The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

สรัญญา มะโยธา สถานที่ท่องเที่ยวในไทย

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by กนกวรรณ ตรีภพ, 2020-11-10 03:19:58

สรัญญา มะโยธา สถานที่ท่องเที่ยวในไทย

สรัญญา มะโยธา สถานที่ท่องเที่ยวในไทย

หนงั สอื อเิ ลก็ ทรอนิกส(์ E-book)เรอ่ื งโครงการของในหลวงรชั
การท๙่ี เป็นสว่ นหน่ึงของการศกึ ษาสรา้ งสอ่ื ดว้ ยเทคโนโลยรี ายวชิ า
การสรา้ งหนงั สอื อเิ ลก็ ทรอนิกส์ รหสั วชิ า ว20243 หนงั สอื
อเิ ลก็ ทรอนิกส์ เรอ่ื ง...โครงการของในหลวงรชั การท๙่ี เป็นการศกึ ษา
เกย่ี วกบั สถานทท่ี อ่ งเทย่ี วในไทยเพอ่ื เป็นการเผยแพรค่ วามรผู้ า่ นสอ่ื
เทคโนโลยี หากมขี อ้ ผดิ พลาดประการใด ขา้ พเจา้ ขอน้อมรบั และ
พรอ้ มปรบั ปรงุ แกไ้ ขพฒั นาใหด้ ยี งิ่ ขน้ึ ตอ่ ไป

จดั ทาโดย

ด.ญ.สรญั ญา มะโยธา

สารบญั หน้า
5
โครงการประตรู ะบายน้าธรณศี นฤมติ 6
โโคครรงงกกาารรพชงฒัั่ หนวั ามดนั อยตุง
ศนู ยศ์ กึ ษาพฒั นาเขาหนิ ซอ้ น 7
ศนู ยศ์ กึ ษาการพฒั นาอ่าวคงุ้ กระเบน
โครงการหลวงดอยขาง 8
โโโคคครรรงงงกกกาาารรรแฝปกนาม้กหลพลงิ วนงงั 9
โครงการประตรู ะบายน้าคลองลดั โพธิ์ 111013
สถานเี กษตรหลวงอนิ ทนนท์ 14
ศนู ยพ์ ฒั นาโครงการหลวงวดั จนั ทร์ 15
โรงเรยี นกาสรกสวิ ทิ ย์ 16
โครงการพฒั นาพน้ื ทล่ี ุม่ น้าปากพนงั
โรงเรยี นกาสรกสวิ ทิ ย์ 17
โรงเรยี นกาสรกสวิ ทิ ย์ 18
โครงการเขอ่ื นป่าสกั ชลสทิ ธิ์ 19
โโโคคครรรงงงกกกาาารรรหพแกญฒั ลา้นง้ แาดฝพนิ กน้ื ทพ่ี รุแฆแฆ 20
โโคครรงงกกาารรฝฝานยหชละวลงอน้า 21
222342
2256-27

สารบญั หน้า
28
โครงการพฒั นาพน้ื ทพ่ี รุแฆแฆ
โครงการอา่ งเกบ็ น้าหงั ชา้ ง 29
โครงการอา่ งเกบ็ นํ้าบงึ โขงหลง 30-31
โครงการฮว้ ยองคต 32

โครงการประตรู ะบายน้าธรณีศนฤมิต

โครงการน้เี กดิ ขน้ึ หลงั พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั ทรงทราบถงึ ความ
ยากลาบากของราษฎรทต่ี อ้ งประสบปัญหาน้าทว่ ม น้าแลง้ สลบั กนั เรอ่ื ยไปโดย
ชว่ งฤดฝู นแมน่ ้าโขงมรี ะดบั สงู ไหลเขา้ มาทว่ มพน้ื ท่ี แต่ชว่ งฤดแู ลง้ แมน่ ้าโขงมี
ระดบั น้าต่าในลาน้าก่าจะไหลลงมาเกอื บทงั้ หมดทาใหร้ าษฎรเดอื ดรอ้ นเน่อื งจาก
ขาดแคลนน้าสาหรบั อุปโภคบรโิ ภคและการเกษตรพระองคท์ า่ นจงึ พระราชทาน
แนวพระราชดารใิ หพ้ ฒั นาลุ่มน้าก่าอนั เป็นลุ่มน้ายอ่ ยของแมน่ ้าโขงซง่ึ มหี นอง
หาน (จ.สกลนคร) และลาน้าก่าเป็นแหล่งตน้ ทนุ ทส่ี าคญั
โครงการพฒั นาลุ่มน้าก่าพระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั ทรงรา่ งภาพรา่ งพระหตั ภ์
รปู แบบแนวทางการพฒั นา ฝี ทเ่ี รยี กวา่ “ ตวั ยกึ ยอื ” ขน้ึ โดยสว่ นหวั หมายถงึ
หนองหานตน้ กาเนิดลาน้าก่า สว่ นกระดกู สนั หลงั คอื ลาน้าก่า และสว่ นขอ้ ทเ่ี ป็น
ปลอ้ งๆ หมายถงึ อาคารบงั คบั น้าขณะทส่ี ว่ นขอบลาตวั เปรยี บเหมอื นคลองรบาย
น้าทไ่ี หลคขู่ นานไปกบั ล่าน้าก่าโดยทส่ี ว่ นหาง หมายถงึ ลาน้าก่าโดยทส่ี ว่ นหาง
หมายถงึ ลาน้าโขง โดยมวี ตั ถุประสงคเ์ พอ่ื กกั เกบ็ น้าสาหรบั เพอ่ื ใชใ้ นการ
ชลประทาน การอุปโภค-บรโิ ภค ในเขตโครงการประมาณ ๒๒,๐๐๐ไร่ และทา
หน้าทร่ี ะบายน้าลงสทู่ า้ ยน้าในฤดนู ้าหลากจะชว่ ยบรรเทาความเดอื ดรอ้ นของ
ราษฎรทน่ี ้าทว่ มพน้ื ทเ่ี พาะปลกู ในฤดนู ้าหลากและขาดแคลนน้าในการเพาะปลกู
ในฤดแู ลง้ และสามารถสง่ เสรมิ การทาประมงของประชากรในพน้ื ทเ่ี ป็นแหลง่
ทอ่ งเทย่ี วและพกั ผอ่ นหยอ่ นใจของประชากรในพน้ื ทแ่ี ละบรเิ วณใกลเ้ คยี ง

โครงการชงั่ หวั มนั

เมอ่ื ปี พ.ศ. ๒๕๕๑ พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั ทรงซอ้ื ทด่ี นิ จากราษฎรบรเิ วณ
อ่างเกบ็ น้าหนองเสอื ประมาณ ๑๒๐ ไร่ และตอ่ มาปี พ.ศ. ๒๕๕๑ ทรงซอ้ื แลงตด
กนั เพม่ิ อกี ๑๓๐ ไร่ รวมเป็นเน้อื ทท่ี งั้ หมด๒๕๐ ไร่ โดยมพี ระราชดารใิ หท้ า
โครงการตวั อยา่ งดา้ นการเกษตรโดยรวบรวมพนั ธพุ์ ชื เศรษฐกจิ ณ บา้ นหนองคอ
ไก่ ต. เขากระปกุ อ. ทา่ ยาง จ. เพชรบรุ ี และพน้ื ทใ่ี กลเ้ คยี งมาปลกู ไวท้ น่ี ่ี โดย
เรมิ่ ดาเนนิ การตงั้ แตว่ นั ท่ี ๑๓ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๒ เป็นตน้ มา โดยเน้นทพ่ี ชื
ทอ้ งถน่ิ ของเพชรบรุ ี เชน่ มะพรา้ ว ชมพเู่ พชร มะนาว กะเพรา สบั ปะรด ขา้ วไร่
พนั ธตุ์ ่างๆ และพระราชทานพนั ธุม์ นั เทศซง่ึ ออกจากหวั มนั ทต่ี งั้ โชวไ์ สบ้ นตาชงั่
ในหอ้ งทรงงานทว่ี งั ไกลกงั วลโดยไดม้ ชี าวบา้ นไดน้ ามนั เทศทป่ี ลกู มานาทลู เกลา้ ฯ
ถวายพระองคแ์ ต่เมอ่ื เสดจ็ กลบั มไิ ดท้ รงนามนั เทศหวั นนั้ ไปดว้ ยแต่เมอ่ื เสดจ็
กลบั มาอกี ครงั้ ทรงพบวา่ มนั หวั นนั้ งอกออกเป็นตน้ ซง่ึ มพี ระราชดารสั ทไ่ี หนก็
งอกได้ และทรงมพี ระราชดารสั ใหป้ ลกู แปลงทดลองมนั เทศในทด่ี นิ สว่ นหน่งึ อกี
ทงั้ ยงั ใหป้ รบั ปรงุ ระบบระบายน้าทอ่ี า่ งเกบ็ น้าหนองเสอื เพอ่ื ใชใ้ นโครงการ
พระราชดารอิ กี ดว้ ย
“ โครงการชงั่ หวั มนั เป็นโครงการบรหิ ารทรพั ยากรแบบบรู ณาการโดยใช้
ทรพั ยากรทม่ี อี ยใู่ หค้ ุม้ คา่ มาทส่ี ดุ ขณะเดยี วกนั กพ็ ยายามพลกิ วกิ ฤตใหเ้ ป็น
โอกาส โดยคาดวา่ อนาคตอาจจะเป็นแหล่งเรยี นรใู้ หก้ บั ปนชระชาชนโดยทวั่ ไปได้
เขา้ ชม ”

โครงการพฒั นาดอยตงุ

อาศยั ซง่ึ กนั และกนั ฉนั จะปลกู ป่าดอยตุง” พระราชดารสั ของสมเดจ็ พระศรนี ครนิ
ทราบรมราชชนนี หรอื สมเดจ็ ยา่ ทใ่ี นเวลาต่อมาไดก้ ่อตงั้ เป็นโครงการพฒั นาดอย
ตุง (พน้ื ทท่ี รงงาน) อนั เน่อื งมาจากพระราชดาริ โดยพระองคท์ รงไดร้ บั แรง
บนั ดาลใจจากพระราชกรณยี กจิ ของพระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั (รชั กาลท่ี 9)
ในการแกไ้ ขปัญหาต่างๆ ดว้ ยทรงสงั เกตเหน็ วา่ ชาวไทยภเู ขาสว่ นใหญ่ยากจนและ
ขาดโอกาสในการดาเนินชวี ติ พระองคจ์ งึ มพี ระราชปณธิ านรเิ รม่ิ ทาเป็นโครงการ
พฒั นาแบบเบด็ เสรจ็ ภายใตก้ ารดาเนนิ งานของมลู นิธแิ มฟ่ ้าหลวง ในพระบรมรา
ชปู ถมั ป์ เพอ่ื ขยายผลการชว่ ยเหลอื ประชาชนในพน้ื ทใ่ี หม้ คี วามรู้ มอี าชพี
สามารถเลย้ี งตวั เองได้ พรอ้ มกบั พฒั นาสภาพแวดลอ้ มทเ่ี คยเสอ่ื มโทรมบนดอยตุง
ใหก้ ลบั มคี วามอุดมสมบรู ณ์ ดว้ ยการปลกู ป่าและสง่ เสรมิ ใหม้ นุษยอ์ ยรู่ ว่ มกบั
ธรรมชาตไิ ดอ้ ยา่ งมจี ติ สานกึ และพง่ึ พา
ไดน้ บั เป็นอกี หน่ึงโครงการพฒั นาทย่ี งั่ ยนื อยา่ งแทจ้ รงิ เป็นตวั อยา่ งทด่ี ขี องการ
พฒั นากจิ กรรมทางเศรษฐกจิ ตา่ งๆ ไมใ่ ชแ่ คก่ ารปลกู พชื ทดแทน แตเ่ ป็นการ
พฒั นาทม่ี คี วามหลากหลายในการดารงชวี ติ ทท่ี าไดจ้ รงิ โดยเป้าหมายสงู สุด
เพอ่ื ใหช้ ุมชนดอยตุงสามารถพง่ึ พาตวั เองอยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ

ศนู ยศ์ ึกษาพฒั นาเขาหินซ้อน

จากสภาพพน้ื ทเ่ี ดมิ ในบรเิ วณน้ที เ่ี น้อื ดนิ เป็นทราย ขาดความอุดมสมบรู ณ์ มกี าร
ชะลา้ งพงั ทลายของดนิ สงู ดนิ รองรบั น้าไดน้ ้อย พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั
(รชั กาลท่ี 9) มแี นวพระราชดารกิ บั ผทู้ ม่ี สี ว่ นเกย่ี วขอ้ ง ใหร้ ว่ มกนั พฒั นาพน้ื ทแ่ี หง่
น้จี ดั ตงั้ เป็นศนู ยศ์ กึ ษาการพฒั นาเขาหนิ ซอ้ น อนั เน่อื งมาจากพระราชดารขิ น้ึ
โดยมวี ตั ถุประสงคห์ ลกั เพอ่ื เป็นแหลง่ รวบรวม ศกึ ษา ทดลอง วจิ ยั และพฒั นา
ปรบั ปรงุ พน้ื ทท่ี างการเกษตรใหเ้ ป็นศนู ยด์ า้ นเกษตรกรรมทส่ี มบรู ณ์แบบดว้ ย
วธิ กี ารเกษตรแผนใหม่ ทงั้ การพฒั นาแหลง่ น้า ฟ้ืนฟูสภาพป่า การพฒั นาทด่ี นิ
การวางแผนปลกู พชื และเลย้ี งสตั ว์ เพอ่ื ใหป้ ระชาชนมโี อกาสพง่ึ พาตนเองได้ อกี
ทงั้ ยงั จดั เป็นพพิ ธิ ภณั ฑธ์ รรมชาตทิ ม่ี ชี วี ติ และเป็นศนู ยร์ วมการพฒั นาแบบ
เบด็ เสรจ็ ถอื เป็นตน้ แบบแนวทางและตวั อยา่ งการพฒั นาใหแ้ ก่พน้ื ทอ่ี น่ื ไดอ้ ยา่ ง
ยงั่ ยนื

ศนู ยศ์ ึกษาการพฒั นาอ่าวค้งุ
กระเบน

พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั (รชั กาลท่ี 9) มพี ระราชดารแิ ก่ผวู้ า่ ราชการจงั หวดั

จนั ทบรุ ี เมอ่ื พ.ศ. 2524 ความวา่ “…ใหพ้ จิ ารณาพน้ื ทเ่ี หมาะสม จดั ทาโครงการ
พฒั นาอาชพี การประมงและการเกษตรในเขตทด่ี นิ ชายฝัง่ ทะเลจนั ทบรุ …ี ”
ตอ่ มาจงั หวดั จนั ทบรุ ไี ดร้ ว่ มมอื กบั หน่วยงานตา่ งๆ ทเ่ี กย่ี วขอ้ งพจิ ารณาความ
เหมาะสม กาหนดบรเิ วณตาบลคลองขดุ อาเภอทา่ ใหม่ ใหเ้ ป็นพน้ื ทจ่ี ดั ตงั้ ศนู ย์
ศกึ ษาการพฒั นาอ่าวคงุ้ กระเบนขน้ึ เพอ่ื ดาเนนิ การศกึ ษา สาธติ และพฒั นาทด่ี นิ
ชายฝัง่ ทะเลอา่ วคงุ้ กระเบนและพน้ื ทใ่ี กลเ้ คยี ง ดว้ ยการวางแผนพฒั นาจดั การ
ทรพั ยากรทม่ี อี ยใู่ หเ้ หมาะสมและยงั่ ยนื อยา่ งมรี ะบบ ตงั้ แต่การศกึ ษาทดลอง วจิ ยั
ทดสอบ สาธติ ขยายผล และการบรหิ ารจดั การ โดยมงุ่ เน้นการพฒั นาสปู่ ระชาชน
ตามหลกั เศรษฐกจิ พอเพยี ง เป็นศนู ยก์ ลางในการอบรมเผยแพรผ่ ลการศกึ ษา การ
จดั การทรพั ยากรชายฝัง่ พฒั นาดา้ นการประมงและการเพาะเลย้ี งสตั วน์ ้าเพอ่ื เพม่ิ
ผลผลติ ตลอดจนพฒั นากจิ กรรมอ่นื ๆ แบบบรู ณาการควบคไู่ ปดว้ ย พรอ้ มทงั้
อนุรกั ษฟ์ ้ืนฟูและจดั การทรพั ยากรชายฝัง่ ทะเลใหเ้ กดิ ความสมดลุ ในระบบนิเวศ
สง่ เสรมิ กจิ กรรมดา้ นการทอ่ งเทย่ี วในรปู แบบใหมท่ ส่ี อดคลอ้ งกบั ศกั ยภาพเชงิ
วฒั นธรรมและวถิ ชี ุมชน เพอ่ื สรา้ งความรแู้ ละความเขา้ ใจใหก้ บั ประชาชน เป็นการ
ทอ่ งเทย่ี วเชงิ พฒั นาทน่ี อกจากจะไดร้ บั ความเพลดิ เพลนิ แลว้ ยงั สามารถนาไป
ปฏบิ ตั ติ ามได้ ทาใหศ้ นู ยศ์ กึ ษาการพฒั นาอา่ วคงุ้ กระเบนไดร้ บั รางวลั ยอดเยย่ี มใน
ปี 2543 และรางวลั ดเี ดน่ ในปี 2545 ประเภทองคก์ รสง่ เสรมิ และพฒั นากทอ่ งเทย่ี ว
ในการประกวดรางวลั อุตสาหกรรมทอ่ งเทย่ี วไทย จากการทอ่ งเทย่ี วแหง่ ประเทศ
ไทย

โครงการหลวงดอยขาง

เรมิ่ จากภาคเหนือ “ ดอยขาง ” ถอื เป็นโครงการหลวงแหง่ แรกของ
ประเทศไทยสบื เชอ้ื สายราชวงศพ์ ระปรมนิ ทรมหายอ่ เดชพรอ้ มดว้ ย
สมเดจ็ พระราชนิ ีนาถราชวรวหิ ารไดอ้ านนทเ์ ยย่ี มยอดทห่ี มบู่ า้ นผกั อ.
ฝางจ. เชยี งใหมแ่ ละไดร้ บั ผา่ นดา่ นลา่ งขาง ทรงทอดพระเนตรเหน็ วา่
ชาวเขาสว่ นใหญ่ทอ่ี าศยั อยใู่ นทอ่ น้ีดวู า่ ชาวเขาสว่ นใหญ่ทอ่ี าศยั อยทู่ อ่
น้ีตรวจสอบความผดิ ปกติ แตย่ งั รวมทงั้ ยงั รวมถงึ แหลง่ กาเนิดป่าไม้
ตน้ น้าทเ่ี ป็นแหลง่ สาคญั ต่อระบบซง่ึ จะใหเ้ กดิ ความผดิ ตอ่ สว่ นอ่นื ของ
ประเทศได้ ประกอบกบั เพลงทรงทราบวา่ ชาวเขาไดร้ บั เงนิ จากฝิ่น
พระราชทรพั ยส์ ว่ นพระองคจ์ านวน 1,500 บาทเพอ่ื ซอ้ื ทด่ี นิ และไร่
จากชาวเขาในลอ่ งหว้ ยขางสว่ นหน่ึงจากนนั้ สงบโปรดเกลา้ ตงั้
โครงการหลวงขน้ึ เป็นโครงการสว่ นพระองคเ์ มอ่ื พ.ศ. 2512 ใชเ้ ป็น
สถานีวจิ ยั และปลกู พชื เมอื งหนาวหลายชนดิ ทงั้ ไมผ้ ลไมเ้ มอื งหนาว
เพอ่ื เป็นเสอ้ื ผา้ แก่ชาวเขาในอเู่ หลา่ น้ีมาปลกู เป็นอาชพี ตามแนวพระ
ทว่ี า่ “ ใหเ้ ขาชว่ ยตวั เอง ” ซง่ึ ตอ่ มาไดไ้ ดแ้ สดงความหมายวา่ สถานี
เกษตรหลวงอ่างขาง”

โครงการฝนหลวง

ทรงมพี ระราชหฤทยั กองทหารทจ่ี ะแกไ้ ขปัญหาความคดิ ของทวหิ น่ึง
เป็นความสมั พนั ธข์ องเราเชน่ เดยี วกบั ภาคอสี านทผ่ี นื ดนิ มี แต่ความ
เงยี บขงเบง้ ยากไดท้ รงอทิ ธพิ ล“ ฝนหลวง” ชสงบความจรงิ สผู่ นื ดนิ
ไทยถอื เป็นประเทศเดยี วในโลกทม่ี กี ารทาฝนตกโดยพระเจา้ แผน่ ดนิ
ทรงลงพระหฤทยั ดว้ ยตวั เอง
ครงการพระฝนหลวงเกดิ ขน้ึ เมอ่ื วนั ท่ี 14 พ.ย. 2498 ระหวา่ งท่ี
ล่องเรอื ดาน้าเพอ่ื ทรงเครอ่ื งเยย่ี มพรมี กรานกรณ์ในภาค
ตะวนั ออกเฉยี งเหนือสถานีรถไฟภูพานทรงวา่ มปี รมิ าณลมุ่ บกพน้ื ท่ี
เหนือเสน้ ทางบนิ แตไ่ มส่ ามารถรวมตวั จนเกดิ ฝนตกไดท้ งั้ ทเ่ี ป็นชว่ ง
ฤดฝู นหลาย นโยบายตอ้ งเผชญิ กบั ปัญหาน้าฝนขงเบง้ และขดั สนกนิ
น้าใชแ้ ละน้าเพอ่ื เตอื นภยั เน่ืองจากฝนตกหรอื ฝนทง้ิ ชว่ งนานทรงใช้
หลกั ใหก้ าเนิด“ ฝนหลวง” แกป้ ัญหาน้า

โครงการปากพนงั
รวมถงึ ภาคใตเ้ ชน่ โครงการพฒั นาปากพนงั อนั ต่อเน่ืองมาจากพระ
วหิ ารในสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาบดิ รเดชซง่ึ เป็นโครงการทส่ี ระวา่ ย
น้าทรงเครอ่ื งในการแกไ้ ขปัญหาดา้ นขา้ งดา้ นในเรอ่ื งน้าเคม็ น้าและน้า
ทเ่ี กดิ ขน้ึ ในเขอ่ื นปากพนงั เมอ่ื วาน กวา่ 20 ปีกอ่ นจากนนั้ รฐั บาลได้
เปิดพระซอ้ มโดยเฉพาะการสรา้ งประตรู ะบายน้า“ รฐั วภิ าประสทิ ธ”ิ ์
ซง่ึ เป็นช่อื ทส่ี มเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาจฬุ าเดชทรง
ประตแู หง่ น้ีสามารถป้องกนั การรกุ ล้าของน้าเคม็ เขา้ เขา้ สรู่ ะบบทาง
การเมอื งจนทาใหป้ ระชาชนในชอ่ งปากปากพนงั ตอ้ งดลู ะโยนีกลบั มา
ประกอบอาชพี ในพน้ื ทข่ี องประเพณไี ดอ้ กี ครงั้ การทาความ
เสอ่ื มสภาพในแหล่งน้าธรรมชาตมิ นี ้าเพมิ่ มากขน้ึ

โครงการแก้มลิง

ทวา่ “ น้าเกาะ” กเ็ ป็นอกี ภยั ธรรมชาตทิ ส่ี รา้ งเสน้ ทางใหค้ นไทย"
โครงการแกม้ ลงิ " เป็นอกี โครงการทช่ี ว่ ยซบั น้าตาความลาเอยี งของ
ปวงชนชาวไทยซง่ึ ดาเนินการโดยระบายน้าจากตอนบนใหไ้ ปตาม
คลองในแนวเหนือใตส้ คู่ ลองพกั น้าขนาดใหญ่ท่ี ชายคาระดบั น้าใน
ทะเลลดต่ากวา่ ในคลองกร็ ะบายออกจากคลองทางประตรู ะบายน้า
ดว้ ยหลกั การแรงกระทาของโลก

โครงการประตรู ะบายน้าคลองลดั โพธิ ์

จากคลองลดั โพธใิ ์ นเขตอาเภอพระประแดง จงั หวดั สมทุ รปราการ ท่ี
แรกเรมิ่ เดมิ ทขี ดุ ขน้ึ เพอ่ื เป็นเสน้ ทางลดั ระหวา่ งลาน้าเจา้ พระยาทค่ี ด
โคง้ เมอ่ื ขาดการใชง้ านมาเป็นเวลานานจงึ มสี ภาพตน้ื เขนิ และเมอ่ื ถงึ
ฤดทู ่ี น้าเหนือไหลหลากหรอื มปี รมิ าณฝนตกชุก การระบายน้าจงึ
เป็นไปไดช้ า้ และเกดิ สภาพน้าาทว่ มขงั พน้ื ท่ี พระบาทสมเดจ็ พระ
เจา้ อยหู่ วั (รชั กาลท่ี 9) มแี นวพระราชดารปิ รบั ปรงุ คลองลดั โพธโิ ์ ดย
จดั ทาเป็นโครงการประตรู ะบายน้าคลองลดั โพธิ ์ อนั เน่ืองมาจาก
พระราชดาริ เพอ่ื เรง่ ระบายน้าเหนือออกสทู่ ะเล ชว่ ยบรรเทาปัญหา
น้าทว่ มกรงุ เทพฯ และปรมิ ณฑล เน่ืองจากคลองทข่ี ดุ ขยายเป็นการ
ยน่ ระยะทางและเวลาการไหลของน้าในบรเิ วณพน้ื ทก่ี ระเพาะหมู ท่ี
แต่เดมิ แมน่ ้าเจา้ พระยาตอ้ งไหลออ้ มถงึ 18 กโิ ลเมตร กส็ ามารถไหล
ลงทะเลไดร้ วดเรว็ ขน้ึ ดว้ ยระยะทางเพยี ง 600 เมตร ทงั้ ยงั สามารถ
บรหิ ารจดั การนดว้ ยการเปิด-ปิดประตรู ะบายน้าใหเ้ หมาะสมและ
สอดคลอ้ งกบั เวลาน้าขน้ึ -น้าลง และน้าทะเลหนุนสงู

สถานีเกษตรหลวงอินทนนท์

เป็นทท่ี ราบกนั ดวี า่ อุทยานแหง่ ชาตดิ อยอนิ ทนนทม์ คี วามอุดมสมบรู ณ์ของขนุ เขา
และป่าไม้ ทงั้ ยงั เป็นสถานทต่ี งั้ ของสถานเี กษตรหลวงอนิ ทนนท์ สถานวี จิ ยั ของ
มลู นิธโิ ครงการหลวงอกี แหง่ หน่งึ ทด่ี าเนนิ งานวจิ ยั ดา้ นไมค้ ดั ดอก ไมป้ ระดบั
พชื ผกั ผลไม้ และงานประมงบนพน้ื ทส่ี งู รวมทงั้ ถ่ายทอดผลงานวจิ ยั ทจ่ี ะนาไปสู่
การสง่ เสรมิ อาชพี เพอ่ื ใหเ้ กษตรกรชาวไทยภเู ขาเผา่ ปกาเกอะญอและเผา่ มง้ มี
รายได้ พรอ้ มกบั การพฒั นาปัจจยั พน้ื ฐานดา้ นสงั คมและการอนุรกั ษป์ ่าไม้ ตน้ น้า
ลาธาร โดยมงุ่ วจิ ยั และพฒั นาเทคโนโลยี สง่ เสรมิ ชวี ติ ความเป็นอยทู่ ด่ี ใี หแ้ ก่
ชุมชนบนพน้ื ทส่ี งู รกั ษาสภาพแวดลอ้ ม และเป็นแหล่งการเรยี นรเู้ พอ่ื การพฒั นา
ชวี ติ อยา่ งยงั่ ยนื
นอกจากน้ี ทางสถานเี กษตรหลวงอนิ ทนนทย์ งั มงุ่ เน้นพฒั นาดา้ น สง่ เสรมิ ให้
เกษตรกรเพาะปลกู พชื ภายใตร้ ะบบมาตรฐานอาหารปลอดภยั สง่ เสรมิ และ
พฒั นาอาชพี ภาคการเกษตรทงั้ พชื ผกั อนิ ทรยี ์ ไมผ้ ลขนาดเลก็ ไมผ้ ลเขตหนาว
ไมผ้ ลเขตรอ้ น กาแฟ พชื ไร่ และดอกไมแ้ หง้ ควบคไู่ ปกบั การสง่ เสรมิ และพฒั นา
อาชพี นอกภาคการเกษตร ไดแ้ ก่ การพฒั นาดา้ นความเขม้ แขง็ และคุณภาพของ
องคก์ ร ชมุ ชน ตามปรชั ญา เศรษฐกจิ พอเพยี งของพระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั
(รชั กาลท่ี 9) รวมทงั้ การเตรยี มความพรอ้ มของชมุ ชนดา้ นการทอ่ งเทย่ี วดว้ ย

ศนู ยพ์ ฒั นาโครงการหลวงวดั จนั ทร์
เป็นอกี หน่ึงโครงการของพระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั (รชั กาลท่ี 9)
ทท่ี าการวจิ ยั ทดสอบ คน้ หาสายพนั ธุข์ องพชื ทส่ี ามารถตา้ นทานโรค
เหมาะสมต่อสภาพพน้ื ทแ่ี ละฤดกู าล ใหผ้ ลติ ผลทด่ี มี คี ณุ ภาพ โดยมี
วตั ถุประสงคเ์ พอ่ื ถ่ายทอดแนะนา สง่ เสรมิ พฒั นาอาชพี ใหก้ บั
เกษตรกรชาวไทยภเู ขาเผา่ ปกาเกอะญอหรอื เผา่ กะเหรย่ี งใหม้ รี ายได้
เลย้ี งชพี แบบพออยพู่ อกนิ ดว้ ยการปลกู พชื ผกั ผลไม้ เลย้ี งสตั ว์
รวมถงึ การพฒั นาคุณภาพชวี ติ ในดา้ นสงั คม การศกึ ษา สาธารณสขุ
ความเขม้ แขง็ ของชุมชน และฟ้ืนฟูอนุรกั ษ์ทรพั ยากรธรรมชาติ
สง่ิ แวดลอ้ ม และวฒั นธรรมประเพณีของชนเผา่ ใหค้ งอยตู่ ลอดไป

โรงเรียนกาสรกสิวิทย์

จากทด่ี นิ กวา่ รอ้ ยไรใ่ นเขตอาเภอเมอื งสระแกว้ จงั หวดั สระแกว้ ท่ี นายสมจติ ต์
และนางมณี อม่ิ เอย น้อมเกลา้ ฯ ถวายแดส่ มเดจ็ พระเทพรตั นราชสดุ าฯ สยาม
บรมราชกุมารี พระองคท์ รงพระกรณุ าโปรดเกลา้ ฯ ใหม้ ลู นิธชิ ยั พฒั นาดาเนินการ
จดั ตงั้ เป็นโรงเรยี นกาสรกสวิ ทิ ย์ ดว้ ยวตั ถุประสงคท์ ต่ี อ้ งการใหเ้ ป็นศนู ยก์ ลางการ
ใชป้ ระโยชน์จากกระบอื ในดา้ นเกษตรกรรมระดบั พน้ื บา้ น และเป็นสถานทส่ี าหรบั
ฝึกกระบอื ใหส้ ามารถไถนาและทางานดา้ นการเกษตรกรรมรว่ มกบั ชาวนาได้
อยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ
โดยทางโรงเรยี นไดเ้ ชอ่ื มโยงกบั ธนาคารโคกระบอื เมอ่ื มนี กั เรยี นเขา้ มาฝึกกบั
ปราชญท์ อ้ งถน่ิ ภายในโรงเรยี น กจ็ ะมกี ารเบกิ กระบอื ออกมาจากธนาคาร เพอ่ื ให้
กระบอื ตวั นนั้ มาเรยี นรู้ รว่ มไปกบั นกั เรยี น อกี ทงั้ ยงั ใหค้ วามรใู้ นเรอ่ื งของวถิ ชี วี ติ
ชมุ ชน วฒั นธรรมการเกษตรทอ้ งถนิ่ ความเป็นอยแู่ บบพน้ื บา้ นทเ่ี รยี บงา่ ย และ
การใชช้ วี ติ แบบพอเพยี งตามแนวพระราชดารขิ องพระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั
(รชั กาลท่ี 9) เพอ่ื นาไปประยุกตใ์ ชใ้ นชวี ติ ประจาวนั พรอ้ มกบั ดแู ลสภาพแวดลอ้ ม
และรกั ษาธรรมชาตใิ หส้ ามารถอยรู่ ว่ มกนั ไดอ้ ยา่ งยงั่ ยนื

โครงการพฒั นาพน้ื ทล่ี มุ่ น้าปากพนงั

ลุ่มน้าปากพนงั ในอดตี เคยอุดมสมบรู ณ์ เปรยี บเป็นอขู่ า้ วอนู่ ้าของจงั หวดั
นครศรธี รรมราช แตเ่ มอ่ื กาลเวลา ผา่ นไป กลบั ประสบปัญหาหลายประการ ดว้ ย
สาเหตุจากสภาพแวดลอ้ มทเ่ี ปลย่ี นไป ประชากรมจี านวนเพมิ่ มากขน้ึ สภาพดนิ มี
ปัญหา นเิ วศแหล่งน้าขาดสมดลุ เกดิ ปัญหาอุทกภยั น้าเคม็ รกุ เขา้ ไปในแมน่ ้า
ปากพนงั ทาใหช้ าวบา้ นใชน้ ้าในการอุปโภค บรโิ ภคไมไ่ ด้ ปัญหาของดนิ เปรย้ี ว
รวมทงั้ น้าเน่าเสยี จากพน้ื ทท่ี านากุง้ ไหลลงสลู่ าน้าต่างๆ จนไมส่ ามารถนาน้าไป
ใชใ้ นการเพาะปลกู ได้ พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั (รชั กาลท่ี 9) จงึ มี
พระราชดารใิ หจ้ ดั ตงั้ โครงการพฒั นาพน้ื ทล่ี ุ่มน้าปากพนงั อนั เน่อื งมาจาก
พระราชดาริ ขน้ึ เพอ่ื เป็นแนวทางหน่งึ ทจ่ี ะชว่ ยพลกิ ฟ้ืนความอุดมสมบรู ณ์เพอ่ื ให้
กลบั คนื สพู่ น้ื ทล่ี ุ่มน้าปากพนงั ดว้ ยวตั ถุประสงคเ์ พอ่ื ใหร้ าษฎรในพน้ื ทไ่ี ดใ้ ช้
ประโยชน์จากทรพั ยากรทม่ี อี ยไู่ ดอ้ ยา่ งเตม็ ทแ่ี ละยงั่ ยนื มกี ารน้าระบบอนุรกั ษด์ นิ
และน้ามาใช้ มกี ารปรบั ปรงุ บารงุ ดนิ เพอ่ื เพมิ่ ผลผลติ ใหม้ ากขน้ึ เป็นการสรา้ ง
รายได้ ถา่ ยทอดเทคโนโลยกี ารพฒั นาทด่ี นิ ใหแ้ ก่เกษตรกรไดม้ สี ว่ นรว่ มและ
รบั ผดิ ชอบในการพฒั นาและแกไ้ ขปัญหาทรพั ยากรทด่ี นิ อยา่ งจรงิ จงั และ ต่อเน่อื ง
สง่ เสรมิ การพฒั นาประสทิ ธภิ าพการผลติ ขา้ วและการเกษตรในพน้ื ทโ่ี ครงการฯ
ใหเ้ ป็นแหล่งผลติ พนั ธุพ์ ชื ทเ่ี คยเป็นมาในอดตี ใหก้ ลบั คนื มาสปู่ ระชาชนลมุ่ น้า
ปากพนงั เพอ่ื ความเป็นอยทู่ ย่ี งั่ ยนื ต่อไป

โรงเรียนกาสรกสิวิทย์

จากทด่ี นิ กวา่ รอ้ ยไรใ่ นเขตอาเภอเมอื งสระแกว้ จงั หวดั สระแกว้ ท่ี
นายสมจติ ต์ และนางมณี อมิ่ เอย น้อมเกลา้ ฯ ถวายแดส่ มเดจ็ พระเทพ
รตั นราชสดุ าฯ สยามบรมราชกุมารี พระองคท์ รงพระกรณุ าโปรดเกลา้
ฯ ใหม้ ลู นิธชิ ยั พฒั นาดาเนินการจดั ตงั้ เป็นโรงเรยี นกาสรกสวิ ทิ ย์ ดว้ ย
วตั ถุประสงคท์ ต่ี อ้ งการใหเ้ ป็นศนู ยก์ ลางการใชป้ ระโยชน์จากกระบอื
ในดา้ นเกษตรกรรมระดบั พน้ื บา้ น และเป็นสถานทส่ี าหรบั ฝึกกระบอื
ใหส้ ามารถไถนาและทางานดา้ นการเกษตรกรรมรว่ มกบั ชาวนาได้
อยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพโดยทางโรงเรยี นไดเ้ ชอ่ื มโยงกบั ธนาคารโค
กระบอื เมอ่ื มนี กั เรยี นเขา้ มาฝึกกบั ปราชญท์ อ้ งถนิ่ ภายในโรงเรยี น ก็
จะมกี ารเบกิ กระบอื ออกมาจากธนาคาร เพอ่ื ใหก้ ระบอื ตวั นนั้ มาเรยี นรู้
รว่ มไปกบั นกั เรยี น อกี ทงั้ ยงั ใหค้ วามรใู้ นเรอ่ื งของวถิ ชี วี ติ ชมุ ชน
วฒั นธรรมการเกษตรทอ้ งถนิ่ ความเป็นอยแู่ บบพน้ื บา้ นทเ่ี รยี บงา่ ย
และการใชช้ วี ติ แบบพอเพยี งตามแนวพระราชดารขิ องพระบาทสมเดจ็
พระเจา้ อยหู่ วั (รชั กาลท่ี 9) เพอ่ื นาไปประยกุ ตใ์ ชใ้ นชวี ติ ประจาวนั
พรอ้ มกบั ดแู ลสภาพแวดลอ้ มและรกั ษาธรรมชาตใิ หส้ ามารถอยู่
รว่ มกนั ไดอ้ ยา่ งยงั่ ยนื

โครงการพฒั นาพืน้ ท่ีล่มุ น้าปากพนัง

ลุ่มน้าปากพนงั ในอดตี เคยอุดมสมบรู ณ์ เปรยี บเป็นอขู่ า้ วอ่นู ้าของจงั หวดั
นครศรธี รรมราช แต่เมอ่ื กาลเวลา ผา่ นไป กลบั ประสบปัญหาหลายประการ ดว้ ย
สาเหตุจากสภาพแวดลอ้ มทเ่ี ปลย่ี นไป ประชากรมจี านวนเพมิ่ มากขน้ึ สภาพดนิ มี
ปัญหา นเิ วศแหล่งน้าขาดสมดลุ เกดิ ปัญหาอุทกภยั น้าเคม็ รกุ เขา้ ไปในแมน่ ้า
ปากพนงั ทาใหช้ าวบา้ นใชน้ ้าในการอุปโภค บรโิ ภคไมไ่ ด้ ปัญหาของดนิ เปรย้ี ว
รวมทงั้ น้าเน่าเสยี จากพน้ื ทท่ี านากุง้ ไหลลงสลู่ าน้าต่างๆ จนไมส่ ามารถนาน้าไป
ใชใ้ นการเพาะปลกู ได้ พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั (รชั กาลท่ี 9) จงึ มี
พระราชดารใิ หจ้ ดั ตงั้ โครงการพฒั นาพน้ื ทล่ี ุ่มน้าปากพนงั อนั เน่อื งมาจาก
พระราชดาริ ขน้ึ เพอ่ื เป็นแนวทางหน่งึ ทจ่ี ะชว่ ยพลกิ ฟ้ืนความอุดมสมบรู ณ์เพอ่ื ให้
กลบั คนื สพู่ น้ื ทล่ี ุม่ น้าปากพนงั ดว้ ยวตั ถุประสงคเ์ พอ่ื ใหร้ าษฎรในพน้ื ทไ่ี ดใ้ ช้
ประโยชน์จากทรพั ยากรทม่ี อี ยไู่ ดอ้ ยา่ งเตม็ ทแ่ี ละยงั่ ยนื มกี ารน้าระบบอนุรกั ษด์ นิ
และน้ามาใช้ มกี ารปรบั ปรงุ บารงุ ดนิ เพอ่ื เพม่ิ ผลผลติ ใหม้ ากขน้ึ เป็นการสรา้ ง
รายได้ ถา่ ยทอดเทคโนโลยกี ารพฒั นาทด่ี นิ ใหแ้ ก่เกษตรกรไดม้ สี ว่ นรว่ มและ
รบั ผดิ ชอบในการพฒั นาและแกไ้ ขปัญหาทรพั ยากรทด่ี นิ อยา่ งจรงิ จงั และ ต่อเน่อื ง
สง่ เสรมิ การพฒั นาประสทิ ธภิ าพการผลติ ขา้ วและการเกษตรในพน้ื ทโ่ี ครงการฯ
ใหเ้ ป็นแหล่งผลติ พนั ธพุ์ ชื ทเ่ี คยเป็นมาในอดตี ใหก้ ลบั คนื มาสปู่ ระชาชนลุ่มน้า
ปากพนงั เพอ่ื ความเป็นอยทู่ ย่ี งั่ ยนื ต่อไป

โครงการเข่ือนป่ าสกั ชลสิทธ์ิ

อา่ งเกบ็ น้าขนาดใหญ่ มากมายดว้ ยสตั วน์ ้านานาชนิด กบั ภมู ทิ ศั น์
รอบดา้ นทส่ี วยงามดว้ ยธรรมชาตขิ องสายน้าตน้ ไม้ และเขอ่ื นป่าสกั
ชลสทิ ธิ ์ หรอื โครงการสง่ น้าและบารงุ รกั ษาเขอ่ื นป่าสกั ชลสทิ ธิ ์ เขอ่ื น
แกนดนิ เหนียว ขนาดยาวทส่ี ดุ แหง่ หน่ึงของประเทศไทย ในโครงการ
ตามพระราชดารขิ องพระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั (รชั กาลท่ี 9) ท่ี
สรา้ งขน้ึ เพอ่ื ชว่ ยกกั เกบ็ น้าจากแมน่ ้าป่าสกั ซง่ึ มตี น้ น้าอยใู่ นจงั หวดั
เลย เพอ่ื ป้องกนั อุทกภยั และภยั แลง้ เป็นประโยชน์ต่อการ
เกษตรกรรม การอปุ โภคบรโิ ภคของประชาชนในพน้ื ทจ่ี งั หวดั ลพบุรี
สระบรุ ี และจงั หวดั ใกลเ้ คยี ง มคี วามยาว 4,860 เมตร สงู ราว 36.50
เมตร

โครงการแกล้งดิน

ใหม้ กี ารทดลองทาดนิ ใหเ้ ปรย้ี วจดั โดยการระบายน้าใหแ้ หง้ และศกึ ษา
วธิ กี ารแกลง้ ดนิ เปรย้ี ว เพอ่ื นาผลไปแกป้ ัญหาดนิ เปรย้ี วใหแ้ กร่ าษฎร
ทม่ี ปี ัญหาเรอ่ื งน้ีในเขตจงั หวดั นราธวิ าสโดยใหท้ าโครงการศกึ ษา
ทดลองในกาหนด2 ปี และพชื ทท่ี าการทดลองควรเป็นขา้ ว…”
เพอ่ื ศกึ ษาการเปลย่ี นแปลงความเป็นกรดของดนิ จงึ มี “การแกลง้ ดนิ ”
ขน้ึ คอื การทาใหด้ นิ เปรย้ี วเป็นกรดจดั ทส่ี ดุ ดว้ ยการทาใหด้ นิ แหง้
และเปียกสลบั กนั โดยการนาน้าเขา้ แปลงทดลองและระบายน้าออกให้
ดนิ แหง้ อกี ครงั้ หน่ึง สลบั ไปเรอ่ื ยๆ จนกระทงั่ ถงึ จุดทพ่ี ชื ไมส่ ามารถ
เจรญิ งอก งามได้ จากนนั้ จงึ หาวธิ กี ารปรบั ปรงุ ดนิ ดงั กล่าวให้
สามารถปลกู พชื ได้
จากการทดลองแกลง้ ดนิ ทาใหพ้ บวธิ ปี รบั ปรงุ ดนิ ทาใหส้ ามารถนามา
ทาเกษตรกรรมต่อไดด้ งั น้ี
• ใชน้ ํ้าชะลา้ งความเป็นกรดเพราะเมอ่ื ดนิ หายเปรย้ี วจะมคี า่ pH
เพมิ่ ขน้ึ หากใชป้ ๋ ุยไนโตรเจน และฟอสเฟต กจ็ ะทาใหพ้ ชื ใหผ้ ลผลติ ได้
• ใชป้ นู มารล์ ผสมคลกุ เคลา้ กบั หน้าดนิ
• ใชท้ งั้ สองวธิ ขี า้ งตน้ ผสมกนั

โครงการพฒั นาพน้ื ทพ่ี รุแฆแฆ

พน้ื ทพ่ี รคุ อื พน้ื ทท่ี ม่ี นี ้าทว่ มขงั ทาใหด้ นิ มสี ภาพขาดธาตอุ าหาร และ
อุม้ น้าไดน้ ้อย และมสี ภาพเป็นกรด ซง่ึ ในปี พ.ศ. 2530 ในหลวง
รชั กาลท่ี ๙ ไดเ้ สดจ็ พระราชดาเนินทอดพระเนตรสภาพบรเิ วณ ลุ่ม

น้าคลองน้าจดื – คลองแฆแฆ อาเภอสายบรุ ี จงั หวดั ปัตตานี ซง่ึ เป็น
พน้ื ทเ่ี สอ่ื มโทรม น้าทว่ มขงั ตลอดปี พระองคจ์ งึ ไดพ้ ระราชทาน
พระราชดาริ เกย่ี วกบั งานชลประทาน ใหพ้ จิ ารณาวางโครงการ
ก่อสรา้ ง ขดุ ลอกคลองระบายน้าและอาคารบงั คบั น้า เพอ่ื ระบายน้า
ทว่ มขงั ออกจากพน้ื ทแ่ี ละเกบ็ กกั น้าจดื ไวใ้ หเ้ กษตรกรใชท้ าการ
เพาะปลกู นาขา้ ว พชื ผกั สวนผลไม้ การประมง เลย้ี งสตั ว์ และอุปโภค

– บรโิ ภคตลอดปี
โดยในปีใหห้ ลงั ในพ.ศ. 2536-2543 โครงการกอ่ สรา้ งท่ี 7 สานกั
พฒั นาแหลง่ น้า 5 (เดมิ ) กรมชลประทานไดด้ าเนินการกอ่ สรา้ งงาน
ระบบระบายน้าและงานระบบสง่ น้า ทาใหม้ พี น้ื ทไ่ี ดร้ บั ประโยชน์
ประมาณ 40,000 ไร่

โครงการหญ้าแฝก

“….ใหใ้ ชห้ ญา้ แฝกในการพฒั นา ปรบั ปรงุ บารงุ ดนิ ฟ้ืนฟูดนิ ใหม้ ี
ความอุดมสมบรู ณ์ และแกป้ ัญหาดนิ เสอ่ื มโทรม…”
หลายคนอาจจะไมร่ จู้ กั “หญา้ แฝก” ซง่ึ จรงิ ๆ แลว้ เป็นพชื ใบเลย้ี งเดย่ี ว
ตระกลู หญา้ ชนิดหน่ึง เชน่ เดยี วกบั ขา้ วโพก ขา้ วฟ่าง ออ้ ย ซง่ึ ทวั่ โลก
สามาถพบหญา้ แฝกไดป้ ระมาณ 12 ชนิด แต่ในประเทศนนั้ มหี ญา้
แฝกอยู่ 2 ชนิด ซง่ึ ลกั ษณะของหญา้ แฝกคอื จะขน้ึ เป็นกอเบยี ดกนั
แน่น ใบมลี กั ษณะแคบและยาว ขอบขนานปลายสอบ ไมต่ อ้ งดแู ลมาก
ทนทานตอ่ โรคพชื ทวั่ ไป
การพงั ทลายของหน้าดนิ เป็นปัญหาอนั ดบั ตน้ ๆ ของประเทศ
พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั ไดพ้ ระราขทานพระราชดารใิ หม้ กี ารนา
หญา้ แฝกมาใชใ้ นการอนุรกั ษด์ นิ และน้า เน่ืองจากจุดเดน่ ของหญา้
แฝกทม่ี รี ากยาวแผก่ ระจายลงดนิ ไดเ้ ป็นแผงๆ คลา้ ยกาแพงชว่ ยกรอง
ตะกอนดนิ และรกั ษาหน้าดนิ ไดด้ ี และปรบั ปรงุ สภาพพน้ื ทเ่ี สอ่ื มโทรม
นอกจากน้ีหญา้ แฝกยงั เป็นพชื มหศั จรรยท์ กุ สว่ นของลาตน้ สามารถ
นามาใชป้ ระโยชน์ได้ เชน่ ทาวสั ดุมงุ หลงั คา ทาป๋ ยุ หมกั เป็นตน้ โดย
ปลกู เป็นพน้ื ทเ่ี ชงิ ลาด

โครงการฝายชะลอน้า

ใหพ้ จิ ารณาดาเนินการสรา้ งฝายราคาประหยดั โดยใชว้ สั ดุราคาถกู และหางา่ ยใน
ทอ้ งถนิ่ เชน่ แบบทง้ิ หนิ คลุมดว้ ยตาขา่ ยปิดกนั้ รอ่ งน้ากบั ลาธารเลก็ ๆ เป็นระยะ
ๆ เพอ่ื ใหเ้ กบ็ กกั น้าและตะกอนดนิ ไวบ้ างสว่ น โดยน้าทก่ี กั เกบ็ ไวจ้ ะซมึ เขา้ ไปใน
ดนิ ทาใหค้ วามชมุ่ ชน้ื แผข่ ยายออกไปทงั้ สองขา้ ง ตอ่ ไปจะสามารถปลกู พนั ธุไ์ ม้
ป้องกนั ไฟ พนั ธุไ์ มโ้ ตเรว็ และพนั ธไุ์ มไ้ มท่ ง้ิ ใบ เพอ่ื ฟ้ืนฟูทต่ี น้ น้าลาธารใหม้ สี ภาพ
เขยี วชอุ่มขน้ึ เป็นลาดบั
พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั ทรงตระหนกั ถงึ ความสาคญั ของการอยรู่ อดของป่า
ไมเ้ ป็นอยา่ งยง่ิ ทรงเสนออุปกรณ์อนั เป็นเครอ่ื งมอื ทจ่ี ะใชป้ ระโยชน์ในการอนุรกั ษ์
และฟ้ืนฟูป่าไมท้ ไ่ี ดผ้ ลดยี ง่ิ กลา่ วคอื ปัญหาสาคญั ทเ่ี ป็นตวั แปรแหง่ ความอยรู่ อด
ของป่าไมน้ นั้ น้า คอื สงิ่ ทข่ี าดไมไ่ ดโ้ ดยแท้ พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั ทรง

แนะนาใหใ้ ชฝ้ ายกนั้ น้าหรอื เรยี กวา่ Check Dam หรอื อาจเรยี กขานกนั วา่
ฝายชะลอความชมุ่ ชน้ื กไ็ ดเ้ ชน่ กนั
ฝายชะลอน้าสรา้ งขวางทางไหลของน้าบนลาธารขนาดเลก็ ไว้ เพอ่ื ชะลอการไหล

– ลดความรนุ แรงของกระแสน้า ลดการชะลา้ งพงั ทลายของตลง่ิ – เมอ่ื น้าไหล
ชา้ ลง กม็ นี ้าอยใู่ นลาหว้ ยนานขน้ึ โดยเฉพาะในหน้าแลง้ – ชว่ ยดกั ตะกอนทไ่ี หล
มากบั น้า ลดการตน้ื เขนิ ทป่ี ลายน้า ทาใหน้ ้าใสมคี ณุ ภาพดขี น้ึ – ชว่ ยใหด้ นิ ชมุ่
ชน้ื ป่ามคี วามอุดมสมบรู ณ์ เพม่ิ ความหลากหลายทางชวี ภาพ – สตั วป์ ่า สตั วน์ ้า
ไดอ้ าศยั น้าในการดารงชวี ติ คนื พชื แกเ่ นินเขา/ภเู ขาหวั โลน้ – ดนิ ชน้ื ป่ากช็ น้ื
กลายเป็นแนวกนั ไฟป่า ลดความรนุ แรงของไฟได้

โครงการฝนหลวง

พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั ภมู พิ ลอดลุ ยเดช รชั กาลท่ี 9 ทรงมี
พระราชดารสิ ว่ นพระองคใ์ นเรอ่ื งการจดั ทาฝนหลวง เพอ่ื บรรเทา
ปัญหาขาดแคลนน้าในการเกษตร โดยมกี ารคน้ ควา้ ทดลองปฏบิ ตั กิ าร
ฝนหลวงขน้ึ ซง่ึ จะใชส้ ารเคมโี ปรยในทอ้ งฟ้า จนกระทงั่ ไอน้าอมิ่ ตวั
และกลนั่ ตวั ออกมากลายเป็นเมด็ ฝน เพอ่ื ชว่ ยเหลอื พสกนิกรใน
ทอ้ งถน่ิ ทรุ กนั ดารทป่ี ระสบปัญหาแหง้ แลง้ หรอื ขาดแคลนน้าเพอ่ื การ
อุปโภค บรโิ ภค และการเกษตร ซง่ึ มสี าเหตุมาจากความผนั แปรและ
ความคลาดเคล่อื นของฤดกู าลธรรมชาติ ทาใหบ้ างครงั้ ฝนไดท้ ง้ิ ชว่ ง
นาน พระองคจ์ งึ ทรงคดิ คน้ วธิ กี ารทท่ี าใหเ้ กดิ ฝนตกนอกเหนือจากท่ี
เกดิ โดยธรรมชาติ
พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั ไดท้ รงกาหนดขนั้ ตอนของกรรมวธิ กี าร
ทาฝนหลวงขน้ึ เพอ่ื ใหเ้ ขา้ ใจไดง้ า่ ยๆ ตามลาดบั ดงั น้ี

ขนั้ ตอนท่ีหนึ่ง : “ก่อกวน”

เรม่ิ จากการใชส้ ารเคมไี ปกระตุน้ ใหม้ วลอากาศเกดิ การลอยตวั ขน้ึ สู่
เบอ้ื งบน เพอ่ื ใหเ้ กดิ กระบวนการชกั นาไอน้า หรอื ความชน้ื เขา้ สรู่ ะบบ
การเกดิ เมฆ ทาใหก้ ระบวนการดดู ซบั ความชน้ื ในอากาศใหก้ ลายเป็น
เมด็ น้าเกดิ เรว็ ขน้ึ กวา่ ธรรมชาติ และเกดิ กลมุ่ เมฆจานวนมาก ซง่ึ เมฆ
เหลา่ น้ีจะพฒั นาเป็นเมฆกอ้ นใหญ่ในเวลาตอ่ มา
ขนั้ ตอน ท่ี สอง : “เลี้ยง ให้ อ้วน”

เป็นขนั้ ตอนทต่ี อ้ งใชส้ ารเคมใี นการดดั แปรสภาพอากาศเพอ่ื เรง่ หรอื
เสรมิ เพม่ิ ขนาดของเมฆและขนาดของเมด็ น้าในกอ้ นเมฆ ในขณะท่ี
กาลงั กอ่ ตวั เจรญิ เตบิ โต ซง่ึ เป็นระยะสาคญั มากในการปฏบิ ตั กิ ารฝน
หลวง เพราะปฏกิ ริ ยิ าเหลา่ น้ีเป็นปัจจยั เรง่ กระบวนการชนกนั และ
รวมตวั กนั ของเมด็ น้า สง่ ผลใหเ้ มด็ น้าขนาดใหญ่จานวนมากเกดิ ขน้ึ ใน
กอ้ นเมฆ และยอดเมฆพฒั นาตวั สงู ขน้ึ
ขนั้ ตอน ท่ี สาม : “โจมตี”

เป็นขนั้ ตอนสดุ ทา้ ย ซง่ึ สามารถทาไดห้ ลายวธิ ี โดยมเี ป้าหมายคอื การ
ดดั แปรสภาพอากาศเพอ่ื เรง่ ใหเ้ มฆ หรอื กลมุ่ เมฆฝนมี ความ
หนาแน่นมากพอทจ่ี ะสามารถตกเป็น ฝนได้

โครงการพฒั นาพืน้ ท่ีพรแุ ฆแฆ

พน้ื ทพ่ี รคุ อื พน้ื ทท่ี ม่ี นี ้าทว่ มขงั ทาใหด้ นิ มสี ภาพขาดธาตอุ าหาร และ
อุม้ น้าไดน้ ้อย และมสี ภาพเป็นกรด ซง่ึ ในปี พ.ศ. 2530 ในหลวง
รชั กาลท่ี ๙ ไดเ้ สดจ็ พระราชดาเนินทอดพระเนตรสภาพบรเิ วณ ลุ่ม

น้าคลองน้าจดื – คลองแฆแฆ อาเภอสายบรุ ี จงั หวดั ปัตตานี ซง่ึ เป็น
พน้ื ทเ่ี สอ่ื มโทรม น้าทว่ มขงั ตลอดปี พระองคจ์ งึ ไดพ้ ระราชทาน
พระราชดาริ เกย่ี วกบั งานชลประทาน ใหพ้ จิ ารณาวางโครงการ
ก่อสรา้ ง ขดุ ลอกคลองระบายน้าและอาคารบงั คบั น้า เพอ่ื ระบายน้า
ทว่ มขงั ออกจากพน้ื ทแ่ี ละเกบ็ กกั น้าจดื ไวใ้ หเ้ กษตรกรใชท้ าการ
เพาะปลกู นาขา้ ว พชื ผกั สวนผลไม้ การประมง เลย้ี งสตั ว์ และอุปโภค
บรโิ ภคตลอดปี
โดยในปีใหห้ ลงั ในพ.ศ. 2536-2543 โครงการกอ่ สรา้ งท่ี 7 สานกั
พฒั นาแหลง่ น้า 5 (เดมิ ) กรมชลประทานไดด้ าเนินการก่อสรา้ งงาน
ระบบระบายน้าและงานระบบสง่ น้า ทาใหม้ พี น้ื ทไ่ี ดร้ บั ประโยชน์
ประมาณ 40,000 ไร่

โครงการอ่างเกบ็ น้าหงั ช้าง

ความเป็นมาของโครงการ :
เมอ่ื ปี 2505 นายเปรม อกั ษรสวา่ ง สมาชกิ สภาจงั หวดั พทั ลุงและ
นายกพทุ ธกิ สมาคมบางแกว้ ไดน้ าสมาชกิ ฯ ยวุ กสกิ รและประชน
ประมาณ 500 คน ขดุ ลอกเหมอื งสง่ น้าจากคลองตะโหมดหรอื
คลองทา่ เชยี ดเพอ่ื นาไปใชใ้ นเขตอาเภอเขาชยั สน จงั หวดั พทั ลุง แต่
ไมไ่ ดผ้ ล เน่ืองจากจะตอ้ งขดุ เหมอื งสง่ น้าลกึ ประมาณ 5-6 เมตร ซง่ึ
เกนิ กาลงั ทเ่ี กษตรกรจะทาได้ ตอ้ งใชเ้ ทคนิคและเครอ่ื งจกั รเครอ่ื งมอื
ใน การดาเนินงาน จงึ รอ้ งเรยี นผา่ นชลประทานภาคใตใ้ นสมยั นนั้
ขอใหพ้ จิ ารณาเปิด โครงการทา่ เชยี ดขน้ึ เพอ่ื ชว่ ยเหลอื พน้ื ท่ี
เพาะปลกู ดงั กลา่ วชลประทานภาคใตไ้ ดส้ ง่ เจา้ หน้าทไ่ี ป พจิ ารณาเหน็
วา่ ลทู่ างทจ่ี ะเปิดการก่อสรา้ งโครงการฯ ขน้ึ ไดจ้ งึ สง่ เจา้ หน้าทอ่ี อกไป
ทาการสารวจรายละเอยี ดภมู ปิ ระเทศและสถติ ติ ่าง ๆ เพอ่ื นามา
วางโครงการและออกแบบ และไดก้ อ่ สรา้ งโครงการเสรจ็ สน้ิ ในปี พ.
ศ.2514 มพี น้ื ทท่ี งั้ หมด 121,527 ไร่ พน้ื ทช่ี ลประทาน 100,000 ไร่

โครงการอ่างเกบ็ น้ําบึงโขงหลง

ในปี พ.ศ.2520 พระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภมู พิ ลอดุลยเดช ทรงมี
พระราชดารกิ บั อธบิ ดกี รมชลประทาน และผวู้ า่ ราชการจงั หวดั หนองคาย ให้
พจิ ารณาวางโครงการพฒั นาบงึ โขงหลงเพอ่ื นาน้าจากบงึ โขงหลงไปพฒั นาการ
เกษตรไดอ้ ยา่ งเตม็ ท่ี โครงการชลประทานอา่ งเกบ็ น้าบงึ โขงหลง จงึ เกดิ ขน้ึ เมอ่ื
วนั อาทติ ยท์ ่ี 25 พฤศจกิ ายน 2522 เวลา 15.00 น. พระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทร
มหาภมู พิ ลอดลุ ยเดช และสมเดจ็ พระนางเจา้ ฯ พระบรมราชนิ ีนาถ เสดจ็ พระราช
ดาเนนิ โดยเฮลคิ อปเตอรพ์ ระทน่ื งั่ พรอ้ มดว้ ยสมเดจ็ พระเทพรตั นราชสดุ าฯ สยาม
บรมราชกุมารี และสมเดจ็ พระเจา้ ลกู เธอ เจา้ ฟ้าจฬุ าภรณวลยั ลกั ษณ์ อคั รราช
กุมารี จากพระตาหนกั ภพู านราชนเิ วศน์ จงั หวดั สกลนคร ไปทอดพระเนตร
โครงการชลประทานและทรงเยย่ี มราษฎร บรเิ วณอ่างเกบ็ น้าบงึ โขงหลง บา้ น
ดอนกลาง ตาบลโพธหิ ์ มากแขง้ อาเภอเซกา จงั หวดั หนองคาย ในขณะนนั้ เพอ่ื
เป็นการสนองโครงการอ่างเกบ็ นํ้าบงึ โขงหลงน้าบงึ โขงหลงเพอ่ื ป้องกนั อุทกภยั
และนาน้าจากบงึ ไปพฒั นาการเกษตรใหไ้ ดเ้ ตม็ ท”่ี โดยทาการเพมิ่ ระดบั ใหส้ งู ขน้ึ
โดยประมาณระดบั เกบ็ กกั ใหเ้ ทา่ กบั ระดบั น้านองสงู สดุ เพอ่ื การอุปโภค-บรโิ ภค
เลย้ี งสตั ว์ และการเพาะปลกู ตลอดจนแหลง่ เพาะพนั ธปุ์ ลาน้าจดื ดว้ ย ในวนั น้ี
เกษตรกรสามารถทาการเกษตรไดห้ ลากหลาย และมผี ลผลติ ทส่ี งู ขน้ึ ยงั มาซง่ึ
รายไดท้ ม่ี ากขน้ึ ตามลาดบั ผลพลอยไดใ้ นการทอ่ งเทย่ี วนนั้ เป็นสง่ิ ทท่ี าให้
ชาวบา้ นในทอ้ งทม่ี รี ายไดม้ ากขน้ึ เชน่ กนั เพราะบงึ โขงหลงเป็นสถานทพ่ี กั ผอ่ น
หยอ่ นใจทม่ี เี สน่หไ์ มเ่ หมอื นใคร และมชี อ่ื เลน่ ทเ่ี รยี กกนั อยา่ งคุน้ หวู า่ “ทะเล
อสี าน”

“โครงการอา่ งเกบ็ น้าบงึ โขงหลง อนั เน่ืองมาจากพระราชดาร”ิ บา้ น
ดอนกลาง ตาบลบงึ โขงหลง อาเภอบงึ โขงหลง จงั หวดั บงึ กาฬ ใน
ปัจจุบนั อ่างเกบ็ น้าฯ น้ี มคี วามจุทร่ี ะดบั เกบ็ กกั 12 ลา้ นลกู บาศกเ์ มตร
พน้ื ทร่ี บั ประโยชน์ 2,000 ไร่ เกษตรกรสามารถทาการเกษตรไดต้ ลอด
ทงั้ ปี อ่างเกบ็ น้าบงึ โขงหลง ขน้ึ ชอ่ื วา่ บงึ แน่นอนวา่ ทน่ี ่ียอ่ มมบี งึ น้าท่ี
กวา้ งใหญไ่ พศาล เป็นววิ ทวิ ทศั น์ทง่ี ดงามอยหู่ ลายบงึ ดว้ ยกนั ทบ่ี งึ
โขงหลงน้ี เป็นสถานทท่ี อ่ งเทย่ี วทางธรรมชาตขิ องจงั หวดั บงึ กาฬ ท่ี
ยงิ่ ใหญ่ไมแ่ พบ้ งึ น้าแหง่ ไหน และมนี ้าตลอดปีไมเ่ คยแหง้ แลง้ นามา
ซง่ึ ความหลากหลายทางชวี ภาพและมรี ะบบนิเวศทย่ี งิ่ ใหญ่ ดว้ ยสาย
พระเนตรอนั กวา้ งไกลทรงดารใิ หส้ รา้ งฝายกนั้ น้าบงึ โขงหลง
กอ่ ใหเ้ กดิ ความภาคภมู ใิ จของประชาชนชาวบงึ โขงหลง จงั หวดั บงึ
กาฬ ทม่ี บี งึ โขงหลง เป็นพน้ื ทช่ี ุม่ น้าระดบั นานาชาติ อนั ดบั ท่ี 1,098
ของโลก อนั ดบั ท่ี 1 ของภาคตะวนั ออกเฉียงเหนือ อนั ดบั ท่ี 2 ของ
ประเทศไทย เพอ่ื เป็นการน้อมราลกึ ถงึ พระมหากรณุ าธคิ ณุ ขององค์
พระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภมู พิ ลอดลุ ยเดช ชาวอาเภอบงึ โขง
หลง ตลอดจนชาวบงึ กาฬทกุ หมเู่ หล่า จะชว่ ยกนั อนุรกั ษ์บงึ โขงหลง
แหง่ น้ีใหม้ คี วามอุดมสมบรู ณ์และยงั่ ยนื ตลอดไป

โครงการฮ้วยองคต

เมอ่ื วนั ท่ี 28 มกราคม 2533 โดยมพี ระราชกระแสรบั สงั่ กบั นายสเุ มธ
ตนั ตเิ วชกุล เลขาธกิ าร กปร.
และเลขาธกิ ารมลู นิธชิ ยั พฒั นา อธบิ ดกี รมชลประทานพรอ้ มคณะ
เจา้ หน้าทว่ี า่ ไดท้ ราบวา่ พระราชญาณรงั สี
(พระอาจารยจ์ นั ทร์ คเวสโก) ไดไ้ ปดาเนินการพฒั นาพน้ื ทบ่ี รเิ วณ
ตาบลหนองปรอื อาเภอบอ่ พลอย จงั หวดั
กาญจนบรุ ี ซง่ึ จะก่อใหเ้ กดิ ประโยชน์แกป่ ระชาชนเป็นอยา่ งดี จงึ ให้
เลขาธกิ ารมลู นิธชิ ยั พฒั นาไปนมสั การ
พระอาจารยจ์ นั ทร์ คเวสโก เพอ่ื ชว่ ยประสานและสนบั สนุนการ
ดาเนินงานในโครงการดงั กลา่ วน้ี ซง่ึ ต่อมาได้
พระราชทานพระราชดารใิ หด้ าเนินการจดั หาทด่ี นิ จานวนหน่งึ เพอ่ื
นามาวางแผนและจดั ทาโครงการ เพอ่ื พฒั นา
และชว่ ยเหลอื ประชาชนในบรเิ วณพน้ื ทด่ี งั กลา่ ว และพระราชทานชอ่ื
วา่ “โครงการหว้ ยองคตอนั เน่ืองมาจาก
พระราชดาร”ิ

อ้างอิง

โครงการ 1. โครงการประตรู ะบายน้าคลองลดั โพธิ ์
2. โครงการพฒั นาดอยตุง
3. โครงการชงั่ หวั มนั
4. ศนู ยศ์ กึ ษาพฒั นาเขาหนิ ซอ้ น
5. ศนู ยศ์ กึ ษาการพฒั นาอา่ วคุง้ กระเบน
6. สถานีเกษตรหลวงอนิ ทนนท์
7. ศนู ยพ์ ฒั นาโครงการหลวงวดั จนั ทร์
8. โรงเรยี นกาสรกสวิ ทิ ย์
9. โครงการพฒั นาพน้ื ทล่ี ุม่ น้าปากพนงั
10. โครงการเขอ่ื นป่าสกั ชลสทิ ธิ ์ สบื คน้ เมอ่ื 28/9/63 จาก

https://www.edtguide.com/tat/454531/%E0%B9%82%E0%B
8%84%E0%B8%A3%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%B2%
E0%B8%A3%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B
8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%8A%E0%B8%94%E0%B8%B3
%E0%B8%A3%E0%B8%B4

โครงการแกม้ ลงิ ฯ สบื คน้ เมอ่ื 19 ต.ค - 2 พ.ย 2563

https://www.autoinfo.co.th/article/170421/


Click to View FlipBook Version