The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by nontiyaj, 2020-12-03 23:38:14

5 ธันวาคม

9

ยงั จำได้ไหม?...คนไทยกบั รปู ท่มี ที กุ บ้ำน “.....งำนของพระรำชำเพ่อื แผ่นดนิ ไทย”

5 ธนั วำคม “วันสำคัญ 3 ต่อ” เพรำะเปน็ มำกกวำ่ วันพ่อ
5 ธนั วำคม ของทกุ ปนี ับเป็นวนั สำคัญวันหนึง่ เปน็ ท่ที รำบกันดวี ำ่ ประชนชนชำวไทยใหค้ วำมสำคัญเปน็ “วันพ่อแห่งชำต”ิ ซ่ึง

ตรงกับวันพระบรมรำชสมภพพระบำทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหำภมู พิ ลอดุลยเดช ในหลวงรัชกำลที่ 9 แห่งรำชวงศ์จักรี ตรงกับวันที่ 5
ธนั วำคม พ.ศ. 2470อย่ำงไรกต็ ำมภำยหลงั กำรเสด็จสวรรคตของพระบำทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหำภมู พิ ลอดลุ ยเดช บรมนำถบพิตร เมอ่ื
วันที่ 13 ตุลำคม 2559 สำนกั นำยกรฐั มนตรีไดอ้ อกประกำศเรอื่ ง กำหนดวันสำคัญของชำตไิ ทย มีใจควำมสำคัญ เมอ่ื วนั ที่ 7 กมุ ภำพนั ธ์
2560 วำ่ กำรกำหนดใหว้ นั ท่ี 5 ธันวำคมของทกุ ปีเป็นวนั สำคัญของชำตไิ ทยดงั นี้

1. เปน็ วนั คลา้ ยวนั พระบรมราชสมภพของพระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภมู พิ ลอดลุ ยเดช บรมนาถบพิตร

2. เปน็ วนั ชาติ

3. เป็นวนั พอ่ แห่งชาติ

โดยให้มผี ลต้งั แตว่ ันท่ี 6 กมุ ภาพันธ์ 2560 เป็นต้นไป

พล.อ. ประยุทธ์ จนั ทร์โอชา รับสนองพระราชโองการ

จำกประกำศของสำนกั นำยกรฐั มนตรขี ำ้ งต้นนจี้ ึงทำใหว้ ันที่ 5 ธันวำคม ของชำวไทยเปน็ มำกกว่ำวนั พ่อ แต่ยงั เปน็ วนั สำคัญใน
โอกำสอื่นเพมิ่ มำอกี รวมแล้วเป็น 3 โอกำส นน่ั คือวนั พระบรมรำชสมภพในหลวงรชั กำลท่ี 9 วันพอ่ แห่งชำติ และวนั ชำติ

ขอ้ มูลจำก https://www.silpa-mag.com/this-day-in-history/article_13439

คดิ ถงึ พอ่ ....คดิ ถงึ ศำสตร์พระรำชำ

“ ศำสตร์พระรำชำ สู่กำรพัฒนำอยำ่ งยง่ั ยืน”

ด้วยพระเมตตำและพระมหำกรุณำธคิ ณุ พระบำทสมเดจ็ พระเจำ้ อยู่หวั รชั กำลที่ 9พระรำชทำนควำมช่วยเหลอื เพื่อบำบดั ทกุ ข์

บำรุงสขุ ของพสกนิกรจึงบงั เกิดโครงกำรอันเน่อื งมำจำกพระรำชดำรหิ ลำยพนั โครงกำรทัว่ ประเทศ ไมว่ ำ่ จะเปน็ โครงกำรดำ้ นเกษตรกรรม

กำรแพทยแ์ ละสำธำรณสุข กำรคมนำคม หรอื กำรจัดกำรทรัพยำกรธรรมชำติ ซ่งึ ตัง้ อยู่บนพื้นฐำนของหลกั กำรทรงงำนอนั ประเสรฐิ ดงั นี้

หลกั กำรทรงงำน ของในหลวงรชั กำลที่ 9
1. จะทำอะไรต้องศึกษำข้อมลู ใหเ้ ป็นระบบ ทรงศกึ ษำข้อมูลรำยละเอียดอย่ำงเปน็ ระบบจำกขอ้ มลู เบื้องต้น ท้ังเอกสำร แผนที่ สอบถำม
จำกเจำ้ หน้ำที่ นกั วิชำกำร และรำษฎรในพ้นื ทีใ่ หไ้ ด้รำยละเอียดทถี่ กู ต้อง
2. ระเบดิ จำกภำยในจะทำกำรใดๆ ตอ้ งเริ่มจำกคนทเ่ี ก่ยี วขอ้ งเสยี ก่อน ตอ้ งสรำ้ งควำมเขม้ แข็งจำกภำยในใหเ้ กิดควำมเข้ำใจและอยำกทำ
3. แกป้ ญั หำจำกจดุ เล็ก ควรมองปญั หำภำพรวมกอ่ นเสมอ แต่เมือ่ จะลงมอื แกป้ ัญหำนัน้ ควรมองในสง่ิ ท่ีคนมักจะมองขำ้ ม แลว้ เริม่
แก้ปัญหำจำกจดุ เล็กๆ เสยี กอ่ น เมอ่ื สำเรจ็ แล้วจึงคอ่ ยๆ ขยบั ขยำยแกไ้ ปเร่ือยๆ ทลี ะจดุ
4. ทำตำมลำดบั ข้ัน เรมิ่ ต้นจำกกำรลงมือทำในสงิ่ ทจี่ ำเปน็ กอ่ น เมือ่ สำเรจ็ แลว้ ก็เรม่ิ ลงมอื สิ่งทจ่ี ำเป็นลำดับต่อไป ด้วยควำมรอบคอบ
และระมัดระวัง
5. ภูมิสงั คม ภมู ิศำสตร์ สังคมศำสตร์ กำรพัฒนำใดๆ ตอ้ งคำนงึ ถึงสภำพภมู ปิ ระเทศของบรเิ วณนัน้ ว่ำเปน็ อยำ่ งไร และสังคมวทิ ยำ
เก่ยี วกบั ลักษณะนสิ ยั ใจคอคน ตลอดจนวฒั นธรรมประเพณีในแต่ละทอ้ งถิ่นทมี่ คี วำมแตกตำ่ งกนั
6. ทำงำนแบบองคร์ วม โดยใชว้ ธิ คี ดิ อยำ่ งองค์รวม คอื กำรมองสงิ่ ตำ่ งๆทเ่ี กิดอยำ่ งเป็นระบบครบวงจร ทกุ ส่ิงทกุ อย่ำงมมี ติ ิเช่อื มตอ่ กนั
7. ไม่ตดิ ตำรำ เมื่อเรำจะทำกำรใดน้ัน ควรทำงำนอยำ่ งยดื หยุ่นกับสภำพและสถำนกำรณต์ ้องโอบออ้ มต่อสภำพธรรมชำติ ส่งิ แวดลอ้ ม
สงั คม และจิตวทิ ยำดว้ ย
8. ร้จู ักประหยัด เรียบงำ่ ย ไดป้ ระโยชน์สูงสุด ทรงใชห้ ลักในกำรแกป้ ัญหำดว้ ยควำมเรียบง่ำยและประหยัด ทำได้เอง หำไดใ้ นทอ้ งถ่นิ
และประยกุ ตใ์ ช้ส่งิ ทมี่ อี ยใู่ นภมู ภิ ำคน้นั มำแก้ไข ปรับปรงุ โดยไม่ต้องลงทุนสงู หรอื ใชเ้ ทคโนโลยมี ำกนกั

9. ทำใหง้ ำ่ ย ทรงคิดคน้ ดัดแปลง ปรับปรงุ และแก้ไขงำน สอดคลอ้ งกับสภำพควำมเปน็ อยูข่ องประชำชนและระบบนิเวศโดยรวม
10. กำรมสี ่วนร่วม ทรงเปดิ โอกำสใหส้ ำธำรณชน ประชำชนหรือเจำ้ หน้ำทีท่ กุ ระดับได้มำรว่ มแสดงควำมคิดเห็น คอื “กำรระดม
สตปิ ญั ญำละประสบกำรณ์อนั หลำกหลำยมำอำนวยกำรปฏบิ ัตบิ ริหำรงำนใหป้ ระสบผลสำเร็จท่ีสมบูรณน์ ่ันเอง”
11. ตอ้ งยดึ ประโยชน์ส่วนรวม
12. บริกำรทจี่ ุดเดียว ทรงเน้นเร่ืองรูร้ ักสำมัคคแี ละกำรร่วมมือรว่ มแรงรว่ มใจกนั ด้วยกำรปรับลดชอ่ งวำ่ งระหวำ่ งหนว่ ยงำนทีเ่ กยี่ วขอ้ ง
13. ใชธ้ รรมชำตชิ ่วยธรรมชำติ ทรงมองปญั หำธรรมชำตอิ ยำ่ งละเอียด โดยหำกเรำต้องกำรแกไ้ ขธรรมชำติจะตอ้ งใชธ้ รรมชำติเขำ้
ชว่ ยเหลอื เรำดว้ ย
14. ใชอ้ ธรรมปรำบอธรรม ทรงนำควำมจริงในเร่อื งธรรมชำติและกฎเกณฑข์ องธรรมชำติมำเป็นหลกั กำรแนวทำงปฏิบตั ิในกำรแกไ้ ข
ปญั หำและปรับปรุงสภำวะที่ไม่ปกตเิ ข้ำสูร่ ะบบทปี่ กติ
15. ปลกู ป่ำในใจคน กำรจะทำกำรใดสำเร็จต้องปลกู จิตสำนกึ ของคนเสยี กอ่ น ตอ้ งใหเ้ หน็ คุณคำ่ เหน็ ประโยชน์กบั สิ่งที่จะทำ….
16. ขำดทุนคอื กำไร “กำรให”้ และ “กำรเสยี สละ” เป็นกำรกระทำอันมผี ลเปน็ กำไร คอื ควำมอยูด่ มี ีสขุ ของรำษฎร
17. กำรพึ่งพำตนเอง คือ กำรพฒั นำให้ประชำชนสำมำรถอยใู่ นสงั คมได้ตำมสภำพแวดล้อมและสำมำรถ พึ่งตนเองไดใ้ นทส่ี ุด
18. พออยพู่ อกิน ให้ประชำชนสำมำรถอย่อู ย่ำง “พออยพู่ อกนิ ” ใหไ้ ดเ้ สียก่อน แลว้ จงึ คอ่ ยขยับขยำยให้มีขีดสมรรถนะทีก่ ำ้ วหน้ำต่อไป
19. เศรษฐกิจพอเพียง ทรงชีแ้ นะแนวทำงกำรดำเนินชีวติ ใหด้ ำเนินไปบน “ทำงสำยกลำง” เพือ่ ให้รอดพน้ และสำมำรถดำรงอยไู่ ดอ้ ย่ำง
ม่ันคงและยงั่ ยนื ภำยใต้กระแสโลกำภวิ ัตน์และกำรเปลย่ี นแปลงตำ่ งๆ
20. ควำมซื่อสัตย์สุจรติ จรงิ ใจต่อกัน ผ้ทู ม่ี คี วำมสจุ ริตและบรสิ ทุ ธิใ์ จ แม้จะมคี วำมรนู้ อ้ ย กย็ อ่ มทำประโยชนใ์ หแ้ ก่สว่ นรวมได้มำกกว่ำผู้
ทม่ี ีควำมรมู้ ำก แตไ่ ม่มคี วำมสุจรติ ไมม่ คี วำมบริสทุ ธ์ใิ จ
21. ทำงำนอยำ่ งมคี วำมสขุ ทำงำนตอ้ งมคี วำมสุขดว้ ย ถ้ำเรำทำอยำ่ งไมม่ ีควำมสขุ เรำจะแพ้ แตถ่ ้ำเรำมคี วำมสุขเรำจะชนะ
22. ควำมเพยี ร กำรเรมิ่ ตน้ ทำงำนหรอื ทำส่ิงใดนน้ั อำจจะไม่ได้มีควำมพรอ้ ม ตอ้ งอำศยั ควำมอดทนและควำมมงุ่ มน่ั
23. รู้ รัก สำมคั คี รู้ คือ รู้ปัญหำและรวู้ ิธแี ก้ปญั หำนนั้ รกั คอื เรำตอ้ งมีควำมรัก ที่จะลงมือทำ ลงมอื แก้ไขปัญหำนนั้ สำมัคคี คอื กำร
แก้ไขปญั หำต่ำงๆ ตอ้ งอำศยั ควำมรว่ มมอื ร่วมใจกัน

ศำสตรพ์ ระรำชำเกยี่ วกับ “เศรษฐกิจพอเพียง”

เศรษฐกจิ พอเพียง คือ ปรชั ญำทีพ่ ระบำทสมเด็จพระเจ้ำอยูห่ วั ทรงชี้แนวทำงกำรดำเนนิ ชวี ติ ให้แกป่ วงชนชำวไทย เพ่ือม่งุ ใหพ้ สกนิกรได้
ดำรงชีวิตอย่ไู ดอ้ ยำ่ งยัง่ ยนื ม่ันคง และปลอดภยั ภำยใตค้ วำมเปลยี่ นแปลงตำ่ งๆ ที่เกิดขึ้นตำมกระแสโลก”

หลักแนวคิดของเศรษฐกจิ พอเพยี ง
คือกำรพฒั นำทตี่ ง้ั อยบู่ นพน้ื ฐำนของทำงสำยกลำงและควำมไม่ประมำท โดยคำนงึ ถึง ควำมพอประมำณ ควำมมีเหตุผล กำรสรำ้ ง

ภูมิค้มุ กนั ทด่ี ีในตวั ตลอดจนใชค้ วำมรูค้ วำมรอบคอบ และคณุ ธรรม ประกอบกำรวำงแผน กำรตัดสนิ ใจและกำรกระทำ

ควำมพอเพยี งจะตอ้ งประกอบดว้ ย ๓ คุณลักษณะ พรอ้ ม ๆ กัน ดงั นี้

1. ควำมพอประมำณ: หมำยถงึ ควำมพอดีท่ไี มน่ ้อยเกนิ ไปและไม่มำกเกนิ ไปโดยไม่เบยี ดเบียนตนเองและผอู้ ่นื
2. ควำมมเี หตุผล: หมำยถึง ตอ้ งเปน็ ไปอยำ่ งมีเหตผุ ลโดยพจิ ำรณำจำกเหตปุ ัจจยั ทเ่ี ก่ียวขอ้ งตลอดจนคำนึงถึงผลท่คี ำดว่ำจะเกิดข้ึน

จำกกำรกระทำนนั้ ๆ อยำ่ งรอบคอบ
3. กำรมภี มู คิ มุ้ กนั ที่ดใี นตวั : หมำยถงึ กำรเตรยี มตัวให้พร้อมรบั ผลกระทบและกำรเปลีย่ นแปลง ท่ีจะเกิดขึน้ โดยคำนึงถงึ ควำมเป็นไปได้

ของสถำนกำรณ์ ตำ่ ง ๆ ท่คี ำดว่ำจะเกิดข้ึนในอนำคต
4. เงอื่ นไข : กำรตัดสนิ ใจและกำรดำเนนิ กิจกรรมตำ่ ง ๆ ใหอ้ ยู่ในระดับพอเพยี งนั้นตอ้ งอำศัยทั้งควำมรู้ และคณุ ธรรมเป็นพนื้ ฐำน
กล่ำวคอื

เงอื่ นไขควำมรู้: ประกอบดว้ ย ควำมรอบรเู้ กีย่ วกบั วิชำกำรต่ำง ๆ อยำ่ งรอบด้ำน รอบคอบนำควำมรู้เหล่ำนนั้ มำพจิ ำรณำ
ใหเ้ ชื่อมโยงกัน เพอ่ื กำรวำงแผน และระมดั ระวังในขน้ั ปฏิบตั ิ

เงอ่ื นไขคณุ ธรรม: มีควำมซ่ือสัตยส์ จุ ริตและมีควำมอดทน มคี วำมเพยี ร ใช้สตปิ ัญญำในกำรดำเนนิ ชวี ิต

ศำสตรพ์ ระรำชำเกี่ยวกบั “กำรอนุรกั ษท์ รพั ยำกรธรรมชำติ”

พระบำทสมเดจ็ พระเจำ้ อยหู่ วั มีควำมสนพระรำชหฤทยั และทรงตระหนกั ถึงควำมสำคญั ของทรพั ยำกรธรรมชำติเป็นอยำ่ งมำก ทรง
พบวำ่ ปญั หำปำ่ เสือ่ มโทรม ไดส้ ง่ ผลกระทบให้เกิดปัญหำดำ้ นอนื่ ๆ โยงใยถงึ ปญั หำทำงสงั คมเศรษฐกิจ กำรเมือง คุณธรรม และระบบ
นิเวศของพนื้ ท่โี ดยรวมอกี ด้วย พระองคจ์ ึงไดพ้ ระรำชทำนแนวพระรำชดำริในกำรแกไ้ ขปญั หำโดยทรงบูรณำกำรงำนพฒั นำทเี่ กย่ี วเนอ่ื ง
ทง้ั หมดเขำ้ ด้วยกนั กับแนวพระรำชดำรดิ ำ้ นป่ำไม้ โดยกำรปลกู ฝงั จิตสำนกึ ให้ชมุ ชนเหน็ ควำมสำคัญของปำ่ ไม้ ชว่ ยกนั อนุรักษ์ ดูแลรกั ษำ
และใชป้ ระโยชนจ์ ำกปำ่ อยำ่ งถกู วธิ ี ดงั นี้

1. กำรอนุรกั ษ์ปำ่ และสง่ิ แวดลอ้ ม
- กำรรกั ษำป่ำต้นนำ้ พระองค์ไดพ้ ระรำชทำนพระรำชดำริ “ทฤษฎปี ำ่ เปยี ก” โดยทรงใหห้ ำวิธีใหน้ ำ้ จำกป่ำไหลผำ่ นลึกลงในใต้

ดนิ เพื่อรักษำหนำ้ ดินให้มีควำมช้ืน ซง่ึ เปน็ กลยุทธ์ในกำรสร้ำงแนวปอ้ งกันไฟในระยะยำวได้ด้วย
- กำรจัดกำรเรื่องน้ำและกำรสร้ำงควำมชมุ่ ชนื้ ในบริเวณพ้ืนทอ่ี นรุ ักษ์ โดยกำรกกั เก็บนำ้ ไว้บนทส่ี งู ให้มำกท่ีสุด แล้วจ่ำยปัน

ลดหลั่นลงมำด้วยกำรควบคมุ และจัดกำรสภำวะกำรไหลของน้ำใหส้ มำ่ เสมอ ด้วยกำรสรำ้ งฝำยชะลอควำมชุ่มชื้น หรอื Check Dam เพือ่
แผก่ ระจำยควำมชมุ่ ช้ืนออกไปให้กวำ้ งขวำง อันจะชว่ ยฟนื้ ฟูสภำพปำ่ ในบริเวณท่ีสูงให้สมบรู ณข์ นึ้ เป็นภเู ขำของป่ำและนำ้ ในอนำคต

- กำรจำ่ ยปนั นำ้ โดยกำรทำทอ่ สง่ และลำเหมืองในกำรกระจำยน้ำไปยงั พืน้ ท่ีกำรเกษตร ซึ่งพระองค์ทรงเน้นกำรใชว้ สั ดุในพ้ืนทีท่ ่ี
หำง่ำยและประหยดั เปน็ หลัก

- กำรอนุรักษ์ทรพั ยำกรป่ำไม้ (สตั ว์ป่ำและอุทยำน) โดยจัดใหม้ กี ำรเพำะเลยี้ งขยำยพนั ธุ์สตั ว์ปำ่ ใหแ้ พร่หลำย รวมทั้งส่งเสริมให้
รำษฎรเลีย้ งสัตว์ปำ่ เปน็ อำชีพ และดำเนนิ กำรจดั ตง้ั เปน็ วนอุทยำนหรอื อุทยำนแห่งชำติในพืน้ ทที่ เี่ หมำะสม

- กำรรกั ษำปำ่ ชำยเลน โดยสง่ เสริมกำรปลูกป่ำไม้ชำยเลนดว้ ยกำรอำศยั ระบบนำ้ ขึ้นน้ำลงในกำรเติบโต อนั เปน็ แนวปอ้ งกันลม
และปอ้ งกันกำรกัดเซำะชำยฝ่งั รวมทง้ั เปน็ แหลง่ อำศยั ของสตั วน์ ้ำ

2. กำรฟนื้ ฟสู ภำพปำ่ และกำรปลูกปำ่
“ปลูกปำ่ ในใจคน” โดยกำรทำควำมเขำ้ ใจกบั รำษฎรให้รู้ถึงประโยชน์ของปำ่ และกำรอย่รู ว่ มกับปำ่ อย่ำงพ่ึงพำอำศัยกนั ให้

รำษฎรไดเ้ ขำ้ มำมสี ่วนรว่ มในกำรปลกู ปำ่ ตลอดจนรจู้ กั นำพชื พรรณมำใชส้ อยอยำ่ งถกู ต้อง
“ปลูกปำ่ 3 อยำ่ ง ใหป้ ระโยชน์ 4 อยำ่ ง” ด้วยกำรจำแนกปำ่ 3 อย่ำง คือ ป่ำไม้ใชส้ อย ปำ่ ไมก้ นิ และปำ่ ไม้เศรษฐกจิ ซ่งึ ชว่ ย

อนุรักษด์ ินและต้นนำ้ ลำธำรด้วย
“กำรปลกู ปำ่ ทดแทน” โดยกำรกำรปลูกปำ่ ทดแทนปำ่ ทถี่ ูกทำลำยตำมไหลเ่ ขำและในพน้ื ทปี่ ่ำเสือ่ มโทรม

3. กำรพัฒนำเพื่อให้ชมุ ชนอย่รู ว่ มกบั ปำ่ อยำ่ งยงั่ ยนื
โดยเปลีย่ นรำษฎรจำกผู้บกุ รุกทำลำยปำ่ ให้กลำยมำเปน็ ผู้อนุรกั ษท์ รพั ยำกรปำ่ สง่ เสรมิ ให้ทุกคนมีส่วนรว่ มในกจิ กรรมกำรปลูก

ปำ่ และจัดกำรทรพั ยำกรดว้ ยตนเอง ทรงแนะนำให้ต้ัง “ปำ่ ไม้หมบู่ ำ้ น” เพอ่ื ใหร้ ำษฎรเพำะตน้ กลำ้ ใหแ้ กร่ ำชกำร และเสรมิ สร้ำงคุณธรรม
และจติ สำนึกเป็นปจั จยั อันสำคัญทจ่ี ะชว่ ยใหต้ น้ นำ้ ลำธำรยงั คงอยู่

ศำสตรพ์ ระรำชำเกี่ยวกับ “ดนิ ”

สำหรับเกษตรกรแลว้ ทุกอยำ่ งลว้ นเรมิ่ จำก “ดิน” ซ่งึ เปน็ ทรพั ยำกรธรรมชำติทม่ี คี วำมสำคัญต่อควำมคงอยู่ของสิ่งมชี ีวติ ทุกชนดิ
หำกดนิ ไมด่ กี ็ไปตอ่ ไม่ได้ และยงั เป็นปจั จยั กำรผลติ ที่สำคัญเคียงคูก่ ับ “นำ้ ” ในกำรทำเกษตรกรรม ดว้ ยทรงเห็นวำ่ ดินเป็นปัจจยั พ้นื ฐำน
สำคัญในกำรสร้ำงควำมสมดุลใหก้ บั สภำพแวดล้อม พระองค์ท่ำนทรงริเร่ิมโครงกำรพลกิ ฟื้นผืนดินทีเ่ ส่ือมโทรม เพอ่ื ใหผ้ นื ดนิ กลบั มำมี
สภำพทดี่ ีและสำมำรถใช้เพำะปลูกทำกำรเกษตรได้อยำ่ งมคี ณุ ภำพซงึ่ ล้วนแต่นำประโยชนส์ ขุ มำสเู่ กษตรกรทัว่ ประเทศ

ยกมำเป็นตัวอยำ่ งพอสังเขปดังต่อไปนี้

“ทฤษฎแี กล้งดนิ ” เร่ิมจำกวธิ กี ำรแกลง้ ดนิ ให้เปร้ยี ว ดว้ ยกำรทำใหด้ นิ แห้งและเปยี กสลับกันไปเพอ่ื เร่งปฏิกิริยำทำงเคมขี องดิน ซงึ่
จะไปกระตุ้นใหส้ ำรไพไรตท์ ำปฏกิ ริ ิยำกบั ออกซิเจนแลว้ ปลดปลอ่ ยกรดกำมะถันออกมำ ทำให้ดนิ เปน็ กรดจัดจนถงึ ขั้น “แกลง้ ดนิ ใหเ้ ปรี้ยว
สดุ ขีด” จนกระทัง่ ถงึ จุดท่พี ชื ไมส่ ำมำรถเจริญงอกงำมได้ จำกนัน้ จึงหำวธิ กี ำรปรบั ปรุงดินดงั กลำ่ วให้สำมำรถปลกู พืชได้

“หญำ้ แฝก”เป็นวัชพืชทีม่ ีคุณสมบตั ิพเิ ศษคอื ช่วยปอ้ งกนั กำรชะลำ้ งพังทลำยของหน้ำดิน กักเก็บควำมชุ่มชน้ื ใต้ดิน นอกจำกน้หี ญำ้
แฝกยงั ช่วยกรองน้ำเสียใหก้ ลำยเป็นนำ้ ใส และยงั ใช้เป็นกำแพงสเี ขยี วกันไฟป่ำลกุ ลำมเพรำะแมใ้ นฤดูแลง้ หญ้ำแฝกกย็ ังคงเขียวชอมุ่ ไวไ้ ด้
ปัจจุบนั ประเทศไทยกลำยเปน็ ศนู ยก์ ลำงของกำรใชเ้ ทคนิคและวชิ ำกำรหญ้ำแฝกที่ประสบผลสำเรจ็ และมีควำมกำ้ วหนำ้ มำกทสี่ ุดในโลก
ปัจจบุ ันนด้ี ้วย

“กำรห่มดนิ ” เพ่ือให้ดนิ มีควำมชุ่มชนื้ จลุ ินทรยี ท์ ำงำนไดด้ ี อันจะส่งผลให้ดินบรเิ วณนนั้ ทำกำรเกษตรไดอ้ ยำ่ งมปี ระสิทธภิ ำพ
ป้องกันกำรชะลำ้ งพังทลำยของดินและพัฒนำทรัพยำกรดนิ ให้เกดิ แรธ่ ำตุ เช่น ใช้ฟำงและเศษใบไมม้ ำหม่ ดนิ หรือวัสดอุ น่ื ตำมทีห่ ำได้ตำม
สภำพทว่ั ไปของพ้นื ท่ี กำรใช้พรมใยปำลม์ เป็นผ้ำห่มดนิ

พระบำทสมเดจ็ พระปรมินทรมหำภมู พิ ลอดุลยเดชทรงปฏิบัตพิ ระรำชกรณยี กจิ เกยี่ วกับกำรพฒั นำท่ดี ินมำอยำ่ งตอ่ เนือ่ ง
ยำวนำนสร้ำงคณุ ปู กำรหลำยหลำกจนเป็นทีป่ ระจกั ษอ์ ยำ่ งกวำ้ งขวำงภำยในประเทศและยงั ได้รับกำรยอมรับจำกตำ่ งประเทศ โดยทำง
องคก์ ำรอำหำรและเกษตรแห่งสหประชำชำติ (FAO) เทิดพระเกยี รตพิ ระองคท์ ่ำนโดยกำหนดให้วนั ท่ี ๕ ธันวำคมของทกุ ปี ซ่ึงตรงกับวนั
คลำ้ ยวันพระรำชสมภพของพระบำทสมเดจ็ พระปรมินทรมหำภูมพิ ลอดลุ ยเดช เปน็ “วนั ดนิ โลก” (World Soil Day) นอกจำกน้ียงั
ประกำศให้ ปี ๒๕๕๘ เป็น “ปีดนิ สำกล” หรอื International Year of Soils นับได้วำ่ พระเกยี รตยิ ศท่นี ำนำชำตใิ ห้กำรยกยอ่ งสรรเสรญิ
นล้ี ้วนแต่มำจำกพระรำชจริยวัตรด้ำนกำรพฒั นำ ดังควำมหมำยของพระนำม “ภมู ิพลอดุลยเดช” ทสี่ มเด็จพระศรีนครินทรำบรมรำชชนนี
เคยมีรับสง่ั กบั พระบำทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหำภูมพิ ลอดุลยเดชไวว้ ่ำ “อนั ท่ีจริงเธอก็ชอ่ื ภูมพิ ล ทแ่ี ปลวำ่ กำลังของแผน่ ดิน” โดยแทจ้ ริง

#เรียบเรยี งโดย นำงสำวนนทยิ ำ เจนจติ บรรณำรักษ์ชำนำญกำร ห้องสมดุ ประชำชนอำเภอแมใ่ จ ใชเ้ พ่ือประกอบกำรศึกษำ


Click to View FlipBook Version