๑. การศกึ ษาประวัติศาสตรไ์ ทยโดยใช้
วธิ กี ารทางประวตั ิศาสตร์
การศึกษาประวัติศาสตร์เป็นการศึกษาเหตุการณ์ในอดีต
สา มา ร ถศึกษา ไ ด้ โด ย ใ ช้วิ ธี กา ร ท า งป ร ะ ว ั ติ ศ าส ต ร์ ซ่ึ ง เ ป็ น
ก ร ะ บ ว น ก า ร ท่ี น ั ก ป ร ะ ว ั ติ ศ า ส ต ร์ ใ ช้ ใ น ก า ร ศึ ก ษ า ค้ น ค ว้ า ห รื อ
เรียบเรียงเหตุการณ์ประวัติศาสตร์จากหลักฐานต่าง ๆ เพ่ือให้
สามารถเข้าใจเร่ืองราวในอดตี ได้อยา่ งชัดเจน
๑.๑ การศึกษาเร่อื งราวทางประวตั ศิ าสตร์
โดยใช้วธิ ีการทางประวัตศิ าสตร์
การศึกษาเร่ืองราวทางประวัติศาสตร์โดยใช้วิธีการทาง
ประวัติศาสตร์มี ๕ ขั้นตอน ดังน้ี
แผนภาพความคิดการเรียงลาดับวธิ กี ารทางประวตั ิศาสตร์
การรวบรวมข้อมูลและหลักฐาน คือ เม่ือกาหนดคาถาม
หรือหัวข้อท่ีจะศึกษาแล้ว ข้ันตอนต่อไปคือการรวบรวมข้อมูล
เก่ียวกับเร่ืองท่ีจะศึกษาจากหลักฐานประเภทต่าง ๆ ท้ังจากหลักฐาน
ชั้นต้น และหลักฐานช้ันรอง หลักฐานท่ีเป็นลายลักษณ์อักษร และ
หลักฐานท่ีไมเ่ ป็นลายลกั ษณอ์ กั ษร
การตรวจสอบข้อมูลและหลักฐาน คือ การประเมินความ
น่าเช่อื ถอื และความถูกตอ้ งของข้อมูลและหลักฐานท่ีรวบรวมได้ว่า
มีความน่าเช่ือถือหรือไม่ เช่น หนังสือที่นามาใช้เป็นข้อมูลใน
การศกึ ษาประวัติศาสตร์ เป็นหลักฐานประเภทใด หลักฐานท่ีได้มา
นั้นขัดแย้งกับข้อเท็จจริงหรือขัดแย้งกันเองหรือไม่ ใครเป็น
ผู้เขียน มีความรู้ในเร่ืองน้ันหรือไม่ ผู้เขียนมีความเป็นกลาง
หรือนาความคิดเห็นของตนเองมาเขียน มีแหล่งอ้างอิงข้อมูล
หรือไม่
การนาเสนอ คือ การนาเร่ืองราวท่ีได้มาเรียบเรียงเพ่ือ
นาเสนอในรูปแบบต่าง ๆ เช่น การเขียนเรียงความ การเล่าเร่ือง
การจัดนิทรรศการ เป็นต้น โดยนาเสนอความคิดเห็นอย่างเป็น
เหตุเป็นผล มีหลักฐานอ้างอิงที่เช่ือถือได้และนาเสนอด้วยความ
เป็นกลาง
๑.๒ การศึกษาเร่อื งราวในท้องถ่ินโดยใช้
วธิ ีการทางประวัตศิ าสตร์
ท้องถ่ินแต่ละแห่งล้วนมีประวัติศาสตร์หรือเร่ืองราวต่าง ๆ
เกิดข้ึน เช่น ประวัติการตั้งถ่ินฐานของคนในท้องถ่ิน เหตุการณ์
สาคัญท่เี กิดข้ึนในท้องถ่นิ บุคคลสาคัญท่ีทาประโยชน์ให้แก่ท้องถ่ิน
ป ร ะ เ พ ณี แ ล ะ ว ั ฒ น ธ ร ร ม ใ น ท้ อ ง ถ่ิ น ก า ร ศึ ก ษ า เ ร่ื อ ง ร า ว
ในท้องถ่ินมีประโยชน์ คือ ทาให้คนในท้องถ่ินรู้จักและภาคภูมิใจ
ในท้องถ่ินของตนเอง รวมทั้งเข้าใจคนและสังคมในท้องถ่ินได้ดี
ย่งิ ข้ึน
สะพานขา้ มแมน่ ้าแคว จงั หวดั กาญจนบรุ ี
หลักฐานทางประวัติศาสตร์ ไดแ้ ก่
๑.หลักฐานท่เี ป็นลายลักษณอ์ ักษร ไดแ้ ก่
รายงานของกองบัญชาการทหารสูงสุดเก่ียวกับญ่ีปุ่น
ท่ีเก็บไว้ในกองจดหมายเหตุ เช่น เร่ืองการสร้างทางรถไฟเช่ือม
ประเทศไทย-พมา่
บันทึกของนากามูระ อาเคโต ผู้บัญชาการกองทัพญี่ปุ่น
ประจาประเทศไทย ฉบบั ทแ่ี ปลเป็นภาษาไทย
หนังสือเร่ือง ประวัติศาสตร์บอกเล่า : สภาพของจังหวัด
กาญจนบุรีในสมัยสงครามโลกคร้ังท่ี ๒ เขียนโดย บุญรอด
ชลารักษ์
หนังสือเร่ือง ทางรถไฟสายไทย-พม่า เขียนโดยโยชิกาวา
โทรฮิ ารุ ฉบบั ที่แปลเป็นภาษาไทย
แผนท่ีจังหวดั กาญจนบรุ ี แสดงท่ีตั้งสะพานข้ามแมน่ ้าแคว
นักเรียนศึกษาหลักฐานช้ินอ่ืน ๆ ท่ีรวบรวมได้ โดยวิธี
ดังตัวอย่าง จากน้ันจึงเร่ิมตรวจสอบ เช่น ผู้เขียนมีความรู้เร่ืองราว
เกี่ยวกับสะพานข้ามแม่น้ าแควมากนอ้ ยเพียงใด ข้อมูลท่ีเขียน
มีความน่าเช่อื ถือเพยี งใด
เม่ือได้ข้อมูลจากหลักฐานต่าง ๆ แล้วให้นักเรียนศึกษาข้อมูล
ดงั กลา่ ว และสรปุ เป็นความรู้ ดังนี้
สะพานขา้ มแมน่ ้าแคว จงั หวดั กาญจนบรุ ี
๒. หลักฐานท่ใี ช้ศึกษาเหตุการณส์ าคัญใน
ประวัตศิ าสตรไ์ ทยสมยั รตั นโกสนิ ทร์
๒.๑ หลกั ฐานในการศกึ ษาประวตั ิศาสตรไ์ ทย
สมัยรัตนโกสินทร์
หลักฐานทางประวัติศาสตร์ คือ ส่ิงท่ีให้ความจริง ข้อเท็จจริง
หรือรายละเอียด ท่ีมีประโยชน์ต่อการศึกษาเหตุการณ์ทาง
ประวัตศิ าสตร์ หลักฐานทางประวัติศาสตร์ แบ่งออกเป็น ๒ ประเภท
ไดแ้ ก่
๑. หลักฐานที่เป็นลายลักษณ์อักษร หลักฐานประเภทน้ีเป็น
หลกั ฐานท่ีใช้ในการศึกษาประวตั ิศาสตรม์ ากท่ีสดุ
๑.๑ จารึก คือ หลักฐานท่ีเขียนข้ึน
เพ่ือบันทึกเหตุการณ์หรือเร่ืองราวใน
สังคม โดยผู้จารึกมีจุดมุ่งหมายในการ
บันทึกเพ่ือบอกเล่าเร่ืองราวต่าง ๆ ที่
สาคัญลงในวัสดุที่มคี วามคงทนถาวร
จารึกวัดพระเชตุพนวิมล-
มงั คลารามราชวรมหาวหิ าร
(วดั โพธ์ิ)
๑.๒ พงศาวดาร
คือ การบันทึกเร่ืองราว
เหตุการณแ์ ละพระราชกรณียกิจ
ข อ ง พ ร ะ ม ห า ก ษ ั ต ริ ย์ ร ว ม ท ้ั ง
ค ว า ม เ ป็ น ไ ป ข อ ง อ า ณ า จ ั ก ร
เ น้ื อ ห า ใ น พ ง ศ า ว ด า ร ส่ ว น ใ ห ญ่
จึ ง เ ป็ น เ ร่ื อ ง ร า ว ท่ี เ ก่ี ย ว ข้ อ ง ก ั บ
ชนชั้นปกครอง พระราชพงศาวดารกรุงรตั นโกสนิ ทร์
บันทึกเร่อื งราวเกยี่ วกับเหตุการณ์
บ้านเมอื งในสมัยรตั นโกสนิ ทร์
๑.๓ ตานาน คือ เร่ืองราวท่ีเล่าสืบต่อกันมา ภายหลังจึงได้มี
การจดบันทึกเป็นลายลักษณ์อักษร เร่ืองในตานานอาจถูกเพ่ิมเติม
ดัดแปลงไปจากเดิม เช่น การเพ่ิมเร่ืองปาฏิหาริย์เข้าไปเพ่ือให้เกิด
ความศักด์สิ ิทธ์ิหรอื สนกุ สนาน
๑.๔ บนั ทกึ ในลกั ษณะต่าง ๆ ไดแ้ ก่
เอกสารราชการ เช่น สนธิสัญญา แผนพัฒนาเศรษฐกิจ
และสังคมแห่งชาติ บันทึกการประชุมราชการหรือเอกสาร
เกี่ยวกับแผนการปฏิรูปการบริหารการปกครองแผ่นดินใน
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกลา้ เจ้าอยหู่ ัว (รัชกาลท่ี ๕)
บ ั น ทึ ก เ ห ตุ ก า ร ณ์ ซ่ึ ง อ า จ เ ป็ น บ ั น ทึ ก ส่ ว น ต ั ว ข อ ง
บุคคลสาคัญในลักษณะของบันทึกความทรงจา หรือจดหมาย
ซ่ึงมีเร่ืองเก่ียวกับบุคคล สถานท่ีหรือเหตุการณ์บ้านเมือง
ในอดีตที่ผ้เู ขยี นไดม้ ีสว่ นเก่ียวข้องหรอื ไดพ้ บเหน็ ด้วยตนเอง
๒. หลักฐานท่ีไม่เป็นลายลักษณ์อักษร เช่น หลักฐานประเภท
สถานท่ีสาคัญ โบราณวัตถุ เคร่ืองมือเคร่ืองใช้ อนุสาวรีย์ต่าง ๆ
ภาพวาด ภาพถ่าย ภาพยนตร์ เพลงพ้ืนบ้าน การแสดงโขน
คาบอกเลา่
พระแกว้ มรกต ประดิษฐาน พระนครคีรี (เขาวัง) จงั หวดั เพชรบรุ ี
อยู่ท่ีวดั พระศรรี ตั นศาสดาราม
กรงุ เทพมหานคร
อนสุ าวรียป์ ระชาธิปไตย การแสดงโขน
ต้งั อยทู่ ี่ถนนราชดาเนิน
กรุงเทพมหานคร
แหลง่ ข้อมลู ในการศกึ ษาประวัตศิ าสตร์ไทย
สมัยรตั นโกสินทร์
แหล่งข้อมูลประวัติศาสตร์ คือ ที่ซ่ึงมีหลักฐานประวัติศาสตร์
ทั้งท่ีเป็นหลักฐานประเภทลายลักษณ์อักษร และหลักฐานที่ไม่เป็น
ลายลักษณ์อักษร แหล่งข้อมูลสาหรับการศึกษาประวัติศาสตร์ไทย
สมยั รัตนโกสินทร์ เช่น
๑. หอ้ งสมดุ
แหล่งข้อมูลท่ีนักเรียนสามารถศึกษา
ประวัติศาสตร์สมัย รัตนโกสินทร์ที่
ใกล้ตัวที่สุด คือ ห้องสมุดของโรงเรียน
และห้องสมุดประจาสถานที่ราชการของ
แต่ละหน่วยงาน
หอ้ งสมุดประชาชน
๒. หอสมุดแห่งชาติ หอสมุดแหง่ ชาติ
ต ้ั ง อ ยู่ ท่ี ก รุ ง เ ท พ ม ห า น ค ร
ใ น ห อ ส มุ ด แ ห่ ง ช า ติ มี ห น ั ง สื อ
เ ก่ี ย ว ก ั บ ป ร ะ ว ั ติ ศ า ส ต ร์ ไ ท ย ใ น
สมัยรัตนโกสินทร์เป็นจานวนมาก
นอ กจ ากนี้ ยัง มีห อ จ ด ห มา ยเห ตุ
ที่เก็บเอกสารประวัติศาสตร์ชั้นต้น
ไวโ้ ดยเฉพาะ
๓. ศาสนสถาน
เ ช่ น ว ั ด ม ั ส ยิ ด โ บ ส ถ์ ซ่ึ ง เ ป็ น แ ห ล่ ง ข้ อ มู ล ส า ค ั ญ ท า ง
ประวัติศาสตร์ที่ใช้ศึกษาเร่ืองราวในสมัยต่าง ๆ รวมท้ังในสมัย
รัต นโก สินท ร์เ น่ื อง จาก ศา สนส ถาน เป็ นศูน ย์รวมข องกลุ่มคนใ น
ชุ ม ช น ท่ี มี ก า ร ส ั่ ง ส ม ศิ ล ป วิ ท ย า ก า ร ท ั้ ง ท า ง ด้ า น ส ถ า ปั ต ย ก ร ร ม
จิตรกรรม ประตมิ ากรรม วรรณกรรม และพธิ ีกรรม
วดั เบญจมบพติ รดสุ ิตวนารามราชวรวหิ าร
๔. พพิ ิธภัณฑ์
เ ป็ น แ ห ล่ ง ข้ อ มู ล ท่ี ร ว บ ร ว ม ห ล ั ก ฐ า น เ ก่ี ย ว ก ั บ ก า ร ด า ร ง ชี วิ ต
วัฒนธรรม ประเพณีและผลงานทางศิลปะ เช่น พิพิธภัณฑสถาน-
แห่งชาติท่ีกรุงเทพมหานครหรือที่จังหวัดต่าง ๆ นอกจากน้ียังมี
พิพิธภัณฑ์ของหน่วยงานบางแห่ง เช่น พิพิธภัณฑ์สยามหรือ
พิพธิ ภัณฑข์ องเอกชนท้งั ในกรงุ เทพมหานครและตา่ งจงั หวัด
มวิ เซียมสยาม
๕. โบราณวัตถแุ ละโบราณสถาน
เ ป็ น แ ห ล่ ง ข้ อ มู ล ท่ี ส า ค ั ญ ส า ห ร ั บ ศึ ก ษ า ป ร ะ ว ั ติ ศ า ส ต ร์ ช า ติ
เช่น หลวงพ่อโตหรือพระพุทธไตรรัตนนายก วัดกัลยาณมิตร-
วรมหาวิหาร เรือพระราชพิธีท่ีกองเรือพระราชพิธี ตึกเก่าในจังหวัด
ภูเก็ตที่สร้างข้ึนในสมัยรัตนโกสินทร์ ล้วนเป็นแหล่งข้อมูลใน
การศกึ ษาประวัตศิ าสตร์สมยั รัตนโกสนิ ทร์
หลวงพ่อโต วัดกลั ยาณมติ รวรมหาวิหาร กรุงเทพมหานคร
๒.๒ ขอ้ มูลที่ไดจ้ ากหลักฐานทางประวัตศิ าสตร์
นักเรียนเคยเรียนมาแล้วว่า หลักฐานทางประวัติศาสตร์
ใหข้ อ้ มูลแก่ผสู้ บื คน้ ท้งั ความจริง และขอ้ เท็จจริง
ความจริง หมายถึง ข้อมูลท่ีผ่านการตรวจสอบและได้รับการ
ยอมรบั ว่าเป็นจรงิ เช่ือถือได้
ขอ้ เท็จจริง หมายถงึ ขอ้ มูลที่ยังไม่ได้มีการตรวจสอบ และจะมี
ท้ังความคิดเห็น ขอ้ สนั นิษฐาน ความเท็จ ความจริงปะปนรวมกันอยู่
๒.๓ การนาเสนอข้อมูลที่ได้จากหลักฐานทาง
ประวตั ิศาสตร์
การนาเสนอข้อมูลที่ได้ศึกษาจากหลักฐานทางประวัติศาสตร์
เป็นข้ันตอนสุดท้ายของการศึกษาค้นคว้าเร่ืองราวที่นักเรียนสนใจ
การนาเสนอขอ้ มลู อาจทาได้หลายอย่าง เช่น
การเล่าเร่ือง เป็นการบอกผลของการศึกษาด้วยคาพูด โดย
กล่าวนาถึงประเด็นปัญหาท่ีสนใจศึกษา แล้วจึงเสนอเร่ืองราวหรือ
เหตกุ ารณท์ ี่ทาการศึกษาคน้ คว้า
๒.๓ การนาเสนอขอ้ มลู ท่ีได้จากหลกั ฐานทาง
ประวัติศาสตร์
การเขยี นรายงาน โดยทั่วไปการเขียนรายงานเร่ิมต้นด้วยการ
เขียนคานา แล้วจึงเขียนเน้ือหาสาระให้สอดคล้อง มีความสัมพันธ์
กนั และเขียนสรปุ ในตอนสุดทา้ ย
การจัดนิทรรศการ การจัดนิทรรศการ (อ่านว่า นิ-ทัด-สะ-
กาน) ให้น่าสนใจ ควรเสนอเน้ือหาด้วยภาพ แผนท่ีและสถิติต่าง ๆ
โดยเขยี นคาอธิบายประกอบการจัดนิทรรศการให้ส้นั แตไ่ ดใ้ จความ
จัดทำ E- book
โดย
นำงสำวอุดมลักษณ์ ลำเลิศ
เนือหำจำก สถำบนั พฒั นำคุณภำพวชิ ำกำร (พว.)