พระพุทธศาสนา ชน้ั ประถมศึกษาปที ่ี ๖
พระพุทธศาสนา ชน้ั ประถมศึกษาปที ่ี ๖
๒. พทุ ธประวตั ิ
พระพุทธศาสนา ชนั้ ประถมศึกษาปีที่ ๖
๒.๑ สรปุ พทุ ธประวตั ิ เจ้าชายสทิ ธัตถะประสูตใิ ตต้ ้นสาละ
พ ร ะ พุ ท ธ เ จ้ า มี พ ร ะ น า ม เ ดิ ม ว่ า
เจ้าชายสิทธัตถะเป็นพระราชโอรสของ
พระเจ้าสุทโธทนะ และพระนางสิริมหา-
มายา ประสูติ ณ ลุมพินีวัน เม่ือวันเพ็ญ
ข้ึน ๑๕ ค่ํา เดือน ๖ เม่ือเจริญวัยได้ทรง
ศึกษาเล่าเรียนจนสําเร็จศาสตร์ต่าง ๆ
และได้อภิเษกสมรสกับพระนางยโสธรา
(พิมพา) เม่ือพระชนมายุ ๑๖ พรรษา
มีพระโอรสพระนามวา่ ราหุล
พระพุทธศาสนา ชน้ั ประถมศึกษาปที ่ี ๖
๒.๑ สรปุ พทุ ธประวัติ
เจา้ ชายสิทธัตถะทอดพระเนตรเหน็ เทวทูต ๔ ว ั น ห น่ึ ง พ ร ะ อ ง ค์ เ ส ด็ จ ป ร ะ พ า ส
อุ ท ย า น แ ล ะ ไ ด้ ท อ ด พ ร ะ เ น ต ร เ ห็ น
เทวทูต ๔ คือ คนแก่ คนเจ็บ คนตาย
ทรงเกิดความสลดพระทัย และคิดว่า
ชีวิตคงหนีไม่พ้นสภาพเช่นน้ี จึงคิดวิธีท่ี
จะทําให้รอดพ้นจากความทุกข์ ต่อมา
พ ร ะ อ ง ค์ ไ ด้ ท อ ด พ ร ะ เ น ต ร เ ห็ น ส ม ณ ะ
(อ่านว่า สะ-มะ-นะ) ทําให้ทรงเกิดความ
เ ล่ื อ ม ใ ส ส น พ ร ะ ท ั ย ใ น ก า ร เ ส ด็ จ
ออกผนวช
พระพุทธศาสนา ชนั้ ประถมศึกษาปีท่ี ๖
๒.๑ สรุปพทุ ธประวตั ิ
พระองค์เสด็จออกผนวชเม่ือพระชนมายุ ๒๙ พรรษา ได้บําเพ็ญทุกรกิริยา
ด้วยการทรมานร่างกายและอดอาหารเป็นเวลา ๖ ปี แต่ไม่สามารถพ้นทุกข์ได้
จึงเปล่ียนวิธีมาบําเพ็ญเพียรทางจิตจนตรัสรู้อริยสัจ ๔ ในวันเพ็ญข้ึน ๑๕ ค่ํา
เดือน ๖ และได้ประกาศพระพุทธศาสนาจนสถิตมั่นคงในดินแดนชมพูทวีป
เป็นเวลา ๔๕ พรรษา และเสด็จดับขนั ธปรนิ ิพพานเม่ือพระชนมายุ ๘๐ พรรษา
พระพุทธศาสนา ชนั้ ประถมศึกษาปีท่ี ๖
๒.๒ ปลงอายสุ งั ขาร
ก่อนเสด็จดับขันธปรินิพพาน พระพุทธเจ้าประทับอยู่ท่ีเวฬุวคามแขวง
เมืองไพศาลี ในช่วงระหว่างเข้าพรรษาทรงพระประชวร พระอานนท์เข้าเฝา้ กราบทูล
ถึงพระอาการประชวรของพระพุทธองค์อยู่ตลอดเวลา พระองค์ทรงพิจารณาสังขาร
ของพระองค์และตรัสบอกพระอานนท์ว่า “ภิกษุยังจะมาหวังอะไรในพระองค์
อีกธรรมทุกอย่างพระองค์ก็แสดงเปิดเผยไม่มีข้อล้ีลับ หรือจะเก็บไว้เพ่ือภิกษุบาง
พวกก็ไม่มี ความอาลัยในภิกษุก็ไม่มี เดี๋ยวนี้อายุตถาคต ๘๐ ปีแล้ว เหมือนเกวียน
เก่าที่ชํารุด เขาดามไว้ด้วยไม้ไผ่ ล่วงเข้าสู่วัยชรา อาศัยสมาธิภาวนาก็พอพยุงไปได้
เธอจงอาศยั ตนเป็นท่ีพ่งึ แหง่ ตนเถดิ ”
พระพุทธศาสนา ชนั้ ประถมศึกษาปที ่ี ๖
๒.๒ ปลงอายุสงั ขาร
จนกระท่ังวันข้ึน ๑๕ ค่ํา เดือน ๓ หรือในวันมาฆบูชา ในพรรษาท่ี ๔๕
หลังจากที่ทรงหายจากพระประชวร พญามารได้เข้าเฝา้ ทูลอาราธนาให้ปรินิพพาน
พระองค์ทรงรับและตรัสวา่ “ตอ่ จากน้ีอกี ๓ เดือน ตถาคตจะปรนิ ิพพาน”
เม่ือพญามารไปแล้ว พระองค์ทรงปลงอายุสังขารจึงเกิดแผ่นดินไหว
พระอานนท์เกิดความสงสัยจึงเข้าไปทูลถาม พระองค์ตรัสตอบเหตุท่ีแผ่นดินไหว
ว่า “บัดน้ีตถาคตปลงอายุสงั ขารอกี ๓ เดอื นจะปรนิ ิพพานแผ่นดนิ จงึ ได้ไหว”
พระพุทธศาสนา ชน้ั ประถมศึกษาปที ่ี ๖
๒.๒ ปลงอายุสงั ขาร
พระอานนท์จึงกราบทูลอาราธนา
ขอให้พระองค์มีพระชนมายุสืบต่อไปอีก
พ ร ะ พุ ท ธ อ ง ค์ ท ร ง ห้ า ม แ ล ะ ต ร ั ส ย้ํ า แ ก่
พระอานนท์ว่าต่อจากนี้ ไปอีก ๓ เดือน
เราจะปรินิพพาน
พระพทุ ธเจา้ ทรงตรัสแกพ่ ระอานนทว์ า่
อกี ๓ เดอื นข้างหนา้ จะปรินิพพาน
พระพุทธศาสนา ชน้ั ประถมศึกษาปีที่ ๖
๒.๓ ปัจฉิมสาวก
สุภัททปริพาชก เม่ือทราบข่าวว่าพระพุทธเจ้าจะปรินิพพานจึงได้ไปพบ
พระอานนท์เพ่ือขอโอกาสเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้า เพ่ือทูลถามปัญหาบางประการ
แตพ่ ระอานนทท์ ดั ทานถึง ๓ คร้ัง พระพุทธเจ้าทรงได้ยนิ จึงตรัสแก่พระอานนท์ให้
สุภัททปริพาชกเข้าเฝ้า เม่ือได้ฟังธรรมจากพระพุทธเจ้า จึงเกิดความเล่ือมใส
ทลู ขออปุ สมบท โดยเหตนุ ้ีสุภัททปริพาชกจึงเป็นปัจฉิมสาวก คือ สาวกองค์สุดท้าย
ที่ได้รับการอุปสมบทจากพระพุทธเจ้า และบําเพ็ญสมณธรรมจนได้บรรลุเป็น
พระอรหนั ต์ในท่ีสุด
พระพุทธศาสนา ชนั้ ประถมศึกษาปที ่ี ๖
๒.๓ ปัจฉิมสาวก
พระพุทธศาสนา ชนั้ ประถมศึกษาปีที่ ๖
๒.๔ ปรนิ ิพพาน
เม่ือพระพทุ ธเจา้ ทรงสถาปนาพระพุทธศาสนาจนมั่นคงดแี ล้ว พุทธบริษัทก็
มีความรู้ที่จะสืบทอดพระพุทธศาสนาให้ยืนยาวมั่นคงต่อไปได้ พระพุทธเจ้าจึง
เสด็จดับขันธปรินิพพาน ณ สาลวโนทยาน ของเจ้ามัลลกษัตริยเ์ มืองกุสินารา เม่ือ
วนั เพญ็ ข้นึ ๑๕ ค่าํ เดือน ๖ ก่อนพุทธศักราช ๑ ปี ในขณะท่ีพระชนมายุ ๘๐ พรรษา
ก่อนเสด็จดับขันธปรินิพพานได้ตรัสโอวาทคร้ังสุดท้าย(ปัจฉิมโอวาท) แก่เหล่า
ภิกษุว่า “ภิกษุทั้งหลาย บัดนี้ เราขอเตือนเธอท้ังหลายว่าสังขารท้ังหลายมีความ
เส่ือมส้ินไปเป็นธรรมดา เธอทั้งหลายจงบําเพ็ญประโยชน์แก่ตนและผู้อ่ืนให้
บรบิ ูรณ์ โดยความไมป่ ระมาทเถดิ ”
พระพุทธศาสนา ชนั้ ประถมศึกษาปีที่ ๖
๒.๔ ปรินิพพาน
พระพุทธเจ้าเสด็จดับขนั ธปรินิพพานใตต้ น้ สาละ
พระพุทธศาสนา ชน้ั ประถมศึกษาปีท่ี ๖
๒.๕ การถวายพระเพลิง
หลงั จากพระพุทธเจา้ เสด็จดับขันธปรินิพพานแล้ว เจ้ามัลลกษัตริย์และเหล่า
พุทธบริษัททั้งหลาย เม่ือได้ทราบข่าวต่างก็ถือดอกไม้ของหอมนานาชนิดพากัน
มาบูชาพระพุทธสรีระอยู่ตลอด ๗ วัน วันที่ ๘ จึงมีพิธีถวายพระเพลิงในวันแรม ๘ ค่ํา
เดือน ๖ (วันอัฐมีบูชา) จากน้ันได้อัญเชิญพระพุทธ สรีระแห่ขบวนไปทาง
ทิศเหนือของเมืองถึงมกุฏพันธนเจดีย์ เม่ือพระมหากัสสปะพร้อมพระสงฆ์บริวาร
ได้ถวายบังคมพระพุทธสรีระแล้ว เพลิงทิพย์ก็เกิดข้ึนด้วยอานุภาพของเทวดา
เพลิงไดล้ ุกพวยพ่งุ เผาพระพุทธสรรี ะจนมอดไหม้เหลือไวแ้ ต่พระบรมสารีริกธาตุ
พระพุทธศาสนา ชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ ๖
๒.๕ การถวายพระเพลงิ
พิธีถวายพระเพลงิ พระพุทธสรรี ะ
พระพุทธศาสนา ชน้ั ประถมศึกษาปที ่ี ๖
๒.๖ การแบ่งพระบรมสารรี กิ ธาตุ
หลังจากท่ีถวายพระเพลิงพระพุทธสรีระแล้ว เจ้ามัลลกษัตริย์ผู้ครองเมือง
กุสินารา ได้เก็บพระบรมสารีริกธาตุและจัดให้มีการสมโภชบูชาอย่างย่ิงใหญ่
ตลอด ๗ วนั
พธิ ีแจกพระบรมสารีรกิ ธาตุ
พระพุทธศาสนา ชน้ั ประถมศึกษาปีท่ี ๖
๒.๖ การแบง่ พระบรมสารรี กิ ธาตุ
กษัตริย์จากแคว้นต่าง ๆ ๗ พระนคร ได้แต่งราชทูตและกองทัพมาขอแบ่ง
พระบรมสารีริกธาตุจากเจ้ามัลลกษัตริย์ เพ่ือนํามาบรรจุบูชาไว้ที่พระนครของตน แต่
เจ้าผู้ครองเมืองกุสินาราไม่ยอมให้ กองทัพท้ัง ๗ พระนครจึงประชิดติดเมืองกุสินารา
เพ่ือแย่งชิงพระบรมสารีริกธาตุ แต่ก่อนที่จะเกิดสงคราม“โทณพราหมณ์” ผู้เป็น
บั ณ ฑิ ต แ ล ะอ า จ า ร ย์ ข อ ง เ ห ล่ า กษ ั ตริ ย์ท ั้ ง ห ล า ยไ ด้ เ จ ร จ า ข อ ใ ห้ มีค ว า มสา มั ค คี กั น
และทาํ การแบ่งพระบรมสารรี ิกธาตใุ ห้ทุกพระองค์อัญเชิญไปสกั การะโดยทวั่ ถงึ กนั
ภายหลังกษัตริย์แห่งโมริยนครได้ทราบข่าว จึงได้ส่งทูตมาขอแบ่งพระบรม-
สารีริกธาตุ แต่แบ่งกันไปหมดแล้วเหลือเพียงพระอังคาร (เถ้า) ทูตโมริยนครจึงได้
อญั เชิญพระองั คารกลบั ไปสร้างสถูปบรรจไุ วเ้ พ่ือสกั การบูชายังพระนครของตน
พระพุทธศาสนา ชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ ๖
๒.๗ สงั เวชนียสถาน ๔ ตาํ บล
สงั เวชนียสถาน ๔ หมายถึง สถานทท่ี เ่ี กย่ี วข้องกับพระพทุ ธเจ้า ๔ แหง่ ได้แก่
๑. สถานท่ีประสูติ พระพุทธเจ้าประสูติใน
วันเพ็ญข้ึน ๑๕ ค่ํา เดือน ๖ ที่ใต้ร่มไม้รังหรือต้นสาละ
อ ยู่ ร ะ ห ว่ า ง เ มื อ ง ก บิ ล พ ั ส ด์ุ แ ล ะ ช า น เ มื อ ง เ ท ว ท ห ะ
มีเสาหินท่ีสร้างข้ึนในสมัยพระเจ้าอโศกมหาราช
เป็นสัญ ลักษณ์ ปั จจุบันสังเ วชนี ยสถานแห่ง นี้
อยใู่ นประเทศเนปาล มีช่ือเรยี กว่า รุมมนิ เด
ลุมพินีวนั เป็นสถานท่ปี ระสตู ิของ
พระพุทธเจา้
พระพุทธศาสนา ชน้ั ประถมศึกษาปที ่ี ๖
๒.๗ สงั เวชนียสถาน ๔ ตาํ บล
๒. สถานท่ีตรัสรู้ พระพุทธเจ้าตรัสรู้เป็น
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าในวันเพ็ญข้ึน ๑๕ ค่ํา เดือน ๖
ก่อนพุทธศักราช ๔๕ ปี ณ ใต้ต้นพระศรีมหาโพธ์ิ
ริมฝ่ ังแม่น้ํ าเนรัญชรา ปัจจุบันอยู่ด้านตะวันตกของ
จ ั ง ห ว ั ด พุ ท ธ ค ย า ร ั ฐ พิ ห า ร ป ร ะ เ ท ศ อิ น เ ดี ย
เจดีย์ พุทธค ยาสร้ างข้ึนในสมัยพร ะเจ้า หุวิชกะ
เม่อื พ.ศ. ๖๔๗ เป็นสญั ลกั ษณ์
พระพุทธศาสนา ชน้ั ประถมศึกษาปที ่ี ๖
๒.๗ สังเวชนียสถาน ๔ ตําบล
๓ . ส ถ า น ที่ ท ร ง แ ส ด ง ป ฐ ม เ ท ศ น า
พระพุทธเ จ้า ทรง แสดงปฐมเทศนา คร ้ัง แร ก
แก่ปัญจวัคคีย์ทั้ง ๕ ในวันเพ็ญข้ึน ๑๕ ค่ํา เดือน ๘
ธรรมที่ทรงแสดงเรียกว่า ธัมมจักกัปปวัตนสูตร
ปัจจุบันสถานที่ดังกล่าวมีพระสถูปที่สร้างข้ึนโดย
พระเจ้าอโศกมหาราชเรียกว่า ธัมเมกขสถูปตั้งอยู่
ทอี่ ิสิปตนมฤคทายวนั ท่ีสารนาถใกล้เมอื งพาราณสี
รัฐพหิ าร ประเทศอนิ เดีย
พระพุทธศาสนา ชน้ั ประถมศึกษาปีที่ ๖
๒.๗ สังเวชนียสถาน ๔ ตําบล
๔. สถานที่ปรินิพพาน พระพุทธเจ้าเสด็จ
ดับขันธปรินิพพาน ในวันเพ็ญข้ึน ๑๕ ค่ํา เดือน ๖
ใ ต้ ต้ น ส า ล ะ ณ ส า ล ว โ น ท ย า น เ มื อ ง กุ สิ น า ร า
รัฐอุตตรประเทศ ประเทศอนิ เดยี
พระพุทธศาสนา ชน้ั ประถมศึกษาปที ี่ ๖
๒.๗ สงั เวชนียสถาน ๔ ตําบล
สังเวช นี ยสถานทั้ง ๔ แห่งน้ี เป็ นสถานท่ีสํา คัญทางพร ะพุทธศาสนา
พุทธศาสนิ กชนควรไปเคารพสักการะ เพ่ือรําลึกถึงพระมหากรุณาคุณของ
พระพุทธองค์ รฐั บาลไทยเหน็ ความสําคญั ของสงั เวชนียสถานท้งั ๔ จึงไดจ้ าํ ลองสถานที่
ดงั กลา่ วไวท้ ่ีบรเิ วณพุทธมณฑล จงั หวดั นครปฐม
พระพุทธศาสนา ชน้ั ประถมศึกษาปที ่ี ๖
จัดทำ E- book
โดย
นำงสำวอดุ มลักษณ์ ลำเลศิ
เนือหำจำก สถำบนั พฒั นำคุณภำพวชิ ำกำร (พว.)
พระพุทธศาสนา ชน้ั ประถมศึกษาปีท่ี ๖