บทเรียน วทิ ยาศาสตร์
เร่อื ง แรงและการเปลย่ี นแปลงการเคลอ่ื นที่ของวัตถุ
ป.3
โดย ครปู ารชิ าติ รอดเพ็ชร
โรงเรียนชมุ ชนพบิ ลู สงคราม
เรอ่ื งท่ี 1 การเปล่ยี นแปลงการเคลื่อนท่ีของวตั ถุ
เปา้ หมายการเรยี นรู้
1. ระบผุ ลของแรงทีม่ ีตอ่ การเปลยี่ นแปลงการเคล่ือนที่ของวัตถุได้
2. เปรียบเทยี บและยกตวั อยา่ งแรงสัมผสั และแรงไม่สัมผัสทม่ี ีผล
ตอ่ การเคลอื่ นท่ีของวตั ถไุ ด้
ผลของแรงที่กระทาตอ่ วัตถุ
การออกแรงในภาพมีผลต่อการ จากภาพ มกี ารออกแรง
เคลือ่ นทขี่ องวตั ถหุ รือไม่ อยา่ งไร กระทาต่อวตั ถุอย่างไร
แรง หมายถึง สงิ่ ทกี่ ระทาต่อวัตถุแล้วทาให้วัตถุ
เปลย่ี นแปลงสภาพไป แรงมีหนว่ ยเป็น นวิ ตนั
ใชส้ ัญลักษณ์ N
แรงดึง แรงผลกั
การออกแรงกระทาต่อวัตถุแล้ว การออกแรงกระทาต่อวตั ถุแล้ว
ทาให้วัตถเุ คลอ่ื นทเี่ ขา้ หาตวั ทาให้วัตถุเคลอ่ื นท่ีออกจากตวั
ทาใหว้ ัตถุทีก่ าลงั เคล่อื นท่ี ทาใหว้ ัตถหุ ยุดน่ิงเกดิ
เคล่อื นท่ีเรว็ ข้ึน การเคลอ่ื นท่ี
ทาใหว้ ตั ถทุ ี่กาลังเคลอ่ื นท่ี แรง ทาให้วตั ถเุ ปล่ียนทศิ
เคล่ือนที่ช้าลง
ทางการเคลื่อนท่ี
ทาให้วัตถทุ ี่กาลัง
เคลื่อนท่เี ป็นหยุดนิ่ง
แรงสมั ผัส
คือ การออกแรงของวตั ถุหน่ึงกระทาตอ่ วัตถหุ น่งึ โดยวัตถุ
ท้งั สองต้องการการสมั ผสั กัน
แรงไม่สัมผัส
แรงไมส่ ัมผสั คือการออกแรงของวตั ถหุ นึง่ กระทาต่อ
อีกวตั ถุหน่ึง โดยวัตถุทงั้ สองไมม่ กี ารสมั ผสั กัน
แรงไฟฟ้าสถติ
เกิดจากประจุไฟฟ้า ซงึ่ มี 2 ชนดิ คือ
ประจบุ วก และประจุลบ
สามารถเกิดท้ังแรงผลกั และแรงดงึ ดดู
ฟา้ ผ่า เสน้ ผมช้ฟี ู
แรงดงึ ดูด แรงผลัก
เกิดจากประจุไฟฟา้ ตา่ งกนั เกิดจากประจุไฟฟา้ เหมือนกนั
เข้าใกล้กัน เขา้ ใกล้กนั
แรงโนม้ ถ่วงของโลก
เกิดจากโลกมแี รงดึงดดู วตั ถบุ นโลกและวตั ถุทอ่ี ยใู่ กล้หรือโคจร
รอบโลกใหเ้ ข้าสู่จดุ ศูนยก์ ลางของโลก เชน่
ใบไมร้ ว่ ง ดวงจันทรโ์ คจรรอบโลก
สนามแม่เหลก็ โลก เกดิ จากโลหะหนกั หลอมละลายในช้ันแกนโลกหมนุ วน
อยา่ งช้า ๆ ทาให้เกดิ การเคลอ่ื นท่ขี องกระแสไฟฟา้ และเหนย่ี วนาให้เกดิ
สนามแมเ่ หลก็ โลก
ลกั ษณะของแรงทีก่ ระทาตอ่ วัตถุเปน็ แรงสมั ผสั (ก)หรอื แรงไมส่ มั ผสั (ข)
1. ใบไม้กาลังรว่ งจากต้นไม้ตกลงสพู่ ืน้
2. ใชม้ ือดนั รถเข็นใหเ้ คลื่อนทไ่ี ปข้างหน้า 3. ใช้แม่เหล็กดูดผงตะไบเหล็ก
4. ใช้ป้นั จ่ันดูดเศษขยะท่เี ปน็ เหล็ก 5. ใชม้ ือดงึ เชอื กชกั เย่อ
6. ดทู ศิ บนเขม็ ทิศเพอื่ บอกทิศทาง 7. ใชม้ อื ตลี ูกแบดมินตนั
8. ใช้เท้าเตะลูกฟตุ บอล 9. ใช้มือหยิบปากกา
10. ใชไ้ ขควงดูดตะปเู กลียวตัวเลก็
เรือ่ ง 2 มหัศจรรยแ์ รงแม่เหลก็
1. สามารถจาแนกวตั ถโุ ดยใช้การดงึ ดดู กบั แมเ่ หลก็ เป็นเกณฑไ์ ด้
2. สามารถระบขุ ัว้ แม่เหล็กและพยากรณผ์ ลทเี่ กิดขน้ึ ระหวา่ งขั้วแมเ่ หล็ก
เมื่อนาเข้าใกล้ได้
นักเรียนคดิ ว่าเกดิ อะไร
ขึ้นกบั สิ่งของทอ่ี ยู่ในขวด
แมเ่ หล็ก
แม่เหล็ก คือ วตั ถุชนิดหนึ่งทมี่ สี มบตั ดิ งึ ดูดโลหะบางชนิดได้ เราสามารถ
แบง่ ชนิดของแมเ่ หลก็ จากลักษณะการเกิดได้ 2 ชนิด คอื แม่เหลก็
ธรรมชาตหิ รือเรียกกวา่ แมกนไี ทต์ และแมเ่ หลก็ ประดิษฐ์
เมอ่ื นาแม่เหลก็ ท่เี ป็นสารแมเ่ หลก็ ได้แก่ โลหะบางชนิด เช่น เหล็ก
โคบอลต์ นกิ เกิล เขา้ ไปในบรวิ ณสนามแมเ่ หล็กจะส่งผลทาใหแ้ มเ่ หลก็
ดึงดูดวัตถนุ ้นั ๆ
โคบอลต์ เหลก็ นิกเกิล
วัตถทุ ่ีแมเ่ หล็กดงึ ดดู ได้ เรียกวา่ สารแม่เหลก็
สิ่งของใดบา้ งท่มี ีสารแมเ่ หลก็ ประกอบ
แมเ่ หล็กมีลักษณะเปน็ อยา่ งไรและมสี มบตั อิ ยา่ งไรบา้ ง
รูปร่าง
แทง่ ส่ีเหลย่ี ม ทรงกระบอก ตวั ยู เกือกมา้
แรงระหว่างแมเ่ หล็ก
แรงดึงดดู เกดิ จากการวางแท่ง แรงผลกั เกิดจากการวางแท่งแม่เหล็ก
แม่เหล็ก 2 แท่ง ที่มขี วั้ ต่างกันเข้า 2 แทง่ ท่มี ีขั้วเหมือนกนั เขา้ ใกล้กัน
ใกล้กัน
เมอ่ื หันขว้ั แม่เหลก็ ทั้งสองแทง่ เขา้ หากัน
จะเกิดแรงดงึ ดูดหรอื แรงผลกั กนั ดังนี้
ภายนอกแท่งแมเ่ หล็กจะมีทศิ ทางของเสน้ แรง
แมเ่ หล็ก พงุ่ ออกจากขั้วเหนอื ไปข้ัวใต้
เส้นแรงแมเ่ หลก็ แสดงถึงอานาจแมเ่ หลก็ หรือ
สนามแม่เหล็กที่สรา้ งจากแทง่ แม่เหล็ก
ภายในแท่งแม่เหลก็ จะมที ศิ ทางของเส้นแรงแม่เหลก็
พุ่งจากข้วั ใต้ไปขัว้ เหนือ
ประโยชนข์ องแม่เหล็ก
แม่เหล็กเปน็ สารประกอบโลหะท่มี อี านาจในการดึงดดู หรอื
ผลกั แม่เหล็กด้วยกนั เอง และแมเ่ หลก็ ยงั มอี านาจดึงดดู วัตถทุ ่ี
เปน็ สารแมเ่ หล็ก
เรานาแม่เหล็กไปใช้ประโยชน์ไดอ้ ยา่ งไรบา้ ง
รอบตวั เรามีอะไรเปน็ สารแม่เหลก็ บ้าง
ประโยชนข์ องแม่เหลก็
จบแล้วคะ่