พระพุทธศาสนา ชน้ั ประถมศึกษาปที ่ี ๕
พระพุทธศาสนา ชน้ั ประถมศึกษาปที ่ี ๕
๑. พุทธสาวก
พุทธสาวก คือ ส า ว ก ข อ ง พ ร ะ พุ ท ธ เ จ้ า ห รื อ ผู้ ป ฏิ บ ั ติ ต า ม ค า ส ั่ ง ส อ น
และมีบทบาทสาคัญในการช่วยเผยแผ่พระพุทธศาสนา เป็นแบบอย่างที่ดีท่ี
พุทธศาสนิกชนควรปฏิบัตติ าม พุทธสาวกทีจ่ ะไดศ้ กึ ษาในชนั้ น้ี คอื พระโสณโกฬิวสิ ะ
พระพุทธศาสนา ชน้ั ประถมศึกษาปีที่ ๕
พระโสณโกฬิวิสะ (อา่ นวา่ พระ-โส-นะ-โก-ลิ-ว-ิ สะ)
โสณโกฬิวิสะ เกิดในตระกูลเศรษฐีในเมืองจัมปานคร เป็นผู้เพียบพร้อมไป
ด้วยทรัพย์สมบัติ สีผิวของท่านมีสีเหมือนทองคาและละเอียดอ่อน ลักษณะ
พิเศษ คือ มีฝ่ามือ ฝ่าเท้าอ่อนนุ่มและมีขนอ่อนข้ึน ด้วยเหตุน้ี คนท่ัวไปจึงขนาน
นามท่านวา่ “โสณะ” (ทองคา)
ในสมัยนั้นพร ะ พุทธ เจ้า ได้เสด็ จไปเผยแผ่ธ ร ร ม ะในกรุ ง ร า ช คฤ ห์
พระเจา้ พมิ พสิ ารรบั สง่ั ให้โสณโกฬิวสิ ะเข้าเฝา้ พระพุทธเจ้า ท่านจึงไปยังกรุงราชคฤห์
พร้อมด้วยชาวบ้านจานวนมากและเม่ือได้มีโอกาสฟังธรรม บังเกิดความเล่ือมใส
จงึ ไดข้ ออุปสมบทเป็นพระภกิ ษใุ นพระพุทธศาสนา
พระพุทธศาสนา ชน้ั ประถมศึกษาปที ่ี ๕
พระโสณโกฬวิ สิ ะ (อา่ นวา่ พระ-โส-นะ-โก-ลิ-ว-ิ สะ)
หลังจากพระโสณโกฬิวิสะได้อุปสมบทแล้ว ท่านได้ศึกษาหลักธรรม
คาสอนของพระพุทธเจ้าด้วยความเพียรพยายามอย่างหนักและปฏิบัติธรรมโดย
หลกี เลย่ี งการคลุกคลกี ับหมู่คณะ โดยตั้งจติ ไว้วา่ “เราจะฝึกปฏิบัติธรรมให้ถึงท่ีสุด
แม้ร่างกายจะได้รับความลาบาก เพ่ือการบรรลุธรรมของพระศาสดา” พระโสณ-
โกฬิวิสะมุ่งมั่นทาความเพียรจนร่างกายได้รับความทุกข์ เช่น เดินจงกรมไม่หยุด
จนฝ่าเท้าทั้งสองแตกถึงกับต้องคลานจงกรม แต่ก็ไม่สามารถบรรลุธรรมได้
จึ ง เ กิ ด ค ว า ม ท้ อ แ ท้ แ ล ะ คิ ด ว่ า “ แ ม้ เ ร า พ ย า ย า ม ถึ ง เ พี ย ง น้ี ก็ ย ั ง ไ ม่ อ า จ
บรรลุมรรคผลนิพพานได้ ไม่มีประโยชน์อะไรกับการอุปสมบท เราจะลาสิกขาเพ่ือ
ทรพั ยส์ มบัติและม่งุ ทาบญุ ดกี ว่า”
พระพุทธศาสนา ชน้ั ประถมศึกษาปที ี่ ๕
พระโสณโกฬวิ ิสะ (อ่านว่า พระ-โส-นะ-โก-ลิ-ว-ิ สะ)
พระพุทธเจ้าทรงทราบวาระจิตของพระโสณโกฬิวิสะจึงเสด็จไปประทาน
โอวาท โดยทรงแสดงโอวาทด้วยข้ออุปมาเร่ืองพิณ ๓ สาย คือ “การปฏิบัติธรรมท่ี
เพียรพยายามเกินไปจนร่างกายได้รับความลาบากไม่อาจบรรลุธรรม ได้
เปรียบเหมือนสายพิณที่ตึงเกินไป เสียงไม่ไพเราะและสายอาจจะขาดได้
ในขณะเดียวกันการปฏิบัติธรรมที่ย่อหย่อนไม่ขยันหม่ันเพียร ก็ไม่สามารถ
บรรลุธรรมไดเ้ ชน่ กัน เปรียบเหมือนสายพณิ ทห่ี ย่อนเกนิ ไป เสยี งไม่ไพเราะ
พระพุทธศาสนา ชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ ๕
พระโสณโกฬิวิสะ (อา่ นวา่ พระ-โส-นะ-โก-ลิ-ว-ิ สะ)
ดังน้ันการปฏิบัติธรรมควรยึดหลัก พระโสณะได้ฟังธรรมจากพระพทุ ธเจา้
มัชฌิมาปฏิปทา (อ่านว่ามัด-ชิ-มา-ปะ-ติ-
ปะ-ทา) คือ ปฏิบัติทางสายกลางโดยการ
ปฏิบัติท่ีไม่เคร่งเกินไป ไม่ย่อหย่อนเกินไป
ควรปฏิบัติให้เหมาะสมกับสภาพร่างกาย
สตปิ ัญญาของตน มีความเพียรที่สม่าเสมอ
เปรียบเหมือนสายพิณที่ต้ังได้พอดี ไม่ตึง
หรอื หยอ่ นเกนิ ไปทาให้มีเสยี งไพเราะ”
พระพุทธศาสนา ชนั้ ประถมศึกษาปีที่ ๕
พระโสณโกฬิวิสะ (อ่านว่า พระ-โส-นะ-โก-ลิ-ว-ิ สะ)
พระโสณโกฬิวิสะได้ฟังโอวาทจากพระพุทธเจ้าและได้ประกอบความเพียร
อย่างสม่าเสมอ ถือปฏิบัติตามแนวทางสายกลาง ในท่ีสุดก็บรรลุธรรมเป็น
พระอรหนั ต์
คุณธรรมทค่ี วรถือเป็นแบบอย่าง
พระโสณโกฬิวิสะ ได้รับการยกยอ่ งจากพระพทุ ธเจ้าว่าเป็นเลิศในดา้ น
“ปรารภความเพยี รในพระพทุ ธศาสนา”
พระพุทธศาสนา ชน้ั ประถมศึกษาปที ่ี ๕
๒. ชาดก
ชาดก เป็นเร่ืองราวของพระพทุ ธเจ้าท่ที รงบาเพญ็ บารมีในอดีตชาติ ชาดกให้
ข้อคิดที่สามารถนาไปใช้ในชีวิตประจาวันได้ ในช้ันนี้ จะได้ศึกษาชาดกเร่ือง
จฬู เสฏฐิชาดก และวณั ณาโรหชาดก
พระพุทธศาสนา ชน้ั ประถมศึกษาปีท่ี ๕
๒.๑ จฬู เสฏฐชิ าดก
ในอดีตกาล มีเศรษฐผี หู้ น่ึงช่ือนายจฬู ะ อยู่ในเมืองพาราณสี ท่านเป็นผู้ที่มี
สติปัญญารอบรู้ในเร่ืองต่าง ๆ วันหน่ึงขณะเดินทางไปเข้าเฝ้าพระราชา ได้พบ
ห นู ต า ย ต ั ว ห น่ึ ง อ ยู่ บ น ท า ง เ ดิ น ท่ า น ไ ด้ ใ ช้ ปั ญ ญ า พิ จ า ร ณ า แ ล้ ว บ อ ก ว่ า
“ผู้ใดมีสติปัญญาสามารถนาหนูตัวนี้ไปทาประโยชน์ได้ ผู้นั้นจะได้เป็นเศรษฐีใน
อนาคต”จูฬันเตวาสิกเด็กรับใช้ของเศรษฐีได้ยิน จึงได้เอาหนูตายตัวน้ันไปขาย
ให้แก่คนเล้ียงแมวและได้เงินมาเล็กนอ้ ย เขานาเงินดังกล่าวไปซ้ือน้าตาลกรวดมา
ต้มและนาไปให้คนเก็บดอกไม้ คนเก็บดอกไม้จึงได้มอบดอกไม้ให้เป็น
ส่ิงตอบแทนเขาจึงนาดอกไม้นั้นไปขาย ทาอยา่ งนั้นไปเร่อื ย ๆ จนมีเงินมากข้ึน
พระพุทธศาสนา ชนั้ ประถมศึกษาปีที่ ๕
๒.๑ จฬู เสฏฐิชาดก อยมู่ าวันหน่ึงมีลมพายพุ ัดต้นไม้ใน
อุทยานล้มลงเป็นจานวนมาก คนดูแล
อุทยานไม่รู้จะทาอย่างไร จูฬันเตวาสิกจึง
อาสาไปเก็บก่ิงไม้ให้และขอก่ิงไม้นั้น เพ่ือ
นาไปทาฟืน เขาได้วานให้เด็กเลี้ยงโค
ช่ ว ย ก ั น ข น ฟื น อ อ ก จ า ก อุ ท ย า น แ ล ะ
ใ ห้ น้ า อ้ อ ย เ ป็ น ค่ า จ้ า ง ต อ บ แ ท น แ ล ะ
นาฟืนเหล่าน้ันไปขายให้ช่างทาหม้อ และ
นาเงินไปซ้ือหญ้าไว้ ต่อมามีพ่อค้ามาขาย
ม้าท่ีเมืองนี้ เขาจึงขายหญ้าให้แก่พ่อค้าม้า
ไดเ้ งินเป็นจานวนมาก
พระพุทธศาสนา ชนั้ ประถมศึกษาปีที่ ๕
๒.๑ จฬู เสฏฐชิ าดก
เขาได้นาเงินนั้นเหมาซ้ือสินค้าในเรือสาเภาจากพ่อค้าท่ีมาค้าขายในเมือง
โดยวิธีวางมัดจาไว้ด้วยทรัพย์จานวนหน่ึงแล้วขายสินค้าเหล่านั้นให้แก่พวกพ่อค้า
กลุ่มอ่ืนได้กาไรมหาศาลจนกลายเป็นเศรษฐี เขาได้นาเอาทรัพย์สินคร่ึงหน่ึงไป
ตอบแทนบุญคุณของเศรษฐีผู้เป็นเจ้านายเก่า เศรษฐีเจ้านายเก่าเห็นถึงความ
กตัญญู ความขยันหมั่นเพียร และความเฉลียวฉลาด จึงได้ยกบุตรสาวให้เป็น
ภรรยาและไดย้ กทรัพยส์ มบัตใิ ห้
ชาดกเร่ืองนี้สอนให้รู้ว่า “ผ้มู ปี ัญญาฉลาดสามารถสร้างฐานะได้ดว้ ย
ทุนทรพั ย์เพียงเลก็ นอ้ ย”
พระพุทธศาสนา ชน้ั ประถมศึกษาปีท่ี ๕
๒.๒ วัณณาโรหชาดก
ในอดีตกาล มีราชสีห์และเสืออาศัยอยู่ด้วยกันในถ้าแห่งหน่ึงใกล้กับต้นไม้
ซ่ึงมีเทวดาสถิตอยู่ และมีสุนัขจ้ิงจอกตัวหน่ึงได้อยู่รับใช้ราชสีห์และเสือโดยอาศัย
กินเศษอาหารที่เหลือจากสัตว์ทั้งสอง อยู่มาวันหน่ึงสุนัขจ้ิงจอกมีความคิดอยากกิน
เน้ือราชสีห์และเน้ือเสือ จึงคิดอุบายให้ทั้งสองแตกความสามัคคีกัน เม่ือคิดได้
อย่างน้ันจึงไปยุยงราชสีห์ด้วยคาโกหกว่าเสือได้กล่าวติเตียนราชสีห์ว่า “มีสีหนา้
ลักษณะท่าทาง และกาลังความกล้าหาญน้อยกว่าตน” ราชสีห์ไม่เช่ือและ
กล่าวตอบวา่ “เจา้ จงไปเสยี เถดิ เราไม่เช่อื เจ้าหรอก” สุนัขจ้ิงจอกตัวน้ันจึงไปหาเสือ
และยุยงด้วยคาโกหกนั้นอกี
พระพุทธศาสนา ชนั้ ประถมศึกษาปีท่ี ๕
๒.๒ วณั ณาโรหชาดก
เสือจึงไปถามราชสีห์เพ่ือหาข้อเท็จจริง และรู้ว่าถูกสุนัขจ้ิงจอกยุยงให้แตก
ความสามัคคีกันต่างไม่ถือโทษโกรธแค้นกัน แล้วสัตว์ทั้งสองก็มีความรักใคร่
ปรองดองกนั เหมอื นเดมิ สุนัขจ้งิ จอกเห็นวา่ อบุ ายตนไมไ่ ดผ้ ลจึงหนีไปอยู่ทีอ่ ่ืน
พระพุทธศาสนา ชน้ั ประถมศึกษาปที ่ี ๕
๒.๒ วัณณาโรหชาดก
ชาดกเร่ืองนี้สอนให้รู้ว่า “คนมีความรู้ย่อมหนักแน่นอยู่ในความสามัคคี
ไมแ่ ตกแยกกบั หมูค่ ณะดว้ ยคายุยงของผ้อู ่ืน”
พระพุทธศาสนา ชนั้ ประถมศึกษาปที ่ี ๕
๓. พทุ ธศาสนิกชนตวั อยา่ ง
พุทธศาสนิกชนตัวอย่าง คือ ผู้ที่นับถือพระพุทธศาสนา และนาหลักธรรม
คาสอนไปปฏิบัติ เป็นบุคคลท่ีควรศึกษาและนาไปเป็นแบบอย่างที่ดีในการ
ด า เ นิ นชี วิ ต ที่จ ะเ รียนในช ั้นน้ี คื อ สมเ ด็จ พ ร ะสั ง ฆร า ช (สา ปุสฺสเทโว )
และอาจารยเ์ สถยี ร โพธินนั ทะ
พระพุทธศาสนา ชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ ๕
๓.๑ สมเด็จพระสงั ฆราช (สา ปุสฺสเทโว)
สมเด็จพระสังฆราช (สา ปุสฺสเทโว) ประสูติเม่ือ พ.ศ. ๒๓๕๖ ที่ตาบลบางไผ่
จังหวัดนนทบุรี เป็นสมเด็จพระสังฆราชองค์ท่ี ๙ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ปกครอง
วัดราชประดิษฐ์สถิตมหาสีมารามราชวรวิหาร ในรัชกาลของพระบาทสมเด็จ-
พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ ๕) ทรงดารงตาแหน่งสมเด็จพระสังฆราช
เม่อื พ.ศ. ๒๔๓๖ ถึง พ.ศ. ๒๔๔๒
พระพุทธศาสนา ชน้ั ประถมศึกษาปีที่ ๕
๓.๑ สมเดจ็ พระสังฆราช (สา ปุสฺสเทโว)
สมเด็จพระสังฆราช(สา ปสุ สฺ เทโว)
พระพุทธศาสนา ชน้ั ประถมศึกษาปที ่ี ๕
๓.๑ สมเด็จพระสงั ฆราช (สา ปุสฺสเทโว)
ในวัยเด็กได้บรรพชาเป็นสามเณรอยู่ที่วัดใหม่ บางขุนเทียนและย้ายมา
จาพรรษาที่วัดสังเวชวิศยารามวรวิหาร ทรงเป็นสามเณรที่มีปัญญาฉลาด ศึกษา
พ ร ะ ป ริ ย ั ติ ธ ร ร ม จ น แ ต ก ฉ า น แ ล ะ ท ร ง เ ป็ น ส า ม เ ณ ร รู ป แ ร ก ท่ี ส อ บ ไ ด้
เปรียญธรรม ๙ ประโยค ซ่ึงเป็นการสอบจบช้ันสูงสุดในพระพุทธศาสนา
พระองค์ได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุ ณ วัดราชาธิวาสวิหาร เม่ือ พ.ศ. ๒๓๗๖
แ ล ะ ไ ด้ ล า สิ ก ข า ไ ป เ ป็ น ฆ ร า ว า ส อ ยู่ ร ะ ย ะ ห น่ึ ง ต่ อ ม า ใ น พ . ศ . ๒ ๓ ๙ ๔
พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้โปรดเกล้าฯ ให้อุปสมบทใหม่
ณ วดั บวรนิเวศวหิ าร
พระพุทธศาสนา ชน้ั ประถมศึกษาปที ่ี ๕
๓.๑ สมเดจ็ พระสงั ฆราช (สา ปสุ สฺ เทโว)
เม่ืออุปสมบทแล้วได้ทรงศึกษาพระปริยัติธรรมอีกครั้งจนจบเปรียญธรรม ๙
ประโยคเป็นคร้งั ที่ ๒ จนมผี ตู้ ้งั สมญานามในการสอบพระปริยัติธรรมได้ถึง ๒ ครั้ง
ของพระองค์ว่า“มหาสา ปุสฺสเทโว เปรียญ ๑๘ ประโยค” ในคราวอุปสมบท
คร้ังท่ีสองน้ี พระองค์ได้ดารงสมณศักด์ิตามลาดับชั้นจนได้รับโปรดเกล้าฯ
สถาปนาเป็นสมเด็จพระสังฆราช เม่ือ พ.ศ. ๒๔๓๖
พระพุทธศาสนา ชนั้ ประถมศึกษาปที ่ี ๕
๓.๑ สมเดจ็ พระสงั ฆราช (สา ปุสสฺ เทโว)
สมเด็จพระสังฆราช (สา ปุสฺสเทโว) ทรงเป็นผู้แตกฉานในพระธรรมวินัย
ท า ง พ ร ะ พุ ท ธ ศ า ส น า พ ร ะ อ ง ค์ ท ร ง มี บ ท บ า ท ใ น ก า ร เ ผ ย แ ผ่ ค า ส อ น ข อ ง
พระพุทธศาสนาเป็นอย่างมาก ผลงานของพระองค์ คือ งานพระนิพนธ์ตาราทาง
พระพุทธศาสนามากมาย และพระองค์ทรงเป็นผู้ท่ีมีบทบาทในการชาระ
พระไตรปิฎก (การทาสังคายนาพระไตรปิฎก) ในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระ-
จลุ จอมเกลา้ เจา้ อยูห่ ัว ใน พ.ศ. ๒๔๓๑ อกี ด้วย
คุณธรรมที่ควรถอื เป็นแบบอย่าง
พระองคท์ รงเป็นชาวพทุ ธท่ีดี หมน่ั ศกึ ษาหาความรู้ ทรงมวี ตั รปฏิบตั ิที่ดงี าม
และทรงมีความกตัญญูต่อพระพทุ ธศาสนาโดยการเผยแผห่ ลกั ธรรมคาสอน
พระพุทธศาสนา ชนั้ ประถมศึกษาปที ่ี ๕
๓.๒ อาจารยเ์ สถยี ร โพธินนั ทะ
อาจารย์เสถียร โพธินันทะ เกิดเม่ือวันที่ ๑๗ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๗๒
มี พ่ี น้อ ง ๒ ค น น า ม ส กุ ล เ ดิ ม คื อ ก ม ล ม า ล ย์ แ ต่ เ ม่ื อ อ า ยุ ค ร บ ๒ ๐ ปี
กไ็ ดเ้ ปลยี่ นนามสกุล มาเป็น “โพธนิ ันทะ” แปลว่า ผมู้ ีความพอใจในการตรสั รู้
ในวัยเด็ก ท่านเป็นผู้สนใจในเร่ืองของพระพุทธศาสนาเป็นอย่างมาก
ท่ า น ม ั ก ไ ป ว ั ด เ พ่ื อ ส น ท น า ต ้ั ง ปั ญ ห า แ ล ะ แ ส ด ง ค ว า ม คิ ด เ ห็ น เ ก่ี ย ว ก ั บ
พระพทุ ธศาสนาเป็นประจา เพียงแค่ ๒ ปี ก็มีความรู้แตกฉาน เป็นนักเล่าเร่ืองและ
นกั ปาฐกถาช้ันยอด
พระพุทธศาสนา ชน้ั ประถมศึกษาปที ี่ ๕
๓.๒ อาจารยเ์ สถยี ร โพธินันทะ
ท่ า น ส น ใ จ ใ ฝ่ ศึ ก ษ า ท า ง พ ร ะ พุ ท ธ ศ า ส น า ม า ต ล อ ด
แ ล ะ อ ยู่ ใ น ก ลุ่ ม ผู้ ริ เ ร่ิ ม ก่ อ ต ้ั ง ยุ ว พุ ท ธิ ก ส ม า ค ม แ ห่ ง
ประเทศไทยในขณะท่ีมีอายุเพียง ๒๐ ปี เท่าน้ัน ท่านได้
อุปสมบทเป็นพระภิกษุที่วัดกันมาตุยาราม กรุงเทพมหานคร
เม่ือวันที่ ๒๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๙๓ อุปสมบท ได้ประมาณ
๑ พรรษา ก็ลาสกิ ขา และได้มาเป็นอาจารย์ในมหาวิทยาลยั สงฆ์
อาจารย์เสถยี ร โพธนิ ันทะ
พระพุทธศาสนา ชน้ั ประถมศึกษาปีที่ ๕
๓.๒ อาจารยเ์ สถยี ร โพธนิ นั ทะ
อาจารย์เสถียร โพธินันทะ เป็นผู้ที่มีบทบาทต่องานเผยแผ่พระพุทธศาสนา
เป็นอย่างย่ิง โดยท่านได้แต่งหนังสือและบทความทางพระพุทธศาสนามากมาย
ท่านสามารถแต่งบทความลงในวารสารธรรมจักษุในขณะที่มีอายุเพียง ๑๘ ปีเท่านั้น
เม่ืออายุได้ ๑๙ ปี ก็ได้ช่ือว่าเป็น “นักปราชญ์ในวงการศาสนา” มีความสามารถใน
การอ่านและพูดได้ ๗ ภาษา และเป็นนักประวัตศิ าสตร์พระพุทธศาสนาตั้งแต่อายุยัง
นอ้ ย อาจารยเ์ สถยี รไดเ้ สยี ชวี ิตเม่อื วันที่ ๙ ธนั วาคม พ.ศ. ๒๕๐๙ รวมอายุได้ ๓๗ ปี
คณุ ธรรมทค่ี วรถอื เป็นแบบอย่าง
อาจารย์เสถียร โพธินันทะ เป็นผู้มีความใฝ่รู้ใฝ่เรียนพระพุทธศาสนา
และเผยแผพ่ ระพุทธศาสนาตลอดมา
พระพุทธศาสนา ชน้ั ประถมศึกษาปที ี่ ๕
จดั ทำ E- book
โดย
นำงสำวอุดมลกั ษณ์ ลำเลิศ
เนอื หำจำก สถำบนั พฒั นำคุณภำพวชิ ำกำร (พว.)
พระพุทธศาสนา ชน้ั ประถมศึกษาปีท่ี ๕