The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

ของดีเมืองพัทลุง

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Arunya Junpradub, 2021-09-13 08:49:55

ของดีเมืองพัทลุง

ของดีเมืองพัทลุง





คำนำ

จงั หวดั พทั ลงุ เป็นจงั หวดั ในภาคใตต้ อนล่างของประเทศไทย ห่างจากรุงเทพมหานคร ประมาณ
860 กิโลเมตร มีจงั หวดั ที่อยตู่ ิดกนั ไดแ้ ก่ นครศรีธรรมราช ตรัง สตูล สงขลา และมีพ้นื ที่ดา้ น
ตะวนั ออกของจงั หวดั จรดทะเลสาบสงขลา และยงั คงสืบทอดศิลปะประเพณีวฒั นธรรมของตนเอง
มาถึงยคุ ของคนหนุ่มสาวรุ่นใหม่ ในปัจจุบนั ความเป็นคุณค่าน้ีคุณอาจจะยงั ไมเ่ คยสัมผสั ในท่ีอื่นใด
เราขอเชิญชวนท่านเดินทางเขา้ ไปอยใู่ นใจกลางแห่งความงดงามเหล่าน้ี นอกจากทา่ นจะมีส่วนร่วม
ในการสืบทอดคุณคา่ ทางประเพณีวฒั นธรรม และยงั มีแหล่งท่องเท่ียวทางธรรมชาติการท่องเท่ียววถิ ี
ชุมชนและของดีเมืองพทั ลุงที่ข้ึนชื่ออีกดว้ ย

ของดีเมือง...พทั ลุง เล่มน้ีเป็นหนงั สือท่ีรวบรวมกิจกรรมการท่องเท่ียวของจงั หวดั พทั ลุงและของ
ดีเมืองพทั ลงุ ท่ีข้ึนช่ือ เพอื่ เป็นขอ้ มูลที่จะเชิญชวนและหวงั วา่ หนงั สือเล่มน้ีจะเป็นประโยชน์กบั ทา่ น
ในการบนั ทึกความทรงจาแห่งความสุข“ คร้ังหน่ึงท่ีพทั ลงุ ”

นางสาวอรัญญา จนั ทร์ประดบั
คณะวิทยาการจดั การ สาขาบริหารทรัพยากรมนุษย์

ผจู้ ดั ทา



สำรบัญ

คานา......................................................................................................................................................................ก
สารบญั ..................................................................................................................................................................ข

ประวตั ิจงั หวดั พทั ลงุ .............................................................................................................................................1
ประวตั ิพทั ลุง (ต่อ) ................................................................................................................................................2
ของดีเมือง...จงั หวดั พทั ลงุ .....................................................................................................................................3

1.กาละแม..........................................................................................................................................................3
2.ขา้ วสงั ขห์ ยด .................................................................................................................................................4
3.กลว้ ยฉาบแม่แดง............................................................................................................................................5
4.สาคตู น้ ...........................................................................................................................................................6
5.ผลิตภณั ฑส์ านกระจูด.....................................................................................................................................7
6.ปลาดุกร้า........................................................................................................................................................8
7.ทะเลนอ้ ย........................................................................................................................................................9
8.ไขป่ ลาทอด ..................................................................................................................................................10
9.หนงั ตะลงุ .....................................................................................................................................................11

ตานานหนงั ตะลุง........................................................................................................................................12
10.มโนราห์ ..................................................................................................................................................... 13

ความเชื่อ มโนราห์ ......................................................................................................................................14
อา้ งอิง..................................................................................................................................................................15

1

จงั หวดั พทั ลุง เป็นจงั หวดั หน่ึงในภาคใตข้ องประเทศไทย ที่มีประวตั ิ
ความเป็นมาอนั ยาวนาน ต้งั แตส่ มยั ก่อนประวตั ิศาสตร์ ดงั ปรากฏหลกั ฐาน
จากการคน้ พบขวานหินขดั ในทอ้ งท่ีทวั่ ไปหลายอาเภอในสมยั ศรีวิชยั (พุทธ
ศตวรรษที่ 13 –14) บริเวณเมืองพทั ลงุ เป็นแหล่งชุมชนที่ไดร้ ับวฒั นธรรม
อินเดียในดา้ นพระพทุ ธศาสนาลทั ธิมหายาน มีหลกั ฐานคน้ พบ เช่น พระ
พมิ พด์ ินดิบจานวนมากเป็ นรูปพระโพธิสัตว์ รูปเทวดาโดยคน้ พบบริเวณถ้า
คูหาสวรรค์ และถ้าเขาอกทะลุ ชาวเมืองที่อยมู่ าก่อน ปักหลกั อยยู่ าวนานจน
มีผคู้ นอพยพมาอาศยั อยมู่ ากข้ึน ในที่สุดกพ็ ฒั นาข้ึนมาเป็นเมืองท่าปลอด
ภาษี มีเรือสาเภาแวะเขา้ มาซ้ือ

ต่อมาในพทุ ธศตวรรษท่ี 19 เมืองพทั ลุงไดต้ ้งั ข้ึนอยา่ งมนั่ คงภายใตก้ ารปกครองของกรุงศรีอยธุ ยา ในสมยั พระบรม
ไตรโลกนาถ ไดป้ รากฏช่ือเมืองพทั ลุง ในกฎหมายพระอยั การนาทหารหวั เมือง พ.ศ.1998 ระบวุ า่ เมืองพทั ลุง มีฐานะเป็น
เมืองช้นั ตรี ซ่ึงนบั ไดว้ า่ เป็นหวั เมืองหน่ึงของพระราชอาณาจกั รทางใต้ ที่ต้งั เมืองพทั ลุงในระยะเริ่มแรกน้นั เชื่อกนั วา่
ต้งั อยทู่ ี่เมืองสทิงพระจงั หวดั สงขลาในปัจจุบนั มกั จะประสบปัญหาโดนโจมตีจากกล่มุ โจรสลดั มาเลย์ อยเู่ สมอ
โดยเฉพาะอยา่ งยงิ่ กลมุ่ โจรสลดั ราแจะอารูและอยุ งคตนะ ไดเ้ ขา้ ปลน้ สดมภโ์ จมตีเผาทาลายเมืองอยเู่ นืองๆ

ในรัชสมยั พระเจา้ ทรงธรรม ด๊ะโต๊ะโมกอล ชาวมุสลิมท่ีอพยพมาจากเมืองสาเลห์ บริเวณหม่เู กาะชวา ซ่ึงเป็น ตน้ ตระกูล
ของสุลตา่ นสุไลมาน แห่งเมืองสงขลาไดเ้ ขา้ มาต้งั ถ่ินฐานคา้ ขาย ณ หวั เขาแดง แลว้ ต้งั ประชาคมมุสลิมข้ึน ตรงน้นั อยา่ ง
สงบ ไมม่ ีการขดั แยง้ กบั ชาวเมืองที่อยมู่ าก่อน ปักหลกั อยยู่ าวนานจนมีผคู้ นอพยพมาอาศยั อยมู่ ากข้ึน ในที่สุดก็พฒั นาข้ึน
มาเป็นเมืองท่าปลอดภาษี มีเรือสาเภาแวะเขา้ มาซ้ือ

2

บทบาทของดะโต๊ะโมกอลไดร้ ับการสนบั สนุนจากอาณาจกั รศรี อา้ งองิ :
อยธุ ยาดว้ ยดี พระเจา้ ทรงธรรมโปรดเกลา้ ฯ แตง่ ต้งั เป็น "ขา้ หลวงใหญ่" ผู้
ดารงตาแหน่งน้ีตอ่ มาคือท่านสุไลมานบุตรชายคนโต มีหนา้ ที่ปกครอง
ดูแลรักษา ความสงบของพ้ืนท่ีต้งั แต่ตอนล่างของนครศรีธรรมราช มาจด
เขตปัตตานี ครอบคลมุ คร่ึงล่างของเมืองตรัง ปะเหลียน พทั ลงุ และ
สงขลา นอกจากน้ีก็ตอ้ งเก็บส่วยสาอากรส่งถวายพระเจา้ แผน่ ดินท่ีกรุง
ศรีอยธุ ยา ท่านสุไลมานก็ไดท้ า หนา้ ที่น้ีเรียบร้อยดว้ ยดีมาตลอด ตอ่ มาได้
ยา้ ยเมืองสงขลาจากสทิงพระมายงั หวั เขาแดงซ่ึงมีชยั ภูมิป้องกนั ตนเอง
ไดด้ ีกวา่

ในสมยั สุลตา่ นสุไลมาน บุตรของดะโต๊ะโมกอล ไดส้ ่ง ฟาริซีนอ้ งชายซ่ึงเป็นปลดั เมืองมาสร้างเมืองใหม่ท่ี เขาชยั บุรี
เพอ่ื ป้องกนั ศตั รูที่จะมาโจมตีเมืองสงขลาทางบก ภายหลงั ไดร้ ับโปรดเกลา้ ฯใหเ้ ป็นเจา้ เมืองพทั ลงุ และ ไดย้ า้ ยเมืองพทั ลงุ
ออกจากเมืองสงขลาต้งั แต่น้นั และต้งั เมืองอยทู่ ่ีเขาชยั บรุ ีตลอดมาจนกระทง่ั สิ้นกรุงศรีอยธุ ยาเมื่อ ปี พ.ศ.2310

ในสมยั ธนบุรีและรัตนโกสินทร์ ไดม้ ีการยา้ ยสถานท่ีต้งั เมืองอีกหลายคร้ังและไดย้ กข้ึนเป็นเมืองช้นั โทใน รัชกาล
พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ในช่วงน้ีเมืองพทั ลงุ มีผนู้ าท่ีมีความสาคญั ในการสร้างความ เจริญและ
ความมน่ั คงใหก้ บั บา้ นเมืองหลายทา่ น อาทิ พระยาพทั ลุง (ขนุ คางเหลก็ ) พระยาวิชิตเสนา (ทองขาว) พระยาอภยั บริรักษ์
(จุย้ จนั ทร์โรจน์วงศ)์ ส่วนประชาชนชาวเมืองพทั ลุงก็ไดม้ ีบทบาทในการร่วมมือกบั ผนู้ า ตอ่ สู้ ป้องกนั เอกราชของชาติ
มาหลายคร้ัง เช่น เม่ือสงครามเกา้ ทพั (พ.ศ. 2328 – 2329) พมา่ จดั กองทพั ใหญ่ 9 ทพั 1 ใน 9 ทพั มีเกงหวนุ่ แมงยเี ป็นแม่
ทพั ยกลงมาตีทางใต้ ตีไดเ้ มืองกระบุรี ระนอง ชุมพร ไชยา และนครศรีธรรมราช ตามลาดบั

3

1.กำละแม

กาละแมจดั เป็นขนมไทยโบราณ เป็นขนมที่นิยมและมีช่ือเสียงของชาวจงั หวดั พทั ลงุ เป็นขนมประเภทกวนที่
ดดั แปลงมาจาก "กะยาหนม” ซ่ึงเป็นขนมพ้ืนเมืองของภาคใต้ มีลกั ษณะเป็ นแป้งเหนียวสีน้าตาลอมดา มีรสชาติ
หวาน มนั หอม อร่อย และสามารถเกบ็ ไวร้ ับประทานไดน้ าน ในสมยั ก่อนนิยมกวนในโอกาสมีงานพธิ ีต่างๆ เช่น
วนั สงกรานต์ งานอุปสมบท งานแตง่ งาน ก่อนถึงวนั งาน 2-3 วนั เจา้ ภาพจะบอกกล่าวเพ่ือนบา้ นในละแวกเดียวกนั
มาช่วยกวนขนมกะละแมเพ่ือใชใ้ นงาน เช่น ใส่ขนั หมากและเซ่นตา ยาย (ไหวบ้ รรพบุรุษ) ในพธิ ีแตง่ งาน เพราะถือ
เคลด็ วา่ ขนมกะละแมมีความเหนียว ทาใหค้ ูส่ มรสมีความรักท่ีเหนียวแน่น ส่วนงานอปุ สมบทจะทากะละแมเป็น
ของหวานสาหรับเล้ียงพระและแขกท่ีไปร่วมงาน

ในการทากะยาหนมจะตอ้ งเคี่ยวน้าผ้ึงเหลว (น้าตาลโตนด) กบั น้ากะทิจนเกือบแหง้ แลว้ ใส่แป้งขา้ วเหนียว ท่ี
โม่จนละเอียดกวนในกระทะใบบวั จนขนมล่อนกลิง้ เป็นมนั ไมต่ ิดกระทะตอ่ มามีการพฒั นาสูตรการทากะยาหนม
เป็นกะละแมที่มีความเหนียว นุ่ม รสหวาน มนั และหลากสี มีการบรรจุภณั ฑโ์ ดยทาเป็นทรงสามเหล่ียมพีระมิดห่อ
ดว้ ยพลาสติกใส ทาใหด้ ูสวยงาม และสะดวกในการรับประทานเหมาะที่จะนาไปเป็นของฝาก นอกจากน้ีมีการ
ปรับเปลี่ยนวตั ถุดิบ (ใชน้ ้าตาลทรายและน้าตาลปี๊ บแทนน้าผ้ึงเหลว (น้าตาลโตนด) ใชแ้ ป้งสาเร็จรูปแทนแป้งโม่
ตลอดจนมีการปรุงแต่งรสและสีสัน เช่น สีเขียวจากใบเตย สีเหลืองจากขนุนและทเุ รียน สีดาจากกาแฟและเสริม
คุณค่าทางอาหารดว้ ยงาขาว มีการปรุงแตง่ กลิ่น เช่น กลิ่นใบเตยจากใบเตยหอม กล่ินทเุ รียน จากเน้ือทเุ รียน

2.ข้ำวสังข์หยด 4

เมืองพทั ลุงเป็นเมืองเก่าแก่แดนอู่ขา้ วใหญภ่ าคใตข้ อง
ไทยเป็นพ้นื ที่ราบลุ่มดินฟ้าอากาศและแหล่งน้าที่อดุ ม
สมบรู ณ์เหมาะสาหรับการปลกู ขา้ วบนที่ราบระหวา่ งเขา
หินลกู โดน
มีนิทานเลา่ ขานเป็นตานานเมืองผมู้ าเยอื นเมืองพทั ลุงจะ
มอง เห็นนาขา้ วกวา้ งไกลสุดสายตาช่วงตน้ ฤดูทานา
ทอ้ งนาจะเขียวขจีผนื นาเดียวกนั จะกลายเป็นทุ่งรวงทอง
เมื่อขา้ วใกลเ้ กบ็ เก่ียวในเดือนมกราคม และ กุมภาพนั ธ์

เมืองพทั ลุงนิยมปลกู และบริโภคขา้ วหนกั มากกวา่ ขา้ วเบา คนพทั ลงุ ส่วนมากไมร่ ับประทานขา้ วเบาแตจ่ ะเก็บ
ขา้ วเบาน้ีไวใ้ นโอกาสพเิ ศษ ขา้ วสังขห์ ยดเป็นขา้ วเจา้ พนั ธุพ์ ้ืนเมืองพนั ธุเ์ บา ปลกู กนั มานานมากกวา่ 100 ปี ผลผลิต
จะเก็บไวเ้ พ่อื เป็นกานลั แก่ผใู้ หญท่ ี่นบั ถือใชห้ ุงตม้ เป็นอาหารเพอ่ื เล้ียงแขกพเิ ศษในงานบญุ แขกบา้ นแขกเมืองหรือ
เจา้ นายผปู้ กครองบา้ นเมือง หรือใชใ้ นงานวนั ประเพณี มีประเพณีถือปฏิบตั ิโดยการนบั ถือแมโ่ พสพซ่ึงถือเป็นเทพี
ประจาขา้ ว ตอ้ งทาพิธี "ขวญั แมโ่ พสพ"หรือทาขวญั ขา้ ว เรียกรวบขา้ ว การทาขวญั แม่โพสพจะมีบทสวดท่ีมีรายชื่อ
ขา้ วพนั ธ์ตา่ งๆซ่ึงขา้ วพนั ธุส์ ังขห์ ยดกม็ ีรายช่ืออยใู่ นบทสวดเช่นกนั โดยพิธีการทาขวญั แม่โพสพทาอีกคร้ังเม่ือเก็บ
เกี่ยวขา้ วเขา้ ยงุ้ ฉางอีกคร้ัง หรือไปทารวมกนั ที่วดั เรียกวา่ " ทาขวญั ขา้ วใหม่ "

ขา้ วสังขห์ ยดเมืองพทั ลงุ หมายถึงขา้ วเจา้ พนั ธุ์สังขห์ ยด เป็นขา้ วเจา้ พ้นื เมืองพนั ธ์เบา ขา้ วนาสวนไวตอ่ ช่วงแสง
ปลกู ฤดูนาปี ในเขตพ้ืนท่ีจงั หวดั พทั ลงุ ขา้ วเปลือกมีเปลือกสีฟาง ขา้ วกลอ้ งมีสีแดงจนถึงแดงเขม้ ในเมลด็ เดียวกนั
ขา้ วสารเป็นขา้ วท่ีมีเมลด็ สีขาวปนแดงหรือสีชมพู รูปร่างเรียวเลก็

5

3.กล้วยฉำบแม่แดง

กลว้ ยฉาบแมแ่ ดง เป็นกลว้ ยฉาบท่ีมีชื่อเสียงในจงั หวดั พทั ลุง แมแ่ ดง
หรือ นางบญุ มหาสุวรรณ์ เร่ิมทากลว้ ยฉาบจาหน่าย เม่ือ พ.ศ. ๒๕๑๗

ปี พ.ศ. ๒๕๑๓ ไดข้ ยายธุรกิจเป็นโรงงานอุตสาหกรรมในครอบครัว พฒั นา
คุณภาพของกลว้ ยฉาบใหน้ ่ารับประทานโดยฝานผลกลว้ ยดิบตามขวางเป็น
แวน่ ๆ ปรุงรสชาติใหห้ อมหวานน่ารับประทานยง่ิ ข้ึน

สูตรสาคญั ในความสาเร็จของกลว้ ยฉาบแม่แดง คือการปรับปรุงรสชาติ ใหอ้ ร่อยเป็นท่ีพอใจของผบู้ ริโภค และการนา
ผลผลิตบรรจุถงุ พลาสติกท่ีเป็นรูปลกั ษณ์เฉพาะ

ข้นั ตอนการผลิตและวธิ ีการฉาบกลว้ ยฉาบสูตรแม่แดง (เจา้ เก่า)
๑.การเลือกซ้ือกลว้ ยเป็นกลว้ ยน้าหวา้ ขนาดลกู ใหญ่แก่จดั และเมลด็ นอ้ ย
๒.การปอกกลว้ ย โดยใชน้ ้าลา้ งยางกลว้ ยแลว้ คนงานจะใชม้ ีดกรีดเปลือกกลว้ ยตามแนวยาว
นาเน้ือกลว้ ยไปแช่น้าสักครู่แลว้ จึงนาไปซอยเป็นช้ินกลว้ ย
๓. การซอยช้ินกลว้ ย ตดั ผลกลว้ ยที่ปอกแลว้ โดยใชใ้ บมีดหรือกบไสน้าแขง็ ใหเ้ ป็นชิ้นบางๆตามแนวขวาง
๔. การนากลว้ ยไปผ่งึ ลม เมื่อตดั กลว้ ยเป็นชิ้นบางๆ เสร็จแลว้ นาไปผ่งึ ลมโดยใชพ้ ดั ลมช่วยเผา่ ใหแ้ หง้

๕. การทอดกลว้ ย เป็นข้นั ตอนท่ีตอ้ งใชค้ วามชานาญเฉพาะตวั โดยนากลว้ ยไปทอดในน้ามนั ที่ร้อนจดั จนกลว้ ยลอยตวั ใน
น้ามนั ประมาณ ๑๐ นาที จากน้นั จึงนากลว้ ยที่ทอดแลว้ ใส่ตะแกรงใหน้ ้ามนั สะเด็ด
๖. การฉาบกลว้ ย นากลว้ ยที่ทอดแลว้ มาผสมเคร่ืองปรุงในกระทะใบบวั โดยแบง่ เป็น ๒ ชนิด คือ ชนิดหวานใชน้ ้าตาล
ทรายผสมกบั เกลือและเนย ชนิดเคม็ ใชเ้ กลือและเนยผสมกนั

๗. การบรรจุถุง นากลว้ ยฉาบที่ทาเสร็จแลว้ ไปบรรจุถุงตามขนาดราคาที่ต้งั ไว้ แลว้ ปิ ดปากถุงดว้ ยเคร่ืองผนึกถุงต่อจากน้นั
จึงนาไปจาหน่าย

ข้นั ตอนการผลิตดงั กลา่ วเป็นภมู ิปัญญาของนางบญุ หรือแม่แดงท้งั สิ้น จนกระทง่ั เป็นที่ยอมรับระดบั ชาติวา่ นางบุญ
เป็นผมู้ ีผลงานดีเด่นทางดา้ นวฒั นธรรมสาขาคหกรรมศาสตร์ของภาคใต้ ประจาปี ๒๕๓๒

4.สำคูต้น 6

สาคูพทั ลุง เป็นพชื ทอ้ งถิ่นที่กลบั มาไดร้ ับความนิยมอีกคร้ัง แป้ง
สาคูท่ีมาจากตน้ สาคูแทๆ้ มีลกั ษณะเด่นเร่ืองสี รสชาติและความ
เหนียวของเมลด็ สาคู เพราะดินในจงั หวดั พทั ลุงน้นั เหมาะกบั การปลกู
ตน้ สาคูที่สุด ทาใหร้ สชาติอร่อยและหอมมนั มากกวา่ สาคูจากแป้ง
อเนกประสงค์ แต่รู้หรือไม่ แป้งสาคูน้นั เปรียบเหมือนผลพลอยไดข้ อง
ตน้ สาคูเท่าน้นั เพราะประโยชนข์ องสาคูน้นั มีมากกวา่ น้นั ต้งั แต่ ราก
ลาตน้ จนถึงใบ ลว้ นแตเ่ ป็นประโยชนท์ ้งั สิ้น ทาง Farm story ได้
มองเห็นถึงความสาคญั ของสาคูพทั ลุงโดยเฉพาะในเรื่องของ
ส่ิงแวดลอ้ ม น้า ระบบนิเวศ สิ่งเหลา่ น้ีคือสิ่งสาคญั ที่ส่งผลกระทบต่อ
ชีวติ และความเป็นอยขู่ องคนพทั ลุง เราจึงไดส้ อบถามกบั เครือขา่ ย
ชุมชนคนพทั ลุงและเจา้ ของสินคา้ ที่ลงขายสาคูพทั ลงุ กบั เราซ่ึงมี
ท้งั หมด 2 ร้านดว้ ยกนั คือ คุณแจนจาก "สาคูตน้ อยา่ งคูล" และคุณสา
จาก "สาคูตน้ ออแกนิกพทั ลุง"

วิธีการสกดั เเป้งจากตน้ สาคู

โดยหลกั เเลว้ จะมีกระบวนการเตรียมท่ีคลา้ ยคลึงกนั ในทกุ ท่ี คือ นาเน้ือในของตน้ สาคูมายอ่ ยใหเ้ ป็นช้ินเลก็ ๆ และนามา
ค้นั เอาน้าเเป้ง ทิง้ ไวใ้ หต้ กตะกอน จะไดเ้ น้ือเเป้งสีนวล เมื่อนาไปพ่งึ ใหเ้ เหง้ สนิท แลว้ เก็บใส่ภาชนะที่ปิ ดมิดชิด สามารถ
เกบ็ ไดน้ านหลายเดือน สาหรับชาวพทั ลุงนิยมนาสาคูตน้ มาแปรรูปเป็นอาหาร ไดเ้ เก่ ขนมหวาน เช่น สาคูเปี ยกกะทิ สาคู

กวน หรือจะเป็นอาหารคาว เช่น ขา้ วตม้ สาคู โจ๊กสาคู เป็นตน้

7

5.ผลติ ภัณฑ์สำนกระจูด

ผลิตภณั ฑจ์ ากกระจูด มีลกั ษณะที่โดดเด่น คือ จะมี
ความนุ่มและสวยงามคงทนทาจากวสั ดุทอ้ งถิ่นซ่ึงหาไดใ้ น
ธรรมชาติ ยอ้ มสีตามตอ้ งการเนน้ ดอกและลวดลายของ
ผลิตภณั ฑต์ ามความตอ้ งการของตลาด ฝีมือปราณีต
รูปแบบสวยงามทนั สมยั มีคุณภาพคงทน

ผลิตภณั ฑจ์ ากกระจูด พทั ลุงกลมุ่ ผผู้ ลิต กลมุ่ สตรีผลิตภณั ฑก์ ระจูดสถานที่ผลิต 94 หมทู่ ่ี 2 บา้ นทะเลนอ้ ย ตาบล
ทะเลนอ้ ย อาเภอควนขนุน จงั หวดั พทั ลุง ประธานกลุ่ม นางยนิ ดี อรุณรัตน์

ประวตั ิความเป็นมา นานมาแลว้ ตาบลทะเลนอ้ ยมีสภาพเป็นป่ าดงดิบ พ้ืนท่ีบางแห่งเป็นป่ าพรุมีน้าท่วมขงั ตลอดปี
มีพืชพนั ธุไ์ มน้ านาชนิดเป็น แหล่งท่ีอยอู่ าศยั ของสตั วป์ ่ าและเป็นแหลง่ ปลาน้าจืดที่สาคญั ชาวบา้ นส่วนใหญ่ประกอบ
อาชีพดา้ นการประมงและทานาเป็นหลกั ในยามวา่ งมีการจกั สานเส่ือท่ีทาดว้ ยกกไวส้ าหรับใชใ้ นครัวเรือน

นางยนิ ดี อรุณรัตน์ สมาชิกกลุ่มสตรีเลา่ วา่ ภมู ิปัญญาในการจกั สานน้ี สืบทอดมาต้งั แต่ป่ ู ยา่ ตา ยาย นบั 100 ปี
มาแลว้ แต่ภมู ิปัญญาในการจกั สานดว้ ยกระจูดท่ีเท่าสมารถบนั ทึกเป็นหลกั ฐานไดเ้ ริ่ม จากครอบครัว 3 พ่ีนอ้ ง สกุล
รักษจ์ ุล ประกอบดว้ ยนายกลบั - นางกลนั่ นายจบั – นางคลา้ ย และนายลาภ -นางเลื่อน อพยพมาจากบา้ นผาสุกตาบล
แหลมตีน อาเภอหวั ไทร จงั หวดั นครศรีธรรมราช มาต้งั รกรากในพ้นื ที่ตาบลทะเลนอ้ ย พร้อมท้งั นาภูมิปัญญาในการ
จกั สานดว้ ยกระจูดทาเป็นของใชใ้ นครัวเรือนเช่น เสื่อ กระสอบนอน กระสอบนงั่ โดยนากระจูดมาจากตาบลเคร็ง
อาเภอชะอวด จงั หวดั นครศรีธรรมราชเน่ืองจากของใชท้ ่ีทาดว้ ยกระจูดมีความนุ่มและสวยงาม กวา่ ของท่ีทาจากกก
ชาวบา้ นในตาบลจึงหนั มาจกั สานกระจูดบา้ งซ่ึงมกั จกั สานเป็นเส่ือสารับปู นงั่ นอน ชาวบา้ นเรียกวา่ สาด

6.ปลำดกุ ร้ำ 8

ปลาดุกร้า เป็นภมู ิปัญญาอาหารไทยอนั โดดเด่น
ที่มีผลิตกนั ในบางจงั หวดั ทางภาคใต้ โดยเฉพาะใน
พ้นื ที่แถบทะเลนอ้ ย ใน อ.ควนขนุน จ.พทั ลงุ น้นั ถือ
เป็นแหล่งผลิตปลาดุกร้าสาคญั และมีชื่อเสียงไม่
นอ้ ย

ปลาดุกร้าเป็นภมู ิปัญญาทอ้ งถ่ินในการถนอมอาหารของชาวใตท้ ี่มีมาแต่โบราณ นบั 100 ปี โดย
เดิมน้นั ชาวบา้ นจะนาปลาดุกธรรมชาติจากทะเลนอ้ ยมาทาเป็นหลกั ขณะท่ีปัจจุบนั ปลาส่วนใหญ่ท่ี
นามาทาปลาดุกร้าจะเป็นปลาดุกเล้ียง เน่ืองจากปลาในธรรมชาติไมเ่ พียงพอต่อความตอ้ งการของ
ทอ้ งตลาด

ปลาดุกร้ามีลกั ษณะคลา้ ยปลาเค็ม แตม่ ีรสชาติเฉพาะตวั ท่ีแตกตา่ งคือ มีรสเคม็ ปนหวานและมีกล่ิน
หมกั เม่ือนาไปทอดหรือยา่ งปลาดุกร้าจะมีกลิ่นหอมชวนกิน ยง่ิ บีบมะนาว กินกบั เครื่องเคียงอยา่ ง
พริก หอม ซอย จะยิ่งเพ่มิ รสชาติของปลาดุกร้าใหอ้ ร่อยยง่ิ ข้ึน ปลาดุกร้าสามารถหาซ้ือ หากินได้
ทวั่ ไปในพทั ลงุ ขณะท่ีบริเวณทะเลนอ้ ยจะมีจุดหลกั ที่ขายปลาดุกร้าอยทู่ ่ีร้านขายของฝากของที่ระลึก
หนา้ จุดลงเรือทอ่ งเที่ยวอุทยานนกน้าทะเลนอ้ ย อ.ควนขนุน จ.พทั ลงุ

ปัจจุบนั ปลาดุกร้านอกจากจะเป็นอาหาร ของฝากข้ึนชื่อของทะเลนอ้ ยแลว้ ยงั เป็นสินคา้ ส่งออก
ไปต่างประเทศ นบั เป็นอีกหน่ึงความอร่อยที่เกิดจากภูมิปัญญาไทยท่ีน่าสนใจและโดดเด่นไม่นอ้ ย
เลย

9

7.ทะเลน้อย

ทะเลนอ้ ย เป็นทะเลสาบน้าจืดขนาดใหญ่ ต้งั อยทู่ ่ี อาเภอ
ควนขนุน จงั หวดั พทั ลุง เป็นอีกสัญลกั ษณ์ที่สาคญั ของ
จงั หวดั พทั ลงุ และสถานท่ีทอ่ งเที่ยวที่สาคญั เลยกว็ า่ ได้
ทะเลสาบขนาดใหญ่น้ีอยทู่ ่ามกลางหุบเขาของธรรมชาติ และ
เป็นตน้ ทางของทะเลสาบสงขลาอีกดว้ ย ทาใหเ้ ป็นอีกจุดท่ีมี
ความสมบูรณ์มากจนมีนกนานาชนิดอาศยั อยคู่ ะ่ โดยเฉพาะ
นกน้า หรือ นกเป็ดน้า

ไฮไลทข์ องการมาที่ ทะเลนอ้ ย นน่ั ก็คือ
การชมนก คะ่ เพราะที่นี่มีนกน้ามากกวา่ 150 ชนิด นบั ไดเ้ ป็นแสนๆ ตวั เลยทีเดียว เรียกวา่ ขนกนั มา
ท้งั นกประจาถิ่น นกอพยพ นกหายาก และนกใกลส้ ูญพนั ธุ์ ไม่วา่ จะเป็น นกกาน้า นกกระยาง นก
อีโกง้ นกเป็ดแดง นกเป็ดผี นกเป็ดคบั แค นกนางนวล นกนางแอน่ นกกระสา อีกา และเหยยี่ ว เป็น
ตน้

แต่ถา้ ใครอยากล่องเรือชมววิ เพลินๆ กลางทะเลสาบ ก็บอกเลยวา่
ตอ้ งมาคะ่ เพราะจะมีบวั แสนสวยใหช้ มกนั แนะนาช่วงต้งั แตม่ ีนาคม
ไปจนพฤษภาคม เพราะบวั กาลงั สวยเลย ส่วนฤดูกาลในการดูนกน้นั ก็
ตอ้ งเป็นช่วงก่อนบวั บานเลก็ นอ้ ย คือเดือนธนั วาคมไปจนถึงช่วง
เมษายน ก่อนที่ฝงู นกจะคอ่ ยๆ อพยพยา้ ยถ่ินกนั แต่กย็ งั มีอีกสิ่งหน่ึงท่ี
หา้ มพลาดเช่นกนั นน่ั กค็ ือ ควายน้า ก็คือควายในทอ้ งถ่ิน ท่ีออกมาหา

10

8.ไข่ปลำทอด

ไขป่ ลาทอด”เป็นอาหารพ้ืนบา้ นชนิดหน่ึงที่พบเห็นได้
ตามตลาดทวั่ ไปในภาคใตป้ ัจจุบนั ไดก้ ลายเป็นเมนูยอด
ฮิตที่ติดอนั ดบั ตน้ ๆของพทั ลงุ และเป็นเมนูเอกลกั ษณ์
ของตาบลทะเลนอ้ ยเพราะใชไ้ ขปลาในทะเลสาบทะเล
นอ้ ยซ่ึงอร่อยมากลกั ษณะของไขป่ ลาทอดคือการนาไข่
ปลามาปรุงรสชาติแลว้ น่ามาทอดขายเป็นช้ิน ๆ สามารถ
ทาขายไดใ้ นทุกพ้นื ที่

ไข่ปลาทอดสมุนไพรสูตรทะเลนอ้ ยไข่ปลาท่ีนามาทอดไดจ้ ากปลาน้าจืดเสียเป็นส่วนใหญ่ เช่น ไข่
ปลาตะเพียน ไขป่ ลายสี่ ก หรือไข่จากปลาชนิดอื่นๆ นามาผสมกบั พชื ผกั สมนุ ไพรบา้ นเราซ่ึงมี
ประโยชน์มาก ไดแ้ ก่ กระเทียมสบั ตะไคร้ พริกไทยป่ น ขมิน้ นาสมุนไพรท้งั หมดดงั กลา่ วมาโขลก
รวมกนั แลว้ ผสมในไขป่ ลา จากน้นั นาไปทอดไดเ้ ลย ทอดจนรู้สึกวา่ พ้นื ผวิ ของตวั ไข่เร่ิมแหง้

9.หนงั ตะลุง 11

หนงั ตะลงุ เป็นละครชาวบา้ น น่าจะมีข้ึนไม่นอ้ ยกวา่ สมยั
รัตนโกสินทร์ตอนตน้ โดยการประสมประสานระหวา่ งการละเล่นหนงั
ใหญก่ บั หนงั แบบชวา ประกอบกบั วถิ ีพ้นื บา้ นภาคใต้ ทาใหเ้ กิดรูปแบบ
ใหมท่ ่ีมีเอกลกั ษณ์เฉพาะและพฒั นาข้ึนบริเวณภาคใตต้ อนกลาง คือ
ละแวกเมืองพทั ลงุ นครศรีธรรมราช และสงขลา

หนงั ตะลงุ เขา้ สู่ประเทศไทยเป็นคร้ังแรกเม่ือใด ยงั หาขอ้ สรุปที่แน่ชดั ไมไ่ ด้ ตามคาบอกเลา่ ซ่ึง
นา หนงั ตะลงุ รุ่นเก่าถ่ายทอดไวเ้ ป็นบทไหว้ ครูหนงั ตา่ งกลา่ ววา่ คงไมเ่ กินพุทธศตวรรษที่ 17 เพราะ
หนงั มีมาต้งั แต่ สมยั ศรีวชิ ยั รูปแบบการเลน่ ที่เลา่ ตอ่ ๆ กนั มาปรากฏในสมยั รัตนโกสินทร์วา่ เดิม หนงั
เล่นบนพ้นื ดิน ที่ลานเตียนโล่งแจง้ ไม่ยกโรงขึงจออยา่ งปัจจุบนั เล่นท้งั กลางวนั และกลางคืน หนงั ที่
เลน่ กลางคืนจะใชว้ ธิ ีสุมไฟหรือใชไ้ ตข้ นาดใหญ่ เรียกวา่ "ไตห้ นา้ ชา้ ง" เพอื่ ใหแ้ สงสวา่ ง รูปหนงั จะ
แกะดว้ ย หนงั ววั หนงั ควาย ขนาดรูปใหญส่ ูงแค่อกใชเ้ ชือกร้อยตรงส่วนหวั ของตวั หนงั ไวส้ าหรับจบั
ถือ

ต่อมาหนงั แขก (หนงั ชวา) เขา้ มาเลน่ ในภาคใตแ้ ละเลยข้ึนไปถึงกรุงเทพฯ หนงั แขกเป็นหนงั ตวั
เลก็ เล่นบนโรง ไมล่ าบากยงุ่ ยากอยา่ งท่ีเคยเล่นกนั มาจึงมีผคู้ ิดประยกุ ตใ์ หเ้ ขา้ กบั หนงั แบบเดิม โดย
ปลูกโรงยกพ้ืนสูง ใชเ้ สา 4 เสา ใชผ้ า้ ขาวเป็นจอสาหรับเชิดรูป ดูเพียงเงาของรูปซ่ึงเกิดจากไฟส่อง
ดา้ นหลงั และฟังคาพากย์ ไม่ตอ้ งดูลีลาทา่ ทางของผเู้ ชิด

12

ตำนำนหนงั ตะลุง

ตำมตำนำนระบุว่ำ ผทู้ ี่เป็นตน้ คิดหนงั แบบน้ีคือ นายนุย้ เป็นชาวบา้ นควนมะพร้าว อาเภอเมือง
จงั หวดั พทั ลุง หรือ อาจเป็นชาวบา้ นดอนควน อาเภอเขาชยั สน จงั หวดั พทั ลุง หนงั ที่คิดข้ึนจึงไดช้ ื่อ
วา่ "หนงั ควน" ตามถ่ินกาเนิด หรืออาจเรียกตามสถานท่ีเล่นโดยตอ้ งเลือกที่เนิน ซ่ึงภาคใตเ้ รียกวา่
"ควน" หนงั จากภาคใตเ้ ขา้ สู่กรุงเทพฯ เป็นคร้ังแรกในสมยั พระบาทสมเด็จพระนง่ั เกลา้ เจา้ อยหู่ วั โดย
พระยาพทั ลงุ (เผือก) นาไปเล่นแถวนางเลิง้ หนงั ที่เขา้ ไปคร้ังน้นั ไปจากจงั หวดั พทั ลุงคนกรุงเทพฯ
จึงเรียก "หนงั พทั ลงุ " แลว้ เสียงเพ้ยี นเป็น "หนงั ตะลุง"นอกจากน้ีคาวา่ "หนงั ตะลงุ " ยงั มีท่ีมาจากเสียง
ตีกลองหนงั ดงั "ตะลงุ ตะลุง ตุงตุง" เพราะแต่เดิมเป็ นธรรมเนียมของพวกเล่นหนงั เม่ือเดินทางไปถึง
บา้ นคนรับงาน จะเขา้ ไปในร้ัวบา้ นก่อนเจา้ ของบา้ นออกมาตอ้ นรับไมไ่ ด้ จึงตอ้ งตีกลองเรียกเจา้ ของ
บา้ นออกมา

13

10.มโนรำห์

โนรา หรือ มโนหร์ า (เขียนเป็น มโนรา หรือ มโนราห์
ก็ได)้ เป็นการละเล่นพ้นื เมืองที่สืบ ทอดกนั มานานและ
นิยมกนั อยา่ งแพร่หลายใน ภาคใต้ เป็นการละเลน่ ท่ีมีท้งั
การร้อง การรา บางส่วนเลน่ เป็นเร่ือง และบางโอกาสมี
บางส่วน แสดงตามคติความเช่ือท่ีเป็นพิธีกรรม

โนรา เป็นศิลปะพ้นื เมืองภาคใตเ้ รียกวา่ โนรา แต่ คาวา่ มโนราห์ หรือ มโนห์รา น้นั เป็นคาที่เกิด
ข้ึนมาเมื่อสมยั กรุงศรีอยธุ ยา โดยการนาเอา เร่ือง พระสุธน-มโนราห์ มาแสดงเป็นละครชาตรี จึงมีคา
เรียกวา่ มโนราห์ ส่วนกาเนิดของโนราน้นั สนั นิษฐานกนั วา่ ไดร้ ับอิทธิพลจากการ ร่ายราของอินเดีย
โบราณก่อนสมยั ศรีวชิ ยั ที่มา จากพ่อคา้ ชาวอินเดีย สงั เกตไดจ้ ากเคร่ืองดนตรีท่ี เรียกวา่ เบญ็ จสงั คีต
ซ่ึงประกอบโหมง่ ฉิ่ง ทบั กลอง ป่ี ใน ซ่ึงเป็นเครื่องดนตรีโนรา และทา่ ราของโนรา อีกหลายท่าท่ี
ละมา้ ยคลา้ ยคลึงกบั การร่ายราของ ทางอินเดีย และเริ่มมีโนราเป็นกิจลกั ษณะข้ึนเมื่อ ประมาณปี
พุทธศกั ราชที่ ๑๘๒๐ ซ่ึงตรงกบั สมยั สุโขทยั ตอนตน้

14

ควำมเชื่อ มโนรำห์

เช่ือกนั วา่ โนราเกิดข้ึนคร้ังแรกท่ี หวั เมืองพทั ลงุ ปัจจุบนั คือ ตาบล บางแกว้ จงั หวดั พทั ลุง แลว้
แพร่ขยายไปยงั หวั เมืองอ่ืนๆของภาคใต้ จน ไปถึงภาคกลาง และกลายเป็นละครชาตรี และจงั หวะ
ตะลงุ ท่ีไดร้ ับอิทธิพลจากแนวคิดน้ี โนรา เกิดข้ึนในราชสานกั ของพทั ลุงซ่ึงมีตานานเล่า กนั มาวา่ เจา้
เมืองพทั ลงุ มีชื่อวา่ พระยา สายฟ้าฟาด มีลกู สาวที่ช่ือ ศรีมาลา ซ่ึง มีความสามารถในการร่ายรามาก
ไดเ้ กิดต้งั ครรภโ์ ดยท่ียงั ไม่ไดแ้ ตง่ งาน เชื่อกนั วา่ เป็นทอ้ งกบั เทวดา พระยาสายฟ้าฟาดเห็นดงั น้นั ก็
โกรธมาก สั่งใหน้ านางศรีมาลาไป ลอยแพในทะเล ( คือ ทะเลสาปสงขลา) และ แพไดไ้ ปติดที่เกาะ
ใหญ่ นางศรีมาลาก็ ไดใ้ หก้ าเนิดลูกชาย โดยต้งั ช่ือวา่ เทพสิงหล ซ่ึงมีนยั ความวา่ ลูกของเทวดา นาง
ศรีมาลา ไดฝ้ ึกใหเ้ ทพสิงหลฝึกร่ายรา ซ่ึงเทพสิงหล กส็ ามารถร่ายราไดส้ วยงามมาก และร่ายรา มี
ชื่อเสียงมากที่เกาะใหญ่ จนรู้ไปถึง หูพระยาสายฟ้าฟาด ซ่ึงพระยาสายฟ้า ฟาดกย็ งั ไม่รู้วา่ หลาน
ตวั เอง ก็ได้ เชิญไปราในราชสานกั ฝ่ ายนางศรีมาลาน้นั ก็นอ้ ยเน้ือต่าใจเม่ือคร้ังที่ถูกลอยแพ ก็บอก
กบั คนที่มาติดต่อวา่ โนราคณะ น้ีจะไปราได้ แต่ตอ้ งปูผา้ ขาวต้งั แตร่ ิมฝั่งท่ีลงจากเรือจนไปถึง
ตาหนกั พระยาสายฟ้าฟาดกต็ อบตกลง ดงั น้นั เทพสิงหลจึงไปราในราชสานกั เทพสิงหลรา ได้
สวยงามมาก จนพระยาสายฟ้าฟาดก็ ตกตะลึงในความสวยงาม จึงถอดเครื่องทรงที่ ทรงอยใู่ หก้ บั เทพ
สิงหล แลว้ บอกวา่ "เครื่อง แต่งกายกษตั ริยช์ ุดน้ีมอบใหเ้ ป็นเคร่ืองแต่งกาย ของโนรานบั แต่น้ีเป็นตน้
ไป" เทพสิงหลจึง บอกวา่ แทจ้ ริงแลว้ เป็นหลานของพระยาสาย ฟ้าฟาด พระยาสายฟ้าฟาดจึงรับโนรา
ไว้ ในราชสานกั และใหส้ ิทธิแตง่ กายเหมือนกษตั ริยท์ ุก ประการ

15

อ้ำงองิ

-ขอขอบคุณ อา้ งอิงจาก http://www.phatthalung.go.th/history
- https://www.mculture.go.th/phatthalung/ewt_news.php?nid=2723&filename=King
- https://www.thairicedb.com/rice-detail.php?id=1
- https://www.m--culture.go.th/phatthalung/ewt_news.php?nid=2756&filename=King
- https://www.farmstory.co/articles/11
- https://sites.google.com/site/ramchauat/phlitphanth
- https://mgronline.com/travel/detail/9590000087121
- https://mgronline.com/travel/detail/9640000018627
- https://www.dailynews.co.th/article/390763/
- https://www.m-culture.go.th/phatthalung/ewt_news.php?nid=509&filename=King
- https://sites.google.com/site/doramonba/home/mnorah-phathlung

1


Click to View FlipBook Version