พระพุทธศาสนา ชน้ั ประถมศึกษาปที ่ี ๕
พระพุทธศาสนา ชน้ั ประถมศึกษาปที ่ี ๕
๓. โอวาท ๓
โอวาท หมายถึง คาแนะนา คาตกั เตือน คากลา่ วสอน
โอวาท ๓ เป็นหลักธรรมคาสอนของพระพุทธเจ้า ซ่ึงถือเป็นหัวใจของ
พระพุทธศาสนา ได้แก่ การไม่ทาความช่ัว การทาความดี และการทาจิตใจให้
ผอ่ งใสบริสุทธ์ิ
พระพุทธศาสนา ชน้ั ประถมศึกษาปีท่ี ๕
๓.๑ การไมท่ าความช่ัว
หลกั ธรรมที่เกย่ี วขอ้ งกบั การไมท่ าความช่วั ไดแ้ ก่ เบญจศีล อบายมุข ๔
อคติ ๔
พระพุทธศาสนา ชนั้ ประถมศึกษาปที ่ี ๕
๑. เบญจศลี ๑) เวน้ จากการฆา่ สตั ว์หรอื
เบยี ดเบียนชวี ิต
เบญจศีล หรอื ศลี ๕ หมายถงึ ๒) เว้นจากการลกั ทรพั ย์
ขอ้ ห้าม ข้อควรงดเวน้ ๕ ประการ ๓) เวน้ จากการประพฤติผดิ ในกาม
๔) เวน้ จากการพูดเทจ็ พดู ส่อเสยี ด
พระพทุ ธเจ้าทรงแสดงโอวาทปาติโมกข์ พดู คาหยาบ พดู เพอ้ เจอ้
ในวนั มาฆบูชาแกพ่ ระสงฆ์ ๑,๒๕๐ องค์ ๕) เวน้ จากการด่ืมสรุ า หรอื เสพ
สารเสพติดต่าง ๆ อันเป็นทต่ี ้ังแหง่
ความประมาท
พระพุทธศาสนา ชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ ๕
๒. อบายมุข ๔
อบายมุข ๔ หมายถึง ทางแห่งความฉิบหาย ทางแห่งความเส่ือม สาเหตุ
ใหถ้ ึงความเส่อื ม ๔ ประการ ได้แก่
๑) การเป็นนกั เลงหญิง คือ ประพฤติตนเป็นคนเจา้ ชู้ มกั มากในกาม ทาให้
ครอบครวั แตกแยก เสียทรัพย์ เป็นโรคตดิ ต่อ
๒) การเป็นนักเลงสุรา คือ การชอบด่ืมของมึนเมาต่าง ๆ หรือเสพ
สารเสพติดใหโ้ ทษ ทาให้ร่างกายเส่อื มโทรม เสยี ทรพั ย์
๓) การเป็นนักเลงการพนัน คือ การชอบเล่นการพนัน ทาให้เสียทรัพย์
เกิดหน้ีสนิ
๔) การคบคนชั่วเป็นมิตร คือ การคบหาคนชั่วเป็นเพ่ือน ซ่ึงคนชั่วย่อม
ชกั นาไปในทางท่ไี มด่ ี นาไปในทางท่เี ส่ือมเสีย
พระพุทธศาสนา ชนั้ ประถมศึกษาปีท่ี ๕
๓. อคติ ๔
อค ติ หมา ยถึง กา ร ปร ะพ ฤติ ผิดด้ว ยค ว า มลา เ อียง ไม่เ ป็ น ธ ร ร ม
มี ๔ ประการ ได้แก่
๑) ฉันทาคติ ลาเอียงเพราะรกั ใคร่ชอบพอกัน เช่น พัชราภาเป็นคนข้ีเกียจ
ไม่รับผิดชอบงานที่ได้รับมอบหมาย เม่ือมีการเลือกหัวหนา้ ห้อง พัชราภากลับ
ได้รบั เลือกเพราะเพ่ือน ๆ ของเธอชว่ ยเหลอื
๒) โทสาคติ ลาเอียงเพราะไม่ชอบพอกัน ลาเอียงท้ังท่ีผู้น้ันไม่ได้ทา
ความผิด เช่น พจนีย์ซ่ึงเป็นหัวหนา้ กลุ่มไม่ชอบภัทรพร เม่ือแจกของให้เพ่ือน
ในกล่มุ พจนียก์ แ็ จกให้แก่คนอ่นื แตไ่ ม่แจกใหภ้ ัทรพร
พระพุทธศาสนา ชนั้ ประถมศึกษาปที ่ี ๕
๓. อคติ ๔ (ตอ่ )
๓) โมหาคติ ลาเอียงเพราะโง่เขลา คือ การทาลงไปเพราะความไม่ฉลาด
ของบุคคลน้ัน คอยให้ผู้อ่ืนชักจูงอยู่ตลอด เช่น มะลิชอบเข้าข้างแก้วตา
เม่ือแก้วตาบอกว่าเพ่ือนคนไหนนิสัยไม่ดีมะลิก็จะเช่ือโดยไม่ได้คิดไตร่ตรอง
ใหร้ อบคอบ
๔) ภยาคติ ลาเอยี งเพราะกลวั คือ ความกลัวว่าจะมีภัยมาถึงตัวจึงเกิดความ
ลาเอียง เช่น ตารวจเห็นคนทาความผิดแต่ไม่จับคนผิดมาลงโทษเพราะกลัวว่า
ผทู้ ่ที าเป็นผมู้ ีอานาจและอาจจะทาให้เกดิ ภัยตอ่ ตนเองได้
อคติ ๔ เป็นส่ิงที่ทาให้เกิดความลาเอียง ความไม่ยุติธรรม สังคมใดท่ีมี
ผปู้ กครองไม่มีความยตุ ธิ รรม สังคมนัน้ ก็จะเกดิ ความสบั สนว่นุ วาย
พระพุทธศาสนา ชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ ๕
๓.๒ การทาความดี
ห ล ั ก ธ ร ร ม ท่ี เ ก่ี ย ว ข้ อ ง ก ั บ ก า ร ท า ค ว า ม ดี ไ ด้ แ ก่ เ บ ญ จ ธ ร ร ม
บุญกิรยิ าวตั ถุ ๓ อิทธบิ าท ๔ และความกตญั ญูกตเวทีต่อพระพุทธศาสนา มงคลชีวิต
พระพุทธศาสนา ชน้ั ประถมศึกษาปที ่ี ๕
๑. เบญจธรรม เบญจธรรม
หมายถึง ข้อควรปฏิบัติ ในการทาความดี ๕ ประการ
ได้แก่
๑) เมตตากรุณา คือ ความรัก ความปรารถนาดีต่อ
ผูอ้ ่นื
๒) สมั มาอาชวี ะ คือ การประกอบอาชพี สจุ ริต
๓) กามสังวร คือ การสารวมในกาม ยินดีในคู่ครอง
ของตน
๔) สจั จะ คือ การพูดความจรงิ
ความเมตตากรณุ า ๕) สติสัมปชัญญะ คือ ความระลึกได้และความรู้ตัว
และความปรารถนาดีตอ่ ผู้อ่ืน รู้ว่าส่งิ ใดควรทาส่งิ ใดไมค่ วรทา
พระพุทธศาสนา ชนั้ ประถมศึกษาปที ่ี ๕
๒. บญุ กิริยาวัตถุ ๓
บุญกิริยาวัตถุ ๓ หมายถึง หลักการทาบุญอันเป็นท่ีสาเร็จผลแห่งความสุข
คาวา่ บุญ คอื ความดี ทาแลว้ ก่อใหเ้ กิดความสุขกายและใจ มี ๓ ประการ ได้แก่
๑) ทานมัย บุญสาเร็จด้วยการให้หรือการบริจาค คือ การทาบุญด้วยการ
สงเคราะห์แก่ผู้ยากไร้ เช่น การให้เส้ือผ้า อาหาร ที่พักพิง ยารักษาโรค
นอกจากน้ัน การให้อภัยซ่ึงกันและกันก็ถือว่าเป็นบุญเช่นกัน ผลที่ได้จากการให้
คอื เป็นท่รี กั ของคนทัว่ ไป ดงั พทุ ธศาสนสภุ าษติ ทว่ี า่ ผูใ้ หย้ ่อมเป็นท่ีรัก
๒) สีลมัย บุญสาเร็จด้วยการรักษาศีล คือ การทาบุญด้วยการรักษาศีล ๕
การประพฤติดี เป็นการรกั ษากาย วาจา ใจใหเ้ รยี บรอ้ ย
๓) ภาวนามัย บุญสาเร็จด้วยการภาวนา คือ การทาบุญด้วยการสวดมนต์
น่ังสมาธิ ทาจิตใจใหส้ งบ ใช้ปัญญาพจิ ารณาให้เหน็ ส่ิงตา่ ง ๆ ตามความเป็นจรงิ
พระพุทธศาสนา ชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ ๕
๒. บญุ กริ ิยาวตั ถุ ๓
พระพุทธศาสนา ชนั้ ประถมศึกษาปที ่ี ๕
๓. อทิ ธบิ าท ๔
อิทธิบาท หมายถึง เคร่ืองมือทาให้บรรลุถึงความสาเร็จในการทางาน
มี ๔ ประการ ไดแ้ ก่
พระพุทธศาสนา ชน้ั ประถมศึกษาปที ่ี ๕
พระพุทธศาสนา ชน้ั ประถมศึกษาปที ่ี ๕
๓. อิทธบิ าท ๔
อิทธบิ าท ๔ สรุปได้ง่าย ๆ ดงั นี้
พระพุทธศาสนา ชน้ั ประถมศึกษาปที ่ี ๕
๔. กตัญญูกตเวทีตอ่ พระพุทธศาสนา
จากการศึกษาพุทธประวัติ ทาให้เราได้ทราบว่าพระพุทธเจ้าทรงเป็นผู้ท่ีมี
ความเสียสละ โดยได้อุทิศพระองค์เพ่ือแสวงหาหลักธรรมจนค้นพบ และเผยแผ่
พระพุทธศาสนา เพ่ือให้พุทธศาสนิกชนนาหลักธรรมไปปฏิบัติในการดาเนินชีวิต
เพ่อื ให้เกิดความสงบสขุ
ในประเทศไทยประชากรส่วนใหญ่นับถือพระพุทธศาสนา จึงทาให้เมืองไทย
กลายเป็นเมืองพุทธ ผู้คนอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข ไม่เบียดเบียน ไม่เกิดความ
แตกแยกกันเพราะหลักธรรมในพระพุทธศาสนาสอนให้พุทธศาสนิกชนเป็นคนดี
มีจิตเมตตา
พระพุทธศาสนา ชน้ั ประถมศึกษาปที ่ี ๕
๔. กตัญญูกตเวทีตอ่ พระพทุ ธศาสนา
นอกจากนั้น ประเพณี วัฒนธรรมอันดีงาม
ส่ ว น ใ ห ญ่ ข อ ง ไ ท ย มี ร า ก ฐ า น ม า จ า ก
พระพุทธศาสนา ทาให้ศิลปวัฒนธรรมไทยเป็น
เอกลักษณ์เฉพาะตัวท่ีได้รับการยกย่องจาก
ชาวต่างชาติ
ดังน้ัน ชาวพุทธควรมีความกตัญญูต่อ
พระพุทธศาสนา โดยการยึดม่ันปฏิบัติตาม
ห ล ั ก ธ ร ร ม ค า ส อ น แ ล ะ ช่ ว ย ก ั น เ ผ ย แ ผ่
พระพทุ ธศาสนาให้เป็นทรี่ จู้ ักโดยกว้างขวาง การทาบญุ ตกั บาตรของชาวพุทธ
พระพุทธศาสนา ชนั้ ประถมศึกษาปที ่ี ๕
๕. มงคลชวี ิต
มงคลชีวิต คือ เหตุแห่งความสุขและความเจริญก้าวหน้าของชีวิตเป็น
หลักคาสอนทพี่ ระพุทธเจ้าทรงแสดงไวเ้ ป็นข้อควรประพฤติปฏบิ ัติ มีอยู่ ๓๘ ประการ
ในช้ันน้ีจะไดศ้ ึกษา ๓ ประการ คือ
๑) ใฝร่ ู้ ใฝเ่ รยี น
ใฝ่รู้ ใฝ่เรียน คือ ความตั้งใจที่จะเรียนรู้ หรือสนใจใคร่รู้ในส่ิงต่าง ๆ ผู้ท่ีมี
ความรู้มีโอกาสที่จะสร้างความเจริญให้แก่ชีวิตและสังคมได้ วิชาความรู้จึงเป็น
ส่ิงจาเป็นสาหรับทุกคน ผู้จะมีความรู้ได้ต้องเป็นผู้มีนิสัยสนใจเล่าเรียนรู้จักเลือก
เรียนในส่ิงท่ีควรรู้ มีนิสัยชอบฟัง ชอบอ่าน ชอบค้นคว้า และมีความกระตือรือร้น
ท่ีจะศึกษาหาความรู้เพ่ิมเติมอยู่เสมอ ความสนใจใฝ่รู้จึงเป็นส่ิงท่ีนาความ
เจริญก้าวหนา้ มาให้แก่ทกุ คน
พระพุทธศาสนา ชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ ๕
๕. มงคลชวี ติ
พระพุทธศาสนา ชน้ั ประถมศึกษาปีท่ี ๕
๒) การงานไมอ่ ากลู
อากลู แปลว่า คงั่ ค้าง การทางานไมอ่ ากูล คอื การทางานไม่คั่งค้าง
การทางานไม่ค่ังค้าง คือ การมีความรับผิดชอบ ทางานที่ได้รับมอบหมาย
ให้สาเร็จตามเวลาที่กาหนด ลักษณะของคนที่มีความรับผิดชอบต่องาน คือ มีนิสัย
ไม่ผัดวนั ประกนั พรุ่ง ไม่เกียจครา้ น มนี ิสยั รักงาน มีความพากเพียรไม่ท้อถอย
มีความรบั ผิดชอบ ไม่มคี วามรับผิดชอบ
พระพุทธศาสนา ชน้ั ประถมศึกษาปที ่ี ๕
๓) ความอดทน
ความอดทนมาจากคาว่า ขันติ คือ มีความอดทนตรากตราทางาน ทนความเหน่ือยยาก
และทนความลาบากต่าง ๆ ความอดทนแบ่งออกได้ ดงั น้ี
(๑) อดทนต่อความลาบากตรากตราต่าง ๆ เช่น อดทนต่อสภาพทางธรรมชาติเวลา
ทางาน คอื ความรอ้ น ความหนาว ฝนตก แดดออก
(๒) อดทนต่อความเจบ็ ปวดตา่ ง ๆ เชน่ ความไมส่ บายกายของเรา ความเจบ็ ไขไ้ ดป้ ว่ ย
(๓) อดทนต่อความเจ็บใจ คือ การอดทนต่อความโกรธความไม่พอใจ ความขัดใจ
ซ่ึงเกิดจากการกระทาของผู้อ่ืน
(๔) อดทนต่ออานาจกิเลส คือ การอดทนต่อความอยากต่าง ๆ เช่น ความอยากได้
ความอยากมี ความอยากเป็น
ผู้ที่มีความอดทนอดกล้ันต่อส่ิงต่าง ๆ เป็นที่รักของผู้อ่ืนมีความสาเร็จในการเล่าเรียน
หรือในการงานตา่ ง ๆ ชวี ิตก็จะพบแต่ความสุข
พระพุทธศาสนา ชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ ๕
๓.๓ การทาจติ ใจให้ผ่องใสบรสิ ุทธ์ิ
เม่ือละเว้นการทาความช่ัว ทาความดีให้
ถึงพร้อมแล้ว ส่ิงสาคัญอีกประการหน่ึ ง คือ
การทาจิตใจให้บริสุทธ์ิปราศจากส่ิงเศร้าหมอง
ซ่ึงจะส่งผลให้เกิดความสุข การบริหารจิตเจริญ
ปัญญาด้วยการสวดมนต์ไหว้พระ นั่งสมาธิ
จะช่วยให้มจี ิตใจสงบ เกดิ สมาธิ
หากพุทธศาสนิกชน ปฏิบัติตนตามหลัก
โอวาท ๓ กส็ ามารถทาให้จิตใจผอ่ งใสบริสุทธ์ิ
การนง่ั สมาธเิ พ่อื ใหจ้ ิตใจสงบ
พระพุทธศาสนา ชน้ั ประถมศึกษาปที ่ี ๕
จดั ทำ E- book
โดย
นำงสำวอุดมลกั ษณ์ ลำเลิศ
เนอื หำจำก สถำบนั พฒั นำคุณภำพวชิ ำกำร (พว.)
พระพุทธศาสนา ชน้ั ประถมศึกษาปีท่ี ๕