พระพุทธศาสนา ชน้ั ประถมศึกษาปที ่ี ๔
พระพุทธศาสนา ชน้ั ประถมศึกษาปที ่ี ๔
๒. พทุ ธประวัติ
พระพุทธศาสนา ชนั้ ประถมศึกษาปีท่ี ๔
๒.๑ สรปุ พุทธประวัติ
พุทธประวัติ คือ ประวัติของพระพุทธเจ้า ซ่ึงเป็นศาสดาและผู้ก่อต้ัง
พระพุทธศาสนา พระพุทธเจ้ามีพระนามว่า เจ้าชายสิทธัตถะ ประสูติเม่ือวันเพ็ญข้ึน
๑๕ ค่า เดือน ๖ ก่อนพุทธศักราช ๘๐ ปี พระบิดาคือ พระเจ้าสุทโธทนะกษัตริย์
แห่งกรุงกบิลพัสด์ุ พระมารดาคือ พระนางสิริมหามายา เม่ือพระชนมายุได้ ๗ พรรษา
ได้ทรงศึกษาศิลปวิทยาการต่าง ๆ เพ่ือเตรียมเป็นกษัตริย์ในอนาคต คราวหน่ึงเสด็จ
ประพาสอุทยานไดพ้ บเทวทตู ท้งั ๔
พระพุทธศาสนา ชนั้ ประถมศึกษาปีท่ี ๔
๒.๑ สรุปพทุ ธประวตั ิ คือ คนแก่ คนเจ็บ คนตาย ทรงสังเวชสลด
พระทัย และเห็นนักบวช ซ่ึงอยู่ในอาการที่
เทวทตู ท้ัง ๔ สงบก็ทรงพอพระทัย และเป็นสาเหตุท่ีให้
ตัดสินพระทัยออกผนวชในคืนท่ีพระโอรส
พระนามว่า ราหุลประสูติ ซ่ึงขณะนั้นพระองค์
มีพระชนมายุ ๒๙ พรรษา
พระพุทธศาสนา ชน้ั ประถมศึกษาปีท่ี ๔
๒.๒ การตรัสรู้
เจ้าชายสทิ ธตั ถะเสดจ็ ออกผนวชริมฝ่ ังแม่น้าอโนมา เม่ือผนวชแล้วได้ไปศึกษา
อยู่ท่ีสานักของอาฬารดาบสกาลามโคตร และอุททกดาบสรามบุตรจนสาเร็จก็ทรงเห็น
วา่ ยงั ไม่ใชห่ นทางแห่งการตรัสรู้ จึงเสด็จแสวงหาธรรมด้วยพระองคเ์ อง
เจ้าชายสิทธัตถะได้แสวงหาหนทางตรัสรู้โดยการบาเพ็ญ ทุกรกิริยา
(ทุก-กะ-ระ-กิ-ริ-ยา) คือ การทรมานร่างกาย เช่น กล้ันลมหายใจ อดอาหารจนร่างกาย
ซูบผอม
พระพุทธศาสนา ชน้ั ประถมศึกษาปที ่ี ๔
๒.๒ การตรัสรู้
เม่ือยังไม่พบหนทางพ้นทุกข์ จึงทรงเลิกวิธีทรมานร่างกาย เหล่าปัญจวัคคีย์
ที่คอยปรนนิบัติพระองค์ขณะบาเพ็ญทุกรกิริยาเห็นว่า พระองค์เลิกบาเพ็ญเพียร
จึงพากันท้ิงพระองค์หนีไปอยู่อิสิปตนมฤคทายวัน (อิ-สิ-ปะ-ตะ-นะ-มะ-รึก-คะ-ทา-
ยะ-วัน) พระองค์ทรงดาเนินทางสายกลางโดยการหันมาเสวยอาหารเพ่ือให้ร่างกาย
แข็งแรงและบาเพ็ญเพียรโดยการนั่งสมาธิ จนเกิดปัญญาบรรลุญาณขั้นต่าง ๆ
และตรัสรู้อริยสัจ ๔ เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ณ ใต้ต้นพระศรีมหาโพธ์ิ ใกล้ฝ่ ังแม่น้า
เนรญั ชรา เม่อื วนั ข้นึ ๑๕ ค่า เดือน ๖ ขณะท่มี ีพระชนมายุ ๓๕ พรรษา
พระพุทธศาสนา ชน้ั ประถมศึกษาปที ่ี ๔
๒.๒ การตรสั รู้
พระพทุ ธเจ้าตรัสรู้อริยสจั ๔ ใตต้ ้นพระศรีมหาโพธ์ิ
พระพุทธศาสนา ชน้ั ประถมศึกษาปที ่ี ๔
๒.๓ การประกาศธรรม
เม่ือพระองค์ตรัสรู้แล้ว ประสงค์จะเผยแผ่พระพุทธศาสนาจึงได้เดินทางไปยัง
อิสิปตนมฤคทายวัน เพ่ือโปรดปัญจวัคคีย์ โดยการแสดงปฐมเทศนา ท่ีเรียกว่า
“ธมั มจกั กปั ปวตั นสูตร” และทาให้อัญญาโกณฑญั ญะหน่ึงในปัญจวัคคีย์ ได้ดวงตาเห็น
ธรรมและขออุปสมบทเป็นพระภิกษุรูปแรกในพระพุทธศาสนา และทรงแสดงธรรม
ตอ่ ไปจนปัญจวัคคยี ์ทง้ั ๔
พระพุทธศาสนา ชน้ั ประถมศึกษาปที ่ี ๔
๒.๓ การประกาศธรรม
เกิดดว งตาเห็นธร รมและขอ อุปสมบท
เป็นพระสงฆ์สาวก ต่อจากน้ันได้มีผู้เล่ือมใส
เข้ามาขออุปสมบท จน มีพระสงฆ์สาวก
๖๐ รูป พระองค์จึงส่งสาวกเหล่านั้นไป
เผยแผ่ศาสนายังเมืองต่าง ๆ ส่วนพระองค์
ได้เสด็จไปแสดงธรรมโปรดชฎิล ๓ พ่ีนอ้ ง
ณ ตาบลอรุ ุเวลาเสนานิคม
พระพุทธเจา้ แสดงธรรมโปรดปัญจวัคคยี ์
พระพุทธศาสนา ชน้ั ประถมศึกษาปที ่ี ๔
๑. โปรดชฎิล ๓ พ่ีนอ้ ง
พระพุทธเจ้าทรงดาริ ท่ีจะเผยแผ่พระพุทธศาสนา และเห็นว่าการเผยแผ่จะให้ได้
รวดเร็วน้ัน ต้องเผยแผ่กับเจ้าลัทธิที่มีผู้นับถือจานวนมากอยู่แล้ว พระองค์เห็นว่าชฎิล
สามพ่ีนอ้ งตระกูลกัสสปะ ที่มีบริวารรวมกัน ๑,๐๐๐ คน น่าจะเหมาะท่ีจะช่วยในการ
เผยแผ่พระพุทธศาสนา พระองค์จึงเดินทางไปพบชฎิลผู้พี่ คือ อุรุเวลกัสสปะ โดยขอ
เข้าไปอาศัยพักแรม แต่อุรุเวลกัสสปะได้ให้พระพุทธเจ้าเข้าไปพักในโรงบูชาไฟ ซ่ึงมี
พญานาคอาศยั อยู่
พระพุทธศาสนา ชนั้ ประถมศึกษาปที ่ี ๔
๑. โปรดชฎิล ๓ พ่นี อ้ ง
แ ต่ พ ร ะ อ ง ค์ ไ ด้ ป ร า บ ใ ห้ พ ญ า น า ค ท่ี ดุ ร้ า ย ข ด อ ยู่ ใ น บ า ต ร ไ ด้ จ น ช ฎิ ล เ กิ ด ค ว า ม
เล่ือมใสลอยเคร่ืองบูชาไฟและขออุปสมบทเป็นพระภิกษุ ฝ่ายชฎิลผู้นอ้ งท้ังสองเม่ือ
เห็นเคร่ืองบริขารของชฎิลผู้พี่ลอยมาตามกระแสน้า จึงพาบริวารเดินทางไปพบพี่ชาย
เม่ือเห็นพ่ีชายถือเพศเป็นพระภิกษุจึงขออุปสมบทด้วย จากนั้นพระพุทธเจ้าทรงแสดง
ธรรมเทศนาช่ือว่า อาทิตตปริยายสูตร (อา-ทิด-ตะ-ปะ-ริ-ยา-ยะ-สูด) แก่พระภิกษุ
เหล่านน้ั พระภกิ ษทุ ง้ั หมดไดป้ ฏบิ ัติธรรมจนบรรลุเป็นพระอรหันตใ์ นเวลาต่อมา
พระพุทธศาสนา ชน้ั ประถมศึกษาปีท่ี ๔
๑. โปรดชฎลิ ๓ พี่นอ้ ง
พระพุทธศาสนา ชน้ั ประถมศึกษาปที ่ี ๔
๒.โปรดพระเจ้าพมิ พิสาร
พ ร ะ พุ ท ธ เ จ้ า ท ร ง พ า พ ร ะ อ ร ห ั น ต์
จานวน ๑,๐๐๓ องค์ ไปยังกรุงราชคฤห์
เม่ือพระเจ้าพิมพิสารทรงทราบข่าว จึงได้
เ ส ด็ จ พ ร ะ ร า ช ด า เ นิ น พ ร้ อ ม ด้ ว ย ข้ า ร า ช -
บรพิ ารไปเข้าเฝา้ พระพทุ ธเจา้ ทรงโปรดให้
พระอุรุเวลกัสสปะชี้แจงถึงเหตุท่ีเปลี่ยนมา
นบั ถือ
พระพทุ ธเจ้าทรงแสดงธรรม
โปรดพระเจา้ พมิ พิสาร
พระพุทธศาสนา ชนั้ ประถมศึกษาปที ่ี ๔
๒.โปรดพระเจ้าพิมพิสาร
พระพุทธศาสนาให้แก่ชาวเมืองราชคฤห์ได้ทราบ จากนั้นพระพุทธเจ้าทรงแสดง
พระธรรมเทศนาโปรดพระเจ้าพิมพิสาร ข้าราชบริพาร และชาวเมืองจนเกิดความ
เล่ือมใสและศรัทธาในพระพุทธศาสนา โดยพระเจ้าพิมพิสารได้ประกาศตนเป็น
พทุ ธมามกะ และถวายพระราชอทุ ยานเวฬุวันใหเ้ ป็นทีป่ ระทับของพระพุทธเจ้า
พระพุทธศาสนา ชนั้ ประถมศึกษาปีท่ี ๔
๓. การแตง่ ตั้งพระอคั รสาวก
พระสารีบุตร และพระโมคคัลลานะ อัครสาวกของพระพุทธเจ้าผู้เป็นพุทธสาวก
และเป็นกาลงั สาคัญในการเผยแผ่พระพทุ ธศาสนา
พระพุทธศาสนา ชน้ั ประถมศึกษาปที ่ี ๔
๓. การแต่งตัง้ พระอคั รสาวก
ในช่วงที่พระพุทธเจ้าประทับอยู่ท่ีกรุงราชคฤห์มี
สานักของอาจารย์สัญชัยเวลัฏฐบุตร (สัน-ชัย-เว-ลัด-
ถะ-บุด)ต้ังอยู่บริเวณใกล้เคียงกับกรุงรา ชคฤห์
มีลูกศิษย์ประมาณ ๕๐๐ คน อุปติสสะและโกลิตะได้
เป็นศิษย์อยู่ในสานัก ท่านทั้งสองเป็นผู้มีสติปัญญาดี
เม่ือศกึ ษาจนจบความรูข้ องอาจารยส์ ญั ชยั แล้ว ทงั้ สองก็
ยังไมพ่ บหลักธรรมท่ีจะทาให้พน้ ทกุ ข์ จึงได้แยกกันไป
เ พ่ื อ อ อกแ สว ง หา ผู้ ท่ี สา มา ร ถแ สดง สั จ ธ ร ร มท่ี จะนา ไปปฏิบัติ ให้พ้นทุกข์ ไ ด้
โดยสัญญากันว่า ถ้าผู้ใดพบเห็นธรรมกอ่ นก็จะมาบอกแก่กัน
พระพุทธศาสนา ชน้ั ประถมศึกษาปที ่ี ๔
๓. การแตง่ ต้งั พระอัครสาวก
เช้าวันหน่ึงอุปติสสะกาลังเดินไปตามถนนในกรุงราชคฤห์ ก็ได้พบพระอัสสชิ
กาลังเดินบิณฑบาต อุปติสสะได้เกิดความเล่ือมใส จึงเดินเข้าไปสนทนาถึงผู้เป็น
เจ้าลัทธิและขอให้พระอัสสชิแสดงธรรมให้ฟัง พระอัสสชิได้แสดงธรรมโดยย่อ
มีใจความว่า “ธรรมเหล่าใดเกิดแต่เหตุ พระศาสดาทรงแสดงเหตุแห่งธรรมน้ัน และ
ความดับแห่งธรรมน้ัน พระศาสดาทรงสั่งสอนอย่างน้ี” อุปติสสะได้ฟังจึงเกิดดวงตา
เหน็ ธรรม จึงกลับไปบอกโกลิตะ เม่อื โกลติ ะไดฟ้ ังธรรมกไ็ ดด้ วงตาเหน็ ธรรม
พระพุทธศาสนา ชน้ั ประถมศึกษาปีท่ี ๔
๓. การแตง่ ตง้ั พระอคั รสาวก
ท้ังสองจึงชวนกันไปเฝา้ พระพุทธเจ้าและขออุปสมบทเป็นพระภิกษุในพระพุทธศาสนา
และได้สาเร็จเป็นพระอรหันต์ อุปติสสะ หรือ พระสารีบุตร ได้รับการแต่งตั้งเป็น
เอตทัคคะ คือ เป็นผู้เลิศกว่าภิกษุอ่ืนในทางปัญญา และเป็นอัครสาวกเบ้ืองขวาของ
พระพุทธเจ้า โกลิตะ หรือ พระโมคคัลลานะ ได้รับการแต่งตั้งเป็นเอตทัคคะ คือ เป็นผู้
เลิศกวา่ ภิกษอุ ่ืนในทางทม่ี ฤี ทธ์ิมากและเป็นอคั รสาวกเบ้ืองซา้ ย
พระพุทธศาสนา ชนั้ ประถมศึกษาปที ่ี ๔
๔. ทรงแสดงโอวาทปาติโมกข์
หลังจากพระพุทธเจ้าประกาศธรรม พระพทุ ธเจา้ ทรงแสดงโอวาทปาตโิ มกข์
แ ล ะ เ ผ ย แ ผ่ พ ร ะ พุ ท ธ ศ า ส น า จ น มี ในวนั มาฆบูชา
พุ ท ธ ศ า ส นิ ก ช น น ั บ ถื อ เ ป็ น จ า น ว น ม า ก
พระองค์ได้ประกาศหลักธรรมคาสอนซ่ึง
เป็นหัวใจสาคัญของพระพุทธศาสนา คือ
โอวาทปาติโมกข์ ในวันเพ็ญข้ึน ๑๕ ค่า
เดือน ๓ หรอื วนั มาฆบูชา
พระพุทธศาสนา ชน้ั ประถมศึกษาปที ่ี ๔
๔. ทรงแสดงโอวาทปาตโิ มกข์
ใจความสาคัญของโอวาทปาติโมกข์ คอื
๑. ละเวน้ ความชวั่ คอื งดเวน้ จากการประพฤติช่วั ทางกาย วาจา ใจ
๒. ทาความดี คอื ประพฤติดีทั้งทางกาย วาจา ใจ
๓. ทาจิตใจใหผ้ อ่ งใสบริสุทธ์ิ คอื การบรหิ ารจิตและเจริญปัญญา ปฏิบัติ
ตามหลกั ทาน ศลี และภาวนา
พระพุทธศาสนา ชนั้ ประถมศึกษาปที ่ี ๔
จัดทำ E- book
โดย
นำงสำวอุดมลกั ษณ์ ลำเลศิ
เนือหำจำก สถำบนั พัฒนำคุณภำพวิชำกำร (พว.)
พระพุทธศาสนา ชนั้ ประถมศึกษาปที ่ี ๔