The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

หน่วยที่ 3 ละครสร้างสรรค์ รุ้งE-Book

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by torotorrung21, 2021-06-26 11:11:54

หน่วยที่ 3 ละครสร้างสรรค์ รุ้งE-Book

หน่วยที่ 3 ละครสร้างสรรค์ รุ้งE-Book

E-BooK

ละครสรา้ งสรรค์
ชัน้ มัธยมศึกษาปีที่ 6

นาฏศิลป์ ชั้นมธั ยมศกึ ษBYา…ปีทคี่ร๖ูร้งุ

หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 3

ละครสร้างสรรค์

นาฏศลิ ป์ ชั้นมธั ยมBศกึYษ…าปคีทร่ี ๖รู ้งุ

สารบัญ

ผังสาระการเรยี นรู้............................................................................... 1

ความเป็นมาของละครสรา้ งสรรค์........................................................ 2
องคป์ ระกอบของละครสรา้ งสรรค์....................................................... 6
กจิ กรรมทใ่ี ชใ้ นการแสดงละครสร้างสรรค์............................................ 9
เทคนิคพืน้ ฐานทใ่ี ชใ้ นการแสดงละคร................................................ 21

นาฏศลิ ป์ ชนั้ มธั ยมBศึกYษ…าปคีทร่ี ๖รู ุง้

ความเปน็ มา ผังสาระการเรยี นรู้ 1
ของละครสร้างสรรค์
ละคร องค์ประกอบ
เทคนคิ พืน้ ฐานทีใ่ ช้ใน สรา้ งสรรค์ ของละครสรา้ งสรรค์
การแสดงละคร
กจิ กรรมท่ใี ชใ้ นการแสดง
ละครสรา้ งสรรค์

นาฏศลิ ป์ ชั้นมธั ยมBศึกYษ…าปคที รี่ ๖รู งุ้

2

1. ความเปน็ มาของละครสรา้ งสรรค์

ละครสรา้ งสรรค์ (Creative Drama) คอื ละครที่ไมม่ ีรปู แบบ ไม่จาเป็นต้องจัดแสดง
บนเวที เน้นไปท่ีผลสาเร็จของละครมากกว่า ละครสร้างสรรค์อาจจัดแสดงบริเวณ
ที่โล่งกว้าง ผู้แสดงแต่งกายไม่หรูหรามากนัก ผู้แสดงควรฝึกการใช้ประสาทสัมผัสทั้งห้า
คือ การมอง การดม การได้ยิน การสัมผัสและการล้ิมรส มีการเคล่ือนไหวร่างกายที่
คล่องแคล่ว แสดงท่าทางการแสดงออกทางอารมณ์ได้อย่างชัดเจน เข้าใจง่าย ไม่ซับซ้อน
โดยส่วนใหญน่ ยิ มแสดงเรื่องราวเปน็ บทบาทสมมุติ

นาฏศิลป์ ชนั้ มัธยมBศึกYษ…าปคีทรี่ ๖รู งุ้

3

1. ความเป็นมาของละครสรา้ งสรรค์ (ตอ่ )

ละครสร้างสรรค์ต่างจากละครทั่วไปเพราะเป็นละครท่ีใช้ในการศึกษา โดยเน้น
กระบวนการเรียนรู้ผ่านการแสดงบทบาทสมมุติ โดยเกิดจากความคิดและจินตนาการ
อยา่ งอสิ ระของผู้เรียน เปน็ ละครท่ีมงุ่ เนน้ การพฒั นาผู้เรยี น

ละครสร้างสรรค์ถือกาเนิดขึ้นในประเทศสหรัฐอเมริกา อังกฤษ และแคนาดา และมี
การเปลี่ยนแปลง ดังนี้

นาฏศลิ ป์ ชนั้ มธั ยมBศึกYษ…าปคที ร่ี ๖ูรุ้ง

4

ในช่วงทศวรรษท่ี 1920 (พ.ศ. 2463-2472) ถอื เป็นยคุ แรกทม่ี กี ารกาเนดิ
แนวคดิ ในการนาละครมาใชพ้ ัฒนาผเู้ รียน และไดม้ ีการพัฒนาตอ่ มา

ละครสร้างสรรค์ ในช่วงทศวรรษที่ 1950 (พ.ศ. 2493-2502) ละครสร้างสรรค์
ได้ถือกาเนิดอย่างเต็มรูปแบบและเกิดนักการละครท่ีสนใจเพ่ือทาละคร
การศึกษามากข้ึน บุคคลท่ีถือว่าโดดเด่นในช่วงน้ี คือ เจอรัลดีน เบรน ซิกส์
(Geraldine Brain Siks) เป็นอาจารย์ด้านการละคร มหาวิทยาลัยวอชิงตัน
ได้เขียนบทความเกี่ยวกับละครท่ีใช้ในการศึกษามากมาย และในทศวรรษนี้
ได้เริ่มมีการเรียนการสอนวิชาละครสร้างสรรค์และวิชาด้านศิลปะเพื่อเด็ก
และเยาวชนด้วย

นาฏศลิ ป์ ชนั้ มัธยมBศกึYษ…าปคีทรี่ ๖รู งุ้

ละครสรา้ งสรรค์ 5
(ตอ่ )
ในชว่ งทศวรรษที่ 1960 (พ.ศ. 2503-2512) ได้รับ
การสนบั สนนุ จากประธานาธิบดี จอหน์ เอฟ เคนเนดี (John F. Kennedy)
ได้ใหก้ ารสนบั สนุนศิลปะให้กับโรงเรียนในประเทศสหรัฐอเมรกิ า
จงึ สง่ ผลใหก้ ารละครเพ่ือการศึกษาพัฒนาเพิ่มขน้ึ

ในชว่ งทศวรรษที่ 1970 (พ.ศ. 2513-2522) เปน็ ยุคที่
เร่มิ มีการใช้ละครสรา้ งสรรค์กับกลุม่ บคุ คลอ่นื ท่ีหลากหลายมากขึน้

ในชว่ งทศวรรษที่ 1980 (พ.ศ. 2523-ปัจจบุ ัน) ละครสร้างสรรค์
ได้รบั การยอมรับวา่ เป็นส่ิงทม่ี คี ณุ ค่าต่อการศึกษาคน้ คว้าและวิจัย
ท่ีสามารถเชื่อมโยงกับศาสตร์อื่น ๆ ได้

นาฏศลิ ป์ ชัน้ มัธยมBศึกYษ…าปคที ร่ี ๖รู งุ้

6

2. องคป์ ระกอบของละครสร้างสรรค์

ละครสรา้ งสรรค์มอี งคป์ ระกอบสาคญั ทใี่ ชใ้ นการแสดง ดงั น้ี

องค์ประกอบ 1. โครงเรือ่ ง หรือเนื้อเรอ่ื ง (plot) จะตอ้ งมีการวางโครงเรอื่ ง หรือ
ของละคร เลอื กเนือ้ เรอื่ งท่ีจะใชใ้ นการแสดง เป็นเนื้อเรอ่ื งทสี่ นุกสนานหรอื เศร้า
สร้างสรรค์ สอดแทรกขอ้ คดิ ตา่ ง ๆ

2. ตัวละคร (character) ตวั ละครในการแสดงจะต้องมกี ารกาหนด
บุคลิกลกั ษณะของตวั ละครให้สอดคล้องกับเน้ือหาของเร่อื ง และตัวละคร
อน่ื ๆ ตอ้ งเลอื กบุคคลทส่ี ามารถถ่ายทอดอารมณ์ ความรูส้ กึ ของตัวละคร
ตวั น้นั ได้สมจริง

นาฏศิลป์ ชนั้ มธั ยมBศกึYษ…าปคที ร่ี ๖รู งุ้

7

องค์ประกอบ 3. สถานการณ์ (situation) คอื เหตุการณ์ เรือ่ งราวทเ่ี กดิ ขึน้ ทาให้
ของละคร ตัวละครต้องพบเจอ ซ่ึงเหตกุ ารณจ์ ะต้องสมั พนั ธ์กัน มคี ณุ ค่าในเนอื้ เรือ่ ง
สร้างสรรค์ เปน็ สถานการณ์ทีจ่ ะชว่ ยฝกึ ใหผ้ ้แู สดงมจี นิ ตนาการสร้างสรรค์ในการแสดงได้

4. ความขัดแย้ง (conflict) คอื การสร้างปญั หาความขัดแย้งใหก้ ับ
ตัวละคร แบง่ เป็นความขดั แยง้ ภายในจติ ใจของตัวละครเอง และความขดั แย้ง
ภายนอกของตวั ละครกบั ส่งิ รอบขา้ ง

5. สถานที่ (place) คอื สถานทท่ี ่จี ะใช้จัดการแสดง ควรเป็นสถานทโ่ี ล่ง
พอสมควร และบรรจผุ ู้ชมไดส้ ะดวกสบาย

นาฏศลิ ป์ ชน้ั มัธยมBศกึYษ…าปคที รี่ ๖รู งุ้

8

2. องคป์ ระกอบของละครสร้างสรรค์

สรปุ คือ ในการจัดการแสดงละครสร้างสรรค์ ผู้ท่ีเกยี่ วข้องในการแสดงทกุ ฝ่าย
จะต้องมแี นวคิดในทิศทางเดียวกัน มคี วามร่วมมือสามัคคกี นั เพือ่ ใหล้ ะครท่ีแสดงประสบ
ผลสาเรจ็ และในการแสดงละครสรา้ งสรรคบ์ างคร้งั องคป์ ระกอบของการแสดงอาจไม่
จาเป็นทีจ่ ะตอ้ งละเอียดหรอื มมี าก เช่น ฉาก อปุ กรณ์การแสดงอาจถูกลดความจาเป็นลง
มาคือ สามารถใช้ไดแ้ ต่ไม่จาเปน็ ต้องมีมากเกนิ ไป

นาฏศลิ ป์ ช้ันมธั ยมBศึกYษ…าปคที ร่ี ๖รู ้งุ

9

3. กิจกรรมท่ใี ชใ้ นการแสดงละครสร้างสรรค์

การนาเสนอผลงานให้ออกมาน่าสนใจและประสบผลสาเร็จนั้น จะต้องให้
ความสาคัญต่อการฝึกฝนให้เกิดความชานาญ มีความมุ่งม่ันต้ังใจและไตร่ตรอง โดยใช้สติ
สมาธิ และปัญญา เพ่ือให้แนวทางในการดาเนินงานไม่เกิดความผิดพลาด ต้องมีความ
เพียรพยายาม พัฒนาตนเองให้รู้จักรับผิดชอบ เสียสละและมีความพร้อมที่จะสร้างสรรค์
งานละคร เม่ือเกิดความต้ังใจ ความขยันหมั่นเพียร อดทนต่อการปฏิบัติงานแล้ว
ผู้แสดงละครต้องมีความรู้สึกศรัทธาต่อการสร้างสรรค์ผลงาน ซื่อสัตย์ต่อการปฏิบัติงาน
และซ่อื สตั ย์ตอ่ ตนเอง

นาฏศิลป์ ช้ันมธั ยมBศกึYษ…าปคีทรี่ ๖รู งุ้

10

3. กจิ กรรมทใี่ ชใ้ นการแสดงละครสรา้ งสรรค์ (ตอ่ )

การตั้งม่ันและมุ่งม่ันเป็นการฝึกหัดให้ผู้สร้างสรรค์บทละครและผู้แสดงมีสมาธิจดจ่อ

อยู่กับการทางาน ซึ่งการทางานอย่างมีสมาธิน้ันเป็นการกาหนดและควบคุมจิตใจท้ังหมด

ให้มุง่ อยกู่ บั ส่งิ ท่ีกระทาอยู่อยา่ งตง้ั มั่นเพอ่ื บรรลุสเู่ ป้าหมายสงู สุดที่ได้ต้งั ใจไว้

การฝึกให้ผู้สร้างสรรค์ผลงานทางการแสดงละครมีสมาธิได้นั้นจาเป็นจะต้องมีการ

พัฒนาตนเองเพ่ือให้เกิดสมาธิขึ้น และจินตนาการอารมณ์ ความรู้สึกให้เป็นไปตาม

บทละคร ซึ่งต้องใช้การทาสมาธิให้ต้ังมั่นกับส่ิงที่ไม่เคยได้รับรู้ สัมผัส และไม่เคยมี

ในประสบการณ์ชีวิตของตนเองมาก่อน เพื่อให้เกิดจินตนาการที่สอดคล้องไปกับบทละคร

สร้างสรรค์ขึ้นอย่างต้ังใจและมีประสิทธิภาพ จากนั้นก็สามารถถ่ายทอดเป็นผลงานที่

นา่ สนใจหรอื ทเ่ี รยี กว่า สมบทบาท นาฏศลิ ป์ ชัน้ มธั ยมBศกึYษ…าปคีทร่ี ๖รู งุ้

11

ตวั อย่าง

การแสดงอารมณ์โศกเศรา้ ของนักแสดง การแสดงอารมณ์สนุกสนานของนกั แสดง

ที่มา : บริษทั ซีเนริโอ จากดั จากละครเวทเี ร่ือง ลมหายใจ เดอะมวิ สคิ ัล นาฏศลิ ป์ ชนั้ มธั ยมBศึกYษ…าปคีทร่ี ๖รู ้งุ

การแสดงละครสร้างสรรค์จะมีกจิ กรรมเพื่อใช้ฝกึ เป็นพน้ื ฐานในการแสดง ซึง่ มดี ังนี้ 12

3.1 การพัฒนาประสาทสัมผสั ทั้ง 5

สิง่ สาคัญในการฝกึ สมาธิใหก้ ับผแู้ สดงละครน้นั คือ การใหผ้ ้แู สดงไดม้ กี ารพฒั นา
ตนเองในเรือ่ งของการพฒั นาประสาทสมั ผสั ทง้ั 5 ซง่ึ ได้แก่

การเห็น การไดก้ ล่นิ

นาฏศิลป์ ช้นั มัธยมBศึกYษ…าปคที ร่ี ๖ูรงุ้

การแสดงละครสร้างสรรคจ์ ะมกี ิจกรรมเพื่อใช้ฝกึ เป็นพนื้ ฐานในการแสดง ซ่งึ มดี งั นี้ 13

3.1 การพฒั นาประสาทสมั ผสั ทัง้ 5

การไดย้ ิน การสมั ผสั

นาฏศิลป์ ช้นั มัธยมBศกึYษ…าปคที รี่ ๖รู งุ้

การแสดงละครสรา้ งสรรค์จะมีกจิ กรรมเพื่อใชฝ้ ึกเป็นพ้นื ฐานในการแสดง ซึ่งมีดังนี้ 14

3.1 การพฒั นาประสาทสัมผัสทัง้ 5

การล้มิ รส

ประสาทสมั ผสั ทงั้ 5 น้ี จาเปน็ อยา่ งยิ่งท่ผี แู้ สดงจะต้องพฒั นาให้เกิดการรบั ร้ตู ามสภาพต่างๆจะ
ทาให้ผแู้ สดงมคี วามร้สู กึ และการรับรูท้ ่ีฉบั ไวในแต่ละสภาพการณ์ เมอ่ื แสดงละครจะสามารถ

สรา้ งสรรคง์ านละครอย่างมปี ระสทิ ธภิ าพไดอ้ ย่างเต็มท่ี

นาฏศลิ ป์ ชนั้ มธั ยมBศึกYษ…าปคีทร่ี ๖รู งุ้

15

3.2 การเคลือ่ นไหวตามจนิ ตนาการ

ในการแสดงละครไม่เพียงแต่อาศัยบทเจรจาเพ่ือเป็นส่ือแสดงให้เห็นถึงอุปนิสัย
ใจคอ เรื่องราวต่าง ๆ เท่าน้ัน ยังมีการเคล่ือนไหวเพ่ือถ่ายทอดเร่ืองราวและภาพต่าง ๆ
แสดงให้เห็นถึงการแสดงท่ีมีชีวิตชีวาของผู้แสดง และทาให้การแสดงน่าติดตาม
นอกจากนี้การเคล่ือนไหวยังช่วยสร้างบรรยากาศและช่วยเสริมสร้างบุคลิกภาพของ
ผแู้ สดงได้อยา่ งชดั เจนมากขึน้

ภาพการเคล่ือนไหวจะปรากฏอยู่ในบทบาทของการแสดง หรือสอดแทรกอยู่ใน
บทเจรจา เชน่ กิริยาการเดนิ การรับประทานอาหาร การพูดโทรศพั ท์

นาฏศิลป์ ช้ันมัธยมBศกึYษ…าปคที รี่ ๖รู งุ้

16

3.2 การเคล่อื นไหวตามจนิ ตนาการ (ต่อ)

การเคล่ือนไหวต้องมีความสอดคล้องกับบทละครและบุคลิกลักษณะของตัว
ละคร มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา โดยภาพที่เกิดขึ้นน้ันจะต้องสะท้อนความหมาย
อยา่ งเดน่ ชดั อารมณ์และความร้สู ึกของผชู้ มที่ได้รับรู้ถึงความหมายหลายอย่างของท่าทาง
บุคลิกภาพ และส่งผลให้เกิดเป็นรูปแบบทางด้านการแสดงอารมณ์ซ่ึงมองเห็นได้จากการ
เคล่ือนไหว

นาฏศิลป์ ชน้ั มัธยมBศึกYษ…าปคที รี่ ๖ูรงุ้

17

3.3 การใช้จงั หวะเสยี ง

เสียงของผู้แสดงละครสื่อให้เห็นถึงความคิด อุปนิสัย จินตนาการ และอารมณ์
ของผ้แู สดงแตล่ ะบทบาท การใช้เสียงของนักแสดงจะมีลักษณะของความทุ้ม ความแหลม
ความดงั ความเบา รวมทัง้ คุณภาพของเสยี งทส่ี อดคล้องกบั จงั หวะของการเคลอื่ นไหวตาม
บทบาทและจังหวะของการพูด การใช้จังหวะและเสียงในการแสดงน้ันผู้แสดงจะต้อง
คานึงถึงการใช้คา การถ่ายทอดเสียง น้าเสียง จังหวะในการเปล่งเสียง รวมถึงความ
ถูกต้องในการใช้อักขรวิธีได้อย่างเหมาะสม ซ่ึงผู้แสดงจะต้องใช้การฝึกฝนให้เกิดความ
แม่นยา เพ่ือใหม้ นี ้าเสียงและจงั หวะในการใช้เสยี งได้อย่างมีประสิทธิภาพและสมบทบาท

นาฏศิลป์ ชน้ั มธั ยมBศึกYษ…าปคที รี่ ๖ูรงุ้

18

3.3 การใชจ้ งั หวะเสยี ง (ต่อ)

การใช้จังหวะผิดอาจก่อให้เกิดการพูดผิดได้บ่อย ๆ เพราะจังหวะและการ
ใช้เสียงจะต้องสอดคล้องกัน การพูดผิดอาจเกิดข้ึนได้กับผู้แสดง ดังนั้น จึงควรฝึกใช้เสียง
ให้เกิดความชานาญ

น้าเสียงเป็นส่วนสาคัญในการสื่อความรู้สึกและความหมายของตัวละคร เช่น
การแสดงความโศกเศร้า น้อยใจ อาลัยอาวรณ์ สนุกสนาน ตกใจ หรือคัดค้าน
ซึ่งความรู้สึกเหล่านี้สามารถถ่ายทอดได้จากการใช้น้าเสียง การใช้น้าเสียงไม่สอดคล้อง
กบั คาพูด จะทาใหค้ วามหมายของคานัน้ เปล่ียนแปลงได้

นาฏศิลป์ ช้ันมัธยมBศึกYษ…าปคีทรี่ ๖ูรงุ้

19

3.4 การใช้บทบาทสมมุตแิ ละภาษา

การท่ีผู้แสดงละครจะได้รับบทบาทเป็นตัวละครใดนั้น ขึ้นอยู่กับผู้สร้างสรรค์
บทละครและผู้กากับการแสดง ทีจ่ ะเปน็ ผูพ้ ิจารณาความเหมาะสมของตัวผู้แสดงกบั บทบาท
ที่จะได้รับในละครหรือเร่ืองราวที่สร้างสรรค์ขึ้น จากนั้นผู้แสดงจะต้องพิจารณาถึงบทบาท
และความคิดของตัวละครที่จะต้องสวมบทบาทนั้น ผู้แสดงควรเปรียบเทียบตนเองกับ
ตัวละครที่จะต้องสวมบทบาทว่า บุคลิกลักษณะ ความคิด อุปนิสัยใจคอของตัวละครน้ัน
มีส่วนใดคล้ายคลึงและส่วนใดแตกต่างจากตนเองบ้าง จากน้ันผู้แสดงละครจะต้องสารวจ
ให้เห็นถึงบุคลิก ลักษณะหน้าตา ท่าทาง ตลอดจนการกระทาของตัวละครว่าได้กระทาส่ิง
ใดบ้าง

นาฏศิลป์ ช้ันมัธยมBศกึYษ…าปคที รี่ ๖ูรงุ้

20

3.4 การใชบ้ ทบาทสมมุตแิ ละภาษา (ตอ่ )

ที่ทาให้เกิดเหตุการณ์และเรื่องราวต่าง ๆ ในเหตุการณ์หรือสถานการณ์ที่เกิดขึ้น
ในบทละครน้ัน ตัวละครมีความรู้สึกและอารมณ์เช่นใดต่อเหตุการณ์น้ัน ๆ
จากนั้นต้องพิจารณาถึงยุคสมัยของเรื่องราวที่จะแสดงตามบทละครว่าอยู่ในยุคสมัยใด
ตวั ละครทจ่ี ะตอ้ งรบั บทบาทมฐี านะเปน็ อย่างไร

ผู้ แ ส ด ง ล ะ ค ร จ ะ ต้ อ ง ส ะ ท้ อ น ภ า พ ข อ ง ตั ว ล ะ ค ร ที่ จ ะ ต้ อ ง ส ว ม บ ท บ า ท ว่ า
เมื่อตัวละครประสบกับสถานการณ์หน่ึง ๆ ตัวละครน้ันจะมีการแก้ไขปัญหาและ
สถานการณ์เหลา่ นั้นอยา่ งไรบา้ ง

นาฏศลิ ป์ ช้ันมธั ยมBศึกYษ…าปคที ร่ี ๖ูรงุ้

21

4. เทคนคิ พื้นฐานทใี่ ชใ้ นการแสดงละคร

การแสดงละคร ผู้แสดงจะต้องมีเทคนิคพ้ืนฐานท่ีใช้ในการแสดง เพื่อถ่ายทอด
เรื่องราวการแสดงมาสู่ผู้ชมให้ผู้ชมได้เข้าใจ สนุกสนาน และซาบซ้ึงไปกับการแสดง
ซง่ึ เทคนคิ พื้นฐานที่ใชใ้ นการแสดงละคร มีดงั นี้

นาฏศลิ ป์ ชนั้ มัธยมBศกึYษ…าปคที รี่ ๖รู งุ้

22

4.1 การสร้างความเช่ือ

ผแู้ สดงละครจะต้องสร้างความเช่ือมั่นในการสร้างสรรค์ผลงานการแสดงให้แก่ผู้ชม
เมอื่ ผ้ชู มได้ชมก็จะมีความรู้สึกคล้อยตามและเกิดความเชื่อว่า ผู้แสดงได้รู้สึกหรือได้กระทา
เหตุการณ์เหล่านั้นจริง ๆ เช่น การแสดงความเจ็บปวด ผู้แสดงละครก็จะต้องถ่ายทอด
ให้ผู้ชมรู้สึกได้ว่าเจ็บปวดจริง ๆ โดยถ่ายทอดความเจ็บปวดผ่านการกระทา สีหน้า
และการเคล่ือนไหว

นาฏศลิ ป์ ชั้นมัธยมBศึกYษ…าปคีทรี่ ๖ูรงุ้

23

4.2 การแสดงร่วมกบั ผู้อืน่

ในการแสดงจะต้องมีการแสดงร่วมกับผู้อื่น เพราะละครจะต้องประกอบด้วยผู้
แสดงที่สวมบทบาทแตกต่างกันออกไปแต่ต้องสอดคล้องสัมพันธ์กันท้ังหมด ตัวละครหนึ่ง
อาจมีบทบาทให้เกิดการเปลย่ี นแปลงสถานการณข์ องตวั ละครอีกตัวหนึ่ง

ดังนั้นการแสดงร่วมกับผู้อื่นจะเป็นไปในลักษณะของการเชื่อมโยงบทบาทให้
สัมพันธ์กันจนกระท่ังเกิดเป็นเรื่องราวข้ึน ผู้แสดงละครจึงจาเป็นจะต้องมีความเข้าใจและ
รับรู้บทบาทของตัวละครหรือบทบาทของผู้แสดงละครตัวอ่ืน ๆ เพื่อให้การแสดงละคร
รว่ มกันดาเนนิ ไปอย่างเข้าใจร่วมกัน และถ่ายทอดละครออกมาตามแนวทางเดียวกัน

นาฏศลิ ป์ ชน้ั มธั ยมBศึกYษ…าปคีทรี่ ๖ูรงุ้

จบแลว้ จรา้

นาฏศิลป์ ช้ันมธั ยมศกึ ษาปีที่ ๖

นาฏศลิ ป์ ช้นั มัธยมศกึ ษาปที ่ี ๖


Click to View FlipBook Version