่าวดั การกระจายสัมบูรณ์ (พสิ ยั พิสัยระหวา่ งควอร์ไทล์ สว่ น 4 7
เบยี่ งเบนมาตรฐาน และความแปรปรวน) และค่าวัดการกระจาย
สัมพัทธ์ (สัมประสิทธิ์ของการแปรผัน) พร้อมทง้ั เลือกใชค้ ่าวดั การ
กระจายท่เี หมาะสมในการอธบิ ายการกระจายของขอ้ มูลและใช้คา่ วดั
การกระจายในการแก้ปญั หา
9 หาคา่ วดั ตาแหน่งที่ของขอ้ มลู (ควอร์ไทลแ์ ละเปอร์เซน็ ไทล์) พรอ้ มท้ัง 2 3
ใช้คา่ วดั ตาแหน่งที่ของข้อมูลในการแก้ปญั หา
การวดั ผลการเรยี นรู้ระหวา่ งเรยี น - 40 20
การวัดผลการเรียนรูก้ ลางภาคเรียน 2 20
การวัดผลการเรียนรู้ปลายภาคเรียน 2
เรยี บเรียงโดยนางสาวเริงนภา อาทะวงษ์ ตาแหนง่ ครู กลุ่มสาระการเรยี นรู้คณิตศาสตร์ โรงเรียนโคกโพธไ์ิ ชยศึกษา
โครงสร้างกาหนดการจดั กิจกรรมการเรียนรู้ รายวชิ า ค33101 คณติ ศาสตร์พื้นฐาน ภาคเรียนท่ี 1 ปีการศึกษา 2564 12
กาหนดแผนการจัดกิจกรรมการเรยี นรรู้ ายวิชา ค33101 คณติ ศาสตร์พนื้ ฐาน
สปั ดาห์ท่ี หน่วยท่ี ตวั ชีว้ ัด/จุดมุ่งหมาย แผนการจดั กิจกรรมการเรียนรูท้ ่ี เวลา
(ชม.)
11 1/1 1 สถิติศาสตร์ 1
11 1/2 2 คาสาคญั ในสถิตศิ าสตร์ 1
21 1/3 3 ประเภทของขอ้ มลู (1) 1
21 1/3 4 ประเภทของขอ้ มลู (2) 1
31 1/4 5 สถิติศาสตรเ์ ชิงพรรณนา 1
31 1/4 6 สถิติศาสตร์เชงิ อนุมาน 1
42 1/5 7 การวิเคราะหข์ อ้ มลู เชงิ คณุ ภาพ (1) 1
42 1/5 8 การวิเคราะหข์ ้อมลู เชงิ คณุ ภาพ (2) 1
52 1/5 9 การนาเสนอข้อมูลเชิงคุณภาพด้วยตาราง 1
ความถ่ี (1)
52 1/5 10 การนาเสนอขอ้ มลู เชิงคณุ ภาพดว้ ย 1
ตารางความถ่ี (2)
62 1/5 11 การนาเสนอข้อมลู เชิงคุณภาพดว้ ย 1
ตารางความถี่ (3)
62 1/5 12 การนาเสนอขอ้ มูลเชิงคณุ ภาพดว้ ย 1
ตารางความถี่ (1)
72 1/5 13 การวเิ คราะห์และนาเสนอข้อมูลเชิง 1
คุณภาพด้วยแผนภาพ
72 1/5 14 การวิเคราะห์และนาเสนอข้อมูลเชิง 1
คุณภาพดว้ ยแผนภาพ
82 1/5 15 การวิเคราะห์และนาเสนอข้อมูลเชงิ 1
คุณภาพด้วยแผนภาพ (3)
82 1/5 16 การวเิ คราะหแ์ ละนาเสนอขอ้ มลู เชงิ 1
คณุ ภาพด้วยแผนภาพ (4)
93 1/6 17 การวเิ คราะห์และนาเสนอขอ้ มูลเชิง 1
ปริมาณด้วยตารางความถ่ี (1)
93 1/6 18 การวเิ คราะหแ์ ละนาเสนอข้อมูลเชงิ 1
ปริมาณด้วยตารางความถี่ (2)
10 1-3 1/1-6 สอบวดั ผลการเรยี นรูก้ ลางภาคเรยี น 2
เรียบเรียงโดยนางสาวเริงนภา อาทะวงษ์ ตาแหน่งครู กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ โรงเรียนโคกโพธิ์ไชยศกึ ษา
โครงสรา้ งกาหนดการจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ รายวิชา ค33101 คณติ ศาสตร์พืน้ ฐาน ภาคเรยี นท่ี 1 ปีการศึกษา 2564 13
กาหนดแผนการจัดกิจกรรมการเรยี นรรู้ ายวชิ า ค33101 คณติ ศาสตรพ์ ืน้ ฐาน
สปั ดาหท์ ี่ หนว่ ยที่ ตัวช้ีวัด/จุดม่งุ หมาย แผนการจดั กจิ กรรมการเรยี นรทู้ ี่ เวลา
(ชม.)
11 3 1/6 19 การวิเคราะหแ์ ละนาเสนอข้อมลู เชิง 1
ปรมิ าณด้วยแผนภาพ (1)
11 3 1/6 20 การวิเคราะห์และนาเสนอข้อมลู เชงิ 1
ปริมาณด้วยแผนภาพ (2)
12 3 1/7 21 ค่าเฉลยี่ เลขคณิต (1) 2
12 3 1/7 22 คา่ เฉลยี่ เลขคณิต (2) 1
13 3 1/7 23 มัธยฐาน (1) 2
13 3 1/7 24 มัธยฐาน (2) 1
14 3 1/7 25 ฐานนิยม (1) 2
14 3 1/7 26 ฐานนยิ ม (2) 1
15 3 1/7 27 การเลือกใช้ค่ากลางของขอ้ มลู (1) 2
15 3 1/7 28 การเลือกใช้ค่ากลางของขอ้ มูล (2) 1
16 3 1/7 29 การใชค้ ่ากลางของข้อมูลในการ 2
แกป้ ญั หา (1)
16 3 1/7 30 การใช้ค่ากลางของข้อมลู ในการ 1
แกป้ ัญหา (2)
17 3 1/8 31 การหาค่าวดั การกระจายสัมบูรณ์ 2
17 3 1/8 32 การหาค่าวัดการกระจายสมั พทั ธ์ 1
18 3 1/8 33 การเลือกใช้ค่าวัดการกระจาย
18 3 1/8 34 การใชค้ ่าวดั การกระจายในการแก้ปญั หา
19 3 1/9 35 การหาคา่ วัดตาแหน่งท่ขี องขอ้ มูล
19 3 1/9 36 การใชค้ ่าวดั ตาแหนง่ ทข่ี องขอ้ มลู ในการ
แก้ปญั หา
20 2 1/6-9 สอบวัดผลการเรียนรู้ปลายภาคเรียน 2
เรียบเรียงโดยนางสาวเรงิ นภา อาทะวงษ์ ตาแหน่งครู กลมุ่ สาระการเรยี นรคู้ ณิตศาสตร์ โรงเรียนโคกโพธ์ไิ ชยศกึ ษา
โครงสรา้ งกาหนดการจดั กิจกรรมการเรยี นรู้ รายวชิ า ค33101 คณติ ศาสตร์พืน้ ฐาน ภาคเรียนท่ี 1 ปีการศกึ ษา 2564 14
การจัดการเรียนรู้
การจัดการเรียนรู้เป็นกระบวนการสาคัญในการนาหลักสูตรสู่การปฏิบัติ หลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ัน
พ้ืนฐาน เป็นหลักสูตรที่มีมาตรฐานการเรียนรู้ สมรรถนะสาคัญและคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของผู้เรียน เป็น
เปา้ หมายสาหรบั พฒั นาเดก็ และเยาวชน
ในการพัฒนาผู้เรียนให้มีคุณสมบัติตามเป้าหมายหลักสูตร ผู้สอนพยายามคัดสรร กระบวนการเรียนรู้
จัดการเรียนรู้โดยช่วยให้ผู้เรียนเรียนรู้ผ่านสาระที่กาหนดไว้ในหลักสูตร 8 กลุ่มสาระการเรียนรู้ รวมทั้งปลูกฝัง
เสรมิ สร้างคุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ พัฒนาทักษะต่างๆ อนั เป็นสมรรถนะสาคญั ให้ผูเ้ รยี นบรรลุตามเป้าหมาย
1. หลกั การจดั การเรียนรู้
การจดั การเรยี นร้เู พ่ือใหผ้ เู้ รียนมีความรู้ความสามารถตามมาตรฐานการเรียนรู้ สมรรถนะสาคัญ
และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ตามที่กาหนดไว้ในหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพื้นฐานโดยยึดหลักว่าผู้เรียนมี
ความสาคัญท่สี ุด เชื่อวา่ ทุกคนมีความสามารถเรียนรู้และพัฒนาตนเองได้ ยึดประโยชน์ท่ีเกิดกับผู้เรียน กระบวนการ
จดั การเรียนรู้ต้องส่งเสรมิ ใหผ้ ู้เรียน สามารถพัฒนาตามธรรมชาตแิ ละเต็มตามศกั ยภาพ คานึงถงึ ความแตกต่างระหว่าง
บุคคลและพัฒนาการทางสมองโดยเนน้ ให้ความสาคัญทั้งความรู้ และคุณธรรม
2. กระบวนการเรียนรู้
การจัดการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสาคัญ ผู้เรียนจะต้องอาศัยกระบวนการเรียนรู้ท่ีหลากหลาย
เป็นเครื่องมือที่จะนาพาตนเองไปสู่เป้าหมายของหลักสูตร กระบวนการเรียนรู้ท่ีจาเป็นสาหรับผู้เรียน อาทิ
กระบวนการเรียนรู้แบบบูรณาการ กระบวนการสร้างความรู้ กระบวนการคิด กระบวนการทางสังคม กระบวนการ
เผชิญสถานการณ์และแก้ปัญหา กระบวนการเรียนรู้จากประสบการณ์จริง กระบวนการปฏิบัติ ลงมือทาจริง
กระบวนการจัดการ กระบวนการวิจัย กระบวนการเรียนรูก้ ารเรียนรู้ของตนเอง และกระบวนการพัฒนาลกั ษณะนสิ ยั
3. การออกแบบการจดั การเรียนรู้
ผู้สอนศึกษาหลักสูตรให้เข้าใจถึงมาตรฐานการเรียนรู้ ตัวช้ีวัด สมรรถนะสาคัญของผู้เรียน
คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ และสาระการเรียนรทู้ เ่ี หมาะสมกบั ผ้เู รียน แล้วจึงพิจารณาออกแบบการจัดการเรียนรู้โดย
เลือกใช้วิธสี อนและเทคนคิ การสอน สื่อ/แหล่งเรยี นรู้ การวดั และประเมนิ ผลตามสภาพจริง เพอ่ื ให้ผู้เรียนได้พัฒนาเต็ม
ตามศักยภาพและบรรลุตามเปา้ หมายที่กาหนด
4. บทบาทของผู้สอนและผเู้ รียน
การจัดการเรียนรู้เพ่ือให้ผู้เรียนมีคุณภาพตามเป้าหมายของหลักสูตร ทั้งผู้สอนและผู้เรียนควรมี
บทบาท ดงั นี้
4.1 บทบาทของผู้สอน
1) ศึกษาวิเคราะห์ผู้เรียนเป็นรายบุคคล แล้วนาข้อมูลมาใช้ในการวางแผนการจัดการ
เรยี นรู้ ทีท่ า้ ทายความสามารถของผเู้ รยี น
2) กาหนดเป้าหมายทีต่ ้องการให้เกิดขึ้นกับผู้เรียน ด้านความรู้และทักษะ กระบวนการที่
เปน็ ความคดิ รวบยอด หลักการ และความสมั พันธ์ รวมทัง้ คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์
เรยี บเรยี งโดยนางสาวเริงนภา อาทะวงษ์ ตาแหนง่ ครู กลมุ่ สาระการเรยี นรู้คณิตศาสตร์ โรงเรยี นโคกโพธ์ไิ ชยศกึ ษา
โครงสร้างกาหนดการจัดกจิ กรรมการเรียนรู้ รายวชิ า ค33101 คณติ ศาสตร์พน้ื ฐาน ภาคเรยี นที่ 1 ปีการศึกษา 2564 15
3) ออกแบบการเรียนรู้และจัดการเรียนรู้ที่ตอบสนองความแตกต่างระหว่างบุคคลและ
พัฒนาการทางสมอง เพื่อนาผเู้ รยี นไปสูเ่ ป้าหมาย
4) จดั บรรยากาศทเ่ี อือ้ ต่อการเรยี นรแู้ ละดแู ลชว่ ยเหลอื ผ้เู รียนใหเ้ กดิ การเรียนรู้
5) จัดเตรียมและเลือกใช้ส่ือให้เหมาะสมกับกิจกรรม นาภูมิปัญญาท้องถ่ิน เทคโนโลยีท่ี
เหมาะสมมาประยกุ ต์ใชใ้ นการจดั การเรียนการสอน
6) ประเมินความกา้ วหน้าของผเู้ รยี นด้วยวิธีการที่หลากหลาย เหมาะสมกับธรรมชาติของ
วิชาและระดับพฒั นาการของผเู้ รียน
7) วิเคราะหผ์ ลการประเมินมาใช้ในการซ่อมเสริมและพัฒนาผู้เรียน รวมทั้งปรับปรุงการ
จดั การเรียนการสอนของตนเอง
4.2 บทบาทของผูเ้ รยี น
1) กาหนดเปา้ หมาย วางแผนและรับผิดชอบการเรยี นรขู้ องตนเอง
2) เสาะแสวงหาความรู้ เข้าถึงแหล่งการเรียนรู้ วิเคราะห์ สังเคราะห์ข้อความรู้ ต้ังคาถาม
คดิ หาคาตอบหรอื หาแนวทางแกป้ ัญหาดว้ ยวธิ ีการต่าง ๆ
3) ลงมือปฏบิ ัตจิ รงิ สรปุ สิง่ ทไ่ี ด้เรียนรู้ด้วยตนเองและนาความรู้ไปประยุกต์ใช้ในสถานการณ์
ตา่ ง ๆ
4) มปี ฏิสมั พนั ธ์ ทางาน ทากจิ กรรมรว่ มกบั กลุ่มและครู
5) ประเมินและพฒั นากระบวนการเรียนรขู้ องตนเองอย่างต่อเน่อื ง
สื่อการเรยี นรู้
สอ่ื การเรียนรูเ้ ปน็ เคร่อื งมือส่งเสริมสนับสนุนการจัดการกระบวนการเรียนรู้ ให้ผู้เรียนเข้าถึงความรู้ ทักษะ
กระบวนการ และคุณลกั ษณะตามมาตรฐานของหลกั สตู รได้อย่างมีประสิทธิภาพ สื่อการเรียนรู้มีหลากหลายประเภท
ทง้ั ส่อื ธรรมชาติ สื่อสงิ่ พิมพ์ ส่ือเทคโนโลยีและเครอื ขา่ ย การเรียนรู้ต่าง ๆ ท่ีมีในท้องถิ่น การเลือกใช้ส่ือควรเลือกให้มี
ความเหมาะสมกบั ระดบั พฒั นาการและลลี าการเรยี นรู้ท่ีหลากหลายของผู้เรยี น
การจัดหาสื่อการเรียนรู้ ผู้เรียนและผู้สอนสามารถจัดทาและพัฒนาข้ึนเอง หรือปรับปรุงเลือกใช้อย่างมี
คณุ ภาพจากสือ่ ตา่ ง ๆ ทม่ี ีอยู่รอบตัวเพื่อนามาใช้ประกอบในการจัดการเรียนรู้ที่สามารถส่งเสริมและส่ือสารให้ผู้เรียน
เกิดการเรียนรู้ โดยสถานศึกษาควรจัดให้มีอย่างพอเพียง เพื่อพัฒนาให้ผู้เรียน เกิดการเรียนรู้อย่างแท้จริง
สถานศกึ ษา เขตพนื้ ท่ีการศกึ ษา หนว่ ยงานที่เกี่ยวข้องและผมู้ หี น้าทจ่ี ดั การศกึ ษาข้ันพ้นื ฐาน ควรดาเนนิ การดงั นี้
1. จดั ใหม้ แี หล่งการเรยี นรู้ ศนู ยส์ ่อื การเรียนรู้ ระบบสารสนเทศการเรยี นรู้และเครือข่าย การเรยี นรู้
ที่มีประสิทธิภาพทงั้ ในสถานศกึ ษาและในชมุ ชน เพอ่ื การศกึ ษาค้นควา้ และการแลกเปล่ียนประสบการณก์ ารเรียนรู้
ระหวา่ งสถานศกึ ษา ท้องถนิ่ ชมุ ชน สงั คมโลก
2. จัดทาและจัดหาสือ่ การเรยี นรูส้ าหรบั การศึกษาค้นควา้ ของผู้เรยี น เสริมความรูใ้ ห้ผู้สอน รวมทัง้
จดั หาสิง่ ทม่ี ีอย่ใู นทอ้ งถิ่นมาประยกุ ตใ์ ชเ้ ป็นส่อื การเรียนรู้
3. เลือกและใช้สื่อการเรยี นรู้ทม่ี ีคุณภาพ มีความเหมาะสม มคี วามหลากหลาย สอดคล้องกับวธิ ีการ
เรียนรู้ ธรรมชาติของสาระการเรยี นรูแ้ ละความแตกต่างระหว่างบคุ คลของผู้เรียน
เรยี บเรยี งโดยนางสาวเรงิ นภา อาทะวงษ์ ตาแหน่งครู กลมุ่ สาระการเรียนรคู้ ณิตศาสตร์ โรงเรยี นโคกโพธไ์ิ ชยศึกษา
โครงสรา้ งกาหนดการจดั กิจกรรมการเรยี นรู้ รายวิชา ค33101 คณติ ศาสตร์พ้ืนฐาน ภาคเรียนที่ 1 ปกี ารศึกษา 2564 16
4. ประเมินคุณภาพของสื่อการเรียนรู้ที่เลอื กใช้อยา่ งเปน็ ระบบ
5. ศึกษาคน้ ควา้ วิจัย เพ่ือพัฒนาส่อื การเรยี นร้ใู หส้ อดคลอ้ งกบั กระบวนการเรียนรู้ของผ้เู รียน
6. จดั ให้มีการกากับ ติดตาม ประเมนิ คุณภาพและประสทิ ธภิ าพเกี่ยวกบั สือ่ และการใช้สอ่ื การเรียนรู้
เป็นระยะๆ และสม่าเสมอ
เรียบเรยี งโดยนางสาวเริงนภา อาทะวงษ์ ตาแหนง่ ครู กลมุ่ สาระการเรยี นรูค้ ณติ ศาสตร์ โรงเรียนโคกโพธไิ์ ชยศึกษา
โครงสร้างกาหนดการจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ รายวิชา ค33101 คณติ ศาสตร์พน้ื ฐาน ภาคเรียนท่ี 1 ปกี ารศึกษา 2564 17
การวัดและประเมนิ ผลการเรยี นรู้
หลักการวดั และประเมินผลการเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรยี นรคู้ ณติ ศาสตร์ โรงเรียนโคกโพธไ์ิ ชยศึกษา
การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ตามหลักสูตรเป็นกระบวนการเก็บรวบรวม ตรวจสอบ ตีความผลการเรียนรู้
และพัฒนาการด้านต่างๆ ของผู้เรียนตามมาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัดของหลักสูตร นาผลไปปรับปรุงพัฒนาการ
จัดการเรียนรู้และใช้เป็นข้อมูลสาหรับการตัดสินผลการเรียน เพ่ือให้การดาเนินการ วัดและประเมินผลการเรียนรู้
เป็นไปอย่างมีคุณภาพและประสิทธิภาพ ผลการประเมินตรงตามสภาพความรู้ ความสามารถท่ีแท้จริงของผู้เรียน
ถูกต้องตามหลักการวัดและประเมนิ ผลการเรยี นรู้ รวมทง้ั สามารถรองรับการประเมินภายในและการประเมินภายนอก
ตามระบบประกนั คณุ ภาพการศกึ ษาได้ จงึ กาหนดหลกั การวัดและประเมินผลการเรยี นร้เู พ่ือเป็นแนวทางในการตัดสินใจ
เกยี่ วกับการวัดและประเมินผลการเรียนรู้ ดังนี้
1. ผรู้ ับผดิ ชอบการประเมนิ ผลการเรยี นรู้ของผู้เรียนต้องเปิดโอกาสให้ทุกฝ่ายที่เก่ียวข้องได้เข้ามามี
สว่ นรว่ มในการดาเนนิ การ
2. การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ต้องสอดคล้องและครอบคลุมมาตรฐานการเรียนรู้/ตัวช้ีวัดตาม
กลมุ่ สาระการเรียนรทู้ กี่ าหนดในหลกั สตู รและจดั ให้มกี ารประเมินการอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขียน คุณลักษณะอันพึง
ประสงคข์ องผเู้ รียน
3. การประเมินผู้เรียนควรพิจารณาจากพัฒนาการของผู้เรียน ความประพฤติ การสังเกตพฤติกรรม
การเรยี นรู้ การร่วมกิจกรรม และการทดสอบควบคูไ่ ปในกระบวนการเรียนการสอนตามความเหมาะสมของแต่ละระดับ
การเรยี นร้ขู องผ้เู รียน
4. การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ต้องรวมอยู่ในส่วนของกระบวนการจัดการเรียนการสอนและ
การเรียนรู้ของผู้เรียน โดยต้องมีการดาเนินการด้วยเทคนิควิธีการท่ีต่อเน่ืองและหลากหลาย เพื่อให้สามารถวัดและ
ประเมินผลผู้เรียนได้อย่างรอบด้าน ทั้งด้านความรู้ ความคิด กระบวนการ พฤติกรรม และเจตคติท่ีเหมาะสมกับสิ่งที่
ต้องการวัด ธรรมชาติของวิชา และระดบั ชัน้ ของผเู้ รยี น โดยตอ้ งต้ังอยูบ่ นพ้นื ฐานความเทีย่ งตรง ยุติธรรมและเชอื่ ถอื ได้
5. การประเมินผลการเรียนรู้ต้องมีจุดมุ่งหมายเพื่อปรับปรุงพัฒนาการจัดการเรียนรู้และการสอน
ควบคู่กนั ไปพรอ้ มกับการตดั สนิ ผลการเรียนให้สอดคล้องตามศกั ยภาพของผเู้ รยี น
6. เปิดโอกาสให้ผเู้ รียนและผูม้ ีส่วนเกี่ยวข้องตรวจสอบผลการประเมนิ ผลการเรยี นรู้
องคป์ ระกอบของการวดั และประเมินผลการเรียนรู้
1. การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ตามรายวิชา
ผู้สอนต้องดาเนนิ การวดั และประเมนิ ผลการเรียนรู้ผู้เรียนในรายวชิ าตามตวั ชี้วดั ที่กาหนดในหน่วยการเรียนรู้
ด้วยวิธีการท่ีตอ่ เนอื่ งและหลากหลาย ให้ได้ผลการประเมินตามความสามารถท่ีแท้จริงของผู้เรียน โดยทาการวัดและ
ประเมินผลการเรยี นรูไ้ ปพร้อมกบั การจดั การเรียนการสอน ได้แก่ การสงั เกตพฒั นาการและความประพฤติของผู้เรียน
การสังเกตพฤตกิ รรมการเรยี น การรว่ มกิจกรรมและการทดสอบ ซ่งึ ผู้สอนตอ้ งนานวัตกรรมการวดั และประเมินผลการ
เรียนรู้ท่ีหลากหลาย เช่น การประเมินสภาพจริง การประเมินการปฏิบัติงาน การประเมินจากโครงงาน และการ
เรยี บเรยี งโดยนางสาวเริงนภา อาทะวงษ์ ตาแหน่งครู กลมุ่ สาระการเรยี นร้คู ณิตศาสตร์ โรงเรียนโคกโพธไ์ิ ชยศึกษา
โครงสรา้ งกาหนดการจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ รายวิชา ค33101 คณติ ศาสตร์พน้ื ฐาน ภาคเรียนท่ี 1 ปกี ารศึกษา 2564 18
ประเมินจากแฟ้มสะสมงาน ไปใช้ในการประเมินผลการเรียนรู้ควบคู่ไปกับการใช้แบบทดสอบแบบต่างๆ และต้องให้
ความสาคัญกับการประเมินระหว่างภาค/ปี มากกว่าการประเมินปลายภาค/ปี
2. การประเมนิ การอา่ น คิดวิเคราะห์ และเขยี น
การประเมนิ การอ่าน คดิ วเิ คราะห์ และเขียน เป็นการประเมินศักยภาพของผู้เรียนใน การอ่าน การฟัง การดู
และการรับรู้ จากหนังสือ เอกสาร และสื่อต่าง ๆ ได้อย่างถูกต้อง แล้วนามาวิเคราะห์เนื้อหาสาระท่ีนาไปสู่การแสดง
ความคดิ เหน็ การสงั เคราะหส์ รา้ งสรรคใ์ นเร่ืองต่าง ๆ และถ่ายทอดความคิดน้ันด้วยการเขียนซึ่งสะท้อนถึงสติปัญญา
ความรู้ ความเข้าใจ ความสามารถในการคิดวิเคราะห์ แกป้ ญั หา และสร้างสรรค์จินตนาการอย่างเหมาะสม และมีคุณค่า
แกต่ นเอง สังคม และประเทศชาติ พร้อมด้วยประสบการณ์ และทักษะในการเขียนท่ีมีสานวนภาษาถูกต้อง มีเหตุผล
และลาดับขนั้ ตอนในการนาเสนอ สามารถสร้างความเข้าใจแก่ผู้อ่านได้อย่างชัดเจนตามระดับความสามารถในแต่ละ
ระดบั ชั้น โดยสรุปผลการประเมินเปน็ รายภาค/รายปี เพ่ือวินิจฉัยและใช้เป็นข้อมูลสาหรับประเมินการเล่ือนช้ันเรียน
และการจบการศกึ ษาระดบั ตา่ ง ๆ
3. การประเมินคุณลักษณะอันพงึ ประสงค์
การประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551
และตามทีส่ ถานศกึ ษากาหนดเพิ่มเติม เปน็ การประเมินรายคุณลักษณะแล้วรวบรวมผลการประเมินจากผู้ประเมินทุก
ฝ่ายนามาพิจารณาสรุปผลเป็นรายป/ี รายภาค เพ่ือใช้เป็นข้อมูลประเมนิ การเลื่อนชน้ั เรียนและการจบการศึกษาระดับ
ตา่ งๆ
เรียบเรยี งโดยนางสาวเรงิ นภา อาทะวงษ์ ตาแหน่งครู กลุ่มสาระการเรยี นร้คู ณติ ศาสตร์ โรงเรยี นโคกโพธ์ไิ ชยศกึ ษา
โครงสร้างกาหนดการจัดกจิ กรรมการเรียนรู้ รายวิชา ค33101 คณติ ศาสตร์พื้นฐาน ภาคเรยี นที่ 1 ปกี ารศกึ ษา 2564 19
การวัดผลและประเมินผลการเรยี นรู้
1. การตัดสนิ ผลการเรียน
การตัดสนิ ผลการเรยี นในระดบั มธั ยมศึกษามีการตัดสินในหลายลกั ษณะคอื การผ่านรายวชิ า
กาหนดเป็นภาคเรยี น การเลือ่ นชั้นปีกาหนดเป็นปีการศึกษาและการจบระดบั ชั้นกาหนดเป็นระดบั มัธยมศึกษาตอนตน้
และระดับมธั ยมศกึ ษาตอนปลาย หลกั เกณฑก์ ารวัดและประเมนิ ผลการเรียนรเู้ พอื่ ตัดสินผลการเรียนของผู้เรยี นตาม
หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขัน้ พ้ืนฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 มีดังน้ี
1) ตัดสินผลการเรียนเป็นรายวิชา ผู้เรียนต้องมีเวลาเรียนตลอดภาคเรียนไม่น้อยกว่าร้อยละ 80
ของเวลาเรียนทงั้ หมดในรายวชิ านน้ั ๆ
2) ผเู้ รียนต้องได้รับการประเมินทกุ ตัวชว้ี ดั และผา่ นตามเกณฑท์ ีส่ ถานศกึ ษากาหนด
3) ผู้เรียนตอ้ งไดร้ ับการตดั สนิ ผลการเรียนทกุ รายวิชา
4) ผู้เรยี นต้องไดร้ ับการประเมนิ และมผี ลการประเมินผ่านตามเกณฑ์ทีส่ ถานศกึ ษากาหนดในการ
อ่าน คดิ วเิ คราะหแ์ ละเขียน คุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์และกจิ กรรมพัฒนาผเู้ รยี น
การพจิ ารณาเล่อื นชัน้ ถา้ ผู้เรียนมีขอ้ บกพรอ่ งเพยี งบางตัวชวี้ ัด ซึง่ สถานศกึ ษาพิจาณาเหน็ ว่าสามารถ
พฒั นาและสอนซ่อมเสริมได้ กใ็ หอ้ ย่ใู นดุลยพินจิ ของสถานศกึ ษาที่จะผ่อนผนั ใหเ้ ลอ่ื นชั้นได้
เรยี บเรียงโดยนางสาวเรงิ นภา อาทะวงษ์ ตาแหนง่ ครู กลุ่มสาระการเรียนรคู้ ณติ ศาสตร์ โรงเรียนโคกโพธไ์ิ ชยศกึ ษา
โครงสร้างกาหนดการจัดกจิ กรรมการเรียนรู้ รายวชิ า ค33101 คณิตศาสตร์พ้ืนฐาน ภาคเรยี นท่ี 1 ปกี ารศึกษา 2564 20
2. การใหร้ ะดับผลการเรยี น
ในการตดั สนิ เพอ่ื ให้ระดบั ผลการเรียนรายวิชาของกล่มุ สาระการเรยี นรู้ ใหใ้ ช้ตวั เลขแสดงระดบั ผล
การเรยี นเป็น 8 ระดบั รายวิชาที่จะนบั หนว่ ยกิตไดจ้ ะต้องได้ระดบั ผลการเรยี นตง้ั แต่ระดบั ผลการเรียน 1 ขึ้นไป โดยมี
แนวทางการใหร้ ะดบั ผลการเรยี นดงั น้ี
คะแนนรอ้ ยละ ระดับผลการเรยี น ความหมายของผลการประเมนิ
80-100 4 ดเี ยีย่ ม
75-79 3.5 ดีมาก
70-74 3 ดี
65-69 2.5 ค่อนข้างดี
60-64 2 ปานกลาง
55-59 1.5 พอใช้
50-54 1 ผ่านเกณฑ์ขั้นตา่
0-49 0 ตา่ กวา่ เกณฑ์
การประเมนิ การอา่ น คดิ วเิ คราะห์และเขียน และคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์นัน้ ใหร้ ะดบั ผลการประเมนิ เป็น
ผา่ นและไมผ่ า่ น กรณีท่ีผา่ นใหร้ ะดบั ผลการเรยี นเป็นดเี ยยี่ ม ดแี ละผ่านสถานศกึ ษาสามารถกาหนดความหมายของผล
การประเมินคณุ ภาพเป็นดีเย่ยี ม ดีและผา่ น ซ่งึ สามารถใช้ดังนี้
1) การประเมนิ อ่าน คิดวิเคราะหแ์ ละเขยี น
ดเี ยย่ี ม หมายถงึ สามารถจับใจความสาคญั ไดค้ รบถว้ น เขียนวิพากษว์ ิจารณ์
เขยี นสร้างสรรค์ แสดงความคิดเหน็ ประกอบอยา่ งมเี หตุผล
ได้ถกู ต้องและสมบูรณ์ ใช้ภาษาสภุ าพและเรียบเรียง
ไดส้ ละสลวย
ดี หมายถงึ สามารถจับใจความสาคญั ได้ เขียนวิพากษว์ จิ ารณ์
และเขยี นสรา้ งสรรค์ไดโ้ ดยใช้ภาษาสุภาพ
ผ่าน หมายถงึ สามารถจับใจความสาคัญและเขียนวิพากษว์ ิจารณไ์ ดบ้ ้าง
2) การประเมินคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์
ดเี ยยี่ ม หมายถงึ ผเู้ รยี นมคี ณุ ลักษณะในการปฏบิ ัติจนเปน็ นิสัยและ
นาไปใชใ้ นชีวิตประจาวันเพอ่ื ประโยชนส์ ุขของตนเอง
และสงั คม
ดี หมายถงึ ผเู้ รียนมีคณุ ลักษณะในการปฏิบัติตามกฎเกณฑ์
เพอ่ื ให้เปน็ ที่ยอมรบั ของสังคมท่ีสถานศกึ ษากาหนด
ผ่าน หมายถึง ผเู้ รยี นรับร้แู ละปฏิบัติตามกฎเกณฑแ์ ละเง่ือนไขทส่ี ถานศึกษา
กาหนด
เรยี บเรียงโดยนางสาวเรงิ นภา อาทะวงษ์ ตาแหนง่ ครู กลมุ่ สาระการเรยี นรู้คณิตศาสตร์ โรงเรยี นโคกโพธไิ์ ชยศกึ ษา
โครงสรา้ งกาหนดการจัดกจิ กรรมการเรียนรู้ รายวชิ า ค33101 คณติ ศาสตร์พ้นื ฐาน ภาคเรียนท่ี 1 ปกี ารศกึ ษา 2564 21
4. ผลการเรยี นท่มี ีเงือ่ นไข
ผลการเรียนทมี่ เี งอ่ื นไข ไดแ้ ก่ ไม่มีสิทธเ์ิ ขา้ รับการประเมนิ ผลปลายภาคในรายวชิ าและรอการ
ตดั สนิ ให้ใช้ตัวอกั ษรระบเุ ง่ือนไขแสดงผลการเรยี น ประกอบดว้ ย
1) ตัวอกั ษรแสดงผลการเรียนแตล่ ะรายวิชาใน 8 กลุ่มสาระการเรยี นรู้
“มส” หมายถึง ไม่มสี ทิ ธิเขา้ รับการประเมนิ ผลปลายภาคเรยี น โดยผู้เรยี นที่มีเวลาเรียนไม่ถงึ รอ้ ย
ละ 80 ของเวลาเรียนในแต่ละรายวชิ าและไมไ่ ดร้ บั การผ่อนผนั ใหเ้ ข้ารับการวดั ผลปลายภาคเรยี น
“ร” หมายถึง รอการตัดสนิ และยงั ตัดสนิ ไม่ได้ โดยผเู้ รยี นไม่มีขอ้ มลู ผลการเรียนรายวชิ าน้นั
ครบถ้วน เชน่ ไม่ได้วดั ผลกลางภาคเรียน/ปลายภาคเรียน ไม่ไดส้ ่งงานที่มอบหมายให้ทาซ่ึงงานนน้ั เป็นส่วนหน่งึ ของ
การตัดสนิ ผลการเรยี น หรือมเี หตุสุดวิสัยท่ีทาให้ประเมนิ ผลการเรยี นไมไ่ ด้
2) ตวั อกั ษรแสดงผลการเข้าร่วมกจิ กรรมพฒั นาผเู้ รียน
“ผ” หมายถึง ผ่านเกณฑ์ที่สถานศึกษากาหนด
“มผ” หมายถงึ ไมผ่ ่านเกณฑ์ท่สี ถานศึกษากาหนด
5. การเปล่ียนผลการเรียน “0”
สถานศึกษาจัดให้มีการสอนซ่อมเสริมในตัวชี้วัดที่ผู้เรียนสอบไม่ผ่านก่อน แล้วจึงสอบแก้ตัวให้
และให้สอบแก้ตัวได้ไม่เกิน 2 ครง้ั ท้งั น้ตี ้องดาเนนิ การให้เสร็จสิน้ ภายในปีการศึกษานัน้
ถ้าผู้เรยี นไมด่ าเนินการสอบแกต้ วั ตามระยะเวลาท่ีกาหนดไว้นี้ ใหอ้ ยู่ในดุลยพินจิ ของสถานศึกษาที่
จะพิจารณาขยายเวลาออกไปอีกไมเ่ กนิ 1 ภาคเรียน
ถ้าสอบแก้ตวั 2 ครั้งแลว้ ยงั ได้ระดับผลการเรยี น “0” อกี ใหส้ ถานศกึ ษาแต่งตั้งคณะกรรมการ
ดาเนินการเกย่ี วกบั การแก้ผลการเรียนของผู้เรยี นโดยปฏิบัตดิ ังนี้
1) ใหเ้ รยี นซา้ รายวิชาถ้าเป็นรายวิชาพ้นื ฐาน
2) ให้เรียนซา้ หรือเปล่ยี นรายวชิ าเรียนใหม่ ถ้าเป็นรายวิชาเพ่มิ เตมิ โดยให้อยู่ใน
ดลุ ยพนิ ิจของสถานศกึ ษา
ในกรณที เ่ี ปล่ียนรายวชิ าเรียนใหม่ ให้หมายเหตใุ นระเบียนแสดงผลการเรยี นว่าเรียนแทนรายวิชาใด
6. การเปล่ียนผลการเรียน “ร”
การเปล่ยี นผลการเรียน “ร” มี 2 กรณี ดงั น้ี
1. มเี หตุสุดวิสัย ทาให้ประเมนิ ผลการเรยี นไมไ่ ด้ เช่น เจ็บป่วย เมื่อผู้เรียนได้เขา้ สอบหรอื ส่งผลงานทต่ี ดิ ค้าง
อยู่เสรจ็ เรยี บรอ้ ย หรอื แกป้ ัญหาเสร็จส้ินแลว้ ให้ไดร้ ะดบั ผลการเรียนตามปกติ (ตง้ั แต่ 0 - 4)
2. ถา้ สถานศกึ ษาพิจารณาแลว้ เหน็ วา่ ไมใ่ ชเ่ หตุสุดวสิ ยั เมื่อผู้เรยี นได้เข้าสอบ หรือสง่ ผลงานท่ีติดค้างอยู่
เสร็จเรยี บร้อย หรือแกป้ ญั หาเสรจ็ ส้ินแลว้ ใหไ้ ดร้ ะดับผลการเรียนไม่เกิน “1”
การเปลี่ยนผลการเรียน“ร” ใหด้ าเนนิ การแก้ไขตามสาเหตุให้เสรจ็ ส้ินภายใน ปีการศึกษานนั้ ถ้า
ผเู้ รียนไม่มาดาเนนิ การแก้ “ร” ตามระยะเวลาท่ีกาหนดไว้ให้เรยี นซา้ รายวิชา ยกเวน้ มีเหตสุ ดุ วิสยั ให้อยใู่ นดุลยพินิจ
ของสถานศึกษาท่ีจะขยายเวลาการแก้ “ร” ออกไปอีกไม่เกนิ 1 ภาคเรียน แต่เม่อื พน้ กาหนดน้แี ลว้ ให้ปฏิบัติดงั นี้
เรยี บเรียงโดยนางสาวเริงนภา อาทะวงษ์ ตาแหนง่ ครู กลมุ่ สาระการเรยี นรู้คณติ ศาสตร์ โรงเรียนโคกโพธไ์ิ ชยศกึ ษา
โครงสรา้ งกาหนดการจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ รายวชิ า ค33101 คณติ ศาสตร์พื้นฐาน ภาคเรยี นที่ 1 ปีการศกึ ษา 2564 22
1) ให้เรยี นซ้ารายวิชา ถา้ เป็นรายวชิ าพ้นื ฐาน
2) ให้เรยี นซา้ หรือเปล่ยี นรายวชิ าเรยี นใหม่ ถ้าเปน็ รายวชิ าเพมิ่ เตมิ โดยใหอ้ ยู่ใน
ดุลยพนิ จิ ของสถานศึกษา
ในกรณีทเี่ ปล่ียนรายวชิ าเรียนใหม่ ให้หมายเหตใุ นระเบียนแสดงผลการเรียนว่า เรยี นแทนรายวิชาใด
7. การเปล่ียนผลการเรียน “มส”
การเปล่ยี นผลการเรยี น “มส” มี 2 กรณี ดังน้ี
1) กรณผี ู้เรยี นไดผ้ ลการเรียน“มส” เพราะมเี วลาเรียนไม่ถงึ ร้อยละ 80 แตม่ เี วลาเรยี นไมน่ ้อยกว่ารอ้ ยละ
60 ของเวลาเรยี นทัง้ หมด ให้สถานศึกษาจดั ให้เรยี นเพิม่ เติมโดยใช้ช่วั โมงสอนซ่อมเสรมิ หรือเวลาว่าง หรือวันหยดุ หรือ
มอบหมายงานให้ทา จนมเี วลาเรียนครบตามท่ีกาหนดไวส้ าหรบั รายวิชานน้ั แลว้ จึงให้สอบเป็นกรณพี ิเศษ ผลการสอบแก้
“มส” ให้ได้ระดับผลการเรยี นไม่เกิน “1” การแก้ “มส” กรณนี ้ีใหก้ ระทาให้เสรจ็ ส้นิ ในปีการศึกษาน้ัน ถา้ ผู้เรียนไมม่ า
ดาเนนิ การแก้ “มส” ตามระยะเวลาที่กาหนดไว้น้ีให้เรียนซ้า ยกเว้น มีเหตสุ ุดวิสัย ให้อย่ใู นดลุ ยพินิจของสถานศกึ ษาท่ี
จะขยายเวลาการแก้ “มส” ออกไปอีกไมเ่ กนิ 1 ภาคเรยี น แต่เมื่อพ้นกาหนดน้แี ลว้ ให้ปฏบิ ตั ิดังน้ี
ให้เรียนซา้ รายวิชา ถ้าเป็นรายวชิ าพ้ืนฐาน
ให้เรียนซา้ หรือเปล่ียนรายวิชาเรยี นใหม่ ถา้ เป็นรายวชิ าเพิ่มเติมโดยให้อยู่ในดุลยพนิ ิจของ
สถานศกึ ษา
2) กรณีผู้เรยี นได้ผลการเรียน “มส” และมีเวลาเรียนน้อยกว่าร้อยละ 60 ของเวลาเรยี นทัง้ หมด ให้
สถานศึกษาจดั ให้เรียนซา้ ในรายวิชาพ้ืนฐานและรายวิชาเพมิ่ เตมิ หรือเปลี่ยนรายวชิ าใหม่ได้ สาหรับรายวชิ าเพิ่มเติม
เท่าน้ัน
ในกรณที ่ีเปลีย่ นรายวชิ าเรียนใหม่ ให้หมายเหตุในระเบียนแสดงผลการเรียนว่าเรียนแทนรายวิชาใด
8. การเปลี่ยนผลการเรียน “มผ”
หลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาข้ันพนื้ ฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 กาหนดให้ผเู้ รียนเข้ารว่ มกิจกรรมพัฒนาผูเ้ รียน 3
กิจกรรม คือ 1) กิจกรรมแนะแนว 2) กจิ กรรมนกั เรียน ซึ่งประกอบด้วย กจิ กรรมลูกเสอื เนตรนารี ยวุ กาชาด ผู้
บาเพ็ญประโยชน์ หรือนักศกึ ษาวชิ าทหาร โดยผู้เรียนเลอื กอยา่ งใดอย่างหน่ึง 1 กจิ กรรมและเลือกเข้าร่วมกจิ กรรมชุมนมุ
หรอื ชมรมอกี 1 กิจกรรม 3) กิจกรรมเพื่อสงั คมและสาธารณประโยชน์
ในกรณีทีผ่ ้เู รียนไดผ้ ลการเรียน“มผ” สถานศึกษาต้องจัดซ่อมเสรมิ ใหผ้ ู้เรียนทากจิ กรรมจนครบตามเวลาที่
กาหนด หรือปฏิบตั กิ ิจกรรมเพอ่ื พัฒนาคุณลกั ษณะท่ตี อ้ งปรบั ปรงุ แกไ้ ข แลว้ จึงเปล่ยี นผลการเรยี นจาก “มผ” เป็น
“ผ” ท้งั นดี้ าเนินการให้เสร็จส้ินภายในปีการศกึ ษานั้น ยกเว้นมีเหตสุ ดุ วิสยั ใหอ้ ยใู่ นดลุ ยพนิ จิ ของสถานศึกษา
9. การเลอ่ื นชน้ั
ผูเ้ รียนจะได้รบั การตัดสินผลการเรียนทุกภาคเรียนและได้รับการเล่ือนชั้นเมื่อสิ้นปีการศึกษาโดยมีคุณสมบัติตาม
เกณฑ์ ดงั นี้
1) รายวิชาพนื้ ฐาน ได้รับการตัดสินผลการเรยี นผา่ นทุกรายวิชา
2) รายวิชาเพ่ิมเตมิ ไดร้ ับการตดั สนิ ผลการเรยี นผ่านตามเกณฑท์ สี่ ถานศึกษากาหนด
เรยี บเรยี งโดยนางสาวเรงิ นภา อาทะวงษ์ ตาแหน่งครู กลุ่มสาระการเรยี นรคู้ ณติ ศาสตร์ โรงเรียนโคกโพธไ์ิ ชยศึกษา
โครงสร้างกาหนดการจดั กิจกรรมการเรียนรู้ รายวิชา ค33101 คณติ ศาสตร์พืน้ ฐาน ภาคเรียนท่ี 1 ปกี ารศึกษา 2564 23
3) ผเู้ รียนตอ้ งได้รับการประเมินและมีผลการประเมินผ่านตามเกณฑ์ที่สถานศึกษากาหนดในการอ่าน คิด
วิเคราะหแ์ ละเขียน คุณลักษณะอนั พึงประสงคแ์ ละกิจกรรมพฒั นาผเู้ รยี น
4) ระดับผลการเรยี นเฉล่ียในปีการศกึ ษานนั้ ควรไดไ้ ม่ตา่ กว่า 1.00
ทง้ั นี้รายวิชาใดท่ีไม่ผ่านเกณฑ์การประเมิน สถานศึกษาสามารถซ่อมเสริมผู้เรียนให้ได้รับการแก้ไขในภาค
เรยี นถดั ไป
10. การเรยี นซ้า
สถานศึกษาจะจัดให้ผู้เรยี นเรียนซา้ ใน 2 กรณี ดงั น้ี
กรณีท่ี 1 เรียนซา้ รายวชิ า หากผู้เรียนไดร้ ับการสอนซ่อมเสริมและสอบแก้ตัว 2 คร้ังแล้วไม่ผ่านเกณฑ์
การประเมิน ให้เรียนซ้ารายวิชาน้ัน ท้ังน้ี ให้อยู่ในดุลยพินิจของสถานศึกษาในการจัดให้เรียนซ้าในช่วงใดช่วงหน่ึงที่
สถานศึกษาเหน็ วา่ เหมาะสม เช่น พกั กลางวัน วนั หยุด ชว่ั โมงว่างหลังเลิกเรียน ภาคฤดูร้อน เปน็ ต้น
กรณีที่ 2 เรียนซา้ ชน้ั มี 2 ลกั ษณะ คอื
ผเู้ รียนมีระดับผลการเรยี นเฉล่ียในปีการศึกษาน้ันต่ากว่า 1.00 และมีแนวโน้มว่าจะเป็นปัญหา
ตอ่ การเรียนในระดับชน้ั ที่สูงขน้ึ
ผูเ้ รียนมผี ลการเรียน 0, ร, มส เกินคร่ึงหนึง่ ของรายวชิ าทลี่ งทะเบยี นเรยี นในปกี ารศกึ ษานั้น
ท้ังนี้ หากเกิดลักษณะใดลักษณะหน่ึง หรอื ทั้ง 2 ลกั ษณะ ให้สถานศกึ ษาแตง่ ตง้ั คณะกรรมการพิจารณา
หากเห็นว่าไมม่ เี หตผุ ลอนั สมควรก็ใหซ้ า้ ชน้ั โดยยกเลิกผลการเรียนเดมิ แลให้ใช้ผลการเรยี นใหม่แทน หากพิจารณาแล้ว
ไม่ต้องเรียนซ้าชั้น ใหอ้ ย่ใู นดุลยพินิจของสถานศึกษาใน การแกไ้ ขผลการเรียน
11. การสอนซอ่ มเสรมิ
การสอนซ่อมเสรมิ เปน็ สว่ นหนึ่งของกระบวนการจัดการเรยี นรแู้ ละเปน็ การใหโ้ อกาสแกผ่ ้เู รยี นไดม้ ีเวลาเรียนรู้
สง่ิ ต่างๆ เพม่ิ ขนึ้ จนสามารถบรรลุตามมาตรฐานการเรียนรู้/ตัวช้ีวัดท่ีกาหนดไว้ การสอนซ่อมเสริมเป็นการสอนกรณี
พเิ ศษนอกเหนอื ไปจากการสอนตามแผนจัดการเรียนรู้ปกติเพื่อแก้ไขข้อบกพร่องที่พบในผู้เรียน โดยจัดกระบวนการ
เรียนรูท้ ีห่ ลากหลายและคานึงถึงความแตกต่างระหวา่ งบคุ คลของผู้เรยี น
การสอนซอ่ มเสริมสามารถดาเนนิ การได้ในกรณดี ังตอ่ ไปน้ี
1) ผูเ้ รยี นมีความร/ู้ ทกั ษะพืน้ ฐานไม่เพียงพอที่จะศกึ ษาในแต่ละรายวิชาน้ัน ควรจัดการสอนซ่อมเสริม
ปรับความรู/้ ทกั ษะพน้ื ฐาน
2) การประเมินระหว่างเรียน ผู้เรียนไม่สามารถแสดงความรู้ ทักษะกระบวนการ หรือเจตคติ/
คณุ ลักษณะทกี่ าหนดไว้ตามมาตรฐานการเรยี นรู้/ตัวชวี้ ัด
3) ผลการเรยี นไม่ถึงเกณฑ์ และ/หรือต่ากว่าเกณฑ์การประเมิน โดยผู้เรียนได้ระดับผลการเรียน “0”
ตอ้ งจดั การสอนซอ่ มเสริมก่อนจะให้ผู้เรยี นสอบแก้ตัว
4) ผู้เรียนมีผลการเรียนไม่ผ่าน สามารถจัดสอนซ่อมเสริมในภาคฤดูร้อน ท้ังนี้ให้อยู่ในดุลยพินิจของ
สถานศกึ ษา
เรยี บเรยี งโดยนางสาวเริงนภา อาทะวงษ์ ตาแหน่งครู กลุ่มสาระการเรียนรูค้ ณติ ศาสตร์ โรงเรยี นโคกโพธไิ์ ชยศกึ ษา
โครงสร้างกาหนดการจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ รายวิชา ค33101 คณติ ศาสตร์พ้ืนฐาน ภาคเรยี นท่ี 1 ปกี ารศกึ ษา 2564 24
อภธิ านศัพท์
การแจกแจงของความน่าจะเป็น (probability distribution)
การอธิบายลกั ษณะของตวั แปรสุม่ โดยการแสดงค่าท่เี ปน็ ไปได้ และความนา่ จะเปน็ ของการเกดิ ค่าต่าง ๆของ
ตัวแปรสมุ่ น้ัน
การแสดงวิธหี าคาตอบของโจทย์ปัญหา
การแสดงวิธีหาคาตอบของโจทย์ปัญหา เป็นการแสดงแนวคิด วิธีการ หรือข้ันตอนของการหาคาตอบของ
โจทย์ปัญหา โดยอาจใชก้ ารวาดภาพประกอบ เขียนเปน็ ขอ้ ความด้วยภาษาง่าย ๆ หรืออาจเขียนแสดงวิธีทาอย่างเป็น
ข้ันตอน
ข้อมูล (data)
ข้อมูลเป็นข้อเท็จจริง หรือส่ิงที่ยอมรับว่าเป็นข้อเท็จจริงของเรื่องท่ีสนใจ ซึ่งได้จากการเก็บรวบรวมอาจ
เปน็ ไดท้ ั้งข้อความและตัวเลข
ทักษะและกระบวนการทางคณติ ศาสตร์
ทกั ษะและกระบวนการทางคณิตศาสตรเ์ ป็นความสามารถที่จะนาความรู้ไปประยุกต์ใช้ในการเรียนรู้ส่ิงต่าง
ๆ เพ่อื ให้ได้มาซง่ึ ความรูแ้ ละประยกุ ต์ใชใ้ นชวี ติ ประจาวันไดอ้ ย่างมีประสิทธภิ าพ
การแก้ปญั หา
การแกป้ ญั หา เป็นกระบวนการท่ผี ้เู รียนควรจะเรยี นรู้ ฝึกฝน และพัฒนาให้เกิดทักษะขึ้นในตนเองเพื่อสร้าง
องค์ความรู้ใหม่ เพื่อให้ผู้เรียนมีแนวทางในการคิดที่หลากหลาย รู้จักประยุกต์และปรับเปลี่ยนวิธีการแก้ปัญหาให้
เหมาะสม รจู้ ักตรวจสอบและสะท้อนกระบวนการแก้ปัญหา มีนิสัยกระตือรือร้น ไม่ย่อท้อรวมถึงมีความมั่นใจในการ
แกป้ ัญหาทีเ่ ผชิญอยทู่ ัง้ ภายในและภายนอกหอ้ งเรยี น นอกจากนี้ การแก้ปัญหายังเป็นทักษะพื้นฐานท่ีผู้เรียนสามารถ
นาไปใช้ในชีวิตจริงได้ การสง่ เสรมิ ใหผ้ ูเ้ รียนได้เรียนรู้เก่ียวกบั การแกป้ ัญหาอยา่ งมปี ระสทิ ธิผล ควรใช้สถานการณ์ หรือ
ปัญหาทางคณิตศาสตร์ท่ีกระตุ้น ดึงดูดความสนใจส่งเสริมให้มีการประยุกต์ความรู้ทางคณิตศาสตร์ ขั้นตอน/
กระบวนการแก้ปญั หา และยทุ ธวิธแี ก้ปัญหาทห่ี ลากหลาย
การสอ่ื สารและการสือ่ ความหมายทางคณิตศาสตร์
การสื่อสาร เป็นวิธกี ารแลกเปลย่ี นความคดิ และสรา้ งความเขา้ ใจระหวา่ งบุคคล ผ่านช่องทางการสื่อสารต่าง
ๆ ได้แก่ การฟัง การพูด การอ่าน การเขียน การสงั เกต และการแสดงท่าทางการส่ือความหมายทางคณิตศาสตร์ เป็น
กระบวนการสอ่ื สารท่นี อกจากนาเสนอผ่านช่องทางการสอ่ื สาร การฟงั การพูด การอา่ น การเขียน การสังเกตและการ
แสดงทา่ ทางตามปกตแิ ลว้ ยังเปน็ การสื่อสารทีม่ ีลักษณะพเิ ศษ โดยมีการใชส้ ญั ลกั ษณ์ ตวั แปร ตาราง กราฟ สมการ
อสมการ ฟังกช์ นั หรือแบบจาลอง เปน็ ต้น มาช่วยในการสอ่ื ความหมายด้วย
การส่ือสารและการสอ่ื ความหมายทางคณิตศาสตร์ เปน็ ทักษะและกระบวนการทางคณิตศาสตร์ที่จะช่วยให้
ผเู้ รียนสามารถถา่ ยทอดความรู้ความเข้าใจ แนวคิดทางคณิตศาสตร์ หรือกระบวนการคิดของตนให้ผู้อื่นรับรู้ได้อย่าง
เรียบเรยี งโดยนางสาวเริงนภา อาทะวงษ์ ตาแหน่งครู กลุม่ สาระการเรยี นรู้คณติ ศาสตร์ โรงเรียนโคกโพธิไ์ ชยศกึ ษา
โครงสร้างกาหนดการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ รายวชิ า ค33101 คณติ ศาสตร์พน้ื ฐาน ภาคเรยี นที่ 1 ปีการศกึ ษา 2564 25
ถูกต้องชัดเจนและมีประสิทธิภาพ การท่ีผู้เรียนมีส่วนร่วมในการอภิปราย หรือการเขียนเพื่อแลกเปล่ียนความรู้และ
ความคดิ เห็นถ่ายทอดประสบการณซ์ ึ่งกันและกัน ยอมรบั ฟงั ความคดิ เหน็ ของผู้อื่นจะช่วยให้ผู้เรียนเรียนรู้คณิตศาสตร์
ไดอ้ ย่างมคี วามหมาย เข้าใจไดอ้ ย่างกว้างขวางลึกซึ้งและจดจาไดน้ านมากขึ้น
การเชือ่ มโยง
การเชือ่ มโยงทางคณิตศาสตร์ เปน็ กระบวนการท่ีต้องอาศัยการคิด วิเคราะห์ และความคิดริเร่ิมสร้างสรรค์
ในการนาความรู้ เนื้อหา และหลกั การทางคณิตศาสตร์ มาสร้างความสัมพันธ์อย่างเป็นเหตุเป็นผลระหว่างความรู้และ
ทกั ษะและกระบวนการท่ีมีในเน้ือหาคณิตศาสตร์กับงานท่ีเก่ียวข้อง เพ่ือนาไปสู่การแก้ปัญหาและการเรียนรู้แนวคิด
ใหมท่ ซ่ี ับซ้อน หรือสมบรู ณ์ขน้ึ
การเช่ือมโยงความรู้ต่าง ๆ ทางคณิตศาสตร์ เป็นการนาความรู้และทักษะและกระบวนการต่าง ๆ ทาง
คณิตศาสตร์ไปสัมพันธ์กันอย่างเป็นเหตุเป็นผล ทาให้สามารถแก้ปัญหาได้หลากหลายวิธีและกะทัดรัดขึ้นทาให้การ
เรียนรู้คณติ ศาสตร์มีความหมายสาหรบั ผเู้ รียนมากยิ่งขึ้น
การเชือ่ มโยงคณิตศาสตร์กับศาสตร์อน่ื ๆ เปน็ การนาความรู้ ทกั ษะและกระบวนการต่าง ๆทางคณิตศาสตร์
ไปสัมพันธ์กันอย่างเป็นเหตุเป็นผลกับเนื้อหาและความรู้ของศาสตร์อ่ืน ๆ เช่น วิทยาศาสตร์ดาราศาสตร์ พันธุกรรม
ศาสตร์ จิตวิทยา และเศรษฐศาสตร์ เป็นต้น ทาให้การเรียนคณิตศาสตร์น่าสนใจมีความหมายและผู้เรียนมองเห็น
ความสาคัญของการเรยี นคณิตศาสตร์
การทีผ่ ้เู รยี นเห็นการเชื่อมโยงทางคณิตศาสตร์ จะส่งเสริมให้ผู้เรียนเห็นความสัมพันธ์ของเนื้อหาต่าง ๆ ใน
คณิตศาสตร์ และความสัมพันธ์ระหว่างแนวคิดทางคณิตศาสตร์กับศาสตร์อื่น ๆ ทาให้ผู้เรียนเข้าใจเน้ือหาทาง
คณิตศาสตร์ได้ลกึ ซ้ึงและมีความคงทนในการเรียนรู้ ตลอดจนช่วยให้ผู้เรียนเห็นว่าคณิตศาสตร์มีคุณค่าน่าสนใจ และ
สามารถนาไปใช้ประโยชน์ในชวี ติ จริงได้
การใหเ้ หตผุ ล
การให้เหตุผล เป็นกระบวนการคดิ ทางคณติ ศาสตรท์ ต่ี ้องอาศยั การคิดวเิ คราะหแ์ ละความคิดรเิ ร่ิมสร้างสรรค์
ในการรวบรวมข้อเท็จจริง ข้อความ แนวคิด สถานการณ์ทางคณิตศาสตร์ต่าง ๆ แจกแจงความสัมพันธ์ หรือการ
เชอ่ื มโยง เพ่ือให้เกิดขอ้ เท็จจรงิ หรอื สถานการณใ์ หม่
การให้เหตุผลเป็นทักษะและกระบวนการที่ส่งเสริมให้ผู้เรียนรู้จักคิดอย่างมีเหตุผล คิดอย่างเป็นระบบ
สามารถคิดวิเคราะห์ปัญหาและสถานการณ์ได้อย่างถี่ถ้วนรอบคอบ สามารถคาดการณ์ วางแผน ตัดสินใจ และ
แก้ปญั หาไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ งและเหมาะสม การคิดอย่างมีเหตุผลเป็นเครื่องมือสาคัญท่ีผู้เรียนจะนาไปใช้พัฒนาตนเองใน
การเรียนรสู้ ิ่งใหม่ เพือ่ นาไปประยุกต์ใชใ้ นการทางานและการดารงชวี ิต
เรยี บเรยี งโดยนางสาวเรงิ นภา อาทะวงษ์ ตาแหนง่ ครู กลมุ่ สาระการเรยี นรู้คณิตศาสตร์ โรงเรยี นโคกโพธ์ิไชยศึกษา
โครงสร้างกาหนดการจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ รายวิชา ค33101 คณิตศาสตร์พื้นฐาน ภาคเรยี นที่ 1 ปกี ารศกึ ษา 2564 26
การคดิ สร้างสรรค์
การคิดสร้างสรรค์ เป็นกระบวนการคิดที่อาศัยความรู้พ้ืนฐาน จินตนาการและวิจารณญาณ ในการพัฒนา
หรือคิดคน้ องคค์ วามรู้ หรือส่ิงประดิษฐ์ใหม่ ๆ ท่ีมีคุณค่าและเป็นประโยชน์ต่อตนเองและสังคมความคิดสร้างสรรค์มี
หลายระดบั ตั้งแตร่ ะดับพน้ื ฐานทสี่ ูงกวา่ ความคิดพนื้ ๆ เพียงเลก็ น้อย ไปจนกระทัง่ เป็นความคดิ ทีอ่ ยใู่ นระดบั สงู มาก
การพฒั นาความคดิ สรา้ งสรรคจ์ ะชว่ ยให้ผเู้ รยี นมีแนวทางการคิดท่ีหลากหลาย มีกระบวนการคิดจินตนาการ
ในการประยุกต์ที่จะนาไปสู่การคิดค้นสิ่งประดิษฐ์ท่ีแปลกใหม่และมีคุณค่าที่คนส่วนใหญ่คดคิดไม่ถึง หรือมองข้าม
ตลอดจนส่งเสริมให้ผู้เรยี นมนี ิสยั กระตือรือรน้ ไม่ย่อท้อ อยากรู้อยากเห็น อยากค้นควา้ และทดลองส่ิงใหม่ ๆ อย่เู สมอ
เรียบเรยี งโดยนางสาวเรงิ นภา อาทะวงษ์ ตาแหนง่ ครู กลุม่ สาระการเรียนรู้คณติ ศาสตร์ โรงเรยี นโคกโพธิไ์ ชยศกึ ษา
โครงสร้างกาหนดการจัดกจิ กรรมการเรียนรู้ รายวชิ า ค33101 คณิตศาสตร์พนื้ ฐาน ภาคเรียนที่ 1 ปกี ารศกึ ษา 2564 27
เอกสารอ้างองิ
สานกั วิชาการและมาตรฐานการศึกษา. แนวทางการบริหารจดั การหลักสตู ร ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษา
ขน้ั พื้นฐาน พุทธศกั ราช 2551. กรงุ เทพฯ : พมิ พ์ครั้งที่ 2, โรงพมิ พ์ชุมนุมสหกรณ์การเกษตร
แห่งประเทศไทยจากัด, 2553.
สานกั วิชาการและมาตรฐานการศกึ ษา . แนวทางการบริหารจดั การหลกั สูตร ตามหลักสูตรแกนกลางการศกึ ษา
ข้นั พน้ื ฐาน พทุ ธศักราช 2551(ฉบบั ปรบั ปรงุ 2560).
สานกั วชิ าการและมาตรฐานการศึกษา . แนวทางการจัดการเรียนรู้ ตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาขัน้ พนื้ ฐาน
พทุ ธศกั ราช 2551. กรงุ เทพฯ: พมิ พค์ ร้งั ที่ 2, โรงพมิ พ์ชุมนมุ สหกรณก์ ารเกษตรแห่งประเทศไทยจากดั ,
2553.
สานักวชิ าการและมาตรฐานการศึกษา . แนวทางการพฒั นา การวัดและประเมิน คุณลักษณะอันพึงประสงค์
ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขนั้ พื้นฐาน พทุ ธศักราช 2551. กรงุ เทพฯ : พิมพ์ครั้งท่ี 2,
โรงพิมพช์ ุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทยจากัด, 2553.
สานักวชิ าการและมาตรฐานการศกึ ษา . แนวทางการจัดกิจกรรมพฒั นาผู้เรยี น ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษา
ขน้ั พ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551. กรุงเทพฯ : พมิ พ์ครัง้ ท่ี 2. โรงพิมพ์ชมุ นมุ สหกรณก์ ารเกษตร
แหง่ ประเทศไทยจากดั , 2553.
สานักวิชาการและมาตรฐานการศึกษา . แนวปฏิบัตกิ ารวัดและประเมินผลการเรียนรู้ ตามหลักสูตรแกนกลาง
การศึกษาขนั้ พ้ืนฐาน พทุ ธศักราช 2551. กรุงเทพฯ : พิมพค์ ร้งั ที่ 2. โรงพิมพ์ชุมนุมสหกรณ์การเกษตร
แหง่ ประเทศไทยจากดั , 2553.
ศึกษาธิการ, กระทรวง, หลกั สตู รการศึกษาขน้ั พื้นฐาน พุทธศกั ราช 2551. กรุงเทพฯ : โรงพมิ พ์ชุมนุมสหกรณ์
การเกษตรแห่งประเทศไทยจากดั , 2552.
ศึกษาธิการ, กระทรวง, ตัวช้ีวดั และสาระแกนกลางกล่มุ สาระเรียนรู้คณิตศาสตร์ ตามหลกั สูตรการศกึ ษา
ขน้ั พน้ื ฐาน พุทธศกั ราช 2551. กรุงเทพฯ : โรงพมิ พ์ชุมนุมสหกรณ์ การเกษตรแหง่ ประเทศไทยจากดั ,
2552.
ศึกษาธิการ, กระทรวง, ตวั ชว้ี ัดและสาระแกนกลางกลุม่ สาระเรียนรคู้ ณิตศาสตร์ ตามหลักสูตรการศกึ ษา
ขัน้ พน้ื ฐาน พทุ ธศกั ราช 2551(ฉบับปรับปรุง 2560). กรุงเทพฯ : โรงพิมพช์ ุมนมุ สหกรณ์การเกษตร
แห่งประเทศไทยจากดั , 2560.
เรียบเรียงโดยนางสาวเริงนภา อาทะวงษ์ ตาแหนง่ ครู กลุม่ สาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ โรงเรยี นโคกโพธไิ์ ชยศึกษา
โครงสร้างกาหนดการจัดกจิ กรรมการเรียนรู้ รายวิชา ค33101 คณติ ศาสตร์พื้นฐาน ภาคเรียนท่ี 1 ปีการศึกษา 2564 1
เรียบเรียงโดยนางสาวเริงนภา อาทะวงษ์ ตาแหนง่ ครู กลุ่มสาระการเรยี นรคู้ ณิตศาสตร์ โรงเรยี นโคกโพธไิ์ ชยศึกษา