พระพุทธศาสนา ป.3 หน่วยที่ 7

พระพุทธศาสนา ชน้ั ประถมศึกษาปที ่ี ๓

พระพุทธศาสนา ชน้ั ประถมศึกษาปที ่ี ๓

ศาสนาตา่ ง ๆ ในประเทศไทย
ประเทศไทยเป็นประเทศท่ีให้เสรีภาพแก่ประชาชนในการนับถือศาสนา

และไม่มีการแบ่งแยกเช้ือชาติและศาสนากัน ส่งผลให้คนไทยทุกคนอยู่ร่วมกันใน
สังคมอย่างมีความสุข ศาสนาแต่ละศาสนามีองค์ประกอบของศาสนาเหมือนกัน
เช่น มศี าสดาผกู้ ่อตั้ง มีคัมภีรท์ บ่ี รรจหุ ลักธรรมคาสอน มีศาสนสถานและศาสนบุคคล

พระพุทธศาสนา ชน้ั ประถมศึกษาปที ่ี ๓

๑. ประวัตศิ าสดาของศาสนาตา่ ง ๆ

พระพุทธศาสนา ชน้ั ประถมศึกษาปที ่ี ๓

๑.๑ พระพุทธศาสนา

ศ า ส ด า ข อ ง พ ร ะ พุ ท ธ ศ า ส น า คื อ พ ร ะ พุ ท ธ เ จ้ า มี พ ร ะ น า ม เ ดิ ม ว่ า
เจา้ ชายสิทธตั ถะ พระเจา้ สุทโธทนะไม่ต้องการให้เจ้าชายสิทธัตถะเสด็จออกผนวชตาม
คาทานายของพราหมณ์ พระองค์จึงทรงสร้างปราสาท ๓ ฤดู ให้แก่เจ้าชาย
เพ่ือเป็นทปี่ ระทบั ในฤดูร้อน ฤดูฝน และฤดูหนาว

พระพุทธศาสนา ชน้ั ประถมศึกษาปที ่ี ๓

๑.๑ พระพทุ ธศาสนา พระพทุ ธเจ้าตรสั รู้
ในวันเพญ็ ข้ึน ๑๕ ค่า เดือน ๖
แต่เจา้ ชายสทิ ธัตถะทรงเกิดความเบ่ือ
ห น่ า ย ใ น ค ว า ม สุ ข ท่ี พ ร ะ อ ง ค์ ท ร ง ไ ด้ ร ั บ พระพุทธศาสนา ชน้ั ประถมศึกษาปที ่ี ๓
ว ั น ห น่ึ ง ข ณ ะ เ ส ด็ จ ป ร ะ พ า ส น อ ก เ มื อ ง
ไ ด้ ท อ ด พ ร ะ เ น ต ร เ ห็ น เ ท ว ทู ต ท ั้ ง ๔ คื อ
คนแก่ คนเจ็บ คนตาย และนักบวช ต่อมาทรง
ตัดสินพระทัยเสด็จออกผนวช เพ่ือแสวงหา
ห น ท า ง แ ห่ ง ก า ร ห ลุ ด พ้ น จ า ก ค ว า ม ทุ ก ข์
ใ น ท่ี สุ ด พ ร ะ อ ง ค์ ท ร ง ต ร ั ส รู้ เ ป็ น
พระสัมมาสัมพุทธเจ้า โดยการตรัสรู้อริยสัจ ๔
ห รื อ ค ว า ม จ ริ ง อ ั น ป ร ะ เ ส ริ ฐ ๔ ป ร ะ ก า ร
คือ ทุกข์ สมทุ ัย นิโรธ มรรค

๑.๑ พระพุทธศาสนา

หลงั จากตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว

พระองค์ทรงดาริที่จะเผยแผ่หลักธรรมที่ทรงค้นพบ

จึงเสด็จไปแสดงธรรมโปรดปัญจวัคคีย์ หลังจาก

ฟังธรรมแล้ว โกณฑัญญะ (อ่านว่า โกน-ทัน-ยะ)

ไ ด้ ด ว ง ต า เ ห็ น ธ ร ร ม แ ล ะ ทู ล ข อ อุ ป ส ม บ ท เ ป็ น

พระภิกษรุ ูปแรกในพระพุทธศาสนา และ ไดน้ ามใหม่ พระพุทธเจ้าเสด็จดับขนั ธปรินิพพาน
ว่า อัญญาโกณฑัญญะ ต่อมาปัญจวัคคีย์อีก ๔ ท่าน

คอื วปั ปะ ภัททยิ ะ มหานามะ และอัสสชิ ได้บรรลุธรรมและทูลขออุปสมบท หลังจากน้ัน

พระพุทธเจ้าทรงแสดงธรรมเร่ืองอนัตตลักขณสูตร (อ่านว่า อะ-นัด-ตะ-ลัก-ขะ-นะ-สูด)

ทาให้พระสงฆ์ทั้งหมดสาเร็จเป็นพระอรหันต์ และเป็นกาลังสาคัญในการเผยแผ่

พระพทุ ธศาสนาต่อไป

พระพุทธศาสนา ชน้ั ประถมศึกษาปที ี่ ๓

๑.๑ พระพุทธศาสนา

พระพุทธเจ้าเสด็จดบั ขนั ธปรนิ ิพพาน
พระพุทธเจ้าทรงแสดงธรรมเผยแผ่พระพุทธศาสนาเป็นเวลา ๔๕ ปี
จึงเสดจ็ ดบั ขนั ธปรินิพพาน ในวันข้นึ ๑๕ ค่า เดอื น ๖ เม่อื พระชนมายไุ ด้ ๘๐ พรรษา

พระพุทธศาสนา ชน้ั ประถมศึกษาปที ี่ ๓

๑.๒ ศาสนาอสิ ลาม

ศาสดาของศาสนาอิสลาม คือ มุฮัมมัด เป็นชาวอาหรับ เกิดที่นครมักกะฮ์
ประเทศซาอดุ อี าระเบีย เม่ือ ค.ศ. ๕๗๐

นครมกั กะฮ์ ประเทศซาอดุ ีอาระเบยี ท่ า น มุ ฮ ั ม ม ั ด เ ป็ น ผู้ ที่ ส น ใ จ ใ น ท า ง
ศ า ส น า ท่ า น ม ั ก จ ะ ไ ป ห า ค ว า ม ส ง บ
และบาเพ็ญสมาธิที่ถ้าแห่งหน่ึงบนภูเขานูร์
วันหน่ึงขณะที่ท่านข้ึนไปบนภูเขาท่านได้พบ
กับกาเบรยี ล ทูตของพระเจ้า ซ่ึงมาปรากฏตัว
แ ล ะ บ อ ก ว่ า ท่ า น มุ ฮ ั ม ม ั ด ไ ด้ ร ั บ เ ลื อ ก
จากอลั ลอฮ์ให้เป็นศาสดา

พระพุทธศาสนา ชนั้ ประถมศึกษาปีท่ี ๓

๑.๒ ศาสนาอสิ ลาม

การเผยแผ่ศาสนาอิสลามในช่วงแรกเป็นไปอย่างลับ ๆ เพราะหลักคาสอน
ของศาสนาค้านกับความเช่ือถือของชาวอาหรับ และเป็นการขัดผลประโยชน์
ที่พวกอาหรับในนครมักกะฮ์จะต้องสูญเสียไป การดาเนิ นชีวิตของผู้ท่ีนับถือ
ศาสนาอิสลามจึงต้องเป็นไปอย่างระมัดระวัง จนกระทั่งท่านมุฮัมมัดได้ประกาศ
หลักเอกภาพของอัลลอฮ์ ส่งผลให้เกิดความรุนแรงข้ึนจนกลายเป็นสงคราม
ท่านมุฮัมมัดจึงต้องหนี ออกจากนครมักกะฮ์ไปยังเมืองเมดีนา เม่ือ ค.ศ. ๖๒๒
ซ่ึงถือเป็นการเร่ิมต้นของฮิจเราะห์ศักราช ท่านมุฮัมมัดเผยแผ่ศาสนาอิสลามเป็นเวลา
๒๓ ปี จนมีผนู้ บั ถือเป็นจานวนมาก ทา่ นส้ินชีวติ ลงเม่ืออายไุ ด้ ๖๓ ปี

พระพุทธศาสนา ชนั้ ประถมศึกษาปีที่ ๓

๑.๓ ศาสนาครสิ ต์

ศาสนาคริสต์กาเนิดที่ประเทศอิสราเอล
ศ า ส ด า ข อ ง ศ า ส น า ค ริ ส ต์ คื อ พ ร ะ เ ย ซู
เป็นชาวยิว เกิดเม่ือ ค.ศ. ๑ มารดาช่ือ มาเรีย
บิดาช่ือ โจเซฟ ชาวคริสต์เช่ือว่ามาเรีย มารดา
ของพระเยซตู ้งั ครรภ์โดยอานภุ าพของพระเจ้า

ชาวคริสต์เช่ือว่าพระเยซูเป็นบุตร
ของพระเจา้ หรอื พระยะโฮวา

พระพุทธศาสนา ชน้ั ประถมศึกษาปที ่ี ๓

๑.๓ ศาสนาคริสต์

โจเซฟทราบว่ามาเรียมีครรภ์ก่อนท่ีจะแต่งงาน แต่ก็มิได้แพร่งพรายออกไปและคิดจะ
ให้มาเรียหลบหนีไป แต่มีทูตองค์หน่ึงปรากฏตัวข้ึนในความฝันของโจเซฟแล้วบอกว่า
ไ ม่ ใ ห้ โ จ เ ซ ฟ วิ ต ก ที่ จ ะ ร ั บ ม า เ รี ย เ ป็ น ภ ร ร ย า เ พ ร า ะ บุ ต ร
ทจ่ี ะมาเกดิ นัน้ เป็นอานภุ าพของพระเจ้าและเป็นบตุ รชาย ใหเ้ รียกนามทา่ นวา่ เยซู

พระพุทธศาสนา ชนั้ ประถมศึกษาปที ่ี ๓

๑.๓ ศาสนาครสิ ต์ พระเยซูถกู ตรงึ ไมก้ างเขน

พระเยซูเป็นผู้ท่ีมีความเฉลียวฉลาดและ พระพุทธศาสนา ชนั้ ประถมศึกษาปที ่ี ๓
มี ค ว า ม ส น ใ จ ใ น เ ร่ื อ ง ข อ ง ศ า ส น า เ ม่ื อ อ า ยุ ไ ด้
๓๐ ปี ท่านได้รับศีลล้างบาป หลังจากน้ันจึง
ประกาศศาสนาคริสต พ์ ระเยซูเผยแผ่ศาสนา
ได้ ๓ ปี มีผู้นับถือศาสนาคริสต์เป็นจานวนมาก
จนเกิดผลกระทบต่อศาสนาเดิม ทาให้กลุ่มผู้นา
ทางศาสนาไม่พอใจและคิดกาจัดพระเยซู โดย
กล่าวหาว่าเป็นกบฏ จนในท่ีสุดพระเยซูถูกจับ
และถูกประหารชีวิต โดยการตรึงร่างกายไว้
บนไม้กางเขน รวมอายไุ ด้ ๓๓ ปี

๑.๔ ศาสนาพราหมณ์ - ฮินดู

ศาสนาพราหมณ์ - ฮินดูเป็นศาสนาท่ีเก่าแก่ท่ีสุดในโลก ในยุคแรก เรียกว่า
ศาสนาพราหมณ์ ต่อมาได้มีการปรับปรุงฟ้ ื นฟู ใหม่และเรียกว่า ศาสนาฮินดู
ศาสนาพราหมณ์ - ฮินดูเกิดข้ึนที่ประเทศอินเดีย เป็นศาสนาที่ชาวอินเดีย
สว่ นใหญ่นบั ถือ ศาสนาพราหมณ์ - ฮนิ ดไู มม่ ีศาสดาแตจ่ ะนบั ถอื เทพเจ้า ๓ องค์ ไดแ้ ก่

พระพุทธศาสนา ชน้ั ประถมศึกษาปที ่ี ๓

๑.๔ ศาสนาพราหมณ์ - ฮนิ ดู

ในประเทศไทยศาสนาพราหมณ์-ฮินดู ได้เข้ามาผสมผสานกับคาสอนของ
พระพุทธศาสนา นอกจากนี้ในงานพระราชพิธีต่าง ๆ ได้มีการประกอบพิธีกรรมตาม
หลักศาสนาพราหมณ์-ฮินดู โดยมีพราหมณ์เป็นผู้มีบทบาทสาคัญในการประกอบ
พิธีกรรมเพ่อื บูชาเทพเจ้า

พระพุทธศาสนา ชน้ั ประถมศึกษาปีท่ี ๓

๑.๕ ศาสนาสกิ ข์

ศาสนาสิกข์ เกิดข้ึนที่ประเทศอินเดีย เป็นศาสนาที่ก่อตั้งข้ึนโดยมีจุดมุ่งหมาย
เพ่อื ให้ชาวอนิ เดียทีน่ ับถือศาสนาพราหมณ-์ ฮนิ ดู และศาสนาอิสลามมีความสามัคคีกัน
ศ า ส ด า ข อ ง ศ า ส น า สิ ก ข์ มี ห ล า ย อ ง ค์ อ ง ค์ แ ร ก น ั บ ว่ า มี ค ว า ม ส า ค ั ญ ท่ี สุ ด
ช่ื อ คุ รุ น า น ั ก ศ า ส น า สิ ก ข์ เ ป็ น ศ า ส น า ที่ ต ั้ ง อ ยู่ บ น พ้ื น ฐ า น แ ห่ ง ค ว า ม จ ริ ง
เนน้ ความเรยี บง่าย สอนให้ทุกคนยดึ ม่ันและศรัทธาในพระเจ้าพระองคเ์ ดียว

ศาสดาองค์สุดท้ายของศาสนาสิกข์ คือ คุรุโควินท์สิงห์ หลังจากนั้น
ได้มีการสถาปนา คัมภีร์ครันถสาหิพเป็นศาสดา ซ่ึงถือว่าเป็นการส้ินสุดการสืบทอด
ศาสนาโดยศาสดาในร่างของมนษุ ย์

พระพุทธศาสนา ชนั้ ประถมศึกษาปีที่ ๓

๒. คมั ภีร์ของศาสนาต่าง ๆ

คัมภีร์ คือ หนังสือหรือตาราที่รวบรวมหลักธรรมคาสอนของศาสนา
ไวเ้ ป็นลายลกั ษณอ์ กั ษร เพ่อื ให้ศาสนิกชนไดศ้ กึ ษาเพ่อื นาไปปฏบิ ัตใิ นชีวิตประจาวนั

พระพุทธศาสนา ชน้ั ประถมศึกษาปที ่ี ๓

๒. คัมภีร์ของศาสนาตา่ ง ๆ

คมั ภรี ข์ องพระพทุ ธศาสนา เรียกวา่ คัมภีร์ของศาสนาอิสลาม
พระไตรปิฎก ซ่ึงรวบรวมคาสอน เรียกวา่ คัมภรี ์อัลกุรอาน
ของพระพทุ ธเจ้าไว้เป็น ๓ หมวด
พระพุทธศาสนา ชน้ั ประถมศึกษาปที ่ี ๓

๒. คัมภรี ข์ องศาสนาต่าง ๆ

คัมภรี ข์ องศาสนาคริสต์ คัมภีรข์ องศาสนาพราหมณ-์ ฮนิ ดู
เรยี กว่า คมั ภีร์ไบเบลิ เรียกว่า คมั ภีร์พระเวท

พระพุทธศาสนา ชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ ๓

๒. คมั ภรี ข์ องศาสนาต่าง ๆ

คัมภรี ข์ องศาสนาสกิ ข์ เรยี กว่า คัมภรี ์ครนั ถสาหิพ

พระพุทธศาสนา ชน้ั ประถมศึกษาปที ่ี ๓

๓. หลักธรรมคาสอนของศาสนาต่าง ๆ

หลักธรรมคาสอน คือ คาสอนของศาสดาทุกศาสนาที่สอนให้ ศาสนิกชน
ปฏิบัติตนเป็นคนดี และเป็นแนวทางในการดาเนินชวี ติ ของศาสนิกชน

พระพุทธศาสนา ชน้ั ประถมศึกษาปที ่ี ๓

๓.๑ พระพุทธศาสนา

หลักธรรมที่เป็นหัวใจสาคัญของพระพุทธศาสนา คือ โอวาท ๓ ได้แก่
การไมท่ าความช่ัว การทาความดี และการทาจติ ใจให้ผ่องใสบริสทุ ธ์ิ

การลกั ขโมยเป็นการทาความช่ัว
๑) การไม่ทาความช่ัว คือ การไม่ทาส่ิงต่าง ๆ ที่ไม่ดีหรือส่ิงที่เลวร้ายต่อตนเอง
และผู้อ่นื หลักธรรมท่ีเกย่ี วกบั การไม่ทาความชวั่ ได้แก่ เบญจศีล หรือศลี ๕

พระพุทธศาสนา ชน้ั ประถมศึกษาปที ี่ ๓

๓.๑ พระพุทธศาสนา

๒) การทาความดี คือการทาส่ิงที่ดีก่อให้เกิดประโยชน์แก่ตนเองและผู้อ่ืน
ห ล ั ก ธ ร ร ม ที่ เ กี่ ย ว ก ั บ ก า ร ท า ค ว า ม ดี มี ห ล า ย ห ล ั ก ธ ร ร ม ไ ด้ แ ก่ เ บ ญ จ ธ ร ร ม
สติ-สมั ปชญั ญะ สงั คหวัตถุ ๔ ฆราวาสธรรม ๔ อตั ถะ ๓ และ มงคล ๓๘

ความมเี มตตาต่อผ้อู ่นื ตามหลักเบญจธรรม

พระพุทธศาสนา ชน้ั ประถมศึกษาปที ่ี ๓

๓.๑ พระพุทธศาสนา

๓) การทาจิตใจให้ผ่องใสบริสุทธ์ิ คือ การทาจิตใจให้ผ่องใสเบิกบาน
ไม่คิดร้ายต่อผู้อ่ืน การทาจิตใจให้สงบสามารถปฏิบัติได้โดยการนั่งสมาธิ สวดมนต์
ไหวพ้ ระ

การน่งั สมาธเิ พ่อื ให้จิตใจสงบ

พระพุทธศาสนา ชน้ั ประถมศึกษาปีท่ี ๓

๓.๒ ศาสนาอสิ ลาม

ศาสนาอิสล ามมีหลักค าสอนท่ีชาว มุสลิมจะต้องนา ไปปฏิบัติสาระสาคัญ
ของคาสอนในศาสนาอิสลาม ได้แก่ หลกั ศรทั ธา ๖ ประการ และหลักปฏิบัติ ๕ ประการ ดงั นี้

พระพุทธศาสนา ชนั้ ประถมศึกษาปที ่ี ๓

๓.๒ ศาสนาอิสลาม

หลกั ศรัทธา ๖ ประการ
๑. ศรัทธาต่ออัลลอฮ์ เป็นหลกั สาคญั ทสี่ ดุ ในศรัทธาทัง้ หมด
๒. ศรัทธาต่อเทวทูต เทวทูตของศาสนาอิสลามเป็นส่ิงที่อัลลอฮ์สร้างข้ึน
และเป็นส่อื กลางระหว่างอัลลอฮ์กับศาสดา
๓. ศรัทธาต่อคัมภีร์ คัมภีร์อัลกุรอานเป็นคัมภีร์ที่มีความสาคัญท่ีสุด
และถอื เป็นธรรมนูญของชวี ติ เพ่ือใหม้ นษุ ย์ปฏิบตั ติ นเป็นมนษุ ย์ที่สมบูรณ์
๔. ศรัทธาในบรรดาศาสนทูต ศาสนาอิสลามยอมรับว่าอัลลอฮ์ได้เลือกบุคคล
เพ่อื นาสารของพระองค์มายงั มนษุ ย์เพ่อื สง่ั สอนให้เป็นคนดี
๕. ศรัทธาในวันพิพากษาโลก ศาสนาอิสลามยอมรับในวันอวสานของโลก
และเช่อื วา่ ในวันนี้อัลลอฮ์จะเสดจ็ มายังโลกมนษุ ย์เพ่ือพิพากษาการกระทาของมนษุ ย์

พระพุทธศาสนา ชน้ั ประถมศึกษาปีท่ี ๓

๓.๒ ศาสนาอสิ ลาม

๖. ศรัทธาในกฎกาหนดสภาวการณ์ ศาสนาอิสลามมีหลักความเช่ือว่า
ชะตากรรมของมนุษย์ถูกลิขิตโดยอัลลอฮ์ มนุษย์ไม่สามารถรู้วันตายและไม่สามารถ
ห ลุ ด พ้ น จ า ก ค ว า ม ทุ ก ข์ ไ ด้ แ ต่ ม นุ ษ ย์ ต้ อ ง ม อ บ ค ว า ม ไ ว้ ว า ง ใ จ ต่ อ อ ั ล ล อ ฮ์
และมอี ัลลอฮ์เป็นแรงบันดาลใจในการฝา่ ฟันอุปสรรคตา่ ง ๆ

พระพุทธศาสนา ชนั้ ประถมศึกษาปีท่ี ๓

๓.๒ ศาสนาอสิ ลาม

หลกั ปฏบิ ัติ ๕ ประการ
๑. การปฏิญาณตน เป็นการประกาศตนยอมรับนับถือศาสนาอิสลาม
๒. การละหมาดเป็นการทานมัสการ เพ่ือขัดเกลากิเลสปฏิบัติทุกวัน
วนั ละ ๕ เวลา คอื เวลาย่ารุ่ง เวลาบา่ ย เวลาเยน็ เวลาพลบค่า และเวลากลางคนื

การทาละหมาดของชาวมุสลิม

พระพุทธศาสนา ชน้ั ประถมศึกษาปที ่ี ๓

๓.๒ ศาสนาอสิ ลาม

๓. การถือศีลอดเป็นการละเว้นจากการกิน ด่ืม หรือเสพส่ิงต่าง ๆ นับตั้งแต่
พระอาทิตยข์ ้ึนไปจนถงึ พระอาทติ ยต์ กดินตลอด ๑ เดอื นเป็นประจาทุกปี การถือศีลอด
เป็นการชาระจติ ใจใหส้ ะอาดและเป็นการฝึกความอดทน

๔. กา รบริจา คทาน ศา สนา อิสลา มเรี ยกการ บริจ าค ทา นน้ี ว่า ซ ะกา ต
เพ่ือเป็นการชว่ ยเหลือกันและเป็นการลดช่องวา่ งระหวา่ งชนช้ัน

๕ . ก า ร ป ร ะ ก อ บ พิ ธี ฮ ั จ ญ์ ก า ร ป ฏิ บ ั ติ ใ น ข้ อ นี้ ไ ม่ ไ ด้ เ ป็ น ก า ร บ ั ง ค ั บ
แต่สาหรับบุคคลที่มีความสามารถ คือ มีร่างกายที่แข็งแรงและมีทรัพย์สิน
จะต้องไปประกอบพธิ ฮี ัจญท์ ่นี ครมกั กะฮ์ ประเทศซาอดุ อี าระเบีย

นอกจากหลักศรัทธา ๖ ประการ และหลักปฏิบัติ ๕ ประการแล้ว ยังมีคาสอน
และข้อห้ามอ่ืน ๆ ที่มุสลิมจะต้องปฏิบัติ ทั้งนี้ เพ่ือความเป็นเอกภาพเดียวกัน
และการบรรลถุ ึงความเป็นมนษุ ย์ทส่ี มบูรณ์

พระพุทธศาสนา ชน้ั ประถมศึกษาปที ี่ ๓

๓.๓ ศาสนาคริสต์

ศาสนาครสิ ต์มีหลักคาสอนทสี่ าคัญ ดงั น้ี
๑) บัญญตั ิ ๑๐ ประการ หมายถึง คาสอนและข้อปฏบิ ตั ิในคมั ภรี ์ ไดแ้ ก่

๑. จงนมสั การพระเจา้ คอื ๕. จงนบั ถอื บิดา มารดา
พระยะโฮวาเพียงพระองคเ์ ดียว ๖. อยา่ ฆา่ คน
๗. อยา่ ลว่ งประเวณี
๒. อย่ากล่าวนามพระเจา้ ๘. อยา่ ลกั ทรพั ย์
โดยไม่สมควร ๙. อย่าใสค่ วามนินทา ให้ร้ายผอู้ ่นื
๑๐. อยา่ มีความโลภในส่ิงของของผอู้ ่ืน
๓. จงอยา่ สร้างรูปเคารพใด
๔. จงนับถอื วันพระเจ้าเป็นวันศกั ด์สิ ทิ ธ์ิ

พระพุทธศาสนา ชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ ๓

๓.๓ ศาสนาครสิ ต์

๒) หลักตรีเอกานุภาพ หมายถึง อานุภาพของพระเจ้าในฐานะท้ัง ๓ คือ
พระบิดา (พระยะโฮวา) พระบุตร (พระเยซู) พระจิต (วิญญาณศักด์ิสิทธ์ิของพระบิดา
และพระบุตรรวมกัน) คริสต์ศาสนิ กชน จะต้องเคารพและยึดม่ันในพระบิดา
พระบตุ ร และพระจิต

๓) หลักแห่งความรัก คาสอนท่ีสาคัญท่ีสุดในศาสนาคริสต์ คือ หลักแห่ง
ความรัก พระเยซูทรงกล่าวว่า ความรักเป็นส่ิงมีค่า ย่ิงกว่าทรัพย์สมบัติใด ๆ ในโลก
และทรงสอนว่า จงรักพระเจ้า รักครอบครัว รักเพ่ือนบ้าน และรักเพ่ือนมนุษย์
แล้วจะได้รับความรกั จากโลกเป็นส่ิงตอบแทน

พระพุทธศาสนา ชนั้ ประถมศึกษาปที ่ี ๓

๓.๔ ศาสนาพราหมณ์ - ฮนิ ดู

หลักธรรมสาคัญของศาสนาพราหมณ์-ฮินดู ได้แก่ หลักธรรม ๑๐ ประการ
และหลกั อาศรม ๔ ดงั นี้

๑) หลักธรรม ๑๐ ประการ เป็นหลักปฏบิ ตั ิ ไดแ้ ก่

๑. ธฤติ (ทะ-ร-ึ ติ) คอื ความพอใจ ความกล้า ความมน่ั คง
๒. กษมา (กะ-สะ-มา) คอื ความอดทน
๓. ทมะ (ทะ-มะ) คือ การขม่ จติ ใจ
๔. อสั เตยะ (อดั -สะ-เต-ยะ) คือ การไมล่ ักขโมย
๕. เศาจะ (เสา-จะ) คือ การกระทาตนใหบ้ รสิ ทุ ธ์ทิ ้งั ทางกายและใจ

พระพุทธศาสนา ชน้ั ประถมศึกษาปีที่ ๓

๓.๔ ศาสนาพราหมณ์ - ฮินดู

หลักธรรมสาคัญของศาสนาพราหมณ์-ฮินดู ได้แก่ หลักธรรม ๑๐ ประการ
และหลกั อาศรม ๔ ดังนี้

๑) หลกั ธรรม ๑๐ ประการ เป็นหลักปฏบิ ตั ิ ไดแ้ ก่

๖. อินทรียนิครหะ (อนิ -ซี-ยะ-นิ-คะ-ระ- หะ)
คือ การหมั่นตรวจสอบอินทรีย์ ๑๐ ประการ เพ่ือให้ได้รับการ
ตอบสนองทถี่ กู ต้อง
๗. ธี (ที) คอื ปัญญา สติ ความคดิ
๘. วิทยา (วดิ -ทะ-ยา) คือ ความรทู้ างปรัชญา
๙. สตั ยา (สัด-ตะ-ยา) คือ ความจรงิ
๑๐. อโกธะ (อะ-โก-ทะ) คอื ความไม่โกรธ

พระพุทธศาสนา ชน้ั ประถมศึกษาปีที่ ๓

๓.๔ ศาสนาพราหมณ์ - ฮินดู

๒) หลกั อาศรม ๔ เป็นข้นั ตอนการดาเนินชวี ติ ได้แก่

๑. พรหมจารี (พรม-มะ-จา-รี) เด็กชายทุกคนที่เกิดในวรรณะพราหมณ์
กษัตริย์ แพศย์ จะต้องศึกษาเลา่ เรยี น และต้องเขา้ พธิ มี อบตนเป็นนกั ศึกษา

๒. คฤหัสถ์ (คะ-รึ-หัด) เม่ือสาเร็จการศึกษาแล้ว สามารถใช้ชีวิตทางโลก
คือ แต่งงาน และมีบุตรเพ่ือสืบสกุล โดยยึดหลักธรรมเป็นแนวทางในการ
ดาเนินชวี ติ

๓. วานปรัสถ์ (วา-นะ-ปรัด) เป็นข้ันแสวงหาธรรม โดยการออกบวช
เพ่อื ฝึกจติ ใจใหบ้ รสิ ุทธ์แิ ละบาเพญ็ ประโยชนเ์ พ่ือส่วนรวม

๔. สันยาสี (สัน-ยา-สี) เป็นขั้นสุดท้ายแห่งชีวิต คือ การออกบวช
เพ่ือแสวงหาโมกษะ (ความหลดุ พน้ )

พระพุทธศาสนา ชนั้ ประถมศึกษาปที ่ี ๓

๓.๕ ศาสนาสกิ ข์

ศาสนาสิกข์ เป็นศาสนาที่มุ่งสอนให้คนทาความดี ละเว้นความช่ัวสอนให้
พิจารณาที่เหตุและยับยั้งต้นเหตุด้วยสติปัญญา สอนให้รู้จักให้อภัยผู้อ่ืน สอนให้มี
ความเสมอภาคกัน และสอนว่าส่ิงท้ังหลายย่อมแตกดับตามกาลเวลา ไม่มีส่ิงใดยั่งยืน
ตลอดไป

พระพุทธศาสนา ชน้ั ประถมศึกษาปีที่ ๓

๔. ศาสนวตั ถุ ศาสนสถาน และศาสนบุคคล

ศาสนาทกุ ศาสนาจะมอี งคป์ ระกอบสาคัญ ดังนี้

๔.๑ ศาสนวัตถุ

วัตถุท่ีเก่ียวข้องกับศาสนา เป็นส่ิงที่ควรเคารพบูชา เช่น พระพุทธศาสนา
มีพระพุทธรูป ศาสนาคริสต์ มีไม้กางเขน ศาสนาพราหมณ์-ฮินดู มีเทวรูปต่าง ๆ
ศา สนา อิ สลา ม มีคัมภี ร์ อัลกุ ร อา น ศา สนาสิ กข์ มีรู ปป้ ั นเ ห มือนพ ร ะศ า สด า
และคมั ภีร์ครนั ถสาหพิ

พระพุทธศาสนา ชน้ั ประถมศึกษาปีท่ี ๓

๔.๑ ศาสนวตั ถุ

พระพุทธศาสนา ชน้ั ประถมศึกษาปที ่ี ๓

๔.๒ ศาสนสถาน

คอื สถานท่ีท่ใี ช้ประกอบพธิ กี รรมทางศาสนา เชน่

พระพุทธศาสนา ชน้ั ประถมศึกษาปที ่ี ๓

๔.๒ ศาสนสถาน

พระพุทธศาสนา ชน้ั ประถมศึกษาปีท่ี ๓

๔.๓ ศาสนบคุ คล

คือ ผู้เผยแผ่หลักธรรมคาสอนของศาสนาและเป็นผู้นาในการประกอบ
พธิ ีกรรมทางศาสนา เชน่

พระพุทธศาสนา ชนั้ ประถมศึกษาปที ่ี ๓

๔.๓ ศาสนบุคคล

บาทหลวงเป็นศาสนบุคคลของศาสนาคริสต์ พราหมณเ์ ป็นผนู้ าในการประกอบพิธกี รรม
ของศาสนาพราหมณ-์ ฮินดู

พระพุทธศาสนา ชน้ั ประถมศึกษาปีท่ี ๓

๔.๓ ศาสนบคุ คล ศาสนาสิกข์จะไม่มีนักบวชแต่จะมี
คณะกรรมการบริหาร ในประเทศไทยจะมี
ศาสนบคุ คลของศาสนาสกิ ข์ ส ม า ค ม ศ รี คุ รุ สิ ง ห์ ส ภ า ดู แ ล แ ล ะ บ ริ ห า ร
ศาสนกจิ ทางศาสนา

พระพุทธศาสนา ชน้ั ประถมศึกษาปีท่ี ๓

๕. การปฏบิ ัติตนทเ่ี หมาะสมตอ่ ศาสนวตั ถุ
ศาสนสถาน และศาสนบคุ คล

๕.๑ การปฏบิ ตั ติ นที่เหมาะสมต่อศาสนวตั ถุ

ศาสนวัตถุ ของแต่ละศาสนาเปรียบเสมือนสัญลักษณ์แทนส่ิงที่เคารพสูงสุด
ของแต่ละศาสนา เช่น พระพุทธรูป เป็นสัญลักษณ์แทนพระพุทธเจ้า ดังนั้นเราจึงควร
ปฏบิ ัติตนต่อศาสนวัตถุให้ถกู ต้องเหมาะสม ดงั นี้

พระพุทธศาสนา ชน้ั ประถมศึกษาปีท่ี ๓

๕.๑ การปฏิบตั ติ นท่เี หมาะสมตอ่ ศาสนวัตถุ

๑. จัดวางพระพุทธรูปไวใ้ นสถานทีท่ ีเ่ หมาะสม เช่น บนห้งิ หรือโต๊ะบูชา
๒. แสดงความเคารพด้วยความศรัทธา เช่น ศึกษาคัมภีร์ทางศาสนา
ปฏบิ ตั ติ ามหลกั ธรรมคาสอน แสดงความเคารพศาสนวตั ถอุ ยา่ งถกู ต้อง
๓. สกั การบชู าตามแต่ละประเพณีของศาสนานัน้ ๆ
๔. สารวมกริ ิยาอาการขณะอยู่ต่อหนา้ ศาสนวตั ถุ
๕. ศาสนวัตถุทุกศาสนาล้วนมีความสาคัญ ไม่ควรไปดูหม่ินศาสนวัตถุ
ของศาสนาอ่ืน ๆ

พระพุทธศาสนา ชน้ั ประถมศึกษาปที ี่ ๓

๕.๑ การปฏบิ ัตติ นทเ่ี หมาะสมต่อศาสนวตั ถุ

แสดงความเคารพศาสนวัตถุ ดว้ ยความศรทั ธา

พระพุทธศาสนา ชนั้ ประถมศึกษาปที ่ี ๓

๕.๒ การปฏิบตั ิตนท่ีเหมาะสมตอ่ ศาสนสถาน

ศาสนสถาน เป็นสถานที่ประกอบพิธีกรรมทางศาสนาและเป็นที่ประดิษฐาน
ศาสนวัตถุที่สาคัญของแต่ละศาสนา ดังน้ันเราจึงควรปฏิบัติตนต่อศาสนสถาน
ใหถ้ ูกต้องเหมาะสม ดงั น้ี

๑. แ ต่ ง ก า ย ด้ ว ย ชุด สุ ภ า พ เ รีย บร้ อ ย เ พ่ื อ แ ส ดง ค ว า มเ ค า ร พ ส ถา น ที่
เม่ือเข้าไปในศาสนสถาน

๒. สารวมกิริยาอาการในขณะทีอ่ ยู่ในศาสนสถาน ไม่พดู คยุ เสยี งดัง
๓. แสดงความเคารพศาสนวัตถทุ ีอ่ ยใู่ นศาสนสถานอย่างถกู ตอ้ ง

พระพุทธศาสนา ชน้ั ประถมศึกษาปที ่ี ๓

๕.๓ การปฏบิ ัติตนท่เี หมาะสมต่อศาสนบคุ คล

ศาสนบุคคล หมายถึง บุคคลท่ีสาคัญของศาสนา เป็นผู้มีบทบาทสาคัญในการ
จรรโลงศาสนาและสืบทอดศาสนา ดังน้ัน เราจึงควรปฏิบัติตนต่อศาสนบุคคล
ให้ถูกตอ้ งเหมาะสม ดงั น้ี

๑. เม่อื เขา้ พบหรือไปสนทนากับท่านควรแต่งกายสุภาพ เรยี บร้อย
๒. แสดงความเคารพอยา่ งนอบนอ้ มตามวิธีปฏบิ ตั ิของแตล่ ะศาสนา
๓. สารวมกริ ยิ า กาย วาจา และใจใหเ้ รยี บร้อย
๔. แสดงความเคารพโดยการปฏิบัติตามคาสั่งสอนของท่าน

พระพุทธศาสนา ชน้ั ประถมศึกษาปที ่ี ๓

๕.๓ การปฏิบตั ิตนทีเ่ หมาะสมต่อศาสนบคุ คล

พทุ ธศาสนิกชนแสดงความเคารพพระภิกษุโดยการกราบไหว้

พระพุทธศาสนา ชน้ั ประถมศึกษาปีท่ี ๓

จดั ทำ E- book
โดย

นำงสำวอุดมลักษณ์ ลำเลิศ
เนือหำจำก สถำบันพฒั นำคณุ ภำพวชิ ำกำร (พว.)

พระพุทธศาสนา ชนั้ ประถมศึกษาปที ่ี ๓