The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

คู่มือความปลอดภัยในการทำงานบนที่สูง ฉบับนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้การบริหารจัดการด้านความปลอดภัย
อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงานเกี่ยวการปฏิบัติงานบนที่สูงภายในสถานประกอบกิจการของ บริษัท ยูเอซีเจ ( ประเทศไทย ) จำกัด สอดคล้องกับกฎกระทรวงกำหนดมาตรฐานในการบริหาร จัดการ และดำเนินการด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน ในสถานที่ที่มีอันตรายจากการตกจากที่สูงและที่ลาดชัน จากวัสดุกระเด็น ตกหล่น และพังทลาย และจากการตกลงไปในภาชนะเก็บหรือรองรับวัสดุ พ.ศ. 2564 และกฎหมายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องให้เกิดความปลอดภัยในการทำงานแก่ผู้ปฏิบัติงานบนที่สูง

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by JUTHARAT SAENGARTHIT, 2023-02-22 23:34:42

คู่มือความปลอดภัยในการทำงานบนที่สูง

คู่มือความปลอดภัยในการทำงานบนที่สูง ฉบับนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้การบริหารจัดการด้านความปลอดภัย
อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงานเกี่ยวการปฏิบัติงานบนที่สูงภายในสถานประกอบกิจการของ บริษัท ยูเอซีเจ ( ประเทศไทย ) จำกัด สอดคล้องกับกฎกระทรวงกำหนดมาตรฐานในการบริหาร จัดการ และดำเนินการด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน ในสถานที่ที่มีอันตรายจากการตกจากที่สูงและที่ลาดชัน จากวัสดุกระเด็น ตกหล่น และพังทลาย และจากการตกลงไปในภาชนะเก็บหรือรองรับวัสดุ พ.ศ. 2564 และกฎหมายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องให้เกิดความปลอดภัยในการทำงานแก่ผู้ปฏิบัติงานบนที่สูง

คว ามปลอดภัภั ภัภั ยใน กา รทำทำทำทำง านบนที่ที่ ที่ที่สูสู สูสู ง


คำ นำ คู่มือความปลอดภัยในการทำ งานบนที่สูงสูฉบับนี้จัดทำ ขึ้นเพื่อให้การบริหริารจัดการด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อล้มในการทำ งานเกี่ยวการปฏิบัติงานบนที่สูงสูภายในสถานประกอบกิจการของ บริษัริ ษัท ยูเอซีเจ ( ประเทศไทย ) จำ กัด สอดคล้อล้งกับกฎกระทรวงกำ หนดมาตรฐานในการบริหริาร จัดการ และดำ เนินการด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อล้มในการทำ งาน ในสถานที่ที่มีอันอัตรายจากการตกจากที่สูงสูและที่ลาดชัน จากวัสดุกระเด็น ตกหล่นล่และพังทลาย และจากการตกลงไปในภาชนะเก็บหรือรืรองรับรัวัสดุ พ.ศ. 2564 และกฎหมายอื่นอื่ๆ ที่เกี่ยวข้องให้เกิด ความปลอดภัยในการทำ งานแก่ผู้ปฏิบัติงานบนที่สูงสู โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อใช้เป็นป็แนวทางและระเบียบปฏิบัติในการควบคุม ให้เกิดความปลอดภัยในการทำ งานแก่ผู้ ปฏิบัติงานบนที่ โดยใช้แนวทางตามมาตรฐานสากลที่เป็นป็ที่ยอมรับรัมาจัดทำ เป็นป็แนวทางในการปฏิบัติงาน เพื่อให้นายจ้าง และผู้ปฏิบัติงานทราบถึงอันอัตรายและปัจปัจัยที่ก่อให้เกิดความเสี่ยสี่งในการทำ งานบนที่สูงสูและการกำ หนดหน้าที่และความ รับรัผิดชอบของบุคลากรที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติงานบนที่สูงสูการช่วยเหลือลื ในกรณีฉุกฉุเฉินอย่างเป็นป็ระบบ ถูกต้อง และมี ประสิทสิธิภธิาพ เพื่อไม่ก่อให้เกิดความเสียสีหายที่ส่งส่ผลต่อชีวิต ทรัพรัย์สินสิและสภาพแวดล้อล้มภายในองค์กร ดังนั้นพนักงานภายในองค์กรทุกระดับชั้นจะต้องรับรัทราบ ยึดถือ และปฏิบัติตนตามคู่มือความปลอดภัยในการ ทำ งานบนที่สูงสูที่บริษัริ ษัท ฯ ได้กำ หนดไว้ ซึ่งทางบริษัริ ษัท ฯ จะประกาศให้ทราบเป้นป้คร่าร่วๆไปอย่างเคร่งร่ครัดรั


สารบัญ หมวดที่ 1 : กฎหมายและข้อกำ หนดที่เกี่ยวข้องในการทำ งานบนที่สูง 1.กฎกระทรวง กำ หนดมาตรฐานในการบริหาร จัดการ และดำ เนินการด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำ งาน ในสถานที่ที่มีอันตราย จากการตกจากที่สูงและที่ลาดชัน จากวัสดุกระเด็นตกหล่น และพังทลาย และจากการตกลงไปในภาชนะเก็บหรือรองรับวัสดุ พ.ศ. ๒๕๖๔ 2.Safety Regulation for Height Work หมวดที่ 2 : สาเหตุและปัยจัยที่ก่อให้เกิดความเสี่ยงจากการปฏิบัติงานบนที่สูง หมวดที่ 3 : กฎเกณฑ์และหลักการเพื่อความปลอดภัยในงานบนที่สูง 1.ข้อควรปฏิบัติในการงานทำ งานบนที่สูง 2.กฎพื้นฐานก่อนการทำ งานบนที่สูง 3.กฎการทำ งานบนที่สูง 4.การใช้อุปกรณ์ป้อป้งกันจากที่สูง หมวดที่ 4 : แผนฉุกเฉิน กรณีตกจากที่สูง 1.คำ จำ กัดความ 2.บทบาทหน้าที่และความรับผิดชอบในการป้อป้งกันและระงับเหตุกรณีตกจากที่สูง 3.การฝึกซ้อมแผนฉุกเฉินกรณีตกจากที่สูง หมวดที่ 5 : การปฐมพยาบาล 1-3 4 5 6 6 7 7-12 13 14-15 16-19 20-28


หมวดที่1 : กฎหมายและข้อกำ หนดที่เกี่ยวข้องในการทำ งานบนที่สูง กฎกระทรวง กำ หนดมาตรฐานในการบริหาร จัดการ และดำ เนินการด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำ งาน ในสถานที่ที่มีอันตราย จากการตกจากที่สูงและที่ลาดชัน จากวัสดุกระเด็นตกหล่น และพังทลาย และจากการตกลงไปในภาชนะเก็บหรือรองรับวัสดุ พ.ศ. ๒๕๖๔ ข้อ ๒ นายจ้างต้องจัดให้มีข้อบังคับและขั้นตอนการปฏิบัติงานเพื่อความปลอดภัย ในการทำ งานในที่สูง ที่ลาด ชัน ที่อาจมีการกระเด็นตกหล่นหรือพังทลายของวัสดุสิ่งของ และที่อาจทำ ให้ ลูกจ้างพลัดตกลงไปในภาชนะเก็บหรือ รองรับวัสดุ ซึ่งอย่างน้อยต้องประกอบด้วย การระบุอันตรายที่อาจเกิดขึ้นจากการทำ งาน การวางแผนการปฏิบัติงาน และการป้องกันและควบคุมอันตราย รวมทั้งต้องอบรมหรือชี้แจงให้ลูกจ้างได้รับทราบก่อนเริ่มปฏิบัติงานและควบคุม ดูแลให้ลูกจ้างปฏิบัติตาม อย่างเคร่งครัด และต้องมีสำ เนาเอกสารดังกล่าวไว้ ให้พนักงานตรวจความปลอดภัยตรวจ สอบได้ ข้อ ๓ ในการประกอบ การติดตั้ง การตรวจสอบ และการใช้อุปกรณ์ป้องกันอันตราย จากการตกจากที่สูงและ ที่ลาดชัน จากวัสดุกระเด็นตกหล่นหรือฟังทลาย และจากการตกลงไป ในภาชนะเก็บหรือรองรับวัสดุ ให้นายจ้าง ปฏิบัติตามรายละเอียดคุณลักษณะ และคู่มือการใช้งานที่ผู้ผลิตกำ หนดไว้ หากไม่มีรายละเอียดคุณลักษณะ และคู่มือ การใช้งานดังกล่าว นายจ้างต้องดำ เนินการ ให้วิศวกร ซึ่งได้รับใบอนุญาตให้เป็นผู้ประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุม ตามกฎหมายว่าด้วยวิศวกร เป็นผู้จัดทำ รายละเอียดคุณลักษณะ และคู่มือการใช้งานขึ้นเป็นหนังสือและต้องมีสำ เนา เอกสาร ดังกล่าวไว้ให้พนักงานตรวจความปลอดภัยตรวจสอบได้ ข้อ ๔ นายจ้างต้องจัดให้มีอุปกรณ์คุ้มครองความปลอดภัยส่วนบุคคลที่มีมาตรฐาน เหมาะสมกับสภาพของ การทำ งานในที่สูง ที่ลาดชันที่อาจมีการกระเด็น ตกหล่น หรือพังทลาย ของวัสดุสิ่งของ และที่อาจทำ ให้ลูกจ้างพลัด ตกลงไปในภาชนะเก็บหรือรองรับวัสดุ และลักษณะของอันตรายที่อาจเกิดขึ้นได้ตลอดเวลาที่ลูกจ้างทำ งาน เช่น เข็มขัดนิรภัย เชือกนิรภัยหรือสายช่วยชีวิต หมวกนิรภัย รองเท้าชนิดหุ้มส้นพื้นยางหรือถุงมือ และดูแลให้ลูกจ้างใช้ อุปกรณ์นั้นในกรณีที่ให้ลูกจ้างใช้เข็มขัดนิรภัยและเชือกนิรภัยหรือสายช่วยชีวิตพร้อมอุปกรณ์ประกอบ นายจ้างต้อง จัดทำ จุดยึดตรึง เชือกนิรภัยหรือสายช่วยชีวิตไว้กับส่วนหนึ่งส่วนใดของอาคาร หรือโครงสร้างอื่นใด ที่มีความมั่นคง แข็งแรง และปลอดภัยต่อการใช้งานช่วยชีวิตไว้ กับส่วนหนึ่งส่วนใดของอาคาร หรือโครงสร้างอื่นใด ที่มีความมั่นคง แข็งแรง และปลอดภัยต่อการใช้งาน ข้อ ๕ นายจ้างต้องจัดให้มีการบำ รุงรักษาอุปกรณ์ป้องกันอันตรายตามข้อ ๓ และอุปกรณ์ คุ้มครองความ ปลอดภัยส่วนบุคคลตามข้อ ๔ ตามมาตรฐานที่ผู้ผลิตกำ หนด และจัดให้มีการตรวจสอบ สภาพของอุปกรณ์ให้มีความ ปลอดภัยก่อนการใช้งานทุกครั้ง และต้องมีสำ เนาเอกสารดังกล่าวไว้ให้พนักงานตรวจความปลอดภัยตรวจสอบได้ ข้อ ๖ ในกรณีที่นายจ้างต้องจัดทำ ราวกั้นหรือรั้วกันตก ราวกั้นหรือรั้วกันตกต้องมี ความสูงไม่น้อยกว่าเก้าสิบ เซนติเมตร แต่ไม่เกิน หนึ่งเมตรสิบเซนติเมตร ซึ่งมีความมั่นคง แข็งแรง และปลอดภัย เพื่อป้องกันอันตรายที่อาจเกิด ขึ้นได้ในกรณีที่ใช้แผงทึบแทนราวกั้นหรือรั้วกันตกแผงทึบต้องมีความสูงไม่น้อยกว่าเก้าสิบเซนติเมตร ข้อ ๗ สำ เนาเอกสารตามข้อ ๒ ข้อ ๓ และข้อ ๕ จะอยู่ในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ก็ได้ บททั่วไป 1


2 ข้อ ๘ ในกรณีที่นายจ้างให้ลูกจ้างทำ งานในที่สูง นายจ้างต้องจัดให้มีนั่งร้าน หรือ ดำ เนินการด้วยวิธีการอื่นใดที่ เหมาะสมกับสภาพของการทำ งาน เพื่อให้เกิดความปลอดภัยแก่ลูกจ้าง โดยต้องมีความมั่นคง แข็งแรง และปลอดภัย ข้อ ๙ ในกรณีที่นายจ้างให้ลูกจ้างทำ งานในที่สูงตั้งแต่สี่เมตรขึ้นไป นายจ้างต้องจัดทำ ราวกั้นหรือรั้วกัน ตก ตาข่ายนิรภัย หรืออุปกรณ์ป้องกันอื่นใดที่เหมาะสมกับสภาพของการทำ งาน ทั้งนี้ ต้องจัดให้มีการใช้เข็มขัดนิรภัย และเชือกนิรภัยหรือสายช่วยชีวิต พร้อมอุปกรณ์ตลอดระยะเวลาการทำ งาน ข้อ ๑๐ ในกรณีที่มีปล่องหรือช่องเปิดต่าง ๆ ซึ่งอาจทำ ให้ลูกจ้างพลัดตก นายจ้าง ต้องจัดทำ ฝาปิดที่แข็ง แรง ราวกั้น รั้วกันตกหรือแผงทึบตามข้อ ๖ พร้อมทั้งติดป้ายเตือนอันตราย ให้เห็นได้อย่างชัดเจน ข้อ ๑๑ นายจ้างต้องมิให้ลูกจ้างทำ งานในที่สูงนอกอาคารหรือพื้นที่เปิดโล่ง ในขณะที่มีพายุ ลมแรง ฝนตกหรือ ฟ้าคะนองเว้นแต่มีเหตุจำ เป็นที่จะต้องให้ลูกจ้างทำ งานเพื่อให้เกิดความปลอดภัย หรือบรรเทาเหตุอันตรายที่เกิดขึ้น โดยต้องจัดให้มีมาตรการ เพื่อความปลอดภัยของลูกจ้าง ข้อ ๑๒ ในกรณีที่ลูกจ้างต้องใช้บันไดไต่ชนิดเคลื่อนย้ายได้เพื่อทำ งานในที่สูง นายจ้าง ต้องดูแลการตั้งบันไดให้ ระยะระหว่างฐานบันไดถึงผนังที่วางพาดบันไดกับความยาวของช่วงบันได นับจากฐานถึงจุดพาดมีอัตราส่วนหนึ่งต่อสี่ หรือมีมุมบันไดที่ตรงข้ามผนังเจ็ดสิบห้าองศา บันไดไต่ ตามวรรคหนึ่งจะต้องมีโครงสร้างที่มั่นคง แข็งแรง และ ปลอดภัยต่อการใช้งาน มีความกว้างของบันไดไม่น้อยกว่าสามสิบเซนติเมตร ทั้งนี้ บันไดไต่ต้องมีขาบันไดหรือสิ่งยึด โยง ที่สามารถป้องกันการลื่นไถลของบันไดได้ ข้อ ๑๓ ในกรณีที่ลูกจ้างต้องใช้บันไดไต่ชนิดติดตรึงกับที่ที่มีความสูงเกินหกเมตรขึ้นไป เพื่อทำ งานในที่สูง นายจ้างต้องดูแลบันไดไต่ชนิดติดตรึงกับที่ให้มีโครงสร้างที่มั่นคง แข็งแรง และปลอดภัยต่อการใช้งานและต้องจัดทำ โกร่งบันได เพื่อป้องกันการพลัดตกของลูกจ้าง ข้อ ๑๔ ในกรณีที่ลูกจ้างต้องใช้ขาหยั่งหรือม้ายืนเพื่อทำ งานในที่สูง นายจ้างต้องดูแล ให้ขาหยั่งหรือม้ายืนนั้นมี โครงสร้าง ที่มั่นคง แข็งแรงและปลอดภัยต่อการใช้งาน และมีพื้นที่สำ หรับ ยืนทำ งานอย่างเพียงพอ ข้อ ๑๕ ในกรณีที่มีการทำ งานบนที่ลาดชันที่ทำ มุมเกินสิบห้าองศาแต่ไม่เกินสามสิบองศา จากแนวราบ และมี ความสูง ของพื้นระดับที่เอียงนั้น ตั้งแต่สองเมตรขึ้นไป นายจ้างต้องจัดให้มีนั่งร้าน ที่เหมาะสมกับสภาพของการ ทำ งาน หรือเข็มขัดนิรภัย และเชือกนิรภัยหรือสายช่วยชีวิตพร้อมอุปกรณ์หรือมาตรการป้องกันการพลัดตกอื่นใดที่ เหมาะสมกับสภาพของการทำ งาน การป้องกันอันตรายจากการตกจากที่สูงและที่ลาดชัน


3 ข้อ ๒๒ ในกรณีที่นายจ้างให้ลูกจ้างทำ งานในบริเวณหรือสถานที่ใด หรือลักษณะของ การทำ งานอาจทำ ให้ ลูกจ้างได้รับอันตราย จากการพลัดตกลงไปในภาชนะเก็บหรือรองรับวัสดุ เช่น ถัง บ่อ กรวย ภาชนะหรือสิ่งอื่นใดที่มี ลักษณะเดียวกันที่ลูกจ้างอาจพลัดตกลงไปได้นายจ้างต้องจัดให้มีสิ่งปิดกั้น ที่มั่นคงแข็งแรง จัดทำ ราวกันหรือรั้วกัน ตกที่มั่นคงแข็งแรงล้อมรอบภาชนะนั้น เพื่อป้องกันการพลัดตกลงไปของลูกจ้าง ในกรณีที่นายจ้างไม่อาจดำ เนินการตามที่กำ หนดไว้ในวรรคหนึ่งได้ นายจ้างต้องจัดให้ลูกจ้าง สวมใส่เข็มขัด นิรภัยและเชือกนิรภัย หรือสายช่วยชีวิตตลอดระยะเวลาการทำ งาน ข้อ ๒๓ นายจ้างต้องมิให้ลูกจ้างทำ งานบนภาชนะเก็บหรือรองรับวัสดุ เช่น ถัง บ่อ กรวย ภาชนะหรือสิ่งอื่นใด ที่มีลักษณะเดียวกันที่ลูกจ้างอาจพลัดตกลงไปได้ เว้นแต่นายจ้างได้จัดให้มีสิ่งปิดกั้น จัดทำ ราวกั้นหรือรั้วกันตก หรือ สิ่งป้องกันอื่นใดที่มั่นคงแข็งแรงเหมาะสมกับสภาพของการทำ งาน หรือจัดให้ลูกจ้างสวมใส่เข็มขัดนิรภัยและเชือก นิรภัยหรือสายช่วยชีวิตตลอดระยะเวลาการทำ งาน หากนายจ้างให้ลูกจ้างทำ งานในภาชนะเก็บหรือรองรับวัสดุ ต้อง ให้ลูกจ้างสวมใส่เข็มขัดนิรภัยและ เชือกนิรภัยหรือสายช่วยชีวิตตลอดระยะเวลาการทำ งานด้วย การป้องกันอันตรายจากการตกลงไปในภาชนะเก็บหรือรองรับวัสดุ ข้อ ๑๖ ในกรณีที่มีการลำ เลียงวัสดุสิ่งของขึ้นหรือลงจากที่สูง หรือลำ เลียงวัสดุสิ่งของบนที่สูง นายจ้างต้องจัด ให้มีราง ปล่อง เครื่องจักรหรืออุปกรณ์ที่เหมาะสมในการลำ เลียง เพื่อป้องกัน อันตรายจากวัสดุสิ่งของกระเด็นหรือ ตกหล่น ข้อ ๑๗ นายจ้างต้องกำ หนดเขตอันตรายในบริเวณพื้นที่ที่อาจมีการกระเด็น ตกหล่น หรือพังทลายของวัสดุ สิ่งของและติดป้ายเตือนอันตรายบริเวณพื้นที่ดังกล่าว พร้อมทั้งจัดให้มี มาตรการควบคุมดูแลเพื่อให้เกิดความ ปลอดภัยจนกว่างานจะแล้วเสร็จ ข้อ ๑๘ ในกรณีที่มีวัสดุสิ่งของอยู่บนที่สูงที่อาจกระเด็น ตกหล่น หรือฟังทลายลงมาได้ นายจ้างต้องจัดทำ ขอบ กันของตกหรืมาตรการป้องกันอื่นใดที่เหมาะสมกับสภาพของการทำ งาน ข้อ ๑๙ ในกรณีที่นายจ้างให้ลูกจ้างทำ งานบริเวณใกล้เคียงหรือทำ งานในสถานที่ที่อาจมี การกระเด็น ตกหล่น หรือพังทลายของวัสดุสิ่งของนายจ้างต้องจัดให้มีมาตรการควบคุมดูแลเพื่อให้เกิด ความปลอดภัยแก่ลูกจ้างตลอด ระยะเวลาการทำ งาน ข้อ ๒๐ ในบริเวณที่เก็บหรือกองวัสดุสิ่งของที่อาจทำ ให้เกิดอันตรายจากการตกหล่น หรือ พังทลายของวัสดุ สิ่งของดังกล่าวให้นายจ้างจัดเรียงวัสดุสิ่งของให้เกิดความมั่นคงปลอดภัย ทำ ผนังกั้น หรือใช้วิธีการอื่นใด เพื่อป้องกัน อันตรายจากการตกหล่น หรือพังทลายของวัสดุสิ่งของนั้น ในกรณีที่มีการเคลื่อนย้ายวัสดุสิ่งของตามวรรคหนึ่ง ให้นายจ้างจัดให้มีมาตรการป้องกันอันตราย จากการตกหล่น หรือพังทลาย ของวัสดุสิ่งของที่จะทำ การเคลื่อนย้ายนั้นด้วย ข้อ ๒๑ ในกรณีที่นายจ้างให้ลูกจ้างทำ งานในท่อ ช่อง โพรง บ่อ หรือสถานที่อื่นใด ที่อาจเกิดการพังทลายได้ ให้นายจ้าง จัดทำ ผนังกั้น ค้ำ ยัน หรือใช้วิธีการอื่นใดที่สามารถป้องกัน อันตรายจากการพังทลายที่อาจเกิดขึ้นนั้นได้ การป้องกันอันตรายจากการตกจากที่สูงและที่ลาดชัน


4 Safety Regulation for Height Work มาตรฐานการปฏิบัติงานบนที่สูง 1. ผู้ควบคุมงานหรือหัวหน้าทีมต้องดำ เนินการประเมินความเสี่ยงในงานบนที่สูงก่อนเริ่มดำ เนินการ โดยใช้ หลักการประเมินความเสี่ยงตาม มาตรฐาน ของบริษัทฯและต้องมีการขออนุญาตทำ งานหรือกำ หนดมาตรการควบคุมความปลอดภัยที่เหมาะสม ในกรณีผล การประเมินความเสี่ยงอยู่ในระดับสามขึ้นไป ผู้ควบคุมงานหรือหัวหน้าทีมต้องจัดทำ แผนงานควบคุมความเสี่ยงและ จัดให้ มีผู้อนุญาต ผู้ควบคุมงาน ผู้ช่วยเหลือ และพนักงานที่ผ่านการอบรมการปฏิบัติงานบนที่สูง 2. ผู้ควบคุมงานหรือหัวหน้าทีมมีหน้าที่จัดสภาพการทำ งานให้มีความปลอดภัย และจัดอุปกรณ์ความ ปลอดภัยในการทำ งานบนที่สูงและอุปกรณ์คุ้มครองความปลอดภัยส่วนบุคคล เช่น สายช่วยชีวิต ตาข่ายนิรภัย และ เข็มขัดนิรภัยชนิดเต็มตัว เป็นต้น 3. ผู้อนุญาต มีหน้าที่อนุญาตให้ทำ งานบนที่สูง โดยร่วมกับเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำ งาน ในการ ตรวจสอบผลการประเมินความเสี่ยง การเตรียมความพร้อมในการทำ งาน แผนป้องกันการตก แผนการช่วยเหลือ และอุปกรณ์สำ หรับการปฏิบัติงาน 4. ผู้ควบคุมงานมีหน้าที่ประเมินอันตรายจากการทำ งานบนที่สูง จากการตกของบุคคลและการตกของวัสดุ บันทึกอันตรายเหล่านั้นในแบบประเมินความเสี่ยง จัดทำ ระบบป้องกันการตกและป้องกันอุปกรณ์ตกตามข้อกำ หนด เตรียมแผนป้องกันการตก แผนการช่วยเหลือ และเตรียมอุปกรณ์ สำ หรับช่วยเหลือตรวจสอบอุปกรณ์และระบบ ป้องกันการตกให้อยู่ในสภาพที่สามารถใช้งานได้อย่างปลอดภัย หากชำ รุดให้แก้ไขให้อยู่ในสภาพที่สามารถใช้งานได้ อย่างปลอดภัยก่อนอนุญาตให้พนักงานหรือบุคคลใดใช้งานได้ รวมทั้งอธิบายขั้นตอนการทำ งานอย่างละเอียดให้กับ พนักงาน แสดงใบอนุญาต และเอกสารอื่นๆ ไว้ ณ จุดที่ทำ งาน 5. ผู้ช่วยเหลือมีหน้าที่จัดเตรียมแผนและปฏิบัติตามแผนการช่วยเหลือในกรณีตกจากที่สูง


5 หมวดที่ 2 : สาเหตุและปัยจัยที่ก่อให้เกิดความเสี่ยงจากการปฏิบัติงานบนที่สูง 1. สภาพพื้นที่ปฏิบัติงานมีสภาพที่ไม่มั่นคงหรือไม่ปลอดภัย ทำ เกิดการถล่ม พังทลายหรือมีช่องเปิดโล่งอันตราย 2. ไม่มีอุปกรณ์ป้องกันการตกจากที่สูง 3. สภาพร่างกายของผู้ปฏิบัติงานไม่มีความพร้อม 4. ขาดการออกแบบที่ดีและติดตั้งอุปกรณ์ป้องกันการตก 5. ไม่มีการเตือนอันตรายหรือกำ หนดจุดอันตราย 6. ไม่ปฏิบัติตามกฎระเบียบด้านความปลอดภัย 7. อุปกรณ์ต่างๆมีสภาพชำ รุดหรือไม่เหมาะสม เช่นนั่งร้าน บันได รถยก เป็นต้น


6 ข้อควรปฏิบัติในการงานทำ งานบนที่สูง การทำ งานบนที่สูงเกิน 2 เมตรขึ้นไป จะต้องมีการป้องกันการตกหล่น และมีการติดตั้งนั่งร้าน การทำ งานบนที่สูงเกิน 4 เมตรขึ้นไป ผู้ปฏิบัติงานจะต้องสวมใส่เข็มขัดนิรภัยหรือสายช่วยชีวิต ต้องมี ตาข่ายนิรภัยรอง และมีราวกันตก ช่องเปิดหรือปล่องต่างๆ ต้องมีฝาปิด หรือรั้วกั้นความสูงไม่น้อยกว่า 90 เซนติเมตร ทำ งานบนที่ลาดชันเกิน 15 องศา ต้องมีการติดตั้งนั่งร้าน อุปกรณ์เครื่องมือที่ใช้บนที่สูง ต้องมีการผูกยึด ไม่ให้ตกลงมาด้านล่าง การใช้บันไดแบบเคลื่อนย้ายได้ มุมบันไดที่อยู่ตรงข้ามกับผนังที่พิง จะต้องวางทำ มุม 75 องศา การใช้รถเครน ต้องมีแผ่นเหล็กรองขาช้าง เพื่อป้องกันการวางไม่ได้ระนาบหรืออ่อนตัว ซึ่งคนขับรถเครน และผู้ให้สัญญาณต้องผ่านการอบรม และรถเครนต้องผ่านการตรวจสอบจากเจ้าหน้าที่บำ รุงรักษาที่ เกี่ยวข้อง ก่อนนำ เข้าใช้งานในเขตหวงห้ามทุกครั้ง คนที่ปฏิบัติงานจะต้องผ่านการฝึกอบรมที่สูงก่อนเริ่มงาน กฎพื้นฐานก่อนการทำ งานบนที่สูง ผู้ปฏิบัติงานต้องเป็นผู้ได้รับมอบหมายและมีคุณสมบัติในการทำ งานบนที่สูง สวมใส่เครื่องแต่งกายให้รัดกุมและเรียบร้อย เลือกจุดยึดที่แข็งแรงสามารถรองรับแรงกระเมื่อเกิดการตกได้ สวมอุปกรณ์ป้องกันอันตรายส่วนบุคคลขณะทำ งานเสมอ ได้แก่ ถุงมือที่ปราศจากน้ำ มัน รองเท้านิรภัย เข็มขัดนิรภัยชนิดเต็มตัว (Full body harness) และสายช่วยชีวิต (Lanyard, SRL) เป็นต้น เตรียมแผนการช่วยเหลือ และอุปกรณ์ช่วยเหลือ เช่น Tripod และ Winch เป็นต้น การขึ้นหรือลงบันไดแนวตั้ง ให้ขึ้นลงทีละคน บันไดจะต้องถูกจับยึดให้แน่นและมั่นคง ขณะขึ้นหรือลงบันได ให้จับขอบบันไดด้วยมือ 2 ข้าง และก้าวขึ้นลงด้วยความเร็วปกติ ห้ามถือเครื่องมือ หรืออุปกรณ์ใดๆ ขณะปีนขึ้นลงบันได หากมีเครื่องมือหรืออุปกรณ์ที่จำ เป็นในการใช้งาน ให้พกพาโดยการใส่ไว้ในกระเป๋าที่ติดกับเข็มขัดเท่านั้น หมวดที่ 3 : กฎเกณฑ์และหลักการเพื่อความปลอดภัยในงานบนที่สูง


7 กฎการทำ งานบนที่สูง ห้ามทำ งานบนที่สูงเพียงลำ พังคนเดียว ห้ามเคลื่อนไหวตัวรวดเร็ว เมื่อทำ งานสูงกว่าพื้นดินเกิน 2 เมตร ห้ามโยนสิ่งของหรือเครื่องมือให้แก่ผู้อยู่บนที่สูง ห้ามทิ้งสิ่งของหรือเครื่องมือลงสู่เบื้องล่าง การตัด การเชื่อมบนที่สูง ให้ตรวจสอบและเคลื่อนย้ายเชื้อเพลิง และสารไวไฟทุกชนิดในพื้นที่เบื้องล่าง ก่อน รวมถึงขณะตัดหรือเชื่อม ให้ทำ ด้วยความระมัดระวัง ผู้ควบคุมงานต้องดูแลไม่ให้ใครเดินผ่านเบื้อล่างจุดทำ งาน ระวังขอยกหรือ Hanger ชน เมื่อจำ เป็นต้องทำ งานในเส้นทางของขอยก ขณะยืนบนหลังคากระเบื้อง ห้ามเหยียบที่แผ่นกระเบื้องโดยตรง การใช้อุปกรณ์ป้องกันจากที่สูง หลักการใช้อุปกรณ์ 1. จุดยึดต่าต่งๆ Anchorage Pointควรรับแรงได้มากพอ และต้อต้ง อยู่สูยู่ สูงกว่าตัวตัผู้ปฏิบัติงติาน 2. เข็มขัดนิรภัยภั Safety Belt / Safety Harness การเลือกใช้ เข็มขัดนิรภัยภัทั้งทั้แบบรัดเอว และแบบชนิดรัดเต็มต็ตัวตัต้อต้งเลือก ใช้ให้เหมาะสมกับงาน 3.สายเชือกนิรภัยภั Safety Lanyard ตะขอ SafetyHook ห่วง นิรภัยภั Safety Ring ต้อต้งเลือกอุปกรณ์ที่ใช้ให้เหมาะสม ระหว่าง จุดยึดกับระบบอุปกรณ์ป้องกันซึ่งต้อต้งมีความแข็งแรงพอ หาก เกิดการตกจากที่สูงห้ามใช้อุปกรณ์ป้องกันที่ชำ รุดหรือได้รับการ ดัดแปลงโดยเด็ดขาด


8 อุปกรณ์ป้องกันการตก Fall Arrest Equipment ต้อง จัดหา และกำ หนดให้มีการใช้อุปกรณ์ป้องกันการตก จากที่สูงอย่างถูกต้องและปลอดภัยซึ่งประกอบด้วย 1.สายรัดชนิดเต็มตัว Full Body Harness 2.สายเกี่ยวยึดชนิดลดแรงกระแทก Synthetic Fiber Lanyard with Shock Absorber 3.จุดยึด Anchor 4.กรณีใช้อุปกรณ์ป้องกันการตกผู้ควบคุมงานต้องจัดให้มีจุดยึดคล้องตลอดพื้นที่ทำ งานที่สูงกว่า ศีรษะทั้งนี้เพื่อลดแรงกระชาก Fall Factor จากการตกจากที่สูง 5.ทุกครั้งที่มีการเคลื่อนที่บนที่สูงต้องมีการยึดคล้องอย่างน้อยหนึ่งจุดเสมอ รวมทั้งขณะที่มีการขึ้น ลงหรือเปลี่ยนจุดยึดคล้อง การตรวจสอบอุปกรณ์ป้องกันการตกจากที่สูงต้องได้ รับการตรวจสอบก่อนนำ ไปใช้งานดังนี้ 1.ตรวจสอบส่วนที่เป็นเชือกและสายว่ามีร่องรอยเหล่านี้หรือไม่ (1)รอยบาด หรือรอยฉีกขาด (2)การสึกหรอ (3)รอยไหม้ หรือโดนสารเคมีกัดกร่อน (4)เส้นใยกรอบ หรือเสื่อมสภาพ (5)รอยเย็บต่างๆ ต้องไม่มีรอยตัดขาด 2.ตรวจสอบชิ้นส่วนอุปกรณ์เชื่อมต่อที่เป็นโลหะต่างๆ ว่ามีร่องรอยต่างๆ เหล่านี้หรือไม่ (1) มุมคม (2)การสึกหรอ (3)ระบบล็อกสามารถใช้งานได้ (4)การบิด งอ ง้าง 3.ห้ามทำ สิ่งต่างๆ ซึ่งอาจทำ ให้อุปกรณ์เกิดการชำ รุด เช่น ห้ามดึง หรือกระชากเส้นเชือก 4.ในกรณีที่อุปกรณ์เปียกชื้นให้ผึ่งไว้ในที่ที่มีอากาศถ่ายเทดีจนแห้งสนิทก่อนนำ ไปใช้ โดยระมัดระวัง อย่าให้โดน หรืออยู่ใกล้แหล่งความร้อนต่างๆ โดยตรง การใช้ตาข่ายนิรภัย Safety Net ในกรณีที่มีการปฏิบัติงานบนหลังคาหากไม่สามารถใช้อุปกรณ์ป้องกันการตกได้สะดวกและ ปลอดภัยในการหาจุดยึดคล้องให้มีการพิจารณาใช้ตาข่ายนิรภัยร่วมกับอุปกรณ์กันตกดังกล่าว โดยการ ติดตั้งตาข่ายให้ติดตั้งด้านล่างใต้จุดที่มีการทำ งานและต้องติดตั้งโดยผู้ที่มีเชี่ยวชาญเฉพาะ


1. การทำ งานในพื้นที่ที่มีความต่างระดับน้อยกว่า 2 เมตร ผู้ควบคุมงานหรือหัวหน้าทีมต้องดำ เนินการประเมินความเสี่ยงในงานบนที่สูงก่อนเริ่มดำ เนินการ โดยใช้หลักการ ประเมินความเสี่ยงตามมาตรฐานของบริษัทฯ และต้องมีการขออนุญาตทำ งานหรือกำ หนดมาตรการควบคุมความ ปลอดภัยที่เหมาะสมตามวิธีควบคุมความเสี่ยงสำ หรับงานที่มีความต่างระดับตั้งแต่ 2 เมตรขึ้นไป ตัวอย่างดังต่อไปนี้ (1) การใช้บันไดที่มีพื้นยืนพร้อมราวจับ (Step Platform Ladder) การใช้บันไดที่มีพื้นยืนพร้อมราวจับเป็นทาง เลือกที่มีความปลอดภัยกว่าการใช้บันไดพับปกติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อต้องปฏิบัติงานเป็นระยะเวลานานหรือ มีการ มองเห็นที่จำ กัด เช่น งานเชื่อม งานที่มีประกายไฟ เป็นต้น (2) นั่งร้านโครงค้ำ แยกส่วน (Split head Trestle Scaffold) นั่งร้านโครงค้ำ แยกส่วนเป็นพื้นที่ปฏิบัติงานที่ สะดวกต่อการติดตั้งสามารถ ติดตั้งได้หลายวิธีเพื่อให้เหมาะกับลักษณะงาน นั่งร้านประเภทนี้ มีประโยชน์สำ หรับการ ปฏิบัติงานระดับเบาและปานกลาง เช่น งานฉาบผนัง งานทาสี งานตกแต่งทั่วไป เป็นต้น 2. การทำ งานในพื้นที่ที่มีความต่างระดับตั้งแต่ 2 เมตรขึ้นไป ผู้ควบคุมงานหรือหัวหน้าทีมต้องดำ เนินการประเมินความเสี่ยงในงานบนที่สูงก่อนเริ่มดำ เนินการโดยการประเมิน ความเสี่ยง ตามหลัก การที่กำ หนด และต้องมีการขออนุญาตทำ งานหรือการกำ หนดมาตรการควบคุมความปลอดภัย ที่เหมาะสม โดยมีวิธีการควบคุมความเสี่ยงสำ หรับงานที่มีความต่างระดับตั้งแต่ 2 เมตรขึ้นไป ดังต่อไปนี้ (1)การทำ งานบนพื้น การทำ งานบนพื้นแทนการทำ งานบนที่สูง เป็นการขจัดอันตรายจากการตกจากที่สูงที่มี ประสิทธิภาพมากที่สุด ในการป้องกันอันตรายของผู้ปฏิบัติงาน ผู้ควบคุมงานควรพิจารณาวิธีการทำ งานที่สามารถทำ ได้ที่ระดับพื้น การขจัด อันตรายมีหลากหลายวิธี เช่น การประกอบหลังคาที่ระดับพื้น การประกอบ โครงสร้างตามแนวราบแล้วยกขึ้นติดตั้ง การใช้โครงสร้างคอนกรีตสำ เร็จรูปหรือเทคอนกรีตใช้ลูกกลิ้ง การทาสีที่ต่อความยาวด้ามจับ เป็นต้น (2)การป้องกันที่ขอบและช่องเปิดต้องจัดให้มีมาตรการป้องกันการตกเมื่อปฏิบัติงานที่บริเวณขอบของอาคาร หลังคา หรือสิ่งก่อสร้างอื่นๆ และช่องเปิดในพื้นที่ปฏิบัติงาน เช่น ติดตั้งราวกันตก สายช่วยชีวิต หรือตาข่ายนิรภัย เป็นต้น (3) ทางขึ้น/ทางลงของการทำ งานบนที่สูง สถานที่ทำ งานบนที่สูงทุกแห่งต้องมีทางขึ้น/ทางลงที่ปลอดภัยและ เหมาะสม เช่น - แพลตฟอร์มแบบถาวร ทางเข้า บันไดและบันไดที่ยึดกับที่ - ทางเข้าชั่วคราวและระบบบันไดชั่วคราว - บันไดที่ตั้งด้วยความชันระหว่าง 4:1 ต้องยึดให้แน่นหนา และยืดอีกอย่างน้อย 90 เซนติเมตร เหนือ จุดก้าวออก จุดพักของบันได (Landing) และทางเชื่อมระหว่างโครงสร้าง ต้องมีราวกันตกห้ามใช้บันไดพับหรือบันได พาดเป็นทางขึ้น/ทางลงถาวรจากโครงสร้าง (4)แพลตฟอร์มยกระดับ (Elevating Work Platform) แพลตฟอร์มยกระดับสำ หรับยกผู้ปฏิบัติงาน วัสดุ หรืออุปกรณ์อื่นๆ เพื่อให้ปฏิบัติงานบนที่สูงออกแบบมาเพื่อป้องกัน การตกจากที่สูง แพลตฟอร์มยกระดับคลอบคลุมงานที่มีความหนักของเครื่องจักรและอุปกรณ์ รวมถึงนั่งร้านและรถ กระเช้า 9 การป้องกันและยับยั้งพนักงานหรือบุคคลใดตกจากที่สูง


นั่งร้าน เป็นอุปกรณ์ในการปฏิบัติงานที่ปลอดภัยสำ หรับการทำ งานบนที่สูง นั่งร้านมีการออกแบบหลายประเภท ได้แก่ - นั่งร้านสำ หรับงานเบา รับน้ำ หนักได้ไม่เกิน 225 กิโลกรัมต่อพื้นที่ปฏิบัติงาน เหมาะสำ หรับงานฉาบปูน ทาสี งาน ไฟฟ้า และ งานเบาอื่นๆ - นั่งร้านสำ หรับงานปานกลาง รับน้ำ หนักได้ไม่เกิน 450 กิโลกรัมต่อพื้นที่ปฏิบัติงานเหมาะสำ หรับงานทั่วไป - นั่งร้านสำ หรับงานหนัก รับน้ำ หนักได้ไม่เกิน 675 กิโลกรัมต่อพื้นที่ปฏิบัติงาน เหมาะสำ หรับงานก่ออิฐ คอนกรีต รื้อ ถอนและภารกิจที่เกี่ยวข้องกับน้ำ หนักบรรทุกมากหรือแรงกระแทกหนัก - การสร้าง การดัดแปลง และการรื้อถอนนั่งร้าน ต้องดำ เนินการโดยผู้มีความรู้ความสามารถ และปฏิบัติตามข้อ กำ หนดมาตรฐานในการบริหารและการจัดการด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำ งานเกี่ยว กับงานก่อสร้าง พ.ศ. 2551 รถกระเช้า ต้องใช้บนพื้นแนวระนาบที่มั่นคงแข็งแรงพื้นที่ปฏิบัติงานต้องได้รับการตรวจสอบเพื่อให้มั่นใจว่าไม่มี หลุมหรือสิ่งกีดขวางที่อาจเป็นสาเหตุให้รถกระเช้าพลิกคว่ำ ได้ - รถกระเช้าที่ออกแบบสำ หรับพื้นขรุขระ ให้ปฏิบัติตามคำ แนะนำ ของผู้ผลิต และมีการตรวจสอบบริเวณพื้นที่ปฏิบัติ งาน - ต้องระบุขีดจำ กัดของน้ำ หนักบรรทุกการทำ งานอย่างปลอดภัยไว้อย่างชัดเจน - ให้ปฏิบัติตามคู่มือการปฏิบัติงานของรถกระเช้าแต่ละชนิด - รถกระเช้าควรได้รับการตรวจสอบและทดสอบอุปกรณ์อย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง - ผู้ควบคุมรถกระเช้าต้องได้รับการฝึกอบรมเรื่องการควบคุมรถกระเช้าอย่างปลอดภัยจากบริษัทผู้ผลิต ผู้แทน จำ หน่าย หรือหน่วยงานที่ได้รับการรับรอง ราวกันตก การจัดให้มีราวกันตกที่มีประสิทธิภาพจะต้องติดตั้งที่บริเวณขอบของอาคารหรือหลังคานั่งร้านขอบ ของแพลตฟอร์ม การปฏิบัติงาน ทางเดิน บันได ทางลาด จุดพัก ขอบของหลังคากระจกและวัสดุหลังคาแผ่นใส ช่องเปิด ในพื้นแลโครงสร้างหลังคา ขอบของช่องเปิดแนวตั้งหลุม และการขุดอื่นๆ ตาข่ายนิรภัย ออกแบบเพื่อป้องกันหรือรองรับการตกของผู้ปฏิบัติงานหรือการตกของวัสดุ ต้องมีการติดตั้งและ ตรวจสอบตามคำ แนะนำ ของผู้ผลิต การใช้ตาข่ายนิรภัยเป็นวิธีการหนึ่งที่ยอมรับได้ในการป้องกันการตกของผู้ปฏิบัติงาน ที่มีอิสระในการเคลื่อนที่ ห้ามใช้ตาข่ายนิรภัยเป็นทางเดินหรือใช้เป็นพื้นที่ปฏิบัติงาน ทั้งนี้การทำ งานบนแพลตฟอร์มยก ระดับสามารถนำ มาตรการควบคุมป้องกันการตกจากที่สูง โดยมีหน่วยงานซึ่งได้รับการรับรองนำ มาตรการดังกล่าวมา ใช้ในการติดตั้ง ใช้งาน รื้อถอน และต้องดำ เนินการโดยผู้มีความรู้ความสามารถตามข้อแนะนำ ของผู้ผลิต บันได ต้องคัดเลือกบันไดอย่างถูกต้องและเหมาะสมตามลักษณะงาน ติดตั้งบนพื้นที่แข็งแรงมั่นคง และมีการ ป้องกันไม่ให้บันไดลื่นไถล ดังนี้ - พาดบันไดให้เอียงในอัตราส่วน 4:1 โดยวัดความสูงจากพื้นถึงจุดพาดบันได 4 ส่วน ต่อระยะห่างของตีนบันได จากกำ แพง 1ส่วน และปลายบันไดต้องพ้นจุดพาดอย่างน้อย 90 เซนติเมตร หรือ 3 ขั้นบันได - ผูกยึดบันไดให้แน่นทั้งส่วนบนและส่วนล่าง 10 ตัวตัอย่างการยึดบันไดให้แน่นอย่างมีประสิทธิภาพ การสัมผัสกับบันไดอย่างน้อย 3 จุด (3 Points of Contact)การขึ้นและลงบันไดอย่างปลอดภัยภั


(5) ระบบการคุมตำ แหน่งการทำ งาน (Work Positioning Systems) ระบบการคุมตำ แหน่งการทำ งาน เป็นการกำ หนดให้มีและใช้อุปกรณ์ที่ช่วยยึดรั้งผู้ปฏิบัติงานให้อยู่ในตำ แหน่งงานและปฏิบัติงาน ในตำ แหน่งที่กำ หนดได้ อย่างปลอดภัย ทั้งนี้ ผู้ปฏิบัติงานที่ปฏิบัติงานในระบบนี้ต้องผ่านการฝึกอบรมมีความสามารถและทักษะใน การปฏิบัติ งานเป็นการเฉพาะ อุปกรณ์ความปลอดภัยในการทำ งานบนที่สูงอย่างน้อยต้องประกอบด้วย จุดยึดเกี่ยว (Anchorage Point) สายรัดตัวนิรภัยชนิดเต็มตัว (Full Body Harness) เชือกนิรภัยหรือสายช่วยชีวิต (Lanyard หรือ Lifeline) ตัวอย่างของระบบการคุมตำ แหน่งการทำ งาน 1. ระบบการทำ งานด้วยเชือก (Rope Access System) เป็นการปฏิบัติงานที่มีข้อจำ กัดในการเข้าถึงพื้นที่ เพื่อสามารถ ปฏิบัติงาน ได้ในแนวดิ่งหรือแนวลาดเอียง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการปฏิบัติงานด้วยเชือกในแนวดิ่ง วัตถุประสงค์หลักของการ ปฏิบัติงานลักษณะนี้ เพื่อเป็นการเข้าถึงพื้นที่ปฏิบัติงานได้อย่างปลอดภัย 2. ระบบจำ กัดระยะเคลื่อนที่ (Travel Restraint System) เป็นระบบป้องกันผู้ปฏิบัติงานตกจากขอบอาคาร ช่องเปิด และสิ่งก่อ สร้าง โดยการจำ กัดระยะเคลื่อนที่ ระบบนี้ประกอบด้วย เข็มขัดนิรภัยชนิดเต็มตัว เชือกนิรภัยหรือสายช่วยชีวิต และจุดยึด เกี่ยวที่เหมาะสม หากระบบจำ กัดระยะเคลื่อนที่ยังคงมีความเสี่ยงต่อการพลัดตก ให้พิจารณาเลือกใช้ระบบ การยับยั้งการตกแทน (6) ระบบการลดการบาดเจ็บจากการตกจากที่สูง (Fall Injury Minimization Systems) เป็นการใช้ อุปกรณ์ป้องกันการตกและเพื่อลดความรุนแรงของการบาดเจ็บของลูกจ้าง เช่น ตาข่ายนิรภัย แพลตฟอร์มรองรับการ ตกจากที่สูง เบาะลม และสายรัดตัวนิรภัยชนิดเต็มตัว เป็นต้น ที่นอกเหนือจากระบบจำ กัดระยะเคลื่อนที่ตาม ตัวอย่างระบบการลดการบาดเจ็บจากการตกจากที่สูง แพลตฟอร์มรองรับการตกจากที่สูง เป็นโครงสร้างที่ออกแบบเพื่อลดระยะการตกจากที่สูงของผู้ ปฏิบัติงานจากขอบอาคารหรือสิ่งก่อสร้างที่ไม่มีการป้องกัน ซึ่ง ต้องมีความแข็งแรงและทนต่อแรงกระแทกจากการตก โดยติดตั้งบริเวณด้านล่างของพื้นที่ปฏิบัติงานไม่เกิน 1 เมตร และยื่นจากขอบของพื้นที่ปฏิบัติงานออกไปไม่น้อยกว่า 2 เมตร อาจใช้แบบติดตั้งอยู่กับที่หรือเคลื่อนที่ได้ ระบบการยับยั้งการตก (Fall Arrest System) ระบบการยับยั้งการตก ใช้เพื่อลดแรงกระชากจาก การตกของผู้ปฏิบัติงานและไม่ให้ตกกระแทกพื้น การหยุดอย่างปลอดภัย จากการตกจากที่สูงของผู้ปฏิบัติงาน ประกอบ ด้วย สายรัดตัวนิรภัยชนิดเต็มตัวเชื่อมต่อกับจุดยึดเกี่ยวโดยตรง หรือเชื่อมต่อผ่านเชือกนิรภัยก็ได้ ทั้งนี้อุปกรณ์ดังกล่าว ต้องมีอุปกรณ์ดูดซับแรงด้วย 11 ระบบจำ กัดระยะเคลื่อนที่ที่ปลอดภัยภัป้องกันไม่ให้เข้าถึงตำ แหน่งที่อาจตกจากที่สูง แสดงทางเลือกของระบบจำ กัดระยะเคลื่อนที่ ตัวตัอย่างของแพลตฟอร์มรองรับการตกจากที่สูง ตัวตัอย่างของระบบการยับยั้งยั้การตกสำ หรับงานบนหลังคา


12 การคำ นวณระยะการตก การตกจะต้องมีระยะระหว่างพื้นที่ปฏิบัติงานกับพื้นด้านล่างอย่างเพียงพอ ดังนั้นในการคำ นวณหาระยะการตกของผู้ ปฏิบัติงาน ในกรณีที่ใช้เชือกนิรภัยและอุปกรณ์ดูดซับแรง ตัวแปรที่ใช้ในการคำ นวณอย่างน้อย ได้แก่ 1. ความยาวของเชือกนิรภัย 2. การยืดตัวสูงสุดของอุปกรณ์ดูดซับแรง 3. ความสูงของผู้ปฏิบัติงาน 4. ระยะปลอดภัย ซึ่งสามารถคำ นวณได้ดังต่อไปนี้ ระยะการตก = ความยาวของเชือกนิรภัย + การยืดตัวสูงสุดของอุปกรณ์ดูดซับแรง + ความสูงของผู้ปฏิบัติงาน + ระยะ ปลอดภัย จากตัวอย่างในภาพสามารถคำ นวณระยะการตกได้ดังนี้ ระยะการตก = 2.0 + 1.7 + 1.8 + 1.0 = 6.5 เมตร ในการตกจากที่สูงบางกรณีร่างกายของผู้ปฏิบัติงานอาจจะแกว่งไปกระแทกผนังหรือโครงสร้างของอาคารการใช้ ระบบการยับยั้งการตก จะต้องดำ เนินการดังนี้ 1. การติดตั้งราวกันตก 2. ติดตั้งจุดยึดเกี่ยวโดยให้มุมระหว่างจุดยึดเกี่ยวกับตำ แหน่งการทำ งานที่ขอบหลังคาไม่มากเกินไป ในกรณีเช่นนี้อาจ ใช้เป็นจุดยึ เกี่ยวแบบเคลื่อนที่ได้ 3. การติดตั้งจุดยึดเกี่ยวจุดที่สองพร้อมอุปกรณ์ผูกมัด (จุดยึดเกี่ยวตรงกลาง) (7) การควบคุมเชิงบริหารจัดการเป็นระบบการทำ งานหรือขั้นตอนการปฏิบัติงานที่ช่วยลดความเสี่ยง อันตรายของผู้ปฏิบัติงานจาก การตกจากที่สูง โดยการกำ หนดมาตรการควบคุมเพิ่มเติมเพื่อสนับสนุนมาตรการควบคุมป้องกันการตกจากที่สูงระดับ ชั้นต้นประกอบด้วย การกำ หนดนโยบาย การจัดการและการวางแผน การกำ หนดมาตรฐานการทำ งาน การฝึกอบรม การจัดลำ ดับของงาน ระบบการขออนุญาตทำ งาน และแผนการช่วยเหลือ 3. การป้องกันและยับยั้งวัสดุอุปกรณ์ตกหล่น 1. การป้องกันวัสดุ เครื่องมือ อุปกรณ์ตกหล่น ต้องปฏิบัติ ดังนี้ (1) จัดให้มีแผงกันของตกในแนวระนาบหรือแนวดิ่ง ออกแบบและคำ นวณความแข็งแรงโดยวิศวกรเพื่อใช้ในการป้องกัน วัสดุอุปกรณ์ตกหล่น (2) เส้นทางที่กำ หนดให้เป็นทางเดิน เส้นทางลำ เลียงหรือเคลื่อนย้ายวัสดุอุปกรณ์ ต้องจัดทำ หลังคา กันสาด หรือวัสดุ อื่นที่แข็งแรง เพียงพอสามารถทนแรงกระแทกหรือการทะลุผ่านเนื่องจากวัสดุหรืออุปกรณ์ตกหล่นได้ (3) เครื่องมือ อุปกรณ์ หรือวัสดุต่างๆ ที่ใช้ในการปฏิบัติงาน หรือกองบนที่สูง ต้องจัดกองให้เป็นระเบียบเรียบร้อย หรือมี ภาชนะบรรจุที่ปลอดภัย หรือจัดทำ แผงกันของตกที่มั่นคง แข็งแรงและปลอดภัย หากไม่มีราวกันตกต้องจัดเก็บห่างจาก ขอบของหลัง คาหรือขอบโครงสร้างไม่น้อยกว่า 1.8 เมตร 2. การยับยั้งวัสดุ เครื่องมือ อุปกรณ์ตกหล่น ต้องปฏิบัติ ดังนี้ (1) วัสดุ เครื่องมือ อุปกรณ์ที่มีขนาดพกพาและมีน้ำ หนักไม่มาก จัดให้มีอุปกรณ์คล้องเกี่ยวกับผู้ปฏิบัติงาน (2) วัสดุ เครื่องมือ อุปกรณ์ที่มีขนาดใหญ่หรือมีน้ำ หนักมาก จัดให้มีอุปกรณ์คล้องยึดกับโครงสร้าง ลักษณะการแกว่งกระแทกโครงสร้างอาคาร


13 หมวดที่ 4 : แผนฉุกเฉิน กรณีตกจากที่สูง คำ จำ กัดความ การทำ งานบนที่สูง หมายถึง การปฏิบัติงานใดๆ ก็ตามในบริเวณที่มีความต่างระดับของพื้นที่ทำ งาน และมีโอกาสที่บุคคลหรือ วัสดุจะตกจากที่สูง จากระดับหนึ่งสู่ระดับที่ต่ำ กว่า เช่น บ่อ หลุม ช่องเปิด หลังคา บริเวณที่มีทางขึ้น ทางลง หรือบันได บริเวณลาดชัน พื้นที่สูงที่มีพื้นผิวไม่แข็งแรงมั่นคงหรือลื่น เป็นป็ต้น การตกจากที่สูง หมายถึง การตกของบุคคล หรือการตกของวัสดุจากระดับหนึ่งสู่ระดับที่ต่ำ กว่า ซึ่งเป็นป็หนึ่งในสาเหตุของการ บาดเจ็บหรือการเสียชีวิตที่เกิดจากการทำ งาน จำ เป็นป็ต้องมีการป้อป้งกันและยับยั้งการตกจากที่สูงเพื่อป้อป้งกันและลดการเกิดอุบัติเหตุที่ จะเกิดกับผู้ปฏิบัติงานบนที่สูง เหตการณ์ฉุกเฉิน หมายความว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นโดยบังเอิญ ไม่ว่าจะเกิดจากความประมาทเลินเล่อ การรู้เท่าไม่ถึงการณ์ของ คนหรือความล้มเหลวของระบบและเทคโนโลยี่ ซึ่งหากไม่รีบเร่งจัดการแก้ไขโดยเร็วก็อาจจะก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพอนามัยของ พนักงาน สิ่งแวดล้อม และทรัพย์สิน มาตรฐานการปฏิบัติงาน หมายความว่า คำ สั่งหรือวิธีการปฏิบัติงานที่ระบุอย่างเป็นป็ขั้นเป็นป็ตอน และมีรายละเอียดชัดเจนให้ พนักงานหรือเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานนำ ไปใช้ปฏิบัติงานได้อย่างปลอดภัย การเตรียมการ หมายถึง การเตรียมการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอันตรายจากการตกจากที่สูง ซึ่งเป็นป็การดำ เนินการเพื่อลดความ รุนแรงจากการบาดเจ็บหรือเสียชีวิต การประเมินสถานการณ์ หมายถึง การประเมินสถานการณ์ก่อนเริ่ม การช่วยเหลือ เพื่อให้การปฏิบัติหน้าที่ของทีมปฏิบัติการ ช่วยเหลือเป็นป็ ไปอย่างถูกต้อง รวดเร็ว และปลอดภัย สามารถลดความสูญเสียอันอาจจะเกิดขึ้นได้ ประกอบด้วย การประเมิน สถานการณ์เบื้องต้น การประเมินทรัพยากรที่ต้องใช้ในการช่วยเหลือ และการเตรียมการก่อนเข้าปฏิบัติการช่วยเหลือ ศูนย์บัญชาการช่วยเหลือ หมายถึง ศูนย์กลางสาหรับการติดต่อประสานงาน โดยกำ หนดโครงสร้าง หน้าที่ ความรับผิดชอบอย่าง ชัดเจน ประกอบด้วย ผู้บัญชาการศูนย์ ส่วนบัญชาการ และส่วนปฏิบัติการ เชือกนิรภัยหรือสายช่วยชีวิต หมายถึง สลิง เชือก หรือวัสดุอื่นที่มีความแข็งแรงใกล้เคียงกัน ยึดกับจุดยึดเกี่ยวในแนวนอนหรือ แนวดิ่ง ใช้สำ หรับยึดเกี่ยวหรือคล้องกับเชือกนิรภัยหรือสายช่วยชีวิต เพื่อยับยั้งการตก สายรัดตัวนิรภัยชนิดเต็มตัว หมายถึง เข็มขัดนิรภัยที่ประกอบด้วย สายรัดลำ ตัวและต้นขา ที่มีหรือไม่มีเข็มขัดรัดเอว โดยออกแบบ ให้กระจายแรงยับยั้งการตกเพื่อลดโอกาสการบาดเจ็บ และป้อป้งกันผู้สวมใส่หลุดออกจากเข็มขัดนิรภัย เข็มขัดนิรภัยชนิดเต็มตัว สามารถใช้ร่วมกับอุปกรณ์ประกอบที่เกี่ยวข้อง เช่น เชือกนิรภัยและอุปกรณ์ดูดซับแรงยับยั้งการตก เป็นป็ต้น ผู้ขออนุญาต หมายความว่า พนักงานหรือหัวหน้างานหรือผู้ควบคุมงานที่มีความประสงค์ หรือได้รับคำ สั่งจากผู้บังคับบัญชาให้ เข้าไปปฏิบัติงานควบคุมในกิจกรรมงานที่กำ หนดไว้ว่าต้องมีการขอใบอนุญาตทำ งานต่อเจ้าหน้าที่หน่วยงานความปลอดภัยฯ ที่มีหน้า ที่รับผิดชอบ และได้รับใบอนุญาตในการทำ งานไปแสดงต่อเจ้าของพื้นที่ที่จะปฏิบัติงานนั้นๆ ผู้อนุญาต หมายความว่า พนักงานที่ผ่านการอบรมและได้รับการแต่งตั้งจากนายจ้าง ให้ทำ หน้าที่อนุญาตให้บุคคลที่จะปฏิบัติงาน เกี่ยวกับบนที่สูง ลูกจ้าง หมายความว่า ลูกจ้างตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองแรงงาน และให้หมายความรวมถึงผู้ซึ่งได้รับความยินยอมให้ ทำ งานหรือทำ ประโยชน์ให้แก่ หรือในสถานประกอบกิจการของนายจ้างไม่ว่าจะเรียกชื่ออย่างไรก็ตาม ผู้บริหาร หมายความว่า ลูกจ้างตั้งแต่ระดับผู้จัดการในหน่วยงานขึ้นไป หัวหน้างาน หมายความว่า ลูกจ้างซึ่งทำ หน้าที่ควบคุม ดูแล บังคับบัญชา หรือสั่งให้ลูกจ้างทำ งานตามหน้าที่ของหน่วยงาน เจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำ งาน หมายความว่า ลูกจ้างซึ่งนายจ้างแต่งตั้งให้ปฏิบัติหน้าที่ด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำ งานตามพระราชบัญญัติความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำ งาน พ.ศ. 2554


14 บทบาทหน้าที่และความรับผิดชอบในการป้องกันและระงับเหตุกรณีตกจากที่สูง 1.ฝ่ายบริหริารทุกระดับชั้น มีหน้าที่ดังต่อไปนี้คือ (1)เมื่อมีการปฏิบัติงานบนที่สูงต้องดำ เนินการประเมินความเสี่ยงในงานบนที่สูงก่อนเริ่มริ่ดำ เนินการ โดยใช้หลัก การประเมินความเสี่ยงตามมาตรฐานของบริษัริ ษัทฯและต้องมีการขออนุญาตทำ งาน (2)กำ หนดมาตรการควบคุมความปลอดภัยที่เหมาะสม ในกรณีผลการประเมินความเสี่ยงอยู่ในระดับสามขึ้นไป ผู้ควบคุมงานหรือรืหัวหน้าทีมต้องจัดทำ แผนงานควบคุมความเสี่ยงและจัดให้มีผู้อนุญาต ผู้ควบคุมงาน ผู้ช่วยเหลือ และ พนักงานที่ผ่านการอบรมการปฏิบัติงานบนที่สูง (3)กำ หนดมาตรฐานการปฏิบัติงานให้มีความปลอดภัยในการทำ งานบนที่สูง (4)จัดอุปกรณ์ความปลอดภัยในการทำ งานบนที่สูงและอุปกรณ์คุ้มครองความปลอดภัยส่วนบุคคล เช่น สายช่วย ชีวิต ตาข่ายนิรภัย และเข็มขัดนิรภัยชนิดเต็มตัว เป็นต้น (5)มอบหมาย ควบคุม กำ กับดูแล และตรวจติดตามให้คณะกรรมการความปลอดภัยฯ และเจ้าหน้าที่ความปลอด ภัยฯ จัดทำ และกำ หนดบทบาทและหน้าที่รวมถึงแผนงานในการดำ เนินการด้านการป้องกันและระงับเหตุกรณีตกจากที่ สูง ภายในสถานประกอบกิจการ เช่น การฝึกอบรม การตรวจสอบ การฟื้นฟู เป็นต้น 2.พนักงานทุกระดับชั้น มีหน้าที่ดังต่อไปนี้คือ (1)พนักงานปฏิบัติงานในที่สูง ต้องจัดให้มีนั่งร้าร้น หรือรืดำ เนินการด้วยวิธีการอื่นใดที่เหมาะสมกับสภาพของการ ทำ งาน เพื่อให้เกิดความปลอดภัยแก่ผู้ปฏิบัติงานโดยต้องมีความมั่นคงแข็งแรงและปลอดภัย (2)ในกรณีที่มีปล่องหรือรืช่องเปิดต่างๆ ซึ่งอาจทำ ให้พนักงานพลัดตก ผู้ที่ได้รับรัมอบหมายของแต่ละส่วนงานต้อง จัดทำ ฝาปิดที่แข็งแรง ราวกั้น รั้วรั้กันตกหรือรืแผงทึบ พร้อร้มทั้งติดป้ายเตือนอันตราย ให้เห็นได้อย่างชัดเจน (3)กรณีปฏิบัติงานในที่สูงตั้งแต่สี่เมตรขึ้นไปต้องจัดทำ ราวกั้นหรือรืรั้วรั้กันตก ตาข่ายนิรภัยหรือรือุปกรณ์ป้องกันอื่น ใดที่เหมาะสมกับสภาพของการทำ งาน ทั้งนี้ ต้องจัดให้มีการใช้เข็มขัดนิรภัยและเชือกนิรภัยหรือรืสายช่วยชีวิตพร้อร้ม อุปกรณ์ตลอดระยะเวลาการทำ งาน (4)ไม่ให้พนักงานปฏิบัติงานในที่สูงนอกอาคารหรือรืพื้นที่เปิดโล่ง ในขณะที่มีพายุ ลมแรง ฝนตกหรือรืฟ้าคะนองเว้น แต่มีเหตุจำ เป็นที่จะต้องให้พนักงานปฏิบัติงานทำ งานเพื่อให้เกิดความปลอดภัย หรือรืบรรเทาเหตุอันตรายที่เกิดขึ้น โดย ต้องจัดให้มีมาตรการเพื่อความปลอดภัยของพนักงานผู้ปฏิบัติงาน (5)ในกรณีที่ผู้ปฏิบัติงานต้องใช้บันไดไต่ชนิดเคลื่อนย้ายได้เพื่อทำ งานในที่สูง ผู้บังคับบัญชาหรือรืผู้ที่ได้รับรัมอบ หมายของแต่ละส่วนงานต้อง ดูแลการตั้งบันไดให้ระยะระหว่างฐานบันไดถึงผนังที่วางพาดบันไดกับความยาวของช่วง บันได นับจากฐานถึงจุดพาดมีอัตราส่วนหนึ่งต่อสี่ หรือรืมีมุมบันไดที่ตรงข้ามผนังเจ็ดสิบห้าองศาบันไดไต่ดังกล่าวข้างต้น จะต้องมีโครงสร้าร้งที่มั่นคง แข็งแรง และปลอดภัยต่อการใช้งาน มีความกว้างของบันไดไม่น้อยกว่าสามสิบเซนติเมตร ทั้งนี้ บันไดไต่ต้องมีขาบันไดหรือรืสิ่งยึดโยง ที่สามารถป้องกันการลื่นไถลของบันไดได้ (6)ในกรณีที่ผู้ปฏิบัติงานต้องใช้บันไดไต่ชนิดติดตรึงรึกับที่ที่มีความสูงเกินหกเมตรขึ้นไป เพื่อทำ งานในที่สูง ผู้ที่ได้ รับรัมอบหมายของแต่ละส่วนงานต้องดูแลบันไดไต่ชนิดติดตรึงรึกับที่ให้มีโครงสร้าร้งที่มั่นคง แข็งแรง และปลอดภัยต่อการ ใช้งานและต้องจัดทำ โกร่งร่บันไดเพื่อป้องกันการพลัดตกของผู้ปฏิบัติงาน (7)ในกรณีที่ผู้ปฏิบัติงานต้องใช้ขาหยั่งหรือรืม้ายืนเพื่อทำ งานในที่สูง ผู้ที่ได้รับรัมอบหมายของแต่ละส่วนงานต้อง ดูแล ให้ขาหยั่งหรือรืม้ายืนนั้นมีโครงสร้าร้งที่มั่นคงแข็งแรงและปลอดภัยต่อการใช้งาน และมีพื้นที่สำ หรับรัยืนทำ งานอย่าง เพียงพอ (8)ในกรณีที่มีการทำ งานบนที่ลาดชันที่ทำ มุมเกินสิบห้าองศาแต่ไม่เกินสามสิบองศา จากแนวราบ และมีความสูง ของพื้นระดับที่เอียงนั้น ตั้งแต่สองเมตรขึ้นไป ผู้ที่ได้รับรัมอบหมายของแต่ละส่วนงานต้องจัดให้มีนั่งร้าร้น ที่เหมาะสมกับ สภาพของการทำ งาน หรือรืเข็มขัดนิรภัยและเชือกนิรภัย หรือรืสายช่วยชีวิตพร้อร้มอุปกรณ์ หรือรืมาตรการป้องกันการพลัด ตกอื่นใดที่เหมาะสมกับสภาพของการทำ งาน


15 3.เจ้าหน้าที่ความปลอดภัยฯ มีหน้าที่ดังต่อไปนี้คือ (1)มีการประกาศกำ หนด ฝึกสอน อบรมผู้ปฏิบัติงานและแนะนำ ให้ผู้ปฏิบัติงานทำ ตามตามข้อบังคับ (2)ตรวจสอบสถานที่ปฏิบัติงานและให้คำ ปรึกรึษา ข้อเสนอแนะและแนวทางการแก้ไข กำ หนดวิธีการ และขั้น ตอนในการปฏิบัติงาน ควบคุม กำ กับ ดูแลการปฏิบัติงานกรณีทำ งานบนที่สูง (3)กำ หนดรายละเอียด ปรับรั ปรุง แก้ไข แผนฉุกเฉินกรณีตกจากที่สูงของสถานประกอบกิจการ ให้มีความหมาะ สมต่อสภาพการปฏิบัติงานรวมถึงการจัดให้มีการฝึกอบรมและฝึกซ้อมแผนฉุกเฉินตามระยะๆ ที่กำ หนดอย่างต่อเนื่อง (4)จัดหา ซ่อมบำ รุง ปรับรั ปรุง เสนอแนะ และตรวจสอบอุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคลให้มีสภาพพร้อร้มใช้งานตลอด ระยะเวลาร่วร่มกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง (5)ควบคุม กำ กับ ดูแล การปฏิบัติงานของผู้รับรัเหมาหรือรืบุคคลภายนอกในเรื่อรื่งที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติงานบน ที่สูง (6)ควบคุม ตรวจสอบ และออกใบอนุญาตการทำ งานบนที่สูงให้กับพนักงานภายในสถานประกอบกิจการรวมถึง ผู้รับรัเหมาและบุคคลภายนอก


16 การฝึกซ้อมแผนฉุกเฉินกรณีตกจากที่สูง วัตถุประสงค์ 1.ด้านองค์ยุทธวิธี เพื่อให้ทีมตอบโต้ภาวะฉุกเฉินของบริษัทฯ สามารถวิเคราะห์ ตัดสินใจ และวางแผนยุทธวิธีในการควบคุม ภาวะฉุกเฉินได้ถูกต้องและเหมาะสมกับสถานการณ์ โดยผ่านการจำ ลองสถานการณ์แบบสมจริง เพื่อการพัฒนา ขีดความสามารถของยุทธวิธีซึ่งกันและกัน เพื่อให้ผู้เข้าร่วมรับการฝึกซ้อมมีความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับวิธีการ ระงับเหตุกรณีตกจากที่สูง 2.ด้านองค์บุคคล (1)เพื่อให้ทีมตอบโต้ภาวะฉุกเฉินกรณีตกจากที่สูงของบริษัทฯ มีความรู้ความเข้าใจในขั้นตอน และวิธีการ ปฏิบัติตามบทบาทและหน้าที่ของตนเองเมื่อเกิดเหตุตามที่ระบุไว้ในแผนฉุกเฉินของบริษัทฯ (2)เพื่อให้ทีมตอบโต้ภาวะฉุกเฉินกรณีตกจากที่สูงของบริษัทฯ มีทักษะ ความรู้ ความชำ นาญในการป้องกัน และควบคุมความเสียหายได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ 3.ด้านองค์วัตถุ เพื่อเป็นการทดสอบ ตรวจสอบ ประสิทธิภาพของอุปกรณ์ในระบบหลักและระบบรองของการตอบโต้ ภาวะฉุกเฉินขององค์กรรวมถึงการพัฒนาขีดความสามารถของอุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล เพื่อรองรับการขยายตัว ของสถานประกอบกิจการในอนาคต


17 ขั้นตอนปฎิบัติการตรวจตราการปฏิบัติงานบนที่สูง


18 การแจ้งเหตุ (รายละเอียดในการแจ้งเหตุ) 1.ผู้เห็นเหตุการณ์รีบเข้าช่วยเหลือผู้ประสบเหตุ 2.รีบรายงานให้หัวหน้างานทราบทันที 3.รายละเอียดของสถานที่เกิดเหตุและลักษณะของการเกิดเหตุการณ์ 4.สภาพแวดล้อมใกล้เคียงที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบ เช่น พื้นที่ปฏิบัติงาน อุปกรณ์เครื่องจักร ขั้นตอนการปฏิบัติกรณีตกจากที่สูง 1.ขั้นตอนในการช่วยเหลือและจัดการผู้บาดเจ็บ (1)ผู้พบเห็นเหตุการณ์รีบเข้าช่วยเหลือผู้ประสบเหตุ โดยตรวจสอบพื้นที่ สังเกตุอาการของผู้ป่วยและซักถาม อาการของผู้ป่วย และสักถามเกี่ยวกับอวัยวะที่เจ็บปวดหรือบาดเจ็บ การเข้าช่วยเหลือต้องคำ นึกถึงความปลอดภัย ของตัวเองก่อนเสมอ หากไม่สามารถเข้าช่วยเหลือได้ตามลำ พัง หรือไม่สามารถเลือกวิธีการช่วยเหลือได้ ให้ทำ การ ร้องขอความช่วยเหลือโดยทันที (2)รีบปฐมพยาบาลผู้ป่วยตามอาการ เท่าที่สามารถทำ ได้ดังนี้ -กรณีที่ผู้ป่วยหมดสติ ให้ช่วยหายใจ -กรณีที่ผู้ป่วยมีบาดแผล ถ้าเป็นบริเวณที่ห้ามเลือดได้ ก็ให้ทำ การห้ามเลือด -กรณีที่ผู้ป่วยมีอาการ กระดูกหักหรือแตก ให้หาวัสดุที่หาได้ง่าย ดามอวัยวะในส่วนที่หักแบบชั่วคราวก่อน -กรณีที่ผู้ป่วยบาดเจ็บที่บริเวณ คอ หลัง และกระดูกก้นกบ ควรให้พยาบาล/แพทย์มาทำ การตรวจเช็ค ณ จุดเกิดเหตุและ อยู่ควบคุมการเคลื่อนย้ายอย่างใกล้ชิด (3)หัวหน้างานจะเป็นผู้ตัดสินใจในการส่งตัวผู้ประสบเหตุไปยังห้องพยาบาลเพื่อทำ การตรวจอาการ เคลื่อน ย้ายผู้ป่วยด้วยเปลสนามอย่างระมัดระวัง ในกรณที่มีอาการที่ร้ายแรงซึ่งไม่สามารถเคลื่อนย้ายได้ ให้เรียกรพยาบาล มารับ การส่งตัวไปยังโรงพยาบาลต้องมีหัวหน้างานไปด้วยเสมอ (4)กรณีต้องเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาล ผู้บังคับบัญชาของผู้ป่วยจะต้องดำ เนินการต่างๆ ได้แก่ จัดการเก็บของ ส่วนตัวของผู้ประสบเหตุ และแจ้งให้ครอบครัวรับทราบ เป็นต้น 2.ขั้นตอนการแจ้งและรายงานให้ทราบ (1)ผู้ประสบเหตุหรือผู้พบเห็นเหตุการณ์จะต้องแจ้งเวลาที่เกิดเหตุ สภาพการเกิดเหตุ ตำ แหน่งที่บาดเจ็บและ ระดับการบาด เจ็บไปยังหัวหน้างานหรือโฟร์แมน (2)เมื่อผู้พบเห็นเหตุการณ์หรือหัวหน้างาน โฟร์แมนที่ได้รับแจ้ง จะต้องรายงานสถานการณ์ที่เกิดเหตุไป ยังผู้จัดการ (3)ผู้จัดการต้องรายงานอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นไปยังผู้บังคับบัญชาที่สูงกว่าตน และผู้จัดการแผนกความปลอดภัย โดยทันที (4)ผู้จัดการแผนกความปลอดภัยจะต้องแจ้งให้GMฝ่ายความปลอดภัยทราบทันที จากนั้นGMฝ่ายความปลอดภัย จะต้องแจ้ง ให้กับผู้บริหารระดับสูงของบริษัทตามสถานการณ์ (5)หากมีผู้เสียชีวิตหรือมีอุบัติเหตุร้ายแรง (มีผู้พิการเกิดขึ้นมากกว่า 1 คนขึ้นไปต่อหนึ่งครั้ง) ผู้จัดการแผนก ความปลอดภัยจะต้องแจ้งทางโทรศัพท์ให้แก่สำ นักงานตรวจสอบมาตรฐานแรงงานและสถานีตำ รวจโดยทันที และ บางทีอาจต้องแจ้งไปยังสถานีอนามัยซึ่งขึ้นอยู่กับแต่ละเหตุการณ์นั้นๆ 3. การกั้นพื้นที่และการตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุ (1)หากมีผู้เสียชีวิตหรือมีอุบัติเหตุร้ายแรง (มีผู้พิการเกิดขึ้นมากกว่า 1 คนขึ้นไปต่อหนึ่งครั้ง) ผู้จัดการที่ เกี่ยวข้องจะต้องก เขตพื้นที่เกิดอุบัติเหตุจนกว่าเจ้าหน้าที่รัฐจะดำ เนินการตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุให้แล้วเสร็จ และได้รับการอนุญาต (2)ให้หัวหน้างานหรือโฟร์แมนทำ การกั้นพื้นที่เกิดเหตุจนกว่าจะเสร็จสิ้นการตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุและได้ รับอนุญาตจากผู้จัดการ (3)ทันทีที่เกิดอุบัติเหตุขึ้น ให้ผู้จัดการที่เกี่ยวข้องดำ เนินการตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุร่วมกับ โฟร์แมน หัวหน้า งาน ผู้เห็นเหตุการณ์ ผู้ประสบเหตุ(ถ้าเป็นไปได้)และแผนกความปลอดภัย (4)หากเกิดเหตุในเวลากลางคืนหรือวันหยุด ยกเว้นกรณีอุบัติเหตุร้ายแรง ให้โฟร์แมนที่เกี่ยวข้องรับผิดชอบใน การตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุ และรายงานผลให้ผู้จัดการในวันถัดไป


19 ขั้นตอนการปฏิบัติกรณีตกจากที่สูง


การปฐมพยาบาล หมายถึง การให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ประสบอันตราย ณ สถานที่ เกิดเหตุโดยใช้อุปกรณ์ปฐมพยาบาล ตามที่กำ หนดไว้ในแผนการช่วยเหลือก่อนที่ผู้ประสบ อันตรายจะได้รับการดูแลรักษาจากบุคลากรทางการแพทย์หรือส่งต่อไปยังโรงพยาบาล วัตถุประสงค์ของการปฐมพยาบาล เพื่อช่วยชีวิต ลดความรุนแรงของการบาดเจ็บหรือการเจ็บ ปวยและช่วยให้กลับสู่สภาพปกติโดยเร็ว รวมทั้งป้องกันการเกิดทุพพลภาพ หรือพิการ ที่จะเกิด ขึ้นตามมาภายหลัง การปฐมพยาบาลกรณีเกิดอุบัติเหตุการจากการปฏิบัติงานบนที่สูง ควรเริ่ม จากการประเมินเบื้องต้นซึ่งเป็นการรวบรวมข้อมูล เพื่อเป็นแนวทางในการดำ เนินการให้ สอดคล้องกับแผนการช่วยเหลือที่กำ หนดไว้ โดยมี 2 ประเภท คือ 1. การประเมินสถานการณ์ เป็นการรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับสถานการณ์ สภาพแวดล้อม หรือสภาพอันตราย และความปลอดภัยอื่น ๆ เพื่อพิจารณาดำ เนินการให้การช่วยเหลืออย่างถูก ต้องเหมาะสม 2.การประเมินสภาพผู้ประสบอันตราย เป็นการรวบรวมข้อมูลความผิดปกติที่เกิดขึ้นกับ ผู้ประสบอันตรายเพื่อเป็นแนวทางในการให้ความช่วยเหลือผู้ป่วยตามความรุนแรงและลำ ดับ ก่อนหลัง 20 หมวดที่ 5 : การปฐมพยาบาล การประเมินสภาพผู้เจ็บป่วยฉุกเฉิน (Patient Assessment) เป็นการรวบรวม ข้อมูลเกี่ยวกับสภาพร่างกายทั่วไป อายุ เพศ อาการบาดเจ็บ หรือการบาดเจ็บที่เกิดขึ้นกับผู้เจ็บ ป่วยฉุกเฉิน เพื่อเป็นแนวทางในการให้ความช่วยเหลือตามความรุนแรง และตามลำ ดับก่อนหลัง การประเมินความรู้สึกตัว (Mental status) ใช้หลักการ (A-V-P-U) ดังนี้ - A (Alert): รู้สึกตัวดี - V (Verbal stimuli): ตอบสนองต่อเสียงเรียก - P (Painful stimuli): ตอบสนองต่อความเจ็บปวด - U (Unresponsive): ไม่รู้สึกตัวหรือไม่ตอบสนอง


21 การกู้ชีพขั้นพื้นฐาน คือปฏิบัติการช่วยชีวิตคนที่หัวใจหยุดเต้นและหยุดหายใจกะทันหัน โดยใช้แรงมือกดหน้าอก และเป่าลมเข้าทางปาก ซึ่งไม่ต้องใช้อุปกรณ์การแพทย์ใดๆ (1) เปิดช่อง หน้าเชิด เชยคาง เพื่อเอาสิ่งแปลกปลอมออกจากปากและกดหน้าผากลงให้ หน้าเชิด จากนั้นใช้นิ้วมือช้อนคางให้แหงนขึ้น (2) การปั๊มหัวใจ - หาตำ แหน่งที่กระดูกซี่โครง 2 ข้างมาชนกันตรงกลาง วางนิ้วชี้และนิ้วกลางลงไป แล้ว วางสันมืออีกข้างถัดขึ้นมาจาก 2 นิ้ว - ประสานมือ 2 ข้าง เหยียดแขนตรง โน้มตัวตั้งฉากกับอกทิ้งน้ำ หนักลงบนแขนกดลง ฝ่ามือ ห้ามยกมือขึ้นจากอก (กดให้หน้าอกยุบลงประมาณ 1.5-2 นิ้ว) - จากนั้น นับ 1... และ 2... และ 3... และ 4... จนครบ 30 ครั้ง (ให้ทำ ติดต่อกัน 4 รอบ) (4) ประเมินผล ดูว่ารู้สึกตัวหรือไม่ มีการหายใจและมีชีพจรหรือไม่ (5) กระทำ อย่างต่อเนื่องจนกว่าผู้บาดเจ็บจะรู้สึกตัว หรือเมื่อเจ้าหน้าที่แพทย์และ พยาบาลเดินทางมาถึงที่เกิดเหตุ


บาดแผลและการห้ามเลือด บาดแผล หมายถึง รอยฉีกขาดหรือรอยแยกของผิวหนังหรือเยื่อบุ ส่วนที่ลึกกว่าชั้นผิวหนังถูกทำ ลาย ทำ ให้อวัยวะนั้นแยกจากกันด้วยสาเหตุต่างๆ บาดแผลแบ่ง ออกเป็น 2 ชนิด 1. บาดแผลปิด เกิดจากการได้รับอันตรายจากวัตถุไม่มีคม ทำ ให้เกิดฟกช้า ไม่มีรอยฉีก ขาดของผิวหนัง แต่อาจมีการแตกของหลอดเลือดใต้ผิวหนัง ทำ ให้เห็นเป็นรอยช้าเขียว 2. บาดแผลเปิด เกิดจากการได้รับอันตรายจากวัตถุที่มีคม ทำ ให้เกิดรอยแยกของ ผิวหนัง ทำ ให้เกิดการสูญเสียเลือดให้เห็นภายนอก ชนิดของการเสียเลือด (1)การเสียเลือดจากหลอดเลือดแดง มีลักษณะดังนี้ - เลือดจะพุ่งออกจากแผล สีแดงสด - เลือดจะมีลักษณะพุ่งแรงตามจังหวะการเต้นของชีพจร (2) การเสียเลือดจากหลอดเลือดดำ มีลักษณะดังนี้ - เลือดจะไหลรินเป็นทาง สีคล้ำ - เลือดจะออกมากแต่ถ้ากดห้ามเลือดจะหยุดง่ายกว่า (3)การเสียเลือดจากเส้นเลือดฝอย มีลักษณะดังนี้ - เลือดซึมออกจากแผล มีสีแดงคล้า - เลือดมักจะหยุดได้เอง ขั้นตอนการห้ามเลือด 1. เปิดสิ่งปกปิดให้เห็นบริเวณแผลที่เลือดออก 2. ใช้มือหรือผ้าสะอาดกดลงบนบาดแผลโดยตรง 3. ยกบริเวณที่เลือดออกให้สูงกว่าระดับหัวใจ 4. ถ้าเลือดไม่หยุด ให้กดบริเวณเส้นเลือดแดงใหญ่ที่ไปสู่บาดแผล 5. กรณีเลือดออกซ้ำ ให้เพิ่มความหนาของผ้าที่กด แล้วใช้ผ้าหรือผ้ายืดพันทับอีกครั้ง 6. ส่งต่อสถานพยาบาล ชนิดของบาดแผลและการห้ามเลือด แผลถลอก ลักษณะผิวหนังเป็นรอยแผลตื้นๆ มีเลือดออกเล็กน้อยหรือไม่มี 1. ถ้าบาดแผลมีเลือดซึมมากให้ทำ การห้ามเลือดโดยใช้ผ้าก๊อซปิดแผล 2. สังเกตการเสียเลือดเพิ่ม 22


แผลฉีกขาด มีรอยฉีกขาดของผิวหนังที่มีความลึกได้หลายระดับ เกิดจากการกระทบกับวัตถุ แหลมคม อาจจะมีเลือดออกมาก 1. ใช้ผ้าสะอาด/ผ้าก๊อซปิดแผล 2. สังเกตการเสียเลือดเพิ่ม 3. ถ้าเลือดไม่หยุดใช้ผ้ายืดพันเพิ่ม 4. ถ้าไม่มีกระดูกหักให้ยกส่วนนั้นสูง วัสดุปักคา 1. ห้ามดึงวัสดุนั้นออก นอกจากวัสดุนั้นกีดขวางการช่วยเหลือการช่วยหายใจและการกด หน้าอก 2. ยึดวัสดุนั้นให้อยู่นิ่งกับที่ ไม่เคลื่อนไหว 3. ห้ามเลือดโดยใช้ผ้าปิดแผลหนาๆ ปิดบริเวณโดยรอบวัสดุนั้น 4. ถ้าบาดแผลอยู่บริเวณหน้าท้อง ทรวงอก ให้สังเกตอาการ และอาการแสดงของภาวะช็อค แนะนำ ให้น้ำ และอาหาร นำ ส่งสถานพยาบาล แผลเปิดที่ทรวงอก 1. ใช้แผ่นพลาสติกสะอาดปิดบาดแผลแล้วปิดพลาสเตอร์ที่ขอบ 3 ด้าน 2. จัดท่าให้ผู้ป่วยสบาย ถ้าไม่มีการบาดเจ็บของไขสันหลัง 3. สังเกตอาการและอาการแสดงของภาวะช็อคจากการเสียเลือด แนะนำ งดน้ำ และอาหาร รีบนำ ส่งสถานพยาบาล แผลที่มีอวัยวะภายในทะลักออกมา 1. ห้ามดันอวัยวะส่วนที่ยื่นโผล่ออกมากลับเข้าไป 2. ปิดอวัยวะที่โผล่ออกมานั้นด้วยผ้าก๊อซชุบน้ำ สะอาด 3. สังเกตอาการและอาการแสดงของภาวะช็อคจากการเสียเลือด แนะนำ งดน้ำ และอาหาร รีบนำ ส่งสถานพยาบาล บาดเจ็บที่ศีรษะและสมอง อาจเป็นแผลปิดหรือแผลเปิด บาดเจ็บต่อสมอง มีการกระทบกระเทือนต่อสมอง มีเลือดออกใน โพรงสมอง ซึ่งอาจจะทำ ให้เกิดภาวะความดันในสมองเพิ่มขึ้น 1. ทำ การห้ามเลือดด้วยวิธีปิดแผลโดยตรง ถ้าเลือดออกมากใช้ผ้ายืดพันรัด 2. สังเกตอาการเปลี่ยนแปลงทางสมอง เช่น ซึมลง ระดับความรู้สึกตัวลดลง พูดคุยสับสน ปวดศรีษะมากอาเจียนพุ่ง 23


กระดูกหัก ข้อเคล็ด ข้อเคลื่อน กระดูกหัก หมายถึง ภาวะที่ส่วนประกอบของกระดูกแตกแยกออกจากกัน อาจเป็นการแตก แยก ออกจากกันโดยสิ้นเชิง หรืออาจมีบางส่วนติดกันอยู่บ้าง ชนิดของกระดูกหัก 1. กระดูกหักแบบปิด เป็นการหักโดยไม่มีการแทงทะลุออกนอกผิวหนัง 2. กระดูกหักแบบเปิด เป็นการหักแทงทะลุออกนอกผิวหนัง หรือมีแผล เลือดไหล อาการและอาการแสดง 1. ผิดรูป 2. ปวด บวม กดเจ็บ 3. การทำ หน้าที่ของอวัยวะส่วนนั้นผิดปกติไปจากเดิม 4. มีรอยช้ำ 5. เห็นกระดูกส่วนปลายโผล่ 6. อวัยวะส่วนนั้นสั้นกว่าอีกข้าง การรักษาพยาบาลฉุกเฉิน 1. การป้องกันการติดเชื้อ (Body Substance Isolation) 2. จัดท่าที่เหมาะสมหลังจากแก้ภาวะคุกคามชีวิตแล้ว 3. ประคบด้วยน้ำ แข็งบริเวณที่ปวด บวม ผิดรูป เพื่อลดอาการปวดบวม 4. การดามกระดูก เพื่อยึดตรึงกระดูกส่วนที่หักอยู่นิ่งมากที่สุด เพื่อลดความเจ็บปวด และ ไม่ก่อให้เกิดการบาดเจ็บเพิ่มขึ้น มีหลักการดังต่อไปนี้ 4.1 พยุงส่วนที่อยู่เหนือและใต้บริเวณที่บาดเจ็บ ในลักษณะการประคองให้อยู่ใน ท่าปกติมากที่สุด และทำ การ ดามด้วยอุปกรณ์การดามที่เหมาะสมกับอวัยวะที่สงสัยว่าอาจจะมี กระดูกหัก 4.2 วิธีการดาม อุปกรณ์มีความยาวเหนือข้อที่หัก 1 ข้อ และใต้ข้อที่หัก 1 ข้อ ควร ใช้ผ้าหนาๆ รองไม้ดามเพื่อลดแรงกด 4.3 ถ้าเป็นกระดูกหักแบบเปิด ใช้ผ้าก๊อซสะอาดปิดลงบนแผลเปิดเพื่อห้ามเลือด ก่อนทำ การดาม 4.4 ถ้ามีภาวะกระดูกหักแบบมีแผลเปิดและมีกระดูกโผล่ ห้ามดันกระดูกกลับเข้าที่ 24


25 การบาดเจ็บของกระดูกสันหลัง กลไกการบาดเจ็บ เช่น ตกจากที่สูง อุบัติเหตุจราจร แขวนคอ กระโดดนํ้า Springboard หรือ Platform Diving Accidents หรืออุบัติเหตุทุกชนิดที่ทำ ให้ผู้บาดเจ็บไม่รู้สึกตัว อาการและอาการแสดง 1. กดเจ็บบริเวณที่ได้รับบาดเจ็บ 2. มีอาการปวดเมื่อเคลื่อนไหว - อย่าพยายามถามหาตำ แหน่งที่ปวดโดยให้ผู้ป่วยเคลื่อนไหว - อย่าเคลื่อนไหวผู้ป่วยเพื่อหาตำ แหน่งที่ปวด 3. ชาแขน ขา หรืออ่อนแรง 4. สูญเสียความรู้สึก/อัมพาตข้างใดข้างหนึ่ง หรือทั้งสองข้าง 5. การหายใจผิดปกติ 6. สูญเสียการควบคุมปัสสาวะ/อุจจาระ 7. กรณีเคลื่อนไหวได้และไม่เจ็บ ไม่บ่งบอก ว่ากระดูกสันหลัง/ไขสันหลังไม่ได้รับอันตราย การประเมินและการช่วยเหลือเบื้องต้น 1. กรณีผู้บาดเจ็บรู้สึกตัว 1.1 ถามเหตุการณ์ว่าเกิดอะไรขึ้นเพื่อประเมินกลไกการบาดเจ็บ 1.2 สอบถามอาการการบาดเจ็บกับผู้บาดเจ็บ 1.3 เจ็บส่วนไหนบ้าง มีอาการเจ็บคอ/หลัง หรือไม่ 1.4 ขยับแขน ขา ได้หรือไม่ 1.5 รู้สึกชาบริเวณส่วนใดของร่างกายบ้าง 1.6 อธิบายให้ผู้บาดเจ็บทราบเพื่อความร่วมมือ 1.7 จัดท่าให้อยู่นิ่งมากที่สุด 1.8 ทำ การเคลื่อนย้ายด้วยวิธีที่ถูกต้อง ถ้าไม่มั่นใจขอสนับสนุน 2. ผู้บาดเจ็บไม่รู้สึกตัว 2.1 การยึดตรึงศีรษะและคอให้อยู่ในท่าเดิมที่พบ 2.2 ให้การดูแลทางเดินหายใจและการหายใจ 2.3 ประคองศีรษะและใส่อุปกรณ์ดามคอโดยผู้ช่วยเหลือสองคน 2.4 ถ้าต้องช่วยหายใจ ไม่ควรขยับศีรษะผู้บาดเจ็บ จะปล่อยมือจากการประคองต่อ เมื่อใช้แผ่นกระดานรองหลังและยึดตรึงศีรษะเรียบร้อยแล้ว 2.5 ขอการสนับสนุนจากหน่วยที่สูงกว่า


วิธีการปฐมพยาบาล 1. ถ้าบาดเจ็บบริเวณศีรษะและคอ ให้ศีรษะและคออยู่นิ่งๆ โดยผู้ช่วยเหลือประคองศีรษะ บริเวณกกหูทั้ง 2 ข้าง 2. ใช้กระดาษหนังสือพิมพ์พันทบหลายชั้น ทำ ปลอกคอชั่วคราวสวมไว้ใต้คาง 3. ถ้ามีการบาดเจ็บบริเวณกระดูกสันหลังด้วย ให้ใช้ผ้าห่มม้วนวางรอบศีรษะ ลำ ตัว แขน และระหว่าง ขา เพื่อไม่ให้เคลื่อนไหว 4. ให้ผู้บาดเจ็บนอนนิ่งๆ 5. ขอความช่วยเหลือจากพนักงานข้างเคียง 6. แจ้งหน่วยพยาบาลของบริษัทฯ 7. นำ ส่งยังโรงพยาบาลทันที การเคลื่อนย้าย ถ้าจำ เป็นต้องเคลื่อนย้ายให้ปฏิบัติดังนี้ 1. ให้ผู้ช่วยอุ้มยกอย่างน้อย 7 คนขึ้นไป 2. คนที่ 1 ประคองศีรษะโดยให้คอและหลังอยู่ในแนวเดียวกันตลอดเวลา 3. ผู้ช่วยเหลืออีก 6 คน สอดมือใต้กระดูกสันหลังของผู้บาดเจ็บอยู่บนฝ่ามือของทุกคน 4. ให้สัญญาณนับ 1-2-3 และอุ้มยกพร้อมกันทั้ง 7 คน 5. วางบนกระดานหรือเปลแข็ง กำ หนดความกว้างเท่ากับไหล่และความยาวเท่ากับความ สูงของผู้บาดเจ็บ 6. มัดผู้บาดเจ็บให้ติดกับไม้กระดานหรือเปลแข็ง 7. นำ ส่งโรงพยาบาลโดยทันที 26


27 ข้อเคลื่อน เป็นภาวะที่หัวกระดูกที่ประกอบเป็นข้อเคลื่อนออกจากตำ แหน่งปกติ บริเวณที่พบได้บ่อย ได้แก่ ข้อมือ ข้อศอก ข้อไหล่ข้อสะโพกกระดูกสะบ้าและขากรรไกร สาเหตุ เกิดจากการกระแทก การเหวี่ยง การบิด หรือการกระชากอย่างแรงที่ข้อนั้น อาการและอาการแสดง ปวดมาก บวมรอบๆ ข้อ กดเจ็บ มีอาการฟกช้า ข้อที่ได้รับ อันตรายจะผิดรูปไปจากเดิม และ ความยาวของแขนหรือขาข้างที่ได้รับบาดเจ็บอาจสั้นหรือ ยาว กว่าปกติ เคลื่อนไหวข้อนั้นไม่ได้ตามปกติ การปฐมพยาบาล 1. ให้พักข้ออยู่นิ่งๆ อย่าพยายามดึงข้อที่เคลื่อนให้เข้าที่ 2. ใช้ผ้าพยุง ดาม หรือเข้าเฝือกส่วนนั้นให้อยู่ในท่าพัก 3. รีบนำ ส่งสถานพยาบาลโดยเร็วข้อควรระวัง ห้ามให้อาหาร ยา และน้ำ ทางปาก ข้อเคล็ด เป็นการฉีกขาดของเอ็นที่อยู่รอบๆ ข้อและเยื่อหุ้มข้อ พบบ่อย บริเวณข้อเท้า ข้อมือ และ ข้อเข่า สาเหตุ เกิดจากการเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว มีการบิด หรือ การเหวี่ยงอย่างแรงตรง บริเวณข้อต่อเกินกว่าข้อนั้นจะสามารถทำ ได้ เช่น เดินสะดุด หรือก้าวพลาดจากการลงจากที่สูง อาการและอาการแสดง ปวดมาก กดเจ็บ บวม อาจมีอาการชา และเคลื่อนไหวข้อนั้น ลำ บากหรือไม่ได้เลย การปฐมพยาบาล 1. งดการใช้ข้อหรืออวัยวะนั้น เพื่อให้ข้อที่บาดเจ็บอยู่นิ่งๆ หรือเคลื่อนไหวน้อยที่สุด และ จัดให้อยู่ในท่าที่สบาย โดยใช้ผ้ายืดพันรอบข้อนั้นให้แน่นพอควร 2. ประคบด้วยความเย็น ใน 24 ชม. แรก หลังจากนั้นให้ประคบด้วยความร้อน 3. พยายามยกข้อนั้นให้สูง ถ้าเป็นข้อมือ ข้อไหล่ ควรใช้ผ้าสามเหลี่ยมคล้องแขน เพื่อลด การบวม 4. นำ ส่งสถานพยาบาล เพื่อตรวจให้แน่ใจว่าเอ็นยึดข้อฉีกขาดอย่างเดียวหรือมีกระดูก หักร่วมด้วย


เปลเคลื่อนย้ายผู้ป่วย ขนาด : 183 x 44.7 CM. ผลิตจากพลาสติก HDPE.ขึ้นรูปชั้นเดียว ทนคววามร้อนได้ที่ 130o C น้ำ หนัก 8 กิโลกรัม ลอย น้ำ ได้พร้อมกับผู้ป่วย รับน้ำ หนักได้สูงสุด 200 กิโลกรัม พร้อมอุปกรณ์ประครองศรีษะ Head Immobilizer เคลือบสารโพลิยูลิเทน สามารถแช่น้ำ ยาฆ่าเชื้อโรคได้ มาตรฐาน : BISO 9001:2008 ,CE. ข้อควรระวังในการยกและเคลื่อนย้าย 1. ความปลอดภัยของผู้ป่วย 1.1 อย่าเคลื่อนย้ายผู้ป่วยในขณะที่อาการยังไม่ปลอดภัย 1.2 ไม่ควรทิ้งผู้ป่วยหมดสติไว้ตามลำ พัง 1.3 การเคลื่อนย้ายแบบฉุกเฉิน ต้องระวังการบาดเจ็บต่อไขสันหลัง 1.4 ขณะเคลื่อนย้ายหรือนำ ส่ง จะต้องดูแลผู้บาดเจ็บอย่างใกล้ชิด ความสำ คัญของการเคลื่อนย้ายผู้บาดเจ็บหรือเจ็บป่วยฉุกเฉิน -อยู่ในสถานการณ์ที่ไม่ปลอดภัย ซึ่งอาจเกิดอันตรายเพิ่มหากไม่ทำ การเคลื่อนย้าย -มีภาวะคุกคามต่อชีวิตที่ต้องได้รับการช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน -เพื่อนำ ส่งหรือรับการรักษาที่ถูกต้องเหมาะสมกับโรค หรือภาวะที่ผู้ป่วยเป็นอยู่ ข้อควรคำ นึงก่อนการเคลื่อนย้าย -ผู้ช่วยเหลือต้องไม่เกิดอันตราย -ทีมต้องไม่เกิดอันตราย -ผู้ป่วยต้องไม่เกิดอันตรายเพิ่มขึ้น 28


Click to View FlipBook Version