พระราชบญั ญตั ิ
ขอ้ มลู ข่าวสารของราชการ
พ.ศ.2540
---------------------------------------------
ภมู พิ ลอดุลยเดช ป.ร.
ใหไ้ ว้ ณ วนั ท่ี ๒ กนั ยายน พ.ศ.๒๕๔๐
เป็นปีท่ี ๕๒ ในรชั กาลปจั จบุ นั
พระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภมู พิ ลอดลุ ยเดช มพี ระบรมราชโองการโปรดเกลา้ ฯ ใหป้ ระกาศวา่
โดยท่เี ป็นการสมควรใหม้ กี ฎหมายว่าดว้ ยขอ้ มลู ขา่ วสารของราชการ
จงึ ทรงพระกรุณาโปรดเกลา้ ฯ ใหต้ ราพระราชบญั ญตั ิข้นึ ไวโ้ ดยคาแนะนาและยนิ ยอมของรฐั สภา
ดงั ต่อไปน้ี
มาตรา ๑ พระราชบญั ญตั นิ ้เี รยี กวา่ “พระราชบญั ญตั ขิ อ้ มลู ข่าวสารของราชการ พ.ศ.๒๕๔๐”
มาตรา ๒ พระราชบญั ญตั นิ ้ใี หใ้ ชบ้ งั คบั เมอ่ื พน้ กาหนดเกา้ สบิ วนั นบั แตว่ นั ประกาศในราชกิจจา
นุเบกษาเป็นตน้ ไป
มาตรา ๓ บรรดากฎหมาย กฎ ระเบยี บ และขอ้ บงั คบั อน่ื ในสว่ นท่บี ญั ญตั ไิ วแ้ ลว้ ใน
พระราชบญั ญตั ิน้ี หรอื ซง่ึ ขดั หรอื แยง้ กบั บทแหง่ พระราชบญั ญตั นิ ้ใี หใ้ ชพ้ ระราชบญั ญตั นิ ้แี ทน
มาตรา ๔ ในพระราชบญั ญตั ิน้ี
“ขอ้ มูลข่าวสาร” หมายความวา่ ส่งิ ทส่ี อ่ื ความหมายใหร้ ูเ้ร่ืองราวขอ้ เทจ็ จริง ขอ้ มลู หรือสง่ิ ใดๆ ไม่วา่
การสอ่ื ความหมายนน้ั จะทาไดโ้ ดยสภาพของสง่ิ นน้ั เองหรือโดยผ่านวธิ ีการใดๆ และไม่ว่าจะไดจ้ ดั ทาไวใ้ นรูป
ของเอกสาร แฟ้ม รายงาน หนงั สอื แผนผงั แผนท่ี ภาพวาด ภาพถา่ ย ฟิลม์ การบนั ทกึ ภาพหรอื เสยี ง การ
บนั ทกึ โดยเคร่ืองคอมพวิ เตอร์ หรอื วธิ อี ่นื ใดทท่ี าใหส้ ่งิ ท่บี นั ทกึ ไวป้ รากฏได้
“ขอ้ มลู ขา่ วสารของราชการ” หมายความว่า ขอ้ มูลข่าวสารท่อี ยูใ่ นความครอบครองหรอื ควบคมุ ดูแลของ
หน่วยงานของรฐั ไม่ว่าจะเป็นขอ้ มลู ขา่ วสารเกย่ี วกบั การดาเนนิ งานของรฐั หรอื ขอ้ มูลขา่ วสารเกี่ยวกบั
เอกชน
“หน่วยงานของรฐั ” หมายความว่า ราชการสว่ นกลาง ราชการส่วนภูมภิ าค ราชการสว่ นทอ้ งถน่ิ
รฐั วสิ าหกิจ สว่ นราชการสงั กดั รฐั สภา ศาลเฉพาะในสว่ นทไ่ี มเ่ กย่ี วกบั การพจิ ารณาพพิ ากษาคดี องคก์ ร
ควบคุมการประกอบวชิ าชพี หน่วยงานอสิ ระของรฐั และหน่วยงานอน่ื ตามทก่ี าหนดในกฎกระทรวง
“เจา้ หนา้ ทข่ี องรฐั ” หมายความวา่ ผูซ้ ง่ึ ปฏบิ ตั งิ านใหแ้ ก่หน่วยงานของรฐั
“ขอ้ มูลขา่ วสารส่วนบุคคล” หมายความวา่ ขอ้ มูลข่าวสารเกีย่ วกบั สง่ิ เฉพาะตวั ของบุคคล เช่น
การศึกษา ฐานะการเงนิ ประวตั สิ ขุ ภาพ ประวตั อิ าชญากรรม หรือประวตั กิ ารทางาน บรรดาท่มี ชี ่อื ของผู้
นนั้ หรือมเี ลขหมาย รหสั หรือส่งิ บอกลกั ษณะอน่ื ทท่ี าใหร้ ูต้ วั ผูน้ น้ั ได้ เชน่ ลายพมิ พน์ ้วิ มอื แผน่ บนั ทกึ
ลกั ษณะเสยี งของคนหรือรูปถา่ ย และใหห้ มายความรวมถงึ ขอ้ มูลข่าวสารเกยี่ วกบั ส่งิ เฉพาะตวั ของผูท้ ่ถี งึ แก่
กรรมแลว้ ดว้ ย
“คณะกรรมการ” หมายความว่า คณะกรรมการขอ้ มลู ข่าวสารของราชการ
“คนต่างดา้ ว” หมายความว่า บุคคลธรรมดาทไ่ี มม่ สี ญั ชาติไทยและไมม่ ถี ่นิ ท่อี ยู่
ในประเทศไทย และนิติบคุ คลดงั ต่อไปน้ี
(๑) บริษทั หรอื หา้ งหนุ้ ส่วนท่มี ที ุนเกนิ กึ่งหน่ึงเป็นของคนตา่ งดา้ ว ใบหุน้ ชนิดออกใหแ้ ก่ผูถ้ อื ใหถ้ อื ว่า
ใบหุน้ นน้ั คนต่างดา้ วเป็นผูถ้ อื
(๒) สมาคมท่มี สี มาชกิ เกินกึ่งหนึง่ เป็นคนตา่ งดา้ ว
(๓) สมาคมหรือมลู นธิ ทิ ่มี วี ตั ถปุ ระสงคเ์ พอื่ ประโยชนข์ องคนต่างดา้ ว
(๔) นิติบคุ คลตาม (๑) (๒) (๓) หรอื นติ บิ คุ คลอ่นื ใดทม่ี ผี ูจ้ ดั การหรอื กรรมการเกนิ กึ่งหน่ึงเป็น
คนต่างดา้ ว
นติ ิบุคคลตามวรรคหน่ึง ถา้ เขา้ ไปเป็นผูจ้ ดั การหรอื กรรมการ สมาชิก หรอื มที นุ ในนติ ิบคุ คลอน่ื ให้
ถอื วา่ ผูจ้ ดั การหรือกรรมการ หรอื สมาชกิ หรอื เจา้ ของทนุ ดงั กลา่ วเป็นคนตา่ งดา้ ว
มาตรา ๕ ใหน้ ายกรฐั มนตรีรกั ษาการตามพระราชบญั ญตั นิ ้ี และมอี านาจออกกฎกระทรวง เพอื่
ปฏบิ ตั ิตามพระราชบญั ญตั ิน้ี
กฎกระทรวงนน้ั เมอ่ื ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแลว้ ใหใ้ ชบ้ งั คบั ได้
มาตรา ๖ ใหจ้ ดั ตง้ั สานกั งานคณะกรรมการขอ้ มลู ขา่ วสารของราชการข้นึ ในสงั กดั สานกั งานปลดั
สานกั นายกรฐั มนตรี มหี นา้ ท่ปี ฏบิ ตั ิงานเกีย่ วกบั งานวชิ าการและธุรการใหแ้ ก่คณะกรรมการและ
คณะกรรมการวนิ ิจฉยั การเปิดเผยขอ้ มลู ข่าวสาร ประสานงานกบั หน่วยงานของรฐั และใหค้ าปรึกษาแก่
เอกชนเกีย่ วกบั การปฏบิ ตั ติ ามพระราชบญั ญตั นิ ้ี
หมวด ๑
การเปิดเผยขอ้ มูลข่าวสาร
_______________
มาตรา ๗ หน่วยงานของรฐั ตอ้ งสง่ ขอ้ มลู ขา่ วสารของราชการอยา่ งนอ้ ยดงั ตอ่ ไปน้ลี งพมิ พใ์ นราชกจิ จา
นุเบกษา
(๑) โครงสรา้ งและการจดั องคก์ รในการดาเนินงาน
(๒) สรปุ อานาจหนา้ ท่ที ส่ี าคญั และวธิ กี ารดาเนินงาน
(๓) สถานทต่ี ดิ ตอ่ เพอื่ ขอรบั ขอ้ มลู ขา่ วสาร หรอื คาแนะนาในการติดตอ่ กบั หน่วยงานของรฐั
(๔) กฎ มติคณะรฐั มนตรี ขอ้ บงั คบั คาสงั่ หนงั สอื เวยี น ระเบยี บ แบบแผน นโยบาย หรอื การ
ตคี วาม ทงั้ น้ี เฉพาะท่จี ดั ใหม้ ขี ้นึ โดยมสี ภาพอยา่ งกฎ เพอ่ื ใหม้ ผี ลเป็นการทวั่ ไปตอ่ เอกชนท่เี กยี่ วขอ้ ง
(๕) ขอ้ มลู ข่าวสารอน่ื ตามท่คี ณะกรรมการกาหนด
ขอ้ มูลข่าวสารใดทไ่ี ดม้ กี ารจดั พมิ พเ์ พอ่ื ใหแ้ พร่หลายตามจานวนพอสมควรแลว้ ถา้ มกี ารลงพมิ พใ์ นราช
กิจจานุเบกษาโดยอา้ งองิ ถงึ ส่งิ พมิ พน์ น้ั กใ็ หถ้ อื ว่าเป็นการปฏบิ ตั ติ ามบทบญั ญตั วิ รรคหน่ึงแลว้
ใหห้ น่วยงานของรฐั รวบรวมและจดั ใหม้ ขี อ้ มลู ขา่ วสารตามวรรคหนึง่ ไวเ้ผยแพร่เพอื่ ขายหรือจาหน่าย
จ่ายแจก ณ ทท่ี าการของหน่วยงานของรฐั แห่งนน้ั ตามท่เี หน็ สมควร
มาตรา ๘ ขอ้ มูลขา่ วสารทต่ี อ้ งลงพมิ พต์ ามมาตรา ๗ (๔) ถา้ ยงั ไมไ่ ดล้ งพมิ พใ์ นราชกิจจานุเบกษา
จะนามาใชบ้ งั คบั ในทางทไ่ี ม่เป็นคุณแก่ผูใ้ ดไม่ได้ เวน้ แต่ผูน้ นั้ จะไดร้ ูถ้ งึ ขอ้ มลู ข่าวสารนน้ั ตามความเป็นจริงมา
ก่อนแลว้ เป็นเวลาพอสมควร
มาตรา ๙ ภายใตบ้ งั คบั มาตรา ๑๔ และมาตรา ๑๕ หน่วยงานของรฐั ตอ้ งจดั ใหม้ ขี อ้ มูลขา่ วสาร
ของราชการอยา่ งนอ้ ยดงั ต่อไปน้ไี วใ้ หป้ ระชาชนเขา้ ตรวจดูได้ ทง้ั น้ี ตามหลกั เกณฑแ์ ละวธิ ีการท่ี
คณะกรรมการกาหนด
(๑) ผลการพจิ ารณาหรือคาวนิ จิ ฉยั ทม่ี ผี ลโดยตรงต่อเอกชน รวมทงั้ ความเหน็ แยง้ และคาสงั่ ท่ี
เกี่ยวขอ้ งในการพจิ ารณาวนิ ิจฉยั ดงั กลา่ ว
(๒) นโยบายหรอื การตคี วามท่ไี ม่เขา้ ข่ายตอ้ งลงพมิ พใ์ นราชกจิ จานุเบกษา ตามมาตรา ๗ (๔)
(๓) แผนงาน โครงการ และงบประมาณรายจ่ายประจาปีของปีท่กี าลงั ดาเนนิ การ
(๔) คู่มอื หรอื คาสงั่ เกย่ี วกบั วธิ ปี ฏบิ ตั งิ านของเจา้ หนา้ ทข่ี องรฐั ซง่ึ มผี ลกระทบถงึ สทิ ธหิ นา้ ท่ขี องเอกชน
(๕) สง่ิ พมิ พท์ ่ไี ดม้ กี ารอา้ งองิ ถงึ ตามมาตรา ๗ วรรคสอง
(๖) สญั ญาสมั ปทาน สญั ญาท่มี ลี กั ษณะเป็นการผูกขาดตดั ตอนหรือสญั ญาร่วมทุนกบั เอกชนในการ
จดั ทาบรกิ ารสาธารณะ
(๗) มตคิ ณะรฐั มนตรี หรือมตคิ ณะกรรมการทแ่ี ตง่ ตง้ั โดยกฎหมาย หรือโดยมตคิ ณะรฐั มนตรี
ทง้ั น้ี ใหร้ ะบรุ ายช่ือรายงานทางวชิ าการ รายงานขอ้ เทจ็ จริง หรอื ขอ้ มลู ขา่ วสารทน่ี ามาใชใ้ นการพจิ ารณาไวด้ ว้ ย
(๘) ขอ้ มูลขา่ วสารอน่ื ตามทค่ี ณะกรรมการกาหนด
ขอ้ มลู ข่าวสารท่จี ดั ใหป้ ระชาชนเขา้ ตรวจดูไดต้ ามวรรคหนึ่ง ถา้ มสี ่วนท่ตี อ้ งหา้ มมใิ หเ้ปิดเผยตาม
มาตรา ๑๔ หรือมาตรา ๑๕ อยู่ดว้ ย ใหล้ บหรือตดั ทอนหรอื ทาโดยประการอน่ื ใดท่ไี ม่เป็นการเปิดเผย
ขอ้ มูลขา่ วสารนนั้
บคุ คลไม่ว่าจะมสี ว่ นไดเ้สยี เกย่ี วขอ้ งหรือไมก่ ็ตาม ย่อมมสี ทิ ธิเขา้ ตรวจดู ขอสาเนาหรอื ขอสาเนาทม่ี คี า
รบั รองถูกตอ้ งของขอ้ มลู ขา่ วสารตามวรรคหน่งึ ได้ ในกรณีทส่ี มควรหน่วยงานของรฐั โดยความเหน็ ชอบของ
คณะกรรมการ จะวางหลกั เกณฑเ์ รยี กค่าธรรมเนียมในการนนั้ กไ็ ด้ ในการน้ใี หค้ านงึ ถงึ การชว่ ยเหลอื ผูม้ ี
รายไดน้ อ้ ยประกอบดว้ ย ทงั้ น้ี เวน้ แต่จะมกี ฎหมายเฉพาะบญั ญตั ิไวเ้ป็นอย่างอน่ื
คนตา่ งดา้ วจะมสี ทิ ธิตามมาตราน้เี พียงใดใหเ้ป็นไปตามทก่ี าหนดโดยกฎกระทรวง
มาตรา ๑๐ บทบญั ญตั มิ าตรา ๗ และมาตรา ๙ ไม่กระทบถงึ ขอ้ มูลข่าวสารของราชการทม่ี ี
กฎหมายเฉพาะกาหนดใหม้ กี ารเผยแพร่หรือเปิดเผย ดว้ ยวธิ กี ารอยา่ งอน่ื
มาตรา ๑๑ นอกจากขอ้ มูลขา่ วสารของราชการทล่ี งพมิ พใ์ นราชกจิ จานุเบกษาแลว้ หรอื ทจ่ี ดั ไวใ้ ห้
ประชาชนเขา้ ตรวจดูไดแ้ ลว้ หรอื ท่มี กี ารจดั ใหป้ ระชาชนไดค้ น้ ควา้ ตามมาตรา ๒๖ แลว้ ถา้ บคุ คลใดขอขอ้ มลู
ข่าวสารอน่ื ใดของราชการและคาขอของผูน้ นั้ ระบขุ อ้ มูลข่าวสารทต่ี อ้ งการในลกั ษณะทอ่ี าจเขา้ ใจไดต้ ามควร ให้
หน่วยงานของรฐั ผูร้ บั ผดิ ชอบจดั หาขอ้ มลู ข่าวสารนนั้ ใหแ้ ก่ผูข้ อภายในเวลาอนั สมควร เวน้ แตผ่ ูน้ นั้ ขอจานวน
มากหรอื บอ่ ยครง้ั โดยไม่มเี หตุผลอนั สมควร
ขอ้ มลู ขา่ วสารของราชการใดมสี ภาพท่อี าจบุบสลายงา่ ย หน่วยงานของรฐั จะขอขยายเวลาในการจดั หา
ใหห้ รือจะจดั ทาสาเนาใหใ้ นสภาพอยา่ งหนึ่งอย่างใด เพอื่ มใิ หเ้กดิ ความเสยี หายแก่ขอ้ มูลขา่ วสารนนั้ กไ็ ด้
ขอ้ มูลข่าวสารของราชการท่หี น่วยงานของรฐั จดั หาใหต้ ามวรรคหนง่ึ ตอ้ งเป็นขอ้ มูลข่าวสารท่มี อี ยแู่ ลว้ ใน
สภาพทพ่ี รอ้ มจะใหไ้ ด้ มใิ ชเ่ ป็นการตอ้ งไปจดั ทา วเิ คราะห์ จาแนก รวบรวม หรือจดั ใหม้ ขี ้นี ใหม่ เวน้ แต่
เป็นการแปรสภาพเป็นเอกสารจากขอ้ มลู ข่าวสารทบ่ี นั ทกึ ไวใ้ นระบบการบนั ทกึ ภาพหรอื เสยี ง ระบบ
คอมพวิ เตอร์ หรอื ระบบอ่นื ใด ทง้ั น้ี ตามทค่ี ณะกรรมการกาหนด แตถ่ า้ หน่วยงานของรฐั เหน็ วา่ กรณีท่ขี อ
นน้ั มใิ ช่การแสวงหาผลประโยชนท์ างการคา้ และเป็นเรอ่ื งท่จี าเป็นเพอื่ ปกป้องสทิ ธเิ สรีภาพสาหรบั ผูน้ น้ั หรือ
เป็นเร่อื งทจ่ี ะเป็นประโยชนแ์ ก่สาธารณะ หน่วยงานของรฐั จะจดั หาขอ้ มูลขา่ วสารนน้ั ใหก้ ไ็ ด้
บทบญั ญตั วิ รรคสามไมเ่ ป็นการหา้ มหน่วยงานของรฐั ท่จี ะจดั ใหม้ ขี อ้ มลู ข่าวสารของราชการใดข้นึ ใหม่
ใหแ้ ก่ผูร้ อ้ งขอ หากเป็นการสอดคลอ้ งดว้ ยอานาจหนา้ ทต่ี ามปกตขิ องหน่วยงานของรฐั นน้ั อยู่แลว้
ใหน้ าความในมาตรา ๙ วรรคสอง วรรคสาม และวรรคส่ี มาใชบ้ งั คบั แก่การจดั หาขอ้ มลู ข่าวสารให้
ตามมาตราน้ี โดยอนุโลม
มาตรา ๑๒ ในกรณีทม่ี ผี ูย้ ่นื คาขอขอ้ มลู ขา่ วสารของราชการตามมาตรา ๑๑ แมว้ ่าขอ้ มลู ขา่ วสารท่ี
ขอจะอยู่ในความควบคุมดูแลของหน่วยงานส่วนกลาง หรือส่วนสาขาของหน่วยงานแห่งนนั้ หรอื จะอยูใ่ นความ
ควบคุมดูแลของหน่วยงานของรฐั แหง่ อน่ื กต็ าม ใหห้ น่วยงานของรฐั ท่รี บั คาขอใหค้ าแนะนา เพอ่ื ไปยน่ื คาขอ
ตอ่ หน่วยงานของรฐั ทค่ี วบคมุ ดูแลขอ้ มลู ขา่ วสารนน้ั โดยไมช่ กั ชา้
ถา้ หน่วยงานของรฐั ผูร้ บั คาขอเหน็ วา่ ขอ้ มลู ขา่ วสารทม่ี คี าขอเป็นขอ้ มลู ข่าวสารทจ่ี ดั ทาโดยหน่วยงานของ
รฐั แห่งอ่นื และไดร้ ะบุหา้ มการเปิดเผยไวต้ ามระเบยี บท่กี าหนดตามมาตรา ๑๖ ใหส้ ง่ คาขอนน้ั ใหห้ น่วยงาน
ของรฐั ผูจ้ ดั ทาขอ้ มลู ขา่ วสารนนั้ พจิ ารณาเพอื่ มคี าสงั่ ต่อไป
มาตรา ๑๓ ผูใ้ ดเหน็ ว่าหน่วยงานของรฐั ไมจ่ ดั พมิ พข์ อ้ มูลขา่ วสารตามมาตรา ๗ หรอื ไม่จดั ขอ้ มูล
ข่าวสารไวใ้ หป้ ระชาชนตรวจดูไดต้ ามมาตรา ๙ หรือไม่จดั หาขอ้ มูลข่าวสารใหแ้ ก่ตนตามมาตรา ๑๑ หรือฝ่า
ฝืน หรอื ไมป่ ฏบิ ตั ติ ามพระราชบญั ญตั นิ ้ี หรือปฏบิ ตั หิ นา้ ท่ลี า่ ชา้ หรือเหน็ วา่ ตนไม่ไดร้ บั ความสะดวกโดยไมม่ ี
เหตอุ นั สมควร ผูน้ น้ั มสี ทิ ธริ อ้ งเรียนตอ่ คณะกรรมการ เวน้ แต่เป็นเรอื่ งเกี่ยวกบั การมคี าสงั่ มใิ หเ้ปิดเผยขอ้ มลู
ข่าวสารตามมาตรา ๑๕ หรอื คาสงั่ ไมร่ บั ฟงั คาคดั คา้ นตามมาตรา ๑๗ หรือคาสงั่ ไมแ่ กไ้ ขเปลย่ี นแปลงหรือ
ลบขอ้ มูลขา่ วสารสว่ นบคุ คลตามมาตรา ๒๕
ในกรณีท่มี กี ารรอ้ งเรียนตอ่ คณะกรรมการตามวรรคหน่งึ คณะกรรมการตอ้ งพจิ ารณาใหแ้ ลว้ เสรจ็
ภายในสามสบิ วนั นบั แต่วนั ทไ่ี ดร้ บั คารอ้ งเรยี น ในกรณีทม่ี เี หตจุ าเป็นใหข้ ยายเวลาออกไปได้ แตต่ อ้ งแสดง
เหตุผลและรวมเวลาทงั้ หมดแลว้ ตอ้ งไม่เกินหกสบิ วนั
หมวด ๒
ขอ้ มูลข่าวสารท่ีไม่ตอ้ งเปิดเผย
_______________
มาตรา ๑๔ ขอ้ มูลขา่ วสารของราชการท่อี าจก่อใหเ้กิดความเสยี หายต่อสถาบนั พระมหากษตั ริยจ์ ะ
เปิดเผยมไิ ด้
มาตรา ๑๕ ขอ้ มลู ข่าวสารของราชการท่มี ลี กั ษณะอย่างหนงึ่ อยา่ งใดดงั ตอ่ ไปน้ี หน่วยงานของรฐั หรือ
เจา้ หนา้ ท่ขี องรฐั อาจมคี าสงั่ มใิ หเ้ปิดเผยก็ได้ โดยคานึงถงึ การปฏบิ ตั หิ นา้ ท่ตี ามกฎหมายของหน่วยงานของรฐั
ประโยชนส์ าธารณะ และประโยชนข์ องเอกชนท่เี กีย่ วขอ้ งประกอบกนั
(๑) การเปิดเผยจะก่อใหเ้กิดความเสยี หายต่อความมนั่ คงของประเทศ ความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งประเทศ
และความมนั่ คงในทางเศรษฐกจิ หรอื การคลงั ของประเทศ
(๒) การเปิดเผยจะทาใหก้ ารบงั คบั ใชก้ ฎหมายเสอ่ื มประสทิ ธิภาพ หรอื ไม่อาจสาเร็จตามวตั ถปุ ระสงค์
ได้ ไม่วา่ จะเกี่ยวกบั การฟ้องคดี การป้องกนั การปราบปราม การทดสอบ การตรวจสอบ หรอื การรู้
แหลง่ ท่มี าของขอ้ มลู ข่าวสารหรอื ไมก่ ็ตาม
(๓) ความเหน็ หรือคาแนะนาภายในหน่วยงานของรฐั ในการดาเนนิ การเรอื่ งหนึ่งเรื่องใด แตท่ ง้ั น้ไี ม่
รวมถงึ รายงานทางวชิ าการ รายงานขอ้ เทจ็ จรงิ หรือขอ้ มูลขา่ วสารทน่ี ามาใชใ้ นการทาความเหน็ หรือ
คาแนะนาภายในดงั กล่าว
(๔) การเปิดเผยจะก่อใหเ้กดิ อนั ตรายตอ่ ชีวติ หรือความปลอดภยั ของบคุ คลหน่ึงบคุ คลใด
(๕) รายงานการแพทยห์ รอื ขอ้ มูลข่าวสารส่วนบุคคลซง่ึ การเปิดเผยจะเป็นการรุกลา้ สทิ ธิสว่ นบุคคล
โดยไมส่ มควร
(๖) ขอ้ มูลขา่ วสารของราชการทม่ี กี ฎหมายคมุ้ ครองมใิ หเ้ปิดเผย หรอื ขอ้ มูลข่าวสารทม่ี ผี ใู้ หม้ าโดยไม่
ประสงคใ์ หท้ างราชการนาไปเปิดเผยตอ่ ผูอ้ น่ื
(๗) กรณีอ่นื ตามท่กี าหนดใหพ้ ระราชกฤษฎกี า
คาสงั่ มใิ หเ้ปิดเผยขอ้ มลู ข่าวสารของราชการจะกาหนดเงอ่ื นไขอยา่ งใดกไ็ ด้ แต่ตอ้ งระบไุ วด้ ว้ ยว่าท่ี
เปิดเผยไม่ไดเ้พราะเป็ขอ้ มลู ขา่ วสารประเภทใดและเพราะเหตุใด และใหถ้ อื ว่าการมคี าสงั่ เปิดเผยขอ้ มูล
ขา่ วสารของราชการเป็นดุลพนิ ิจโดยเฉพาะของเจา้ หนา้ ท่ขี องรฐั ตามลาดบั สายการบงั คบั บญั ชา แต่ผูข้ ออาจ
อุทธรณต์ อ่ คณะกรรมการวนิ จิ ฉยั การเปิดเผยขอ้ มูลข่าวสารไดต้ ามทก่ี าหนดในพระราชบญั ญตั นิ ้ี
มาตรา ๑๖ เพอื่ ใหเ้กดิ ความชดั เจนในทางปฏบิ ตั วิ ่าขอ้ มลู ขา่ วสารของราชการจะเปิดเผยต่อบคุ คลใด
ไดห้ รอื ไม่ภายใตเ้งอ่ื นไขเชน่ ใด และสมควรมวี ธิ ีรกั ษามใิ หร้ วั่ ไหลใหห้ น่วยงานของรฐั กาหนดวธิ กี ารคมุ้ ครอง
ขอ้ มลู ข่าวสารนน้ั ทง้ั น้ี ตามระเบยี บท่คี ณะรฐั มนตรกี าหนดวา่ ดว้ ยการรกั ษาความลบั ของทางราชการ
มาตรา ๑๗ ในกรณที ่เี จา้ หนา้ ท่ขี องรฐั เหน็ ว่า การเปิดเผยขอ้ มลู ข่าวสารของราชการใดอาจกระทบถงึ
ประโยชนไ์ ดเ้สยี ของผูใ้ ด ใหเ้จา้ หนา้ ทข่ี องรฐั แจง้ ใหผ้ ูน้ น้ั เสนอ
คาคดั คา้ นภายในเวลาท่กี าหนด แตต่ อ้ งใหเ้วลาอนั สมควรทผ่ี ูน้ นั้ อาจเสนอคาคดั คา้ นได้ ซง่ึ ตอ้ งไม่นอ้ ยกวา่ สบิ
หา้ วนั นบั แต่วนั ท่ไี ดร้ บั แจง้
ผูท้ ่ไี ดร้ บั แจง้ ตามวรรคหนึ่ง หรอื ผูท้ ่ที ราบวา่ การเปิดเผยขอ้ มลู ข่าวสารของราชการใดอาจกระทบถงึ
ประโยชนไ์ ดเ้สยี ของตน มสี ทิ ธิคดั คา้ นการเปิดเผยขอ้ มลู ขา่ วสารนน้ั ไดโ้ ดยทาเป็นหนงั สอื ถงึ เจา้ หนา้ ท่ขี องรฐั
ผูร้ บั ผดิ ชอบ
ในกรณีท่มี กี ารคดั คา้ น เจา้ หนา้ ทข่ี องรฐั ผูร้ บั ผดิ ชอบตอ้ งพจิ ารณาคาคดั คา้ นและแจง้ ผลการพจิ ารณา
ใหผ้ ูค้ ดั คา้ นทราบโดยไมช่ กั ชา้ ในกรณีท่มี คี าสงั่ ไม่รบั ฟงั คาคดั คา้ น เจา้ หนา้ ท่ขี องรฐั จะเปิดเผยขอ้ มูลข่าวสาร
นน้ั มไิ ดจ้ นกว่าจะลว่ งพน้ กาหนดเวลาอุทธรณต์ ามมาตรา ๑๘ หรอื จนกวา่ คณะกรรมการวนิ ิจฉยั การเปิดเผย
ขอ้ มลู ข่าวสารไดม้ คี าวนิ ิจฉยั ใหเ้ปิดเผยขอ้ มูลข่าวสารนนั้ ได้ แลว้ แตก่ รณี
มาตรา ๑๘ ในกรณีทเ่ี จา้ หนา้ ทข่ี องรฐั มคี าสงั่ มใิ หเ้ปิดเผยขอ้ มลู ข่าวสารใดตามมาตรา ๑๔ หรือ
มาตรา ๑๕ หรอื มคี าสงั่ ไมร่ บั ฟงั คาคดั คา้ นของผูม้ ปี ระโยชนไ์ ดเ้สยี ตามมาตรา ๑๗ ผูน้ น้ั อาจอุทธรณ์ต่อ
คณะกรรมการวนิ ิจฉยั การเปิดเผยขอ้ มลู ขา่ วสารภายในสบิ หา้ วนั นบั แตว่ นั ท่ไี ดร้ บั แจง้ คาสงั่ นนั้ โดยย่นื คา
อทุ ธรณ์ต่อคณะกรรมการ
มาตรา ๑๙ การพจิ ารณาเกยี่ วกบั ขอ้ มูลข่าวสารท่มี คี าสงั่ มใิ หเ้ปิดเผยนนั้ ไม่ว่าจะเป็นการพจิ ารณาของ
คณะกรรมการ คณะกรรมการวนิ จิ ฉยั การเปิดเผยขอ้ มูลข่าวสารหรอื ศาลก็ได้ จะตอ้ งดาเนนิ กระบวนการ
พจิ ารณาโดยมใิ หข้ อ้ มลู ขา่ วสารนนั้ เปิดเผยแก่บุคคลอน่ื ใดท่ไี ม่จาเป็นแก่การพจิ ารณาและในกรณีท่จี าเป็นจะ
พจิ ารณาลบั หลงั คู่กรณีหรอื คู่ความฝ่ายใดก็ได้
มาตรา ๒๐ การเปิดเผยขอ้ มลู ข่าวสารใด แมจ้ ะเขา้ ขา่ ยตอ้ งมคี วามรบั ผดิ ชอบตามกฎหมายใด ให้
ถอื ว่าเจา้ หนา้ ทข่ี องรฐั ไมต่ อ้ งรบั ผดิ หากเป็นการกระทาโดยสจุ ริตในกรณีดงั ต่อไปน้ี
(๑) ขอ้ มูลข่าวสารตามมาตรา ๑๕ ถา้ เจา้ หนา้ ทข่ี องรฐั ไดด้ าเนินการโดยถกู ตอ้ งตามระเบยี บตาม
มาตรา ๑๖
(๒) ขอ้ มลู ขา่ วสารตามมาตรา ๑๕ ถา้ เจา้ หนา้ ทข่ี องรฐั ในระดบั ตามท่กี าหนดในกฎกระทรวงมคี าสงั่ ให้
เปิดเผยเป็นการทวั่ ไปหรอื เฉพาะแก่บุคคลใด เพอ่ื ประโยชนอ์ นั สาคญั ย่งิ กว่าทเ่ี ก่ียวกบั ประโยชนส์ าธารณะ
หรอื ชีวติ ร่างกาย สุขภาพ หรือประโยชนอ์ ่นื ของบุคคล และคาสงั่ นน้ั ไดก้ ระทาโดยสมควรแก่เหตุ ในการ
น้จี ะมกี ารกาหนดขอ้ จากดั หรอื เงอ่ื นไขในการใชข้ อ้ มูลข่าวสารนนั้ ตามความเหมาะสมก็ได้
การเปิดเผยขอ้ มลู ข่าวสารตามวรรคหนงึ่ ไมเ่ ป็นเหตใุ หห้ น่วยงานของรฐั พน้ จากความรบั ผดิ ตาม
กฎหมายหากจะพงึ มใี นกรณีดงั กล่าว
หมวด ๓
ขอ้ มลู ขา่ วสารส่วนบุคคล
______________
มาตรา ๒๑ เพอ่ื ประโยชนแ์ หง่ หมวดน้ี “บคุ คล” หมายความว่า บุคคลธรรมดา
ท่มี สี ญั ชาติไทย และบคุ คลธรรมดาท่ไี มม่ สี ญั ชาตไิ ทยแต่มถี ่นิ ทอ่ี ยู่ในประเทศไทย
มาตรา ๒๒ สานกั ข่าวกรองแห่งชาติ สานกั งานสภาความมนั่ คงแหง่ ชาติ และหน่วยงานของรฐั แห่ง
อน่ื ตามทก่ี าหนดในกฎกระทรวง อาจออกระเบยี บโดยความเหน็ ชอบของคณะกรรมการกาหนดหลกั เกณฑ์
วธิ ีการ และเงอ่ื นไขทม่ี ใิ หน้ าบทบญั ญตั วิ รรคหนงึ่ (๓) ของมาตรา ๒๓ มาใชบ้ งั คบั กบั ขอ้ มูลขา่ วสารส่วน
บคุ คลทอ่ี ยู่ในความควบคุมดูแลของหน่วยงานดงั กลา่ วก็ได้
หน่วยงานของรฐั แห่งอน่ื ท่จี ะกาหนดในกฎกระทรวงตามวรรคหนง่ึ นนั้ ตอ้ งเป็นหน่วยงานของรฐั ซง่ึ การ
เปิดเผยประเภทขอ้ มลู ขา่ วสารสว่ นบุคคลตามมาตรา ๒๓ วรรคหน่งึ (๓) จะเป็นอุปสรรครา้ ยแรงต่อการ
ดาเนนิ การของหน่วยงานดงั กลา่ ว
มาตรา ๒๓ หน่วยงานของรฐั ตอ้ งปฏบิ ตั เิ กีย่ วกบั การจดั ระบบขอ้ มลู ข่าวสารส่วนบุคคลดงั ตอ่ ไปน้ี
(๑) ตอ้ งจดั ใหม้ รี ะบบขอ้ มลู ขา่ วสารสว่ นบุคคลเพยี งเท่าท่เี กี่ยวขอ้ ง และจาเป็นเพอ่ื การดาเนนิ งานของ
หน่วยงานของรฐั ใหส้ าเรจ็ ตามวตั ถปุ ระสงคเ์ ท่านน้ั และยกเลกิ การจดั ใหม้ รี ะบบดงั กลา่ วเมอ่ื หมดความจาเป็น
(๒) พยายามเกบ็ ขอ้ มลู ข่าวสารโดยตรงจากเจา้ ของขอ้ มูล โดยเฉพาะอยา่ งย่งิ ในกรณีท่จี ะกระทบถงึ
ประโยชนไ์ ดเ้สยี โดยตรงของบุคคลนนั้
(๓) จดั ใหม้ กี ารพมิ พใ์ นราชกจิ จานุเบกษา และตรวจสอบแกไ้ ขใหถ้ กู ตอ้ งอยู่เสมอเกีย่ วกบั ส่งิ
ดงั ต่อไปน้ี
(ก) ประเภทของบุคคลทม่ี กี ารเกบ็ ขอ้ มูลไว้
(ข) ประเภทของระบบขอ้ มูลขา่ วสารส่วนบคุ คล
(ค) ลกั ษณะการใชข้ อ้ มลู ตามปกติ
(ง) วธิ ีการขอตรวจดูขอ้ มูลขา่ วสารของเจา้ ของขอ้ มูล
(จ) วธิ กี ารขอใหแ้ กไ้ ขเปลย่ี นแปลงขอ้ มูล
(ฉ) แหล่งทม่ี าของขอ้ มลู
(๔) ตรวจสอบแกไ้ ขขอ้ มูลข่าวสารสว่ นบุคคลในความรบั ผดิ ชอบใหถ้ ูกตอ้ งอยูเ่ สมอ
(๕) จดั ระบบรกั ษาความปลอดภยั ใหแ้ ก่ระบบขอ้ มลู ขา่ วสารส่วนบุคคล ตามความเหมาะสม เพอื่
ป้องกนั มใิ หม้ กี ารนาไปใชโ้ ดยไมเ่ หมาะสมหรือเป็นผลรา้ ยตอ่ เจา้ ของขอ้ มูล
ในกรณีทเ่ี ก็บขอ้ มลู ขา่ วสารโดยตรงจากเจา้ ของขอ้ มูล หน่วยงานของรฐั ตอ้ งแจง้ ใหเ้จา้ ของขอ้ มลู ทราบ
ล่วงหนา้ หรอื พรอ้ มกบั การขอขอ้ มลู ถงึ วตั ถปุ ระสงคท์ จ่ี ะนาขอ้ มูลมาใช้ ลกั ษณะการใชข้ อ้ มูลตามปกติ และ
กรณีทข่ี อขอ้ มูลนน้ั เป็นกรณที ่อี าจใหข้ อ้ มลู ไดโ้ ดยความสมคั รใจหรือเป็นกรณีมกี ฎหมายบงั คบั
หน่วยงานของรฐั ตอ้ งแจง้ ใหเ้จา้ ของขอ้ มลู ทราบในกรณีมกี ารใหจ้ ดั ส่งขอ้ มลู ข่าวสารส่วนบคุ คลไปยงั ท่ี
ใดซ่งึ จะเป็นผลใหบ้ ุคคลทวั่ ไปทราบขอ้ มูลขา่ วสารนน้ั ได้ เวน้ แต่เป็นไปตามลกั ษณะการใชข้ อ้ มูลตามปกติ
มาตรา ๒๔ หน่วยงานของรฐั จะเปิดเผยขอ้ มลู ขา่ วสารส่วนบคุ คลท่อี ยูใ่ นความควบคุมดูแลของตน
ตอ่ หน่วยงานของรฐั แห่งอน่ื หรอื ผูอ้ ่นื โดยปราศจากความยนิ ยอมเป็นหนงั สอื ของเจา้ ของขอ้ มลู ท่ใี หไ้ วล้ ่วงหนา้
หรือในขณะนนั้ มไิ ด้ เวน้ แต่เป็นการเปิดเผยดงั ต่อไปน้ี
(๑) ตอ่ เจา้ หนา้ ทข่ี องรฐั ในหน่วยงานของตน เพอ่ื การนาไปใชต้ ามอานาจหนา้ ท่ขี องหน่วยงานของรฐั
แหง่ นน้ั
(๒) เป็นการใชข้ อ้ มลู ตามปกตภิ ายในวตั ถปุ ระสงคข์ องการจดั ใหม้ รี ะบบขอ้ มูลขา่ วสารส่วนบุคคลนนั้
(๓) ต่อหน่วยงานของรฐั ทท่ี างานดว้ ยการวางแผน หรอื การสถติ ิ หรอื สามะโนตา่ งๆ ซง่ึ มหี นา้ ทต่ี อ้ ง
รกั ษาขอ้ มูลขา่ วสารส่วนบุคคลไวไ้ ม่ใหเ้ปิดเผยตอ่ ไปยงั ผูอ้ น่ื
(๔) เป็นการใหเ้พอื่ ประโยชนใ์ นการศึกษาวจิ ยั โดยไม่ระบุชอ่ื หรอื ส่วนทท่ี าใหร้ ูว้ ่าเป็นขอ้ มูลขา่ วสาร
ส่วนบคุ คลท่เี กยี่ วกบั บุคคลใด
(๕) ตอ่ หอจดหมายเหตแุ ห่งชาติ กรมศิลปากร หรือหน่วยงานอ่นื ของรฐั ตามมาตรา ๒๖ วรรคหนึ่ง
เพอื่ การตรวจดูคุณค่าในการเกบ็ รกั ษา
(๖) ต่อเจา้ หนา้ ท่ขี องรฐั เพอ่ื การป้องกนั การฝ่าฝืนหรอื ไมป่ ฏบิ ตั ติ ามกฎหมาย การสบื สวน การ
สอบสวน หรอื การฟ้องคดี ไมว่ า่ เป็นคดปี ระเภทใดกต็ าม
(๗) เป็นการใหซ้ ง่ึ จาเป็น เพอ่ื การป้องกนั หรือระงบั อนั ตรายต่อชีวติ หรือสุขภาพของบุคคล
(๘) ต่อศาล และเจา้ หนา้ ทข่ี องรฐั หรอื หน่วยงานของรฐั หรอื บคุ คลท่มี อี านาจตามกฎหมายทจ่ี ะขอ
ขอ้ เทจ็ จริงดงั กลา่ ว
(๙) กรณีอ่นื ตามทก่ี าหนดในพระราชกฤษฎกี า
การเปิดเผยขอ้ มลู ข่าวสารส่วนบคุ คลตามวรรคหน่ึง (๓) (๔) (๕) (๖) (๗) (๘) และ (๙) ใหม้ ี
การจดั ทาบญั ชแี สดงการเปิดเผยกากบั ไวก้ บั ขอ้ มลู ข่าวสารนนั้ ตามหลกั เกณฑแ์ ละวธิ ีการทก่ี าหนดใน
กฎกระทรวง
มาตรา ๒๕ ภายใตบ้ งั คบั มาตรา ๑๔ และมาตรา ๑๕ บุคคลย่อมมสี ทิ ธิท่จี ะไดร้ ูถ้ งึ ขอ้ มลู ข่าวสาร
ส่วนบคุ คลท่เี ก่ียวกบั ตน และเมอ่ื บคุ คลนน้ั มคี าขอเป็นหนงั สอื หน่วยงานของรฐั ท่คี วบคุมดูแลขอ้ มลู ขา่ วสาร
นน้ั จะตอ้ งใหบ้ คุ คลนนั้ หรือผูก้ ระทาการแทนบคุ คลนน้ั ไดต้ รวจดูหรือไดร้ บั สาเนาขอ้ มูลขา่ วสารสว่ นบุคคลสว่ น
ทเ่ี กย่ี วกบั บคุ คลนน้ั และใหน้ ามาตรา ๙ วรรคสอง และวรรคสาม มาใชบ้ งั คบั โดยอนุโลม
การเปิดเผยรายงานการแพทยท์ เ่ี กี่ยวกบั บคุ คลใด ถา้ กรณีมเี หตุอนั ควรเจา้ หนา้ ท่ขี องรฐั จะเปิดเผยต่อ
เฉพาะแพทยท์ บ่ี ุคคลนนั้ มอบหมายก็ได้
ถา้ บคุ คลใดเหน็ วา่ ขอ้ มูลขา่ วสารสว่ นบคุ คลทเ่ี กยี่ วกบั ตนส่วนใดไมถ่ กู ตอ้ งตามท่เี ป็นจรงิ ใหม้ สี ทิ ธยิ ่นื
คาขอเป็นหนงั สอื ใหห้ น่วยงานของรฐั ท่คี วบคมุ ดูแลขอ้ มูลข่าวสารแกไ้ ขเปลย่ี นแปลงหรือลบขอ้ มลู ขา่ วสารสว่ น
นนั้ ได้ ซ่งึ หน่วยงานของรฐั จะตอ้ งพจิ ารณาคาขอดงั กลา่ ว และแจง้ ใหบ้ คุ คลนนั้ ทราบโดยไม่ชกั ชา้
ในกรณีท่หี น่วยงานของรฐั ไมแ่ กไ้ ขเปลย่ี นแปลงหรอื ลบขอ้ มลู ขา่ วสารใหต้ รงตามทม่ี คี าขอ ใหผ้ นู้ น้ั มี
สทิ ธอิ ุทธรณต์ ่อคณะกรรมการวนิ ิจฉยั การเปิดเผยขอ้ มูลข่าวสารภายในสามสบิ วนั นบั แต่วนั ไดร้ บั แจง้ คาสงั่ ไม่
ยนิ ยอมแกไ้ ขเปลย่ี นแปลงหรอื ลบขอ้ มลู ขา่ วสาร โดยย่นื คาอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการ และไมว่ ่ากรณีใดๆ
ใหเ้จา้ ของขอ้ มูลมสี ทิ ธริ อ้ งขอใหห้ น่วยงานของรฐั หมายเหตุคาขอของตนแนบไวก้ บั ขอ้ มลู ขา่ วสารส่วนบุคคลท่ี
เก่ยี วขอ้ งได้
ใหบ้ ุคคลตามท่กี าหนดในกฎกระทรวงมสี ทิ ธิดาเนินการตามมาตรา ๒๓ มาตรา ๒๔ และมาตราน้แี ทน
ผูเ้ยาว์ คนไรค้ วามสามารถ คนเสมอื นไรค้ วามสามารถ หรอื เจา้ ของขอ้ มูลทถ่ี งึ แก่กรรมแลว้ ก็ได้
หมวด ๔
เอกสารประวตั ศิ าสตร์
___________
มาตรา ๒๖ ขอ้ มลู ขา่ วสารของราชการท่หี น่วยงานของรฐั ไม่ประสงคจ์ ะเก็บรกั ษาหรอื มอี ายุครบ
กาหนดตามวรรคสองนบั แตว่ นั ทเ่ี สรจ็ ส้นิ การจดั ใหม้ ขี อ้ มูลข่าวสารนน้ั ใหห้ น่วยงานของรฐั สง่ มอบใหแ้ ก่หอ
จดหมายเหตุแห่งชาติ กรมศิลปากรหรอื หน่วยงานอ่นื ของรฐั ตามท่กี าหนดในพระราชกฤษฎกี า เพอ่ื คดั เลอื กไว้
ใหป้ ระชาชนไดศ้ กึ ษาคน้ ควา้
กาหนดเวลาตอ้ งสง่ ขอ้ มูลขา่ วสารของราชการตามวรรคหนงึ่ ใหแ้ ยกประเภท ดงั น้ี
(๑) ขอ้ มลู ข่าวสารของราชการตามมาตรา ๑๔ เมอ่ื ครบเจ็ดสบิ หา้ ปี
(๒) ขอ้ มลู ขา่ วสารของราชการตามมาตรา ๑๕ เมอ่ื ครบย่สี บิ ปี
กาหนดเวลาตามวรรคสอง อาจขยายออกไปไดใ้ นกรณีดงั ตอ่ ไปน้ี
(๑) หน่วยงานของรฐั ยงั จาเป็นตอ้ งเกบ็ รกั ษาขอ้ มูลขา่ วสารของราชการไวเ้องเพอื่ ประโยชนใ์ นการใช้
สอย โดยตอ้ งจดั เกบ็ และจดั ใหป้ ระชาชนไดศ้ กึ ษาคน้ ควา้ ตามท่จี ะตกลงกบั หอจดหมายเหตแุ ห่งชาติ กรม
ศิลปากร
(๒) หน่วยงานของรฐั เหน็ ว่า ขอ้ มลู ขา่ วสารนน้ั ยงั ไมค่ วรเปิดเผย โดยมคี าสงั่ ขยายเวลากากบั ไวเ้ป็น
การเฉพาะราย คาสงั่ การขยายเวลานน้ั ใหก้ าหนดระยะเวลาไวด้ ว้ ย
แต่จะกาหนดเกนิ คราวละหา้ ปีไม่ได้
การตรวจสอบหรอื ทบทวนมใิ หม้ กี ารขยายเวลาไม่เปิดเผยจนเกินความจาเป็น ใหเ้ป็นไปตามหลกั เกณฑ์
และวธิ กี ารท่กี าหนดในกฎกระทรวง
บทบญั ญตั ิตามมาตราน้ี มใิ หใ้ ชบ้ งั คบั กบั ขอ้ มูลขา่ วสารของราชการตามท่คี ณะรฐั มนตรอี อกระเบยี บ
กาหนดใหห้ น่วยงานของรฐั หรือเจา้ หนา้ ท่ขี องรฐั จะตอ้ งทาลายหรืออาจทาลายไดโ้ ดยไม่ตอ้ งเก็บรกั ษา
หมวด ๕
คณะกรรมการขอ้ มลู ข่าวสารของราชการ
______________
มาตรา ๒๗ ใหม้ คี ณะกรรมการขอ้ มลู ขา่ วสารของราชการ ประกอบดว้ ยรฐั มนตรี ซง่ึ
นายกรฐั มนตรีมอบหมายเป็นประธาน ปลดั สานกั นายกรฐั มนตรี ปลดั กระทรวงกลาโหม ปลดั กระทรวง
เกษตรและสหกรณ์ ปลดั กระทรวงการคลงั ปลดั กระทรวงการตา่ งประเทศ ปลดั กระทรวงมหาดไทย
ปลดั กระทรวงพาณิชย์ เลขาธกิ ารคณะกรรมการกฤษฎกี า เลขาธิการคณะกรรมการขา้ ราชการพลเรือน
เลขาธกิ ารสภาความมนั่ คงแห่งชาติ เลขาธิการสภาผูแ้ ทนราษฎร ผูอ้ านวยการสานกั ขา่ วกรองแหง่ ชาติ
ผูอ้ านวยการสานกั งบประมาณ และผทู้ รงคุณวฒุ อิ ่นื จากภาครฐั และภาคเอกชน ซ่งึ คณะรฐั มนตรีแต่งตงั้ อกี
เกา้ คนเป็นกรรมการ
ใหป้ ลดั สานกั นายกรฐั มนตรแี ตง่ ตง้ั ขา้ ราชการของสานกั งานปลดั สานกั นายกรฐั มนตรีคนหนึง่ เป็น
เลขานุการ และอกี สองคนเป็นผูช้ ว่ ยเลขานุการ
มาตรา ๒๘ คณะกรรมการมอี านาจหนา้ ท่ี ดงั ตอ่ ไปน้ี
(๑) สอดส่องดูแล และใหค้ าแนะนาเกีย่ วกบั การดาเนนิ งานของเจา้ หนา้ ท่ขี องรฐั และหน่วยงานของรฐั
ในการปฏบิ ตั ติ ามพระราชบญั ญตั ิน้ี
(๒) ใหค้ าปรกึ ษาแก่เจา้ หนา้ ท่ขี องรฐั หรอื หน่วยงานของรฐั เกยี่ วกบั การปฏบิ ตั ติ ามพระราชบญั ญตั ิน้ี
ตามทไ่ี ดร้ บั คาขอ
(๓) เสนอแนะในการตราพระราชกฤษฎกี า และการออกกฎกระทรวง หรอื ระเบยี บของคณะรฐั มนตรี
ตามพระราชบญั ญตั ิน้ี
(๔) พจิ ารณาและใหค้ วามเหน็ เรอ่ื งรอ้ งเรยี นตามมาตรา ๑๓
(๕) จดั ทารายงานเกี่ยวกบั การปฏบิ ตั ติ ามพระราชบญั ญตั นิ ้ี เสนอคณะรฐั มนตรีเป็นครง้ั คราวตาม
ความเหมาะสม แต่อย่างนอ้ ยปีละหนง่ึ ครง้ั
(๖) ปฏบิ ตั หิ นา้ ทอ่ี น่ื ตามท่กี าหนดในพระราชบญั ญตั นิ ้ี
(๗) ดาเนินการเร่อื งอ่นื ตามทค่ี ณะรฐั มนตรหี รือนายกรฐั มนตรีมอบหมาย
มาตรา ๒๙ กรรมการผูท้ รงคุณวฒุ ซิ ่งึ ไดร้ บั แตง่ ตง้ั ตามมาตรา ๒๗ มวี าระอยูใ่ นตาแหน่งคราวละ
สามปีนบั แต่วนั ทไ่ี ดร้ บั แตง่ ตงั้ ผูท้ ่พี น้ จากตาแหน่งแลว้ อาจไดร้ บั แตง่ ตง้ั ใหม่ได้
มาตรา ๓๐ นอกจากการพน้ จากตาแหน่งตามวาระ กรรมการผูท้ รงคณุ วุฒซิ ่งึ ไดร้ บั แต่งตงั้ ตาม
มาตรา ๒๗ พน้ จากตาแหน่ง เมอ่ื
(๑) ตาย
(๒) ลาออก
(๓) คณะรฐั มนตรใี หอ้ อกเพราะมคี วามประพฤตเิ สอ่ื มเสยี บกพร่อง หรือไมส่ ุจรติ ตอ่ หนา้ ท่ี หรือ
หยอ่ นความสามารถ
(๔) เป็นบคุ คลลม้ ละลาย
(๕) เป็นคนไรค้ วามสามารถหรอื คนเสมอื นไรค้ วามสามารถ
(๖) ไดร้ บั โทษจาคุกโดยคาพพิ ากษาถงึ ท่สี ุดใหจ้ าคกุ เวน้ แต่เป็นโทษสาหรบั ความผดิ ทไ่ี ดก้ ระทาโดย
ประมาทหรือความผดิ ลหโุ ทษ
มาตรา ๓๑ การประชุมของคณะกรรมการ ตอ้ งมกี รรมการมาประชมุ ไมน่ อ้ ยกว่ากึง่ หนงึ่ ของจานวน
กรรมการทงั้ หมดจงึ จะเป็นองคป์ ระชมุ
ใหป้ ระธานกรรมการเป็นประธานในท่ปี ระชุม ถา้ ประธานกรรมการไมม่ าประชุมหรือไมอ่ าจปฏบิ ตั ิ
หนา้ ทไ่ี ด้ ใหก้ รรมการทม่ี าประชมุ เลอื กกรรมการคนหน่ึงเป็นประธานในทป่ี ระชมุ
การวนิ จิ ฉยั ช้ีขาดของท่ปี ระชุมใหถ้ อื เสยี งขา้ งมาก กรรมการคนหนึ่งใหม้ เี สยี งหนึง่ ในการลงคะแนน
ถา้ คะแนนเสยี งเทา่ กนั ใหป้ ระธานในทป่ี ระชมุ ออกเสยี งเพม่ิ ข้นึ อกี เสยี งหนง่ึ เป็นเสยี งช้ขี าด
มาตรา ๓๒ ใหค้ ณะกรรมการมอี านาจเรียกใหบ้ ุคคลใดมาใหถ้ อ้ ยคาหรือใหส้ ่งวตั ถุ เอกสาร หรือ
พยานหลกั ฐานมาประกอบการพจิ ารณาได้
มาตรา ๓๓ ในกรณีทห่ี น่วยงานของรฐั ปฏเิ สธวา่ ไม่มขี อ้ มูลข่าวสารตามทม่ี คี าขอไม่ว่าจะเป็นกรณี
มาตรา ๑๑ หรอื มาตรา ๒๕ ถา้ ผูม้ คี าขอไมเ่ ชอื่ วา่ เป็นความจรงิ และรอ้ งเรยี นตอ่ คณะกรรมการตามมาตรา
๑๓ ใหค้ ณะกรรมการมอี านาจเขา้ ดาเนนิ การตรวจสอบขอ้ มลู ข่าวสารของราชการทเ่ี กย่ี วขอ้ งได้ และแจง้ ผล
การตรวจสอบใหผ้ รู้ อ้ งเรียนทราบ
หน่วยงานของรฐั หรอื เจา้ หนา้ ทข่ี องรฐั ตอ้ งยนิ ยอมใหค้ ณะกรรมการหรอื ผูซ้ ่งึ คณะกรรมการมอบหมาย
เขา้ ตรวจสอบขอ้ มูลข่าวสารทอ่ี ยู่ในความครอบครองของตนได้ ไมว่ า่ จะเป็นขอ้ มลู ขา่ วสารทเ่ี ปิดเผยไดห้ รอื ไม่
ก็ตาม
มาตรา ๓๔ คณะกรรมการจะแตง่ ตง้ั คณะอนุกรรมการเพอ่ื พจิ ารณาหรือปฏบิ ตั งิ านอย่างใดอยา่ งหนง่ึ
ตามทค่ี ณะกรรมการมอบหมายกไ็ ดแ้ ละใหน้ าความในมาตรา ๓๑ มาใชบ้ งั คบั โดยอนุโลม
หมวด ๖
คณะกรรมการวินิจฉยั การเปิดเผยขอ้ มลู ขา่ วสาร
________________
มาตรา ๓๕ ใหม้ คี ณะกรรมการวนิ จิ ฉยั การเปิดเผยขอ้ มลู ข่าวสารสาขาต่างๆ ตามความเหมาะสม
ซ่งึ คณะรฐั มนตรีแตง่ ตง้ั ตามขอ้ เสนอของคณะกรรมการ มอี านาจหนา้ ท่พี จิ ารณาวนิ ิจฉยั อทุ ธรณค์ าสงั่ มใิ ห้
เปิดเผยขอ้ มลู ขา่ วสารตามมาตรา ๑๔ หรอื มาตรา ๑๕ หรือคาสงั่ ไม่รบั ฟงั คาคดั คา้ นตามมาตรา ๑๗ และ
คาสงั่ ไม่แกไ้ ขเปลย่ี นแปลงหรอื ลบขอ้ มูลข่าวสารสว่ นบคุ คลตามมาตรา ๒๕
การแต่งตง้ั คณะกรรมการวนิ ิจฉยั การเปิดเผยขอ้ มลู ข่าวสารตามวรรคหนึง่ ใหแ้ ตง่ ตงั้ ตามสาขาความ
เชีย่ วชาญเฉพาะดา้ นของขอ้ มูลข่าวสารของราชการ เช่น ความมนั่ คงของประเทศ เศรษฐกิจและการคลงั
ของประเทศ หรอื การบงั คบั ใชก้ ฎหมาย
มาตรา ๓๖ คณะกรรมการวนิ ิจฉยั การเปิดเผยขอ้ มูลข่าวสาร คณะหนงึ่ ๆ ประกอบดว้ ยบคุ คลตาม
ความจาเป็น แต่ตอ้ งไม่นอ้ ยกวา่ สามคน และใหข้ า้ ราชการท่คี ณะกรรมการแตง่ ตง้ั ปฏบิ ตั ิหนา้ ทเ่ี ป็นเลขานุการ
และผูช้ ว่ ยเลขานุการ
ในกรณีพจิ ารณาเก่ียวกบั ขอ้ มูลขา่ วสารของหน่วยงานของรฐั แหง่ ใด กรรมการวนิ ิจฉยั การเปิดเผยขอ้ มลู
ข่าวสารซ่งึ มาจากหน่วยงานของรฐั แห่งนน้ั จะเขา้ ร่วมพจิ ารณาดว้ ยไม่ได้
กรรมการวนิ จิ ฉยั การเปิดเผยขอ้ มูลขา่ วสาร จะเป็นเลขานุการหรอื ผูช้ ่วยเลขานุการไมไ่ ด้
มาตรา ๓๗ ใหค้ ณะกรรมการพจิ ารณาสง่ คาอทุ ธรณใ์ หค้ ณะกรรมการวนิ ิจฉยั การเปิดเผยขอ้ มูล
ข่าวสาร โดยคานงึ ถงึ ความเชี่ยวชาญเฉพาะดา้ นของคณะกรรมการวนิ จิ ฉยั การเปิดเผยขอ้ มูลขา่ วสารแต่ละ
สาขาภายในเจด็ วนั นบั แต่วนั ท่คี ณะกรรมการไดร้ บั คาอุทธรณ์
คาวนิ ิจฉยั ของคณะกรรมการวนิ ิจฉยั การเปิดเผยขอ้ มลู ข่าวสารใหเ้ป็นทส่ี ดุ และในการมคี าวนิ ิจฉยั จะมี
ขอ้ สงั เกตเสนอตอ่ คณะกรรมการเพอ่ื ใหห้ น่วยงานของรฐั ท่เี กยี่ วขอ้ งปฏบิ ตั เิ กยี่ วกบั กรณีใดตามท่เี หน็ สมควรก็
ได ้
ใหน้ าความในมาตรา ๑๓ วรรคสอง มาใชบ้ งั คบั แก่การพจิ ารณาอทุ ธรณ์ของคณะกรรมการวนิ จิ ฉยั
การเปิดเผยขอ้ มูลขา่ วสารโดยอนุโลม
มาตรา ๓๘ อานาจหนา้ ท่ขี องคณะกรรมการวนิ จิ ฉยั การเปิดเผยขอ้ มูลข่าวสาร แต่ละสาขา วธิ ี
พจิ ารณาและวนิ ิจฉยั และองคค์ ณะในการพจิ ารณาและวนิ ิจฉยั ใหเ้ป็นไปตามระเบยี บท่คี ณะกรรมการ
กาหนดโดยประกาศในราชกจิ จานุเบกษา
มาตรา ๓๙ ใหน้ าบทบญั ญตั มิ าตรา ๒๙ มาตรา ๓๐ มาตรา ๓๒ และบทกาหนดโทษทป่ี ระกอบ
กบั บทบญั ญตั ดิ งั กล่าวมาใชบ้ งั คบั กบั คณะกรรมการวนิ ิจฉยั การเปิดเผยขอ้ มูลข่าวสารโดยอนุโลม
หมวด ๗
บทกาหนดโทษ
_______________
มาตรา ๔๐ ผูใ้ ดไมป่ ฏบิ ตั ิตามคาสงั่ ของคณะกรรมการท่สี งั่ ตามมาตรา ๓๒ ตอ้ งระวางโทษจาคุก
ไม่เกินสามเดอื น หรือปรบั ไมเ่ กนิ หา้ พนั บาท หรือทง้ั จาทงั้ ปรบั
มาตรา ๔๑ ผูใ้ ดฝ่าฝืนหรอื ไมป่ ฏบิ ตั ติ ามขอ้ จากดั หรอื เงอ่ื นไขทเ่ี จา้ หนา้ ทข่ี องรฐั กาหนดตามมาตรา
๒๐ ตอ้ งระวางโทษจาคุกไม่เกินหนงึ่ ปี หรอื ปรบั ไมเ่ กนิ สองหมน่ื บาท หรอื ทง้ั จาทง้ั ปรบั
บทเฉพาะกาล
_____________
มาตรา ๔๒ บทบญั ญตั ิมาตรา ๗ มาตรา ๘ และมาตรา ๙ มใิ หใ้ ชบ้ งั คบั กบั ขอ้ มลู ข่าวสารของ
ราชการทเ่ี กิดข้นึ ก่อนวนั ท่พี ระราชบญั ญตั ิน้ใี ชบ้ งั คบั
ใหห้ น่วยงานของรฐั จดั พมิ พข์ อ้ มูลข่าวสารตามวรรคหน่งึ หรอื จดั ใหม้ ขี อ้ มูลข่าวสารตามวรรคหนึง่ ไว้
เพอื่ ใหป้ ระชาชนเขา้ ตรวจดูได้ แลว้ แต่กรณี ทง้ั น้ี ตามหลกั เกณฑแ์ ละวธิ กี ารท่คี ณะกรรมการจะไดก้ าหนด
มาตรา ๔๓ ใหร้ ะเบยี บว่าดว้ ยการรกั ษาความปลอดภยั แห่งชาติ พ.ศ.๒๕๑๗ ในส่วนทเ่ี กยี่ วกบั
ขอ้ มลู ข่าวสารของราชการ ยงั คงใชบ้ งั คบั ตอ่ ไปไดเ้ทา่ ทไ่ี ม่ขดั หรือแยง้ ตอ่ พระราชบญั ญตั ิน้ี เวน้ แตร่ ะเบยี บท่ี
คณะรฐั มนตรีกาหนดตามมาตรา ๑๖ จะไดก้ าหนดเป็นอย่างอน่ื
ผูร้ บั สนองพระบรมราชโองการ
พลเอก ชวลติ ยงใจยทุ ธ
นายกรฐั มนตรี
หมายเหตุ :- เหตผุ ลในการประกาศใชพ้ ระราชบญั ญตั ฉิ บบั น้ี คือ ในระบอบประชาธิปไตย การให้
ประชาชนมโี อกาสกวา้ งขวางในการไดร้ บั ขอ้ มลู ขา่ วสารเก่ยี วกบั การดาเนนิ การต่างๆ ของรฐั เป็นสง่ิ จาเป็น
เพอื่ ท่ปี ระชาชนจะสามารถแสดงความคิดเหน็ และใชส้ ทิ ธิทางการเมอื งไดโ้ ดยถกู ตอ้ งกบั ความเป็นจรงิ อนั เป็น
การสง่ เสริมใหม้ คี วามเป็นรฐั บาลโดยประชาชนมากย่งิ ข้นึ สมควรกาหนดใหป้ ระชาชนมสี ทิ ธไิ ดร้ ขู้ อ้ มูล
ขา่ วสารของราชการ โดยมขี อ้ ยกเวน้ อนั ไม่ตอ้ งเปิดเผยท่แี จง้ ชดั และจากดั เฉพาะขอ้ มูลขา่ วสารทห่ี ากเปิดเผย
แลว้ จะเกดิ ความเสยี หายต่อประเทศชาติหรอื ต่อประโยชนท์ ่สี าคญั ของเอกชน ทงั้ น้ี เพอื่ พฒั นาระบอบ
ประชาธปิ ไตยใหม้ นั่ คงและจะยงั ผลใหป้ ระชาชนมโี อกาสรูถ้ งึ สทิ ธิหนา้ ท่ขี องตนอย่างเตม็ ท่ี เพอ่ื ทจ่ี ะปกปกั
รกั ษาประโยชนข์ องตนไดอ้ กี ประการหน่ึงดว้ ย ประกอบกบั สมควรคมุ้ ครองสทิ ธิสว่ นบคุ คลในสว่ นท่ี
เก่ียวขอ้ งกบั ขอ้ มลู ขา่ วสารของราชการไปพรอ้ มกนั จงึ จาเป็นตอ้ งตราพระราชบญั ญตั ิน้ี