The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

ใบความรู้หน่วยที่ 1 ครั้งที่ 1 ระดับม.ต้น

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by acroniss3435, 2022-07-23 09:02:37

ใบความรู้หน่วยที่ 1 ครั้งที่ 1 ระดับม.ต้น

ใบความรู้หน่วยที่ 1 ครั้งที่ 1 ระดับม.ต้น

ใบความรูท้ ่ี 1
การกาเนิดไฟฟ้า
การกำเนิดไฟฟ้า
ไฟฟ้าเกิดจากการเคลื่อนทข่ี องอิเลก็ ตรอน ซึง่ อิเลก็ ตรอนทเ่ี คลือ่ นท่จี ะเป็นอิเล็กตรอนวงนอกสดุ ทสี่ ามารถ
หลุดเปน็ อสิ ระและเคลื่อนที่เมื่อมแี รงภายนอกมากระทำ อเิ ลก็ ตรอนวงนอกสุดจะหลุดเป็นอสิ ระได้ง่ายหรือยาก
ข้นึ อยู่กับโครงสรา้ งของอะตอมของสสารแต่ละชนิดซึ่งมโี ครงสร้างไม่เหมือนกนั
วธิ ีการท่จี ะทำให้อเิ ล็กตรอนหลดุ เปน็ อสิ ระหรือทำให้เกดิ ไฟฟ้ามีอยู่หลายวธิ ดี งั น้ี
1. การเสยี ดสี
ไฟฟา้ เกดิ จากการเสียดสี เป็นไฟฟ้าที่ถูกคน้ พบมานานกว่า 2,000 ปแี ลว้ เกิดขึ้นไดจ้ ากการนาวตั ถุ
ตา่ งกัน 2 ชนิดมาขดั สกี ัน เชน่ จากแท่งยางกับผ้าขนสตั ว์ แทง่ แกว้ กับผ้าแพร แผน่ พลาสตกิ กบั ผ้าและหวีกับผม
เปน็ ตน้
ผ้คู น้ พบไฟฟ้าสถติ ครง้ั แรก คือ นักปราชญก์ รีกโบราณ ทา่ นหนึง่ ชื่อเทลิส(Thales de Mileto) แต่ยงั
ไมท่ ราบอะไรเกยี่ วกบั ไฟฟ้ามากนกั จนถงึ สมัยเซอร์วลิ เล่ียมกิลเบอร์ค (Sir William Gilbert)ไดท้ ดลองนาเอาแทง่
อาพนั ถกู บั ผา้ ขนสตั ว์ปรากฏวา่ แทง่ อาพันและผา้ ขนสตั วส์ ามารถดดู ผงเล็ก ๆ ได้ปรากฏการณ์นคี้ ือการเกิดไฟฟา้
สถติ บนวัตถุท้งั สอง
ผลของการขดั สีดงั กลา่ วทาให้เกดิ ความไมส่ มดลุ ข้นึ ของประจไุ ฟฟ้าในวัตถุทงั้ สอง เน่ืองจากเกดิ การ
ถา่ ยเทประจุไฟฟา้ วัตถุทั้งสองจะแสดงศักย์ไฟฟา้ ออกมาต่างกัน วตั ถุชนดิ หน่งึ แสดงศักย์ไฟฟา้ บวก ( + ) ออกมา
วัตถุอกี ชนิดหนงึ่ แสดงศักย์ไฟฟา้ ลบ (-) ออกมา

2. ปฏกิ ิริยาทางเคมี สารเคมีบางชนดิ ทำปฎกิ ริยากับโลหะบางชนิด จะทำใหเ้ กิดการถา่ ยเทอเิ ล็กตรอนขนึ้
เช่น แบตเตอร่ี ถ่านไฟฉาย

เม่ือนำโลหะ 2 ชนิดท่แี ตกต่างกนั เชน่ สังกะสกี บั ทองแดงจุ่มลงในสารละลายอิเล็กโทรไลท์ โลหะทั้งสอง
จะทำปฏกิ ริ ยิ าเคมี กบั สารละลายอเิ ล็กโทรไลท์ โดยอิเล็กตรอน(ประจลุ บ)จากทองแดงจะถูกดูดเข้าไปยงั ข้ัวของ
สังกะสี เม่ือทองแดงขาดประจลุ บจะเปลย่ี นความตา่ งศกั ย์ไฟฟา้ เป็นบวกทันทีเรยี กวา่ ขว้ั บวก สว่ นสังกะสจี ะเป็นขั้ว

ลบตามความต่างศกั ย์ สว่ นประกอบของไฟฟา้ เกิดจากการทาปฏิกริ ยิ าทางเคมีแบบเบื้องต้นนี้ ถกู เรยี กว่า โวลตาอกิ
เซลล์ (Voltaic Cell)

3. แรงกดอดั เมอื่ ออกแรงกดอัดกับสารบางชนิด แรงกดจะผา่ นเนือ้ สารเขา้ ถงึ อะตอมและไล่อเิ ลก็ ตรอนให้
หลดุ เปน็ อิสระและเคลื่อนท่ี เช่น ไมโครโฟน (เปล่ียนพลังงานเสยี งเป็นพลงั งานไฟฟา้ )

4. ความรอ้ น เนอ่ื งจากสารบางชนดิ มคี ุณสมบัติเปน็ ตวั รบั อเิ ลก็ ตรอนบางชนดิ เป็นตัวให้อเิ ลก็ ตรอนถ้าเรา
นำโลหะตา่ งชนดิ กนั ทีใ่ ห้และรับอเิ ลก็ ตรอนมาเช่ือมต่อกันเม่ือเราใหค้ วามร้อนกบั โลหะต่างชนดิ กนั ทีน่ ำมาเชอ่ื มต่อ
กันโลหะสองชนดิ จะไวตอ่ ความร้อนไม่เทา่ กนั ทำให้อเิ ล็กตรอนเคลื่อนท่ีได้ ไฟฟา้ ท่ีได้จากวิธีน้จี ะมจี ำนวนนอ้ ยมาก

5. แสงสว่าง สารบางชนิดเมอื่ อยูใ่ นที่มืดจะแสดงปฏกิ ิรยิ าใด ๆ ออกมา แต่เมื่อถูกแสงแดดแลว้ สารนัน้
สามารถท่ีจะปล่อยอิเล็กตรอนได้ เปน็ เวลาหลายสิบปีนักวทิ ยาศาสตร์พยายามทีจ่ ะเปลี่ยนแปลงพลงั งานไฟฟา้ แต่
ยงั นาแสงสว่างมาใชป้ ระโยชน์ได้น้อยมาก เชน่ อุปกรณช์ นดิ หนึ่งท่เี รยี กว่า โฟโตวอลเทอิกเซลล์ ซง่ึ ประกอบด้วย
วตั ถวุ างเป็นชนั้ ๆ เม่อื ถูกกบั แสงสวา่ งอิเลก็ ตรอนทีเ่ กิดข้ึนจะว่งิ จากดา้ นบนไปสโู่ วลต์มเิ ตอรแ์ ลว้ ไหลกลับมาชนั้ ลา่ ง
เมือ่ ดูที่เข็มของโวลตโ์ ฟโตเ้ ซลล์มเิ ตอร์ จะเหน็ ได้อยา่ งชัดเจนวา่ มีกระแสไฟฟา้ เกิดข้นึ ยงั มหี ลอดอีกชนดิ หน่งึ ที่
เรียกว่า โฟโตวอลเทอิกเซลล(์ อเิ ล็กตรกิ อาย หรือ พี.อ.ี เซลล์) ซงึ่ ใชม้ ากในวงการอุตสาหกรรม เชน่ ในกลอ้ งถา่ ยรูป

ทีม่ ีเครื่องวดั แสงโดยอตั โนมัติ ระบบไฟฟ้าอัตโนมตั ิหน้ารถยนต์ เครื่องฉายภาพยนตร์ เสยี งสวิตช์ปิดเปิดประตู
อตั โนมตั ิ โดยจะมหี ลกั การทางานแบบง่าย ๆ เม่ือลำแสงมากระทบโฟโตเซลล์กจ็ ะเกดิ อิเลก็ ตรอนไหลในวงจรนั้น ๆ
ได้

6. สนามแมเ่ หลก็ จากการทดลองของไมเคิล ฟาราเดย์นกั วิทยาศาสตรช์ าวองั กฤษพบว่าเมอื่ นำแท่ง
แม่เหลก็ เคล่ือนทผ่ี า่ นขดลวดหรอื นำขดลวดเคลื่อนที่ผา่ นสนามแม่เหล็ก จะเกดิ แรงดนั ไฟฟา้ เหนยี่ วนำข้ึนในขดลวด
นั้นและยังสรุปตอ่ ไปไดอ้ ีกวา่ กระแสไฟฟ้า จะเกิดได้มากหรือน้อยขึ้นอยู่กับ

1)จำนวนขดลวด ถ้าขดลวดมจี านวนมากก็จะเกิดแรงดันไฟฟา้ เหนยี่ วนำมากดว้ ย
2)จำนวนเส้นแรงแมเ่ หลก็ ถ้าเสน้ แรงแม่มีจานวนมากก็จะเกดิ แรงดันไฟฟา้ เหน่ียวนำมากด้วย
3)ความเรว็ ในการเคลื่อนทขี่ องแม่เหล็ก ถา้ เคล่ือนทผ่ี า่ นสนามแมเ่ หลก็ เร็วข้นึ ก็จะเกิดแรงดนั ไฟฟ้าเพ่ิมข้ึน ซ่งึ
ต่อมาได้นาหลักการนีม้ าคิดประดิษฐเ์ ปน็ เครื่องกำเนิด ไฟฟ้าหรอื เยนเนอเรเตอร์(Generator)หลักการของเครื่องกา
เนิดไฟฟ้าอาศัยตวั นาเคล่ือนที่ตดั สนามแมเ่ หลก็ จะเกิดแรงดันไฟฟา้ ขึ้นในลวดตวั นำนั้น

หลกั การขดลวดตดั ผ่านสนามแม่เหล็ก

ใบความรูท้ ่ี 2
ประเภทของเครือขา่ ยสังคมออนไลน์
ประเภทของเครอื ขา่ ยสังคมออนไลน์
เครือข่ายสังคมออนไลน์ที่ให้บริการตามเว็บไซต์สามารถแบ่งขอบเขตตามการใช้งานโดยดูที่วัตถุประสงค์
หลักของการเข้าใช้งาน และคุณลักษณะของเว็บไซต์ที่มีร่วมกัน กล่าวคือ วัตถุประสงค์ของการเข้าใช้งานมี
เป้าหมายในการใช้งานไปในทางเดียวกันมีการแบ่งประเภทของเครือข่ายสังคมออนไลน์ออกตามวัตถุประสงค์ของ
การเขา้ ใชง้ าน ได้ 7 ประเภท

1. สร้างและประกาศตัวตน (Identity Network) เครือข่ายสงั คมออนไลนป์ ระเภทน้ใี ช้สำหรบั ใหผ้ ูเ้ ขา้ ใช้งานได้มี
พ้นื ทใ่ี นการสรา้ งตวั ตนขึ้นมาบนเว็บไซต์ และสามารถทจี่ ะเผยแพร่เร่ืองราวของตนผ่านทางอนิ เทอร์เน็ต โดย
ลักษณะของ การเผยแพร่อาจจะเปน็ รูปภาพ วิดโี อ การเขยี นขอ้ ความลงในบล็อก อีกท้งั ยังเปน็ เว็บที่เนน้ การหา

เพ่ือนใหม่ หรอื การค้นหาเพ่อื นเกา่ ทขี่ าดการติดต่อ
การเขยี นบทความได้อย่างเสรี ซ่ึงอาจจะถกู นำมาใช้ได้ใน 2 รูปแบบ ได้แก่

1.1 Blog บล็อก เป็นช่ือเรียกสัน้ ๆ ของ Weblog ซ่ึงมาจากคำว่า “Web” รวมกบั คำวา่ “Log” ท่เี ปน็
เสมือนบันทึกหรอื รายละเอยี ดขอ้ มูลทเ่ี ก็บไว้ ดังนนั้ บล็อกจงึ เป็นโปรแกรมประยุกตบ์ นเว็บทีใ่ ช้เกบ็ บนั ทึกเรื่องราว
หรอื เน้ือหาทเ่ี ขยี นไว้โดยเจา้ ของเขียนแสดงความรสู้ ึกนึกคิดตา่ งๆ โดยทั่วไปจะมผี ทู้ ท่ี ำหน้าที่หลกั ทเ่ี รียกวา่
“Blogger” เขียนบนั ทึกหรอื เลา่ เหตกุ ารณ์ท่ีอยากให้คนอ่านได้รบั รู้ หรอื เปน็ การเสนอมุมมองและแนวความคดิ ของ
ตนเองใส่เข้าไปในบลอ็ กนั้น

1.2 ไมโครบลอ็ ก (Micro Blog) เครือขา่ ยสังคมออนไลนป์ ระเภทนมี้ ีลกั ษณะเด่นโดยการใหผ้ ใู้ ชโ้ พสต์
ข้อความจำนวนส้นั ๆ ผา่ นเว็บผู้ให้บริการ และสามารถกำหนดใหส้ ่งข้อความน้นั ๆ ไปยงั โทรศัพทเ์ คล่ือนทไี่ ด้ เชน่
Twitter

2. สรา้ งและประกาศผลงาน (Creative Network) เครอื ขา่ ยสงั คมออนไลนป์ ระเภทนี้ เปน็ สังคม
สำหรับผู้ใชท้ ่ีต้องการแสดงออกและนำเสนอผลงานของตัวเอง สามารถแสดงผลงานไดจ้ ากท่วั ทกุ มมุ โลก จึงมี
เว็บไซต์ทใ่ี ห้บริการพื้นทเี่ สมือนเปน็ แกลเลอร่ี (Gallery) ท่ใี ช้จดั โชวผ์ ลงานของตัวเองไมว่ ่าจะเป็นวิดีโอ รูปภาพ
เพลง อีกท้ังยงั มจี ดุ ประสงคห์ ลกั เพื่อแชรเ์ นือ้ หาระหวา่ งผใู้ ช้เว็บท่ีใช้ฝากหรือ
แบ่งปนั โดยใช้วิธีเดยี วกันแบบเวบ็ ฝากภาพ แต่เวบ็ นเ้ี นน้ เฉพาะไฟล์ที่เปน็
มัลตมิ ีเดีย ซ่ึงผใู้ หบ้ ริการเครือขา่ ยสงั คมออนไลน์ ประเภทนี้ ไดแ้ ก่
YouTube, Flickr, Multiply, Photobucket และ Slideshare เป็นต้น

3. ความชอบในสิ่งเดียวกนั (Passion Network) เป็นเครือข่ายสงั คมออนไลนท์ ่ีทำหนา้ ท่ีเกบ็ ในสง่ิ ท่ี
ชอบไวบ้ นเครือข่าย เปน็ การสร้าง ทค่ี ั่นหนังสอื ออนไลน์ (Online Bookmarking) มแี นวคิดเพื่อใหผ้ ู้ใช้สามารถเก็บ
หน้าเวบ็ เพจที่คนั่ ไว้ในเคร่ืองคนเดยี วกน็ ำมาเก็บไวบ้ นเว็บไซต์ได้ เพื่อทจี่ ะได้เป็นการแบ่งปันใหก้ บั คนท่ีมีความชอบ
ในเร่อื งเดียวกนั สามารถใช้เป็นแหลง่ อา้ งองิ ในการเขา้ ไปหาข้อมูลได้ และนอกจากนี้ยังสามารถโหวตเพ่ือให้คะแนน
กบั ทค่ี ่นั หนงั สือออนไลน์ทผ่ี ู้ใช้คดิ ว่ามปี ระโยชน์และเปน็ ทน่ี ิยม ซึง่ ผู้ให้บรกิ ารเครือข่ายสังคมออนไลน์ ได้แก่ Digg,
Zickr, Ning, del.icio.us, Catchh และ Reddit เป็นตน้

4. เวทีทำงานรว่ มกนั (Collaboration Network) เปน็ เครือข่ายสังคมออนไลนท์ ่ตี ้องการความคิด
ความรู้ และการต่อยอดจากผ้ใู ชท้ เี่ ป็นผมู้ คี วามรู้ เพ่ือให้ความร้ทู ไ่ี ด้ออกมามีการปรบั ปรุงอยา่ งต่อเนอ่ื งและเกดิ การ
พัฒนาในที่สดุ ซึ่งหากลองมองจากแรงจูงใจท่เี กิดขนึ้ แลว้ คนท่ีเข้า
มาในสงั คมน้ีมกั จะเปน็ คนทม่ี ีความภูมใิ จที่ไดเ้ ผยแพรส่ ง่ิ ทีต่ นเองรู้
และทำให้เกิดประโยชน์ต่อสงั คม เพื่อรวบรวมข้อมูลความรู้ในเร่อื ง
ต่างๆ ในลกั ษณะเนือ้ หา ท้ังวิชาการ ภมู ิศาสตร์ประวัตศิ าสตร์
สินค้า หรือบรกิ าร โดยส่วนใหญม่ ักเปน็ นักวิชาการหรือผ้เู ชี่ยวชาญ
ผูใ้ หบ้ ริการเครือข่ายสังคมออนไลน์ในลักษณะเวทีทำงานร่วมกัน ในลกั ษณะเวทีทำงาน
ร่วมกัน เชน่ Wikipedia, Google earth และ Google Maps เป็นตน้

5. ประสบการณเ์ สมอื นจรงิ (Virtual Reality) เครือขา่ ยสงั คมออนไลน์
ประเภทนมี้ ีลักษณะเป็นเกมออนไลน์ (Online games) ซ่งึ เป็นเวบ็ ท่นี ยิ มมากเพราะเปน็
แหลง่ รวบรวมเกมไว้มากมาย มีลักษณะเปน็ วิดีโอเกมที่ผู้ใช้สามารถเลน่ บนเครือขา่ ย
อนิ เทอร์เนต็ เกมออนไลนน์ ม้ี ีลกั ษณะเปน็ เกม 3 มิติที่ผ้ใู ช้นำเสนอตัวตนตามบทบาทใน
เกม ผ้เู ล่นสามารถติดตอ่ ปฏสิ ัมพนั ธก์ บั ผู้เลน่ คนอนื่ ๆ ได้เสมือนอยใู่ นโลกแหง่ ความเป็น
จริง สร้างความรสู้ กึ สนุกเหมือนได้มีสงั คมของผเู้ ล่นที่ชอบในแบบเดยี วกัน อีกทง้ั ยังมี
กราฟิกทสี่ วยงามดงึ ดูดความสนใจและมีกจิ กรรมตา่ งๆ ให้ผู้เล่นรสู้ ึกบนั เทิง เชน่ Second Life, Audition,
Ragnarok, Pangya และ World of Warcraft เป็นต้น

6. เครอื ข่ายเพื่อการประกอบอาชพี (Professional Network) เป็นเครือข่ายสังคมออนไลน์เพ่ือการ
งาน โดยจะเปน็ การนำประโยชนจ์ ากเครอื ข่ายสงั คมออนไลนม์ าใช้ในการเผยแพรป่ ระวตั ผิ ลงานของตนเอง และ
สรา้ งเครอื ข่ายเขา้ กบั ผู้อ่นื นอกจากน้บี รษิ ัททตี่ ้องการคนมาร่วมงาน สามารถเข้ามาหาจากประวัติของผใู้ ช้ท่ีอยใู่ น

เครอื ข่ายสงั คมออนไลนน์ ไ้ี ด้ ผูใ้ หบ้ รกิ ารเครือข่ายสงั คมออนไลนป์ ระเภทนี้ไดแ้ ก่ Linkedin เปน็ ต้น

7. เครือข่ายทีเ่ ชื่อมตอ่ กันระหวา่ งผู้ใช้ (Peer to Peer : P2P)
เปน็ เครอื ข่ายสงั คมออนไลนแ์ หง่ การเช่อื มต่อกนั ระหว่างเคร่ืองผู้ใชด้ ว้ ย

กนั เองโดยตรง จงึ ทำให้เกิดการสอ่ื สารหรอื แบ่งปนั ขอ้ มูลตา่ งๆ ไดอ้ ย่างรวดเรว็
และตรงถึงผูใ้ ช้ทันที ซ่ึงผใู้ หบ้ รกิ ารเครอื ขา่ ยสังคมออนไลน์ ประเภทนี้ ได้แก่
Skype และ BitTorrent เป็นตน้

ทมี่ าของข้อมูล http://phutthawan.blogspot.com/

ใบความร้ทู ี่ 3
การเลือกใชส้ ารและผลิตภณั ฑ์ในชวี ิต
สารและผลิตภัณฑ์ของสารท่ีใชใ้ นชวี ติ ประจำวนั
สารทำความสะอาด
การจำแนกสารนอกจากจำแนกจากสมบัติของสารแล้ว ยงั จำแนกตามประโยชน์การใชง้ าน ได้ดังน้ี
สารทำความสะอาด ในชวี ติ ประจำวันเราใช้สารประเภทนี้กันอย่างแพรห่ ลาย สารทำความสะอาด มที ั้งสารทใ่ี ช้ทำ
ความสะอาดร่างกายของคน สารทใ่ี ชท้ ำความสะอาดเครื่องนมุ่ ห่ม หรือภาชนะตา่ ง ๆ เชน่ สบู่ ผงซกั ฟอก ยาสีฟนั
น้ำยาลา้ งหอ้ งน้ำ เปน็ ต้น

สารทางการเกษตร
สารประเภทน้ีส่วนใหญเ่ ป็นสารทใี่ ชใ้ นการกำจดั ศตั รูพชื เชน่ แมลง วชั พืช สารประเภทนี้ในปรมิ าณท่ีมาก

เกินไปจะสง่ ผลกระทบตอ่ ผู้ใช้ และผู้บรโิ ภคนอกจากนี้แล้วสารประเภทนี้ยงั สง่ ผลกระทบต่อส่งิ แวดล้อมอีกด้วย

ยารกั ษาโรค
สารเหลา่ นี้ใชเ้ พือ่ บาบัดและรักษาอาการเจบ็ ป่วยของคนเรา แบง่ ออกเปน็ 2 ประเภท คือ
- ยาภายใน เช่น ยาพาราเซตามอล ยาธาตุนำ้ แดง ยาแก้ไอ
- ยาภายนอก เช่น ยาแดง ยาล้างตา แอลกอฮอล์

สารปรุงแต่ง
สารปรุงแตง่ อาหารมีมากมายหลายชนิด ขนึ้ อยกู่ ับวัตถปุ ระสงคใ์ นการใช้ ดงั น้ี
สารปรงุ รส - น้ำปลา ซอี ้วิ ซอส
สารแตง่ สี - สีผสมอาหาร สีจากธรรมชาติ
สารแตง่ กลิ่น – กลิน่ สังเคราะห์
สารปอ้ งกนั ไม่ให้อาหารเนา่ เสยี - สารกนั บูด

ผลติ ภณั ฑเ์ สรมิ ความงาม
สารทเ่ี ปน็ ผลิตภณั ฑเ์ สริมความงามหรือเครอื่ งสำอางมหี ลายประเภทขนึ้ อยู่กบั วัตถุประสงคข์ องผู้ใช้ เชน่
ผลิตภัณฑ์บำรงุ ผิว - ครีมบำรุงผวิ อาหารเสริม

ผลิตภณั ฑ์ตกแตง่ รา่ งกายลิปสตกิ แป้งผดั หนา้


Click to View FlipBook Version