The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

วิเคราะห์เรื่องสั้นมีดของนาย

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by ชฎา, 2023-09-20 03:17:23

เรื่องสั้น มีดของนาย

วิเคราะห์เรื่องสั้นมีดของนาย

มีดของนาย มีดของนาย เป็น 1 ใน 13 เรื่องเรื่องสั้นของหนังสือรวมเรื่องสั้นครอบครัวกลางถนน ผลงานของศิลา โคมฉาย ตีพิมพ์ครั้งแรกใน พ.ศ. 2535 โดยสำนักพิมพ์มิ่งมิตร เนื้อหาส่วนใหญ่มุ่งแสดงปัญหาในแง่ต่าง ๆ ของ ชนชั้นกลางในเมืองหลวง และยังเป็นหนังสือที่ได้รับรางวัลสร้างสรรค์ยอดเยี่ยมแห่งอาเซียน (ซีไรต์) ของประเทศไทย ประจำปี พ.ศ. 2536 โครงเรื่อง มีดของนาย เป็นเรื่องราวของการแก่งแย่งชิงดีชิงเด่นของคนในวงการธุรกิจ โดยมีตัวละคร “เขา” มีหน้าที่ทำตามคำสั่งของ “นาย” ด้วยสภาพสังคมที่ต่างคนต่างใส่หน้ากากเข้าหากัน ทำให้เขาเลือกแสดงบาง พฤติกรรมและไม่ไว้ใจใครง่าย ๆ พวกคนที่ตำแหน่งต่ำกว่ามักนินทาลับหลังซึ่งเขาก็ไม่ได้สนใจ แต่ถ้าเป็นพวกที่ ตำแหน่งเท่ากันหรือสูงกว่าหมิ่นแคลน จะนำมาซึ่งการต่อสู้ ชิงดีชิงเด่นกันในที่สุด ซึ่งต้องใช้มีดประจำตัว เปรียบเสมือนอาวุธที่ใครหลายคนยอมทำทุกอย่างไม่สนใจถูกผิดเพื่อให้ได้มาซึ่งการยอมรับนับถือ อำนาจ เกียรติยศ ทุกคนต่างพกมีดมาทำงาน ซึ่งปกปิดไว้ด้วยไมตรี แต่การกระทำจะเป็นตัวบ่งบอกถึงประเภทของมีด มีดของเขาขาดอย่างเดียวคือความคม เขาพบว่าสิ่งที่ต้องการมากที่สุดก็คือมีดด้ามงา นายมักชื่นชอบการใช้มีด จากการแก่งแย่งชิงดีชิงเด่นกันเพื่อค้นหาคนที่มีฝีมือที่สุด และเพราะเคยทำงานลำบากทุกอย่าง มีทั้งล้มเหลว และประสบสำเร็จ จึงเป็นคนที่เชี่ยวชาญ ทำให้ต้องการเพียงร่างทรงหรือคนที่คอยทำตามคำสั่งทุกอย่าง ไม่ต้องการพวกคนที่มีหลงในความสามารถตนเอง เมื่อได้สิ่งที่ต้องการก็หาทางกำจัด กลัวว่าคนเหล่านี้จะรู้ เท่าทันความคิด เขาจึงมีหน้าที่กำจัดคนเหล่านี้นายพูดถึงการหลงในลาภยศจะทำให้ไม่เห็นความสำคัญของคน ในครอบครัวและการหาผลประโยชน์จากคนอื่นแล้วหาคนรับผิดแทนให้เขาฟัง สุดท้ายก็มอบมีดประจำตัว ให้เพื่อให้เขานำไปใช้อย่างที่นายต้องการ การเปิดเรื่อง ผู้เขียนเปิดเรื่องด้วยการกระทำของตัวละคร ถือว่าเป็นการเปิดตัวละครให้ผู้อ่านทราบตั้งแต่ต้นเรื่อง ดังข้อความ “เมื่อ ‘นาย’ บอกว่า เขาน่าจะคิดถึงการมีมีดประจำตัวได้แล้ว” (หน้า 93) จะเห็นได้ว่าตัวละคร ในเรื่องที่ควรให้ความสนใจ คือ “นาย” และ “เขา” นอกจากนี้ยังเปิดเรื่องด้วยสัญลักษณ์ ได้แก่ มีดประจำตัว ทำให้ผู้อ่านเกิดความใคร่รู้ว่าสัญลักษณ์ที่ผู้เขียนใช้นั้นแทนถึงสิ่งใด ถือว่าเป็นการดึงความสนใจให้ผู้อ่านติดตาม อย่างต่อเนื่อง การดำเนินเรื่อง ผู้เขียนเล่าเรื่องแบบตามปฏิทินหรือตามลำดับเวลา โดยดำเนินเรื่องผ่านตัวละคร “เขา” เล่าถึง ความเป็นไปต่าง ๆ ในสังคมในแง่ของการแก่งแย่งชิงดีชิงเด่นเพื่อให้ได้ผลประโยชน์ที่ทุกคนต้องการ และ


กล่าวถึงอีกด้านของคนเราที่ทุกคนต่างมีอยู่ในตัว คือ ความโลภ แล้วแต่ว่าใครจะมีมากมีน้อยแตกต่างกันไป ผู้เขียนดำเนินเรื่องให้เห็นถึงความโลภของตัวละคร จนนำมาสู่การแก่งแย่งหรือการหักหลังกัน ซึ่งทำให้ผู้อ่าน ค่อย ๆ เข้าใจในสัญลักษณ์ที่แฝงเอาไว้ ปมขัดแย้ง ผู้เขียนสร้างปมขัดแย้งในเรื่อง ได้แก่ ความขัดแย้งระหว่างมนุษย์กับสังคม ในที่นี้เป็นสังคมของ การแก่งแย่งชิงดีชิงเด่นระหว่างมนุษย์ด้วยกันเอง จะเห็นได้ว่าทุกคนที่อยู่ในเรื่องต่างมีความขัดแย้งด้วยกัน ทั้งนั้น เพื่อผลประโยชน์ที่ตนเองต้องการ ซึ่งตัวละคร “เขา” มีความขัดแย้งกับคนในที่ทำงาน ไม่ว่าจะเป็น การแข่งกันเพื่อให้ได้ของการมีอำนาจ ชื่อเสียง เกียรติยศ ดังข้อความ “แค่หางตาส่อแววหมิ่นแคลน ความคุมแค้นแน่นอกใจ ไฟริษยาลุกโชน เขากำลังจะมีมีดประจำตัว ถึงตอนนั้นเลือดต้องสาดกระเซ็นให้เห็น กัน” (หน้า 94) และการกำจัดคนที่หมดประโยชน์ให้กับนาย ดังข้อความ “นักแทงข้างหลังระดับสุดยอดอย่าง เขาถือเป็นหน้าที่ จัดการธุระ ‘กำจัด’ ให้นายโดยไม่ต้องออกปาก” (หน้า 97) การปิดเรื่อง ผู้เขียนปิดเรื่องด้วยการจบแบบทิ้งท้ายให้ผู้อ่านคิดเอาเอง โดยจบตรงที่ตัวละคร “นาย” มอบมีด ประจำตัวให้ “เขา” ซึ่งไม่ได้บอกต่อ ว่าเขาจะนำไปใช้ในทิศทางใด แต่ผู้อ่านก็สามารถคาดเดาเองได้ว่า ตัวละคร “เขา” มีแนวโน้มที่จะมีพฤติกรรมเช่นเดิม เห็นได้จากข้อความ“น้ำเสียงของนายกระตุ้นความรู้สึก ของเขาตื่นโพลง กระชับมีดในมือ ลุกจากที่นั่ง รวบรวมเอกสารเตรียมออกจากห้อง ‘การกินเนื้อแพะก็เป็น วัฒนธรรม-จำไว้’ เสียงของนายชะงักเขาไว้ที่ประตูนิดหนึ่ง มือเลื่อนไปแตะด้ามมีดซุกอยู่ในหอบเอกสาร ขณะก้าวออกไป... ไปสร้างงานวัฒนธรรมของยุคสมัย” (หน้า 101) แก่นเรื่อง จากเรื่อง มีดของนาย ผู้เขียนต้องการสะท้อนให้เห็นสภาพสังคม การแก่งแย่งชิงดีชิงเด่นของคน ในวงการธุรกิจ เมื่อมีผลประโยชน์เข้ามาเกี่ยวข้อง คนเรายอมทำทุกสิ่งโดยไม่สนใจถูกผิด เพื่อให้ได้มาของการมี อำนาจ เกียรติยศ ตำแหน่ง ซึ่งเปรียบเหมือนกับมีดประจำตัว เป็นเครื่องมือเพื่อให้ได้ในสิ่งที่ต้องการ ไม่ว่าจะ เป็นการแก่งแย่งหรือการหักหลังกันเอง ความโลภมากจะทำให้คนเราไม่เห็นความสำคัญกับสิ่งที่ควรให้ ความสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นคนใกล้ชิด ญาติพี่น้องหรือคนในครอบครัว ดังข้อความที่ว่า “คนเรา พอมีเงินล้าน ความเป็นญาติจะเสื่อม มี 10 ล้านความเป็นพี่น้องสลาย นับร้อย ๆ ล้านความเป็นพ่อลูกไม่เหลือ ” (หน้า 100) นอกจากนี้ยังสะท้อนให้เห็นพฤติกรรมที่คนเราทำบ่อยจนเหมือนเป็นวัฒนธรรมอย่างหนึ่งในสังคม ได้แก่ การแก่งแย่งชิงดีชิงเด่น การกำจัดคนที่หมดผลประโยชน์ และการกอบโกยผลประโยชน์แล้วโยนความผิดให้คน อื่นรับผิดชอบ


ตัวละคร ตัวละครที่มีบทบาทสำคัญในการดำเนินเรื่อง ได้แก่ ตัวละคร “เขา” และ “นาย” ตัวละคร “เขา” ผู้เขียนนำเสนอลักษณะนิสัยของตัวละคร “เขา” ให้เห็นเพียงด้านเดียว ทำให้ตัวละครขาด ความสมจริง ไม่เหมือนคนในชีวิตจริงที่มีทั้งด้านดีและด้านไม่ดี กล่าวคือ มุ่งแสดงให้เห็นด้านไม่ดีที่อยู่ ในตัวมนุษย์ซึ่งพบเห็นได้ในชีวิตจริง ได้แก่ การมีความโลภในอำนาจ ชื่อเสียง เกียรติยศ ดังข้อความ “ความเป็นจริงและต้องการในท้ายที่สุด คือ มีดด้ามงา” (หน้า 96) ซึ่งมีดด้ามงาในที่นี่เป็นเปรียบเหมือนอำนาจ ชื่อเสียง เกียรติยศที่เหล่าเจ้านายระดับสูงมี เป็นสิ่งที่ตัวละคร “เขา” ต้องการ นอกจากนี้ เขายังเป็นหุ่นเชิดหรือคนที่ทำตามคำสั่งของนายทุกอย่าง เพื่อความก้าวหน้าในหน้าที่การงาน การสร้างความเดือดร้อนให้กับผู้อื่น ดังข้อความ “นักแทงข้างหลังระดับสุดยอดอย่างเขาถือเป็นหน้าที่ จัดการ ‘กำจัด’ ให้นายโดยไม่ต้องออกปาก” (หน้า 97) เป็นการกำจัดคนที่หมดประโยชน์ให้กับนาย ถือว่าเป็น การสร้างความเดือดร้อนให้กับผู้อื่น ตัวละคร “นาย” ผู้เขียนนำเสนอลักษณะนิสัยของตัวละคร “นาย” ให้เห็นเพียงด้านเดียว ทำให้ตัวละครขาดความ สมจริง ไม่เหมือนคนในชีวิตจริงที่มีทั้งด้านดีและด้านไม่ดี กล่าวคือ มุ่งแสดงให้เห็นด้านไม่ดีของมนุษย์ที่พบเห็น ได้ในชีวิตจริง ได้แก่ การใช้งานคนอื่นเพื่อหวังผลประโยชน์เมื่อหมดประโยชน์ก็กำจัดทิ้ง ดังข้อความ “นาย ไม่ต้องการคน พวกนี้นานนัก ไม่น่าวางใจ สามารถเรียนรู้เร็ว หยิบฉวยเอาประสบการณ์ในกลวิธีการจัดการไปสั่งสมอย่างไม่มี สิทธิ์ควรได้ สิ่งที่เป็นความผิดฉกรรจ์คือในเวลาไม่นาน ความคิดของนายจะถูกตามทันและรู้เท่า ภาพบางภาพ ซ่อนเร้นอาจถูกขุด ไม่สมควรให้เวลาและโอกาสใด ๆ นี่อาจเป็นวัฒนธรรมอีกประการที่เขาตระหนัก ” (หน้า 97) การเห็นแก่ตัว มุ่งกอบโกยผลประโยชน์เข้าหาตนเอง โดยไม่คำนึงถึงคนอื่น ว่าจะได้รับความเดือดร้อน จากการกระทำของตนหรือไม่ ดังข้อความ “ฉันเคยพูดถึงมีดประจำตัว นั่นมันต้องเชือดต้องเฉือน” (หน้า 99) “แบบนั้นเป็นชนิดที่เขามอบกันตามสายตระกูล ใช้แล่เนื้อเพียงอย่างเดียว นับวันจะไร้ความหมายลงทุกที แบบนี้เราสร้างมันมากับมือ ใช้ได้ทั้งแทงทั้งแล่ หรือจะฟันก็ได้ทุกรูปแบบ มันจะได้รับความนิยมสูงขึ้นตาม สภาพเปลี่ยนไปของการแสวงหาประโยชน์ของยุคสมัย...” (หน้า 100)


การแก่งแย่งชิงดีชิงเด่น ดังข้อความ “ลองดูไอ้นี่...มีดประจำตัวฉัน” (หน้า 99) มีดประจำตัวเปรียบ เหมือนการที่คนเรายอมทำทุกสิ่งโดยไม่สนใจถูกผิด เพื่อให้ได้มาของอำนาจ เกียรติยศ ตำแหน่ง การหาคนรับผิดชอบแทน ดังข้อความ “การแทงคนแล้ว ประโยชน์ต้องเป็นของเราทั้งหมด อย่าให้ บรรดาพวกหัวหน้าหน่วยงานเสวยผล แต่ทำให้พวกนั้นเป็นแพะ โยนความรับผิดชอบในสิ่งที่เกิดขึ้นให้...ให้มัน สำนึกตัวสั่นงันงกด้วยความกลัว ทุ่มเทพลังทุกขุมขนออกมารับใช้งาน เชือดมันด้วยมีดเล่มนี้” (หน้า 101) “การกินเนื้อแพะก็เป็นวัฒนธรรม-จำไว้” (หน้า 101) การเข้าใจถึงโทษของบางสิ่ง แต่ก็ยังแนะนำคนอื่นให้ทำ ดังข้อความ “คนเรา พอมีเงินล้านความเป็น ญาติจะเสื่อม มี 10 ล้านความเป็นพี่น้องสลาย นับร้อย ๆ ล้านความเป็นพ่อลูกไม่เหลือ แกไม่เคยได้ข่าวความ ขัดแย้งในโครงการคอนโดมิเนียม มูลค่าหลายร้อยล้านบ้างหรือ พ่อฟ้องลูกในไส้ข้อหาฉ้อโกง ลูกแจกไอ้นั่น...ให้ พ่อกลางศาล บ้านเมืองนี้มีแนวโน้มจะกลายเป็นเสือเป็นสางตัวใหม่ การแทงกันต้องกลายเป็นวัฒนธรรม มีด ประจำตัวจะเปลี่ยนรูปแบบ” (หน้า 100) จากข้อความข้างต้น ตัวละครทราบข้อเสียของการโลภมาก แต่ก็ยังมี แนวโน้มที่จะทำพฤติกรรมนั้นอยู่ เห็นได้จากการที่มอบมีดประจำตัวให้ตัวละคร “เขา” ดังข้อความ “เอาไปแล่ เนื้อแพะกิน คนไม่มีมีดประจำตัวจากตระกูล ถ้าอยากได้ต้องหัดกินเนื้อแพะให้เก่ง” (หน้า 100) ถือว่าเป็นการ แนะนำให้คนอื่นทำพฤติกรรมไม่ดี ฉาก ฉากที่ปรากฏในเรื่อง ได้แก่ ที่ประชุม ซึ่งถือว่าเหมาะสมและสอดคล้องกับเนื้อเรื่อง โดยเป็นสถานที่ เหมาะสมสำหรับใช้เป็นเวทีต่อสู้ แก่งแย่งชิงดีชิงเด่นในการนำเสนอผลงานระหว่างมนุษย์ในวงการธุรกิจด้วยกัน ซึ่งต่างฝ่ายต่างต้องเชือดเฉือน เพื่อให้ได้มาของอำนาจ ตำแหน่งหน้าที่การงานที่ก้าวหน้า และอีกฉากที่สำคัญ ของเรื่อง ได้แก่ ห้องทำงานของนาย เป็นฉากที่สอดคล้อง กลมกลืนกับเนื้อเรื่อง มีส่วนช่วยเสริมบรรยากาศ ของเรื่องให้น่าสนใจมากขึ้น ได้แก่ ตอนที่ตัวละคร “นาย” มอบมีดให้ตัวละคร “เขา” ในห้องทำงาน ถือว่าเป็น การบรรลุจุดมุ่งหมายของตัวละคร เพราะได้รับสิ่งที่เขาต้องการมากที่สุด นอกจากนี้ฉากห้องทำงานของนาย ยังมีอิทธิพลต่อตัวละครในด้านความประพฤติ โดยฉากนี้ตัวละคร “นาย” สามารถโน้มน้าวหรือเป็นพูดกระตุ้นตัวละคร “เขา” ให้เปลี่ยนแปลงพฤติกรรมเป็นไปตามที่ต้องการได้ อย่างอิสระ เพราะถือว่าอยู่ในห้องทำงานส่วนตัว ไม่มีบุคคลอื่นได้ยิน กล่าวคือ ต้องการให้เขาพัฒนาตนเอง ในเรื่องของการแสวงหาผลประโยชน์ที่จะต้องโยนความผิดให้คนอื่นรับผิดชอบแทน และตัวละคร “เขา” ก็มีแนวโน้มที่จะเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของตนเอง เห็นได้จากการที่เขารู้สึกตื่นตัวจากคำพูดกระตุ้นของนาย ดังข้อความ “น้ำเสียงของนายกระตุ้นความรู้สึกของเขาตื่นโพลง กระชับมีดในมือ ลุกจากที่นั่ง รวบรวมเอกสาร เตรียมออกจากห้อง” (หน้า 101) ฉากที่ปรากฏในเรื่องมีความน่าเชื่อถือและมีความสมจริง เนื่องจากที่ประชุม เป็นที่ใช้สำหรับนำเสนอ วิเคราะห์ วิจารณ์ผลงานเป็นปกติในสังคม ส่วนห้องทำงานของนาย ถือว่ามีความเป็นไปได้ที่จะเป็นกระจก


ทั้งสามด้าน เพื่อดูความเป็นไปในการดำเนินงานของพนักงานทุกคน และการมีชุดเฟอร์นิเจอร์ที่เรียบง่าย ในห้องทำงาน ก็เพื่อไม่ต้องการให้มีความแตกต่างระหว่างเจ้านายกับลูกน้องอย่างชัดเจน บทสนทนา ผู้เขียนใช้บทสนทนาแสดงให้เห็นถึงลักษณะนิสัยของตัวละคร ได้แก่ ตัวละคร นาย “เหนื่อยเกินไปที่จะลงมือคิดทำเอง” (หน้า 96) จากข้อความ แสดงให้เห็นว่าเป็นคนที่รักสบาย ไม่ลงทุนทำบางสิ่งเมื่อเห็นว่าให้คนอื่นทำแทนก็ได้ เมื่อหมดประโยชน์ก็กำจัดทิ้ง เปรียบเหมือนการหา ผลประโยชน์จากคนอื่น “ฉันเคยพูดถึงมีดประจำตัว นั่นมันต้องเชือดต้องเฉือน” (หน้า 99) จากข้อความ แสดงให้เห็นเล่ห์ เหลี่ยมของตัวละคร ว่าไม่เพียงแต่กำจัดคนอื่นให้พ้นทาง ต้องกอบโกยผลประโยชน์เข้าตนเองด้วย “ลองดูไอ้นี่...มีดประจำตัวฉัน” (หน้า 99) จากข้อความ แสดงให้เห็นว่า กว่าจะมีอำนาจ ชื่อเสียง เกียรติยศ เป็นเจ้านายระดับสูง เขาก็มีมีดประจำตัว เป็นอาวุธที่ใช้ในการได้มาของอำนาจ เกียรติยศ ไม่ว่าจะ เป็นการแก่งแย่ง การหักหลังกัน การหาคนรับผิดชอบแทน “การแทงคนแล้ว ประโยชน์ต้องเป็นของเราทั้งหมด อย่าให้บรรดาพวกหัวหน้าหน่วยงานเสวยผล แต่ทำให้พวกนั้นเป็นแพะ โยนความรับผิดชอบในสิ่งที่เกิดขึ้นให้...ให้มันสำนึกตัวสั่นงันงกด้วยความกลัว ทุ่มเท พลังทุกขุมขนออกมารับใช้งาน เชือดมันด้วยมีดเล่มนี้” (หน้า 101) จากข้อความแสดงให้เห็นถึงการโยน ความรับผิดชอบให้คนอื่น หลังจากที่ได้สิ่งที่ต้องการหรือผลประโยชน์มาแล้ว ตัวละคร เขา “แกแทงอย่างเคยละซีท่า...” (หน้า 99) จากข้อความ เขากำจัดคนที่หมดประโยชน์แล้วให้นาย และ แสดงให้เห็นว่าเขาเคยสร้างความเดือดร้อนให้กับผู้อื่นมาก่อนหน้านี้แล้ว ใช้แสดงให้เห็นถึงแง่คิดเกี่ยวกับสภาพสังคมในปัจจุบัน “คนเรา พอมีเงินล้านความเป็นญาติจะเสื่อม มี 10 ล้านความเป็นพี่น้องสลาย นับร้อย ๆ ล้านความ เป็นพ่อลูกไม่เหลือ แกไม่เคยได้ข่าวความขัดแย้งในโครงการคอนโดมิเนียม มูลค่าหลายร้อยล้านบ้างหรือ พ่อ ฟ้องลูกในไส้ข้อหาฉ้อโกง ลกแจกไอ้นั่น...ให้พ่อกลางศาล บ้านเมืองนี้มีแนวโน้มจะกลายเป็นเสือเป็นสางตัวใหม่ การแทงกันต้องกลายเป็นวัฒนธรรม มีดประจำตัวจะเปลี่ยนรูปแบบ” (หน้า 100) จากข้อความ แสดงให้เห็นถึง โทษของการโลภมาก จะทำให้มองไม่เห็นสิ่งที่ควรให้ความสำคัญ


“การกินเนื้อแพะก็เป็นวัฒนธรรม-จำไว้” (หน้า 101) จากข้อความ แสดงให้เห็นว่าการกอบโกย ผลประโยชน์ แล้วโยนความรับผิดชอบให้คนอื่นเป็นสิ่งที่พบได้ทั่วไปในสังคม บทสนทนามีความสอดคล้องและเหมาะสมกับสถานภาพตัวละคร โดยตัวละคร “นาย” ใช้คำพูด เหมาะสมกับฐานะเจ้านาย และตัวละคร “เขา” ใช้คำพูดเหมาะสมกับฐานะลูกน้อง และยังเหมาะสมกับ ลักษณะนิสัยใจคอตัวละคร “นาย” ที่แสดงให้เห็นถึงความเห็นแก่ตัว หวังกอบโกยผลประโยชน์ แล้วโยน ความผิดให้ผู้อื่นรับผิดชอบ ดังข้อความ “การแทงคนแล้ว ประโยชน์ต้องเป็นของเราทั้งหมด อย่าให้บรรดาพวก หัวหน้าหน่วยงานเสวยผล แต่ทำให้พวกนั้นเป็นแพะ โยนความรับผิดชอบในสิ่งที่เกิดขึ้นให้...ให้มันสำนึกตัวสั่น งันงกด้วยความกลัว ทุ่มเทพลังทุกขุมขนออกมารับใช้งาน เชือดมันด้วยมีดเล่มนี้” (หน้า 101) นอกจากนี้ บทสนทนายังมีความสมจริงกับสถานการณ์ที่ตัวละครกำลังเผชิญ เห็นได้จากบทสนทนาระหว่างเขากับนาย ในห้องทำงานของนาย และยังมีส่วนช่วยในการสร้างบรรยากาศให้มีความสมจริงมากขึ้น มุมมอง ผู้เขียนเล่าเรื่องผ่านมุมมองตัวผู้เขียนเอง ซึ่งเป็นมุมมองที่รู้เห็นถึงความเป็นไปของเรื่องราวอย่าง แท้จริง ได้แก่ การต่อสู้ แก่งแย่งชิงดีชิงเด่นระหว่างมนุษย์ในสังคม มุมมองดังกล่าวทำให้เห็นถึงพฤติกรรมและ ลักษณะนิสัยตัวละครอย่างเด่นชัด ว่ามีพฤติกรรมไปในทิศทางใด และผู้เขียนเล่าเรื่องโดยใช้น้ำเสียงเชิงเสียดสี สังคม กล่าวถึงความโลภในตัวมนุษย์ ซึ่งจะนำมาสู่การแก่งแย่งผลประโยชน์กันและกัน ทั้งนี้เพื่อให้ผู้อ่าน ได้ตระหนักถึงการดำเนินชีวิตว่าควรปราศจากความโลภ เพราะจะทำให้ไม่เห็นความสำคัญของบางสิ่ง ถือว่ามุมมองที่เลือกใช้มีความเหมาะสมกับเนื้อหา เนื่องจากทำให้เห็นสภาพสังคมการแก่งแย่ง อย่างชัดเจนและรู้ถึงด้านลบที่อยู่ในตัวมนุษย์อย่างแท้จริง อีกทั้งน้ำเสียงที่ผู้เขียนเลือกใช้ก็เหมาะสมและ สอดคล้องกับเนื้อหา โดยทำให้ผู้อ่านได้ตระหนักถึงสภาพสังคมและรู้ว่าควรดำเนินชีวิตไปในทิศทางใด


Click to View FlipBook Version