คำชแ้ี จง
แบบฝกึ ทกั ษะเล่มน้เี ป็นสว่ นหนงึ่ ของกลมุ่ สำระกำรเรยี นรู้วิทยำศำสตร์
ที่ช่วยในกำรพัฒนำกำรเรียนรู้โดยใช้แบบฝึกทักษะเรื่อง แรงลัพธ์และแรงเสียดทำน
สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษำปีที่ 5 ตำมหลักสูตรแกนกลำงกำรศึกษำขั้นพื้นฐำน
พุทธศักรำช 2551 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560) โดยนักเรียนควรอ่ำนคำแนะนำและ
ปฏิบัติกิจกรรมตำมข้ันตอน นักเรียนจะได้รับควำมรู้อย่ำงครบถ้วน และปฏิบัติตำม
ขน้ั ตอนดังต่อไปนี้
1. ศึกษำจุดประสงค์กำรเรียนรู้ เพ่ือให้รู้ว่ำเม่ือเรียนจบแบบฝึกทักษะนี้แล้วนักเรียน
สำมำรถเรียนรอู้ ะไรได้บ้ำง
2. ทำแบบทดสอบก่อนเรียนวัดควำมรู้พื้นฐำนเกี่ยวกับเร่ืองท่ีจะศึกษำมำกน้อย
เพียงใด
3. ศึกษำข้อมูลควำมรู้และทำกิจกรรมตำมที่กำหนดไว้เพ่ือเป็นกำรทบทวนควำมรู้
ควำมเขำ้ ใจในเนอื้ หำให้มำกยง่ิ ข้นึ ใช้เวลำ 3 ช่วั โมง
4. ทำแบบทดสอบหลงั เรียน เพอื่ วดั ควำมรคู้ วำมเขำ้ ใจอีกคร้งั แล้วตรวจคำตอบ
เพือ่ เปรยี บเทยี บควำมก้ำวหน้ำทำงกำรเรียน
5. นักเรียนแตล่ ะคนต้องมคี วำมซือ่ สัตยไ์ มล่ อกงำนของเพอื่ น
คำแนะนำสำหรับครู
แบบฝึกทักษะเล่มนี้เป็นส่วนหน่ึงของรำยวิชำ วิทยำศำสตร์ (ว14101) พัฒนำข้ึน
เพ่ือให้ครูผู้สอนใช้เป็นเคร่ืองมือในกำรพัฒนำผลสัมฤทธ์ิทำงกำรเรียน เร่ือง แรงลัพธ์และ
แรงเสียดทำน สำหรับนกั เรียนชัน้ ประถมศกึ ษำปที ี่ 5 ซึง่ มีข้อปฏบิ ตั แิ ละทำควำมเขำ้ ใจดังน้ี
1. แบบฝึกทักษะเร่ือง แรงลัพธ์และแรงเสียดทำน เล่มนี้จะเน้นเนื้อหำในส่วนของเรื่อง
กำรหำแรงลัพธ์ของแรงทอี่ ยใู่ นระนำบเดียวกนั และกำรหำแรงเสยี ดทำนกันเทำ่ นน้ั
2. แบบทดสอบก่อนเรียนในแบบฝึกทักษะเล่มนี้เป็นชุดเดียวกับแบบทดสอบประจำหน่วย
กำรเรยี นรู้ เร่อื ง แรงและพลังงำน ของนักเรียนช้นั ประถมศึกษำปที ี่ 5
3. นักเรียนต้องได้คะแนนในกำรทำแบบฝึกทักษะและแบบทดสอบหลังเรียนได้ร้อยละ
80 ขึ้นไป จึงจะผ่ำนเกณฑ์ ถ้ำนักเรียนไม่ผ่ำนเกณฑ์ตำมท่ีกำหนดไว้ให้ทบทวนเน้ือหำ
แลว้ ทำแบบฝกึ ทักษะและทดสอบหลงั เรียนอีกคร้ัง
คำแนะนำสำหรบั นกั เรียน
แบบฝึกทักษะเล่มนี้เป็นส่วนหนึ่งของรำยวิชำ วิทยำศำสตร์ (ว14101) ที่ใช้ในกำร
พฒั นำผลสัมฤทธท์ิ ำงกำรเรยี น เร่ือง แรงลัพธ์และแรงเสียดทำน พัฒนำขึ้นเพื่อให้ครูผู้สอน
ใช้เป็นเคร่ืองมือในกำรพัฒนำผลสัมฤทธ์ิทำงกำรเรียน เรื่อง แรงลัพธ์และแรงเสียดทำน
สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษำปีที่ 5 โดยให้นักเรียนอ่ำนคำแนะนำและทำแบบฝึกทักษะ
ตำมขัน้ ตอน นักเรยี นจะได้รบั ควำมรอู้ ย่ำงครบถ้วน โดยปฏิบตั ติ ำมขนั้ ตอนดังต่อไปน้ี
1. ศึกษำจุดประสงค์กำรเรียนรู้ เพ่ือให้รู้ว่ำเม่ือเรียนจบแบบฝึกทักษะนี้แล้วนักเรียน
สำมำรถเรยี นรอู้ ะไรไดบ้ ้ำง
2. แบบทดสอบก่อนเรยี นในแบบฝึกทักษะเล่มนเ้ี ป็นชุดเดียวกับแบบทดสอบประจำหน่วย
กำรเรียนรู้ เร่อื ง แรงและพลงั งำน ของนกั เรียนช้นั ประถมศกึ ษำปีที่ 5
3. ทำแบบทดสอบหลังเรียน เพ่ือวัดควำมรู้ควำมเข้ำใจอีกคร้ังแล้วตรวจคำตอบ
เพ่ือเปรียบเทียบควำมก้ำวหน้ำทำงกำรเรียน ซึ่งนักเรียนต้องได้คะแนนร้อยละ
80 ขนึ้ ไป จงึ จะผ่ำนเกณฑ์ ถ้ำนักเรียนไม่ผ่ำนเกณฑ์ตำมที่กำหนดไว้ให้ทบทวนเน้ือหำ
แลว้ ทำแบบทดสอบหลังเรยี นอีกครง้ั
4. นกั เรยี นแต่ละคนต้องมีควำมซื่อสัตยไ์ ม่ลอกงำนของเพ่ือน
สำระกำรเรยี นรู้
มำตรฐำน ว 2.2 เขำ้ ใจธรรมชำติของแรงในชีวติ ประจำวนั ผลของแรงท่กี ระทำตอ่ วัตถลุ กั ษณะ
กำรเคลื่อนทแี่ บบต่ำง ๆ ของวตั ถุ รวมทัง้ นำควำมรไู้ ปใชป้ ระโยชน์
ว2.2 ป.5/1 อธิบำยวิธีกำรหำแรงลัพธ์ของแรงหลำยแรงในแนวเดียวกันท่ีกระทำต่อวัตถุในกรณีท่ีวัตถุ
อยนู่ ่งิ จำกหลักฐำนเชงิ ประจักษ์
ว2.2 ป.5/2 เขียนแผนภำพแสดงแรงทกี่ ระทำตอ่ วตั ถทุ อี่ ยใู่ นแนวเดยี วกันและแรงลพั ธ์ท่ีกระทำตอ่ วัตถุ
ว2.2 ป.5/3 ใชเ้ ครอื่ งชัง่ สปริงในกำรวัดแรงทีก่ ระทำต่อวัตถุ
ว2.2 ป.5/4 ระบผุ ลของแรงเสียดทำนทม่ี ีต่อกำรเปลีย่ นแปลงกำรเคล่ือนที่ของวัตถจุ ำกหลกั ฐำน
เชงิ ประจักษ์
ว2.2 ป.5/5 เขยี นแผนภำพแสดงแรงเสียดทำนและแรงทีอ่ ยู่ในแนวเดยี วกันที่กระทำต่อวัตถุ
• แรงลัพธ์เป็นผลรวมของแรงที่กระทำต่อวัตถุ โดยแรงลัพธ์ของแรง 2 แรงท่ีกระทำต่อวัตถุเดียวกัน
จะมีขนำดเท่ำกับผลรวมของแรงทั้งสองเม่ือแรงทั้งสองอยู่ในแนวเดียวกันและมีทิศทำงเดียวกันแต่จะมี
ขนำดเท่ำกับผลต่ำงของแรงท้ังสอง เม่ือแรงทั้งสองอยู่ในแนวเดียวกันแต่มีทิศทำงตรงข้ำมกัน สำหรับ
วตั ถทุ ี่อยู่นงิ่ แรงลพั ธ์ท่ีกระทำตอ่ วตั ถมุ คี ่ำเป็นศูนย์
• กำรเขียนแผนภำพของแรงท่ีกระทำต่อวัตถุสำมำรถเขียนได้โดยใช้ลูกศร โดยหัวลูกศรแสดงทิศทำง
ของแรง และควำมยำวของลูกศรแสดงขนำดของแรงท่ีกระทำตอ่ วัตถุ
• แรงเสียดทำนเป็นแรงที่เกิดข้ึนระหว่ำงผิวสัมผัสของวัตถุ เพ่ือต้ำนกำรเคลื่อนที่ของวัตถุน้ัน
โดยถ้ำออกแรงกระทำต่อวัตถุท่ีอยู่นิ่งบนพ้ืนผิวหนึ่งให้เคลื่อนที่ แรงเสียดทำนจำกพ้ืนผิวนั้นก็จะต้ำน
กำรเคลอื่ นที่ของวตั ถุ แต่ถำ้ วตั ถุกำลงั เคลอื่ นทแ่ี รงเสียดทำนก็จะทำใหว้ ตั ถุนน้ั เคลอ่ื นทชี่ ้ำลงหรือหยุดนิ่ง
จุดประสงค์กำรเรียนรู้
1. นกั เรียนสำมำรถอธบิ ำยวิธกี ำรหำแรงลพั ธข์ องแรงหลำยแรงในแนวเดยี วกนั ทีก่ ระทำต่อวัตถุ
ในกรณที ีว่ ตั ถุอยู่นง่ิ ได้อยำ่ งถูกต้อง
2. นักเรยี นสำมำรถเขียนแผนภำพแสดงแรงท่ีกระทำต่อวตั ถทุ อ่ี ยู่ในแนวเดยี วกันและแรงลัพธ์
ท่กี ระทำต่อวตั ถุไดอ้ ยำ่ งถูกต้อง
3. นักเรียนสำมำรถระบผุ ลของแรงเสยี ดทำนที่มีต่อกำรเปลีย่ นแปลงกำรเคลอื่ นที่ของวัตถุได้
อยำ่ งถกู ตอ้ ง
4. นักเรยี นสำมำรถเขียนแผนภำพแสดงแรงเสยี ดทำนและแรงทีอ่ ยใู่ นแนวเดยี วกนั ที่กระทำต่อวัตถุ
ได้อยำ่ งถกู ต้อง
3 ชัว่ โมง
1. กำรหำแรงลพั ธ์ พิจำรณำจำกสงิ่ ใด ข. รูปร่ำงของแรง
ก. ขนำดของแรง ง. ขนำดและทศิ ทำงของแรง
ค. ทิศทำงของแรง
2. แรงขนำด 15, 20 และ 60 นวิ ตัน กระทำตอ่ วตั ถใุ นแนวรำบดังรูป จะไดแ้ รงลัพธข์ องแรง
ทง้ั สำมมคี ำ่ เท่ำไร
ก. 25 นิวตนั ไปทำงขวำ ข. 50 นิวตนั ไปทำงขวำ
ค. 65 นวิ ตนั ไปทำงขวำ ง. 75 นิวตัน ไปทำงขวำ
3. ถ้ำออกแรงเท่ำ ๆ กัน ขอ้ ใดทแ่ี ต่ละคนออกแรงมำกทส่ี ุด
ก. เดก็ 2 คน เข็นลัง ข. เด็ก 4 คน เขน็ ลัง
ค. เด็ก 3 คน เข็นลัง ง. เดก็ 5 คน เขน็ ลงั
ใชแ้ ผนภำพตอ่ ไปนตี้ อบคำถำมขอ้ 4 – 6
4. กำรออกแรงกระทำกบั วัตถุใด แรงลพั ธ์มคี ำ่ 3 นิวตนั
ก. A ข. B
ค. C ง. D
5. วัตถุใดไมเ่ คล่อื นที่ ข. B
ก. A ง. D
ค. C
6. วตั ถใุ ดเคลอ่ื นทไ่ี ปทำงดำ้ นซำ้ ยมือ ข. B
ก. A ง. D
ค. C
7. ถำ้ ต้องกำรใหว้ ตั ถุเคลอื่ นทไ่ี ปทำงซำ้ ย จะต้องออกแรงตำมขอ้ ใด
ก.
ข.
ค.
ง.
8. แรงลพั ธใ์ นข้อใดทที่ ำใหว้ ัตถุไม่เคลื่อนที่
ก.
ข.
ค.
ง.
9. A B และ C ช่วยกันแบกทอ่ นซงุ หนัก 500 นิวตนั ถำ้ A ออกแรง 200 นวิ ตนั B และ C
ออกแรงเทำ่ ๆ กนั จะออกแรงคนละกนี่ วิ ตน้
ก. 150 นวิ ตัน ข. 200 นิวตัน
ค. 300 นิวต้น ง. 500 นิวตนั
10. ถ้ำสมำชิกของทีมสเี หลืองออกแรงคนละ 100 นิวตนั สมำชิกทีมสีฟ้ำจะต้องออกแรงรวมกนั
กี่นวิ ตนั ถึงจะชนะ
ก. 100 นวิ ต้น ข. 200 นิวต้น
ค. 300 นวิ ต้น ง. 400 นิวต้น
11. แรงเสยี ดทำน เกิดขน้ึ เมอื่ ใด ข. วตั ถเุ คลื่อนที่
ก. วัตถลุ อยขึ้น ง. วัตถุเปลย่ี นรูปรำ่ ง
ค. วตั ถุตกลงพืน้
12. ข้อใดไมเ่ กย่ี วข้องกบั แรงเสยี ดทำน ข. พ้ืนผวิ ของวัตถุ
ก. น้ำหนักวัตถุ ง. สสี ีนของวัตถุ และสพี ื้นผวิ
ค. พ้นื ผิวของส่ิงทีว่ ตั ถสุ ัมผสั อยู่
13. ขอ้ ใดไมอ่ ำศัยแรงเสียดทำน ข. เขยี นกระดำน
ก. จดุ ไม้ขีดไฟ ง. ใชก้ ระดำษทรำยขดั ไม้
ค. ปลอ่ ยลูกโปง่
14. ผลักวตั ถุไปตำมพืน้ แรงเสียดทำนเกิดขึน้ ทศิ ทำงใด
ก. ต้งั ฉำกกับกำรเคล่ือนท่ี ข. ทำงเดียวกบั กำรเคลื่อนที่
ค. ตรงกนั ข้ำมกบั กำรเคลือ่ นท่ี ง. เกดิ ในแนวรำบทศิ ทำงใดกใ็ ด
15. ออกแรง X กระทำกับวตั ถุ ขอ้ ใดเปน็ แรงเสยี ดทำนทเี่ กดิ ข้ึน
ก. A ข. B
ค. C ง. D
16. อำ่ นคำ่ บนสเกลของเคร่ืองชง่ั สปริงบนพ้ืนผิว Y ได้เทำ่ ใด
ก. นอ้ ยกว่ำ 5 นวิ ตัน ง. สรุปไม่ได้
ค. เท่ำกับ 5 นวิ ตนั
17. ส่งิ ใดช่วยเพ่ิมแรงเสยี ดทำน ข. น้ำมนั จักร
ก. จำระบี ง. ท่ีหำ้ มลอ้ จักรยำน
ค. รองเทำ้ สเก็ต
18. ข้อใดไม่ใชป่ ระโยชนข์ องกำรใชน้ ้ำมันหลอ่ ล่นื กับเครอ่ื งยนต์
ก. ประหยดั พลังงำน ข. เคร่อื งยนตท์ ำงำนไดค้ ลอ่ งขึ้น
ค. ลอ้ รถยดึ เกำะพ้ืนถนนไดด้ ี ง. ลดกำรสกึ หรอของเครอ่ื งยนต์
19. ข้อใดคือควำมเสยี หำยท่เี กดิ จำกแรงเสยี ดทำน ข. แกว้ ตกแตก
ก. พืน้ รองเท้ำสึก ง. ไม้บรรทัดหกั
ค. สมดุ ฉีกขำด
20. กิจกรรมใดตอ้ งกำรแรงเสียดทำนมำกทสี่ ดุ ข. ปนั่ จักรยำน
ก. ปีนเขำ ง. เลน่ ฟุตบอล
ค. เล่นชงิ ช้ำ
คะแนนเตม็ 20 คะแนน
คุณทำได้................................คะแนน
รหู้ รือไม่ว่ำแรงคอื อะไร
แรงคอื ผลของกำรกระทำของแรงแบบตำ่ ง ๆ อำจทำให้วตั ถุ
เปลย่ี นรูปรำ่ ง เปลย่ี นทศิ ทำง เกดิ กำรเคลื่อนทีห่ รอื หยดุ นง่ิ ได้
แรงสำมำรถเปลยี่ นควำมเร็วของวตั ถุได้หรอื กล่ำวได้วำ่
แรงทำใหว้ ตั ถุเกดิ ควำมเรง่
แล้วเรำสำมำรถเขียน
สญั ลักษณแ์ ทนแรงได้หรอื ไม่
เรำสำมำรถเขยี นสัญลกั ษณ์ของแรงโดยกำรเขยี น
เวกเตอรข์ องแรง
แรง เป็นปรมิ ำณเวกเตอร์ มที ัง้ ขนำดและทิศทำง
ขนาด ขนาด
5N 3N
ทศิ ทาง
ข้อควรทรำบ หน่วยของแรงคือ นิวตัน (N)
เรำสำมำรถหำขนำดและทิศทำง
ของแรงได้อย่ำงไร
ออกแรง 20 นวิ ตัน ออกแรง 40 นิวตนั
สำมำรถเขียนแผนภำพแสดงแรงท่เี ด็กกระทำตอ่ โต๊ะแตล่ ะครั้งดงั น้ี
20 นิวตัน 40 นิวตนั
กำรหำแรงลัพธ์ของแรง
ทีอ่ ยใู่ นระนำบเดยี วกนั
แรงลพั ธ์คืออะไร
แรงลัพธ์ หมำยถงึ ผลรวมของแรงทั้งหมดทีก่ ระทำต่อวตั ถุ
กำรหำขนำดของแรง กำรหำทศิ ทำงของแรง
ซำ้ ย ขวำ
ตำช่ังสปรงิ ทิศทำงของแรง แทนดว้ ย ทศิ ทำงของลูกศร
หนว่ ยของแรง (นวิ ตัน)
ขนำดของแรง แทนด้วย ควำมยำวของลกู ศร
จำกภำพ นักเรยี นคิดว่ำแรงลพั ธ์จะมที ศิ ทำงไปทำงทศิ ใด
ซำ้ ย ขวำ
ตอบ ………………………………………………………………………………………………
กำรหำคำ่ แรงลัพธ์
1. แรงยอ่ ยมที ศิ ทำงเดยี วกนั
แรงลพั ธ์มขี นำดเท่ำกบั ผลบวกของแรงทงั้ สอง
ทิศทำงของแรงลพั ธ์ไปทิศทำงเดียวกับแรงทง้ั สอง
2. แรงยอ่ ยมที ศิ ทำงตรงกนั ขำ้ ม
แรงลพั ธม์ ขี นำดเทำ่ กบั ผลตำ่ งของแรงทั้งสอง
ทิศทำงของแรงลัพธ์ไปทำงแรงทีม่ ีขนำดมำก
3. แรงยอ่ ยเทำ่ กนั ทิศทำงตรงกนั ขำ้ ม
แรงลพั ธ์มีขนำดเทำ่ กบั ผลต่ำงของแรงทั้งสอง
ทิศทำงของแรงลัพธจ์ ะอย่กู ับท่ี
40 นวิ ตัน
20 นิวตนั เขียนแผนภำพแสดงแรงที่เด็กกระทำตอ่ โตะ๊
ในแนวนอนได้ดังน้ี
40 นวิ ตนั แรงลพั ธ์ 60 นิวตนั
20 นวิ ตนั
จำกภำพ นกั เรยี นสำมำรถเขียนเวกเตอร์ของแรงไดอ้ ย่ำงไร
1. 2 นวิ ตนั
3 นิวตัน
2.
3.
1 นิวตัน
ตัวอยำ่ งกำรหำคำ่ แรงลพั ธจ์ ำกเวกเตอร์
1. มขี นำด เท่ำกบั 3N + 2N = 5N
มที ศิ ทำงไปทำงขวำ
แรงลพั ธ์
2. มีขนำด เท่ำกบั 3N - 1N = 2N
มที ิศทำงไปทำงซ้ำย
แรงลัพธ์
3. มีขนำด เทำ่ กบั 2N - 2N = 0N
มีทิศทำงไปทำงอยกู่ ับที่
แรงลพั ธ์
จำกภำพแรงลพั ธจ์ ะมขี นำดและทศิ ทำงเทำ่ ใด
10 นวิ ตนั 5 นวิ ตนั
แรงลัพธห์ ำไดจ้ ำก...................................................
แรงลัพธม์ ขี นำดเทำ่ กบั .................................นิวตัน
และมีทศิ ทำง.............................................
แรงลพั ธห์ ำได้จำก................................................... 2 นิวตนั 3 นิวตัน 2 นิวตัน 4 นิวตัน
แรงลพั ธ์มขี นำดเท่ำกบั .................................นวิ ตัน
4 นวิ ตนั 3 นวิ ตัน
และมที ิศทำง.............................................
แรงลัพธห์ ำไดจ้ ำก...................................................
2 นิวตนั
แรงลัพธ์มีขนำดเทำ่ กบั .................................นิวตนั
3 นิวตัน และมที ิศทำง.............................................
แรงลัพธ์หำได้จำก................................................... 5 นวิ ตนั 2 นิวตนั
3 นิวตัน
แรงลพั ธม์ ีขนำดเทำ่ กบั .................................นิวตัน
และมีทิศทำง.............................................
3 นิวตัน 2 นวิ ตัน แรงลัพธ์หำไดจ้ ำก...................................................
1 นิวตัน 2 นิวตนั แรงลัพธม์ ีขนำดเทำ่ กับ.................................นวิ ตัน
และมีทศิ ทำง.............................................
แบบฝึกทกั ษะท่ี 1
กำรหำแรงลพั ธข์ องแรงทอ่ี ยใู่ นระนำบเดยี วกนั
จงหำขนำดและทศิ ทำงของแรงลัพธ์ จำกแรงยอ่ ยทก่ี ำหนดใหต้ ่อไปนี้
(กำหนดใหค้ วำมยำว 1 หน่วย แทนขนำดของแรง 1 นวิ ตนั )
1. 1) แรงลพั ธม์ ีขนำดเท่ำกบั .................................นิวตัน
2) และมที ศิ ทำง....................................................
2. 1) แรงลพั ธม์ ขี นำดเทำ่ กบั .................................นิวตัน
2) และมีทศิ ทำง....................................................
3. แรงลพั ธ์มีขนำดเทำ่ กบั .................................นวิ ตัน
และมที ศิ ทำง....................................................
4.
จงวำดภำพเพือ่ บอกขนำดและทศิ ทำงของแรงลพั ธ์
5. จงวำดภำพเพอ่ื บอกขนำดและทศิ ทำงของแรงลพั ธ์
6. เม่อื แรงย่อย 2 แรงมีขนำด 5 N เท่ำกัน กระทำต่อโต๊ะในทศิ ทำงเดยี วกันจะมีแรงลัพธเ์ ทำ่ กบั
เทำ่ ไร
…………………………………………………………………………………………………………………………………………
7. เมื่อแรงย่อย 2 แรงมขี นำด 5 N เทำ่ กัน กระทำตอ่ โตะ๊ ในทศิ ทำงตรงกันข้ำม
จะมีแรงลัพธ์เท่ำกบั เท่ำไร
……………………………………………………………………………………………………………………………………………
8. เมื่อแรงยอ่ ย 2 แรงมีขนำด 4 N และ 3 N กระทำตอ่ ลูกบอลในทศิ ทำงเดียวกนั จะมแี รงลพั ธ์
เท่ำกบั เทำ่ ไร
……………………………………………………………………………………………………………………………………………
9. เม่อื แรงยอ่ ย 2 แรงมีขนำด 4 N และ 3 N กระทำตอ่ ลูกบอลในทศิ ทำงตรงกันข้ำมจะมแี รงลพั ธ์
เทำ่ กบั เท่ำไร
……………………………………………………………………………………………………………………………………………
10. วัตถจุ ะไม่เคล่ือนที่หำกแรงลพั ธข์ นำดเท่ำใดมำกระทำ
……………………………………………………………………………………………………………………………………………
รหู้ รอื ไม่ว่ำแรงเสยี ดทำนคืออะไร
แรงเสยี ดทำน (friction) แรงที่ต่อตำ้ นกำรเคล่ือนทข่ี องวตั ถุ
โดยเกดิ ข้นึ ระหวำ่ งผิวสัมผสั ของวตั ถกุ ับผิวของพืน้
แรงเสยี ดทำนมที ิศตรงขำ้ มกับกำรเคลอ่ื นท่ขี องวตั ถุ
ตัวอย่ำงของแรงเสียดทำน
ปจั จยั ที่มผี ลตอ่ แรงเสียดทำน
แรงเสยี ดทำนระหวำ่ งผิวสัมผัสจะมคี ่ำมำกหรือน้อยข้ึนอย่กู ับ
1. น้ำหนกั ของวตั ถุ วตั ถทุ ม่ี ีนำ้ หนักมำกจะมีแรงเสยี ดทำนมำก
2. ลักษณะของผวิ สมั ผสั ถำ้ ผวิ สัมผสั หยำบ ขรขุ ระจะเกดิ แรงเสียดทำนมำกสว่ นผิวสมั ผัส
เรยี บล่ืนจะเกิดแรงเสียดทำนน้อย
3. ชนิดของผวิ วสั ดุ เช่น วัสดผุ ิวเรยี บ มนั จะเกแิ รเสียดทำนนอ้ ยกว่ำวสั ดุผิวขรุขระ หยำบ
กำรลดแรงเสยี ดทำน กำรเพิม่ แรงเสยี ดทำน
กำรลดแรงเสียดทำนสำมำรถทำได้หลำยวิธดี งั นี้ กำรเพ่มิ แรงเสยี ดทำนในดำ้ นควำมปลอดภัย
1. กำรใชน้ ้ำมันหลอ่ ลื่นหรอื จำระบี ของมนษุ ย์ เช่น
2. กำรใช้ระบบลูกปนื
3. กำรใช้อุปกรณต์ ำ่ ง ๆ เชน่ ตลบั ลกู ปนื 1. ยำงรถยนต์มีดอกยำงเปน็ ลวดลำย
4. กำรออกแบบรปู ร่ำงของยำนพำหนะ มวี ตั ถปุ ระสงคเ์ พือ่ เพมิ่ แรงเสยี ดทำนระหว่ำงลอ้
กับถนน
ให้เพรยี วลมทำใหล้ ดแรงเสียดทำน
2. รองเทำ้ บริเวณพ้ืนต้องมลี วดลำย
เพอ่ื เพมิ่ แรงเสียดทำนทำให้เวลำเดินไมล่ ืน่ หก
ล้มไดง้ ำ่ ย
3. กำรปูพ้ืนห้องน้ำควรใช้กระเบือ้ งท่ีมี
ผวิ ขรุขระ เพือ่ ชว่ ยเพ่มิ แรงเสียดทำนเวลำ
เปยี กนำ้ จะไดไ้ ม่ลน่ื ล้ม
จำกภำพ ใหน้ ักเรยี นระบผุ ิวสัมผสั ที่ทำให้เกดิ แรงเสยี ดทำน
กำรปนั้ ตกุ๊ ตำหิมะ
แรงเสียดทำนเกิดขน้ึ ระหว่ำงผิวสัมผัสของ
..........ม..อื...............กับ..........ห...ิม...ะ...........
กำรจดุ ไมข้ ีดไฟ
แรงเสยี ดทำนเกิดขน้ึ ระหวำ่ งผิวสัมผัสของ
...........................กบั ...........................
กำรวำ่ ยนำ้
แรงเสยี ดทำนเกิดข้นึ ระหว่ำงผวิ สมั ผสั ของ
...........................กับ...........................
กำรเตะบอล
แรงเสียดทำนเกดิ ขน้ึ ระหวำ่ งผวิ สมั ผัสของ
...........................กับ...........................
กำรเลน่ ตวั ตอ่
แรงเสยี ดทำนเกดิ ข้ึนระหวำ่ งผิวสัมผัสของ
...........................กบั ...........................
กำรดดี กตี ำร์
แรงเสียดทำนเกิดขึ้นระหวำ่ งผวิ สมั ผสั ของ
...........................กับ...........................
กำรเลน่ แบดมนิ ตนั
แรงเสยี ดทำนเกิดขน้ึ ระหวำ่ งผิวสมั ผสั ของ
...........................กบั ...........................
กำรเลน่ สกี
แรงเสียดทำนเกิดขึ้นระหวำ่ งผวิ สัมผสั ของ
...........................กับ...........................
กำรจับแก้วนำ้
แรงเสยี ดทำนเกิดขนึ้ ระหวำ่ งผวิ สมั ผสั ของ
...........................กบั ...........................
กำรลำ้ งหนำ้
แรงเสียดทำนเกดิ ขึน้ ระหว่ำงผิวสัมผัสของ
...........................กบั ...........................
กำรลำ้ งจำน
แรงเสียดทำนเกิดขน้ึ ระหวำ่ งผิวสมั ผสั ของ
...........................กับ...........................
แบบฝกึ ทกั ษะที่ 2
แรงเสยี ดทำน
จำกภำพจงบอกวำ่ กิจกรรมตอ่ ไปนี้เปน็ กำรลดหรือเพิม่ แรงเสยี ดทำน
ใหน้ ักเรยี นเขียนลกู ศรแสดงทศิ ทำงแรงเสยี ดทำนและทศิ ทำงของวตั ถุเคลือ่ นท่ี
5. 6.
7. 8.
9. 10.
1. กำรหำแรงลัพธ์ พจิ ำรณำจำกสง่ิ ใด ข. รปู ร่ำงของแรง
ก. ขนำดของแรง ง. ขนำดและทิศทำงของแรง
ค. ทศิ ทำงของแรง
2. ถำ้ ออกแรงเท่ำ ๆ กัน ข้อใดท่แี ตล่ ะคนออกแรงมำกทสี่ ดุ
ก. เด็ก 2 คน เขน็ ลงั ข. เดก็ 4 คน เข็นลงั
ค. เดก็ 3 คน เข็นลงั ง. เดก็ 5 คน เข็นลงั
3. แรงขนำด 15, 20 และ 60 นิวตนั กระทำต่อวตั ถใุ นแนวรำบดังรปู จะได้แรงลัพธ์ของแรง
ทงั้ สำมมีคำ่ เทำ่ ไร
ก. 25 นวิ ตัน ไปทำงขวำ ข. 50 นิวตนั ไปทำงขวำ
ค. 65 นวิ ตัน ไปทำงขวำ ง. 75 นวิ ตัน ไปทำงขวำ
4. ถำ้ ตอ้ งกำรให้วัตถเุ คลอื่ นทีไ่ ปทำงซ้ำย จะตอ้ งออกแรงตำมข้อใด
ก.
ข.
ค.
ง.
5. แรงลพั ธ์ในขอ้ ใดท่ที ำให้วัตถไุ ม่เคลื่อนท่ี
ก.
ข.
ค.
ง.
ใชแ้ ผนภำพตอ่ ไปนต้ี อบคำถำมข้อ 6 – 8
6. กำรออกแรงกระทำกับวัตถใุ ด แรงลพั ธ์มคี ำ่ 3 นิวตนั
ก. A ข. B
ค. C ง. D
7. วัตถใุ ดไม่เคล่อื นท่ี ข. B
ก. A ง. D
ค. C
8. วัตถใุ ดเคล่ือนทไ่ี ปทำงดำ้ นซ้ำยมือ ข. B
ก. A ง. D
ค. C
9. ถำ้ สมำชกิ ของทีมสเี หลอื งออกแรงคนละ 100 นวิ ตนั สมำชกิ ทมี สฟี ้ำจะต้องออกแรงรวมกัน
กี่นิวตันถงึ จะชนะ
ก. 400 นวิ ตน้ ข. 300 นวิ ต้น
ค. 200 นิวต้น ง. 100 นิวตน้
10. A B และ C ชว่ ยกันแบกท่อนซงุ หนัก 500 นิวตนั ถำ้ A ออกแรง 200 นวิ ตัน B และ C
ออกแรงเท่ำ ๆ กนั จะออกแรงคนละกน่ี ิวต้น
ก. 150 นวิ ตนั ข. 200 นิวตัน
ค. 300 นิวต้น ง. 500 นวิ ตัน
11. แรงเสียดทำน เกิดขึน้ เมอ่ื ใด ข. วัตถเุ คล่อื นที่
ก. วตั ถลุ อยข้ึน ง. วตั ถเุ ปลยี่ นรูปรำ่ ง
ค. วัตถุตกลงพ้ืน
12. ผลกั วตั ถไุ ปตำมพื้น แรงเสียดทำนเกิดขน้ึ ทศิ ทำงใด
ก. ตง้ั ฉำกกับกำรเคลอื่ นท่ี ข. ทำงเดยี วกับกำรเคลอื่ นท่ี
ค. ตรงกันข้ำมกบั กำรเคล่ือนท่ี ง. เกดิ ในแนวรำบทิศทำงใดก็ใด
13. ขอ้ ใดไม่เกี่ยวขอ้ งกับแรงเสยี ดทำน ข. พนื้ ผิวของวตั ถุ
ก. นำ้ หนกั วัตถุ ง. สีสีนของวตั ถุ และสพี ื้นผิว
ค. พืน้ ผวิ ของส่งิ ทีว่ ตั ถุสมั ผัสอยู่
14. ข้อใดไม่อำศัยแรงเสยี ดทำน ข. เขียนกระดำน
ก. จุดไมข้ ีดไฟ ง. ใชก้ ระดำษทรำยขดั ไม้
ค. ปลอ่ ยลูกโป่ง
15. ส่ิงใดช่วยเพม่ิ แรงเสยี ดทำน ข. นำ้ มนั จักร
ก. จำระบี ง. ที่หำ้ มลอ้ จักรยำน
ค. รองเทำ้ สเกต็
16. กจิ กรรมใดตอ้ งกำรแรงเสยี ดทำนมำกที่สดุ ข. ปน่ั จกั รยำน
ก. ปีนเขำ ง. เลน่ ฟุตบอล
ค. เล่นชิงชำ้
17. ข้อใดไม่ใชป่ ระโยชนข์ องกำรใชน้ ้ำมันหลอ่ ลน่ื กบั เคร่ืองยนต์
ก. ประหยดั พลังงำน ข. เครอื่ งยนตท์ ำงำนได้คลอ่ งขึ้น
ค. ล้อรถยดึ เกำะพน้ื ถนนได้ดี ง. ลดกำรสกึ หรอของเครอ่ื งยนต์
18. ขอ้ ใดคือควำมเสียหำยทเี่ กดิ จำกแรงเสียดทำน ข. แกว้ ตกแตก
ก. พ้ืนรองเทำ้ ศกึ ง. ไม้บรรทดั หกั
ค. สมุดฉกี ขำด
19. ออกแรง X กระทำกับวัตถุ ข้อใดเป็นแรงเสยี ดทำนทีเ่ กิดขน้ึ
ก. A ข. B
ค. C ง. D
20. อำ่ นคำ่ บนสเกลของเครอ่ื งช่งั สปริงบนพ้ืนผวิ Y ไดเ้ ทำ่ ใด
ก. นอ้ ยกว่ำ 5 นวิ ตัน ข. มำกกว่ำ 5 นวิ ตัน
ค. เทำ่ กบั 5 นิวตนั ง. สรุปไมไ่ ด้
คะแนนเต็ม 20 คะแนน
คุณทำได้................................คะแนน
ขอ้ ที่ คำตอบ ข้อที่ คำตอบ
1 ง. 1 ง.
2 ค. 2 ก.
3 ก. 3 ค.
4 ข. 4 ง.
5 ค. 5 ข.
6 ง. 6 ข.
7 ง. 7 ค.
8 ข. 8 ง.
9 ก. 9 ก.
10 ก. 10 ก.
11 ข. 11 ข.
12 ง. 12 ค.
13 ค. 13 ง.
14 ค. 14 ค.
15 ข. 15 ง.
16 ข. 16 ก.
17 ง. 17 ค.
18 ค. 18 ก.
19 ก. 19 ข.
20 ก. 20 ข.
จำกภำพ นักเรียนสำมำรถเขียนเวกเตอร์ของแรงไดอ้ ยำ่ งไร
1. 2 นวิ ตนั 2 นิวตัน
3 นวิ ตนั 3 นวิ ตัน
2.
1 นิวตนั
3.
1 นิวตัน
ตัวอยำ่ งกำรหำค่ำแรงลพั ธจ์ ำกเวกเตอร์
1. มีขนำด เท่ำกบั 3N + 2N = 5N
มีทศิ ทำงไปทำงขวำ
แรงลพั ธ์
2. มีขนำด เท่ำกบั 3N - 1N = 2N
มที ิศทำงไปทำงซ้ำย
แรงลพั ธ์
3. มีขนำด เท่ำกบั 2N - 2N = 0N
มีทิศทำงไปทำงอยกู่ บั ที่
แรงลัพธ์
จำกภำพแรงลพั ธจ์ ะมขี นำดและทศิ ทำงเทำ่ ใด
10 นิวตนั 5 นวิ ตนั
แรงลพั ธห์ ำได้จำก...........10N - 5N.....................
แรงลพั ธม์ ีขนำดเท่ำกับ...............5..................นวิ ตัน
และมที ิศทำง.................ซำ้ ย............................
แรงลพั ธห์ ำไดจ้ ำก (2N+4N+3N)-(2N+3N+4N) 2 นวิ ตนั 3 นวิ ตัน 2 นิวตัน 4 นิวตัน
แรงลัพธม์ ขี นำดเทำ่ กับ..............0...................นิวตัน
และมีทศิ ทำง..................อยกู่ ับท.่ี .......................... 4 นิวตนั 3 นิวตนั
2 นวิ ตัน แรงลพั ธ์หำไดจ้ ำก........2N + 3N.......................
3 นวิ ตัน แรงลพั ธม์ ขี นำดเทำ่ กบั .............5....................นวิ ตนั
และมีทิศทำง..............ขวำ...............................
แรงลัพธห์ ำไดจ้ ำก........5N – (2N + 3N)............ 5 นิวตัน 2 นิวตัน
3 นิวตนั
แรงลัพธม์ ขี นำดเท่ำกับ.............0.................นวิ ตนั
และมีทศิ ทำง................อยกู่ บั ท.่ี ............................
3 นิวตนั 2 นวิ ตนั แรงลพั ธห์ ำไดจ้ ำก.....(3N+1N) - (2N+2N)........
1 นวิ ตัน 2 นิวตัน แรงลพั ธ์มีขนำดเท่ำกับ..............0...................นวิ ตัน
และมีทิศทำง...............อยกู่ บั ท.ี่ .............................
แบบฝกึ ทกั ษะท่ี 1
กำรหำแรงลพั ธข์ องแรงทอี่ ยใู่ นระนำบเดยี วกนั
จงหำขนำดและทิศทำงของแรงลพั ธ์ จำกแรงย่อยทก่ี ำหนดใหต้ ่อไปนี้
(กำหนดใหค้ วำมยำว 1 หนว่ ย แทนขนำดของแรง 1 นวิ ตัน)
1. 1) แรงลพั ธม์ ีขนำดเท่ำกบั .............3..................นิวตนั
2) และมที ศิ ทำง............ไปทำงขวำ..................................
2. 1) แรงลัพธม์ ขี นำดเท่ำกบั ...........1....................นิวตัน
2) และมที ศิ ทำง..............ไปทำงซ้ำย................................
3. แรงลพั ธ์มขี นำดเท่ำกบั ............45...................นิวตนั
และมที ศิ ทำง.........ไปทำงซ้ำย.....................................
4.
จงวำดภำพเพือ่ บอกขนำดและทิศทำงของแรงลพั ธ์
5 นวิ ตัน
5. จงวำดภำพเพ่ือบอกขนำดและทศิ ทำงของแรงลัพธ์
1 นวิ ตนั
6. เม่ือแรงย่อย 2 แรงมขี นำด 5 N เทำ่ กนั กระทำตอ่ โตะ๊ ในทิศทำงเดยี วกนั จะมีแรงลัพธเ์ ท่ำกบั
เทำ่ ไร ………………………………10 นิวตนั …………………………………………………………………………
7. เมือ่ แรงย่อย 2 แรงมขี นำด 5 N เท่ำกนั กระทำต่อโต๊ะในทศิ ทำงตรงกนั ขำ้ ม
จะมแี รงลพั ธเ์ ท่ำกบั เทำ่ ไร ………………………………………0 นิวตนั ………………………………………
8. เมื่อแรงยอ่ ย 2 แรงมขี นำด 4 N และ 3 N กระทำตอ่ ลกู บอลในทศิ ทำงเดียวกนั จะมีแรงลัพธ์
เทำ่ กบั เท่ำไร ………………………………………7 นิวตัน…………………………………………………………
9. เมือ่ แรงยอ่ ย 2 แรงมขี นำด 4 N และ 3 N กระทำต่อลกู บอลในทศิ ทำงตรงกันขำ้ มจะมีแรงลัพธ์
เท่ำกับเท่ำไร …………………………………………1 นวิ ตัน………………………………………………………………
10. วตั ถจุ ะไม่เคล่ือนท่หี ำกแรงลพั ธ์ขนำดเท่ำใดมำกระทำ
……………………………………………………0 นิวตัน………………………………………………………………
จำกภำพ ให้นกั เรยี นระบผุ วิ สัมผสั ทที่ ำใหเ้ กิดแรงเสียดทำน
กำรปนั้ ตกุ๊ ตำหิมะ
แรงเสียดทำนเกิดขึ้นระหวำ่ งผวิ สมั ผสั ของ
..........ม..อื...............กบั ..........ห...มิ...ะ...........
กำรจุดไมข้ ีดไฟ
แรงเสียดทำนเกิดข้นึ ระหว่ำงผวิ สัมผสั ของ
.....กำ้ นไม้ขดี ไฟ...กบั .....กล่องไมข้ ีดไฟ.........
กำรว่ำยนำ้
แรงเสียดทำนเกดิ ขน้ึ ระหว่ำงผิวสมั ผสั ของ
............รำ่ งกำย..........กบั ...........นำ้ ................
กำรเตะบอล
แรงเสียดทำนเกดิ ข้นึ ระหวำ่ งผวิ สัมผสั ของ
........เท้ำ........กับ........ลูกฟุตบอล.................
กำรเลน่ ตวั ตอ่
แรงเสยี ดทำนเกดิ ขน้ึ ระหวำ่ งผวิ สมั ผัสของ
.......มือ........กับ.......ของเลน่ /ตวั ต่อ............
กำรดีดกีตำร์
แรงเสียดทำนเกิดขน้ึ ระหว่ำงผวิ สัมผัสของ
.........นว้ิ มือ......กับ.......สำยกีตำร.์ ................
กำรเลน่ แบดมนิ ตนั
แรงเสยี ดทำนเกิดขึ้นระหว่ำงผวิ สัมผสั ของ
......ไมแ้ บดมินตัน....กับ......ลูกขนไก.่ ............
กำรเลน่ สกี
แรงเสียดทำนเกดิ ขน้ึ ระหวำ่ งผิวสมั ผสั ของ
............สกี............กบั ........หิมะ...............
กำรจบั แก้วนำ้
แรงเสียดทำนเกิดขึ้นระหว่ำงผวิ สัมผัสของ
..........มอื ............กับ.......แกว้ นำ้ ...............
กำรลำ้ งหนำ้
แรงเสียดทำนเกิดขนึ้ ระหว่ำงผิวสัมผสั ของ
...........มือ............กบั .........ใบหนำ้ ..............
กำรลำ้ งจำน
แรงเสียดทำนเกดิ ข้ึนระหว่ำงผวิ สัมผัสของ
..........ฟองนำ้ ...........กบั ........จำน..............
แบบฝึกทกั ษะที่ 2
แรงเสยี ดทำน
จำกภำพจงบอกว่ำกจิ กรรมตอ่ ไปนีเ้ ป็นกำรลดหรอื เพิ่มแรงเสยี ดทำน
เพม่ิ แรงเสียดทำน ลดแรงเสียดทำน
ลดแรงเสียดทำน เพิ่มแรงเสียดทำน
ให้นักเรยี นเขยี นลูกศรแสดงทศิ ทำงแรงเสยี ดทำนและทิศทำงของวตั ถเุ คลือ่ นที่
5. วตั ถเุ คลื่อนท่ี 6.
วัตถเุ คลอ่ื นท่ี
แรงเสยี ดทำน
แรงเสยี ดทำน
7. 8.
วตั ถุเคลอ่ื นท่ี
วตั ถเุ คลอื่ นที่
แรงเสยี ดทำน แรงเสยี ดทำน
9. 10.
วตั ถเุ คลื่อนท่ี
แรงเสียดทำน
ศนิตำ สรอ้ ยแสง. (2554). ผลกำรใช้หนงั สอื อิเลก็ ทรอนกิ สแ์ บบ
กระบวนกำรทำงวิทยำศำสตร์ เรื่อง แรงลพั ธแ์ ละแรงเสยี ดทำน
สำหรบั นักเรยี นชน้ั ประถมศกึ ษำปีท่ี 5. มหำวิทยำลัยศิลปกร.
https://www.kroobannok.com/news_file/p24475190545.pdf
http://www.thaischool1.in.th/_files_school/96100461/workteache
r/96100461_1_20191202-085353.pdf
https://www.kroobannok.com/board_view.php?b_id=174213&bcat
_id=16
https://www.tsn.ac.th/web/wp-content/uploads/2018/06
/16087/%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B9%88%E0%B8%A1.p
df