The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

รูปแบบหัวโขน ผศ.สุรัฐ บุญทรง ผู้สอน

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by surat boonthrong, 2022-01-11 22:33:52

รูปแบบหัวโขน ผศ.สุรัฐ บุญทรง ผู้สอน

รูปแบบหัวโขน ผศ.สุรัฐ บุญทรง ผู้สอน

องคต – พญาวานร

ลกั ษณะหัวโขน หนา้ วานรปากหบุ สัณฐานปากคล้ายแพะ สีเขียวมรกต หรอื สีเขยี วกลาง สวมมงกุฎสามกลบี
องคตเป็นบุตรพญาพาลีกับนางมณโฑ ฤาษีอังคตทำพธิ ีผ่าตัดออกจากครรภ์นางมณโฑแล้วไปใสใ่ นท้องแพะ สุครีพ
นำถวายตัวต่อพระรามมีบทบาทในการเปน็ ทูตสื่อสารให้ทศกัณฐค์ นื นางสีดาและฆ่า 4 เสนายกั ษต์ าย ครั้นเสรจ็ ศึก
ได้ความดีความชอบเป็นพญาอนิ ทรานุภาพ อปุ ราชเมืองขีดขนิ

พิเภก – พญายักษ์

ลกั ษณะหวั โขนหน้ายักษส์ เี ขียวปากแสยะตาจระเข้สวมมงกฎุ น้ำเต้ากลม กายสเี ขยี วหนง่ึ พกั ตร์ สองกรเป็น
นอ้ งรว่ มบิดามารดากับทศกัณฑ์ ชาติก่อนเปน็ เวสสญุ าณเทพบุตรมาจุติ มีความรอบรคู้ ัมภรี ์ไตรเภทและ
โหราศาสตร์ ดว้ ยความประสงค์ของพระเปน็ เจา้ เพ่ือให้เปน็ ไสศ้ กึ รู้เลห่ ก์ ลของพวกยักษเ์ ปิดเผยใหแ้ ก่พระราม ทศ
กัณฑ์ขับออกจากเมืองเพราะแนะนำให้สง่ นางสดี าคนื จงึ สมัครไปอยกู่ ับพระรามด้วยตรวจดวงชะตาตนเองว่า
พระรามจะเปน็ ผู้อปุ ถมั ภ์มีบทบาทและปฎิบตั หิ น้าทอ่ี ันเปน็ ประโยชน์ในการสงคราม เชน่ การหาฤกษย์ ามการ
ทำนายฝันการบอกวธิ ีแก้กลอุบายการใช้อาวุธและความลับตา่ งๆเพ่ือชัยชนะเสรจ็ ศึกลงกาไดเ้ ปน็ เจ้าลงกามีนามวา่
เทา้ ทศคิริวงศ์ ต่อมาเกดิ กบฏในกรุงลงกาถกู จองจำได้รบั ความช่วยเหลือจากพระรามและหนมุ าน พิเภกมมี เหสีช่อื
นางตรีชฎามีพระธิดาชื่อนางเบญกายมีอาวุธคือกคทากับศรเพ่อื ถือออกรบ

พระราม – พระ

ลกั ษณะหวั โขน หน้าพระสเี ขียวนวล ตอนครองเมืองสวมมงกฎุ ยอดชัยหรือพระมหามงกุฎ ตอนเดนิ ดงสวม
มงกฎุ ยอดเดนิ หน ตอนทรงพรตสวมชฎายอดบวชหรอื ชฎายอดฤาษี กษตั รยิ ์กรุงศรีอยุธยาองคท์ ่ีส่ีกายสเี ขยี วนวล
หน่งึ พักตร์ สองกร คือพระนารายณ์อวตารลงมาเกดิ เป็นโอรสของเท้าทศรถกับนางเกาสรุ ิยา พระรามทรงศรเปน็
อาวุธ เวลาสำแดงอทิ ธิฤทธป์ิ รากฏเปน็ สก่ี ร สง่ เทพอาวุธเชน่ เดียวกบั พระนารายณ์ คือตรี คทาจักรและสังข์ มมี เหสี
ช่อื นางสีดาซ่ึงไดแ้ ก่พระลกั ษมเี ทวี แบง่ ภาคมาช่วยพระรามปราบปรามเหลา่ อสูรรา้ ยผคู้ อยทำลายความสงบสุขของ
โลกมโี อรสชอื่ พระมงกุฎออกเดนิ ดงตามท่ีนางไกยเกษีขอพรเปน็ เวลา 14 ปี ในขณะเดนิ ดงนน้ั ทศกัณฐม์ าลกั นางสี
ดาและเปน็ เหตุให้เกดิ สงครามล้างพวกยักษเ์ มื่อเสร็จศกึ กรุงลงกาแลว้ พระรามยงั ต้องพลัดพรากจากนางสีดาอีก
ด้วยเหตุเข้าใจผิดและระแวงจนกระท่ังพระอิศวรตอ้ งมาไกล่เกล่ยี

ท้าวเวสสวณั (ท้าวกุเวร) – พระ

ลักษณะหัวโขน หวั โขนทำเป็นสองแบบคือทำเปน็ หน้ายกั ษ์ ปากแสยะตาโพรง และหน้าพระสีเขยี ว บางตำรา
ว่าสที องหรือสขี าวสวมมงกุฏนำ้ เต้าสี่เหล่ียม ท้าวกเุ วรหรือเวสสวัณน้ีในเทวภูมวิ า่ เปน็ พวกจตโุ ลกบาลอยสู่ วรรค์ชัน้
จาตมุ หาราชกิ า ได้รบั พรจากพระโปรมให้เปน็ อัมฤทธิ์ เป็นราชาแหง่ ยกั ษ์ทั้งหลาย โลกบาลรกั ษาทิศอดุ ร เปน็ โอรส
พระวศิ รวัสมุนกี ับนางอิฑาวฑิ า ได้รบั พรพระพรหมให้เป็นอมฤต มีมเหสีชื่ออารวี หรือ ฤทธิ กายพิการ ถือคทา มี
ขา 3 ขา มฟี นั 8 ซี่ ม้าทรงสีขาว อยทู่ ปี่ ่าโชตรรฐ เขาพระสุเมรุ บางแหง่ ว่าเป็นโอรสพระปลุ สั ตย์มนุ ี ส่วนท่ีเปน็
เทวดามีกายสีเขียว 1 พักตร์ 2 กร ในบทละครเร่อื งรามเกียรต์เิ ป็นนายกองทัพพระอีศวร มีตำแหน่งเปน็ ยกกระบัตร
แหง่ กองทัพ เมื่อคราวสงครามตรบี ูรมั

วิรุญจำบงั – พญายกั ษ์

ลักษณะหัวโขน หน้ายกั ษส์ ีมอหมกึ ปากขบ ตาจระเขส้ วมมงกฎุ หางไก่ กายสีมอหมึกมี 1 พกั ตร์ 2 กร
บางตำราวา่ ตวั ขาวหวั ดำ หายตัวไดท้ ้งั ต้นทั้งมา้ ยกทัพไปช่วยทศกัณฐ์รบกบั กองทัพพระราม สมทบกับกองทัพของ
ท้าวสัทธาสรู พระรามแผลงศรคา่ ม้าทรง จึงหนีไปซ่อนตวั ในฟองน้ำเชงิ เขาอศั กรรณ หนุมานตามไปฆา่

พระพิฆเนศวร-พระ

ลักษณะหัวโขนหน้าเป็นช้างสีสมั ฤทธิ์หรอื สแี ดง สวมเทริดยอดน้ำเต้าหรือมงกุฎน้ำเตา้ เฟอื ง เทพเจ้าแหง่
ศลิ ปะ พระพิฆเนศวรหรอื พระวฆิ เนศวรน้ี ตามความนยิ มแหง่ ไสยศาสตรว์ ่าเปน็ เจา้ แห่งความรู้ มชี ื่อเรียกอกี หลาย
ช่ือ เปน็ ต้นวา่ อขุรถ คชมุข กรมี ุข เอกทนต์ ลัมพกรรณ ลัมโพทร ทวเิ ทห คเณศ พเิ นศ เปน็ โอรสของพระอศิ วรกับ
พระอุมา มรี ปู ลกั ษณเ์ ป็นมนุษยอ์ ้วนเตย้ี ทอ้ งพลยุ้ หยู าน มเี ศียรเป็นชา้ ง มงี าขา้ งเดียว มีส่กี ร ถอื บว่ งและขอช้าง
ภาพเขยี นบางภาพมถี ือวชั ระบา้ ง จกั รบ้าง สงั ขบ์ ้าง คทาบ้างดอกบวั บ้าง มีพาหนะเป็นหนู ในบทละครเร่อื ง
รามเกียรต์ิเป็นนายกองปีกซ้ายทพั พระอิศวรเม่ือสงครามตีบรู มั ตอ่ มาอวตารเป็นเสนาวานรชอื่ นลิ เอก

ท้าวเวสสวณั (ท้าวกุเวร) – พระ

ลักษณะหัวโขน หวั โขนทำเป็นสองแบบคือทำเปน็ หน้ายกั ษ์ ปากแสยะตาโพรง และหน้าพระสีเขยี ว บางตำรา
ว่าสที องหรือสขี าวสวมมงกุฏนำ้ เต้าสี่เหล่ียม ท้าวกเุ วรหรือเวสสวัณน้ีในเทวภูมวิ า่ เปน็ พวกจตโุ ลกบาลอยสู่ วรรค์ชัน้
จาตมุ หาราชกิ า ได้รบั พรจากพระโปรมให้เปน็ อัมฤทธิ์ เป็นราชาแหง่ ยกั ษ์ทั้งหลาย โลกบาลรกั ษาทิศอดุ ร เปน็ โอรส
พระวศิ รวัสมุนกี ับนางอิฑาวฑิ า ได้รบั พรพระพรหมให้เป็นอมฤต มีมเหสีชื่ออารวี หรือ ฤทธิ กายพิการ ถือคทา มี
ขา 3 ขา มฟี นั 8 ซี่ ม้าทรงสีขาว อยทู่ ปี่ ่าโชตรรฐ เขาพระสุเมรุ บางแหง่ ว่าเป็นโอรสพระปลุ สั ตย์มนุ ี ส่วนท่ีเปน็
เทวดามีกายสีเขียว 1 พักตร์ 2 กร ในบทละครเร่อื งรามเกียรต์เิ ป็นนายกองทัพพระอีศวร มีตำแหน่งเปน็ ยกกระบัตร
แหง่ กองทัพ เมื่อคราวสงครามตรบี ูรมั

พญาสุบรรณ (ครุฑ)-ปกั ษา

ลักษณะหัวโขนหน้าครฑุ สหี งสเ์ สนสวมเทริด เป็นพาหนะของพระนารายณ์ เทพเจ้าแห่งนกท้ังหลายปีก เลบ็ ปากเหมอื นนก
อินทรีย์ ตัวและแขนเป็นคน โอรสของพระกศั ยปประชาบดีกับนางวินะตา มีมเหสีชื่อ อนนะตี หรอื วนิ ายะตา มบี ตุ รชอ่ื สมั พาทที ก่ี บั ส
ดายุ

หนุมาน-พญาวานร

ลักษณะหวั โขน หนา้ วานรปากอา้ สขี าวผ่อง หวั โล้น สวมมาลัยทอง มเี ข้ียวแก้วอยกู่ ลางเพดานปาก นอกจากน้มี ีการทำ
หวั โขนหนา้ หนุมานอกี หลายแบบ คอื ตอนแผลงฤทธ์ิมสี หี น้าเปน็ หนา้ ปกติ 1 หน้า และมีหนา้ เล็ก 3 หนา้ ที่ด้านหลงั ตอนทรงเคร่ือง
(อาสาพระรามล่อลวงทศกัณฐ)์ สวมชฎายอดกาบไผ่ เดินหนของอินทรชิต ตอนครองเมืองสวมมงกุฎยอดชัย ตอนออกบวชสวมชฎา
ยอดฤาษี นอกจากนยี้ งั มีการทำหนา้ หนุมานเปน็ หน้ามุกอกี ดว้ ย ในบทละครเรอ่ื งรามเกียรต์ิพระราชนพิ นธร์ ัชกาลที่1 กลา่ ววา่ หนุ
มานเปน็ บตุ รพระพายและนางสวาหะ เกิดวันอังคาร เดอื น 3 ปขี าล คลอดออกมาทางปากแม่ ตัวโตเทา่ กับอายุ 16 ปี แผลงฤทธิ์
เปน็ 4หน้า 8 มือ หาวเปน็ ดาวเปน็ เดอื น มีกุณฑล ขนเพชร เข้ยี วแกว้ ถวายตัวตอ่ พระราม เป็นผ้ทู ำการสำคญั ๆหลายครัง้ ในศึกกรงุ
ลงกา เมื่อเสร็จศกึ พระรามประธานความชอบให้เปน็ พระยาอนุชิตจกั รกฤษณพ์ ิพฒั นพ์ งศา ครองเมอื งนพบรุ ี ไดน้ างบุษมาลี นาง
เบญจกาย นางสุพรรณมจั ฉา นางวานริน และนางสวุ รรณกันยมุ า เป็นเมีย มีบตุ รชื่อมจั ฉาน(ุ เกดิ กับนางสพุ รรณมจั ฉา) และอสรุ ผดั
(เกดิ กบั นางเบญกาย)

วศิ นกุ รรม หรอื วิศวกรรม หรือ วิษณกุ รรม – พระ

ลกั ษณะหัวโขน หนา้ พระสีเขยี ว หวั โล้น ที่ผมเขยี นเป็นลายดอกไม้ หวั โขนอีกแบบหนง่ึ โพกผ้าหรือสวมมงกฎุ น้ำเตา้ หรอื

เทรดิ ยอดนำ้ เต้า อำมาตยพ์ ระอนิ ทร์คนที่ 3 เปน็ เทวดานายช่างของพระอินทรค์ ูก่ ับวศิ วพรหมซึ่งเปน็ นายช่างของพระพรหม ได้ท

หนา้ ท่ยี กกระบตั รทัพแหง่ พระอนิ ทร์ เมื่อคราวรกบั อินทรชติ

รามสรู - อสรู เทพบตุ ร

ลักษณะหัวโขน หนา้ ยกั ษส์ ีเขยี วหรือสีทอง ปากขบตาโพลง สวมมงกฎุ กาบไผ่มที ง้ั จอนหูแบบยักษ์ และ
จอนหมู นษุ ย์ อีกแบบหน่ึงจะสวมชฎาดอกลำโพงแบบหัวโขนหน้าฤาษี กายสเี ขยี วและทำเป็นหน้าทองอีกแบบหนง่ึ
มี 1 พักตร์ 2 กร มีขวานเพชรเป็นอาวุธ เปน็ ผูม้ ีอปุ นิสยั เกเร ในบทละครเร่ืองรามเกียรติก์ ลา่ วถงึ ตอนฤดวู สันต์
เทวดานางฟ้าจบั ระบำเลน่ นักขัตฤกษ์ รามสรู ไลจ่ บั นางเมขลาลอ่ แกว้ พบอรชุนเหาะมา สรู้ บกัน และจับอรชนุ ฟาด
เขาพระสเุ มรตุ าย อกี ตอนหนึง่ รามสูรเที่ยวประพาสปา่ พบขบวนพระรามซงึ่ กลบั จากการอภิเษกนางสดี าเพ่ือไปอ
โยธยา รบกับพระรามพ่ายแพ้ พระรามไว้ชวี ิตจึงได้ถวายศรให้พระราม

รามสรู - อสรู เทพบตุ ร

ลักษณะหัวโขน หนา้ ยกั ษส์ ีเขยี วหรือสีทอง ปากขบตาโพลง สวมมงกฎุ กาบไผ่มที ง้ั จอนหูแบบยักษ์ และ
จอนหมู นษุ ย์ อีกแบบหนึง่ จะสวมชฎาดอกลำโพงแบบหัวโขนหน้าฤาษี กายสเี ขยี วและทำเป็นหน้าทองอีกแบบหนง่ึ
มี 1 พักตร์ 2 กร มีขวานเพชรเป็นอาวุธ เปน็ ผูม้ ีอปุ นิสยั เกเร ในบทละครเร่ืองรามเกียรติก์ ล่าวถงึ ตอนฤดูวสนั ต์
เทวดานางฟ้าจบั ระบำเลน่ นักขัตฤกษ์ รามสรู ไลจ่ บั นางเมขลาลอ่ แกว้ พบอรชุนเหาะมา สรู้ บกัน และจบั อรชุนฟาด
เขาพระสเุ มรตุ าย อกี ตอนหนึง่ รามสูรเที่ยวประพาสปา่ พบขบวนพระรามซงึ่ กลบั จากการอภเิ ษกนางสีดาเพื่อไปอ
โยธยา รบกับพระรามพ่ายแพ้ พระรามไว้ชวี ิตจึงได้ถวายศรให้พระราม

วิรุฬหก - พญารากษส

ลกั ษณะหวั โขนหน้ายกั ษส์ ขี าว บางตำราวา่ สเี ขียวขาบ บางแหง่ ว่าสีม่วงแก่ ปากแสยะ ตาโพลง บางแห่งวา่
ตาจระเข้ สวมมงกฎุ ยอดนาค มเี ครอ่ื งประดับกายล้วนแลว้ แต่นาคอันมีพิษ กายสขี าบบางตำราสเี ขียวขาบ มี 1
พักตร์ 2 กร อาศัยอยู่ใต้พน้ื ดินระหวา่ งเขาตีกูฎครองเมืองมาหาอนั ธกาลไปเขา้ เฝ้าพระอิศวรปีละเจด็ ครั้ง ครั้งหน่งึ
ขณะขึ้นบนั ไดไปยังเขาไกลลาสสำคญั ว่าพระอิศวรประทบั อยู่ กถ็ วายบังคมข้ึนไปทุกขนั้ บันได ตุ๊กแกตัวหนงึ่ ซึ่ง
อาศัยอยบู่ นยอดเขาเห็นจงึ ล้อเลยี นด้วยการรอ้ งตุ๊กแกและผงกข้ึนลงทุกคร้ังที่วิรฬุ หกกม้ ลงกราบ วริ ุฬหกโกรธจึง
ถอดสังวาลนาคขว้างตกุ๊ แกตายคาทีม่ ผี ลทำใหเ้ ขาไกลลาสเอียงไปด้วย ทศกณั ฐ์เป็นผผู้ ลักเขาใหต้ รง

พระพรต-พระ

ลกั ษณะหัวโขน หน้าพระสีแดงชาด สวมชฎามนุษย์หรอื มงกฎุ ยอดชยั หรือมงกฎุ ยอดเดินหน เปน็ อนุชาของ
พระรามกายสแี ดงชาด 1 พักตร์ 2 กร คอื จักรพระนารายณ์อวตารมาเกดิ เปน็ โอรสท้าวทศรถกบั นางไกยเกษี
ไปอย่เู มอื งไกยเกษกับท้าวไกยเกษพร้อมกบั พระสตั รดุ เมื่อพระรามออกเดินดงพระพรตไมย่ อมรบั ราชสมบตั ิแต่จะ
รักษากรุงอโยธยาไวจ้ นกวา่ พระรามจะกลบั คนื เมือง เมื่อเสร็จศกึ กรงุ ลงกาและพระรามกลับมาของอาโยธยาแล้ว
พระพรตมีบทบาทในการรบศึกกบฏกรงุ ลงกาและศกึ เมอื งมลิสัน รวมทง้ั กอบกู้เมืองไกยเกษคืนจากเทา้ คนธรรพ์นุ
ราช หลังจากนัน้ กลบั ไปกำกบั ราชการท่ีเมืองไกยเกษตามเดิม

มหายมยกั ษ์ (ท้าวศากยวงศา มหายมยกั ษ์) - พญายักษ์

ลกั ษณะหวั โขน หนา้ ยักษส์ แี ดงชาด ปากแสยะตาโพลง สวมมงกฎุ ห่างไก่ กายสีแดงชาด มี 1 พักตร์ 2 กร
เป็นโอรสเท้าสหมะลวิ ัน ครองราชยต์ อ่ จากท้าวสหมะลวิ ัน มนี ามว่าทา้ วศากยวงศามหายมยักษ์ มมี เหสชี อ่ื นาง
จันทรประภา มธี ิดาชือ่ พริ ากวน โอรสชอ่ื ไมยราพณ์ มคี วามเกลียดชังทศกัณฐ์มาก กอ่ นส้ินชพี ยงั เรยี กโอรสธิดาและ
ชายามาสัง่ ห้ามมิให้คบหาทศกณั ฐ์ มบี ทบาทในบทละครเร่ืองรามเกียรติต์ อนออกรบป้องกนั เมืองสมทบกับกองทพั
ของท้าวลสั เตียนซง่ึ ยกมาชว่ ย เมอ่ื ครั้งทา้ วกาลนาคยกทัพมารกุ รานเมืองบาดาล

พิเภก – พญายักษ์

ลักษณะหัวโขน หนา้ ยกั ษ์สเี ขียวปากแสยะตาจระเข้สวมมงกฎุ น้ำเตา้ กลม กายสีเขยี วหน่งึ พักตร์ สองกรเปน็
นอ้ งรว่ มบดิ ามารดากับทศกณั ฑ์ ชาตกิ ่อนเป็นเวสสญุ าณเทพบุตรมาจตุ ิ มีความรอบรู้คัมภีร์ไตรเภทและ
โหราศาสตร์ ดว้ ยความประสงคข์ องพระเป็นเจา้ เพ่ือให้เปน็ ไสศ้ กึ รู้เล่หก์ ลของพวกยักษ์เปิดเผยใหแ้ ก่พระราม ทศ
กณั ฑ์ขบั ออกจากเมืองเพราะแนะนำใหส้ ่งนางสดี าคนื จงึ สมัครไปอยู่กบั พระรามดว้ ยตรวจดวงชะตาตนเองวา่
พระรามจะเปน็ ผู้อุปถมั ภ์มีบทบาทและปฎิบัตหิ นา้ ทอ่ี นั เป็นประโยชนใ์ นการสงคราม เช่นการหาฤกษ์ยามการ
ทำนายฝันการบอกวิธแี ก้กลอุบายการใช้อาวธุ และความลบั ตา่ งๆเพ่ือชยั ชนะเสรจ็ ศึกลงกาได้เป็นเจ้าลงกามนี ามว่า
เท้าทศคริ ิวงศ์ ต่อมาเกิดกบฏในกรงุ ลงกาถูกจองจำได้รับความชว่ ยเหลือจากพระรามและหนุมาน พิเภกมีมเหสีชื่อ
นางตรชี ฎามีพระธดิ าชื่อนางเบญกาย มีอาวธุ คือกคทากบั ศรเพือ่ ถือออกรบ

นารายณ์ – พระ

ลกั ษณะหวั โขน หนา้ สดี อกตะแบก สวมมงกุฎยอดเดนิ หน หรือมงกฎุ ยอดชยั เทพเจ้าผ้รู ักษาความดี
พระนารายณ์อยู่ในตำแหนง่ พระมเหสักขเทวราชองคท์ ่ีสองแหง่ พระเป็นเจ้าทัง้ 3 ของพราหมณ์ มีชอื่ หลายชื่อ
ตามฤทธ์ตามเดชและเหตุการณ์

นนยุพักตร์ - ยักษ์

ลักษณะหัวโขน หน้ายักษ์สีเขียวปากขบตาจระเข้ บางแหง่ วา่ ปากแสยะตาโพลงสวมมงกฎุ น้ำเตา้ กลม กายสี
เขียว มี 1 พักตร์ 2 กร เปน็ โอรสองค์ท่ี 3 ของเทา้ จักรวรรดแิ ละนางวชั นสี รู นอ้ งชายของสรุ ิยาภพและบรรลยั
จกั ร ไปทำพธิ ตี บะกรรมท่ีเขามารัน เพ่ือขอพรจากพระเปน็ เจา้ ทงั้ สามองค์ ต้ังแตอ่ ายุ 10 ปจี นถงึ 100 ปกี ย็ ังไมท่ ัน
สำเร็จเกดิ ความร้อนรุ่ม เหตสุ ังหรณ์ต่างๆทำให้นกึ ถึงพระบิดาพระมารดาจึงออกจากพิธี ทราบการศึก ออกรบและ
ตายด้วยศรพระสตั รดุ

ชมพพู าน - พญาวานร

ลักษณะหัวโขน หน้าวานรปากอ้าสหี งชาด สวมชฎายอดชัย มกี ำเนิดจากพระอิศวรทรงชบุ ขน้ึ จากเหงื่อไคล
และยกให้เป็นบุตรบุญธรรมของพาลี สุครีพพาไปถวายตัวตอ่ พระรามมีความรทู้ างตำรายา เป็นแพทย์ประจำ
กองทพั พระราม เมื่อเสรจ็ ศึกสงครามได้ความชอบเป็นเจ้าเมืองปางตาลและเปน็ ผสู้ ื่อสารในศึกพระพรตกับทา้ ว
ทศพิน และแสดงศักดาถบี และเหยียบอกทศพิน

พรหมธาดา - พระ

ลกั ษณะหัวโขน หน้าพระสีขาว 4 หนา้ ทำหวั โขนเป็นสองแบบ คอื แบบแรกทำเป็นหนา้ สองช้นั ชน้ั แรกเปน็
หน้าปกติ 1 หน้า ชั้นทีส่ องทำเป็นหน้าเล็ก 3 หนา้ สวมมงกุฎชยั แบบทสี่ องทำเป็นหนา้ ชั้นเดียวมหี น้าปกติ 1 หน้า
หนา้ เล็ก 3 หน้าเรยี งไว้ตรงท้ายทอย สวมมงกุฎน้ำเตา้ ห้ายอด หัวน้ีอาจใช้แสดงสหบดีพรหมและท้าวมาลวี ราชด้วย
เทพเจา้ แห่งพรมวิหารเป็นพระมเหสกั ขเทวราช องค์ทสี่ าม ผู้เป็นเจา้ เป็นใหญ่ในช้นั พรหมมี สบิ พักตร์ แปดกร ถือ
ธารพระกร ช้อนหม้อน้ำ คัมภีร์มปี ระคำคลอ้ งพระศอ มีธนชู ื่อปรวตี ะ มีหงสเ์ ป็นพาหนะ พระพรหมมีกายสีขาวเป็น
ผู้มีนำ้ พระทัยกอปรด้วยเมตตา กรณุ ามุทิตา อุเบกขา ทางพุทธศาสนาจงึ ให้เรยี กว่าพรหมวหิ าร

ท้าวเวสสวณั (ท้าวกุเวร) – พระ

ลักษณะหัวโขน หวั โขนทำเป็นสองแบบคือทำเปน็ หน้ายกั ษ์ ปากแสยะตาโพรง และหน้าพระสีเขยี ว บางตำรา
ว่าสที องหรือสขี าวสวมมงกุฏนำ้ เต้าสี่เหล่ียม ท้าวกเุ วรหรือเวสสวัณน้ีในเทวภูมวิ า่ เปน็ พวกจตโุ ลกบาลอยสู่ วรรค์ชัน้
จาตมุ หาราชกิ า ได้รบั พรจากพระโปรมให้เปน็ อัมฤทธิ์ เป็นราชาแหง่ ยกั ษ์ทั้งหลาย โลกบาลรกั ษาทิศอดุ ร เปน็ โอรส
พระวศิ รวัสมุนกี ับนางอิฑาวฑิ า ได้รบั พรพระพรหมให้เป็นอมฤต มีมเหสีชื่ออารวี หรือ ฤทธิ กายพิการ ถือคทา มี
ขา 3 ขา มฟี นั 8 ซี่ ม้าทรงสีขาว อยทู่ ปี่ ่าโชตรรฐ เขาพระสุเมรุ บางแหง่ ว่าเป็นโอรสพระปลุ สั ตย์มนุ ี ส่วนท่ีเปน็
เทวดามีกายสีเขียว 1 พักตร์ 2 กร ในบทละครเร่อื งรามเกียรต์เิ ป็นนายกองทัพพระอีศวร มีตำแหน่งเปน็ ยกกระบัตร
แหง่ กองทัพ เมื่อคราวสงครามตรบี ูรมั

พระราม – พระ

ลักษณะหัวโขนหนา้ พระสีเขยี วนวล ตอนครองเมืองสวมมงกุฎยอดชัยหรือพระมหามงกฎุ ตอนเดินดงสวม
มงกฎุ ยอดเดนิ หน ตอนทรงพรตสวมชฎายอดบวชหรอื ชฎายอดฤาษี กษตั รยิ ์กรุงศรอี ยธุ ยาองค์ที่ 4 กายสเี ขียวนวล
1 พักตร์ 2 กร คือพระนารายณ์อวตารลงมาเกดิ เป็นโอรสของเท้าทศรถกบั นางเกาสุรยิ า ปกติพระรามทรงศรเป็น
อาวุธ เวลาสำแดงอิทธิฤทธป์ิ รากฏเปน็ สี่กร สง่ เทพอาวุธเชน่ เดยี วกับพระนารายณ์ คือตรี คทาจักรและสงั ข์ มีมเหสี
ชื่อนางสีดาซึ่งได้แก่พระลกั ษมีเทวี แบ่งภาคมาช่วยพระรามปราบปรามเราอสูรรา้ ยผู้คอยทำลายความสงบสขุ ของ
โลกมโี อรสช่อื พระมงกฎุ ออกเดินดงตามท่ีนางไกยเกษีขอพรเป็นเวลา 14 ปี ในขณะเดินดงน้ันทศกัณฐ์มาลักนางสี
ดาและเป็นเหตุให้เกิดสงครามล้างพวกยักษ์เมื่อเสร็จศึกกรุงลงกาแล้วพระรามยังต้องพลัดพรากจากนางสีดาอีก
ด้วยเหตเุ ข้าใจผดิ และระแวงจนกระทั่งพระอิศวรตอ้ งมาไกลเ่ กลีย่

พระพฆิ เนศวร-พระ

ลักษณะหัวโขน หนา้ เปน็ ช้างสีสัมฤทธห์ิ รือสแี ดง สวมเทรดิ ยอดน้ำเต้าหรอื มงกุฎน้ำเตา้ เฟอื ง เทพเจ้าแหง่
ศลิ ปะ พระพิฆเนศวรหรือพระวฆิ เนศวรน้ี ตามความนิยมแหง่ ไสยศาสตรว์ ่าเป็นเจ้าแหง่ ความรู้ มชี ่อื เรียกอกี หลาย
ช่ือ เป็นต้นวา่ อขุรถ คชมขุ กรีมขุ เอกทนต์ ลัมพกรรณ ลัมโพทร ทวิเทห คเณศ พเิ นศ เป็นโอรสของพระอศิ วรกับ
พระอุมา มีรปู ลักษณเ์ ป็นมนุษยอ์ ้วนเตยี้ ท้องพลุ้ย หูยาน มเี ศยี รเปน็ ชา้ ง มีงาข้างเดยี ว มีส่ีกร ถอื บว่ งและขอช้าง
ภาพเขยี นบางภาพมถี ือวัชระบา้ ง จกั รบ้าง สังข์บ้าง คทาบ้างดอกบัวบ้าง มีพาหนะเป็นหนู ในบทละครเร่อื ง
รามเกียรต์ิเปน็ นายกองปกี ซ้ายทพั พระอิศวรเม่ือสงครามตีบรู ัม ต่อมาอวตารเปน็ เสนาวานรชือ่ นลิ เอก

วริ ุฬหก - พญารากษส

ลักษณะหวั โขน หนา้ ยกั ษส์ ขี าว บางตำราวา่ สีเขียวขาบ บางแห่งวา่ สมี ่วงแก่ ปากแสยะ ตาโพลง บางแห่งวา่
ตาจระเข้ สวมมงกุฎยอดนาค มีเครื่องประดับกายลว้ นแลว้ แต่นาคอนั มพี ิษ กายสขี าบบางตำราสเี ขียวขาบ มี 1
พักตร์ 2 กร อาศยั อยใู่ ต้พื้นดินระหวา่ งเขาตีกูฎครองเมืองมาหาอนั ธกาลไปเข้าเฝา้ พระอิศวรปีละเจด็ ครั้ง ครั้งหน่งึ
ขณะข้ึนบนั ไดไปยงั เขาไกลลาสสำคัญวา่ พระอิศวรประทบั อยู่ กถ็ วายบังคมขน้ึ ไปทุกขนั้ บนั ได ตุ๊กแกตัวหนงึ่ ซึ่ง
อาศัยอยบู่ นยอดเขาเหน็ จงึ ล้อเลยี นดว้ ยการรอ้ งตุ๊กแกและผงกข้ึนลงทุกคร้งั ท่ีวริ ฬุ หกกม้ ลงกราบ วิรุฬหกโกรธจึง
ถอดสังวาลนาคขวา้ งตกุ๊ แกตายคาท่ีมีผลทำให้เขาไกลลาสเอียงไปด้วย ทศกณั ฐ์เป็นผ้ผู ลกั เขาใหต้ รง

ประโคนธรรม – เทพคนธรรมพ์

ลกั ษณะหวั โขน หน้ามนษุ ย์สีหงเสน (อฐิ อ่อน) หรือสแี ดงเสน สวมมกฎุ น้ำเต้า เป็นชาวสวรรคอ์ าศัยอยเู่ ชงิ
เขายุคนั ธร กายสหี งเสน ๑ หน้า ๒ มือ มลี กั ษณะเด่น คือ มีลายเปน็ วงทกั ขนิ าวัฏทั้งตัว ถอื พระขรรคเ์ ปน็ อาวธุ
ปรากฏช่อื คร้ังพระรามใหไ้ ปเลอื กชัยภมู ิสำหรับตัง้ ฐานทัพ

อากาศตะไล – นางอสรู

ลักษณะหัวโขน หน้ายักษส์ แี ดงเสน ๔ หน้า มหี นา้ ปกติ ๑ หนา้ หน้าเล็กด้านหลงั อีก ๓ หน้าตรงท้ายทอย
ปากแสยะตาโพลง สวมมกฎุ น้ำเตา้ ๕ ยอด กายสีแดงเสน มี ๔ หนา้ ๘ มือ เปน็ เสื้อเมอื งลงกา มีช่อื เฉพาะว่า
อากาศตะไล ทำหน้าทเี่ ปน็ กองตะเวนเฝ้ากรงุ ลงกา

อศิ วร-พระ

ลักษณะหวั โขน หน้าพระสขี าวสวมมงกุฎนำ้ เต้ากาบ นอกจากนย้ี งั มกี ารทำมงกฎุ เป็นยอดต่างๆอีกเชน่ ยอดนำ้ เตา้ กาบทรง
ปลี ยอดน้ำเต้ากาบทดั จนั ทร์ ยอดนำ้ เต้ากาบปลายสะบดั เปน็ ตน้ เทพเจ้าผู้สรา้ งโลกผู้เปน็ ใหญใ่ นเรอ่ื งรามเกยี รติ์ กายสขี าว 1 พตั ร์
4 กร เปน็ มเหสักขเทวราชองค์ท่ี 1 สถติ ทยี่ อดเขาไกรลาส มีมเหสี 3 พระองค์ ทรงนามว่า อุมาภควดี มเหศวรีและ สรสั วดี มีโอรสช่อื
พระขนั ธกมุ าร พระพเิ นศ และพระพินาย พระอศิ วรมพี ระนามต่างๆดงั น้ี พระเป็นเจา้ พระศุลี พระจอมไกรลาส พระสยมภูวญาณ
พระสยมภูวนาถ พระตรภี ูวนาถ พระอศิ รา พระอิศโรโมลี ทรงโคเป็นพาหนะ บางทกี ็ทรงช้าง

พรหมธาดา - พระ

ลกั ษณะหัวโขน หนา้ พระสขี าว 4 หนา้ ทำหวั โขนเป็นสองแบบ คอื แบบแรกทำเป็นหนา้ สองช้ัน ชน้ั แรกเปน็
หน้าปกติ 1 หน้า ชั้นทีส่ องทำเปน็ หนา้ เลก็ 3 หนา้ สวมมงกุฎชยั แบบทสี่ องทำเป็นหนา้ ชั้นเดียวมหี นา้ ปกติ 1 หน้า
หนา้ เล็ก 3 หน้าเรยี งไว้ตรงท้ายทอย สวมมงกุฎน้ำเตา้ หา้ ยอด หวั น้ีอาจใช้แสดงสหบดีพรหมและท้าวมาลวี ราชด้วย
เทพเจา้ แห่งพรมวิหารเป็นพระมเหสักขเทวราช องค์ท่สี าม ผู้เป็นเจา้ เป็นใหญใ่ นช้นั พรหมมี สบิ พักตร์ แปดกร ถือ
ธารพระกร ช้อนหม้อน้ำ คัมภรี ม์ ีประคำคลอ้ งพระศอ มีธนูชือ่ ปรวีตะ มีหงสเ์ ป็นพาหนะ พระพรหมมกี ายสีขาวเป็น
ผู้มีนำ้ พระทัยกอปรด้วยเมตตา กรุณามุทิตา อุเบกขา ทางพุทธศาสนาจงึ ให้เรยี กว่าพรหมวหิ าร

อนิ ทรชติ หรือรนพกั ตร์-พญายักษ์

ลักษณะหวั โขน หน้ายักษส์ เี ขยี ว ปากขบ ตาโพลง เข้ยี วคดุ (ดอกมะล)ิ สวมชฎามนษุ ย์ หรอื ชฎายอดกาบไผเ่ ดนิ หนแบบ
พระอนิ ทร์ จอหน์ หูมี 2 แบบคอื จอนหแู บบมนุษย์และจอนหูแบบยกั ษ์ นอกจากนี้ยังมหี น้าเปน็ สีทองอีกแบบหน่ึง และในตอนเปน็
เด็กสวมกระบังหนา้ มเี กี้ยวรดั จกุ (ชฎาเด็กหรอื หวั กมุ ารไว้จุก) กายสเี ขียว 1พัตร์ 2 กร เปน็ โอรสทศกณั ฐก์ ับนางมณโฑ มมี เหสชี อ่ื นาง
สุวรรณกนั ยมุ า มีบตุ รชื่อยามลิวนั และกันยุเวก อนิ ทรชิตเดิมช่อื รณพตั ร์ เมื่อรบชนะพระอินทร์ ทศกณั ฐ์จึงตง้ั ชอ่ื ใหว้ ่าอนิ ทรชิต ได้รับ
พรจากพระเปน็ เจ้า 3 องค์ คือพระอิศวร พระพรหม และพระนารายณ์ มีอทิ ธฤิ ทธมิ์ ากรบกับพระรามหลายครงั้ หลายหนตายดว้ ยศร
พระลักษมณ์ท่ีเนนิ เขาจักรวาล ตอนตายองคตตอ้ งนำพานจากพระพรหมธาดามารองรับเศยี รอนิ ทรชิตเพอื่ มิให้ตกถงึ พื้นเพราะจะ
เกดิ ไฟไหม้ทัว่ ท้ังจักรวาล

อนิ ทรชติ หรือรนพกั ตร์-พญายักษ์

ลักษณะหวั โขน หน้ายักษส์ เี ขยี ว ปากขบ ตาโพลง เข้ยี วคดุ (ดอกมะล)ิ สวมชฎามนุษย์ หรอื ชฎายอดกาบไผเ่ ดนิ หนแบบ
พระอนิ ทร์ จอหน์ หูมี 2 แบบคอื จอนหแู บบมนุษย์และจอนหูแบบยกั ษ์ นอกจากนี้ยังมหี นา้ เป็นสีทองอกี แบบหน่ึง และในตอนเปน็
เด็กสวมกระบังหนา้ มเี กี้ยวรดั จกุ (ชฎาเด็กหรอื หวั กมุ ารไว้จุก) กายสเี ขียว 1พัตร์ 2 กร เปน็ โอรสทศกณั ฐ์กบั นางมณโฑ มมี เหสชี ่อื นาง
สุวรรณกนั ยมุ า มีบตุ รชื่อยามลิวนั และกันยุเวก อนิ ทรชิตเดิมช่อื รณพตั ร์ เมื่อรบชนะพระอินทร์ ทศกณั ฐจ์ ึงตัง้ ชอ่ื ให้ว่าอนิ ทรชิต ได้รับ
พรจากพระเปน็ เจ้า 3 องค์ คือพระอิศวร พระพรหม และพระนารายณ์ มีอทิ ธฤิ ทธมิ์ ากรบกับพระรามหลายครง้ั หลายหนตายดว้ ยศร
พระลักษมณ์ท่ีเนนิ เขาจักรวาล ตอนตายองคตตอ้ งนำพานจากพระพรหมธาดามารองรับเศียรอนิ ทรชติ เพอ่ื มิใหต้ กถงึ พน้ื เพราะจะ
เกดิ ไฟไหม้ทัว่ ท้ังจักรวาล

พระลกั ษณ์ – พระ

ลักษณะหัวโขน หนา้ พระสีทอง สวมมงกุฎยอเดนิ หน หรอื มงกุฎชยั หรือพระมหามงกุฎ ตอนทรงพรตสวม
ชฎายอดบวชหรือชฎายอดฤาษี เปน็ อนชุ าขอพระราม กายสีทอง ๑ พกั ตร์ ๒ กร คือ บัลลงั ก์นาคและสังข์ของพระ
นารายณ์อวตารลงมาเกดิ เปน็ โอรสทา้ วทศรถกบั นางสมุทรชา เมอ่ื พระรามออกเดนิ ดงขอตามเสดจ็ ด้วย ตรากตรำ
ทำศกึ ขับเคยี่ วกบั เหล่าอสูรตลอดระยะเวลา ๑๔ ปี

ทา้ วมหาชมพู – พญาวานร

ลักษณะหวั โขน หนา้ วานรปากอา้ สีขาบ หรือสีดังปีกแมลงทับ สวมชฎาหรอื มงกฎุ ยอดชัย มฤี ทธเ์ิ ดชมากไม่
ยอมไหวใ้ ครนอกจากพระนารายณแ์ ละพระอศิ วร ปกครองเมอื งชมพู เปน็ พนั ธมติ รกับพญากากาศเมืองขดี ขิน

นารายณ์ – พระ

ลกั ษณะหวั โขน หนา้ สดี อกตะแบก สวมมงกุฎยอดเดินหน หรือมงกฎุ ยอดชัย เทพเจ้าผู้รกั ษาความดี
พระนารายณ์อยู่ในตำแหนง่ พระมเหสักขเทวราชองคท์ ่ีสองแหง่ พระเป็นเจา้ ทส้ั ามของพราหมณ์ มีชือ่ หลายช่ือ
ตามฤทธ์ตามเดชและเหตุการณ์

นารายณ์ – พระ

ลกั ษณะหวั โขน หนา้ สดี อกตะแบก สวมมงกุฎยอดเดินหน หรือมงกฎุ ยอดชัย เทพเจ้าผู้รกั ษาความดี
พระนารายณ์อยู่ในตำแหนง่ พระมเหสักขเทวราชองคท์ ่ีสองแหง่ พระเป็นเจา้ ทส้ั ามของพราหมณ์ มีชือ่ หลายช่ือ
ตามฤทธ์ตามเดชและเหตุการณ์

วิรปู ักษ์ – พระ

ลักษณะหวั โขน หนา้ พระสขี าว หรอื สมี ว่ งออ่ น สวมมงกุฎยอดนาค หรอื มงกฎุ ชัย (บางตำราว่ามงกฎุ ยอด
เดินหน) ราชาแหน่ าคท้ังหลาย โลกาละครองทศิ ประจมิ กายสีขาว บางตำราว่าสีมว่ งอ่อน มี ๑ พักตร์ ๒ กร ใน
บทละครเร่ืองรามเกียรต์ิ อวตารเปน็ เสนาวานรชอ่ื มายูร

อิศวร-พระ

ลักษณะหวั โขน หน้าพระสขี าวสวมมงกุฎนำ้ เต้ากาบ นอกจากนย้ี งั มกี ารทำมงกฎุ เป็นยอดต่างๆอีกเชน่ ยอดนำ้ เตา้ กาบทรง
ปลี ยอดน้ำเต้ากาบทดั จนั ทร์ ยอดนำ้ เต้ากาบปลายสะบดั เปน็ ตน้ เทพเจ้าผู้สรา้ งโลกผู้เปน็ ใหญใ่ นเรอ่ื งรามเกยี รติ์ กายสขี าว 1 พตั ร์
4 กร เปน็ มเหสักขเทวราชองค์ท่ี 1 สถติ ทยี่ อดเขาไกรลาส มีมเหสี 3 พระองค์ ทรงนามวา่ อุมาภควดี มเหศวรีและ สรสั วดี มีโอรสช่อื
พระขนั ธกมุ าร พระพเิ นศ และพระพินาย พระอศิ วรมพี ระนามต่างๆดงั น้ี พระเป็นเจ้า พระศุลี พระจอมไกรลาส พระสยมภูวญาณ
พระสยมภูวนาถ พระตรภี ูวนาถ พระอศิ รา พระอิศโรโมลี ทรงโคเปน็ พาหนะ บางทกี ็ทรงช้าง

พิเภก – พญายักษ์

ลกั ษณะหัวโขน หนา้ ยักษ์สเี ขยี วปากแสยะตาจระเขส้ วมมงกุฎนำ้ เต้ากลม กายสีเขียว 1 พักตร์ 2 กรเป็น
น้องรว่ มบิดามารดากับทศกณั ฑ์ ชาตกิ ่อนเปน็ เวสสุญาณเทพบุตรมาจตุ ิ มคี วามรอบรู้คัมภีร์ไตรเภทและ
โหราศาสตร์ ด้วยความประสงคข์ องพระเป็นเจา้ เพ่ือใหเ้ ป็นไส้ศึกรเู้ ล่หก์ ลของพวกยักษเ์ ปิดเผยใหแ้ ก่พระราม ทศ
กัณฑ์ขับออกจากเมืองเพราะแนะนำใหส้ ่งนางสดี าคืนจงึ สมัครไปอยู่กบั พระรามดว้ ยตรวจดวงชะตาตนเองวา่
พระรามจะเป็นผู้อปุ ถมั ภม์ ีบทบาทและปฎิบตั ิหนา้ ทอ่ี นั เป็นประโยชน์ในการสงคราม เชน่ การหาฤกษ์ยามการ
ทำนายฝันการบอกวธิ แี ก้กลอุบายการใชอ้ าวุธและความลบั ตา่ งๆเพ่ือชยั ชนะเสรจ็ ศึกลงกาไดเ้ ป็นเจ้าลงกามนี ามว่า
เท้าทศคริ วิ งศ์ ต่อมาเกดิ กบฏในกรุงลงกาถกู จองจำได้รับความช่วยเหลือจากพระรามและหนุมาน พิเภกมีมเหสชี อื่
นางตรีชฎามพี ระธดิ าชื่อนางเบญกายมีอาวุธคอื กคทากับศรเพือ่ ถอื ออกรบ

พญาสบุ รรณ (ครฑุ )-ปกั ษา

ลักษณะหัวโขน หน้าครุฑสหี งสเ์ สนสวมเทริด เปน็ พาหนะของพระนารายณ์ เทพเจา้ แห่งนกทง้ั หลายปีก เล็บ ปากเหมอื นนก
อินทรีย์ ตวั และแขนเป็นคน โอรสของพระกศั ยปประชาบดกี ับนางวนิ ะตา มีมเหสชี ือ่ อนนะตี หรือวนิ ายะตา มบี ตุ รช่อื สมั พาทที ก่ี บั ส
ดายุ

อนิ ทรชติ หรือรนพกั ตร์-พญายักษ์

ลักษณะหวั โขน หน้ายักษส์ เี ขยี ว ปากขบ ตาโพลง เข้ยี วคดุ (ดอกมะล)ิ สวมชฎามนษุ ย์ หรอื ชฎายอดกาบไผเ่ ดนิ หนแบบ
พระอนิ ทร์ จอหน์ หูมี 2 แบบคอื จอนหแู บบมนุษย์และจอนหูแบบยกั ษ์ นอกจากนี้ยังมหี น้าเปน็ สีทองอีกแบบหน่ึง และในตอนเปน็
เด็กสวมกระบังหนา้ มเี กี้ยวรดั จกุ (ชฎาเด็กหรอื หวั กมุ ารไว้จุก) กายสเี ขียว 1พัตร์ 2 กร เปน็ โอรสทศกณั ฐก์ ับนางมณโฑ มมี เหสชี อ่ื นาง
สุวรรณกนั ยมุ า มีบตุ รชื่อยามลิวนั และกันยุเวก อนิ ทรชิตเดิมช่อื รณพตั ร์ เมื่อรบชนะพระอินทร์ ทศกณั ฐ์จึงตง้ั ชอ่ื ใหว้ ่าอนิ ทรชิต ได้รับ
พรจากพระเปน็ เจ้า 3 องค์ คือพระอิศวร พระพรหม และพระนารายณ์ มีอทิ ธฤิ ทธมิ์ ากรบกับพระรามหลายครงั้ หลายหนตายดว้ ยศร
พระลักษมณ์ท่ีเนนิ เขาจักรวาล ตอนตายองคตตอ้ งนำพานจากพระพรหมธาดามารองรับเศยี รอนิ ทรชิตเพอื่ มิให้ตกถงึ พื้นเพราะจะ
เกดิ ไฟไหม้ทัว่ ท้ังจักรวาล

วิรุญจำบงั – พญายกั ษ์

ลักษณะหัวโขน หน้ายกั ษส์ ีมอหมกึ ปากขบ ตาจระเขส้ วมมงกฎุ หางไก่ กายสีมอหมึกมี 1 พกั ตร์ 2 กร
บางตำราวา่ ตวั ขาวหวั ดำ หายตัวไดท้ ้งั ต้นทั้งมา้ ยกทัพไปช่วยทศกัณฐ์รบกบั กองทัพพระราม สมทบกับกองทัพของ
ท้าวสัทธาสรู พระรามแผลงศรคา่ ม้าทรง จึงหนีไปซ่อนตวั ในฟองน้ำเชงิ เขาอศั กรรณ หนุมานตามไปฆา่

ฤาษี

ลกั ษณะหัวโขน ในการทำหวั โขนหน้าพระฤาษจี ะทำแตกต่างกนั หลายแบบ เช่น แตกตา่ งกันท่ีสี คือ จะมี
หน้าสที อง สลี ้นิ จแ่ี ดง สมี ่วง สกี ลบี บัว สเี นื้อ และสจี นั ทร์ เปน็ ตน้ สว่ นจอนหูนนั้ จะทำแบบมจี อนหเู ป็นลักษณะ
คล้ายคลบี หางปลา กบั จอนหูธรรมดาแบบทใ่ี ชก้ บั เทริด บางทกี ็ไม่มีจอนหู ลักษณะหน้าจะทำแบบ หนา้ อ้วน หน้า
ผอม หน้ายม้ิ และหนา้ ดุ บางศรี ษะทำแบบผา้ โพกศีรษะ สวมเทรดิ หนังสอื สวมเทรดิ ยอดบายศรี หรือยอดบวช หรอื
ชฎาดอกลำโพง ลกั ษณะของฟนั เป็นหนา้ ยิ้มเห็นฟันเตม็ ปากบ้างเห็นแต่ฟนั บน ๒ ซี่ หรือเหน็ ฟนั บน ๒ ซี่ ฟันลา่ ง
๒ ซี่ หรือเป็นแบบไม่มีฟันก็มี แล้วสมมตุ แิ ทนพระฤาษีต่างๆ สำหรับสวมศรี ษะในการแสดงตามบทบาทและลักษณะ
ของฤาษีแตล่ ะตน แต่ในการแสดงปัจจุบนั ใชก้ ารสวมเทริดฤาษีแทน

พระลกั ษณ์ – พระ

ลักษณะหัวโขน หนา้ พระสีทอง สวมมงกุฎยอเดนิ หน หรอื มงกุฎชยั หรือพระมหามงกุฎ ตอนทรงพรตสวม
ชฎายอดบวชหรือชฎายอดฤาษี เปน็ อนชุ าขอพระราม กายสีทอง ๑ พกั ตร์ ๒ กร คือ บัลลงั ก์นาคและสังข์ของพระ
นารายณ์อวตารลงมาเกดิ เปน็ โอรสทา้ วทศรถกบั นางสมุทรชา เมอ่ื พระรามออกเดนิ ดงขอตามเสดจ็ ด้วย ตรากตรำ
ทำศกึ ขับเคยี่ วกบั เหล่าอสูรตลอดระยะเวลา ๑๔ ปี


Click to View FlipBook Version