๒. พัฒนาการของมนษุ ย์สมยั
ประวตั ิศาสตร์ในดินแดนไทย
การศกึ ษาเกี่ยวกับพัฒนาการของมนษุ ย์สมัยประวัติศาสตร์
ในดินแดนไทย คือ การศึกษาเร่ืองราวของมนุษย์ยุคต่อจาก
สมัยก่อนประวัติศาสตร์ตอนปลาย ที่ผู้คนได้พัฒนาจากชุมชน
ข้ึนมาเป็นบา้ นเมอื ง เป็นแคว้น และเป็นอาณาจักร
๒.๑ การต้ังถ่ินฐานและการดาเนินชวี ติ ของมนษุ ย์
สมยั ประวัติศาสตร์
การต้ังถ่ินฐานเป็นชุมชนในท้องถ่ินต่าง ๆ ในดินแดนไทย
น ้ั น พ บ ว่ า ชุ ม ช น เ ห ล่ า นี้ ไ ม่ ไ ด้ ต ้ั ง อ ยู่ อ ย่ า ง โ ด ด เ ด่ี ย ว
แต่มีการ ติดต่อสัมพันธ์ ระหว่างชุมชน หลาย ๆ แห่ง เพ่ือ
แลกเปลี่ยนสินค้า ทาให้เกิดศูนย์กลางความเจริญจนพัฒนาข้ึน
เป็นบา้ นเมอื งและแคว้นต่าง ๆ
๒.๒ เมอื งและแควน้ โบราณในดินแดนไทย
ในดินแดนไทยตั้งแต่พุทธศตวรรษที่ ๑๑ เป็นต้นมา
มีชุมชนต่าง ๆ ได้พัฒนาเป็นเมือง และเมืองบางเมืองพัฒนาข้ึน
เป็นแควน้
๒.๒.๑ เมอื งโบราณในดนิ แดนไทย
เ มื อ ง โ บ ร า ณ ใ น ดิ น แ ด น ไ ท ย
ประกอบด้วยเมืองสาคัญในภาคต่าง ๆ
ดังนี้ เมืองโบราณทางภาคตะวัน -
ออกเฉี ยงเหนือ มีเมืองสาคัญ ได้แก่
เมืองฟ้าแดดสงยาง เมืองจัมปาศรี
เมอื งเสมาและเมอื งพิมาย
เ มื อ ง โ บ ร า ณ ท า ง ภ า ค ก ล า ง มี เ มื อ ง ที่ ส า ค ั ญ ไ ด้ แ ก่
เมอื งนครชัยศรี เมอื งอทู่ อง เมืองคูบวั เมอื งละโว้ และเมอื งศรเี ทพ
แผนที่แสดงตัวอย่างทต่ี ้งั
เมอื งโบราณท่สี าคัญในบริเวณ
ภาคกลางของประเทศไทย
เ มื อ ง โ บ ร า ณ ท า ง ภ า ค เ ห นื อ มี เ มื อ ง ที่ ส า ค ั ญ ไ ด้ แ ก่
เมอื งหริภญุ ชยั เมอื งเชียงแสน และเมืองเวียงทา่ กาน
แผนทีแ่ สดงตวั อยา่ งท่ตี ัง้
เมอื งโบราณทส่ี าคญั ในบริเวณ
ภาคเหนือของประเทศไทย
เ มื อ ง โ บ ร า ณ ท า ง ภ า ค ใ ต้ มี เ มื อ ง ท่ี ส า ค ั ญ ไ ด้ แ ก่
เมืองเวียงสระ สุราษฎร์ธานี เมืองยะรัง ปัตตานี เมืองนครศรี-
ธรรมราช ท่งุ ตกึ พังงา และคลองท่อม กระบ่ี
แผนท่แี สดงตวั อย่างทตี่ ง้ั
เมอื งโบราณทสี่ าคัญในบริเวณ
ภาคใตข้ องประเทศไทย
เมืองโบราณในดินแดนไทยในภาคต่าง ๆ พัฒนาเป็น
เมืองตั้งแต่ช่วงก่อนพุทธศตวรรษที่ ๑๑ แต่บางเมืองพัฒนา
ข้ึนมาในภายหลัง อย่างไรก็ตามในช่วงพุทธศตวรรษที่ ๑๑
เมืองโบราณเหล่าน้ี ได้พัฒนาข้ึนมาเป็นแคว้นที่ตั้งอยู่ในภูมิภาค
ต่าง ๆ ดังนี้
๒.๒.๒ แควน้ โบราณในดินแดนไทย
๑. แควน้ ทวารวดี (ประมาณพทุ ธศตวรรษท่ี ๑๑-๑๖)
แคว้นทวารวดีเกิดจากการรวมกลุ่มของเมืองท่ีตั้งอยู่ในบริเวณ
ลุ่มน้ าเจ้าพระยาตอนล่างทางด้านตะวันตก ได้แก่ เมืองอู่ทอง
เมืองคูบัว เมืองนครชัยศรี และเมืองศรีเทพ เมืองเหล่าน้ีต่างมี
แม่น้าไหลผ่านทาใหส้ ามารถตดิ ต่อกบั เมืองต่าง ๆ ได้สะดวก
๒.๒.๒ แคว้นโบราณในดินแดนไทย
พระธรรมจกั รศิลากบั กวางหมอบพบที่จงั หวดั นครปฐม
๒. แควน้ ละโว้ (ประมาณพทุ ธศตวรรษท่ี ๑๑-๑๘)
แควน้ ละโว้ เกิดจากการรวมกลุม่ ของเมืองในบริเวณลุ่มน้า
ลพบุรี ป่าสัก และบางปะกง โดยมีเมืองละโว้เป็นศูนย์กลางของ
แควน้
พระปรางคส์ ามยอด จังหวัดลพบรุ ี เป็นสถาปัตยกรรมท่ีแสดงให้เห็น
ความเจริญรุ่งเรืองด้านพระพทุ ธศาสนาของแคว้นละโว้ในอดีต
๓. แคว้นลังกาสกุ ะ (ประมาณพทุ ธศตวรรษที่ ๑๑-๑๔)
แคว้นลังกาสุกะ เกิดจากการรวมตัวในบริเวณลุ่มน้ าปัตตานี
ครอบคลุมพ้ืนที่ตอนล่างของอ่าวไทยด้านตะวันออก โดยมี
ศูนย์กลางอยู่ท่ีปัตตานี แคว้นลังกาสุกะ มีท่ีต้ังอยู่บนเส้นทาง
การค้าตลอดจนเป็นเมืองทอี่ ดุ มสมบูรณ์ รวมทั้งมีพ่อคา้ จากจีน
และอินเดยี เดินทางเขา้ มาตดิ ตอ่ ค้าขาย
รอ่ งรอยความย่ิงใหญใ่ นอดีตของปัตตานีพบเห็นได้ท่เี มืองโบราณ
บ้านจาเละ อาเภอยะรงั จังหวัดปัตตานี
๔. แควน้ ศรีวิชัย (ประมาณพุทธศตวรรษท่ี ๑๒-๑๗)
แคว้นศรีวิชัยเกิดจากการรวมตัวของ เมืองทางตอนใต้
มี อ า ณ า เ ข ต ค ร อ บ ค ลุ ม บ ริ เ ว ณ ท า ง ต อ น ใ ต้ ข อ ง ไ ท ย ไ ป จ น ถึ ง
สุมาตราและชวา ท้ังนี้ เน่ื องจากมีการขุดพบโบราณสถาน
และโบราณวตั ถุในสมัยศรีวิชยั มากมาย
รปู หลอ่ สารดิ พระโพธสิ ัตวอ์ วโลกิเตศวร
๕. แควน้ ตามพรลิงค์ (ประมาณพทุ ธศตวรรษที่ ๑๔-๑๘)
ที่ มี ศู น ย์ ก ล า ง อ ยู่ บ ริ เ ว ณ จ ั ง ห ว ั ด น ค ร ศ รี ธ ร ร ม ร า ช ปั จ จุ บ ั น
แคว้นตามพรลิงค์เป็นแหล่งรวมศิลปวัฒนธรรมของอินเดียและ
ลังกา และเป็นศูนย์กลางการเผยแผ่พระพุทธศาสนานิ กาย
เถรวาท
พระบรมธาตเุ จดยี ์ จังหวดั นครศรธี รรมราช
๖. แคว้นโคตรบรู ณ์ (ประมาณพุทธศตวรรษที่ ๑๑-๑๕)
แคว้นโคตรบูรณ์เกิดจากการรวมตัวของเมืองบริเวณสองฝ่ ัง
แม่น้ าโขงตอนกลาง ศูนย์กลางของแคว้นโคตรบูรณ์เช่ือว่า
ต้ังอยู่ท่ีจังหวัดนครพนมในปัจจุบัน เพราะปรากฏหลักฐานทาง
โบราณคดีท่ีสาคัญ ได้แก่ พระธาตุพนมที่มีอายุเก่าแก่นับพันปี
ซ่งึ เป็นท่เี คารพบูชาของคนสองฝ่ ังแม่น้าโขงจนถึงปัจจบุ ัน
พระธาตพุ นม จังหวดั นครพนม
๗. แคว้นหรภิ ุญชยั (ประมาณพทุ ธศตวรรษท่ี ๑๓-๑๙)
แคว้นหริภุญชัยเป็นแคว้นที่เกิดจากการรวมกลุ่มของเมืองใน
ลุ่ ม น้ า ปิ ง ต อ น บ น โ ด ย มี ศู น ย์ ก ล า ง อ ยู่ บ ริ เ ว ณ ท่ี ต ั้ ง ข อ ง
จังหวัดลาพูนในปัจจุบัน แคว้นหริภุญชัยได้พัฒนากลายเป็น
ศูนย์กลางพระพุทธศาสนา และศิลปะในดินแดนทางตอน เหนื อ
ซ่งึ จะเหน็ ไดจ้ ากวัดท่ีสาคัญ ๆ
พระธาตุหรภิ ญุ ชัย จงั หวัดลาพนู
พ ั ฒ น า ก า ร ท า ง ป ร ะ ว ั ติ ศ า ส ต ร์ ข อ ง แ ค ว้ น โ บ ร า ณ ใ น
ดินแดนไทยที่ยกตัวอย่างมา เป็นการพัฒนาท่ีต่อเน่ืองมาเป็น
เวลานาน ซ่ึงก่อให้เกิดการผสมผสานและเปล่ียนแปลง
จนกลายเป็นพ้นื ฐานวัฒนธรรมไทยในปัจจบุ ัน
๒.๓ การต้ังถ่นิ ฐานและการดาเนินชีวิต
ของคนสมยั สโุ ขทยั
อาณาจักรสุโขทัย ก่อต้ังในปลายพุทธศตวรรษที่ ๑๘
(ประมาณ พ.ศ. ๑๗๙๒) บริเวณตอนเหนือของลุ่มน้ าเจ้าพระยา
โดยพ่อขุนบางกลางหาวได้รับการสถาปนาเป็นพระมหากษัตริย์
พระองค์แรกทรงพระนามว่า พ่อขุนศรีอินทราทิตย์ อาณาจักร
สุโขทยั มีพระมหากษตั รยิ ป์ กครองทง้ั ส้นิ ๙ พระองค์
๒.๓ การตง้ั ถ่ินฐานและการดาเนินชวี ิต
ของคนสมยั สุโขทัย
พระบรมราชานสุ าวรีย์พ่อขนุ รามคาแหงมหาราช
พระมหากษัตรยิ ์องค์สาคญั ในสมัยสุโขทัย
อาชีพหลักของชาวสุโขทัย คือ เกษตรกรรม ซ่ึงจาเป็นต้องใช้น้ า
ในการเพาะปลูก ดังน้ัน เพ่ือให้มีน้ าเพียงพอ ชาวสุโขทัยจึงสร้าง
ทานบกั้นน้า ท่ีเรียกว่า สรีดภงส์ (อ่านว่า สะ-หรีด-พง) นอกจากน้ี
ชาวสุโขทยั ยังรู้จักทาหตั ถกรรม เชน่ เคร่อื งสงั คโลก ท่เี ป็นสินคา้
สาคัญของสโุ ขทยั
เคร่อื งสังคโลกเป็นสินค้าส่งออกทสี่ าคัญในสมัยสโุ ขทยั
สรีดภงส์ ทานบกกั เกบ็ น้าท่แี สดงถึง
ภมู ปิ ัญญาไทยในด้านการจัดระบบชลประทานในสมยั สุโขทยั
๒.๔ การต้ังถ่นิ ฐานและการดาเนินชวี ติ
ของคนสมัยอยธุ ยา
กรุงศรีอยุธยาเป็นอาณาจักรที่มีศูนยก์ ลางอยู่บริเวณลุ่มน้า
เจ้าพระยาตอนล่าง ใน พ.ศ. ๑๘๙๓ สมเด็จพระรามาธิบดีที่ ๑
(พระเจ้าอู่ทอง ) ทรง สถาปนากรุง ศรีอยุธยาเป็ นราชธานี
อาณาจักรน้ีสืบทอดต่อมาเป็นเวลา ๔๑๗ ปี มีพระมหากษัตริย์
ปกครอง ๓๓ พระองค์ ในช่วงเวลาดังกล่าวคนไทยได้สร้างสรรค์
ความเจริญท้ังทางด้านการเมือง การปกครอง เศรษฐกิจ สังคม
และวัฒนธรรม ซ่ึงเป็นพ้นื ฐานวฒั นธรรมไทยในเวลาตอ่ มา
พระบรมราชานสุ าวรยี ์พระเจา้ อู่ทอง ปฐมกษัตรยิ ์
แห่งกรุงศรอี ยุธยา อยู่ทจี่ งั หวัดพระนครศรอี ยุธยา
หลกั ฐานท่ีสาคัญในสมยั อยุธยา เช่น วัดไชยวัฒนาราม ซ่ึง
ได้รับอิทธิพลจากสถาปัตยกรรมเขมร พระราชวังนารายณ์ราช-
นิ เวศน์ ได้รับอิทธิพลจากสถาปัตยกรรมเปอร์เซีย รวมท้ัง
ภาพวาดจิตรกรรมฝาผนัง ซ่ึงนอกจากจะงดงามแล้ว ยังเป็น
หลักฐานให้ทราบถึงความเช่ือและวิถีชีวิตของคนไทยในสมัย
กรงุ ศรีอยธุ ยา
วดั ไชยวฒั นาราม จงั หวดั พระนครศรอี ยุธยา
ไดร้ ับอิทธพิ ลจากสถาปัตยกรรมเขมร
๒.๕ การตั้งถ่ินฐานและการดาเนินชวี ติ ของคนสมยั ธนบรุ ี
หลังจากกรุงศรีอยุธยาล่มสลายลง สมเด็จพระเจ้าตากสิน
มหาราชได้ทรงสถาปนากรุงธนบุรีข้ึนเป็นราชธานี แห่งใหม่เม่ือ
พ.ศ. ๒๓๑๐ กรุงธนบุรีตั้งอยู่บริเวณลุ่มน้ าเจ้าพระยาทางตอนใต้
ของกรงุ ศรีอยุธยาและอยใู่ กล้กบั ทะเลทาให้สามารถติดต่อคา้ ขาย
กบั ต่างชาติไดส้ ะดวก
๒.๕ การตั้งถ่ินฐานและการดาเนินชีวติ ของคนสมัยธนบรุ ี
พระบรมราชานสุ าวรยี ์สมเด็จพระเจา้ ตากสินมหาราชอยทู่ จี่ งั หวัดจันทบรุ ี
๒.๖ การตง้ั ถ่ินฐานและการดาเนินชวี ติ
ของคนสมัยรัตนโกสินทร์
พระบาทสมเด็จพระ พุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช
ทรงสถาปนากรุงเทพมหานครเป็นราชธานี เม่ือ พ.ศ. ๒๓๒๕
ต้ังอยู่บริเวณฝ่ ังตรงข้ามกับกรุงธนบุรี มีภูมิประเทศเป็นท่ีราบลุ่ม
ปากแม่น้ าเจ้าพระยา
พระบรมราชานสุ าวรยี ์พระบาทสมเด็จพระพทุ ธยอดฟา้ -
จฬุ าโลกมหาราชอยทู่ ี่กรงุ เทพมหานคร
วดั พระศรรี ตั นศาสดาราม สร้างข้ึนพร้อมกับการสถาปนา
กรุงรัตนโกสินทร์เป็นราชธานี
พัฒนาการทางประวัติศาสตร์ของชนชาติไทย บรรพบุรุษ
ไทยได้สร้างบ้านเมืองจนมีความเจริญด้วยความยากลาบาก
พากเพียร และมีภูมิปัญญาที่สร้างสรรค์ข้ึนและสืบทอดต่อกันมา
จ น ถึ ง ปั จ จุ บ ั น ค น ไ ท ย จึ ง ไ ด้ ช่ื อ ว่ า เ ป็ น ค น มี ว ั ฒ น ธ ร ร ม
ซ่ึงมีลักษณะเฉพาะตน คือ คนไทยเป็นคนมีน้ าใจ รู้จักประสาน
ผลประโยชน์ ไม่เป็นคนเห็นแก่ตัว และมีขันติธรรมในการอยู่
ร่วมกันกับผู้อ่ืน อีกทั้งยังมีความจงรักภักดีต่อพระมหากษัตริย์
ซ่ึงเป็นสถาบันท่อี ยู่คู่กบั ชาตไิ ทยมาต้งั แต่อดีตจนถงึ ปัจจบุ ัน
จัดทำ E- book
โดย
นำงสำวอุดมลักษณ์ ลำเลิศ
เนือหำจำก สถำบนั พฒั นำคุณภำพวชิ ำกำร (พว.)