The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search

มัทนะพาธาม.5

มัทนะพาธาม.5





บทนาเรื่อง

สาระสาคญั

มทั นะพาธา เป็นวรรณคดีประเภท “บทละครพดู ” พระราชนิพนธข์ อง

พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกลา้ เจา้ อยหู่ วั รชั กาลที่ ๖ ท่ีแสดงใหเ้ ห็นถึงพระปรีชาสามารถทาง
ดา้ นอกั ษรศาสตรข์ องพระองค์

บทละครเร่ืองน้ ี ไดร้ บั ยกยอ่ งจากวรรณคดีสโมสรวา่ “เป็ นยอดของบทละครพดู คาฉนั ท”์
ดว้ ยการเลือกถอ้ ยคาท่ีสื่ออารมณค์ วามรสู้ ึกของตวั ละครไดด้ ีเยยี่ ม ตลอดจนมีการวางโครงเร่ือง
ท่ีชวนใหต้ ิดตาม ท้งั ยงั สอดแทรกคติสอนใจเร่ืองความรกั ไดอ้ ยา่ งซาบซ้ ึงกินใจอีกดว้ ย

ความเป็ นมา

มทั นะพาธา แปลวา่ “ความเจบ็ ปวดหรือความ

เดือดรอ้ นเพราะความรกั ” บทละครพดู คาฉนั ท์ เร่ือง มทั นะพาธา
หรือ ตานานดอกกุหลาบ มีลกั ษณะเป็ นบทละครพดู คาฉนั ท์ จานวน
๕ องค์ (ตอน) แบ่งเป็ น ๒ ภาค คือ ภาคสวรรคแ์ ละภาคพ้ นื ดิน
เป็ นบทพระราชนิพนธจ์ ากจินตนาการในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎ
เกลา้ เจา้ อยหู่ วั (รชั กาลที่ ๖)

นางเอกของเรื่องมีนามวา่ “มทั นา”ซึ่งมีความหมายวา่
“ความลุ่มหลง หรือความรกั ”แทนคาวา่ “กุพชกะ” ที่แปลวา่ ดอก
กุหลาบ บทละครพดู คาฉนั ท์ เรื่อง มทั นะพาธา พระบาทสมเด็จพระ
มงกุฎเกลา้ เจา้ อยหู่ วั ทรงเริ่มพระราชนิพนธเ์ มื่อวนั ท่ี ๒ กนั ยายน
๒๔๖๖ ณ พระราชวงั พญาไท และเสร็จสมบรู ณใ์ นวนั ที่ ๑๘ ตุลาคม
ปี เดียวกนั ( ๑ เดือน ๑๖ วนั ) เมื่อพระราชนิพนธเ์ สร็จ
ก็พระราชทานแก่สมเด็จพระนางเจา้ อินทรศกั ด์ิศจพี ระวรชายา

1

ประวตั ผิ แู้ ตง่

พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกลา้ เจา้ อยู่หัว รชั กาลท่ี ๖

มีพระนามเดมิ ว่า มหาวชิราวุธ เป็ นโอรสองคท์ ่ี ๒๙

ในพระบาทสมเดจ็ พระจุลจอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั รชั กาลท่ี ๕

ทรงพระราชสมภพเมื่อวนั ที่ ๑ มกราคม ๒๔๒๓

ทรงศึกษาในประเทศไทยจนพระชนมายุได้ ๑๔ พรรษา
ก็เสด็จไปศึกษาต่อท่ีประเทศองั กฤษ ตอ่ มาเสด็จนิวตั ิประเทศไทย
เมื่อวนั ท่ี ๑๖ มกราคม ๒๔๓๘ เพือ่ รบั การสถาปนาเป็ นเจา้ ฟ้ ามหาวชริ าวุธ
สยามมกุฎราชกุมาร ( ผทู้ ่ีจะไดเ้ ป็ นพระมหากษัตริยอ์ งคต์ ่อไป ) และทรงกลบั ไปศึกษาวิชา
ทหาร ณ โรงเรียนทหารบกที่แซนดเ์ ฮิซต์ เม่ือ พ.ศ. ๒๔๔๓ ไดเ้ ขา้ ศึกษาวชิ าประวตั ิศาสตรแ์ ละ
วิชากฎหมาย ณ มหาวทิ ยาลยั ออกซฟอรด์ แต่ทรงพระปรีชาสามารถทางดา้ นอกั ษรศาสตร์
เป็ นพเิ ศษ จนแตง่ บทละครเป็ นภาษาองั กฤษได้ เม่ือสาเร็จการศึกษา พระองคท์ รงเสด็จ
ประพาสยุโรปก่อน แลว้ จึงเสด็จนิวตั ิประเทศไทย

เสด็จข้ นึ ครองราชยเ์ ม่ือวนั ท่ี ๒๓ ตุลาคม ๒๔๕๓ ขณะมีพระชนมายุ ๓๐ พรรษา
สวรรคตเมื่อวนั ที่ ๒๕ พฤศจกิ ายน ๒๔๖๘ ( ครองราชย์ ๑๕ ปี พระชนมายุ ๔๕ พรรษา)
วตั ถุประสงคใ์ นการพระราชนิพนธ์ เรื่อง มทั นะพาธา ทรงต้งั พระทยั เพอื่ เป็ นหนังสืออา่ น
กวนี ิพนธท์ ่ีสนุกสนานในดา้ นเน้ ือหา และเป็ นคติสอนใจใหเ้ หน็ ถึงอานุภาพของความรกั

ผลงานพระราชนิพนธ์ : พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกลา้ เจา้ อยหู่ วั ทรงมีพระปรีชา

สามารถทางดา้ นอกั ษรศาสตรเ์ ป็ นเลิศ จงึ ทรงมีพระราชนิพนธท์ ้งั รอ้ ยแกว้ และรอ้ ยกรอง
กวา่ ๒๐๐ เร่ือง เชน่ เรื่องศกุนตรา รามเกียรต์ิ บทละครเร่ืองเวนิสวานิช เป็ นตน้ ในงาน
พระราชนิพนธท์ รงใชน้ ามปากกาวา่ อศั วพาหุ รามจิตติ พนั แหลม ศรีอยุธยานายแกว้ นาย
ขวญั พระขรรคเ์ พชร นายแกว้ ณ อยุธยา นอ้ ยลา ท่านราม ณ กรุงเทพ สาหรบั บทละคร
พดู คาฉนั ท์ เร่ือง มทั นะพาธา ไดร้ บั การยกยอ่ งจากวรรณคดีสโมสรวา่ เป็ นยอดของบทละคร
พดู คาฉนั ทน์ อกจากน้ ีพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกลาเจา้ อยหู่ วั ยงั ทรงไดร้ บั พระราชสมญั ญา

นามวา่ “พระมหาธีรราชเจา้ ” ซ่ึงมีความหมายวา่ “นักปราชญผ์ ูย้ ง่ิ ใหญ่”

2

จดุ มงุ่ หมายในการแตง่

เดิมมีจุดหมายเพียงเพอ่ื เป็ นหนังสือสาหรบั อา่ นกวนี ิพนธ์ ต่อมาไดม้ ีผูข้ อใหจ้ ดั
เล่นออกโรง จงึ โปรดฯใหใ้ ชแ้ สดงละครดว้ ย

ลกั ษณะคาประพนั ธ์

บทละครพดู คาฉนั ท์ เรือ่ ง มทั นะพาธา ประกอบดว้ ยคาประพนั ธห์ ลายชนิดดงั น้ ี
๑. กาพย์ ๓ ชนิด คือ กาพยย์ านี ๑๑ กาพยฉ์ บงั ๑๖ และกาพยส์ ุรางคนางค์ ๒๘
๒. ฉนั ท์ ๒๑ ชนิด เชน่ วชิ ชุมมาลาฉนั ท์ ๘ อินทรวเิ ชียรฉนั ท์ ๑๑ อุปชาติฉนั ท์ ๑๑

ภุชงคประยาตฉนั ท์ ๑๒ อินทวงศฉ์ นั ท์ ๑๒ วสนั ตดิลกฉนั ท์ ๑๔ เป็ นตน้
หมายเหตุ : ตวั เลขทตี่ ามหลงั ชื่อฉนั ท์ หมายถึงจานวนคาใน ๑ บาท

มทั นะพาธา

เน้ ือเร่ือง บทละครพูดคาฉนั ท์ เรอื่ ง มทั นะพาธา มีท้งั หมด ๕ องก์ ไดแ้ ก่

องกท์ ่ี ๑ ลานหนา้ มุขเด็จแหง่ วมิ านของสุเทษณบ์ นสวรรค์
องกท์ ี่ ๒ แบ่งเป็ น ๓ ตอน คือ ในกลางหมิ ะวนั ทางเดินในดง และลานหน้าพระอาศรม
ฤๅษีกาละทรรศิน
องกท์ ่ี ๓ ลานหนา้ พระอาศรมพระฤๅษีกาละทรรศิน
องกท์ ี่ ๔ แบ่งเป็ น ๓ ตอน คือ สวนหลวงขา้ งพระราชวงั ริมร้วั คา่ หลวง และ สวนหลวง
ขา้ งพระราชวงั
องกท์ ่ี ๕ แบ่งเป็ น ๒ ตอน คือ พลบั พลาในค่ายหลวง และในกลางหิมะวนั

3

เร่ืองยอ่

เน้ ือเรอื่ งยอ่ องกท์ ี่ ๑ (ตอนท่นี ามาเป็ นบทเรยี น)

ภาคสวรรค์ : กล่าวถึงสุเทษณ์เทพบุตร ซ่ึงในอดีตกาลเป็ นกษัตริยค์ รองแควน้ ปัญจาล
มัทนาเป็ นพระธิดากษัตริยข์ องแควน้ สุราษฎร์ สุเทษณ์ไดส้ ่งทูตไปสู่ขอนาง แต่ทา้ วสุราษฎร์
พระบิดาของนางไม่ยอมยกให้ สุเทษณ์จึงยกทัพไปรบทาลายบ้านเมืองของท้าวสุราษฎร์
จนย่อยยบั และจบั ทา้ วสุราษฎร์มาเป็ นเชลยและจะประหารชีวิต แต่มทั นาขอไถ่ชีวิตพระบิดา
ไว้ โดยยินยอมเป็ นบาทบริจาริกาของสุเทษณ์ ทา้ วสุราษฎรจ์ ึงรอดจากพระอาญา จากน้ันมทั นา
ก็ปลงพระชนมต์ นเอง และไปเกิดเป็ นเทพธิดาบนสวรรค์นามว่า มทั นา ส่วนทา้ วสุเทษณ์ก็ทา
พิธีกรรมจนสาเร็จ เมื่อส้ ินพระชนมก์ ็ไปบงั เกิดบนสวรรคเ์ ชน่ กนั ดว้ ยผลกรรมท่ีเคยไดน้ างมาเป็ น
คทู่ าใหม้ ีโอกาสไดพ้ บกนั อีกบนสวรรค์ แตน่ างมทั นาก็ยงั ไม่มีใจรกั สุเทษณเ์ ทพบุตรเชน่ เดิม

ณ วิมานของสุเทษณ์ ได้มีคนธรรพ์เทพบุตร เทพธิดาที่เป็ นบริวารต่างมาบาเรอ
ขบั กล่อมถวาย แต่ถึงกระน้ันสุเทษณ์เทพบุตรก็ไม่มีความสุข เพราะรักนางมัทนา แต่ไม่อาจ
สมหวงั เพราะผลกรรมท่ีทาไวใ้ นอดีต จึงใหว้ ิทยาธรช่ือมายาวินใชเ้ วทมนตร์คาถาไปสะกดให้
นางมายงั วิมานของสุเทษณ์เทพบุตร ฝ่ ายมทั นาเมื่อถูกเวทยม์ นตรส์ ะกดมา สุเทษณ์จะตรสั ถาม
อยา่ งไรนางก็ทวนคาถามอยา่ งน้ันทุกคร้งั ไป จนสุเทษณเ์ ทพพระบุตรขดั พระทยั รสู้ ึกเหมือนตรสั

กบั หุ่นยนต์ ดงั ความท่ีว่า “คราใดเราถาม หล่อนก็ยอ้ นความ เหมือนเช่นถามไป ดงั น้ี

จะยวน ชวนเชยฉนั ใด ก็เปรยี บเหมือนไป พูดกบั หุ่นยนต”์

จึงใหม้ ายาวินคลายมนตรส์ ะกด เมื่อนางรูส้ ึกตวั ก็ตกใจกลวั ที่ล่วงล้าเขา้ ไปถึงวิมานของ
สุเทษณ์เทพบุตร สุเทษณ์เทพบุตรถือโอกาสฝากรัก มัทนาแสดงความจริงใจว่านางไม่ไดร้ ัก
สุเทษณเ์ ทพบุตรจงึ ไม่อาจรบั รกั ได้ และนางมทั นาต้งั มนั่ วา่ “หม่อนฉนั นนั้ เป็ นผูถ้ ือ สจั จาหน่ึง

คือ ว่าแมน้ มิรกั จรงิ ใจ, ถึงแมจ้ ะมีชายใด ขอสมพาสไซร้ ก็จะมิยอมพรอ้ มจิต” เม่ือไดย้ ิน
ดังน้ันสุเทษณ์เทพบุตรรูส้ ึกกร้ ิวนางมัทนาเป็ นที่สุด จึงสาปใหม้ ัทนาจุติจากสวรรค์ไปเกิด
ยงั โลกมนุษย์ แลว้ ถามนางวา่ อยากเกิดเป็ นอะไร แลว้ ถา้ เกิดแลว้ จะอยอู่ ยา่ งน้ันจนกว่าจะสานึก
ผิด จากน้ันใหน้ างวิงวอนใหส้ ุเทษณม์ าช่วยและรบั นางกลบั สวรรค์ นางมทั นาจึงบอกกบั สุเทษณ์
วา่ นางอยากไปเกิดเป็ นดอกไมท้ ี่มีกล่ินหอมและมีประโยชน์

4

เร่ืองย่อ (ตอ่ )

ดงั ความวา่

“อา้ เทพศักดส์ ิทธ์ิซึ่ง พระจะลงพระอาญา

ขา้ เป็ นแตเ่ พยี งขา้ บมิมุ่งจะอวดดี

หม่อมฉนั นี่อาภพั และก็โชคบพ่ งึ มี,

จง่ึ ไม่ไดร้ องศรี วรบาทพระจอมแมน

อนั ทรงเมตตาควร จะประจบและตอบแทน

คุณท่านท่ีมากแสน คณนาประมวลมี.

อนั โปรดใหเ้ ลือกตาม ฤดิขา้ ณบดั น้ี,

ขอเป็ นซ่ึงมาลี รุจเิ รขวิไลวรรณ,

สุดแทแ้ ตจ่ อมสรวง จะประสิทธ์ิประสาทพนั ธุ์

ขอเพียงใหม้ ีคนั - ธะระรนื่ ระรวยหอม.

ดว้ ยกล่ินของขา้ บาท ก็จะไดป้ ระณตนอ้ ม

ใจนิตยบ์ ูชาจอม สุระบ่มบาเพ็ญบุญ,

ขา้ ขอแตเ่ พียงให้ มรทุ รงพระการุญ.

ใหข้ า้ ไดท้ าคุณ และประโยชนบ์ อ่ ยู่หมนั ”

สุเทษณ์รับปากตามท่ีนางมัทนาขอ แลว้ ถามมายาวินว่า ดอกไมอ้ ะไรที่จะมีคุณสมบัติ
ตามที่นางขอและตอ้ งมีหนามไวป้ ้ องกนั ตวั ดว้ ย มายาวินตอบวา่

“เทวะ! อนั ไมง้ ามสรรพ มีลกั ษณต์ อ้ งกบั พระองคด์ ารสั น้นั มี

ในนนั ทะโนทยานศร,ี องคพ์ ระศจี ธโปรดเป็ นยอดมาลา.

เห็นมีแตใ่ นฟากฟ้ า, ในแดนคนหา ไมน้ ้ ีมิไดแ้ ห่งไหน.

สุเทษณ์ ไมน้ ้ ีมีนามฉนั ใด? ทา่ นจงเลา่ ให้ เราทราบซึ่งลกั ษณแ์ ถลง.”

5

เร่ืองยอ่ (ตอ่ )

สุเทษณถ์ ามมายาวนิ ถึงชื่อดอกไม้ มายาวินอธิบายวา่
“ไมเ้ รยี กผะกากุพฺ - ชะกะสีอรุณแสง

ปานแกม้ แฉลม้ แดง ดรุณีณยามอาย;

ดอกใหญแ่ ละเกสร สุวคนธะมากมาย,
อยู่ทนบวางวาย มธุรสขจรไกล;
อีกทงั้ สะพร่งั หนาม ดุจะเข็มประดบั ไว้
ผ้งึ เขียวสิบนิ ไขว่ บมิใครจ่ ะห่างเหิน.
อนั กุพฺชะกาหอม บรโิ ภคอรอ่ ยเพลิน,
รสหวานสิหวานเชิญ นรล้ิมเพราะเลิศรส;

กินแลว้ ระงบั ตรี พธิ ะโทษะหายหมด,
คอื ลมและดีลด ทุษะเสมหะเส่ือมสรรพ;์
อีกทงั้ เจรญิ กา- มะคุณาภริ มยน์ นั ท,์

เย็นในอุราพลัน, และระงบั พยาธี.”

ดงั น้ันสุเทษณ์จึงสาปนางใหเ้ ป็ นดอก กุพฺชะกะ (ดอกกุหลาบ) ในป่ าหิมาวนั ในโลกมนุษย์ และเปิ ด
โอกาสใหน้ างกลายรา่ งเป็ นมนุษยไ์ ดเ้ ม่ือถึงคืนวนั เพ็ญเพียงหน่ึงวนั กบั หนึ่งคืนเท่าน้ันเม่ือใดที่นางมีรกั เมื่อน้ัน
จึงจะพน้ คาสาปและกลายร่างเป็ นมนุษยไ์ ดอ้ ยา่ งปกติ หากเมื่อใดท่ีนางมีทุกขเ์ พราะความรกั ก็ใหน้ างออ้ นวอน
ต่อพระองคจ์ ึงจะยกโทษทณั ฑใ์ ห้

ดงั น้ันจึงสรุปไดว้ า่ สาเหตุของปมขดั แยง้ ในเร่ือง คือ สุเทษณร์ กั นางมทั นาแต่นางไมร่ กั ตอบ

ภาคพ้ ืนดิน : พระฤๅษีไดข้ ุดเอาดอกกุหลาบจากป่ าหิมาวันไปปลูกไวก้ ับอาศรม เมื่อคืนวนั เพ็ญ
พระจนั ทรเ์ ต็มดวง นางจะปรากฏโฉมเป็ นมนุษยม์ าปรนนิบตั ิรบั ใชพ้ ระฤๅษี วนั หนึ่งทา้ วชยั เสนกษัตริยแ์ ห่ง
นครหสั ดิน เสด็จประพาสป่ ามาถึงอาศรมพระฤๅษี ตรงกบั คืนวนั เพ็ญท่ีมทั นากลายร่างเป็ นมนุษย์ และไดพ้ บ
กบั ทา้ วชยั เสนและเกิดความรกั ต่อกนั พระฤๅษีจึงจดั พิธีอภิเษกให้ ชยั เสนไดพ้ านางกลบั นครหสั ดินทา้ วชยั
เสนหลงใหลรกั ใคร่นางมทั นามาก ทาใหน้ างจณั ฑีมเหสี หึงหวง และอิจฉาริษยา จึงทาอุบายใหท้ า้ วชยั เสน
เขา้ ใจผิดวา่ มทั นาเป็ นชกู้ บั นายทหารเอก นางมทั นาจึงถกู สงั่ ประหารชีวิต แต่เพชฌฆาตสงสารจึงปล่อยนางไป

นางมทั นากลบั ไปยงั อาศรมพระฤๅษีและวิงวอนใหส้ ุเทษณเ์ ทพบุตรช่วย สุเทษณเ์ ทพบุตรไดข้ อความ

รกั นางอีกครง้ั หนึ่งแต่นางปฏิเสธ สุเทษณเ์ ทพบุตรจึงสาปใหน้ างเป็ นดอกกุหลาบตลอดไป 6

บทวิเคราะห์

๑. คณุ คา่ ดา้ นเน้ ือหา

๑. โครงเร่ือง เป็ นบทละครพดู คาฉนั ทท์ ี่พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกลา้ เจา้ อยหู่ วั

ทรงคิดโครงเรื่องเอง ไมไ่ ดต้ ดั ตอนมาจากวรรณคดีเร่ืองใด แกน่ สาคญั ของเรื่องมีอยู่ ๒ ประการ
คือ

๑) ทรงปราถนาจะกลา่ วถึงตานานดอกกุหลาบ ซึ่งเป็ นดอกไม้
ที่สวยงาม แตไ่ มเ่ คยมีตานานในเทพนิยาย จงึ พระราชนิพนธใ์ หด้ อกกุหลาบมีกาเนิดมาจาก
นางฟ้ าท่ีถกู สาปใหจ้ ุติลงมาเกิดเป็ นดอกไมช้ ือ่ วา่ "ดอกกุพฺชกะ" คือ "ดอกกุหลาบ"

๒) เพ่ือแสดงความเจ็บปวดอนั เกิดจากความรกั ทรงแสดงใหเ้ ห็นวา่
ความรกั มีอนุภาพอยา่ งยิ่ง ผูใ้ ดมีความรกั ก็อาจเกิดความหลงข้ ึนตามมาดว้ ย ทรงใชช้ ่ือเร่ืองวา่
"มทั นะพาธา" อนั เป็ นชื่อของตวั ละครเอกของเรื่อง ซึ่งมีความหมายวา่ "ความเจ็บปวดหรือ
ความเดือดรอ้ นอนั เกิดจากความรกั " มีการผูกเรื่องใหม้ ีความขดั แยง้ ซ่ึงเป็ นปมปัญหา
ของเร่ืองคือ

๑) สุเทษณเ์ ทพบุตรหลงรกั นางมทั นา แต่นางไม่รบั รกั ตอบจึงสาปนางเป็ น
ดอกกุพฺชกะ (กุหลาบ)

๒) นางมทั นาพบรกั กบั ทา้ วชยั เสน แตก่ ็ตอ้ งพบกบั อุปสรรคเพราะนางจนั ทีมเหสีของ
ทา้ วชยั เสนวางอุบายใหท้ า้ วชยั เสนเขา้ ใจนางมทั นาผิด สุดทา้ ยนางมทั นาไดม้ าขอความชว่ ยเหลือ
จากสุเทษณเ์ ทพบุตร และสุเทษณเ์ ทพบุตรขอความรกั นาง อีกคร้งั แตน่ างปฏิเสธเชน่ เคย
เรื่องจงึ จบลงดว้ ยความสญู เสียและความเจ็บปวดดว้ ยกนั ทุกฝ่าย

๒. ตวั ละคร

๒.๑ สุเทษณ์ เป็ นเทพบุตรที่หมกมุน่ ในตณั หาราคะ เจา้ อารมณ์
เอาแตใ่ จตนเอง และไมค่ านึงถึงความรสู้ ึกของผอู้ ่ืน ดงั ตวั อยา่ งบทกวีตอ่ ไปน้ ี

สุเทษณ์ : เหวยจติ รเสน มึงบงั อาจเลน่ ลอ้ กไู ฉน?

7

บทวิเคราะห์ (ตอ่ )

จติ ระเสน : เทวะ, ขา้ บาท จะบงั อาจใจ ทาเชน่ น้ันไซรไ้ ดบ้ ่พึงมี

สุเทษณ์ : เชน่ นั้นทาไม พวกมึงมาให้ พรกบู ดั น้ี, วา่ ประสงคใ์ ด ใหส้ มฤดี? มึงรอู้ ยนู่ ่ ี?
วา่ กเู ศรา้ จิต เพราะไม่ไดส้ ม จติ ท่ ีใฝ่ชม, อกกรมเนืองนิตย.์
จติ ระเสน : ตขู า้ ภกั ดี ก็มีแตค่ ิด เพ่ ือใหท้ รงฤทธ์ิ โปรดทกุ ขณะ.

สุเทษณ์ : กไู มพ่ อใจ ไลค่ นธรรพไ์ ป บดั น้ีเทียวละ อยา่ มวั รอลง้ั

๒.๒ มทั นา ซ่ือสตั ย์ นิสยั ตรงไปตรงมา คิดอยา่ งไรก็พดู อยา่ งน้ัน ไมร่ กั ก็บอกตรงๆ
ไม่พดู ปดหลอกลวง ไม่มีเล่หเ์ หลี่ยม พดู แต่ความจริง แต่ความจริงท่ีนางพดู ทาใหน้ างตอ้ งไดร้ บั
ความลาบากทุกขร์ ะทมใจ ดงั ตวั อยา่ งเมื่อสุเทษณบ์ อกรกั นางและขอนางใหค้ าตอบ

ฟังถอ้ ยดารสั มะธุระวอน ดนุน้ีผิเอออวย.

จกั เปนมุสาวะจะนะดว้ ย บมิตรงกะความจรงิ .

อนั ชายประกาศวะระประทาน ประดิพทั ธะแด่หญงิ ,

หญงิ ควรจะเปรมกะมะละย่ิง ผิวะจติ ตะตอบรกั ;

แตห่ ากฤดีบอะภิรม จะเฉลยฉะนนั้ จกั

เปนปดและลวงบุรษุ ะรกั ก็จะหลงละเลิงไป.

ตูขา้ พระบาทสิสุจรติ บมิคดิ จะปดใคร,

จงึ่ หวงั และมุ่งมะนะสะใน วรเมตตะธรรมา.

๓. กลวิธีในการดาเนินเรอื่ ง

การดาเนินเร่ืองใชก้ ลวธิ ีใหม้ ายาวินเป็ นผเู้ ลา่ อดีตชาติของสุเทษณเ์ ทพบุตร
และดาเนินเรื่องโดยแสดงใหเ้ หน็ ลกั ษณะของสุเทษณเ์ ทพบุตรผูเ้ ป็ นใหญ่วา่ มีบุญมีวาสนามาก
มีบริวารพรงั่ พรอ้ มควรที่จะเสวยสุขในวิมานของตน กลบั เอาแตใ่ จตนเองหมกมุ่นอยใู่ น
กามตณั หาราคะ เฉพาะนางเทพธิดาที่ประดบั บารมีก็มากลน้ เหลือ จะเสวยสุขอยา่ งไรก็ได้
แต่ก็ยงั ไมพ่ อ

8

บจทดุ มวงุ่ิเคหมราายะใหน์ก(าตรอ่แต)ง่

ศิลปะการดาเนินเร่ือง เปรียบใหเ้ หน็ วา่ ชายที่รา่ รวยดว้ ยเงิน อานาจวาสนา
อยากไดอ้ ะไรก็จะตอ้ งเอาใหไ้ ด้ เม่ือไม่ไดด้ ว้ ยเล่หก์ ็เอาดว้ ยกล ไมไ่ ดด้ ว้ ยมนตรต์ อ้ งเอาดว้ ยคาถา
ผูห้ ญิงจงึ เป็ นฝ่ายเสียเปรียบเพราะไมม่ ีอะไรจะไปต่อสู้ และมีไม่นอ้ ยท่ีหญิงจะหลงไปติดในวมิ าน
ของคนรา่ รวย

การดาเนินเรื่องกาหนดใหส้ ุเทษณส์ าปนางมทั นาใหเ้ ป็ นดอกกุหลาบ
ตอ่ เมื่อถึงคืนเดือนเพญ็ จะกลายรา่ งเป็ นหญิงรปู งามหนึ่งวนั หน่ึงคืน หากมีความรกั เม่ือใด
จึงจะกลายเป็ นมนุษยอ์ ยา่ งถาวร และขอใหน้ างพบกบั ความทุกขร์ ะทมจากความรกั
หากนางมีความทุกขร์ ะทมเพราะความรกั เม่ือก็ใหไ้ ปออ้ นวอนสุเทษณ์ ๆ จงึ จะยกโทษให้

เพราะสุเทษณเ์ ทพบุตรหวงั วา่ เม่ือนางตอ้ งผิดหวงั ทุกขร์ ะทมเพราะความรกั
คงจะเห็นใจตนและยนิ ดีรบั รกั บา้ ง แต่สุเทษณค์ าดการณผ์ ิด เพราะเรื่องกลบั จบลงดว้ ย
นางมทั นามาออ้ นวอนใหร้ กั ของนางสมหวงั สุเทษณเ์ ทพบุตรขอใหน้ างรบั รกั ก็ถูกปฏิเสธอีก
สุเทษณจ์ ึงโกรธแคน้ และสาปนางใหเ้ ป็ นดอกกุหลาบชวั่ นิรนั ดร์

๒. คุณคา่ ดา้ นวรรณศิลป์

๑. การใชถ้ อ้ ยคาและรูปแบบคาประพนั ธเ์ หมาะสมกบั เน้ ือหา ทาใหผ้ ูอ้ า่ นเกิด

ความรสู้ ึกคลอ้ ยตาม เกิดความประทบั ใจอยากติดตามอา่ น เชน่ เม่ือมายาวนิ เลา่ เร่ืองราวในอดีต
ถวาย สุเทษณว์ า่ เหตุใดมทั นาจงึ ไม่รกั สุเทษณ์ กวเี ลือกใชอ้ ินทรวิเชียรฉนั ท์ ๑๑
ท่ีมีท่วงทานองเร็วเหมาะแก่การเล่าความ หรือบรรยายเรื่อง ส่วนเน้ ือหาตอนสุเทษณฝ์ ากรกั
นางมทั นาน้ันใชว้ สนั ตดิลกฉนั ท์ ซ่ึงมีท่วงทานองที่ออ่ นหวาน เมื่อสุเทษณก์ ร้ ิวนางมทั นาก็ใช้
กมลฉนั ท์ ซ่ึงมีคาครุลหุที่มีจานวนเท่ากนั แต่ข้ นึ ตน้ ดว้ ยคาลหุ จงึ มีทานองกระแทกกระทนั
ถ่ายทอดอารมณโ์ กรธเกร้ ียวไดด้ ี ดงั ตวั อยา่ ง

มะทะนาชะเจา้ เล่ห์ ชิชิช่างจานรรจา,....

ก็และเจา้ มิเตม็ จติ จะสดบั ดนูชวน,

ผวิ ะใหอ้ นงคน์ วล ชนะหล่อนทนงใจ.

บ่มิยอมจะรว่ มรกั และสมคั รสมรไซร,้

ก็ดะนูจะยอมให้ วนิดานิวาศสวรรค,์ ....

9

บทวิเคราะห์ (ตอ่ )

๒. การใชโ้ วหาร กวใี ชอ้ ุปมาโวหารในการกลา่ วชมความงามของนางมทั นาทาใหผ้ ูอ้ ่าน
มองเหน็ ภาพความงามของมทั นาเด่นชดั ข้ ึน ดงั ตวั อยา่ ง

งามผวิ ประไพผอ่ ง กลทาบศุภาสุพรรณ

งามแกม้ แฉลม้ ฉนั พระอรุณแอรม่ ละลาน

งามเกศะดาขา กลนา้ ณ ทอ้ งละหาน

งามเนตรพินิจปาน สุมณีมะโนหะรา
งามทรวงสลา้ งสอง วรถนั สุมนสุมา-

ลีเลิดประเสรฐิ กว่า วรุบลสะโรชะมาศ

งามเอวอนงคร์ าว สุระศิลปชาญฉลาด

เกลากลึงประหน่ึงวาด วรรปู พไิ ลยพะวง
งามกรประหนึ่งงวง สุระคชสุเรนทะทรง

นวยนาฏวิลาศวง ดุจะราระบาระเบง
ซา้ ไพเราะนา้ เสียง อรเพยี งภริ มยป์ ระเลง,
ไดฟ้ ังก็วังเวง บ มิว่างมิวายถวิล

นางใดจะมีเทียบ มะทะนา ณ ฟ้ า ณ ดิน

เป็ นยอดและจอดจนิ - ตะนะแน่ว ณ อก ณ ใจ

๓. การใชล้ ีลาจงั หวะของคาทาใหเ้ กิดความไพเราะ กวีมีความเชย่ี วชาดา้ นฉนั ทลกั ษณ์

อยา่ งยงิ่ สามารถแต่งบทเจรจาของตวั ละครใหเ้ ป็ นคาฉนั ทไ์ ดอ้ ยา่ งดีเยยี่ ม อีกท้งั การใชภ้ าษาก็คม
คาย โดยท่ีบงั คบั ฉนั ทลกั ษณ์ ครุ ลหุ ไมเ่ ป็ นอุปสรรคเลย เชน่ บทเก้ ียวพาราสีต่อไปน้ ี แต่งดว้ ย
วสนั ตดิลกฉนั ท์ ๑๔ มีการสลบั ตาแหน่งของคา ทาใหเ้ กิดความไพเราะไดอ้ ยา่ งยอดเยยี่ ม

10

บทวิเคราะห์ (ตอ่ )

สเทษณ์ : พ่ ีรกั และหวงั วธจุ ะรกั และบทอดบท้ิงไป

มทั นา : พระรกั สมคั ร ณ พระหทยั ฤจะทอกจะท้ิงเสีย?

สุเทษณ์ : ความรกั ละเห่ ียอรุ ะระทด เพราะมิอาจจะคลอเคลยี

มทั นา : ความรกั ระทดอรุ ะละเห่ ีย ฤจะหายเพราะเคลียคลอ

๔. การใชค้ าที่มีเสยี งไพเราะ อนั เกิดจากการเล่นเสียงสมั ผสั คลอ้ งจอง และการหลากคา
ทาใหเ้ กิดความาพเราะ เชน่ ตอนมายาวนิ ร่ายมนตร์

อา้ สองเทเวศร์ โปรดเกศขา้ บาท ทรงฟังซ่ึงวาท ท่ีกราบทูลเชอญ
โปรดช่วยดลใจ ทรามวัยใหเ้ พลิน จนลืมขวยเขิน แลว้ รบี เรว็ มา
ดว้ ยเดชเทพไท้ ทรามวัยรูปงาม จงไดท้ ราบความ ขา้ ขอน้ีนา
แมค้ ิดขดั ขืน ฝื นมนตรค์ าถา ขอใหน้ ิทรา เขา้ สิงถึงใจ
มาเถดิ นางมา อย่าชา้ เช่ืองชอ้ ย ตูขา้ น้ีคอย ตอ้ นรบั ทรามวยั
อา้ นางโศภา อย่าชา้ มาไว ตูขา้ ส่งั ให้ โฉมตรรู บี จร.
โฉมยงอย่าขดั รบี รดั มาเถดิ ขืนขดั คงเกิด ในทรวงเรา่ รอ้ น
มาเรว็ บดั น้ี รบี ลีลาจร มาเรว็ บงั อร ขา้ เรยี กนางมา
จากตวั อยา่ งมีการเลน่ เสียงสมั ผสั ใน ท้งั สมั ผสั สระและสมั ผสั อกั ษร และการหลากคา

๓. คณุ คา่ ดา้ นสงั คม

11 ๑. สอดแทรกความคิดเก่ียวกบั ความเชอ่ื ในสงั คมไทย เช่น
๑.๑ ความเชอื่ เร่ืองชาติภพ
๑.๒ ความเชอ่ื เรื่องการทาบุญมาก ๆ จะไดไ้ ปเกิดในสวรรค์ และเสวยสุขในวมิ าน

บทวิเคราะห์ (ตอ่ )

๑.๓ ความเชอื่ เร่ืองทากรรมส่ิงใดยอ่ มไดร้ บั ผลกรรมน้ัน
๑.๔ ความเชอ่ื เรื่องเวทมนตรค์ าถา การทาเสน่หเ์ ลห่ ก์ ล
๒. แสดงกวที ศั น์ โดยแสดงใหเ้ ห็นวา่ "การมีรกั เป็ นทุกขอ์ ยา่ งยง่ิ "

ตรงตามพทุ ธวจั นะที่วา่ "ทีใ่ ดมีรกั ท่ีนนั ่ มีทุกข"์ เช่น

๒.๑ สุเทษณร์ กั นางมทั นาแตไ่ ม่สมหวงั ก็เป็ นทุกข์ แมเ้ ม่ือไดเ้ สวยสุข
เป็ นเทพบุตรก็ยงั รกั นางมทั นาอยู่ จงึ ทาทุกอยา่ งเพอ่ื ใหไ้ ดน้ างมาแตไ่ ม่สมหวงั
ก็พรอ้ มท่ีจะทาลาย ความรกั เชน่ น้ ีเป็ นความรกั ที่เหน็ แกต่ วั ควรหลีกหนีใหไ้ กล

๒.๒ ทา้ วสุราษฎรร์ กั ลกู และรกั ศกั ด์ิศรี พรอ้ มท่ีจะปกป้ องศกั ด์ิศรีและ
ลกู แมจ้ ะสไู้ มไ่ ดแ้ ละตอ้ งตายแน่นอนก็พรอ้ มที่จะสู้ เพราะรกั ของพอ่ แม่เป็ นรกั ที่
บริสุทธ์ิและเที่ยงแท้

๒.๓ นางมทั นารกั บิดา นางยอมทา้ วสุเทษณเ์ พ่ือปกป้ องบิดา รกั ศกั ด์ืศรี
และรกั ษาสจั จะ เมื่อทาตามสญั ญาแลว้ จงึ ฆ่าตวั ตาย รกั ของนางมทั นาเป็ นความรกั
ท่ีแทจ้ ริงมนั่ คง กลา้ หาญและเสียสละ

๒.๔ ทา้ วชยั เสนและนางจนั ที เป็ นความรกั ท่ีมีความใครแ่ ละความหลง
อยดู่ ว้ ยจงึ มีความรสู้ ึกหงึ หวง โกรธแคน้ เม่ือถกู แยง่ ชิงคนรกั พรอ้ มที่จะต่อสทู้ าลาย
ทุกอยา่ งเพือ่ ใหไ้ ดก้ ลบั คืนมา

ตวั ละครทงั้ หมดในเรอ่ื งประสบแต่ความทุกระทมจากความรกั
มีรกั แลว้ รกั ไม่สมหวังก็เป็ นทุกข์ อยู่กบั คนท่ีไม่รกั ก็เป็ นทุกข์
มีรกั แลว้ ไม่ไดอ้ ยู่กบั คนรกั ก็เป็ นทุกข์ มีความรกั แลว้ ถูกแย่งคนรกั ก็เป็ นทุกข์
มีรกั แลว้ พลดั พรากจากส่ิงท่ีรกั ก็เป็ นทุกขแ์ ก่นของเรอ่ื งมทั นะพาธาแสดง

ใหเ้ ห็นว่า ผูท้ ่ีมีความรกั ตอ้ งเจบ็ ปวดจากความรกั ทงั้ ส้ิน

12

บทวิเคราะห์ (ตอ่ )

๓. ใหข้ อ้ คิดในการครองตน หญิงใดอยใู่ นฐานะอยา่ งนางมทั นาจะตอ้ งมีความระมดั ระวงั
ตวั หลีกหนีจากผชู้ ายมาราคะใหไ้ กล กวจี งึ กาหนดใหท้ างมทั นาถูกสาปกลายเป็ นดอกไมช้ ือ่
ดอกกฺุชกะ (กุหลาบ) ซ่ึงสวยงามมีหนามแหลมคมเป็ นเกราะป้ องกนั ตนใหพ้ น้ จากมือผทู้ ่ี
ปรารถนาจะหกั หาญรานกิ่งหรือเด็ดดอกไปเชยชม ดอกกุหลาบจึงเป็ นสญั ลกั ษณแ์ ทนหญิงสาว
ที่มีรปู สวยยอ่ มเป็ นท่ีหมายปองของชายทวั่ ไป หนามแหลมคมเปรียบเหมือนสติปัญญา ดงั น้ัน
ถา้ หญิงสาวท่ีรปู งามและมีความเฉลียวฉลาดรทู้ นั เลห่ เ์ หล่ียม ยอ่ มสามารถเอาตวั รอดจาก
ผูท้ ี่หมายจะหยามเกียรติหรือหมิ่นศกั ด์ิศรีได้

๔. ใหข้ อ้ คิดในเรื่องการมีบริวารท่ีขาดคุณธรรมอาจทาใหน้ ายประสบหายนะได้ เชน่
บริวารของทา้ วสุเทษณท์ ี่เป็ นคนธรรพ์ ชอื่ จิตระเสนมีหน้าที่บารุงบาเรอใหเ้ จา้ นายมีความสุข
มีความพอใจ ดงั น้ันจงึ ทาทุกอยา่ งเพื่อเอาใจผูเ้ ป็ นเจา้ นาย เช่น แสวงหาหญิงงามมาเสนอสนอง
กิเลสตณั หาของเจา้ นาย ใหว้ ิทยาธรชื่อมายาวนิ ใชเ้ วทมนตรส์ ะกดนางมทั นามาใหท้ า้ วสุเทษณ์
บริวารลกั ษณะอยา่ งน้ ีมมี ากในสงั คมจริง ซ่ึงมีสว่ นใหน้ าย หรือประเทศชาติ ประสบความ
เดือดรอ้ นเสียหายได้

บทละครพูดคาฉนั ท์ เรอ่ื ง มทั นะพาธาถอื เป็ นวรรณคดีเร่อื งเย่ียมและ
ไดร้ บั การยกย่องจากวรรณคดีสโมสรใหเ้ ป็ นแบบอย่างของบทละครพูดคาฉนั ท์
โดยวรรณคดีเร่อื งน้ีใหค้ วามเพลิดเพลินจากเน้ือหาท่ีชวนตดิ ตาม และวรรณศิลป์
อนั ไพเราะแลว้ ยงั ใหข้ อ้ คดิ เก่ียวกบั ความรกั อย่างน่าสนใจ จงึ ควรศึกษาวรรณคดี
เร่อื งน้ีอย่างพินิจพิเคราะห์ เพ่ือใหเ้ กิดประโยชนจ์ ากการอ่านอย่างครบถว้ น
สมบูรณ์

13




Click to View FlipBook Version