หินและท้องฟ้า ป. 1

โรงเรียนชมุ ชนพบิ ลู สงคราม

ป.1

โดย
ครปู าริชาติ รอดเพ็ชร

เพ่อื น ๆ รหู้ รือไมว่ า่ เพอ่ื นๆ คิดวา่
หินทพี่ บในแตล่ ะสถานท่มี ี หินที่พบในธรรมชาตมิ ี
ลกั ษณะแตกตา่ งกนั อย่างไร ลกั ษณะอยา่ งไรบา้ ง

เร่ืองท่ี 1 หินในธรรมชาติ

เป้ าหมายการเรียนรู้

1. อธบิ ายลกั ษณะภายนอกของหินทีส่ งั เกตได้

หินเกิดขน้ึ เองตามธรรมชาติ ซึ่งสามารถพบได้
ในแหลง่ ตา่ ง ๆ หินมลี กั ษณะภายนอกเฉพาะตวั ที่
สงั เกตเห็นได้ เชน่ สี ลวดลาย รปู ร่าง นา้ หนกั
ความแขง็ เนอ้ื หิน เป็ นตน้

ลกั ษณะเฉพาะตวั ที่สงั เกตไดข้ องหิน
มคี วามแตกตา่ งกนั อยา่ งไร

หิน

เป็ นส่งิ ที่เกิดขน้ึ เองตามธรรมชาติ
หินทพี่ บในแตล่ ะพื้นทีอ่ าจมลี กั ษณะบางอยา่ ง
เหมอื นกนั หรือมลี กั ษณะบางอย่างแตกตา่ งกนั
ขนึ้ อย่กู บั ส่งิ ทอ่ี ย่ใู นหินกอ้ นนน้ั

สีของหิน เกดิ จากแรธ่ าตทุ ่เี จอื ปนอยู่

ภายในเนอื้ ของหิน

หินสดี า หินสีเทา หินสแี ดง

นา้ หนกั ของหิน หินแตล่ ะกอ้ นอาจมีนา้ หนกั

ไมเ่ ทา่ กนั ขน้ึ อย่กู บั ขนาดของหินและชนดิ ของหิน

ลวดลายของหิน หินบางกอ้ นมีลวดลาย

เป็ นชนั้ สีหลายสี หินบางกอ้ นอาจมลี วดลายหลายสี
ผสมกนั ซึ่งหินชนดิ เดยี วกนั จะมลี วดลายเหมอื นกนั

หินทม่ี ีลวดลาย หินทีม่ ลี วดลาย หินที่มีลวดลาย

เป็ นชนั้ สี เป็ นจดุ สี เหมอื นสผี สมกนั

เนอื้ ของหิน หินบางชนดิ มเี นอื้ ละเอียด

หินบางชนดิ มเี นอ้ื หยาบ

หินท่มี ีเนอื้ ละเอียด หินที่มเี นอื้ หยาบ

รปู ร่างของหิน หินแตล่ ะกอ้ นอาจมรี ปู รา่ ง

หรือรปู ทรงเหมอื นกนั หรือแตกตา่ งกนั ไป

หินรปู ทรงหัวใจ หินรปู ทรงสี่เหล่ียม หินรปู ทรงกลม

ความแข็งของหิน หินแตล่ ะชนดิ มคี วาม

แขง็ ไมเ่ ทา่ กนั ทดสอบไดโ้ ดยเอาหิน 2 กอ้ นมาขดู กนั
หินท่ีมีความแข็งมากกว่าจะไมเ่ กิดรอยบนเนอ้ื หิน

เกร็ดวิทย์ นา่ รู้

หิน หินท่ีมีลกั ษณะกลมมน

เกิดจากการกร่อนของหิน
เนอ่ื งจากหินถกู นา้ พดั พา
และครดู ถไู ปจากแหลง่ เดมิ จนทาใหห้ ินมขี นาดเล็กลง
ซึ่งหินท่ถี กู แรงนา้ พดั พาและกลงิ้ ไปตามทอ้ งนา้ จะมี
ลกั ษณะผวิ เรียบและกลมมน

เร่ืองท่ี 2 ทอ้ งฟ้ าของเรา

เป้ าหมายการเรียนรู้

1. ระบดุ าวที่ปรากฎบนทอ้ งฟ้ าในเวลากลางวนั และกลางคืนได้
2. อธิบายสาเหตทุ ีม่ องไมเ่ ห็นดาวในเวลากลางวนั ได้

ทอ้ งฟ้ า ในเวลากลางวนั เราจะมองเห็นดวงอาทติ ยส์ วา่ งจา้

สว่ นในเวลากลางคืน เราจะมองเห็นดวงจนั ทรแ์ ละดวงดาว

ทอ้ งฟ้ าในเวลากลางวนั และ
กลางคืนมลี กั ษณะเหมอื นกนั

หรือตา่ งกนั อยา่ งไร

ดวงอาทติ ย์

เป็ นดาวฤกษท์ ีม่ ีแสงสว่างในตวั เอง มรี ปู รา่ งทรงกลม
มขี นาดใหญก่ ว่าโลก ดวงอาทติ ยใ์ หพ้ ลงั งานความรอ้ น
และพลงั งานแสง แสงจากดวงอาทติ ยท์ าใหเ้ รามองเห็นสิ่ง
ตา่ งๆ บนโลกได้

ดวงอาทติ ยข์ น้ึ ดวงอาทิตยต์ ก
ทางทศิ ตะวนั ออก ทางทิศตะวนั ตก

ดวงจนั ทร์

รปู ร่างทรงกลม

เป็ นดาวบรวิ ารของโลก
ไมม่ แี สงสวา่ งในตวั เอง เรามองเห็นได้
เพราะแสงของดวงอาทติ ยส์ อ่ งไป
กระทบดวงจนั ทรแ์ ลว้ สะทอ้ นมาท่ีโลก

เล็กกว่าโลก

ดาว ในยามคา่ คืนทีท่ อ้ งฟ้ าปลอดโปรง่ และไมม่ ีเมฆ เรา

จะมองเห็นดาวมากมายเต็มทอ้ งฟ้ า ดาวบางดวงมีแสง
กระพริบ บางดวงมแี สงหยดุ นงิ่

ในคืนที่มองไมเ่ ห็นดวงจนั ทร์ เราจะมองเห็นดวงดาว
ชดั เจน แตค่ ืนท่ีมองเห็นดวงจนั ทรเ์ ต็มดวง ทอ้ งฟ้ าจะ
สว่าง เราจะมองเห็นดวงดาวไดไ้ มม่ าก

ดวงจนั ทร์ มรี ปู รา่ งเปลี่ยนไปในแตล่ ะคืน

บางคืนเต็มดวง บางคืนเป็ นเส้ยี ว เพราะดวงจนั ทร์
หมนุ รอบตงั เองและโคจรรอบโลก เมอ่ื ดวงจนั ทร์
อย่ตู าแหนง่ ตา่ งกนั แสงทสี่ ะทอ้ นมาที่โลกจะมมี มุ ที่
แตกตา่ งกนั เราจึงมองเห็นดวงจนั ทรท์ ม่ี ลี ักษณะ
แตกตา่ งกนั

เกร็ดวิทย์ นา่ รู้

ดาวท่มี ีแสงสว่างในตวั เอง เรียกวา่ ดาวฤกษ์

เชน่ ดวงอาทติ ย์ ดาวเหนอื เป็ นตน้

ดาวที่ไมม่ แี สงสว่างในตวั เอง เรียกวา่ ดาวเคราะห์

เชน่ ดวงจนั ทร์ โลก เป็ นตน้

ไปนอนกอ่ นนะ ราตรีสวสั ดค์ิ ะ่