1
276-632 การสรา้ งเคร่อื งมือวดั ทางการศกึ ษา 6120120256 มสุ ลมี ิน อแี ต
2
การสรา้ งเครอ่ื งมอื วดั ทางการศกึ ษา
จัดทาโดย
วา่ ท่รี อ้ ยตรีมุสลีมนิ อแี ต
รหัสนกั ศึกษา 6120120256
สาขาการวิจยั และประเมินผลการศึกษา บัณฑิตวทิ ยาลยั
คณะศึกษาศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั สงขลานครนิ ทร์ วทิ ยาเขตปัตตานี
ภาคเรยี นท่ี 2 ประจาปีการศกึ ษา 2561
276-632 การสรา้ งเครอ่ื งมือวดั ทางการศกึ ษา 6120120256 มสุ ลมี ิน อแี ต
คานา ก3
1
รายงานเล่มน้ีเป็นส่วนหน่ึงของรายวิชา 276 – 632 การสร้างเคร่ืองมือวัดทางการศึกษา 1
หลักสูตรศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาการวิจัยและประเมินผลการศึกษา ซ่ึงมีเนื้อหาสาระเกี่ยวกับ 1
การวิเคราะห์คุณภาพเคร่ืองมือแบบทดสอบ กระบวนการตรวจคุณภาพของแบบทดสอบ และการนาเคร่ืองมือ 1
แบบทดสอบไปทดลองใช้ 1
1
ผู้จัดทาขึ้นเพ่ือศึกษาหาความรู้เพ่ิมเติมประกอบการเรียนการสอน และศึกษามาตรฐานตัวช้ีวัด 1
คณติ ศาสตร์ เนื้อหาสาระการสอนในระดบั ช้นั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 2 วตั ถุประสงคเ์ ชงิ พฤติกรรม กระบวนการสร้าง 1
และขั้นตอนการตรวจสอบเคร่ืองมือแบบทดสอบ ความเท่ียงตรง ความเช่ือม่ัน อานวจจาแนก และความยาก 1
งา่ ย ให้ได้มาซึ่งคุณภาพและมีประสิทธิภาพ อีกทั้งผู้จัดทาหวังเป็นอย่างย่ิงว่า หากท่านใดอ่านรายงานเล่มนี้ 1
จะเป็นประโยชนต์ อ่ ทา่ นและสามารถนาความรู้ไปใชใ้ ห้เกิดประโยชน์สูงสดุ ได้เปน็ อยา่ งดี
หากรายงานเล่มน้ีมีความผิดพลาดประการใด ผู้จดั ทาขออภัย ณ ที่น้ดี ว้ ย
มุสลมี ิน อีแต
276-632 การสร้างเครอื่ งมือวัดทางการศกึ ษา 6120120256 มุสลมี นิ อีแต
4ข
สารบัญ
เร่อื ง หน้า
คานา............................................................................................................................. ............ ก
สารบัญ............................................................................................................ .......................... ข
มาตรฐานตัวชี้วัด....................................................................................................................... 1
2
เน้อื หา/สาระทส่ี อน................................................................................................................... 2
แผนผังวิเคราะห์ข้อสอบ............................................................................................................ 5
15
แบบทดสอบ (แบบฟอร์มท่ีส่งใหผ้ ้เู ชีย่ วชาญตรวจ)................................................................... 17
ค่าดชั นคี วามสอดคล้องระหว่างขอ้ สอบและจุดประสงคเ์ ชิงพฤติกรรม...................................... 20
26
แบบทดสอบทใ่ี ช้เก็บรวบรวมขอ้ มูล...........................................................................................
คะแนนของนักเรียนที่ไดจ้ ากการทดสอบ...................................................................................
ภาคผนวก..................................................................................................................................
รายชอ่ื ผู้เชี่ยวชาญ
เอกสารที่ผเู้ ช่ยี วชาญตรวจสอบแล้ว
กระดาษคาตอบของผูเ้ รยี น
1. มาตรฐานตัวชวี้ ดั
หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 1 ทฤษฎีบทพีทาโกรสั
ค1.4 ม.2/2 ใชท้ ฤษฎีบทพีทาโกรัสและบทกลับ ในการใหเ้ หตผุ ลและแกป้ ัญหา
จดุ ประสงค์เชงิ พฤตกิ รรม
สี่เหลย่ี ม 1. อธิบายหลกั การใชท้ ฤษฎีบทพที าโกรัสในการหาความยาวด้านของรปู สามเหลี่ยมและรปู
2. เขียนแสดงความสัมพนั ธ์ของทฤษฎีบทพที าโกรัส ระหว่างความยาวของดา้ นต่าง ๆ
ของรปู สามเหล่ียมมุมฉาก
3. หาความยาวดา้ นของรปู สามเหล่ยี มและรปู สเ่ี หลย่ี ม โดยใช้ทฤษฎีบทพที าโกรสั
4. มที ักษะในการคานวณและแสดงความสัมพนั ธข์ องทฤษฎีบทพีทาโกรสั
หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 ความรเู้ บื้องต้นของจานวนจริง
อตรรกยะ ค 1.1 ม.2/1 เขยี นเศษส่วนในรูปทศนยิ มและเขียนทศนยิ มซ้าในรูปเศษส่วน
ม.2/2 จาแนกจานวนจริงท่ีกาหนดใหแ้ ละยกตวั อย่าง จานวนตรรกยะและจานวน
ม.2/3 อธิบาย และระบรุ ากท่ีสองและรากที่สามของจานวนจริง
276-632 การสรา้ งเคร่อื งมือวัดทางการศึกษา 6120120256 มสุ ลมี ิน อแี ต
5
ค 1.2 ม.2/1 หารากที่สอง และรากที่สามของจานวนเตม็ โดยการแยกตัวประกอบ และ
นาไปใช้ในการ แก้ปัญหาพร้อมท้ังตระหนักถึง ความสมเหตสุ มผลของคาตอบ
ม.2/2 อธบิ ายผลทเ่ี กิดขน้ึ จากการหารากทีส่ องและรากทส่ี ามของจานวนเตม็
เศษส่วนและทศนิยมบอกความสมั พนั ธข์ องการยกกาลงั กบั การหารากของจานวนจรงิ
ค 1.3 ม.2/1 หาคา่ ประมาณของรากทสี่ อง และรากท่สี ามของจานวนจริง และนาไปใช้ใน
การแกป้ ัญหาพร้อมทั้งตระหนักถงึ ความสมเหตสุ มผลของคาตอบ
ค 1.4 ม.2/1 บอกความเกีย่ วขอ้ งของจานวนจริง จานวนตรรกยะและจานวนอตรรกยะ
จดุ ประสงค์เชิงพฤติกรรม
1. สามารถแสดงการเขียนทศนยิ มซา้ ในรปู เศษสว่ น
2. จาแนกจานวนจริงทกี่ าหนดใหแ้ ละยกตวั อยา่ งจานวนตรรกยะและจานวนอตรรกยะ
3. หารากท่ีสอง และรากท่ีสามของจานวนเต็มโดยการแยกตัวประกอบ และนาไปใชใ้ นการ
แกป้ ัญหาพร้อมท้ังตระหนกั ถึง ความสมเหตุสมผลของคาตอบ
หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 3 การประยุกต์ของสมการเชิงเสน้ สองตวั แปร
ค 4.2 ม.2/1 แก้โจทยป์ ญั หาเกยี่ วกบั สมการเชงิ เส้น ตัวแปรเดยี วพร้อมทัง้ ตระหนกั ถงึ ความ
สมเหตสุ มผลของคาตอบ
จดุ ประสงค์เชงิ พฤติกรรม
1. สามารถอธิบายความสัมพันธ์ของโจทยป์ ัญหา
2. มีทกั ษะในการใช้สมบตั ิสมมาตร สมบตั ิการถา่ ยทอดมาใช้ในการคิดคานวณและหาคาตอบ
สมการเชงิ เสน้ ตวั แปรเดยี ว
3. ในการแก้ปัญหาสมการเชงิ เส้น นกั เรียนสามารถนาความร้เู กีย่ วกับสมบตั ิการเทา่ กันมาใช้
คดิ คานวณหาคาตอบของสมการ
หน่วยการเรียนรู้ที่ 4 เส้นขนาน
ค3.2 ม.2/1 ใชส้ มบัตเิ ก่ียวกบั ความเท่ากันทุกประการของรูปสามเหลยี่ ม และสมบัติของเส้น
ขนานในการใหเ้ หตุผล และแกป้ ัญหา
จดุ ประสงคเ์ ชิงพฤตกิ รรม
1. นาความรู้เกย่ี วกบั สมบัติของเสน้ ขนานกบั มุมภายในไปใช้ในการให้เหตผุ ลและแกป้ ัญหา
2. ระบุขนาดของมมุ แย้งและใช้สมบัติของเส้นขนานกบั มุมแย้งในการให้เหตุผลและแกป้ ัญหา
3. มที กั ษะและสามารถแสดงการพิสจู นแ์ ละแก้ปัญหาโดยใช้ความสมั พนั ธ์ของรูปสามเหลีย่ ม
และเส้นขนานได้
4. ตระหนกั และเหน็ คุณค่าของการนาความรเู้ ร่ือง รูปสามเหล่ียมและเส้นขนาน เพอื่ ประยกุ ต์
ใช้แก้ปัญหาได้
2. เนอื้ หา/สาระทีส่ อน 6120120256 มุสลีมนิ อแี ต
2.1 ทฤษฎบี ทพที าโกรสั
2.2 ความรูเ้ บื้องต้นของจานวนจริง
2.3 การประยุกต์ของสมการเชิงเสน้ สองตัวแปร
276-632 การสร้างเครอ่ื งมือวัดทางการศึกษา
6
2.4 เส้นขนาน
3. แผนผงั วิเคราะหข์ ้อสอบ
ตารางวเิ คราะห์หลักสูตร (ตารางรายบคุ คล) วิชาคณิตศาสตรพ์ ืน้ ฐาน(ค22102) ชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 2
ชือ่ ผ้วู ิเคราะห์หลกั สูตร นางสาวนุรมา มลู อ
พฤติกรรม พทุ ธิพสิ ัย อันดับ
เน้ือหา รู้จา เขา้ ใจ นาไป วิ สัง ประเมนิ รวม ความ
สาคัญ
ใช้ เคราะห์ เคราะห์ คา่
หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 1 10 5 10 6 - - 31 3
ทฤษฎีบทพีทาโกรัส
หนว่ ยการเรียนร้ทู ่ี 2
ความรเู้ บือ้ งตน้ ของ 6 10 10 10 - - 36 2
จานวนจรงิ
หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 3
การประยุกตข์ องสมการ - - 10 10 10 - 40 1
เชงิ เสน้ สองตวั แปร
หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 4 10 10 6 4 - - 30 4
เสน้ ขนาน
รวม 26 35 36 30 10 0 136
ลาดบั ความสาคญั 421 3 5 6
ตารางวเิ คราะหห์ ลักสูตร (ตารางรายบคุ คล) วชิ าคณติ ศาสตร์พื้นฐาน(ค22102) ช้นั มัธยมศึกษาปีท่ี 2
ชอ่ื ผวู้ เิ คราะหห์ ลกั สตู ร นายอบั ดุลการมี ระเอะ
พฤติกรรม พทุ ธพิ ิสัย อนั ดบั
เน้อื หา รจู้ า เข้าใจ นาไป วิ สัง ประเมิน รวม ความ
สาคญั
ใช้ เคราะห์ เคราะห์ คา่
หน่วยการเรยี นรู้ที่ 1 - 10 10 10 - - 30 4
ทฤษฎบี ทพที าโกรัส
หน่วยการเรียนรู้ท่ี 2
ความร้เู บ้ืองต้นของ 10 10 10 10 10 - 50 1
จานวนจริง
หน่วยการเรียนรู้ท่ี 3
การประยุกตข์ องสมการ - 10 10 10 10 - 40 2
เชงิ เส้นสองตวั แปร
หน่วยการเรียนรู้ที่ 4 10 10 10 - 10 - 40 2
เสน้ ขนาน
รวม 20 40 40 30 30 0 160
ลาดับความสาคัญ 5113 3 6
276-632 การสรา้ งเครือ่ งมือวดั ทางการศกึ ษา 6120120256 มุสลมี นิ อีแต
7
ตารางวิเคราะห์หลักสตู ร (ตารางรายบุคคล) วชิ าคณติ ศาสตร์พนื้ ฐาน(ค22102) ชั้นมัธยมศกึ ษาปที ่ี 2
ชือ่ ผ้วู เิ คราะห์หลักสูตร นางสาวฮานาดีห์ ดมู แี ด
พฤตกิ รรม พทุ ธิพิสัย อนั ดบั
เนือ้ หา รจู้ า เข้าใจ นาไป วิ สัง ประเมิน รวม ความ
ใช้ เคราะห์ เคราะห์ ค่า สาคัญ
หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 4 2 10 2 2 - 18 3
ทฤษฎีบทพที าโกรสั
หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 2
ความรู้เบ้ืองตน้ ของ 2 10 6 - - - 18 3
จานวนจรงิ
หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 3
การประยุกตข์ องสมการ 8 4 6 4 - - 22 2
เชงิ เสน้ สองตวั แปร
หน่วยการเรียนรู้ที่ 4 4 5 2 10 6 - 27 1
เสน้ ขนาน
รวม 16 21 24 16 8 0 80
ลาดบั ความสาคญั 3213 5 6
ตารางวเิ คราะหห์ ลักสูตร (ตารางเฉล่ีย)
วิชา คณติ ศาสตร์พนื้ ฐาน(ค22102) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2
พฤตกิ รรม พทุ ธพิ สิ ยั อันดับ
เนอื้ หา รู้จา เขา้ ใจ นาไป วิ สัง ประเมนิ รวม ความ
ใช้ เคราะห์ เคราะห์ คา่ สาคัญ
หน่วยการเรยี นรู้ที่ 1 4.7 5.7 10 6 0.6 0 27.3 4
ทฤษฎีบทพีทาโกรัส
หน่วยการเรียนรู้ท่ี 2
ความรูเ้ บ้อื งต้นของ 6 10 8.7 6.7 3.3 0 34.7 2
จานวนจรงิ
หน่วยการเรยี นรู้ที่ 3
การประยุกต์ของสมการ 2.4 8 8.7 8 6.7 0 34 1
เชงิ เสน้ สองตวั แปร
หน่วยการเรยี นรู้ที่ 4 8 8.3 6 4.7 5.3 0 31.3 3
เส้นขนาน
รวม 20.7 32.3 33.3 25.3 16 0 127.3
ลาดบั ความสาคญั 4213 5 6
276-632 การสร้างเครื่องมอื วัดทางการศกึ ษา 6120120256 มสุ ลมี ิน อแี ต
8
ตารางวเิ คราะห์หลักสูตร (ตาราง 40 ข้อ)
วิชา คณติ ศาสตร์พื้นฐาน(ค22102) ช้ันมธั ยมศกึ ษาปที ี่ 2
พฤตกิ รรม พทุ ธพิ ิสัย อนั ดับ
เนอ้ื หา รจู้ า เขา้ ใจ นาไป วิ สัง ประเมนิ รวม ความ
ใช้ เคราะห์ เคราะห์ ค่า สาคญั
หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 1 2232 0 0 93
ทฤษฎีบทพที าโกรัส
หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 2
ความรู้เบื้องตน้ ของ 2432 1 0 12 1
จานวนจรงิ
หน่วยการเรยี นรู้ที่ 3
การประยุกต์ของสมการ 0 2 3 3 2 0 10 2
เชงิ เส้นสองตัวแปร
หน่วยการเรยี นรู้ที่ 4 2221 2 0 93
เสน้ ขนาน
รวม 6 10 11 8 5 0 40
ลาดบั ความสาคัญ 4213 5 6
276-632 การสร้างเครอ่ื งมอื วัดทางการศึกษา 6120120256 มสุ ลมี นิ อแี ต
9
4. แบบทดสอบ (แบบฟอร์มทส่ี ่งให้ผ้เู ชีย่ วชาญตรวจ)
แบบฟอร์มการประเมินความสอดคลอ้ ง
ชอ่ื ผู้สรา้ งแบบทดสอบ ว่าที่รอ้ ยตรีมสุ ลมี นิ อีแต
แบบทดสอบรายวชิ า คณิตศาสตร์พื้นฐาน(ค22101) ชน้ั มัธยมศกึ ษาปีท่ี 2
เบอรโ์ ทรศัพท์ 085-6289762
276-632 การสร้างเครอ่ื งมอื วัดทางการศึกษา 6120120256 มุสลมี นิ อีแต
10
จุดประสงค์/เนอื้ หาทีใ่ ช้ในการสอน
หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 1 ทฤษฎบี ทพีทาโกรสั
ค1.4 ม.2/2 ใช้ทฤษฎีบทพีทาโกรสั และบทกลบั ในการให้เหตผุ ลและแกป้ ัญหา
จุดประสงค์เชิงพฤตกิ รรม
1. อธบิ ายหลกั การใชท้ ฤษฎบี ทพที าโกรัสในการหาความยาวด้านของรปู สามเหล่ยี มและรูป
สเ่ี หลย่ี ม
2. เขียนแสดงความสัมพันธ์ของทฤษฎีบทพที าโกรสั ระหว่างความยาวของดา้ นตา่ ง ๆ
ของรูปสามเหลีย่ มมมุ ฉาก
3. หาความยาวด้านของรูปสามเหลี่ยมและรูปสีเ่ หลี่ยม โดยใชท้ ฤษฎีบทพีทาโกรัส
4. มีทกั ษะในการคานวณและแสดงความสัมพนั ธ์ของทฤษฎบี ทพที าโกรสั
หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 2 ความรู้เบือ้ งต้นของจานวนจรงิ
ค 1.1 ม.2/1 เขียนเศษส่วนในรปู ทศนิยมและเขยี นทศนยิ มซ้าในรูปเศษสว่ น
ม.2/2 จาแนกจานวนจริงท่ีกาหนดใหแ้ ละยกตวั อย่าง จานวนตรรกยะและจานวน
อตรรกยะ
ม.2/3 อธิบาย และระบุรากทส่ี องและรากทสี่ ามของจานวนจริง
ค 1.2 ม.2/1 หารากที่สอง และรากท่ีสามของจานวนเตม็ โดยการแยกตัวประกอบ และ
นาไปใช้ในการ แก้ปัญหาพร้อมทั้งตระหนักถึง ความสมเหตุสมผลของคาตอบ
ม.2/2 อธิบายผลทเ่ี กดิ ขึน้ จากการหารากท่ีสองและรากทส่ี ามของจานวนเตม็
เศษสว่ นและทศนยิ มบอกความสัมพันธข์ องการยกกาลงั กบั การหารากของจานวนจรงิ
ค 1.3 ม.2/1 หาคา่ ประมาณของรากท่ีสอง และรากทีส่ ามของจานวนจรงิ และนาไปใช้ใน
การแก้ปัญหาพร้อมทั้งตระหนักถงึ ความสมเหตสุ มผลของคาตอบ
ค 1.4 ม.2/1 บอกความเกยี่ วข้องของจานวนจริง จานวนตรรกยะและจานวนอตรรกยะ
จดุ ประสงค์เชงิ พฤติกรรม
1. สามารถแสดงการเขยี นทศนิยมซา้ ในรูปเศษส่วน
2. จาแนกจานวนจริงท่กี าหนดใหแ้ ละยกตัวอย่างจานวนตรรกยะและจานวนอตรรกยะ
3. หารากทสี่ อง และรากทสี่ ามของจานวนเต็มโดยการแยกตัวประกอบ และนาไปใช้ในการ
แกป้ ัญหาพร้อมทัง้ ตระหนักถึง ความสมเหตสุ มผลของคาตอบ
หน่วยการเรียนรู้ท่ี 3 การประยกุ ต์ของสมการเชงิ เส้นสองตัวแปร
ค 4.2 ม.2/1 แก้โจทย์ปญั หาเกยี่ วกับสมการเชิงเสน้ ตวั แปรเดยี วพรอ้ มท้ังตระหนักถึงความ
สมเหตสุ มผลของคาตอบ
จุดประสงคเ์ ชิงพฤติกรรม
1. สามารถอธิบายความสัมพันธข์ องโจทย์ปัญหา
2. มีทักษะในการใชส้ มบัติสมมาตร สมบัตกิ ารถา่ ยทอดมาใช้ในการคดิ คานวณและหาคาตอบ
สมการเชิงเส้นตวั แปรเดียว
276-632 การสรา้ งเครือ่ งมอื วัดทางการศกึ ษา 6120120256 มุสลมี นิ อแี ต
11
3. ในการแก้ปัญหาสมการเชงิ เส้น นกั เรยี นสามารถนาความร้เู ก่ยี วกบั สมบัตกิ ารเท่ากนั มาใช้
คิดคานวณหาคาตอบของสมการ
หน่วยการเรยี นรู้ที่ 4 เส้นขนาน
ค3.2 ม.2/1 ใช้สมบัตเิ กี่ยวกับความเท่ากันทุกประการของรปู สามเหล่ียม และสมบตั ิของเสน้
ขนานในการใหเ้ หตุผล และแก้ปัญหา
จุดประสงคเ์ ชงิ พฤติกรรม
1. นาความรู้เก่ียวกับสมบัติของเสน้ ขนานกบั มุมภายในไปใช้ในการใหเ้ หตุผลและแกป้ ัญหา
2. ระบขุ นาดของมมุ แย้งและใชส้ มบัติของเส้นขนานกับมุมแยง้ ในการให้เหตุผลและแกป้ ัญหา
3. มีทักษะและสามารถแสดงการพิสจู นแ์ ละแกป้ ัญหาโดยใชค้ วามสมั พันธ์ของรูปสามเหลยี่ ม
และเสน้ ขนานได้
4. ตระหนกั และเห็นคุณค่าของการนาความรเู้ รื่อง รูปสามเหลี่ยมและเสน้ ขนาน เพือ่ ประยุกต์
ใชแ้ ก้ปญั หาได้
276-632 การสร้างเคร่อื งมอื วดั ทางการศกึ ษา 6120120256 มุสลีมนิ อแี ต
12
แบบประเมินความสอดคล้องระหวา่ งข้อสอบกบั ตัวชี้วัด/ผลการเรียนรู้
กลมุ่ สาระการเรียนรู้คณติ ศาสตร์
รหสั วชิ า ค 22101 รายวิชาคณิตศาสตร์พ้ืนฐาน
คาชแี้ จง ใหท้ า่ นพจิ ารณาว่าข้อสอบท่ีสร้างขึน้ สอดคล้องกับตวั ชีว้ ดั /ผลการเรยี นรูท้ ก่ี าหนดหรือไม่ โดย
การพิจารณาใหน้ า้ หนักดังนี้
-1 คือ แน่ใจ วา่ ขอ้ สอบน้ันไมส่ อดคลอ้ งกบั ตัวช้วี ดั /ผลการเรียนรู้ทกี่ าหนด
0 คือ ไม่แนใ่ จ วา่ ข้อสอบน้นั สอดคลอ้ งกบั ตัวชีว้ ัด/ผลการเรยี นรู้ท่ีกาหนดหรือไม่
+1 คือ แน่ใจ วา่ ขอ้ สอบน้นั สอดคล้องกับตวั ช้วี ดั /ผลการเรียนรูท้ ่กี าหนด
ตัวชีว้ ัด/ผลการเรยี นรู้ ข้อสอบ พทุ ธิพสิ ัย นา้ หนกั ขอ้ เสนอแนะ
ความรู้ -1 0 +1
ความจา
หนว่ ยที่ 1 1. ถา้ p, q, r เปน็ ความยาวด้านของ
ความ
ทฤษฎีบทพที าโกรสั สามเหล่ียมมมุ ฉากโดยมี p เปน็ ด้านตรง เข้าใจ
ขา้ มมุมฉาก ข้อใดเปน็ ความสัมพนั ธต์ าม
ค1.4 ม.2/2 ใช้ทฤษฎี ทฤษฎีบทปีทากอรัส ความ
บทพที าโกรสั และบทกลบั ก. p=2, q=3, r=4 เขา้ ใจ
ในการใหเ้ หตผุ ลและ
ข. P=3, q=4, r=5 ความรู้
แกป้ ญั หา ความจา
1. อธิบายหลักการใช้ ค. p=5, q=3, r=4
ทฤษฎีบทพที าโกรสั ในการ ง. P=6, q=4, r=5
2. จากรูป x มีค่าเท่าใด
หาความยาวด้านของรปู ก. 15
สามเหล่ยี มและรูป
สเ่ี หลย่ี ม 9x ข. 21
2. เขียนแสดง ค. 81
ความสัมพนั ธ์ของทฤษฎี
12 ง. 100
บทพที าโกรัส ระหว่าง
ความยาวของดา้ นตา่ ง ๆ 3. จากรูป a มีความยาวเท่าใด
ของรูปสามเหลี่ยมมุมฉาก
3. หาความยาวดา้ นของ 10 ก. 6
รปู สามเหลย่ี มและรปู
สเี่ หลีย่ ม โดยใช้ทฤษฎีบท A 6 ข. 7
พีทาโกรสั 1 ค. 8
4. มีทกั ษะในการคานวณ 1 ง. 9
และแสดงความสัมพันธ์
ของทฤษฎบี ทพที าโกรัส 4. ความยาวของด้าน1ที่กาหนดใหใ้ นข้อใด
เป็นรปู สามเหลยี่ มมุมฉาก
ก. 6, 8, 11
ข. 13, 12, 7
ค. 17, 15, 8
ง. 3, 4, 6
276-632 การสรา้ งเครื่องมือวดั ทางการศกึ ษา 6120120256 มุสลมี ิน อีแต
13
ตวั ชว้ี ัด/ผลการเรยี นรู้ ข้อสอบ พุทธิพสิ ยั นา้ หนัก ข้อเสนอแนะ
-1 0 +1
5. จากรูป สี่เหลี่ยม ABCD มพี ื้นที่กี่ตาราง การ
หน่วย วิเคราะห์
D 12 C
13
AB
ก. 25 ข. 30 ค. 48 ง. 60
6. ABC เป็นสามเหล่ียมมมุ ฉาก มี B เป็น การ
วเิ คราะห์
มมุ ฉาก ดา้ น BC=12 วา ด้าน AC=15 วา นาไปใช้
สามเหล่ียมรปู นีม้ ีพื้นทกี่ ี่ตารางวา นาไปใช้
ก. 54 ข. 90 นาไปใช้
ค. 108 ง. 180
7. เสาธงสูง 12 เมตร ตอ้ งการโยงเชือก
จากยอดเสาธงลงมาผกู ติดกับพนื้ ดนิ หา่ ง
จากฐานเสาธง 5 เมตร ต้องใชเ้ ชือกยากก่ี
เมตร
ก. 13 ข. 17
ค. 84.5 ง. 169
8. จอ๋ เดนิ ทางไปทางทศิ เหนือ 6 เมตร
แล้วไปทางตะวนั ออกอกี 12 เมตร
หลังจากนน้ั เดนิ ต่อไปทางเหนืออีก 10
เมตร จึงพกั รบั ประทานอาหารขณะน้จี ๋อ
อยู่หา่ งจากจดุ เริ่มต้นก่ีเมตร
ก. 20 ข. 28
ค. 40 ง. 64
9. เดก็ ชายอภิเชษฐ์เริม่ เดนิ ทางไปทิศ
ตะวนั ออก 3 เมตร เล้ียวไปทางทิศเหนือ 4
เมตร แล้วหันหนา้ เดินไปทางทศิ
ตะวันออกอีก 6 เมตร และเดินทางไปทาง
ทศิ เหนืออกี 8 เมตร ถงึ จุดหมายปลายทาง
อยากทราบวา่ จดุ เร่ิมตน้ และ
จุดหมายปลายทางห่างกนั กีเ่ มตร
ก. 9 เมตร ข. 12 เมตร
ค. 15 เมตร ง. 26 เมตร
276-632 การสร้างเครอื่ งมอื วดั ทางการศกึ ษา 6120120256 มสุ ลีมิน อีแต
14
ตัวชี้วดั /ผลการเรียนรู้ ขอ้ สอบ พุทธพิ สิ ยั นา้ หนกั ขอ้ เสนอแนะ
-1 0 +1
หน่วยที่ 2 ความรู้ 10. −1257 เขียนแทนดว้ ยทศนิยมได้ ความ
เข้าใจ
เบื้องต้นเกยี่ วกบั จานวน เท่าใด
ความ
จริง ก. -1.185 ข. -1.185̇ เขา้ ใจ
ค 1.1 ม.2/1 ม.2/2 ค. -1.18̇5̇ ง. -1. 1̇ 85̇
ความรู้
ม.2/3 11. 0.15151515… ทาเปน็ เศษสว่ นได้ ความจา
ค 1.2 ม.2/1 ม.2/2 เทา่ ใด
ค 1.3 ม.2/1 ก. 49 ข. 45 การ
ค 1.4 ม.2/1 วเิ คราะห์
90 99
1. สามารถแสดงการเขียน ค. 15 ง. 15 การ
ทศนยิ มซา้ ในรูปเศษส่วน2. 90 99 วิเคราะห์
จาแนกจานวนจรงิ ท่ี 12. ขอ้ ใดเป็นจานวนอตรรกยะ
กาหนดใหแ้ ละยกตวั อย่าง
จานวนตรรกยะและ ก. 1 ข. 0.9999...
จานวนอตรรกยะ 4
ค.√24 ง. 3√(−27)
3. หารากที่สอง และรากที่ 16. √112 + √9 มีค่าเท่ากบั เท่าใด
สามของจานวนเต็มโดย ก. 8 ข. 14
การแยกตวั ประกอบ และ ค. 20 ง. 130
นาไปใชใ้ นการแกป้ ัญหา
พรอ้ มท้ังตระหนกั ถึง ความ 17. รากทส่ี ามของ 24,389 เท่ากบั เท่าไร
สมเหตุสมผลของคาตอบ ก. 29 ข. –29
ค.29 ง. – |29|
18. ถา้ a เป็นรากท่ีสามของ -512 และ นาไปใช้
b เปน็ รากทสี่ องของ 64 แล้ว a+2b มี
ค่าเทา่ กบั เท่าใด
ก. -8 ข. 8
ค. -16 ง. 16
19. กาหนด 3.61 = 1.9 และ 36.1 ความ
เข้าใจ
= 6.01 จงหาคา่ ของ 0.0361
ก. 0.601 ข. 0.019
ค.0.19 ง. 0.006
276-632 การสรา้ งเครือ่ งมอื วัดทางการศึกษา 6120120256 มุสลมี นิ อีแต
15
ตวั ชี้วดั /ผลการเรยี นรู้ ขอ้ สอบ พุทธพิ สิ ัย นา้ หนกั ข้อเสนอแนะ
-1 0 +1
หน่วยที่ 3 การประยุกต์ 20. รากท่ีสามของ 1,331 เท่ากบั เท่าใด ความ
ของสมการเชงิ เส้นสอง ก. 11 ข. -11 เข้าใจ
ตวั แปร ค. 11, -11 ง. -|11|
ค 4.2 ม.2/1 21. (6 + 3m)(6 – 3m) เท่ากบั สงั เคราะห์
1. สามารถอธิบาย เท่าไร
ความสมั พนั ธ์ของโจทย์ ก. –36 – 3m ข. 3m – 36
ปัญหา ค. 36+3m ง. 36-3m
2. มที ักษะในการใช้สมบตั ิ 22. 5 เป็นคาตอบของสมการขอ้ ใด
สมมาตร สมบัตกิ าร ความ
ก. 7(x + 1) - 6 = 22 เขา้ ใจ
ถา่ ยทอดมาใช้ในการคิด ข. 4(x + 2) + 5 = 21
คานวณและหาคาตอบ ค. 2(x + 2) + 8 = 22
สมการเชิงเส้นตวั แปรเดียว ง. 3(x + 2) + 5 = 25
3. ในการแก้ปญั หาสมการ 26. คาตอบของสมการ
เชงิ เสน้ นักเรยี นสามารถ 2x-7+3x=3+5x คอื ขอ้ ใด การ
นาความรเู้ กีย่ วกับสมบัติ ก. 0 วเิ คราะห์
การเทา่ กนั มาใชค้ ิด ข. 1
คานวณหาคาตอบของ ค. -1 ง. ไม่มีคาตอบทีเ่ ปน็ จานวนจริง
สมการ
27. จานวนสองจานวนรวมกันได้ 95 ถา้ นาไปใช้
สบกันได้ 59 จานวนสองจานวนนั้นคอื ข้อ
ใด
ก. 74, 21 ข. 75, 20
ค. 76, 19 ง. 77, 18
28. รปู สเ่ี หล่ียมผนื ผา้ รปู หนง่ึ มีดา้ นยาว นาไปใช้
ยาวกว่าดา้ นกวา้ ง 4 หนว่ ย เส้นรอบรูป นาไปใช้
ยาว 40 หน่วย แล้วด้านยาวยาวกีห่ น่วย
ก. 8 หนว่ ย ข. 10 หน่วย
ค. 12 หนว่ ย ง. 16 หนว่ ย
29. จานวนคู่สามจานวนเรียงกัน ผลบวก
ของจานวนทน่ี ้อยทส่ี ดุ และจานวนทม่ี าก
ทส่ี ดุ เป็น -50 จานวนคู่ทัง้ สามนัน้ คือ
จานวนใด
ก. -27, -29, -31
ข. -27, -25, -23
ค. 27, 29, 31
ง. 23, 25, 27
276-632 การสร้างเครือ่ งมอื วดั ทางการศึกษา 6120120256 มุสลมี นิ อีแต
16
ตัวช้วี ัด/ผลการเรียนรู้ ข้อสอบ พทุ ธพิ สิ ยั น้าหนกั ข้อเสนอแนะ
-1 0 +1
30. เดก็ ผชู้ ายสองคนถบี รถจักรยานเริ่มต้น การ
จากที่เดยี วกันและเวลาเดยี วกัน คนแรก สงั เคราะห์
ถีบรถจกั รยานได้ 12 กิโลเมตร
ต่อช่ัวโมง และอีกคนหนง่ึ ถีบรถจักรยานได้
8 กโิ ลเมตรต่อชวั่ โมง เขาท้ังสองถีบ
รถจักรยานไปในทิศตรงข้ามด้วยอัตราเรว็
เท่าเดิม เขาจะถีบรถจักรยานนานเทา่ ไร
จึงจะอยหู่ ่างกนั 24 กิโลเมตร
ก. 1 ชว่ั โมง 5 นาที
ข. 1 ชว่ั โมง 8 นาที
ค. 1 ชว่ั โมง 12 นาที
ง. 1 ชว่ั โมง 15 นาที
31.น้าเกลอื ชนดิ 4% ผสมกบั นา้ เกลอื ชนดิ การ
8% จะตอ้ งใช้นา้ เกลือท้ังสองชนดิ นี้อย่าง สังเคราะห์
ละเท่าไร ตามลาดับ จงึ จะได้น้าเกลือชนดิ
5% หนัก 400 กรัม
ก. 300 กรมั และ 100 กรัม
ข. 320 กรมั และ 80 กรัม
ค. 340 กรัม และ 60 กรัม
ง. 360 กรมั และ 40 กรัม
หนว่ ยที่ 4 เส้นขนาน 32. จากรปู กาหนดให้ AB // CD มี PQ ความรู้
ความจา
ค3.2 ม.2/1 เป็นเสน้ ตัด คา่ ของ x ตรงกับข้อใดต่อไปนี้
1. นาความรู้เกยี่ วกับ A P B
สมบัตขิ องเสน้ ขนานกับมุม
ภายในไปใช้ในการให้ 4x+30
เหตุผลและแกป้ ัญหา C x+10
2. ระบุขนาดของมุมแยง้
และใชส้ มบตั ิของเส้น DQ
ขนานกบั มุมแย้งในการให้ ก. 26 องศา ข. 28 องศา
เหตผุ ลและแกป้ ัญหา ค. 32 องศา ง. 34 องศา
3. มที ักษะและสามารถ
แสดงการพิสูจน์และ
แกป้ ัญหาโดยใชค้ วาม
276-632 การสร้างเครอ่ื งมือวดั ทางการศึกษา 6120120256 มสุ ลมี นิ อีแต
17
ตัวชีว้ ัด/ผลการเรียนรู้ ข้อสอบ พุทธิพิสยั นา้ หนัก ข้อเสนอแนะ
-1 0 +1
สมั พันธข์ อง 33. จากรูป กาหนดให้ AB // CD ค่าของ ความรู้
ความจา
รูปสามเหลีย่ มและเสน้ x ตรงกับข้อใดต่อไปนี้
ขนานได้ ความ
A 50 B เข้าใจ
4. ตระหนักและเหน็ คุณค่า
130
ของการนาความรเู้ ร่ือง รปู
xD
สามเหลีย่ มและเสน้ ขนาน C
เพือ่ ประยกุ ต์
ใชแ้ ก้ปญั หาได้ ก. 70 องศา ข. 78 องศา
ค. 80 องศา ง. 85 องศา
34. A B
a
DC
จากรูป AB ขนานกับ DC ถ้ามมุ B
= a องศา มุม C เท่ากับก่ีองศา
ก. a องศา ข. 90-a องศา
ค. 180− ง. 180-a องศา
2
35. การ
วิเคราะห์
12
L1 L2
กาหนดให้ L1 ขนานกบั L2 , 1̂ = 30
องศา แล้ว 2̂ เท่ากบั ก่ีองศา
ก. 30 องศา ข. 60 องศา
ค. 150 องศา ง. 160 องศา
276-632 การสรา้ งเคร่ืองมอื วดั ทางการศกึ ษา 6120120256 มสุ ลมี นิ อีแต
18
ตัวช้วี ดั /ผลการเรยี นรู้ ขอ้ สอบ พทุ ธพิ ิสยั นา้ หนัก ข้อเสนอแนะ
-1 0 +1
36. จากรูป กาหนดให้ AB // CD มี การ
วเิ คราะห์
DCˆE 150, BEˆC 30 ค่าของ x ตรง
กับข้อใดต่อไปน้ี
E
30 150
2x C D
B ข. 32 องศา
Aก. 30 องศา
ค. 40 องศา ง. 42 องศา
37. A L1 ความ
L2 เขา้ ใจ
C
E D L3
ข้อใดไม่เพยี งพอทจี่ ะสรปุ ได้ว่า L2 ขนาน
กบั L3
ก. L2 และ L3 ตา่ งก็ต้งั ฉากกับ L1
ข. BÂC = EB̂D
ค. BÂC = AB̂F
ง. BÂC = DB̂A
40. จากรปู OC แบง่ คร่งึ BCˆD และ สงั เคราะห์
OB แบง่ ครึ่ง CBˆE ถา้ BAˆC 30 แลว้
BOˆC มีขนาดเทา่ ไร E
B
O
A 30 CD
ข. 55 องศา
ก. 50 องศา ง. 75 องศา
ค. 70 องศา
276-632 การสรา้ งเคร่อื งมือวดั ทางการศึกษา ลงชื่อ...........................................ผ้ปู ระเมนิ
(......................................)
6120120256 มุสลีมนิ อีแต
19
5. คา่ ดัชนคี วามสอดคล้องระหว่างข้อสอบและจุดประสงคเ์ ชิงพฤติกรรม
ตารางท่ี 1 แสดงดัชนีค่าความสอดคล้องระหวา่ งข้อสอบกบั จุดประสงคเ์ ชิงพฤติกรรม
แบบทดสอบ คะแนนความคดิ เหน็ ของ
ข้อที่
ตัวชี้วัด/ผลการเรยี นรู้ ผเู้ ชยี่ วชาญ ผลรวม คา่ IOC สรุปผล
คนท่ี1 คนที่ 2 คนที่ 3 1.0 ใชไ้ ด้
0.7 ใช้ได้
1 1 +1 +1 +1 3 1.0 ใชไ้ ด้
2 +1 +1 0 2 1.0 ใชไ้ ด้
0.7 ใชไ้ ด้
2 3 +1 +1 +1 3 0.3 ใช้ไมไ่ ด้
4 +1 +1 +1 3 1.0 ใช้ได้
1.0 ใช้ได้
3 5 0 +1 +1 2 1.0 ใชไ้ ด้
6 +1 +1 -1 1 0.7 ใชไ้ ด้
1.0 ใช้ได้
7 +1 +1 +1 3 1.0 ใช้ได้
4 8 +1 +1 +1 3 1.0 ใช้ได้
1.0 ใชไ้ ด้
9 +1 +1 +1 3 0.0 ใช้ไม่ได้
0.0 ใช้ไม่ได้
10 0 +1 +1 2 0.3 ใชไ้ มไ่ ด้
1.0 ใชไ้ ด้
11 +1 +1 +1 3 1.0 ใชไ้ ด้
5 12 +1 +1 +1 3 0.3 ใช้ไม่ได้
0.3 ใชไ้ ม่ได้
13 +1 +1 +1 3 1.0 ใช้ได้
1.0 ใชไ้ ด้
14 +1 +1 +1 3 0.0 ใชไ้ มไ่ ด้
15 0 +1 -1 0 0.0 ใชไ้ ม่ได้
0.0 ใชไ้ มไ่ ด้
16 0 +1 -1 0 0.7 ใชไ้ ด้
6 17 +1 +1 -1 1 1.0 ใช้ได้
0.7 ใช้ได้
18 +1 +1 +1 3 0.0 ใช้ไมไ่ ด้
0.3 ใชไ้ มไ่ ด้
19 +1 +1 +1 3
20 -1 +1 +1 1
7 21 +1 +1 -1 1
22 +1 +1 +1 3
23 +1 +1 +1 3
8 24 0 +1 -1 0
25 0 +1 -1 0
26 0 +1 -1 0
27 0 +1 +1 2
9 28 +1 +1 +1 3
29 0 +1 +1 2
30 0 +1 -1 0
31 +1 +1 -1 1
276-632 การสรา้ งเครอ่ื งมือวัดทางการศกึ ษา 6120120256 มสุ ลมี นิ อแี ต
20
แบบทดสอบ คะแนนความคดิ เห็นของ
ตวั ชว้ี ดั /ผลการเรยี นรู้ ขอ้ ที่ ผ้เู ชยี่ วชาญ ผลรวม ค่า IOC สรุปผล
10 32 คนท่ี1 คนท่ี 2 คนท่ี 3 ใช้ไมไ่ ด้
11 33 ใชไ้ มไ่ ด้
12 34 +1 +1 -1 1 0.3 ใช้ได้
14 35 ใช้ไม่ได้
36 +1 +1 -1 1 0.3 ใช้ได้
37 ใชไ้ ด้
38 +1 +1 +1 3 1.0 ใช้ได้
39 ใชไ้ ม่ได้
40 0 +1 -1 0 0.0 ใชไ้ ม่ได้
+1 +1 +1 3 1.0
+1 +1 +1 3 1.0
0 +1 +1 2 0.7
+1 +1 -1 1 0.3
+1 +1 -1 1 0.3
จากตาราง ข้อทใ่ี ช้ได้ มีจานวน 24 ข้อ ได้แก่ ขอ้ 1, 2, 3, 4, 5, 7, 8, 9, 10, 11, 12, 13, 14, 18,
19, 22, 23, 27, 28, 29, 34, 36, 37, 38 และ ข้อท่ีใชไ้ ม่ได้ มจี านวน 16 ข้อ ได้แก่ ข้อ 6, 15, 16, 17, 20,
21, 24, 25, 26, 30, 31, 32, 33, 35, 39, 40
276-632 การสร้างเครื่องมอื วัดทางการศึกษา 6120120256 มสุ ลมี นิ อแี ต
21
6. แบบทดสอบทีใ่ ชเ้ ก็บรวบรวมข้อมูล
แบบทดสอบปลายภาคเรยี น
วิชา คณิตศาสตร์พน้ื ฐาน(ค22102) ชนั้ มัธยมศกึ ษาปที ่ี 2 โรงเรยี นสุวรรณไพบูลย์
จานวน 20 ข้อ 20 คะแนน ใช้เวลา 1 ช่ัวโมง 30 นาที
***********************************
คาส่งั ใหน้ ักเรยี นทาเคร่ืองหมาย ลงในกระดาษคาตอบท่กี าหนดให้
หนว่ ยท่ี 1 ทฤษฎีบทปีทากอรสั (ข้อท่ี 1-6)
1. ถา้ p, q, r เป็นความยาวด้านของสามเหลี่ยมมุมฉากโดยมี p เปน็ ด้านตรงขา้ มมมุ ฉาก ข้อใดเปน็ ความสัมพนั ธ์
ตามทฤษฎีบทปที ากอรสั
ก. p=2, q=3, r=4 ข. P=3, q=4, r=5 ค. p=5, q=3, r=4 ง. P=6, q=4, r=5
2. จากรูป x มคี ่าเท่าใด
ก. 15
x ข. 21
12 ค. 81
ง. 100
9
3. ความยาวของด้านที่กาหนดใหใ้ นข้อใด เปน็ รูปสามเหล่ียมมุมฉาก
ก. 6, 8, 11 ข. 13, 12, 7 ค. 17, 15, 8 ง. 3, 4, 6
4. จากรปู สเ่ี หลยี่ ม ABCD มีพื้นท่ีกตี่ ารางหนว่ ย
D 12 C ก. 25
13 ข. 30
ค. 48
A B ง. 60
5. จ๋อเดินทางไปทางทิศเหนือ 6 เมตร แล้วไปทางตะวนั ออกอีก 12 เมตร หลงั จากนนั้ เดินตอ่ ไปทางเหนืออีก
10 เมตร จงึ พักรบั ประทานอาหารขณะนี้จ๋ออยู่ห่างจากจุดเริ่มต้นกี่เมตร
ก. 20 ข. 28 ค. 40 ง. 64
6. เด็กชายอภิเชษฐ์เริ่มเดินทางไปทิศตะวนั ออก 3 เมตร เลยี้ วไปทางทิศเหนอื 4 เมตร แลว้ หนั หนา้ เดนิ ไปทางทศิ
ตะวันออกอกี 6 เมตร และเดินทางไปทางทิศเหนอื อีก 8 เมตร ถึงจดุ หมายปลายทาง อยากทราบวา่ จดุ เรมิ่ ตน้ และ
จดุ หมายปลายทางหา่ งกันกี่เมตร
ก. 9 เมตร ข. 12 เมตร ค. 15 เมตร ง. 26 เมตร
หนว่ ยท่ี 2 ความรเู้ บือ้ งตน้ เกยี่ วกบั จานวนจรงิ (ข้อที่ 7-11)
7. −1 5 เขียนแทนด้วยทศนิยมได้เทา่ ใด
27
ก. -1.185 ข. -1.185̇ ค. -1.18̇5̇ ง. -1. 1̇ 85̇
276-632 การสรา้ งเครอื่ งมือวดั ทางการศกึ ษา 6120120256 มุสลมี นิ อแี ต
22
8. 0.15151515… ทาเป็นเศษสว่ นไดเ้ ทา่ ใด ค. 15 ง. 15
ก. 49 ข. 45
90 99
90 99
ค.√24 ง.
9. ข้อใดเปน็ จานวนอตรรกยะ
ก. 1 ข. 0.9999...
4
3√(−27)
10. ถา้ a เปน็ รากท่ีสามของ -512 และ b เปน็ รากทีส่ องของ 64 แล้ว a+2b มีคา่ เท่ากับเท่าใด
ก. -8 ข. 8 ค. -16 ง. 16
11. กาหนด 3.61 = 1.9 และ 36.1 = 6.01 จงหาคา่ ของ 0.0361
ก. 0.601 ข. 0.019 ค. 0.19 ง. 0.006
หนว่ ยที่ 3 สมการเชิงเส้นตัวแปรเดยี ว(ข้อท่ี 12 - 16)
12. 5 เป็นคาตอบของสมการข้อใด ข. 4(x + 2) + 5 = 21
ก. 7(x + 1) - 6 = 22 ง. 3(x + 2) + 5 = 25
ค. 2(x + 2) + 8 = 22
13. คาตอบของสมการ y + 4 = 4 + y คือข้อใด
ก. 3 ข. 4 ค. จานวนทุกจานวน ง. ไม่มจี านวนใดเป็นคาตอบ
14. จานวนสองจานวนรวมกนั ได้ 95 ถา้ สบกันได้ 59 จานวนสองจานวนนน้ั คอื ข้อใด
ก. 74, 21 ข. 75, 20 ค. 76, 19 ง. 77, 18
15. รปู สี่เหล่ียมผนื ผ้ารปู หน่งึ มีดา้ นยาวยาวกวา่ ด้านกวา้ ง 4 หนว่ ย เสน้ รอบรปู ยาว 40 หน่วย แล้วดา้ นยาว
ยาวก่ีหน่วย
ก. 8 หน่วย ข. 10 หนว่ ย ค. 12 หนว่ ย ง. 16 หนว่ ย
16. จานวนคสู่ ามจานวนเรยี งกัน ผลบวกของจานวนท่นี ้อยท่สี ดุ และจานวนที่มากที่สดุ เป็น -50 จานวนคทู่ ้ัง
สามนั้นคอื จานวนใด
ก. -27, -29, -31 ข. -27, -25, -23 ค. 27, 29, 31 ง. 23, 25, 27
276-632 การสร้างเคร่อื งมอื วดั ทางการศึกษา 6120120256 มุสลีมิน อีแต
23
หน่วยท่ี 4 เส้นขนาน (ข้อท่ี 17-20)
17. A B
a
DC
จากรปู AB ขนานกบั DC ถ้ามมุ B = a องศา มุม C เท่ากับก่ีองศา a องศา
ข. 90-a องศา ค. 180− ง. 180-a องศา
2
18. จากรปู กาหนดให้ AB // CD มี DCˆE 150, BEˆC 30 ค่าของ x ตรงกบั ขอ้ ใดต่อไปน้ี
E D
30
150
A 2x B C
ก. 30 องศา ข. 32 องศา ค. 40 องศา ง. 42 องศา
19. L1
A C L2
FB
D L3
E
ขอ้ ใดไมเ่ พียงพอที่จะสรุปได้วา่ L2 ขนานกบั L3
ก. L2 และ L3 ตา่ งกต็ งั้ ฉากกบั L1
ข. BÂC = EB̂D
ค. BÂC = AB̂F
ง. BÂC = DB̂A
20. D AE
40
B 60 C
กาหนดให้ DE ขนานกบั BC EÂC = 40 องศา AB̂C = 60 องศา EÂB เทา่ กับก่อี งศา
ก. 60 ข. 100 ค. 120 ง. 14
276-632 การสร้างเครอื่ งมอื วัดทางการศึกษา 6120120256 มุสลมี ิน อแี ต
24
7. คะแนนของนกั เรียนทไ่ี ดจ้ ากการทดสอบ
ตารางที่ 2 คะแนนแบบทดสอบ วิชา คณิตศาสตร์พ้ืนฐาน (ค22102) ชั้นมัธยมศึกษาปที ี่ 2
ที่ ชอ่ื – สกลุ เลขประจาตัว คะแนนทไ่ี ด้ ลงชื่อ
1 เด็กชายนิอมิ รอน วานิ 06082 13
2 เด็กชายฟารุจน์ ยามา 06083 14
3 เดก็ ชายลุกมาน เบนอาแว 06085 14
4 เดก็ ชายอาดา สะนิ 06086 14
5 เดก็ ชายอิบรอฮิม กาโฮง 06087 11
6 เด็กชายอีลียะซ์ เจะเล๊าะ 06088 12
7 เด็กหญงิ โซเฟยี ดาราแม 06089 17
8 เดก็ หญงิ โซเฟยี โดวาเฮ็ง 06090 19
9 นางสาวโซไรหยะ๊ สะการยี า 06091 16
10 เด็กหญิงตสั นมี ดาแม 06092 13
11 เดก็ หญงิ นาซูวรรณ สแู ว 06093 15
12 เดก็ หญงิ นิฟาตฮี ะ นิมะ 06094 9
13 เด็กหญิงนุรซูไบเบาะห์ แนฆามา 06095 13
14 เด็กหญงิ นูรโซฟียะห์ ดาแม 06096 14
15 เด็กหญงิ นรู ์ดานียะห์ สะรี 06097 14
16 เดก็ หญงิ นูรูลอาซีคีน บินอูมา 06098 18
17 เดก็ หญิงพาตีมะฮ์ อูมะ 06099 11
18 เดก็ หญิงยารียะห์ บอซู 06100 14
19 เดก็ หญิงรอยฮาญ ดือเระ 06101 14
20 เดก็ หญงิ รูฮานี มามะ 06102 10
276-632 การสร้างเครอ่ื งมือวัดทางการศกึ ษา 6120120256 มุสลีมิน อีแต
25
ตารางที่ 3 ตารางแสดงค่าความยากงา่ ย
คน 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20
ท/่ี
ข้อท่ี
1 1 1 1 0 1 0 10 1 0 11 1 1 0 0 01 1 1
2 1 1 1 1 1 1 00 1 1 01 0 1 0 1 11 1 0
3 1 0 1 1 1 1 01 0 0 11 0 1 1 0 11 1 1
4 1 1 1 1 1 1 01 0 1 10 1 0 1 1 01 0 1
5 1 1 0 0 1 1 10 1 0 10 0 1 1 1 10 0 0
6 1 0 0 0 1 1 10 1 1 10 1 1 1 1 00 1 0
7 1 1 1 1 1 1 00 1 1 11 1 1 0 1 11 1 1
8 1 1 1 1 1 1 11 1 1 11 1 1 1 0 11 1 1
9 1 1 1 1 1 1 11 0 1 01 0 1 1 1 11 0 1
10 1 0 0 1 1 1 1 0 1 1 0 1 1 1 1 0 1 0 0 1
11 1 1 1 1 1 1 1 0 1 1 0 1 0 1 1 1 0 1 1 0
12 0 1 1 1 0 0 0 1 1 0 0 0 1 1 1 0 1 0 0 0
13 1 1 1 0 1 0 1 0 1 0 1 1 1 1 0 0 0 1 1 1
14 1 1 1 1 1 1 0 0 1 1 0 1 0 1 0 1 1 1 1 0
15 1 0 1 1 1 1 0 1 0 0 1 1 0 1 1 0 1 1 1 1
16 1 1 1 0 1 1 1 1 1 1 1 1 1 1 1 1 1 1 1 0
17 0 1 1 1 1 0 0 1 1 1 0 0 1 1 0 0 1 0 1 0
18 1 0 1 0 1 1 1 1 1 1 0 1 0 1 1 1 0 1 1 0
19 1 1 1 1 1 1 0 0 1 1 0 1 0 1 0 1 1 1 1 0
20 0 1 1 1 1 0 0 1 0 0 0 0 1 1 1 0 1 0 1 0
ผลรวม 17 15 17 14 19 15 10 10 15 13 10 14 11 19 13 11 14 14 15 9
คา่ p 0.85 0.75 0.85 0.7 0.95 0.75 0.5 0.5 0.75 0.65 0.5 0.7 0.55 0.95 0.65 0.55 0.7 0.7 0.75 0.45
276-632 การสรา้ งเครื่องมอื วัดทางการศกึ ษา 6120120256 มสุ ลีมนิ อีแต
26
ตารางท่ี 4 ตารางแสดงคา่ อานาจจาแนก
กลมุ่ คน 1 2 3 4 5 6 7 8 ข้อ
ที่ 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20
1 1 1 1 1 1 1 1 1 1 1 1 1 111 0 1 1 1 1
2 1 1 1 0 1 1 1 1 1 1 1 1 111 1 1 1 1 0
3 1 1 1 1 1 1 0 0 1 1 1 1 110 1 1 1 1 1
4 1 1 1 1 1 1 1 1 0 1 0 1 011 1 1 1 0 1
กลุม่ 5 1 1 1 1 1 1 1 0 1 1 0 1 0 1 1 1 0 1 1 0
สงู 6 1 1 1 1 1 1 0 0 1 1 0 1 0 1 0 1 1 1 1 0
7 1 0 1 1 1 1 0 1 0 0 1 1 011 0 1 1 1 1
8 1 1 1 1 1 1 0 1 0 1 1 0 101 1 0 1 0 1
9 1 1 1 1 1 1 0 0 1 1 0 1 010 1 1 1 1 0
10 1 0 1 1 1 1 0 1 0 0 1 1 0 1 1 0 1 1 1 1
U 10 8 10 9 10 10 4 6 6 8 6 9 4 9 7 7 8 10 8 6
11 1 0 1 0 1 1 1 1 1 1 0 1 0 1 1 1 0 1 1 0
12 1 1 1 1 1 1 0 0 1 1 0 1 0 1 0 1 1 1 1 0
13 1 1 1 0 1 0 1 0 1 0 1 1 1 1 0 0 0 1 1 1
14 1 0 0 1 1 1 1 0 1 1 0 1 1 1 1 0 1 0 0 1
กลุ่ม 15 1 1 1 0 1 0 1 0 1 0 1 1 1 1 0 0 0 1 1 1
ตา่ 16 1 0 0 0 1 1 1 0 1 1 1 0 1 1 1 1 0 0 1 0
17 1 1 0 0 1 1 1 0 1 0 1 0 0 1 1 1 1 0 0 0
18 0 1 1 1 1 0 0 1 1 1 0 0 1 1 0 0 1 0 1 0
19 0 1 1 1 1 0 0 1 0 0 0 0 1 1 1 0 1 0 1 0
20 0 1 1 1 0 0 0 1 1 0 0 0 1 1 1 0 1 0 0 0
L 7 7 7 5 9 5 6 4 9 5 4 5 7 10 6 4 6 4 7 3
D 0.7 0.7 0.7 0.5 0.9 0.5 0.6 0.4 0.9 0.5 0.4 0.5 0.7 1 0.6 0.4 0.6 0.4 0.7 0.3
276-632 การสร้างเครื่องมือวดั ทางการศกึ ษา 6120120256 มสุ ลีมนิ อแี ต
27
ตารางที่ 5 แสดงคา่ ความสอดคล้องระหวา่ งคา่ ความยากง่าย กบั คา่ อานาจจาแนก และคัดเลอื กข้อสอบ
ขอ้ ท่ี คา่ P ความหมาย ค่า D ความหมาย แปลผล
1 0.85 ง่ายมาก 0.7 จาแนกได้ดี คดั ออก
2 0.75 ค่อนข้างงา่ ย 0.7 จาแนกได้ดี คัดไว้
3 0.85 ง่ายมาก 0.7 จาแนกได้ดี คัดออก
4 0.70 คอ่ นข้างงา่ ย 0.5 จาแนกได้ปานกลาง คัดไว้
5 0.95 งา่ ยมาก 0.9 จาแนกได้ดีมาก คัดออก
6 0.75 ค่อนข้างง่าย 0.5 จาแนกได้ปานกลาง คดั ไว้
7 0.50 ยากงา่ ยปานกลาง 0.6 จาแนกได้ดี คดั ไว้
8 0.50 ยากงา่ ยปานกลาง 0.4 จาแนกได้ปานกลาง คดั ไว้
9 0.75 ค่อนข้างง่าย 0.9 จาแนกได้ดมี าก คดั ไว้
10 0.65 ค่อนข้างงา่ ย 0.5 จาแนกได้ปานกลาง คัดไว้
11 0.50 ยากง่ายปานกลาง 0.4 จาแนกได้ปานกลาง คัดไว้
12 0.70 คอ่ นข้างงา่ ย 0.5 จาแนกได้ปานกลาง คดั ไว้
13 0.55 ยากง่ายปานกลาง 0.7 จาแนกได้ดี คัดไว้
14 0.95 ง่ายมาก 1.0 จาแนกไม่ได้เลย คัดออก
15 0.65 ค่อนข้างงา่ ย 0.6 จาแนกได้ดี คดั ไว้
16 0.55 ยากงา่ ยปานกลาง 0.4 จาแนกได้ปานกลาง คัดไว้
17 0.70 คอ่ นข้างงา่ ย 0.6 จาแนกได้ดี คัดไว้
18 0.70 คอ่ นข้างง่าย 0.4 จาแนกได้ปานกลาง คดั ไว้
19 0.75 คอ่ นข้างง่าย 0.7 จาแนกได้ดี คดั ไว้
20 0.45 ยากง่ายปานกลาง 0.3 จาแนกได้เล็กนอ้ ย คัดไว้
สรุป ข้อท่ีถกู คัดไวม้ ีทง้ั หมด 16 ข้อ คอื ข้อ 2, 4, 6, 7, 8, 9, 10, 11, 12, 13, 15, 16, 17, 18, 19 และ20
ขอ้ ท่ีถูกคดั ออกมีทั้งหมด 4 ข้อ คอื ข้อ 1, 3, 5, และ 14
276-632 การสรา้ งเครื่องมอื วดั ทางการศึกษา 6120120256 มุสลมี นิ อแี ต
28
ตารางที่ 6 แสดงการวเิ คราะหห์ าคา่ ความเชอื่ มนั่
คนท่ี/ขอ้ ท่ี 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 x x2
1 1 0 0 1 0 1 0 1 1 1 0 0 0 1 1 1 9 81
2 1 1 1 0 0 1 1 0 1 0 0 1 1 1 1 0 10 100
3 0 1 1 0 1 0 0 1 1 0 1 0 1 1 1 1 10 100
4 1 1 1 0 1 0 1 1 0 1 1 1 0 1 0 1 11 121
5 1 0 1 1 0 1 0 1 0 0 1 1 1 0 0 0 8 64
6 0 0 1 1 0 1 1 1 0 1 1 1 0 0 1 0 9 81
7 1 1 1 0 0 1 1 1 1 1 0 1 1 1 1 1 13 169
8 1 1 1 1 1 1 1 1 1 1 1 0 1 1 1 1 15 225
9 1 1 1 1 1 0 1 0 1 0 1 1 1 1 0 1 12 144
10 0 1 1 1 0 1 1 0 1 1 1 0 1 0 0 1 10 100
11 1 1 1 1 0 1 1 0 1 0 1 1 0 1 1 0 11 121
12 1 1 0 0 1 1 0 0 0 1 1 0 1 0 0 0 7 49
13 1 0 0 1 0 1 0 1 1 1 0 0 0 1 1 1 9 81
14 1 1 1 0 0 1 1 0 1 0 0 1 1 1 1 0 10 100
15 0 1 1 0 1 0 0 1 1 0 1 0 1 1 1 1 10 100
16 1 0 1 1 1 1 1 1 1 1 1 1 1 1 1 0 14 196
17 1 1 0 0 1 1 1 0 0 1 0 0 1 0 1 0 8 64
18 0 0 1 1 1 1 1 0 1 0 1 1 0 1 1 0 10 100
19 1 1 1 0 0 1 1 0 1 0 0 1 1 1 1 0 10 100
20 1 1 0 0 1 0 0 0 0 1 1 0 1 0 1 0 7 49
ผลรวม 15 14 15 10 10 15 13 10 14 11 13 11 14 14 15 9 203 2145
ค่า p 0.75 0.7 0.75 0.5 0.5 0.75 0.65 0.5 0.7 0.55 0.65 0.55 0.7 0.7 0.75 0.45
คา่ q 0.25 0.3 0.25 0.5 0.5 0.25 0.35 0.5 0.3 0.45 0.35 0.45 0.3 0.3 0.25 0.55
คา่ pq 0.19 0.21 0.19 0.25 0.25 0.19 0.23 0.25 0.21 0.25 0.23 0.25 0.21 0.21 0.19 0.25
276-632 การสร้างเครือ่ งมือวดั ทางการศึกษา 6120120256 มสุ ลีมิน อีแต
แทนคา่ ในสตู ร KR-20 rtt = k k 1 1 pq 29
2
2 N x2 x2
= 16 1 1 2 N(N)
16 4.23
20(2145) (203)2
1.07(0.53) 20(20)
0.567 42,900 41,209 4.23
400
276-632 การสรา้ งเคร่ืองมอื วดั ทางการศกึ ษา 6120120256 มสุ ลีมิน อแี ต
30
ภาคผนวก
276-632 การสรา้ งเคร่อื งมอื วัดทางการศึกษา 6120120256 มุสลมี นิ อแี ต
31
1. รายชื่อผู้เชย่ี วชาญ ผู้เชยี่ วชาญด้านผบู้ รหิ ารสถานศึกษา
ผู้เชีย่ วชาญดา้ นการวัดผล ประเมนิ ผล และหลักสตู รสถานศึกษา
1.1 นายซุฟเฟียน เจะ๊ มะ ผู้เช่ียวชาญด้านเน้ือหาและการสอนคณติ ศาสตร์
1.2 นางสาวนรู ียะ ตาเยาะ
1.3 นายชัยศกั ด์ิ ระเด่น
276-632 การสรา้ งเครื่องมือวดั ทางการศึกษา 6120120256 มสุ ลีมนิ อแี ต
32
2. เอกสารท่ผี เู้ ช่ียวชาญตรวจสอบแลว้
276-632 การสร้างเครอื่ งมือวัดทางการศกึ ษา 6120120256 มสุ ลมี นิ อแี ต
33
3. กระดาษคาตอบของผู้เรยี น
276-632 การสรา้ งเครอ่ื งมอื วดั ทางการศึกษา 6120120256 มสุ ลมี ิน อีแต
3ก4
คานา
รายงานเล่มนี้เป็นส่วนหนึ่งของรายวิชา 276 – 632 การสร้างเคร่ืองมือวัดทางการศึกษา
หลักสูตรศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาการวิจัยและประเมินผลการศึกษา ซ่ึงมีเน้ือหาสาระเก่ียวกับ
การวิเคราะห์คุณภาพเคร่ืองมือแบบทดสอบ กระบวนการตรวจคุณภาพของแบบทดสอบ และการนาเครื่องมือ
แบบทดสอบไปทดลองใช้
ผู้จัดทาข้ึนเพ่ือศึกษาหาความรู้เพ่ิมเติมประกอบการเรียนการสอน และศึกษามาตรฐานตัวชี้วัด
คณิตศาสตร์ เน้อื หาสาระการสอนในระดับช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 2 วัตถุประสงคเ์ ชิงพฤติกรรม กระบวนการสร้าง
และขั้นตอนการตรวจสอบเครื่องมือแบบทดสอบ ความเที่ยงตรง ความเชื่อมั่น อานวจจาแนก และความยาก
ง่าย ให้ได้มาซึ่งคุณภาพและมีประสิทธิภาพ อีกท้ังผู้จัดทาหวังเป็นอย่างยิ่งวา่ หากท่านใดอ่านรายงานเล่มนี้
จะเปน็ ประโยชนต์ ่อทา่ นและสามารถนาความรู้ไปใชใ้ หเ้ กดิ ประโยชนส์ งู สุดไดเ้ ปน็ อย่างดี
หากรายงานเล่มนี้มีความผิดพลาดประการใด ผ้จู ัดทาขออภัย ณ ทีน่ ้ีดว้ ย
มสุ ลีมิน อแี ต
276-632 การสรา้ งเคร่อื งมอื วดั ทางการศึกษา 6120120256 มุสลีมิน อีแต
3ข5
สารบญั
เรือ่ ง หนา้
คานา............................................................................................................................. ............ ก
สารบัญ............................................................................................................ .......................... ข
สารบญั ตาราง.................................................................................................................. .......... ค
1
มาตรฐานตัวชี้วัด....................................................................................................................... 2
เน้อื หา/สาระท่สี อน................................................................................................................... 2
แผนผังวเิ คราะห์ข้อสอบ............................................................................................................ 5
แบบทดสอบ (แบบฟอรม์ ท่สี ง่ ให้ผู้เชี่ยวชาญตรวจ)................................................................... 15
17
คา่ ดัชนีความสอดคล้องระหว่างข้อสอบและจุดประสงค์เชิงพฤติกรรม...................................... 20
แบบทดสอบท่ีใช้เกบ็ รวบรวมข้อมูล........................................................................................... 26
คะแนนของนักเรยี นท่ีไดจ้ ากการทดสอบ...................................................................................
ภาคผนวก............................................................................................................................. .....
รายช่อื ผ้เู ชีย่ วชาญ
เอกสารท่ีผู้เช่ียวชาญตรวจสอบแล้ว
กระดาษคาตอบของผเู้ รยี น
276-632 การสรา้ งเครื่องมือวดั ทางการศึกษา 6120120256 มุสลีมิน อแี ต
3ค6
สารบัญตาราง
เรอ่ื ง หน้า
ตารางท่ี 1 แสดงดชั นคี ่าความสอดคล้องระหวา่ งข้อสอบกบั จุดประสงคเ์ ชงิ พฤติกรรม............... 15
ตารางที่ 2 คะแนนแบบทดสอบ วิชา คณติ ศาสตร์พ้ืนฐาน (ค22102) ชนั้ มธั ยมศึกษาปีที่ 2….. 20
ตารางท่ี 3 ตารางแสดงค่าความยากง่าย...................................................................................... 21
ตารางที่ 4 ตารางแสดงค่าอานาจจาแนก………………………………………………………………………….. 22
ตารางท่ี 5 แสดงค่าความสอดคล้องระหวา่ งค่าความยากงา่ ย กบั คา่ อานาจจาแนก
และคัดเลือกข้อสอบ……………………………………………………………………………………..... 23
ตารางที่ 6 แสดงการวิเคราะห์หาค่าความเชือ่ ม่นั ........................................................................ 24
276-632 การสร้างเครอ่ื งมือวดั ทางการศกึ ษา 6120120256 มสุ ลีมนิ อีแต
37
276-632 การสรา้ งเคร่อื งมือวดั ทางการศกึ ษา 6120120256 มสุ ลมี ิน อแี ต