The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

4.พระพุทธศาสนา ป.6 หน่วยที่ 2

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Udomlug Lamlear, 2021-06-17 11:15:27

4.พระพุทธศาสนา ป.6 หน่วยที่ 2

4.พระพุทธศาสนา ป.6 หน่วยที่ 2

พระพุทธศาสนา ชน้ั ประถมศึกษาปที ่ี ๖

พระพุทธศาสนา ชน้ั ประถมศึกษาปที ่ี ๖

๑. พทุ ธสาวก

พทุ ธสาวก

คือ ผู้ท่ีปฏิบัติตามหลักธรรมคาสอนของพระพุทธเจ้า ควรค่าแก่การศึกษา
และนามาเป็นแบบอยา่ งในการดาเนินชีวิต

พระพุทธศาสนา ชนั้ ประถมศึกษาปที ่ี ๖

พระราธะ (ผวู้ ่าง่าย สอนงา่ ย)

ราธะ เกิดในตระกลู ของพราหมณ์ อาศยั อยูใ่ นกรงุ ราชคฤห์ เมืองหลวงของ
แคว้นมคธ ในอดีตมีฐานะพอสมควร แต่เม่ือย่างเข้าสู่วัยชราครอบครัวยากจนลง
ถูกภรรยาและบุตรทอดท้ิง ต้องมาอาศัยอยู่วัดเวฬุวัน และคอยดูแลรับใช้พระสงฆ์
ในวัด

พระพุทธศาสนา ชนั้ ประถมศึกษาปที ่ี ๖

พระราธะ (ผู้ว่าง่าย สอนงา่ ย)

ต่อมาราธพราหมณ์เล่ือมใสในพระพุทธศาสนามากปรารถนาจะอุปสมบท
แต่ไม่มีผู้ใดอุปสมบทให้ เพราะเห็นท่านชรามากแล้ว ทาให้เกิดความทุกข์ใจ
จนร่างกายซูบผอม พระพุทธเจ้าทอดพระเนตรเห็นจึงได้ตรัสถามจนทราบความ
พร้อมทั้งรับส่ังให้ประชุมสงฆ์แล้วตรัสถามว่า “ใครระลึกถึงบุญคุณของราธะท่ีเคย
ทาไว้บ้าง” พระสารีบุตรเถระท่ีอยู่ในที่ประชุมนั้นด้วยได้กราบทูลว่า “พราหมณ์ผู้น้ี
เคยใส่บาตรในขณะออกบิณฑบาตด้วยข้าว ๑ ทัพพี” พระพุทธเจ้าจึงอนุญาตให้
พระสารีบตุ รทาหนา้ ทีเ่ ป็นพระอุปัชฌาย์บวชให้ราธพราหมณแ์ ละยกยอ่ ง

พระพุทธศาสนา ชน้ั ประถมศึกษาปีท่ี ๖

พระราธะ (ผวู้ ่างา่ ย สอนง่าย) (ตอ่ )

พระสารีบุตรว่า เป็นผู้มีความกตัญญูรู้คุณระลึกถึง

ความดีท่ีผู้อ่ืนได้เคยกระทาไว้กับตนและเม่ือมีโอกาสก็

ตอบแทนซ่งึ เป็นลกั ษณะของคนดี

เ ม่ื อ อุ ป ส ม บ ท แ ล้ ว พ ร ะ ร า ธ ะ ไ ด้ ร ั บ โ อ ว า ท ข อ ง

พระสารีบุตรซ่ึงเป็นพระอุปัชฌาย์ (อ่านว่า อุ-ปัด-ชา)

และนาไปปฏบิ ตั อิ ย่างอ่อนนอ้ ม เป็นผทู้ ีว่ า่ งา่ ย สอนง่าย

เ ช่ื อ ฟั ง ด้ ว ย ค ว า ม เ ค า ร พ จ น ไ ด้ บ ร ร ลุ ธ ร ร ม เ ป็ น

พระอรหันต์ พระราธะได้ช่วยกิจการพระพุทธศาสนา พระพทุ ธเจา้ ทรงมอบหมายให้
อย่างขยันขันแข็งถึงแม้จะบวชตอนวัยชรา จนในท่ี พระสารบี ุตรทาหนา้ ที่
เป็นพระอุปัชฌายใ์ ห้ราธพราหมณ์
สดุ ไดส้ ้นิ อายดุ บั ขันธ์ไปตามเวลา

พระพุทธศาสนา ชน้ั ประถมศึกษาปที ่ี ๖

พระราธะ (ผู้ว่าง่าย สอนงา่ ย) (ตอ่ )

พระราธะอุปสมบทด้วยวิธี ญัตติจตุตถกรรมวาจา (อ่านว่า ยัด-ติ-จะ-ตุด-ถะ-กา-
มะ-วา-จา) เป็ นการอุปสมบทโ ดยใช้มติของสง ฆ์ ซ่ึงเ ป็ นวิธีกา รท่ีใช้ใน
การอปุ สมบทพระภิกษทุ ส่ี บื ตอ่ มาจนถึงปัจจบุ นั

คุณธรรมทคี่ วรถอื เป็นแบบอย่าง พระราธะเป็นผู้วา่ งา่ ย สอนงา่ ย แนะนา
สง่ั สอนหลักธรรมอยา่ งไร ก็ปฏบิ ัติตามแต่โดยดี นักเรยี นสามารถนาคณุ ธรรม
ของทา่ นไปเป็นแบบอยา่ ง โดยเป็นผู้ว่างา่ ย สอนงา่ ยของพ่อแม่ และครูอาจารย์

พระพุทธศาสนา ชน้ั ประถมศึกษาปที ่ี ๖

๒. ชาดก

ชาดก

คือ เร่ืองราวการทาความดีของพระพุทธเจ้าในอดีตชาติ และมีข้อคิดท่ี
สามารถนามาเป็นแบบอยา่ งในการดาเนินชวี ติ ได้ ดังชาดกต่อไปน้ี

พระพุทธศาสนา ชน้ั ประถมศึกษาปีท่ี ๖

ทฆี ีตโิ กสลชาดก (เจ้าชายผูก้ ล้าหาญ)

ในอดีตกาลมีเมืองกว้างใหญ่ช่ือ พาราณสี ปกครองโดยพระเจ้าพรหมทัต
พระองค์หวังขยายอาณาจักร จึงยกกองทัพไปโจมตีเมืองต่าง ๆ รวมท้ังเมืองของ
พระเจ้าทีฆีติโกสลราช ฝ่ายพระเจ้าทีฆีติโกสลราชเม่ือทราบข่าวว่าจะถูกโจมตี
เมืองจึงพาพระมเหสีปลอมตัวหนี ไปอยู่นอกเมืองจนพระมเหสีทรงพระครรภ์และ
ประสูตพิ ระราชโอรสพระนามว่า ทีฆาวกุ ุมาร

พระพุทธศาสนา ชนั้ ประถมศึกษาปที ่ี ๖

ทฆี ตี ิโกสลชาดก (เจา้ ชายผ้กู ลา้ หาญ) (ตอ่ )

ต่อมาพระเจ้าทีฆีติโกสลราชและพระมเหสีถูกพระเจ้าพรหมทัตจับตัว ได้
และถูกจับมัดแห่ประจานไปรอบเมือง ก่อนจะถูกประหารชีวิต พระเจ้าทีฆีติโกสล-
ราชทรงเห็นพระราชโอรสแฝงตัวอยู่ในกลุ่มคนจึงตรัสออกมาลอย ๆ สอนไม่ให้
จองเวรว่า “จงเห็นแก่ยาว เจ้าอย่าเห็นแก่ส้ัน เวรท้ังหลายย่อมไม่ระงับเพราะเวรเลย
แต่ย่อมระงับได้เพราะไม่จองเวร” ทีฆาวุกุมารผู้ซ่ึงหวังจะกลับมาเยี่ยมพระราชบิดา
และพระราชมารดาไดเ้ ห็นสภาพดังกลา่ วจึงคดิ แกแ้ คน้ เม่อื พระเจ้าทีฆตี ิโกสลราช

พระพุทธศาสนา ชนั้ ประถมศึกษาปีท่ี ๖

ทีฆีตโิ กสลชาดก (เจ้าชายผกู้ ล้าหาญ) (ตอ่ )

และพระมเหสีส้ินพระชนม์ ทีฆาวุกุมารจึงแฝงตัวเข้าไปในวังของพระเจ้าพรหมทัต
ในฐานะนกั ดนตรี ดว้ ยความสามารถและความเฉลียวฉลาด ทีฆาวุกมุ ารจึงไดเ้ ป็นคน
สนิทของพระเจ้าพรหมทัต วันหน่ึง พระเจ้าพรมทัตได้เสด็จออกประพาสป่าโดยมี
ทีฆาวุกุมารตามเสด็จ พระเจ้าพรหมทัตทรงหยุดพักและบรรทมหลับ ทีฆาวุกุมารได้
โอกาสที่จะปลงพระชนม์พระเจ้าพรหมทัตเพ่ือล้างแค้น และชิงบ้านเมืองคืนคิดได้
ดังน้ันจึงเง้ือพระขรรค์ข้ึนหมายจะปลงพระชนม์พระเจ้าพรหมทัต แต่เม่ือนึกถึง
คาสง่ั สอนของพระราชบดิ ากอ่ นถูกประหารชีวติ ว่า “เวรยอ่ มระงบั ด้วยการไม่จองเวร”
จงึ ลดพระขรรคล์ งและคดิ ว่าไมค่ วรจะทาลายคาสอนของพระราชบิดา

พระพุทธศาสนา ชนั้ ประถมศึกษาปที ่ี ๖

ทฆี ีตโิ กสลชาดก (เจ้าชายผกู้ ลา้ หาญ) (ตอ่ )

เม่ือพระเจ้าพรหมทัตต่ืนจากบรรทมทีฆาวุกุมารจึงตรัสว่าพระองค์เป็นพระราชโอรส
ของพระเจ้าทีฆีติโกสลราช เม่ือพระเจ้าพรหมทัตได้ฟังดังนั้น จึงตกพระทัยและ
สานึกผิดโดยตรสั วา่ “ขณะน้ีชวี ติ ของเราตกอยูใ่ ต้อานาจของเจา้ แล้ว เจ้าจะทาอะไรเพ่ือ
แก้แค้นก็เชิญเถิด” ทีฆาวุกุมารจึงตรัสว่า “เราจะไม่ฆ่าท่าน เพราะถึงแม้พระองค์
จะถูกฆ่าแต่พระชนกและพระชนนี ของเราก็มิอาจฟ้ ืนข้ึนมาได้ เราจะทาตาม
คาสั่งสอนของพระชนกและพระชนนี” ท้ังสองพระองค์ต่างให้อภัยยกชีวิตให้แก่กันและ
กันแล้วเสด็จกลับพระราชวัง พระเจ้าพรหมทัตซาบซ้ึงในความมีคุณธรรมของ
ทีฆาวุกุมาร ทรงโปรดให้อภิเษกสมรสกับพระราชธิดาของพระองค์ รวมท้ังยกเมืองให้
ปกครอง

พระพุทธศาสนา ชนั้ ประถมศึกษาปที ่ี ๖

ทฆี ตี โิ กสลชาดก (เจ้าชายผูก้ ล้าหาญ) (ต่อ)

ทฆี าวุกมุ ารคดิ ปลงพระชนม์พระเจ้าพรหมทตั

พระพุทธศาสนา ชน้ั ประถมศึกษาปที ่ี ๖

ทฆี ีตโิ กสลชาดก (เจ้าชายผูก้ ล้าหาญ) (ตอ่ )

ขอ้ คิดคุณธรรมจากชาดก คือ การรู้จกั ให้อภัย เช่ือฟังคาส่ังสอนของบิดา
มารดา และมสี ติยบั ยัง้ ชั่งใจในการทาบาปจะทาใหช้ วี ติ มีความสขุ

พระพุทธศาสนา ชน้ั ประถมศึกษาปที ่ี ๖

สัพพทาฐิชาดก (สุนขั จ้ิงจอกผูร้ ู้มนตร)์

ในกรงุ พาราณสี มพี ราหมณป์ โุ รหิตผหู้ น่ึงรูม้ นตร์วเิ ศษ เรียกว่า “ปฐวีวิชัย”
เป็นมนตรก์ ลอ่ มใจผอู้ ่ืนให้หลงเช่อื ในคาสัง่

ในขณะที่ปุโรหิตได้น่ังสาธยายทบทวนมนตร์บนเนินผาในป่าแห่งหน่ึง
สุนัขจ้ิงจอกตัวหน่ึงนอนอยู่ในโพรงใกล้ ๆ ได้ยินมนตร์น้ัน จึงได้ท่องจาจน
แคลว่ คลอ่ ง

เม่ือกลับเข้าป่าใหญ่ สุนัขจ้ิงจอกได้ร่ายปฐวีวิชัยมนตร์บังคับสุนัขจ้ิงจอก
ทุกตัวไว้ในอานาจ และทาให้สัตว์ทุกตัวในปา่ อยู่ใต้อานาจของตนเอง โดยต้ังตน
เป็นราชาของสตั ว์ ช่อื ว่า สพั พทาฐิ และตงั้ นางสนุ ัขจ้ิงจอกตัวหน่ึงเป็นมเหสี

พระพุทธศาสนา ชนั้ ประถมศึกษาปที ่ี ๖

สัพพทาฐชิ าดก (สุนขั จ้ิงจอกผูร้ ู้มนตร์) (ตอ่ )

สุนัขจ้ิงจอกย่ิงนานวันย่ิงมัวเมาในอานาจ และคิดแย่งชิงราชสมบัติจาก
พระราชาแห่งเมืองพาราณสี เม่ือคิดดังนั้นก็ยกกองทัพสัตว์ไปประชิดเมือง
แล้วส่งสาส์นไปถึงพระราชาให้มอบราชสมบัติให้แก่ตน ชาวเมืองต่างพากัน
หวาดกลัว จงึ ปิดประตูเมืองทุกดา้ น

สนุ ขั จ้งิ จอกผรู้ มู้ นตร์

พระพุทธศาสนา ชน้ั ประถมศึกษาปที ่ี ๖

สัพพทาฐิชาดก (สนุ ัขจ้ิงจอกผ้รู มู้ นตร์) (ตอ่ )

ปุโรหิตกราบทูลพระราชาว่า “ขอพระองค์อย่าทรงกลัวเลย การรบกับ
สุนัขจ้ิงจอกให้เป็นภาระของข้าพระองค์เอง”หลังจากปลอบพระทัยพระราชาและ
ประชาชนแล้ว ปุโรหิตจึงได้ข้ึนไปยืนบนป้อมปราการและถามสุนัขจ้ิงจอกว่า
“เจ้าจะยึดราชสมบัติได้อย่างไร ดูแล้วไม่เห็นจะมีทาง” สุนัขจ้ิงจอกตอบว่า “เราจะ
ให้ราชสีหส์ ง่ เสียงให้ดงั จนคนหแู ตกตาย แลว้ จะยึดเอาเมอื งเสยี ”

ปุโรหิตรู้วิธีแล้วจึงหาทางแก้ โดยให้ชาวเมืองเอาแปง้ ถั่วหรือดินเหนียวมา
อุดหูตัวเองและสัตว์เลี้ยง เพ่ือไม่ให้ได้ยินเสียงและกลับมาที่ป้อมแล้วร้องท้าว่า
“จ้ิงจอกเชน่ เจา้ ไมส่ ามารถส่ังราชสีหซ์ ่งึ เป็นสตั วส์ กลุ สงู ให้ทาตามได้แน่”

พระพุทธศาสนา ชนั้ ประถมศึกษาปที ่ี ๖

สัพพทาฐชิ าดก (สนุ ัขจ้งิ จอกผรู้ มู้ นตร์) (ตอ่ )

สุนัขจ้ิงจอกเป็นสัตว์ด้ือรั้น เม่ือถูกท้าจึงกล่าวว่า “เราจะให้ตัวท่ีเราน่ัง
นี่ แหละแผดเสียง” สุนัขจ้ิงจอกจึงส่ังให้ราชสีห์ตัวท่ีตนน่ังอยู่บนหลังว่า
“จงแผดเสียง” ราชสีห์ตัวนั้นจึงแผดเสียงคาราม ทาให้สุนัขจ้ิงจอกพลัดตกลงมา
กระแทกพ้ืนดิน ช้างและสัตว์ท้ังหลายต่างสะดุ้งตกใจ และช้างได้เหยียบสุนัข
จ้ิงจอกจนถึงแก่ความตาย หมู่สัตว์ต่างก็กลัวตายว่ิงหนีกันชุลมุนเหยียบกันตาย
เป็นจานวนมาก ส่วนราชสีหก์ ็หนีเข้าปา่ ไป

ข้อคิดคุณธรรมจากชาดก คือ การด้ือรั้นและมักใหญ่ใฝ่สูง ลุ่มหลงใน
อานาจจะทาใหเ้ สยี โอกาสต่าง ๆ

พระพุทธศาสนา ชนั้ ประถมศึกษาปที ่ี ๖

๓. พุทธศาสนิกชนตัวอยา่ ง

พุ ท ธ ศ า ส นิ ก ช น ต ั ว อ ย่ า ง คื อ ผู้ ที่ ป ฏิ บ ั ติ ต น ต า ม ห ล ั ก ธ ร ร ม ท า ง
พระพุทธศาสนาควรคา่ แก่การนามาเป็นแบบอยา่ งในการดาเนินชีวิต

พระพุทธศาสนา ชนั้ ประถมศึกษาปที ่ี ๖

๓.๑ พอ่ ขนุ รามคาแหงมหาราช

พระบรมราชานสุ าวรยี ์ พ่อขุนรามคาแหงมหาราชเป็นพระมหา-
พ่อขนุ รามคาแหงมหาราช กษตั ริยก์ รุงสุโขทยั องคท์ ่ี ๓ แห่งราชวงศ์พระร่วงเป็น
พ ร ะ ร า ช โ อ ร ส ข อ ง พ่ อ ขุ น ศ รี อิ น ท ร า ทิ ต ย์ แ ล ะ
พระนางเสอื ง

พ่ อ ขุ น ร า ม ค า แ ห ง มี พ ร ะ น า ม เ ดิ ม ว่ า
“รามราช” เม่ือพระชนมายไุ ด้ ๑๙ พรรษา ทรงชนชา้ ง
ก ั บ ขุ น ส า ม ช น เ จ้ า เ มื อ ง ฉ อ ด จ น ไ ด้ ร ั บ ช ั ย ช น ะ แ ล ะ
ได้รบั การขนานพระนามว่า “พระรามคาแหง”

พระพุทธศาสนา ชน้ั ประถมศึกษาปีท่ี ๖

พระราชกรณียกจิ ทเ่ี ก่ียวข้องกับพระพุทธศาสนา

ในด้านพระพุทธศาสนาพระองค์ทรงเป็นอัครศาสนูปถัมภก ให้การ
สนับสนุนทานุบารุงพระพุทธศาสนา โดยพระองค์ทรงนิ มนต์พระเถระจาก
นครศรธี รรมราชมาประดิษฐานพระพุทธศาสนาลทั ธลิ ังกาวงศ์ในสุโขทัย พร้อมกันนั้น
พระองค์ไดท้ รงอนญุ าตให้มีการสร้างวดั เป็นจานวนมาก ส่งเสรมิ ให้ประชาชน
ทาบุญทาทาน รักษาศีล นอกจากน้ี ทรง
ป ร ะ ก อ บ พ ร ะ ร า ช ก ร ณี ย กิ จ ที่ ส่ ง เ ส ริ ม
ความเจริญทางภูมิปัญญา ศิลปวัฒนธรรม
ที่โดดเด่น คือ การประดิษฐ์อักษรไทย
หรือลายสือไทย ซ่ึงเป็นหลักฐานสาคัญที่
ใช้ศึกษาความเป็นมาของชาติไทย

ศลิ าจารกึ หลักที่ ๑
สมยั พ่อขนุ รามคาแหงมหาราช

พระพุทธศาสนา ชน้ั ประถมศึกษาปีท่ี ๖

คุณธรรมที่ควรถือเป็นแบบอย่าง พ่อขุนรามคาแหงมหาราชทรง
ปกครองบา้ นเมอื งตามหลกั ทศพธิ ราชธรรม ทาให้ประชาชนอยู่ร่มเย็นเป็นสุข
พ ร้ อ ม ก ั น น ั้ น พ ร ะ อ ง ค์ ท ร ง เ ป็ น แ บ บ อ ย่ า ง ใ น ก า ร เ ป็ น อ ง ค์ อุ ป ถ ั ม ภ์
พระพุทธศาสนาและเป็นผู้ที่ประพฤติตามหลักธรรมในพระพุทธศาสนา
รวมทั้งส่งเสริมให้ประชาชนของพระองค์อยู่ในศีลและปฏิบัติธรรมตลอด
รัชกาลของพระองค์

พระพุทธศาสนา ชน้ั ประถมศึกษาปที ่ี ๖

๓.๒ สมเด็จพระมหาสมณเจา้ กรมพระปรมานชุ ิตชโิ นรส

ส ม เ ด็ จ พ ร ะ ม ห า ส ม ณ เ จ้ า ก ร ม -
พ ร ะ ป ร ม า นุชิ ต ชิ โ น ร ส เ ป็ น พ ร ะ ร า ช โ อ ร ส ใ น
พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟา้ จุฬาโลกมหาราช
(รัชกาลท่ี ๑) กับเจ้าจอมมารดาจุ้ย ประสูติเม่ือ
วันท่ี ๑๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๓๓๓ มีพระนามเดิมว่า
พระองค์เจา้ วาสุกรี

สมเด็จพระมหาสมณเจา้
กรมพระปรมานชุ ติ ชโิ นรส

พระพุทธศาสนา ชนั้ ประถมศึกษาปีท่ี ๖

๓.๒ สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระปรมานชุ ิตชโิ นรส

พระอัจฉริยภาพทางพระพุทธศาสนาและวรรณกรรม พระองค์ทรงเป็นผู้ท่ี
มีพระอัจฉริยภาพในด้านต่าง ๆ ท้ังในด้านพระพุทธศาสนาและด้านอ่ืน ๆ ปรากฏ
เป็นคุณประโยชนต์ ่อบ้านเมอื งจนถงึ ปัจจบุ ัน ดงั นี้

๑. ด้านพระพุทธศาสนา ทรงเป็นเจ้าคณะปกครองวัดในกรุงเทพฯและทรง
เป็นสมเด็จพระสังฆราช

๒. ทรงศึกษาวิเคราะห์พระธรรมวินัย ทรงเป็นที่ปรึกษาและถวายวิสัชนา
พระราชปจุ ฉาตา่ ง ๆ ในรัชกาลท่ี ๓ มาโดยตลอด

๓. ด้านวรรณกรรม ทรงพระปรีชาเชี่ยวชาญเป็นพิเศษ ได้ทรงพระนิพนธ์
วรรณกรรมทางพระพุทธศาสนา เช่น พระปฐมสมโพธิกถา ร่ายยาวมหาเวสสันดร
ชาดก ลิลิตตะเลงพ่าย ให้ปรากฏเป็นพระอัจฉริยภาพของพระองค์และปรากฏเป็น
สมบตั ขิ องแผน่ ดนิ มาจนถึงปัจจบุ ัน

พระพุทธศาสนา ชน้ั ประถมศึกษาปที ่ี ๖

๓.๒ สมเดจ็ พระมหาสมณเจา้ กรมพระปรมานชุ ิตชิโนรส

สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระปรมานุชิตชิโนรส ส้ินพระชนม์เม่ือ
พ.ศ. ๒๓๙๖

องค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ
(ยูเนสโก) ได้ประกาศยกย่องพระองค์ในฐานะปูชนี ยบุคคลผู้มีผลงานดีเด่น
ทางด้านวัฒนธรรมระดบั โลก ประจาปีพุทธศกั ราช ๒๕๓๓

คุณธรรมที่ควรถือเป็นแบบอย่าง ใฝใ่ จในการศึกษา หมั่นขยันหาความรู้
และสง่ เสริมพระพทุ ธศาสนา

พ่อขุนรามคาแหงมหาราช และสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระปรมาน-ุ
ชิตชิโนรสทรงเป็นพุทธศาสนิกชนตัวอย่างที่ทาคุณประโยชน์ให้แก่ประเทศชาติ
นักเรยี นทกุ คนควรยกย่องและนาแบบอย่างที่ดมี าปฏบิ ตั ใิ นชีวิตประจาวัน

พระพุทธศาสนา ชน้ั ประถมศึกษาปีท่ี ๖

จัดทำ E- book
โดย

นำงสำวอดุ มลักษณ์ ลำเลศิ
เนือหำจำก สถำบนั พฒั นำคุณภำพวชิ ำกำร (พว.)

พระพุทธศาสนา ชน้ั ประถมศึกษาปีท่ี ๖


Click to View FlipBook Version