วชิ า อลั -อากดี ะห์
เตาฮดี (หลกั ศรัทธา)
ศาสนาอิสลาม
อลั -อิสลาม คือ วิถีแนวทางการดาเนินชีวิตท่ีพระองคอ์ ลั ลอฮฺ(ซบ.)ทรงประทานแด่ท่านนบีมุฮมั มดั
(ศอ็ ลฯ)พระองคท์ รงใหอ้ ิสลามเป็ นศาสนาสุดทา้ ยที่สมบูรณ์เพ่ือปวงบ่าวของพระองคท์ รงให้ความโปรด
ปรานครบถว้ นแก่พวกเราและพงึ พอใจ(เลือก)อิสลามเป็ นศาสนาสาหรับพวกเราโดยไม่ทรงรับรองจากผใู้ ด
ซ่ึงศาสนาอื่น พระองคท์ รงตรัสวา่
“มุฮมั มดั มิไดเ้ ป็นบดิ าผใู้ ดในหมู่บุรุษของพวกเจา้ แต่เป็ นรสูลของอลั ลอฮฺและคนสุดทา้ ยแห่งบรรดานบี
และอลั ลอฮฺน้นั ทรงรอบรู้ทุกสิ่ง” (อลั อะหซาบ 40)
“...วนั น้ีขา้ ไดใ้ หส้ มบูรณ์แก่พวกเจา้ แลว้ ซ่ึงศาสนาของพวกเจา้ และขา้ ไดใ้ ห้ครบถว้ นแก่พวกเจา้ แลว้ ซ่ึง
ความกรุณาเมตตาของข้า และขา้ ได้เลือกอิสลามให้เป็ นศาสนาแก่พวกเจา้ แล้ว....”(อัลมาอิดะฮ 3 )
ความหมายของการศรัทธา
อะกีดะฮฺ ในทางภาษาหมายถึง ขอ้ ผกู พนั ขอ้ ตกลง กฏเกณฑ์ และการผกู มดั กนั อยา่ งเรียบร้อย
อะกีดะฮฺ ในทางวิชาการหมายถึง การมีศรัทธา อีมานที่มน่ั คงแน่วแน่ ชนิดท่ีผูม้ ีอีมานจะไม่มีความ
เคลือบแคลงสงสยั ใดๆ หลงเหลืออยเู่ ลย ดงั น้นั การมีอะกีดะฮฺความเชื่อมนั่ ตามแบบอิสลาม หรืออะกีดะฮ์
อิสลามียะฮฺ คอื การมีอีมานทมี่ นั่ คงต่ออลั ลอฮฺ (ซบ.) พรอ้ มท้งั การยอมรับต่อการเป็ นพระเจา้ ที่เที่ยงแทเ้ พียง
พระองคเ์ ดียวของอลั ลอฮฺ โดยทุกประการ(หลกั เตาฮีด) การภกั ดี(ฏออะฮฺ)ต่อพระองค์ พร้อมท้งั การศรัทธา
ต่อมลาอิกะฮฺ คมั ภีร์ต่างๆ (เตารอต อินญีล ซะบูร และอัลกุรอาน) ต่อบรรดาเราะซูล (ต้ังแต่นบีอาดัม
จนกระทงั่ ถึงนบมี ุฮมั มดั (ศอ็ ลฯ) ต่อวนั ส้ินโลก ต่อกฎกอฎอ-กอฎรั (การกาหนดกฎสภาวะ) ต่อบรรดาสิ่ง
เร้นลบั ท้งั ปวง (อลั ฆอยบ)์ ไม่วา่ จะเป็นความรู้ของพระองค์ (เช่นจานวนของสรรพส่ิงท้งั ปวง) หรือการงาน
ของพระองค์ (เช่นการอนุมตั ใิ หเ้ กิดสิ่งมหศั จรรย์ แก่บรรดารอซูล และนบีท่านต่างๆ) การศรัทธาที่แทจ้ ริง
ยอ่ มแสดงออกท้งั โดยวาจา และการประพฤติปฏิบตั ิ(อามลั )ความศรัทธามีไดท้ ้งั เพมิ่ ข้ึนและลดลง นนั่ คือการ
พดู ดว้ ยหวั ใจและล้ิน การแสดงออกดว้ ยหวั ใจ ดว้ ยล้ิน และอวยั วะตา่ งๆ
การพูดด้วยหัวใจ น้นั คอื การมีความเชื่อมนั่ หรือเอี๊ยะตกิ อด และการยอมรับอีมาน (ความศรัทธา) ดว้ ย
หวั ใจ
การพูดของลิน้ คือ การกล่าวยนื ยนั ตามหวั ใจ การแสดงออกหรือการปฏิบตั ิของหัวใจ คือการยอมรับ
โดยไม่มีขอ้ แม้ มีความจริงใจ บริสุทธ์ิใจต่อการศรัทธา ตอ้ งยอมรับโดยอ่อนน้อม ตอ้ งรู้สึกรักและชื่นชอบ
ต่อ อีมาน และตอ้ งมีความต้งั ใจ และจริงใจทจี่ ะประกอบอามลั ที่ศอลิห์ (การปฏิบตั ิการงานท่ีดี) ส่วนการ
งานของอวยั วะของร่างกายน้นั คือ การปฏิบตั ิตามขอ้ บญั ชาในศาสนา และละทิ้งขอ้ ห้ามตามบญั ญตั ิของ
ศาสนา
ผใู้ ดท่มี ีความเช่ือวา่ การงานไม่ตอ้ งสมั พนั ธก์ บั การมีศรัทธา ผนู้ ้ันไดช้ ื่อว่า มุรญิอ์ ส่วนใครเพ่ิมเติมส่ิง
ใดท่ไี ม่มีแบบฉบบั จากอลั กรุ อานและซุนนะฮ์ ผนู้ ้นั เป็นมุบตะดิอ์ คือผทู้ ่ีกระทาสิ่ง อุตริ บดิ อะฮ์
ผทู้ มี่ ิไดก้ ล่าวยนื ยนั การศรทั ธาของเขาดว้ ยคาปฏิญาณท้งั สอง(ชะฮะตยั น)์ กไ็ ม่ถือวา่ เขาเป็ นผทู้ ่มี ีอีมาน(ความ
ศรัทธา) ท้งั ในโลกน้ี (ดุนยา) และท้งั ในอาคิเราะฮ์ (โลกหนา้ )
คาวา่ “อัลอิสลาม” และ “อัลอีมาน” เป็ นคานามสองคาซ่ึงมีความหมายโดยรวม และผกู พนั กนั อยู่
ส่วนคาวา่ ฮะหลุล กิบละฮ์ น้นั เป็นคาอีกคาหน่ึงทีใ่ ชเ้ รียกมุสลิม
ผทู้ ่กี ระทาบาปใหญ่ เช่น ซินา(ผดิ ประเวณี) หรือ ดื่มเหลา้ ยงั ไม่หลุดออกจากความมีอีมาน(ศรัทธา) เรา
ถือวา่ เขาเป็ นผศู้ รัทธาทมี่ ีอีมานไม่สมบรู ณ์ ส่วนในวนั กิยามะฮน์ ้นั อลั ลอฮฺจะเป็ นผูท้ รงพิจารณา ถา้ พระองค์
ทรงประสงค์ก็จะอภยั ให้แก่เขา แต่ถ้าพระองคท์ รงประสงคก์ ็จะลงโทษเขาเช่นกัน ผูท้ ่ีมีเตาฮีดยดึ ถือใน
เอกภาพของอัลลอฮฺทุกคนจะไดเ้ ขา้ สวรรค์ แมจ้ ะตอ้ งถูกลงโทษในไฟนรกก่อนก็ตาม จากน้ันก็จะถูกนา
ออกมา
ท้งั น้ีอะหลุล-เตาฮีด หรือมุสลิมน้นั จะไม่อยใู่ นไฟนรกชว่ั นิรันดร์ ดงั น้นั ศาสนาไม่อนุญาตใหก้ ล่าวช้ีวา่
ใคร ในบรรดามุสลิมวา่ เป็นชาวสวรรคห์ รือนรก เวน้ แต่จะปรากฏแลว้ วา่ เขาไดฝ้ ่ าฝืนตวั บทอนั ชดั แจง้ จากอลั
กุรอาน หรือซุนนะฮ์ แลว้ ตกออกจากศาสนาไป
ความหมาย และความเป็ นมาของอีหม่าน อิสลาม อหิ ฺซาน
อิสลามเป็ นแนวทางแห่งการดาเนินชีวิตท่ีอลั ลอฮ์ทรงประทานให้กับประชาชาติในทุกยุคทุกสมัย
นบั ต้งั แต่มนุษยค์ นแรก นน่ั คอื ท่านนบอี าดมั อะลยั ฮิสลาม โดยผา่ นบรรดาศาสนทูตของพระองคใ์ นทุกๆยคุ
สมยั และทุกประชาชาติ เพ่ือท่ีประชาชาติของพระองคจ์ ะไดม้ ีแนวทางในการดาเนินชีวติ ร่วมกนั ไดอ้ ยา่ ง
สนั ติสุข
ศาสนาอสิ ลามมีองค์ประกอบสาคญั 3 ประการ คอื อหี ม่าน อิสลาม และอิหฺซาน
อีมาน (หลักศรัทธา) เปรียบเสมือน เมล็ดพนั ธ์ที่ฝังรากหยงั่ ลึกลงไปในผืนดินและงอกเงยข้ึนมาเป็ นลา
ตน้ ไมใ้ หญ่
อสิ ลาม (หลกั ปฏบิ ตั )ิ เปรียบเสมือน ก่ิงกา้ นและใบทีส่ มบรู ณ์ของตน้ ไมใ้ หญ่น้นั ๆ
อฮิ ฺซาน (หลักคุณธรรม) เปรียบเสมือน ดอกและผลของตน้ ไมใ้ หญ่น้นั ๆ
1. อลั -อมี าน (Al-Iman)
ความหมายของ การอีมาน ทางดา้ นภาษา แปลวา่ “การเชื่อ”
ส่วนทางดา้ นศาสนา คาวา่ อีมาน แปลวา่ การกล่าวด้วยวาจา เช่ือม่ันด้วยจิตใจ ทาตามด้วยทุกส่วน
ของร่างกาย เพม่ิ ดว้ ยการทาภกั ดี ลดลงจากการฝ่ าฝืน การศรัทธาน้นั ไม่อยคู่ งที่เสมอไป ทุกคร้ังที่มี
การทาสิ่งทด่ี ีกย็ งิ่ เพม่ิ ความศรัทธา และทุกคร้ังเม่ือฝ่ าฝื นทาในส่ิงที่ชวั่ ความศรัทธาก็จะลดลงอยา่ ง
เห็นไดช้ ดั เจนและทวี่ า่ การศรัทธาน้นั อยทู่ ่ีหวั ใจมีหลกั ฐานจากคาตรสั ของอลั ลอฮ์
ในซูเราะฮ์ อลั ฮุจรอต อายะห์ที่ 14 วา่ “....การศรัทธายังมิได้เข้าสู่หัวใจของพวกท่าน...”
หลกั ฐานจากฮะดีษวา่ อีมานน้นั มีท้งั ทห่ี วั ใจ วาจาและร่างกาย คอื คากล่าวของท่านร่อซูล ที่วา่
“การอีมานน้ันมเี จด็ สิบกว่าแขนง ที่ประเสริฐสุดคอื การกล่าว َال ِإ ال َها ِإلَا اّلاَلهต่าสุด คือ การขจัด
อันตรายให้พ้นจากทางสัญจร และความละอายนั้นเป็ นแขนงหน่ึงของการศรัทธา” (บนั ทึกโดย มุสลิม )
2. อัล-อิสลาม (Al-Islam)
ความหมายของอิสลาม คือ การยอมจานนต่ออลั ลอฮ์ เพียงพระองค์เดียวในความเป็ นเอกภาพ และ
แน่วแน่ปฏิบตั ติ ามดว้ ยความจงรกั ภกั ดีในพระองคป์ ลอดโปร่งจากการต้งั ภาคีใดๆ และไม่ยงุ่ เก่ียวกบั พวกต้งั
ภาคที ้งั หลาย
ดงั น้นั จะยงั ไม่นบั วา่ คนน้ันเป็ นมุสลิม เวน้ แต่เมื่อเขายอมจานนสาหรับพระองคโ์ ดนสิ้นเชิง “ถ้าใครยงั
มิได้ให้เอกภาพต่ออัลลอฮ์ หรือไม่ยอมภกั ดตี ่อพระองค์ หรือไม่เลิกการทาชิริก และตัดขาดจากพวกทา"ชิ
ริก" เขาผ้นู ้ันยงั มิใช่มสุ ลิม”
บทบัญญัติของอสิ ลามมี 5 ประการคอื
1. การปฏญิ าณตนวา่ ، أَ ْش َٓذُ أَ ٌُْ لا ئنَـَُّ ئ َلاُ اللهคาอ่าน “อชั ฮะดุอลั ฺลาอิลาฮะ อิลฺลลั ลอฮฺ,” คาแปล “ขา้ ขอ
ปฏิญาณวา่ ไม่มีพระเจา้ อ่ืนใดนอกจากอลั ลอฮฺ”
คาอ่าน “วะอชั ฮะดุ อนั นะมุหมั มะดนั เราะสูลุลลอฮฺ” คาแปล “และขา้ ขอปฏิญาณวา่ มุหมั มดั น้ันเป็ นบ่าว
»أَ ْش َٓذُ أَ ٌَُ يـ َحـ ًَذُا َسعٕ ُل اللهของอลั ลอฮฺ
2. ดารงการละหมาด 5 เวลา
3. บริจาคซะกาต
4. ถือศลี อดเดือนรอมฎอน
5. การทาฮจั ญท์ บี่ ยั ติลลาฮ์
3. อลั -เอีย๊ ะฮ์ซาน (Al-Ihsan)
อลั -เอียะฮซ์ านน้นั หมายถึง การท่มี ุมินจะตอ้ งเคารพ อิบาดะฮพ์ ระผเู้ ป็ นเจา้ ของตนในโลกน้ีอยา่ งชนิด
ท่ีเขาเห็นพระองคอ์ ยตู่ อ่ หนา้ ดว้ ยหวั ใจและการมองของเขาในช่วงที่กาลงั ทาการเคารพอิบาดะฮต์ ่อพระองค์
เช่นน้นั จะส่งผลใหเ้ กิดแก่มุมินซ่ึงความสานึกยาเกรงตอ่ พระองคใ์ นทกุ สภาพการณ์
สาหรับการเอียะฮ์ซานน้ันมผี ลอนั ย่งิ ใหญ่ คอื
1. ความนอบนอ้ มยาเกรงต่ออลั ลอฮ์ พรอ้ มการเทิดทูลใหค้ วามยงิ่ ใหญต่ ่อพระองค์
2. ความบริสุทธ์ิใจในขณะทาอิบาดะฮพ์ ร้อมการทุ่มเทหมน่ั เพยี รในการกระทาอยา่ งดียง่ิ และครบถว้ น
สมบูรณ์
3. มีความรูส้ ึกดว้ ยหวั ใจเสมอ ตอ่ ความเกรงกลวั อลั ลอฮ์ และสานึกวา่ อยตู่ ่อหนา้ พระองคเ์ สมอ
4. ทาใหท้ ุกกิจการงานน้นั บริสุทธ์ิเพอื่ อลั ลอฮเ์ พยี งผเู้ ดียว
5. มีชยั ชนะดว้ ยการได้รับความรักจากอลั ลอฮ์ พร้อมมอบความใกลช้ ิด โดยที่พระองคท์ รงให้การ
ช่วยเหลือ อุม้ ชู
การศรัทธาต่อพระองค์อลั ลอฮฺ
การศรัทธาต่อพระองค์อัลลอฮฺ คอื การศรัทธาวา่ ทุกส่ิงทกุ อยา่ งที่ถูกสรา้ งข้นึ มาในโลกน้ีลว้ นเป็ นการ
สรรคส์ ร้างของพระองคอ์ ลั ลอฮเ์ พยี งองคเ์ ดียว
การศรัทธา( อมี าน)ต่ออลั ลอฮฺ แบ่งออกเป็ น 3 ประเภท คือ
- การใหเ้ อกภาพต่ออลั ลอฮฺในดา้ นความเป็ นพระเจา้ (เตาฮีดรูบบู ยี ะฮ)
- การใหเ้ อกภาพตอ่ อลั ลอฮฺในดา้ นการเคารพภกั ดี (เตาฮีดอูลูอียะฮฺ)
- การใหเ้ อกภาพต่ออลั ลอฮฺในดา้ นพระนามและคุณลกั ษณะของอลั ลอฮฺ (เตาฮีดอสั มาอฺวะอศั ศฟิ าต)
1. เตาฮีดอัรรุบูบยี ะห์ توحيدالربوبية
ความหมายของเตาฮีดอรั รุบูบียะฮฺพร้อมหลักฐาน
หมายถึง มุสลิมจะตอ้ งศรัทธาว่าอลั ลอฮฺ คือ ผูท้ รงบงั เกิด ผูท้ รงบริหาร ผูท้ รงประทานปัจจยั ยงั ชีพ ผู้
ทรงใหช้ ีวิต ผทู้ รงปลิดชีวิต ผทู้ รงดูแลคุม้ ครอง ผทู้ รงสร้างสวรรคน์ รก เป็ นตน้ ดงั โองการของอลั ลอฮไ์ ด้
บญั ญตั ไิ วใ้ นอลั กุรอาน
ความว่า “ พึงรู้เถิดว่าการสร้ างและกิจการทั้งหลายนั้นเป็ นสิทธิของพระองค์เท่าน้ัน มหาบริสุทธิ์
แด่อัลลอฮ์ผ้เู ป็นพระเจ้าแห่งสากลโลก” ( อลั -อะอรอฟ 54)
ผลการศรัทธาท่ไี ด้จากหลักเตาฮีดอรั รุบูบียะฮ์
แทจ้ ริงการซักฟอกเรื่องหลกั การเตาฮีดอรั รุบูบียะฮ์น้ันมีผลตามมามากมายที่ยง่ิ ใหญ่ต่อหลกั อะกีดะฮ์
ของมุสลิม
1.ทาให้รู้สึกถึงความสาคญั ความยิ่งใหญ่ของอลั ลอฮ์ คือการทาให้มีความเช่ือมนั่ ในการสร้างของ
พระองคท์ ้งั หมดการครอบครองของพระองค์ การดาเนินงานของพระองคท์ ้งั หมดอยใู่ นการควบคุมของ
พระองค์
2. หลกั การเตาฮีดอรั รุบูบียะฮ์ (การให้เอกภาพในดา้ นการสร้าง) เป็ นพ้ืนฐานในการท่ีจะมีหลกั เตา
ฮีดอลั อุลู ฮียะฮ์ ซ่ึงจะไม่มีความผดิ พลาดไดเ้ ลย นอกจากผทู้ ี่มิไดใ้ หส้ ิทธิของเตาฮีดอลั อุลูอียะฮจ์ นครบถว้ น
3. ผลท่ีเกิดจากเตาฮีดอรั รุบบู ียะฮน์ ้นั มากมาย จากการเตาฮีดอลั อุลูฮียะฮ์ เช่น การตะวกั กลั (มอบหมาย)
ความเกรงกลวั ความมุ่งหวงั ความรกั ความอดทน และอ่ืนๆ
สิ่งตรงข้ามกับเตาฮีดอัรรุบูบียะฮ์
1. การปฏเิ สธวา่ มีอลั ลอฮ์ ไดแ้ ก่ พวกทบี่ ชู ากาลเวลา (ٌٕٚ )انذْشพวกคอมมิวนิส (ٌٕٕٛػٛ)انش
2. การเชื่อมนั่ วา่ มีผสู้ รา้ งอ่ืนจากอลั ลอฮ์ เช่น พวกอษั ษะนะวียะฮ์ (خُٕٚ )انضเป็ นกลุ่มของพวกบูชาไฟ
มะํูซีย์ ที่บอกวา่ แสงกบั ความมืดน้นั เป็ นทม่ี าของทุกส่ิง
3. การเชื่อมนั่ วา่ มีผบู้ ริหารในโลกน้ีอ่ืนนอกจากอลั ลอฮ์ ไม่วา่ จะเป็ นมลาอิกะฮ์ ญนิ นบี หรือโตะ๊ วะลีย์
4. การเช่ือมน่ั วา่ ยงั มีใครสกั คนหน่ึงครอบครองปัจจยั ยงั ชีพหรือประโยชน์และอนั ตรายอ่ืนจากอลั ลอฮ์
2. เตาฮีดอลั อลุ ูฮียะฮฺ توحيدالألوهية
ความหมายของเตาฮีดอลั อลุ ูฮียะฮฺ
ความหมายของหลกั การเตาฮีดอุลูฮียะฮค์ อื การใหเ้ อกภาพต่ออลั ลอฮ์ในการกระทาต่อบรรดาบ่าวของ
พระองคท์ ่ไี ดท้ รงบญั ญตั แิ ก่พวกเขา ดงั น้นั พระองคค์ ือผเู้ หมาะสมท่ีสุดในการเป็ นพระเจา้ ทีค่ วรถูกเคารพเชื่อ
ฟังแต่เพยี งผเู้ ดียวไม่มีพระเจา้ อ่ืนใดนอกจากอลั ลอฮ์ ซ่ึงพระองคจ์ ะตอ้ งไดร้ ับเอกภาพแตเ่ พยี งผเู้ ดียวจากทุกๆ
การทาอิบาดะฮ(์ เคารพภกั ดี)
ความสาคญั ของเตาฮีดอลั อุลูฮียะฮ์
หลกั การเตาฮีดอลั อุลูฮียะฮฺน้นั เป็ นจุดรวมศาสนาต้งั แต่แรกเริ่มจนจบท้งั ภายในจติ ใจและเผยให้เห็น
สิ่งท่ซี ่อนเรน้ เนื่องจากเตาฮีดอุลูฮียะฮน์ ้ี มวลมนุษยไ์ ดถ้ ูกบงั เกิดมาในโลกน้ี
การทอี่ ลั ลอฮ์ทรงสร้างมนุษยข์ ้ึนมาในโลกน้ีก็ดว้ ยวตั ถุประสงคเ์ พื่อทาการเคารพภกั ดีต่อพระองค์
โดยการประกอบอีบาดะห์ซ่ึงอลั ลอฮไ์ ดบ้ ญั ญตั ไิ วใ้ นอลั กรุ อานวา่
ความวา่ “และข้ามไิ ด้สร้างญินและมนุษย์เพื่ออื่นใดเว้นแต่เพ่ือเคารพภักดตี ่อข้า”(อซั ซาริยาต 56 )
ดว้ ยวตั ถุประสงคข์ า้ งตน้ อลั ลอฮส์ ่งศาสนทตู และประทานคมั ภรี ์ต่างๆลงมาบนโลกน้ี ศาสนทูตท่ี
ถูกส่งมาทกุ ท่านไดช้ กั ชวนมวลมนุษยเ์ พอ่ื ศรทั ธาต่อเอกองคอ์ ลั ลอฮ์
การศรทั ธาต่ออลั ลอฮใ์ นดา้ นการเคารพภกั ดีตอ้ งวางอยบู่ นพ้นื ฐานหลกั การต่อไปน้ีคือ
1. จาเป็นตอ้ งต้งั เจตนา(อิคลาส)ต่ออลั ลอฮเ์ พยี งองคเ์ ดียวโดยไม่มีการต้งั ภาคี
2. จาเป็ นตอ้ งให้เอกภาพต่ออลั ลอฮใ์ นดา้ นการดุอาอฺ ตะวกั กลั ต้งั ความหวงั ในส่ิงที่ผอู้ ่ืนไม่
สามารถจะใหไ้ ด้
3. จาเป็นตอ้ งใหเ้ อกภาพตอ่ อลั ลอฮใ์ นการเคารพภกั ดีในดา้ นการปฏิบตั ิและการพดู จา
หลักการเตาฮีดชนิดนีม้ คี วามสาคญั มาก ดังนี้
1. เนื่องจากหลกั การเตาฮีดอลั อุลูฮียะฮ์ อลั ลอฮจ์ งึ สรา้ งท้งั ญินและมนุษยด์ งั หลกั ฐานจากอายะฮท์ ี่ผ่าน
มา
2. หลกั การเตาฮีดชนิดน้ีจะทาให้แยกไดร้ ะหว่างคนที่ให้เอกภาพแด่อัลลอฮ์กบั ผูท้ ่ีต้งั ภาคีและบน
พน้ื ฐานน้ีถือเป็นพน้ื ฐานของการตอบแทนท้งั ในดุนยาและอาคเิ ราะฮ์
3. เร่ืองของเตาฮีดอลั อุลูฮียะฮท์ ี่บรรดาศาสนฑูตท้งั หลายและบรรดาคมั ภรี ์ไดถ้ ูกส่งมา
3. เตาฮีดดุ้ลอัสมาอ์วศั ศิฟาต توحيدالأسماءوالصفات
ความหมายของเตาฮีดดุ้ลอัสมาอ์วัศศิฟาตพร้อมหลักฐาน
เตาฮีดุลอัสมาอ์วศั ศิฟาต คือ การศรัทธาอย่างมั่นคงว่า อัลลอฮ์ ทรงมีพระนามอันวิจิตร ทรงมี
คุณลกั ษณะอนั สูงส่ง พระองค์ทรงมีลกั ษณะท่ีพร้อมสมบูรณ์ทุกประการ ไม่มีขอ้ บกพร่องใดๆเลย เตาฮีด
ประเภทน้ีต้งั อยบู่ นพน้ื ฐาน 2 ประการ ดงั ที่ อลั ลอฮ์ ไดท้ รงแจกแจงเอาไว้
ประการแรก คือ การท่ีพระองค์ ผูท้ รงสูงส่ง ทรงมีคุณลกั ษณะต่างจากสิ่งที่เกิดข้ึนและส่ิงถูกสร้างต่างๆ
ประการท่ีสอง คอื การศรัทธา ต่อสิ่งท่ีพระองคท์ รงแจง้ คุณลกั ษณะของพระองค์ หรือการท่ีศาสนทูตได้
แจง้ ใหท้ ราบถึงคุณลกั ษณะของพระองคต์ ามความเป็ นจริง อยา่ งเหมาะสม ดว้ ยกบั ความครบถว้ นสมบูรณ์
และความยง่ิ ใหญข่ องพระองค์ มิใช่เป็นการเปรียบเทียบเสมอกบั พระองค์ และไม่มีผูใ้ ดจะรู้ถึงพระลกั ษณะ
คุณของอลั ลอฮ์ ยงิ่ ไปกวา่ พระองคเ์ อง และศาสนทูตของพระองค์ อลั ลอฮท์ รงบญั ญตั ใิ นอลั กุรอาน
ความวา่ “ ไม่มสี ่ิงใดเหมือนพระองค์ และพระองค์คอื ผู้ทรงได้ยนิ ผู้ทรงเห็น ” ( อลั -ชูรอ 11)
พืน้ ฐานทรี่ องรับหลกั การเตาฮีดอลั อัสมาอ์และอัศศิฟาต
มีพ้นื ฐานและหลกั เกณฑห์ ลายประการทเี่ ก่ียวขอ้ งกบั บรรดาพระนามและคุณลกั ษณะของอลั ลอฮค์ ือ
1. บรรดาพระนามต่างๆ ของอลั ลอฮ์ น้นั ท้งั หมดเป็ นพระนามที่สวยงาม และวิจิตรท้งั ส้ิน ตลอดจน
คุณลกั ษณะสูงส่งหาขอ้ บกพร่องมิไดเ้ ลย
2. บรรดาพระนามและคุณลกั ษณะน้นั ไม่จากดั จานวนแน่นอน และเราไม่สามารถทราบไดท้ ้งั หมด
3. คุณลกั ษณะตา่ งๆ ของอลั ลอฮ์ เป็ นท่ที ราบดี เพราะมีความหมายรูไ้ ด้ แตว่ ธิ ีการน้นั ไม่เป็นท่ีล่วงรู้ได้
4. ไม่อนุญาตให้ใช้พระนามคุณลกั ษณะต่ออลั ลอฮฺตราบใดที่ไม่มีบอกไวใ้ นอลั กุรอานหรือฮะดีษที่
ถูกตอ้ ง
5. ไม่จาเป็นทีจ่ ะตอ้ งเหมือนกนั ถา้ ใชช้ ่ือเรียกเดียวกนั เพราะอลั ลออฮเ์ คยเรียกตวั ของพระองคเ์ อง ดว้ ย
ช่ือท่ีพระองคใ์ ชเ้ รียกสิ่งถูกสร้างของพระองค์ เช่นเดียวกนั ทพี่ ระองคใ์ หล้ กั ษณะของพระองคด์ ว้ ยกบั บรรดา
ลกั ษณะท่เี คยบอกไวใ้ นทถ่ี ูกสร้างของพระองค์ เช่นคาวา่ ไดย้ นิ เห็น มิใช่วา่ พระเจา้ ทรงไดย้ นิ ดงั เช่นท่ีมนุษย์
ไดย้ นิ น้นั จะเหมือนกนั หรือทรงเห็นกบั ที่มนุษยเ์ ห็นจะเหมือนกนั กห็ าไม่
สาหรับบรรดามสุ ลิม ในด้านพระนามและคุณลกั ษณะต่างๆ เมื่อมีความสานึกระลึกอย่เู สมอจะทาให้
การดารงชีวิต อย่ใู นเส้นทางทเ่ี ท่ียงตรงและมน่ั คง พร้อมศรัทธาทแี่ ขง็ แกร่ง และจิตใจที่สงบนิ่ง
อสิ ลาม เป็ นคาภาษาอาหรบั หมายถึง การยอมรบั วา่ อลั ลอฮฺเป็นความจริงสูงสุดและอนนั ต์ หมายถึงการ
ยอมจานน การอ่อนนอ้ ม และการเช่ือฟัง ความหมายตามนยั ยะน้ีก็คือ อิสลามคือวิถีทางเพอ่ื การยอมจานน
และเชื่อฟังต่ออลั ลอฮฺ อยา่ งสิ้นเชิง
แนวความคิดอิสลามข้นั พ้นื ฐานถือว่า จกั รวาลท้งั หมดถูกสร้างโดยผเู้ ป็ นเจา้ การศรัทธาท่ีสาคญั
ท่ีสุดของอิสลาม คือ “เตาฮีด” หรือ การศรัทธาในผูเ้ ป็ นเจา้ หน่ึงเดียว เป็ นความศรัทธาที่เป็ นรากเหงา้ ของ
อิสลาม ความศรัทธาอ่ืนท้งั หมดแตกยอ่ ยมาจากความศรัทธาน้ี เน้ือหาเรื่องการศรัทธาของอิสลามจึงเน้น
เฉพาะเรื่องน้ ีเป็ นสาคญั
หลกั การ 3 ข้อ เกย่ี วกับอะกีดะฮฺของมสุ ลิม
หลักการข้อที่ 1 : ถวายตวั เองแด่อลั ลอฮด้วยการเตาฮีดต่อพระองค์
เป้าหมายของหลกั การขอ้ น้ี คือ การอิบาดะฮฺที่บริสุทธ์ิแด่อลั ลอฮเท่าน้ัน ไม่เคารพสิ่งอ่ืนจากพระองค์
ผใู้ ดไม่ถวายตนเองใหแ้ ก่อลั ลอฮ เขากค็ ือคนที่หยง่ิ ยโส และผใู้ ดที่ถวายตนเองให้แก่อลั ลอฮ พร้อมกบั สิ่งอ่ืน
จากพระองคด์ ว้ ย เขากจ็ ะถูกเรียกวา่ มุชริก ผทู้ ถ่ี วายตนเองใหแ้ ก่อลั ลอฮเทา่ น้นั เราจะเรียกวา่ มุวะหฺฮิด (อะฮฺ
ลุต เตาฮีด – ชนแห่งเตาฮีด)
เตาฮีด คอื การมอบเอกภาพแด่อลั ลอฮในการอิบาดะฮฺ ส่ิงที่ถูกกราบไหวน้ ้ันมีอยมู่ ากมาย ผทู้ ่ีมีเตาฮีดจะ
เคารพสกั การะตอ่ อลั ลอฮแต่เพยี งผเู้ ดียว อลั ลอฮ สุบหานะฮุ วะตะอาลา ตรัสวา่
ٌَُ ٕ ْش ِشكٚ َ ْؼجذٔا ئِنَٓب َٔا ِحذا َلُا ئِنَ َُّ ِئ َلُا ْ َُٕ ع ْج َحبََ ُّ َػ ًَبَٛٔ َيب أ ِيشٔا ئِ َلاُ ِن
พวกเขามิไดถ้ ูกใชน้ อกจากเพอ่ื เคารพสกั การะผูท้ ี่สมควรไดร้ ับการเคารพสกั การะ แต่เพียงองคเ์ ดียว ซ่ึง
ไม่มีผูใ้ ดควรไดร้ ับการเคารพสกั การะนอกจากพระองคเ์ ท่าน้ัน พระองคท์ รงบริสุทธ์ิจากสิ่งที่พวกเขาให้มี
ภาคีข้ึน (สูเราะฮฺอตั -ตเบะฮฺ 9 : 31)
และพระองคท์ รงตรสั อีกวา่
ِّ ًَ ُِخَٛ ٍُ ا ْنمٚ ْإرٕا ان َض َكبُحَ َٔرَ ِن َُك ِدَٚٔ ًَُٕا ان َصََلحٛ ِمَٚٔ ُ ٍَُ حَُفَب َءِّٚ ٍَُ نَ ُّ ان ِذَٛ ْؼجذٔا اَ َلُلَ ي ْخ ِه ِصَٛٔ َيب أ ِيشٔا ِئ َلاُ ِن
และพวกเขามิไดถ้ ูกบญั ชาใหก้ ระทาอื่นใดนอกจากเพื่อเคารพภกั ดีต่ออลั ลอฮเ์ ป็ นผมู้ ีเจตนาบริสุทธ์ิใน
การภกั ดีต่อพระองค์ เป็นผอู้ ยใู่ นแนวทางทเ่ี ท่ียงตรงและดารงการละหมาด และจ่ายซะกาต และนัน่ แหละคือ
ศาสนาอนั เทีย่ งธรรม (สูเราะฮฺอลั -บยั ยนิ ะฮฺ 98 : 5)
ในอีกอายะฮฺหน่ึง อลั ลอฮทรงตรัสถึงอิสลามในฐานะเป็นศาสนาท่ีเทีย่ งตรง วา่
ٌَُ ًََٕ ْؼهٚ ِّىُ َٔنَ ِك ٍَُ أَ ْكضَ َُش انَُب ِطُ َلُاَٛ ٍُ ا ْنمَِّٚبُِ رَ ِن َُك انذِِٚئ ٌُِ ا ْنح ْكىُ ِئ َلاُ َِ َلُِل أَ َي َشُ أَ َلُا رَ ْؼجذٔا ئِ َلاُ ئ
การตดั สินมิได้เป็ นสิทธิของใครนอกจากอลั ลอฮพระองค์ทรงใชม้ ิให้พวกท่านเคารพอิบาดะฮฺสิ่งใด
นอกจากพระองคเ์ ทา่ น้นั นนั่ คอื ศาสนาท่ีเที่ยงธรรมแต่ส่วนใหญ่ของมนุษยไ์ ม่รู้ (สูเราะฮฺยสู ุฟ 12 : 40)
น่ีแหล่ะคอื อิสลาม ส่วนผทู้ ีก่ ระทาชิกรฺ และอยากจะอนุรักษก์ ารชิรกฺในนามของประเพณี แน่นอนวา่ เขา
มิไดย้ ดึ มนั ตอ่ หลกั การของอิสลามท่ไี ดถ้ ูกประทานลงมา
หลกั การข้อที่ 2 : ภักดตี ่ออลั ลอฮด้วยการเชื่อฟังพระองค์
ผูท้ ี่มีเตาฮีด คือ ปฏิบตั ิตามคาสั่งใชข้ องอัลลอฮ และหลีกห่างจากขอ้ สัง่ ห้ามของพระองค์ การเชื่อฟัง
หมายถึง การทาตามคาส่ังและห่างไกลจากขอ้ ห้าม ดังน้ัน จึงยงั ไม่เพียงพอในการเป็ นมุวะหฺฮิด หาก
ปราศจากการปฏบิ ตั ิ
หลักการข้อท่ี 3 : ตัดข้อผูกพนั ธ์ของตนเองจากการชิกรฺและผู้กระทาชิรกฺ
ยงั ไม่เพยี งพอที่จะยดึ มนั่ ต่อหลกั การ 2 ขอ้ ขา้ งตน้ ยงั ไม่เพยี งพอท่ีเขาจะเคารพอิบาดะฮฺต่ออลั ลอฮเพยี ง
อยา่ งเดียว แต่ทวา่ เขาจะตอ้ งตดั ขอ้ ผกู พนั จากการชิรกฺและผกู้ ระทาชิรกฺดว้ ย ดงั น้นั หลกั ของมุสลิม ก็คือ เขา
เชื่อมน่ั ในความมดเทจ็ ของการชิรกฺ และเขาก็ตกั ฟีรต่อมุชริกฺ มุสลิมจะตอ้ งเกลียดชงั และเป็ นศตั รูกบั พวกเขา
เพอ่ื อลั ลอฮ เพราะหลกั การของมุสลิม ก็คือ รักต่อส่ิงต่างๆและผูค้ นที่อลั ลอฮรัก และเกลียดชงั ต่อส่ิงต่างๆ
และผคู้ นท่อี ลั ลอฮเกลียดชงั
ดงั กล่าวน้ีแหล่ะ ที่ท่านนบีอิบรอฮีม อะลยั ฮิสสลาม ไดท้ าไวเ้ ป็ นแบบอยา่ งเอาไว้ ในขณะที่ท่านและคนท่ี
อยรู่ ่วมกบั ท่านไดต้ ดั ขอ้ ผกู พนั ธจ์ ากชาวมุชริก ดงั หลกั ฐากจากอายะฮฺ
ٍُْ ٍَُ َيؼَُّ ِئرُْ لَبنٕا ِنمَ ْٕ ِي ِٓ ْىُ ئََِب ث َشآَ ُء ِي ُْك ْىُ َٔ ِي ًَب رَ ْؼجذٔ ٌَُ ِيٚ َُى َٔانَ ِزِْٛ ئِ ْث َشاِٙلَذُْ َكبََ ُْذ نَك ْىُ أ ْع َُٕح َح َغَُ ُخ ف
دٔ ٌُِ اَ َلُِل
แน่นอนไดม้ ีแบบอยา่ งอนั ดีงามสาหรับพวกเจา้ แลว้ ใน(ตวั )อิบรอฮีม และบรรดา(มุอ์มิน)ผทู้ ่ีอยรู่ ่วมกบั
เขา เมื่อพวกเขากล่าวแก่หมู่ชนของพวกเขาว่า แทจ้ ริงพวกเราขอปลีกตวั จากพวกท่านและสิ่งท่ีพวกท่าน
เคารพบูชาอ่ืนจากอลั ลอฮ (สูเราะฮฺอลั -มุมตะหินะฮฺ 60 : 4)
ท่านนบีอิบรอฮีมไดต้ ดั ขอ้ ผกู พนั จากพวกมุชริกและสิ่งกราบไหวข้ องพวกเขา
ََُُِكُى ا ْنؼَذَا َٔحُ َٔانْجَ ْغ َضب ُء أَثَذا َحزَٗ ر ْإ ِيُٕا ثِبَ َل ِلُ َٔ ْحذْٛ َََُُب َٔثْٛ ََكفَ ْشََب ِثك ْىُ َٔثَذَا ث
เราขอปฏเิ สธศรทั ธาต่อ(ศาสนาของ)พวกทา่ น และการเป็ นศตั รูและการเกลียดชงั ระหวา่ งพวกเรากบั พวก
ท่านไดป้ รากฏข้ึนแลว้ (และจะคงอย)ู่ ตลอดไป จนกวา่ พวกท่านจะศรัทธาต่ออลั ลอฮองคเ์ ดียว (สูเราะฮฺอลั -
มุมตะหินะฮฺ 60 : 4)
และในอายะฮฺอื่นๆ มีระบวุ า่
ُْٔ َ َٕادُّٔ ٌَُ َي ٍُْ َحبُدَ اَ َللَُ َٔ َسعٕنَُّ َٔنَ ُْٕ َكبَٕا آَثَب َءْ ْىُ أَ ُْٔ أَ ْثَُب َءْ ْىُ أٚ َ ِخ ُِشْٜ َ ْٕ ِوُ اٛ ْإ ِيُٕ ٌَُ ثِبَ َللُِ َٔا ْنٚ َلاُ رَ ِجُذ لَ ْٕيُب
َشرَٓ ُْىٛئِ ْخ َٕآََ ْىُ أَ ُْٔ َػ ِش
เจา้ จะไม่พบหมู่ชนใดทพี่ วกเขาศรัทธาต่ออลั ลอฮและวนั ปรโลก รักใคร่ชอบพอผทู้ ี่ต่อตา้ นอลั ลอฮและ
เราะสูลของพระองค์ ถึงแมว้ า่ พวกเขาจะเป็ นพอ่ ของพวกเขาหรือลูกหลานของพวกเขา หรือพีน่ ้องของพวก
เขา หรือเครือญาตขิ องพวกเขากต็ าม (สูเราะฮฺอลั -มุญาดะละฮฺ 58 : 22)
زَ َٕ َنٓ ُْىَٚ ٍُْ ًَب ٌُِ َٔ َيَٚب َُء ِئ ٌُِ ا ْعزَ َحجُّٕا ا ْنك ْف َُش َػهَٗ ا ْْ ِلٛ ٍَُ آَ َيُٕا َلاُ رَزَ ِخزٔا آَثَب َءك ُْى َٔ ِئ ْخ َٕا ََك ُْى أَ ْٔ ِنّٚ َٓب انَ ِزُٚ ََب أٚ
ٌَُ ًِٕي ُْك ُْى فَأٔنَئِ َكُ ْىُ ان َظب ِن
บรรดาผศู้ รัทธาท้งั หลาย! จงอยา่ ไดถ้ ือเอาบิดาของพวกเจา้ และพีน่ ้องของพวกเจา้ เป็ นมิตร หากพวก
เขาชอบการปฏิเสธศรทั ธาเหนือการอีมาน และผใู้ ดในหมู่พวกเจา้ ใหพ้ วกเขาเป็ นมิตรแลว้ ชนเหล่าน้ีแหละ
พวกเขาคอื ผอู้ ธรรม (สูเราะฮฺอตั -เตาบะฮฺ 9 : 23)
َب َُءٛ ٍَُ آَ َيُٕا َلُا رَزَ ِخزٔا َػذ ِّٔ٘ َٔ َػذ َٔك ُْى أَ ْٔ ِنُّٚ َٓب انَ ِزََٚب أٚ
โอบ้ รรดาผศู้ รทั ธาเอ๋ย พวกเจา้ อยา่ ไดค้ บศตั รูของขา้ และศตั รูของพวกเจา้ เป็ นมิตร (สูเราะฮฺอลั -มุมตะหิ
นะฮฺ 60 : 1)
นนั่ คือหลกั การ 3 ขอ้ ของมุสลิมทเ่ี ทีย่ งแท้ คอื การมีเตาฮีดตอ่ อลั ลอฮ , เชื่อฟังพระองค์ และตดั ขอ้ ผกู พนั ธ์
จากการชิกรฺและผกู้ ระทาชิรกฺ ขออลั ลอฮทรงช่วยเหลือเราในการเป็ นบ่าวทม่ี ีเตาฮีดตอ่ พระองค์
หลักศรัทธา (รุก่นอหี ม่าน) 6 ประการ
ศรทั ธาในอลั ลอฮอ์ งคเ์ ดียวًبٌ ثبللهٚ اْلFaith in Allah. (อลั ลอฮุ)
มโนทศั น์ (ภาพในความนึกคิด) พ้นื หลกั มูลฐานที่สุดของศาสนาอิสลาม คือ เอกเทวนิยม (นบั ถือพระเจา้ องค์
เดียว) อยา่ งเคร่งครัด เรียก เตาฮีต (อาหรับ: ذٛرٕح) มีคาพรรณนาในบท ของคมั ภีร์อลั กุรอานว่า “จงกล่าว
เถิด “พระองคค์ อื อลั ลอฮฺ พระผทู้ รงเอกะ อลั ลอฮฺน้นั ทรงอิสระ พระองคไ์ ม่ทรงประสูติบุตร และไม่ทรงถูก
ประสูติ และไม่มีผใู้ ดเสมอเหมือนพระองค”์ มุสลิมและยวิ ไม่ไดศ้ รัทธาในหลกั ตรีเอกานุภาพ (พระเจา้ สาม
องคข์ องคริสต)์ ของคริสตศ์ าสนิกชนและเทวภาวะของพระเยซู โดยเปรียบเทียบกบั พหุเทวนิยม (นบั ถือ
พระเจา้ หลายองค)์
เดิมทีพุทธศาสนาเป็ น อเทวนิยม คือ ทรรศนะที่เช่ือว่าไม่มีพระเป็ นเจ้า แต่ปัจจุบันกรายมานับถือ
พระพทุ ธรูปและรูปป้ันพระสงฆด์ งั ๆ เชื่อวา่ ส่ิงเหล่าน้นั ใหค้ ุณใหโ้ ทษแก่เขาได้
ในศาสนาอิสลาม พระเป็นเจา้ อยเู่ กินความเขา้ ใจซ้ึงใด ๆ และมุสลิมไม่คาดหวงั เห็นพระเป็ นเจา้ พระเป็ นเจา้
ถูกพรรณาและอา้ งถึงในหลายพระนามหรือลกั ษณะเฉพาะบางอย่าง ที่พบบ่อยที่สุดคือ อรั -เราะห์มาน
หมายถึง “พระผทู้ รงเมตตาปรานี” และอรั เราะฮีม หมายถึง “พระผทู้ รงกรุณาปรานี” (เมตตา – ปรารถนาให้
เป็นสุข, กรุณา – ปรารถนาใหพ้ น้ จากทกุ ข)์
มุสลิมเชื่อวา่ การสรรสรา้ งทกุ สิ่งในเอกภาพถูกทาใหม้ ีโดยพระโองการบริบรู ณ์ของอลั ลออ์ “จงเป็ น แลว้
มนั ก็เป็ นข้นึ มา” และมุสลิมมีความมุ่งหมายของการดารงชีวติ อยู่ คือเพอ่ื สกั การะบชู าอลั ลออ์ มองวา่ พระองค์
เป็ นพระเป็ นเจา้ พระองคท์ รงตอบสนองเม่ือใดก็ตามที่บุคคลตอ้ งการ หรือผูใ้ ดเป็ นทุกขเ์ รียกหาพระองค์
พระองคก์ ็จะใหค้ วามช่วยเหลือ ไม่ตอ้ งมีคนกลาง ไม่ตอ้ งใชส้ ิ่งใดเป็ นสื่อ เช่น นกั บวช เพื่อติดต่อพระเป็ น
เจา้ ซ่ึงมุสลิมศรทั ธาวา่ อลั ลอฮน์ ้นั อยใู่ กลช้ ิดมนุษย์ พระองคบ์ อกว่า “เรา(อลั ลอฮ์)น้ันใกลช้ ิดเจา้ ยงิ่ กว่าเสน้
โลหิตชีวติ ในลาคอติดกบั คอหอยของเจา้ เสียอีก” (เส้นเลือดใหญ่ที่ส่งเลือดข้ึนมาเล้ียงสมองน้ัน อยตู่ ิดกับ
หลอดลม หรือหลอดอาหาร หรือคอหอย)
อลั ลอฮฺเป็นคาไม่มีพหูพจนห์ รือเพศ ทมี่ ุสลิมและคริสตศ์ านิกชนและยวิ ท่ีพดู ภาษาอารบิกอา้ งถึงพระเจา้
อ่ืนวา่ “อิละห์” (อาหรับ: ّ)ئن เป็นคาทีใ่ ชก้ บั เทวดาหรือเทพเจา้ โดยรวม คาวา่ อลั ลอฮจ์ ึงสะกดนาดว้ ย อะลีฟ
ลาม จึงเป็น ُاَلله
อิสลามถือว่าในสากลจกั รวาลท้งั หลายมีพระเจา้ ท่ีเท่ียงแทเ้ พียงองคเ์ ดียวเป็ นผูส้ ร้างสากลจกั รวาลและ
เป็นผบู้ ริหารควบคุม โลกน้ีมิใช่เกิดมาโดยบงั เอิญถา้ เกิดโดยบงั เอิญมนั จะมีระเบียบแบบแผนในการโคจร
ไม่ไดโ้ ลกและดวงอาทติ ย์ ดวงจนั ทร์ไดห้ มุนโคจรอยา่ งมีระบบรักษาตาแหน่งหน้าที่ของมนั อยา่ งคงเส้นคง
วานบั เป็ นเวลานานไม่รูก้ ี่ลา้ นปี โดยทมี่ นั ไม่เคยไดช้ นกนั เลยนี่ตอ้ งแสดงวา่ มีผบู้ ริหารและตอ้ งมีผคู้ วบคุมมนั
ศรัทธาในบรรดามลาอีกะฮ์ ًبٌ ثبنًَلئكخٚ اْلfaith in Mala-e-kah มลาอีกะฮ์ คือผูท้ าหน้าที่เป็ น
สื่อกลางระหวา่ งอลั ลอฮก์ บั ศาสดา (นบี ٙ َجProphet) ท้งั หลาย เพอื่ จะไดใ้ หศ้ าสดาดงั กล่าวไดเ้ ขา้ ถึงอลั ลอฮ์
มนุษยเ์ ราแมจ้ ะมีปัญญาสกั ปานใดก็ตอ้ งอาศยั สื่อภายนอกดว้ ยเหมือนกนั เช่น มนุษยน์ ้นั แมจ้ ะมีสายตาดีสัก
เพยี งใดก็ตามเขาก็ไม่สามารถมองเห็นวตั ถุใด ๆ ไดเ้ ลยถา้ หากไม่มีแสงสวา่ งเป็ นสื่อ
คาว่า มลาอีกะฮห์ าคาศพั ทแ์ ปลเป็ นภาษาไทยไม่ได้ มลาอีกะฮ์ เป็ นนามธรรมไม่ใช่เทวทูต, เทวดา, ทูต
สวรรค์ แตใ่ นศาสนาอิสลามถือว่ามลาอีกะฮไ์ ม่มีเพศ ไม่ขดั ขืนคาสั่งของอลั ลอฮ์ ไม่กิน ไม่ด่ืม ไม่หลบั ไม่
นอน ไม่มีเพศ ไม่ขยายเผา่ พนั ธุ์ ถูกสร้างมาจากรศั มีของอลั ลอ์ มลาอีกะฮ์ คืออานาจแห่งความดีส่วนอานาจ
แห่งความชวั่ น้นั คือชยั ตอน หรือซาตานหรือมาร นน่ั เองดงั น้นั มลาอีกะฮจ์ งึ ไม่ใช่เทวดาและนางฟ้า
รายนามมะลาอิกะฮฺที่มุสลิมทุกคนควรทราบน้ันมีท้งั หมด 10 ตน ญิบรีล (ُمْٚ ِج ْج ِشGabriel) เป็ นผูน้ าใน
บรรดามะลาอิกะฮฺท้งั หลาย และเป็นผนู้ าวะฮฺยจู ากอลั ลอฮฺ (ซ.บ.)ไปยงั บรรดานบแี ละเราะซูล
มีกาอีล (مٛخبئٛ يMichael) เป็ นผูค้ วบคุมระบบสุริยจกั รวาล และนาปัจจยั ยงั ชีพ (ริสกี) มาให้แก่บรรดา
มคั ลูก๊ [1] ท้งั หลาย อิซรออีล (มะลิกุลเมาตฺ مٛ َي ِه ِكُ ا ْن ًَ ْٕ ُِد( )ػضسائIzrael) ทาหน้าที่ ถอดวญิ ญาณมคั ลูก
ตามเวลาท่กี าหนดไว้
อิสรอฟีล (مٛ ئعشافIsrafil) เป่ าแตร(ศูรฺ) เม่ือถึงกาหนดวนั ส้ินโลก (วนั กิยามะฮฺ) และวนั ฟ้ืนคืนชีพ
รอกีบ (ُ كشايبRaqib) ผบู้ นั ทึกอนั มีเกียรติ อยปู่ ระจาขา้ งซา้ ยและขา้ งขวาของมนุษย์ บนั ทึกความดี ความชว่ั
ของมนุษย์ (ٍٛ( كشايبُ ٔ كبرجThe Cleaving) – 28 عٕسح اْلَفطبس
อะตีด (ٍٛ كبرجAtid) ผบู้ นั ทึกอนั มีเกียรติ อยปู่ ระจาขา้ งซา้ ยและขา้ งขวาของมนุษย์ บนั ทึกความดี ความชวั่
ของมนุษย์
มุนกรั ฺ ( يُكشMungar) ทาหนา้ ท่ี สอบสวนคนตายในสุสาน (กโุ บรฺ)
นะกีรฺ (شٛ َكNakir) ทาหนา้ ท่ี สอบสวนคนตายในสุสาน
ริฎวาน (ٌ سضٕاRidwan) คอยดูแลและเฝา้ ประตสู วรรค์
มาลิก (ซะบานียะฮฺ) ( يبنكMalik) คอยดูแลและเฝา้ ประตนู รก
ศรัทธาในบรรดาคมั ภีร์ท้งั หลายของพระองคًبٌ ثبنكز ์تٚ اْلFaith in all scriptures. มุสลิมตอ้ งศรัทธา
ตน้ ฉบบั เดิมของคมั ภรี ์ท้งั หลายทุกๆ เล่มในอดีตรวมท้งั อลั -กุรอานดว้ ยท้งั น้ีโดยมีเง่ือนไขวา่ คมั ภีร์เหล่าน้นั
ตอ้ งเป็ นวะฮีย์ (ไดร้ ับการถ่ายทอดถอ้ ยคาจากอัลลอฮผ์ ่านมลาอิกะห์) และตอ้ งมีเน้ือหาสาระตรงกบั อลั -กุ
รอาน มุสลิมตอ้ งเชื่อถือในส่วนบริสุทธ์ิของคมั ภีร์เท่าน้ัน อิสลามถือวา่ คมั ภีร์ที่สมบูรณ์ที่สุดและเป็ นคมั ภีร์
สุดทา้ ยคอื คมั ภีร์อลั -กรุ อาน
อลั ลอฮุส่งคมั ภีร์เล่มแรกลงมาคือ
คมั ภีร์เตาร็อต انزٕساحTorah – ประทานให้ นบมี ูซา ٗيغ
คมั ภรี ์ซะบรู انضثٕسSabur – ประทานให้ นบีดาวดู دأد
คมั ภรี ์อินญลี مٛ اْلَجBible (Gospel) – ประทานให้ นบีอีซา ٗ َغٛ ِػEsa
คมั ภรี ์อลั -กรุ อาน ٌ انمشآAl-Qur-an – ประทานให้ นบีมุฮมั มดั محمدMuhammad
ศรัทธาในบรรดานบีและเราะซูลของพระองค์ ًبٌ ثبنُجٕحٚ اْلFaith in all Prophets and all The
messengers บรรดานบีและเราะซูลท่ีสาคญั มี 25 ท่าน ท่านนาบีอาดา เป็ นนบีท่านแรกของพระองค์ และ
ท่านนาบีมูฮมั หมดั (ซล.) เป็ นเราะซูลท่านสุดทา้ ย คาวา่ “นบี” คือศาสดาท่ีไม่ไดร้ ับคมั ภีร์มาเทศนาสาวก
หรือประชาชาติน้นั ๆ ส่วนคาวา่ “เราะซูล” หรือ “เราะซู ลุลลอฮิ” คือศาสดาที่ไดร้ ับคมั ภีร์ลงมาเทศนาสาวก
หรือประชาชาติน้ันๆ คาวา่ “ระ-ซา-ละ ”س ط لแปลว่า สาส์น. เราะซูล ลุลลอฮิ จึงแปลวา่ ผูถ้ ือสาส์น
จากอลั ลอฮฺ ไม่วา่ ศาสดาเหล่าน้นั จะปรากฎชื่ออยใู่ นคมั ภีร์อลั -กุรอานหรือไม่ก็ตามไม่วา่ ศาสดาเหล่าน้ันจะ
เป็นชนชาตใิ ดอยทู่ ี่ไหนพดู ภาษาอะไรกต็ ามมุสลิมตอ้ งใหเ้ กียรติยกยอ่ งบรรดาศาสดาเหล่าน้ันอยา่ งเท่าเทียม
กนั หมด
ศาสดามุฮมั มดั เป็ นศาสดาสุดทา้ ยของโลกที่มารับภารกิจต่อจากศาสดาก่อน ๆ ที่เชิญชวนมนุษยใ์ ห้
รู้จกั อลั ลอฮ์ และดาเนินชีวิตตามคาสอนของอลั ลอฮ์ ศาสดามุฮมั มดั ไดก้ ล่าววา่ หลงั จากท่านแลว้ จะไม่มี
ศาสดาเกิดข้นึ มาอีก เพราะถือวา่ ทา่ นไดน้ าคาสอนหรือแนวทางแห่งการดาเนินชีวติ ทส่ี มบูรณ์มาสู่มนุษยชาติ
แลว้
รายนามนบีและเราะซูลท่ีกล่าวถึงในอลั กุรอาน 25 ท่าน
ٌ انمشآٙبء ٔانشعم فٛ الأَجThe Prophets and The Meassengers in Quran.
ศรัทธาในวนั สุดทา้ ย بيخٕٛو انمًٛبٌ ثبنٚ اْلFaith in the Day of Judgment, Doomsday และการเกิด
ใหม่ในวนั ปรโลก
หรือเรียกอีกอยา่ งหน่ึงวา่ วนั ชาระบญั ชี (เยามิล หิสาบ) ٕو انحغبةٚ , วนั แห่งศาสนา (เยามิด ดีน)
ٍٕٚو انذٚ , วนั ส้ินโลก (เยามิล อาคเิ ราะห)์ خشحٜٕو اٚ , เยามิล วากิอะห์ ٕو انٕالؼخٚ อิสลามถือวา่ โลกท่ี
เราอาศยั อยนู่ ้ีเป็นเพยี งวตั ถุธาตุช้ินหน่ึงซ่ึงตอ้ งมีการแตกสลายเหมือน ๆ กบั วตั ถุหรือสิ่งอ่ืน ๆ แน่นอนโลก
ของเราตอ้ งถึงจุดจบไม่วนั ใดก็วนั หน่ึง เมื่อโลกแตกสลายแลว้ ทกุ สิ่งทุกอยา่ งกด็ บั สิ้นนอกจากอลั ลอฮเ์ ท่าน้นั
ทย่ี งั ดารงอยแู่ ละมนุษยท์ ้งั หลายก็จะไปเกิดใหม่อีกคร้งั แต่จะไปเกิดสภาพใดน้นั ไม่มีมนุษยผ์ ใู้ ดรู้ได้ การเกิด
ใหม่อีกคร้ังน้ีก็เพอ่ื ที่จะใหม้ นุษยร์ บั ผลตอบแทนตามที่เขาไดก้ ระทาไวเ้ ม่ือคร้ังท่ีเขายงั มีชีวติ อยู่ ผลงานของ
เขาในโลกน้ีจะเป็ นตวั กาหนดวา่ เขาจะเป็นผไู้ ดร้ ับสวรรคห์ รือนรกไม่มีใครช่วยใครได้ ไม่มีการกลบั ชาติมา
เกิด ถา้ เราไม่เช่ือในเรื่องการเกิดใหม่แลว้ สงั คมของเราก็จะสับสนปั่นป่ วนว่นุ วายหาความสงบสุขไม่ได้
ดงั เช่น พวกอรบั ในยคุ ญาฮีลียะฮ َُخٛ َجب ِْ ِهIgnorance (ยคุ แห่งความโง่เขลา งมงาย) ซ่ึงเช่ือวา่ เมื่อพวกเขาเกิด
มาแลว้ กต็ ายไปคอื ตายไปแลว้ ดบั สูญเหมือนดงั เหล่าสรรพสตั วอ์ ่ืน ๆ ความดี ความชวั่ ท่ีเขาไดก้ ระทามาน้ัน
ไม่มีการตอบแทนใดๆ ท้งั สิ้น ดงั น้นั พวกเขาจึงใชช้ ีวติ ความเป็ นอยไู่ ปในทางชว่ั ชา้ ทุกรูปแบบจนสร้างความ
เสียหายปั่นป่ วนใหแ้ ก่สงั คมเป็ นอยา่ งยง่ิ
ศรัทธาในกฎกาหนดสภาวะ ًبٌ انمضبء ٔانمذس ثبللهٚ اْلFaith in fate and destiny from Allah.
ของอลั ลอฮฺ คอื ตอ้ งศรัทธาวา่ สรรพสิ่งท้งั หลายในสากลจกั รวาลน้ีลว้ นเกิดข้นึ มาและดาเนินไปตามกฎเกณฑ์
ของอลั ลอฮฺท้งั สิ้นเช่น ไฟมีคุณสมบตั ิรอ้ น น้าไหลลงจากที่สูงลงสู่ที่ต่า แพะ แกะ ววั ควาย สุนัขออกลูกเป็ น
ตวั นก เป็ด ไก่ออกลูกเป็นไข่ ตน้ มะม่วงตอ้ งออกลูกเป็ นมะม่วง ตน้ กลว้ ยจะออกลูกเป็ นแอปเป้ิ ลไม่ไดท้ ุก ๆ
ชีวิตตอ้ งตายนี่คือกฎกาหนดสภาวะของอลั ลอฮ์หมายความว่ากฎธรรมชาติท้งั หลายน้ันอลั ลอฮเ์ ป็ นผูท้ รง
สรา้ งและควบคุมมนั ส่วนการกาหนดสภาวะในหลกั จริยธรรมความดี- ความชว่ั น้ันพระองคจ์ ะเป็ นผบู้ อกเรา
เองวา่ อะไรคอื ความดีและอะไรคือความชวั่ แตส่ ิ่งทใ่ี ชว้ ดั ความดีความชวั่ น้นั ในอิสลามถือวา่ มนั ไม่ไดม้ าจาก
มติบุคคลหรือมตขิ องมหาชน มิไดอ้ าศยั ขนบธรรมเนียมประเพณีหรือความนิยมหรือสิ่งแวดลอ้ มเป็ นเคร่ือง
กาหนดเพราะถา้ มนุษยเ์ ป็นผกู้ าหนดความดีความชวั่ แลว้ มาตรฐานความดีของมนุษยก์ จ็ ะแตกต่างกนั
การท่ีมนุษยไ์ ดก้ ระทาความดีความชว่ั น้นั อลั ลอฮไ์ ม่ไดเ้ ป็ นผลู้ ิขิตชะตาชีวติ ของเขาไวล้ ่วงหน้ามาก่อนเลยสิ่ง
เหล่าน้ีมนั ข้ึนอยกู่ บั การกระทาหรือการตดั สินใจของมนุษยเ์ องเพราะอลั ลอฮ์ไดใ้ หค้ วามคิดอิสระเสรีแก่เขา
ในการท่ีเขาจะเลือกทางเดินของเขาเองดงั น้นั เหตุการณ์ต่าง ๆที่สับสนวนุ่ วายอยใู่ นบา้ นเมืองหรือสังคมน้ัน
มนั เกิดข้ึนมาจากน้ามือของมนุษยด์ ว้ ยกนั เองท้งั ส้ินมิใช่เกิดข้ึนจากการกาหนดหรือการลิขิตของอลั ลอฮ์
ความจน ความรวย ความทกุ ขท์ รมาน ความทกุ ขย์ าก ความขมข่ืนทเ่ี กิดแก่มนุษยน์ ้นั ก็เนื่องมาจากผปู้ กครอง
ขาดความรับผิดชอบนนั่ เอง การที่อลั ลอฮ์ไม่ไดเ้ ป็ นผูข้ ีดชะตากรรมของผใู้ ดล่วงหน้ามาน้นั ก็เพ่ือท่ีจะให้
มนุษยไ์ ดม้ ีความรบั ผดิ ชอบในการงานของตนเองที่ไดก้ ระทาไว้
หลักการแห่งอสิ ลาม 5 ประการ
หลกั การแห่งอิสลาม 5 ประการน้นั เป็นภารกิจจาเป็ นตอ่ ชีวติ มุสลิมทุกคน ซ่ึงประกอบดว้ ยการปฏิญาณ
ตนเพอ่ื ยนื ยนั ความศรทั ธา การละหมาด การจ่าซะกาต (ใหก้ ารช่วยเหลือแก่ผูข้ ดั สน ยากจน) การถือศีลอด
ในเดือนรอมฎอน และการแสวงบญุ ณ เมืองมกั กะฮฺสกั คร้งั หน่ึงในชีวติ ของผทู้ ม่ี ีความสามารถพอ
1. กล่าวปฏิญาณยืนยันความศรัทธา
การปฏิญาณตนเพอ่ื ยนื ยนั ความศรทั ธาคอื การกล่วคาวา่ " ลา อิลาฮะ อิลลลั ลอฮฺ มุฮมั มาดรั ฺ รอซูลุลลอ
ฮฺ " ซ่ึงมีความหมายวา่ " ไม่มีพระเจา้ อ่ืนใดทแ่ี ทจ้ ริงเวน้ แต่อลั ลอฮ์ (พระผเู้ ป็ นเจา้ เพยี งองคเ์ ดียว) และมุฮมั มดั
คอื ศาสนทตู ของพระองค์ " ในส่วนแรกคาวา่ " ไม่มีพระเจา้ อื่นใดที่แทจ้ ริงเวน้ แต่อลั ลอฮฺ (พระผูเ้ ป็ นเจา้ เพยี ง
องคเ์ ดียว) " หมายความวา่ ไม่มีส่ิงใดท่ีถือสิทธิในการเคารพภกั ดีเวน้ แต่อลั ลอฮฺเพยี งองคเ์ ดียวเท่าน้ัน และ
พระผเู้ ป็ นเจา้ ไม่มีผทู้ ี่เป็นภาครี ่วมกบั พระองค์ พระองคไ์ ม่มีบตุ ร คาปฏญิ าณดงั กล่าวเรียกวา่ ซะฮาดะฮฺ เป็ น
สูตรพ้นื ฐานทที่ กุ คนตอ้ งกล่าวดว้ ยความเชื่อมน่ั ท้งั จติ ใจและการแสดงออกเมื่อหนั มานบั ถือศาสนาอิสลาม
2. ละหมาด
มุลลิมทุกคนตอ้ งละหมาดวนั ละ 5 เวลา ในแต่ละคร้ังท่ีทาการละหมาดใชเ้ วลาเพียงไม่ก่ีนาที การ
ละหมาดเป็ นการเคารพภกั ดีและเป็ นการสร้างสัมพนั ธโ์ ดยตรงระหว่างผปู้ ฏิบตั ิกบั พระผูเ้ ป็ นเจา้ และใน
อิสลามไม่มีสื่อกลางระหวา่ งมนุษยก์ บั พระผเู้ ป็ นเจา้
ในการทาละหมาดน้นั ผูป้ ฏิบตั ิจะรู้สึกถึงความสุขภายใน ความสงบ สันติ และผอ่ นคลาย และไดร้ ับ
ความเอ็นดูเมตตาจากพระผเู้ ป็ นเจา้ ท่านศาสนทูตมุฮมั มดั (ซ.ล.) กล่าวว่า " บิลาล จงเรียกประชาชนสู่การ
ละหมาด จงมาสู่การละหมาดที่จะทาให้เราผ่อนคลาย " บิลาลคือหน่ึงในบรรดาสหายของท่านศาสนทูตที่
ไดร้ บั หนา้ ท่ใี นการเรียกร้องประชาชนสู่การละหมาด
เวลาของการละหมาดน้ันคือ ช่วงตอนเชา้ มืด, ตอนบ่าย, เยน็ , ตอนพระอาทิตยต์ กดิน, และในตอน
กลางคืน มุสลิมน้ันสามารถท่ีจะทาละหมาดไดใ้ นสถานท่ีใดก็ได้ ไม่ว่ากลางสนาม ห้องทางาน โรงงาน
หรือมหาวทิ ยาลยั
3. จ่ายซะกาต (ให้การช่วยเหลือแก่ผู้ยากจน ขัดสน )
ทกุ ส่ิงทกุ อยา่ งในสากลจกั รวาลลว้ นเป็ นสิทธิของอลั ลอฮฺ และความมงั่ คง่ั ก็เป็ นของพระองค์ ดงั น้ัน
เราจาตอ้ งแบง่ ปันแก่มนุษยชาติ เดิมคาวา่ ซะกาต น้นั คอื ท้งั "การทาใหบ้ ริสุทธ์ิ" และ "การเจริญเติบโต" การ
จ่ายซะกาต หมายถึง "การให้ส่วนของทรัพยส์ ินแก่ผูท้ ี่ยากจนขดั สนตามพิกดั ที่กาหนด" อัตราส่วนของ
ทรัพยส์ ินไม่ว่า ทอง เงิน หรือเงินสดที่ตอ้ งจ่ายซะกาต จะใชก้ ารเทียบด้วยจานวนทรัพยส์ ินที่มีค่า 85 กรัม
ของทอง และทรัพยส์ ินดงั กล่าวมีอายคุ รอบครองหน่ึงปี จะตอ้ งจา่ ยออกไป 2.5 เปอร์เซ็นต์ ทรัพยส์ ินในส่วน
ท่ีเรามีอยนู่ ้นั จะทาใหบ้ ริสุทธ์ิ ดว้ ยการให้ส่วนเล็กน้อยแก่ผทู้ ี่ยากจน ขดั สน การจ่ายซะกาตก็เหมือนกบั การ
ตดั แต่งก่ิงของตน้ ไม้ ส่วนที่ไดร้ ับการตกแต่งจะส่งผลให้ส่วนที่เจริญเติบโตข้ึนใหม่มีความสวยงามและ
สมดุล ในส่วนของทรพั ยส์ ินตอ้ งการบริจาคน้นั ก็สามารถบรจาคไดม้ ากเทา่ ทีต่ อ้ งการ
4. การถือศีลอดในเดือนรอมฏอน
ทุกๆ ปี เม่ือเดือนรอมฏอนมาถึงน้ัน มุสลิมจะตอ้ งทาการถือศีลอดโดยเร่ิมต้งั แต่ตอนรุ่งสางจนถึง
ตะวนั ตกดิน มุสลิมจะงดเวน้ การกิน ดื่ม และการมีเพศสมั พนั ธ์
การถือศีลอดน้ันไดใ้ ห้ประโยชน์ท้งั ต่อร่างกายและจิตวญิ ญาณ และยงั ถือว่าเป็ นวิธีการรักษาความ
บริสุทธ์ิของจติ วญิ ญาณ การขดั เกลาหวั ใจ การตดั บางสิ่งบางอยา่ งออกจากการดาเนินชีวติ ทางโลก แมแ้ ต่ช่วง
ระยะเวลาส้ันๆ ดังเช่นการถือศีลอดน้ันไดท้ าให้เรามีความเห็นอกเห็นใจต่อผูท้ ี่อดอยาก ท้งั ยงั เพิ่มพูนจิต
วญิ ญาณแห่งความดีแก่ชีวติ ของเขาอีกดว้ ย
5. การประกอบพิธีฮัจญ์
การจาริกแสวงบุญประจาปี หรือที่เรียกวา่ การทาฮจั ญท์ ี่นครมกั กะฮ์ เป็ นภารกิจหลกั ท่ีมุสลิมทุกคนท่ี
มีความสามารถท้งั สภาพของร่างกายและเงินทองจะตอ้ งปฏิบตั ิ คนกวา่ สองลา้ นคนจากทว่ั โลกจะมาชุมนุม
กนั ทุกๆ ปี ทน่ี ครมกั กะฮ์ ในฤดูกาลฮจั ญป์ ระจาปี ในเดือนที่ 12 ของปฏทิ ินอิสลาม ผูแ้ สวงบุญชายจะสวมใส่
ชุดเอ๊ียะฮร์ อมซ่ึงเป็นเส้ือผา้ ท่ีเรียบง่ายทส่ี ุดเหมือนกนั ทุกคน ซ่ึงไม่มีการแยกชนช้นั วรรณะ หรือวฒั นธรรม
ทุกๆคนยนื อยา่ งเทา่ เทยี มกนั ตอ่ หนา้ อลั ลอฮ์
กฎเกณฑข์ องการทาฮจั ญน์ ้นั เริ่มตน้ ดว้ ยการเวยี นรอบกะอฺบะฮ์ 7 รอบ ตามมาดว้ ยการเดินระหวา่ ง
เนินเชาเศาะฟาและมรั ฺวะฮฺ ดงั เช่นทพ่ี ระนางฮาญรั ฺไดป้ ฏิบตั ใิ นช่วงทที่ า่ นคน้ หาแหล่งน้า หลงั จากน้นั ผแู้ สวง
บญุ กเ็ ดินทางไปหยดุ พกั ทีท่ ุ่งอารอฟะฮฺ (ห่างจากมกั กะฮ์ 15 ไมล)์ และขอพรรวมถึงการขออภยั โทษจากพระ
ผเู้ ป็นเจา้ ซ่ึงสถานที่ดงั กล่าวถือวา่ จะเป็นทร่ี วมตวั ของมนุษยชาติในวนั แห่งการตดั สิน
ฮจั ญจ์ ะส้ินสุดลงเม่ือเขา้ เทศกาลอีดิลอฏั ฮา ซ่ึงถือเป็ นเทศกาลร่ืนเริงเพียงหน่ึงในสองเทศกาลเท่าน้ัน
ตามปฏิทินอิสลาม ซ่ึงจะมีการละหมาดร่วมกนั อีกเทศกาลหน่ึงคือ อีดิล ฟิ ฏริ ซ่ึงจดั ข้ึนในวนั ส้ินสุดเดือน
รอมฎอน
คมั ภรี ์ท้งั 4 เล่ม
คมั ภีร์อตั -เตารอฮฺ ()ألتوراة
ประทานลงมาใหแ้ ก่ท่านนบมี ูซา (อะลยั ฮิสลาม) ในช่วงเวลา 6 คืนล่วงลงมาแลว้ จากเดือนเราะมะฎอน
คมั ภรี ์อัซ-ซะบู๊ร ()ألزبور
ประทานลงมาใหแ้ ก่ท่านนบีดาวดู (อะลยั ฮิสลาม) ในช่วงเวลา 12 คืนล่วงลงมาแลว้ จากเดือนเราะมะฎอน
ภายหลงั การประทานคมั ภีร์อตั -เตารอฮฺเป็นเวลา 482 ปี
คมั ภรี ์อลั -อนิ ญลี ()ألإنجيل
ประทานลงมาให้แก่ท่านนบีอีซา (อะลยั ฮิสลาม) ในช่วงเวลา 18 คืนล่วงมาแลว้ จากเดือนเราะมะฎอน
ภายหลงั การประทานคมั ภีร์อซั -ซะบูร๊ เป็นเวลา 1,050 ปี
คมั ภีร์อัล-กรุ อาน ()ألقرآن الكريم
ประทานลงมาใหแ้ ก่ท่านนบีมุฮมั มดั (ศอ็ ลลลั ลอฮุอะลยั ฮิวะสลั ลมั ) ในค่าคืนอลั -ก็อดร์ ซ่ึงอยใู่ นช่วง 10
คนื สุดทา้ ยของเดือนเราะมะฎอน ซ่ึงประชาคมมุสลิมส่วนใหญ่มีความเห็นวา่ เป็ นค่าคืนที่ 27 จากเดือนเราะ
มะฎอน ขณะที่ท่านนบีมุฮัมมดั (ศ็อลลลั ลอฮุอะลยั ฮิวะสัลลมั ) มีอายุได้ 40 ปี บริบูรณ์ย่างเขา้ ปี ท่ี 41 โดย
ประทาน 5 อายะฮฺแรกจากสูเราะฮฺอลั -อะลกั และทยอยลงมาตลอดระยะเวลา 22 ปี 3 เดือน
คมั ภรี ์อลั -กรุ อานมีจานวนสูเราะฮฺ (บท) 114 บท เป็ นสูเราะฮฺมกั กียะฮฺ 86 บทและสูเราะฮฺมะดะนียะฮฺ 28
บท มีจานวน 6,236 อายะฮฺ (บญั ญตั )ิ และถูกแบง่ ออกเป็ น 30 ํซุ อ์ (ภาค) แต่ละํุซอม์ ี 2 หิซฺบ์ รวมท้งั หมด
60 หิซฺบ์ แตล่ ะหิซฺบแ์ บ่งเป็ น 4 รุบอฺ รวมท้งั หมด 240 รุบอ์
- การอบรมสงั่ สอนบรรดานบีและผเู้ จริญรอยตามทางเดินของบรรดานบี
อลั ลอฮฺตะอาลาไดอ้ บรมสง่ั สอนบรรดานบี และผเู้ จริญรอยตามนบี ดว้ ยการพยายามตนเองให้ซึมซบั
ในอีมานเป็ นอนั ดบั แรกดว้ ยการหมน่ั ปฏิบตั ิในอิบาดะฮฺ การตซั กิยะฮฺ(การชาระจิตใจ) การพินิจพิเคราะห์
การคดิ ใคร่ครวญ การอดทน การเสียสละทุกอยา่ งเพ่ือศาสนา การทุ่มเทและอุทิศตนเพ่ือประกาศศกั ดาของ
ศาสนากระทงั่ ความศรัทธาได้สมบูรณ์ในชีวิตของพวกเขา และจิตใจของพวกเขาเต็มดว้ ยความเชื่อม่ัน
วา่ อลั ลอฮฺเป็ นผทู้ รงสร้างทุกอยา่ ง และทุกสรรพสิ่งอยใู่ นเอ้ือมพระหัตถ์ของพระองค์ และพระองคผ์ เู้ ดียวที่
ควรแก่เคารพภกั ดีและสกั การะบชู า แลว้ พวกเขาก็จะพยายามปกปักษร์ กั ษาอีมาน(การศรัทธา) ดว้ ยการรกั ษา
ความเป็นอยขู่ องสภาวะแวดลอ้ มที่ดีดว้ ยวธิ ีตา่ งๆ อาทเิ ช่น การบารุงรักษามสั ยดิ ดว้ ยการฟ้ื นฟูใหเ้ ป่ี ยมดว้ ยอี
มานและอามลั ศอลิหฺ
พวกเขาจะพยายามทางานเพ่ือความจาเป็ นของศาสนาและความจาเป็ นของพวกเขาเองดว้ ยการพ่ึง
ความช่วยเหลือจากการศรัทธา ดว้ ยการท่ีพวกเขาเชื่อดว้ ยความมนั่ อกมนั่ ใจว่าอลั ลอฮฺจะอยกู่ บั พวกเขาแม้
พวกเขาจะอยู่ ณ หนแห่งใดกต็ าม อลั ลอฮฺจะคอยช่วยเหลือ ให้ปัจจยั ยงั ชีพแก่พวกเขา และใหก้ ารสนบั สนุน
พวกเขา ดังเช่นที่อลั ลอฮฺได้ให้ความช่วยเหลือกับบรรดามุสลิมในสงครามบดั ร์ ตอนเปิ ดนครมกั กะห์
สงครามหุนัยน์ และสงครามอื่นๆ พวกเขาจะมอบความเชื่อมนั่ แก่อัลลอฮฺ และพวกเขาจะไม่มอบความ
เชื่อมนั่ ใดๆแก่ผอู้ ่ืนและสิ่งอ่ืนใดนอกจากพระองคอ์ ลั ลอฮฺแต่เพยี งผูเ้ ดียว และพวกเขายงั มีความพยายามใน
การเผยแผ่ศรัทธาในหมู่ชนของพวกเขาและผูค้ นท่ีพวกเขาถูกส่งมา เพื่อให้พวกเขาเคารพภกั ดีและ
สักการะบูชาแด่อัลลอฮฺแต่เพียงผูเ้ ดียวโดยไม่มีการต้งั ภาคีใดๆ และพวกเขายงั ไดส้ ั่งสอนความรู้เกี่ยวกบั
บญั ญตั ติ า่ งๆ และไดอ้ ่านโองการต่างๆของพระเจา้ ใหพ้ วกเขาไดร้ บั ฟัง อลั ลอฮฺไดต้ รัสวา่
« ٌُْ ؼَ ِهًُِّٓى ا ْن ِكزَب َُة َٔا ْن ِح ْك ًَ ُخَ َٔ ِئَٚٔ ُ ِٓ ْىٛ َض ِّكَٚٔ ُِّ َب ِرٚ ِٓ ْىُ آْٛ َزْهٕ َػهَٚ ُ ٍَُ َُسعٕلا ِي ُْٓ ْىِّٛٛ الأ ِّيِْٙ َُٕ انَ ِز٘ ثَؼَ َشُ ف
ُِ رَ ِن َكُ َف ْضمُ اَ َلل،ىٛ ُض ا ْن َح ِكٚ ْه َحمٕا ِث ِٓ ْىُ َْٔ َُٕ ا ْنؼَ ِضَٚ ٍَُ ِي ُْٓ ُْى َن ًَبٚ َٔآ َخ ِش،ٍِٛ َضَللُ يجَٙكبَٕا ِي ٍُْ َل ْج ُم َن ِف
ُِىَٛ َشب ُء َٔاَ َللُ رٔ ا ْنفَ ْض ِمُ ا ْنؼَ ِظٚ ٍُْ ُِّ َيٛ ْإ ِرٚ»
ความวา่ "พระองคเ์ ป็นผแู้ ต่งต้งั รอซูลข้ึนคนหน่ึงในหมู่ผูไ้ ม่รู้จกั หนังสือจากพวกเขาเองเพ่ือสาธยายโองการ
ต่างๆ ของพระองคแ์ ก่พวกเขา ให้เขาอบรมพวกเขาเหล่าน้ันใหผ้ ุดผ่อง ให้สอนคมั ภีร์และหิกมะฮฺ(ความรู้
แห่งวทิ ยปัญญา)แก่พวกเขา และแทจ้ ริง ก่อนน้ีพวกเขาอยใู่ นทางหลงผดิ อยา่ งชดั แจง้ และคนอื่นๆ ในกลุ่ม
พวกเขาท่จี ะตดิ ตามมาภายหลงั (หมายถึงบรรดาผูศ้ รัทธาท่ีไม่ไดอ้ ยใู่ นยคุ สมยั ของท่านรอซูล) และพระองค์
น้นั เป็ นผทู้ รงอานาจ ผทู้ รงปรีชาญาณ นน่ั คอื ความโปรดปรานของอลั ลอฮฺทท่ี รงประทานแก่ผทู้ พี่ ระองคท์ รง
ประสงค์ และอลั ลอฮฺน้นั เป็นผมู้ ีบญุ คุณอนั ใหญห่ ลวง” (อลั -ํุมุอะฮฺ : 2-4)
รอซูล หมายถึง ผูท้ ่ีอัลลอฮฺไดป้ ระทานวะห์ยูเกี่ยวกบั ชะรีอะฮฺ(บญั ญตั ิต่างๆ) และคาบญั ชาของ
พระองค์ เพอ่ื เผยแพร่ไปยงั ผทู้ ไ่ี ม่รูห้ รือผทู้ ่รี ูแ้ ต่ยงั ปฏเิ สธ
นบี หมายถึง ผทู้ อ่ี ลั ลอฮฺไดป้ ระทานวะห์ยดู ว้ ยชะรีอะฮฺเดิมของศาสนทูตก่อนหนา้ เขา เพ่อื ที่พวกเขา
ไดเ้ ผยแพร่ไปยงั บรรดาพรรคพวกและกลุ่มคนที่เป็ นเป้าหมายของชะรีอะฮฺดงั กล่าว เพ่ือฟ้ื นฟูให้บรรดาคน
เหล่าน้นั ไดม้ าปฏบิ ตั ชิ ะรีอะฮฺอีกคร้ัง รอซูลทุกคนเป็นนบี แต่ตรงกนั ขา้ มกนั คอื นบีทกุ คนอาจจะไม่ใช่รอซูล
- การแต่งต้งั นบีและรอซูล
ไม่มีประชาชาติใดทไี่ ม่มีรอซูลที่อลั ลอฮฺไดส้ ่งมาพร้อมกบั บญั ญตั ิต่างๆ ท่ีเป็ นเอกเทศไปยงั กลุ่มชนของ
พวกเขา หรือนบีท่ีอลั ลอฮฺประทานวะห์ยแู ก่เขาดว้ ยชะรีอะฮฺที่เคยถูกประทานลงมาก่อนหนา้ น้ันเพ่ือการ
ฟ้ื นฟหู รือบรู ณะข้นึ มาใหม่อีกคร้ัง
1. อลั ลอฮฺไดต้ รัสวา่
« ك ِّمُ أ َيخُ َسعٕلا أَ ٌُِ ا ْػجذٔا اَ َلُلَ َٔا ْجزَُِجٕا ان َطبغٕ َُدِٙ» َٔنَمَ ُْذ ثَؼَضَُْب ف
ความวา่ “และโดยแน่นอน เราไดส้ ่งรอซูลมาในทกุ ประชาชาต(ิ โดยใหเ้ ขากล่าวว่า) พวกท่านจงเคารพ
ภกั ดีอลั ลอฮฺ และจงหลีกหนีใหห้ ่างจากพวกเจวด็ ” (อนั -นะห์ลุ : 36)
2. และอลั ลอฮฺไดต้ รสั อีกวา่
« ٌَُ َُِّٕٛ ٍَُ َْبدٔا َٔان َش َثبٚ ٍَُ َأ ْعهًَٕا ِنهَ ِزُّٕٚ ٌَُ ا َن ِزِٛ ْحكىُ ِث َٓب انَُجَٚ َٓب ْذٖ ََٕٔ ُسِٛئ ََب َأ َْ َض ْنَُب انزَ ْٕ َسا َحُ ِف
ُ» َٔالأ ْحجَبس
ความว่า “แทจ้ ริงเราไดใ้ ห้อัต-เตารอตลงมา โดยท่ีในน้ันมีขอ้ แนะนาและแสงสว่าง ซ่ึงบรรดานบีที่
สวามิภักด์ิได้ใช้อัต-เตารอตตัดสินบรรดาผูท้ ่ีเป็ นยิว บรรดาผูร้ ู้ท่ีเปี่ ยมดว้ ยคุณธรรมจรรยาและบรรดา
นกั ปราชญท์ ้งั หลายกไ็ ดใ้ ชอ้ ตั -เตารอตตดั สินเช่นกนั ” (อลั -มาอิดะฮฺ : 44)
จานวนนบีและรอซูลของอลั ลอฮฺ
จานวนนบีและรอซูลของอลั ลอฮฺมีมากมายหลายทา่ น
หน่ึง ในบรรดานบแี ละรอซูลมีจานวนหน่ึงท่ีอลั ลอฮฺไดก้ ล่าวช่ือของพวกเขาในอลั กุรอานและอลั ลอฮฺ
ไดเ้ ล่าประวตั ิของพวกเขาใหพ้ วกเราไดร้ ับรู้ บรรดานบแี ละรอซูลดงั กล่าวน้ีมีจานวน 25 คน
1. อาดมั ศอ็ ลลลั ลอฮฺ อะลยั ฮิ วะสลั ลมั อลั ลอฮฺไดต้ รัสเก่ียวกบั อาดมั ในอลั กุรอานวา่
«ُ َٔنَ ُْى ََ ِج ُْذ نَُّ َػ ْضيبَٙ » َٔنَمَ ُْذ َػ ِٓذََْب ئِنَٗ آدَ َُو ِي ٍُْ لَ ْجمُ فََُ ِغ
ความว่า "และโดยแน่นอน เราไดเ้ อาสญั ญากบั อาดัมแต่กาลก่อน ทว่าเขาไดล้ ืม และเราไม่พบความ
มุ่งมนั่ ในตวั เขา(หลงั จากทเ่ี ขาลืม)" (ฏอฮา : 115)
2. นบีและรอซูลจานวนหน่ึง ทอ่ี ลั ลอฮฺไดก้ ล่าวถึงในอลั กรุ อานวา่
« ُّ َٔ َٔ َْ ْجَُب َن،ىُٛى َػ ِهٛ َىُ َػهَٗ َل ْٕ ِي ُِّ ََ ْش َف ُغ دَ َس َجبدُ َي ٍُْ ََ َشب ُء ِئ ٌَُ َس َث َُك َح ِكِْٛ َُب َْب ِئ ْث َشاْٛ ََٔ ِر ْه َُك ح َجزَُب آر
ُٕع َفَٚٔ ُٕ َةُّٚ ًَب ٌَُ َٔ َأْٛ َ ِز ُِّ َدأ َُد َٔعهَٚ َُب ِي ٍُْ َل ْج ُم َٔ ِي ٍُْ ر ِّسْٚ ََُب ََٕٔحب َْذْٚ َ ْؼمٕ َةُ كَل َْذَٚ َٔ ِئ ْع َحب َُق
،ٍَ َٛب َُط ك ُم ِي ٍَُ ان َصب ِن ِحٛ َغٗ َٔ ِئ ْنَٛٗ َٔ ِػٛ ْحَٚ َٔ َبٚ َٔ َص َك ِش،ٍَ َُِٛٔيٕ َعٗ َٔ َْبسٔ ٌَُ َٔ َكزَ ِن َُك ََ ْج ِض٘ ا ْنً ْح ِغ
ُب ِر ِٓ ْىُ َٔ ِئ ْخ َٕا َِ ِٓ ْىَٚ َٔ ِي ٍُْ آثَب ِئ ِٓ ْىُ َٔر ِّس، ٍَُ ًِٛ َٕ َظُ َٔنٕطب َٔكَل َف َض ْهَُب َػُهَٗ ا ْنؼَب َنَٚٔ َُ َغ َغٛ َُم َٔا ْنَٛٔ ِئ ْع ًَب ِػ
َشب ُء ِي ٍُْ ِػجَب ِد ُِِ َٔنَ ُْٕ أَ ْش َشكٕاَٚ ٍُْ َ ْٓ ِذ٘ ِث ُِّ َيٚ رَ ِن َكُ ْذَٖ اَ َل ُِل،ىَُٛبْ ُْى ِئنَٗ ِص َشا ُط ي ْغزَ ِمْٚ ََُبْ ُْى َٔ َْذْٛ ََٔا ْجزَج
ََُُبُْى ا ْن ِكزَب َُة َٔا ْنح ْك َىُ َٔانُُّج َٕحْٛ َ ٍَُ آرٚ أٔنَ ِئ َكُ انَ ِز،ٌَ َٕ ْؼ ًَهٚ »نَ َح ِج َظُ َػ ُْٓ ُْى َيب َكبَٕا
ความวา่ "และนน่ั คือ หลกั ฐานของเราที่ไดใ้ หแ้ ก่ท่านอิบรอฮีมโดยมีฐานะเหนือกลุ่มชนของเขา เรา
จะยกข้ึนหลายช้นั แก่ผทู้ ่ีเราประสงค์ แทจ้ ริงพระเจา้ ของพวกเจา้ น้นั เป็ นผูท้ รงปรีชาญาณ ผทู้ รงรอบรู้ และ
เราไดป้ ระทานใหแ้ ก่เขาซ่ึงอิสหากและยะอฺกบู ท้งั หมดน้นั เราไดแ้ นะนาแลว้ และนูหฺเราไดแ้ นะนาแลว้ ก่อน
หนา้ น้นั และจากลูกหลานของเขาน้นั คือดาวูดและสุลยั มาน อยั ยบู และยซู ุฟ มูซาและฮารูน และทานองน้ัน
แหละเราจะตอบแทนแก่ผกู้ ระทาดีท้งั หลาย และซะกะรียา ยะหฺยา อีซา และอิลยาส ทุกคนน้นั อยใู่ นหมู่คนดี
และอิสมาอีล อลั ยะสะอฺ ยนู ุส และลูฏ แต่ละคนน้นั เราไดใ้ หด้ ีเด่นเหนือกวา่ ประชาชาตทิ ้งั หลาย และ(เราได้
ใหด้ ีเด่นอีก)ซ่ึงส่วนหน่ึงของบรรพบรุ ุษของพวกเขา และลูกหลานของพวกเขาและพ่ีน้องของพวกเขา และ
เราไดเ้ ลือกพวกเขา และไดแ้ นะนาพวกเขาไปสู่ทางอนั เท่ียงตรง นน่ั แหละคือคาแนะนาของอลั ลอฮฺโดยที่
พระองคจ์ ะทรงแนะนาผทู้ ี่พระองคท์ รงประสงคใ์ นหมู่ปวงบ่าวของพระองค์ และหากพวกเขาไดใ้ ห้มีภาคี
ข้ึนแลว้ แน่นอนส่ิงท่ีพวกเขาเคยกระทากันมา ก็สูญสิ้นไปจากพวกเขา ชนเหล่าน้ีคือผทู้ ี่เราไดป้ ระทาน
คมั ภีร์ใหแ้ ก่พวกเขาและประทานความรู้ในคมั ภีร์ให้ และประทานการเป็ นนบีใหด้ ว้ ย" (อลั -อนั อาม : 83-89)
3. นบีอดิ รีส ศ็อลลลั ลอฮฺ อะลยั ฮิ วะสัลลัม อลั ลอฮฺไดก้ ล่าวเก่ียวกบั นบอี ิดรีสวา่
«ًّبِٛمب ََجِّٚ َظُ ئََُِّ َكب ٌَُ ِص ِذٚ ا ْن ِكزَب ُِة ِئدْ ِسٙ» َٔارْك ْشُ ِف
ความวา่ "และจงกล่าวถึงเร่ืองอิดรีสทีอ่ ยใู่ นคมั ภรี ์ แทจ้ ริงเขาเป็ นผซู้ ื่อสตั ยใ์ นฐานะนบี" (มรั ยมั : 56)
4. นบีฮูด ศ็อลลัลลอฮฺ อะลยั ฮิ วะสัลลมั อลั ลอฮฺไดก้ ล่าวเกี่ยวกบั ฮูดวา่
«ٍُٛ نَك ْىُ َسعٕ ُل أَ ِيَِِّٙ ئ،ٌَ ٕ ئِرُْ لَب َلُ نَٓ ْىُ أَخْٕ ُْى ُْٕد أَلا رَزَم،ٍَ ٛ» َكزَثَ ُْذ َػبدُ ا ْنً ْش َع ِه
ความวา่ "หมู่ชนอ๊าดไดป้ ฏิเสธบรรดารอซูล ขณะที่พ่ีน้องคนหน่ึงของพวกเขาคือฮูดไดก้ ล่าวแก่พวกเขา
วา่ โอพ้ วกท่านไม่ยาเกรงกนั บา้ งหรือ แทจ้ ริงฉันคือรอซูลผูซ้ ื่อสตั ยส์ าหรับพวกท่าน" (อชั -ชุอะรออ์ : 123-
125)
5. นบศี อลิหฺ ศ็อลลลั ลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลมั อลั ลอฮฺไดก้ ล่าวเกี่ยวกบั นบีศอลิหฺวา่
«ٍُ ٛ نَك ُْى َسعٕلُ أَ ِيَِِّٙ ئ،ٌَ ٕ ئِ ُْر لَب َُل نَٓ ُْى أَخْٕ ْىُ َصب ِنحُ أَلا رَزَم،ٍَ ٛ» َكزَثَ ُْذ صًَٕدُ ا ْنً ْش َع ِه
ความวา่ “หมู่ชนษะมู๊ดไดป้ ฏิเสธบรรดารอซูล ขณะที่พีน่ อ้ งของพวกเขาคือศอลิหฺ ไดก้ ล่าวแก่พวกเขา
โอพ้ วกท่านไม่ยาเกรงบา้ งหรือ แทจ้ ริงฉนั คือรอซูลผทู้ ่ีซื่อสตั ยส์ าหรบั พวกท่าน” (อชั -ชุอะรออ์ : 141-143)
6. นบชี ุอัยบ์ ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม อลั ลอฮฺไดต้ รสั เก่ียวกบั นบีชุอยั บว์ า่
«ٍُٛ نَك ُْى َسعٕ ُل أَ ِيَِّٙ ِئ،ٌَ ٕ ُت أَلا رَزَمْٛ َ ِئ ُْر لَب َلُ نَٓ ُْى شؼ،ٍَ ٛ َك ِخُ ا ْنً ْش َع ِهْٚ » َكزَ َةُ أَ ْص َحبةُ الأ
ความวา่ "พวกที่(บูชา)อยั กะฮฺ(ตน้ ไมช้ นิดหน่ึง)ไดป้ ฏเิ สธบรรดารอซูล ขณะท่ีชุอยั บไ์ ดก้ ล่าวแก่พวกเขา
วา่ โอพ้ วกทา่ นไม่ยาเกรงบา้ งหรือ แทจ้ ริงฉนั คอื รอซูลผซู้ ื่อสตั ยส์ าหรบั พวกท่าน" (อชั -ชุอะรออ์ : 176-178)
7. นบีซุลกฟิ ลี ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลมั อลั ลอฮฺไดก้ ล่าวเกี่ยวกบั นบซี ุลกิฟลีวา่
«َُب ِسَٛ َغ َُغ َٔرَا ا ْن ِك ْف ِمُ َٔكمُ ِي ٍَُ الأ ْخٛ َمُ َٔا ْنٛ» َٔارْك ُْش ِئ ْع ًَب ِػ
ความวา่ "และจงกล่าวถึงอิสมาอีล และอลั ยะสะอฺ และซุลกิฟลี ทุกคนอยใู่ นหมู่ผดู้ ีเลิศ" (ศอด : 48)
8. นบีมหุ ัมมดั ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม อลั ลอฮฺไดก้ ล่าวเก่ียวกบั นบีมุหัมมดั ศอ็ ลลลั ลอฮฺ อะลยั ฮิ
วะสลั ลมั วา่
«ٍَُ ِِّٛٛ» َيب َكب ٌَُ ي َح ًَُذ أَثَب أَ َحُذ ِي ٍُْ ُِس َجب ِنك ْىُ َٔنَ ِك ٍُْ َسعٕ َُل اَ َل ُِل َٔ َخبرَ َىُ انَُج
ความว่า "มุหัมมัดไม่ไดเ้ ป็ นบิดาผูใ้ ดในหมู่บุรุษของพวกเจ้า แต่เป็ นรอซูลของอลั ลอฮฺ และเป็ นคน
สุดทา้ ยแห่งบรรดานบี" (อลั -อะหฺซาบ : 40)
สอง และในบรรดานบีและรอซูล(อะลัยฮิสสลาม) จานวนหน่ึงท่ีเราไม่ได้รับรู้ในชื่อของพวกเขา
และอลั ลอฮฺก็ไม่ไดบ้ อกเล่าประวตั ขิ องพวกเขาใหพ้ วกเราไดร้ ับรูเ้ ช่นกนั แต่เรากศ็ รัทธาต่อพวกเขาโดยรวม
1. อลั ลอฮฺไดต้ รัสวา่
« َُكْٛ َ َكُ َٔ ِي ُْٓ ُْى َي ٍُْ نَ ُْى ََ ْمص ْصُ َػهْٛ َ» َٔنَمَُْذ أَ ْس َع ْهَُب سعَل ِي ٍُْ لَ ْج ِه َُك ِي ُْٓ ُْى َي ٍُْ لَ َص ْصَُب َػه
ความวา่ "และโดยแน่นอน เราไดส้ ่งบรรดารอซูลมาก่อนหนา้ เจา้ บางคนในหมู่พวกเขามีผทู้ ี่เราบอกเล่า
แก่เจา้ และบางคนในหมู่พวกเขามีผทู้ ่เี รามิไดบ้ อกเล่าแก่เจา้ " (ฆอฟิ ร : 78)
2. หะดีษท่ีรายงานจากอบี อุมามะฮฺ เราะฎิยลั ลอฮฺ อนั ฮุ ไดก้ ล่าววา่
« ِيبئَخُ أَ ْنفُ َٔأَ ْسثَؼَ ُخ: َُب ِء؟ لَب َلَٛب َسعٕ َُل اَ َلُِل َك ُْى َٔفَٗ ِػذَُح الأََْ ِجٚ ل ْه ُذ: ُّ الله ػٙلبل أثٕ رس سض
شاٛ َج ًًّب َغ ِف، ان ُّشع ُم ِي ٍُْ رَ ِن َكُ صَََل ُس ِيبئَُخ َٔ َخ ًْ َغ ُخَ َػ َش َش،» َٔ ِػ ْششٔ ٌَُ أَ ْنفب
ความวา่ ท่านอบู ซรั ไดก้ ล่าววา่ ฉนั ไดเ้ อ่ยถามทา่ นรอซูลวา่ : โอ้ ทา่ นผเู้ ป็ นศาสนทตู แห่งอลั ลอฮฺ จานวน
บรรดานบ(ี จานวนทไี่ ม่ขาดไม่เกิน)ท้งั หมดมีจานวนเทา่ ใด? ทา่ นรอซูลไดต้ อบวา่ (จานวนนบีท้งั หมดมี)หน่ึง
แสนสองหมื่นส่ีพนั คน และในจานวนนบเี หล่าน้นั มีท่ีเป็ นรอซูลดว้ ยสามร้อยสิบหา้ คน น่ีเป็ นจานวนท่ีมาก”
(หะดีษ เศาะฮีหฺ ลิ ฆอ๊ ยริฮฺ, บนั ทกึ โดย อะห์มดั : 22644, อตั -เฏาะบะรอนีย์ 8:217, ดู อสั -สิลสิละฮฺ อศั -เศาะฮี
หะฮฺ : 2668)
- บรรดารอซูลทีถ่ ูกยกย่องให้เป็ นอุลลุ อัซมิ
อุลุลอซั มิ(คอื บรรดารอซูลทมี่ ีจติ ใจต้งั มนั่ หมายถึงบรรดาผทู้ ี่มีประวตั ิที่ยงิ่ ใหญ่ที่สุด ตอ้ งพบพานกบั
อุปสรรคท่ีสาหสั และไดร้ ับการยกยอ่ งจากอลั ลอฮฺใหเ้ ป็ นรอซูลที่มีฐานะท่ีสูงกวา่ บรรดารอซูลคนอ่ืนๆ - ผู้
แปล)ในบรรดารอซูลมีท้งั หมด 5 คน นน่ั กค็ ือ นูหฺ อิบรอฮีม มูซา อีซา และมุหมั มดั (อะลยั ฮิมุสสลาม) อลั ลอ
ฮฺ ตะอาลาไดก้ ล่าวถึงบรรดารอซูลเหล่าน้ีในอลั กรุ อานวา่
« ٗ َغٛ َُى َٔيٕ َعٗ َٔ ِػِْٛ َُب ِث ُِّ ئِ ْث َشاْٛ َُك َٔ َيب َٔ َصْٛ ََُب ِئنْٛ ٍُِ َيب َٔ َصٗ ِث ُِّ َٕحب َٔانَ ِز٘ أَ ْٔ َحَِّٚش َش َُع نَك ْىُ ِي ٍَُ انذ
ُِّ ٛ ٍَُ َٔلا رَزَفَ َشلٕا ِفًِّٕٚا ان ِذِٛ»أَ ٌُْ أَل
การศรัทธาต่อวนั อาคเิ ราะฮ์
วนั อาคเิ ราะฮ์ คอื วนั กิยามะฮ์ เป็ นวนั ที่มนุษยช์ าติจะถูกใหฟ้ ้ื นคืนชีพเพือ่ ตดั สินตอบแทนผลบุญที่ได้
กระทา ท่ีเรียกเช่นน้ีเพราะไม่มีวนั อ่ืนอีกหลังจากน้นั และเป็ นวนั ท่ีชาวสวรรคจ์ ะไดเ้ ขา้ ไปพานักในสวน
สวรรคข์ องพวกเขาตลอดกาล และชาวนรกจะไดเ้ ขา้ ไปพานกั ในนรกตลอดกาล
การศรัทธาต่อวันอาคเิ ราะฮ์ประกอบด้วยสามประการ
ประการท่ี ๑ ศรัทธาต่อการฟื้ นคนื ชีพ คือคนตายจะถูกใหฟ้ ้ืนคืนชีพอีกคร้งั หน่ึงเมื่อสงั ขถ์ ูกเป่ าเป็ นคร้ังท่ี
สอง มวลมนุษยช์ าติจะยนื ข้นึ ต่อหนา้ พระผอู้ ภิบาลแห่งสากลจกั รวาล ในสภาพเทา้ เปล่า เปลือยกาย
ดงั อลั ลอฮ์ ทรงตรัสวา่
วนั ซ่ึงเราจะมว้ นช้นั ฟ้า ประหน่ึงการมว้ นแผน่ กระดาษสาหรับการบนั ทึก ดงั เช่นท่ีเราไดเ้ ริ่มให้มีการ
บงั เกิดคร้งั แรก เราจะใหม้ นั กลบั เป็ นข้นึ มาอีก เป็นสญั ญาผกู พนั กบั เรา แทจ้ ริงเราเป็ นผกู้ ระทาอยา่ งแน่นอน
อลั อมั บิยาอฺ ๑๐๔
การฟ้ืนคนื ชีพ เป็นที่ประจกั ษช์ ดั จริงอยา่ งแน่นอน ซ่ึงถูกระบใุ นอลั กรุ อาน และในฮะดีษ
อลั ลอฮท์ รงตรสั วา่
หลงั จากน้นั แทจ้ ริงพวกเจา้ ตอ้ งตายอยา่ งแน่นอน แลว้ แทจ้ ริงพวกเจา้ จะถูกใหฟ้ ้ื นคืนชีพข้ึนมา ใน
วนั กิยามะฮ์ อลั มุมินูน ๑๕ ๑๖
ทา่ นนะบีไดก้ ล่าววา่
มนุษยจ์ ะถูกนามาชุมนุมรวมกนั ในสภาพเทา้ เปลือยล่อนจอน
บรรดานกั ปราชญม์ ุสลิมไดม้ ีมตเิ อกฉนั ท์ ในความแน่นอนของวนั กิยามะฮ์ ซ่ึงเป็ นไปอยา่ งสอดคลอ้ งกบั
วิทยาปัญญาของมนุษย์ ดงั ที่อลั ลอฮ์ ทรงทาให้มนุษยเ์ ป็ นตวั แทนสืบทอดบนพ้ืนพิภพ ดว้ ยการจดั เตรียม
รางวลั ผลตอบแทนไวส้ าหรับพวกเขา ทป่ี ฏบิ ตั ิตามแบบฉบบั ของเราะซูล ดงั อลั ลอฮ์ ทรงตรสั วา่
พวกเจา้ คิดวา่ แทจ้ ริง เราไดใ้ หพ้ วกเจา้ บงั เกิดมาโดยไร้ประโยชน์ และแทจ้ ริงพวกเจา้ จะไม่ กลบั ไป
หาเรากระน้นั หรือ อลั มุมินูน ๑๑๕
ทรงตรัสแก่นะบี ของพระองคว์ า่
แทจ้ ริงพระผทู้ รงประทานอลั กุรอานใหแ้ ก่เจา้ แน่นอน ยอ่ มตอ้ งนาเจา้ กลบั สู่ถ่ินเดิม จงกล่าวเถิด(มุอมั
มดั ) พระเจา้ ของฉนั ทรงรูด้ ียง่ิ วา่ ผใู้ ดอยใู่ นการหลงผดิ ทชี่ ดั แจง้ อลั เกาะศอศ ๘๕
ประการท่ี ๒ ศรัทธาต่อการตัดสิน การตอบแทนที่จะมีข้ึน บรรดาบ่าวจะถูกตดั สินในการกระทาของเขา
ท้งั ดีและชวั่ ดงั มีหลกั ฐานยนื ยนั ดงั น้ี
พระองคท์ รงตรสั วา่
แทจ้ ริงยงั เราเท่าน้ันคือการกลับมาของพวกเขา แลว้ ก็แทจ้ ริงหน้าที่ของเราน้ันคือการชาระพวกเขา
อลั ฆอชิยะฮฺ ๒๕ -๒๖
และเราจะต้งั ตราชูท่ีเท่ียงธรรมสาหรบั วนั กิยามะฮ์ ดงั น้นั จะไม่มีชีวติ ใดถูกอธรรมแต่อยา่ งใด และแมว้ า่
มนั เป็ นเพียงน้าหนกั เท่าเมล็ดพชื เล็ก เราก็จะนามนั มาแสดง และเป็ นการพอเพียงแลว้ สาหรับเราที่เป็ นผู้
ชาระสอบสวน" อลั อมั บยิ าอ์ ๔๗
ท่านอิบนุ อุมรั รอฏยิ ลั รอฮุอนั ฮุ ไดร้ ายงานวา่ ท่านนะบี ไดก้ ล่าววา่
(( أرؼشفّ رَت كزا ؟: مٕلٛ ف، ِغزشٚٔ -ِ أ٘ عزش- ّّ كُفٛضغ ػهٛ انًإيٍ فَٙذٚ ئٌ الله
لذ عزشرٓب: ٔسأٖ أَّ لذ ْهك لبل، ّ َؼى أ٘ سة حزٗ ئرا لشسِ ثزَٕث: مٕلٛأرؼشفّ رَت كزا ؟ ف
ُبدٖ ثٓىٛ ٔأيب انكفبس ٔانًُبفمٌٕ ف، ّؼطٗ كزبة حغُبرٛ ف، ٕوٛ ٔأَب أغفشِ نك ان، بَٛ انذٙك فٛػه
. ٍّٛ (( يزفك ػهًٛ ألا نؼُخ الله ػهٗ انظبن، ٍ كزثٕا ػهٗ سثٓىٚػهٗ سؤٔط انخَلق ْإلاء انز
كزجٓب الله ػُذِ ػشش حغُبد، ّ ٔعهى )) أٌ يٍ ْى ثحغُخ فؼًهٓبٛ صهٗ الله ػهٙٔصح ػٍ انُج
ئخ ٔاحذحٛ كزجٓب الله ع، ئخ فؼًهٓبٛ ٔأٌ يٍ ْى ثغ، شحٛ)) ئنٗ عجؼًبئخ ضؼف ئنٗ أضؼبف كض
แทจ้ ริงอัลลอฮ์ จะทรงตอบแทนรางวลั แก่บ่าวผูศ้ รัทธา ทรงวางก้ันเป็ นกาบงั แก่เขา คือปกปิ ดเขา
พระองคจ์ ะทรงตรสั แก่เขาวา่ เจา้ ทราบไหมบาปเช่นน้ี? เจา้ ทราบไหมบาปเช่นน้ี? เขาจะกล่าวว่า ครับใช่ คือ
พระผอู้ ภบิ าล จนกระทงั่ เขาไดย้ นื ยนั ถึงบาปกรรมของเขา และทรงเห็นวา่ เขาไดป้ ระสพแก่ความหายนะแลว้
พระองคจ์ ึงตรัสวา่ เจา้ ไดป้ ิ ดบงั มนั บนพน้ื พภิ พ วนั น้ีขา้ อภยั ให้เจา้ แลว้ ดงั น้นั ทรงไดป้ ระทานความดีงามใน
บนั ทึกของเขา ส่วนบรรดาผปู้ ฏิเสธ และผกู้ ลับกลอก พวกเขาจะถูกร้องเรียกยงั เจา้ แห่งสรรพส่ิงถูกสร้าง
บรรดาผซู้ ่ึงไดป้ ฎิเสธต่อพระผอู้ ภิบาลของเขา ความกริ้วโกรธของอลั ลอฮ์ ไม่ใช่สาหรับบรรดาผอู้ ธรรม
ดอกหรือ? ท่านนะบี ไดย้ นื ยนั ถึงความถูกตอ้ งในขอ้ น้ีวา่ ผใู้ ดก็ตามท่ีต้งั ใจอยา่ งมุ่งมนั่ ต่อการทาความดีและ
เขาไดก้ ระทาส่ิงน้ัน อัลลอฮ์ จะทรงบนั ทึก ณ พระองค์ซ่ึงความดีงามอนั น้ันสิบเท่าถึงเจด็ ร้อยเท่า หรือ
มากกวา่ หลายเท่าและผใู้ ดปลงใจที่จะกระทาความชวั่ ร้ายและเขาไดท้ ามนั อลั ลอฮ์ จะทรงบนั ทึกความชวั่
ของเขาเพยี งหน่ึงเทา่
บรรดานกั ปราชญม์ ุสลิมไดย้ นื ยนั ถึงการตดั สินสอบสวนและการประทานรางวลั สาหรับการงานของ
มนุษย์ ซ่ึงเป็ นไปตามสติปัญญาท่ีว่าพระองคอ์ ลั ลอฮ์ ทรงประทานคมั ภีร์ ทรงส่งบรรดาเราะซูล และทรง
กาหนดใชใ้ หป้ วงบา่ วยอมรบั ตอ่ บทบญั ญตั ิท่ไี ดน้ ามาปฏบิ ตั ิตามในส่ิงท่ีดีงาม ทรงไดก้ าหนดการทาสงคราม
ต่อผทู้ ี่ต่อตา้ น ทรงทาใหเ้ ลือดเน้ือ ลูกหลาน บรรดาภรรยา สตรีของพวกเขา และทรัพยส์ ินเป็ นท่ีอนุมตั ิ หาก
วา่ ไม่มีการตดั สินสอบสวน การตอบแทนตอ่ การกระทาเหล่าน้ีจะเป็ นเรื่องไร้ประโยชน์เป็ นอยา่ งยงิ่ อลั ลอฮ์
ผทู้ รงอภบิ าล ทรงปลดเปล้ืองสิ่งเหล่าน้นั ดงั ทีพ่ ระองคท์ รงตรัสในเรื่องน้ีวา่
ดงั น้นั แน่นอน เราจะถามบรรดาที่(เราะซูล)ไดถ้ ูกส่งมายงั พวกเขา และแน่นอนเราจะถามบรรดาเราะซูล
ท้งั หลายดว้ ย แลว้ แน่นอนเราจะนามาบอกเล่าแก่พวกเขาดว้ ยความรู้(หลกั ฐาน)และเราไม่เคยหายไปไหน
อลั อะอฺรอฟ ๖ -๗
สวนสวรรคแ์ ละขมุ นรกเป็ นเป้าหมายปลายทางอนั แน่นอน สวนสวรรคเ์ ป็ นที่พานักอนั อิ่มเอิบ ร่มเยน็ ที่
พระองคไ์ ดท้ รงจดั เตรียมไวส้ าหรับบรรดาผูศ้ รัทธาท่ียาเกรง ผซู้ ่ึงศรัทธาต่อขอ้ กาหนดทางศาสนาอิสลาม
เป็นผนู้ อบนอ้ มเช่ือฟังปฏิบตั ติ ามศาสนบญั ญตั ิ มีความบริสุทธ์ิใจต่ออลั ลอฮ์ และเราะซูล ของพระองค์ ใน
สวนสวรรคจ์ ะมีเครื่องอานวยความสุขนานาชนิด ซ่ึงสายตาไม่เคยเห็น หูไม่เคยไดย้ นิ สมองไม่เคยคิด และ
ปราศจากภยนั ตรายใดๆต่อจติ ใจมนุษย์
อลั ลอฮ์ ทรงตรัสวา่
แทจ้ ริง บรรดาผศู้ รัทธาและประกอบความดีท้งั หลาย ชนเหล่าน้ัน พวกเขาเป็ นมนุษยท์ ่ีประเสริฐยิง่
การตอบแทนของพวกเขา ณ ท่ีพระเจา้ ของพวกเขาคือ สวนสวรรคห์ ลากหลายอนั สถาพร ณ เบ้ืองล่างของ
มนั มีลาน้าหลายสายไหลผา่ น พวกเขาเป็นผพู้ านกั อยใู่ นน้นั ตลอดกาล อลั ลอฮท์ รงปิ ตติ อ่ พวกเขา และพวก
เขากย็ นิ ดีในพระองค์ นน่ั คือสาหรับผทู้ ี่กลวั เกรงพระเจา้ ของพวกเขา อลั บยั ยนิ ะฮ์ ๗ ๘
ดงั น้นั จึงไม่มีชีวติ ใด รูส้ ่ิงท่ีซ่อนไวส้ าหรบั พวกเขา ใหเ้ ป็นทรี่ ื่นรมยแ์ ก่สายตา เป็ นการตอบแทนในส่ิง
ทีพ่ วกเขาไดก้ ระทาไว้ อซั ซจั ญดะฮ์ ๑๗
ขมุ นรกเป็นสถานทสี่ าหรับลงโทษ ซ่ึงพระองคอ์ ลั ลอฮ์ ทรงจดั เตรียมไวส้ าหรับบรรดาผปู้ ฏิเสธศรัทธา ผู้
อธรรม ผดู้ ้ือดึง และฝ่าฝืนต่อบรรดาเราะซูล ของพระองค์ ในขุมนรกจะมีการลงโทษ การทรมานอยา่ งแสน
สาหสั ไม่มีส่ิงใดทจ่ี ะปลดเปล้ืองจากมนั ได้ พระองคท์ รงตรสั วา่
และพวกเจา้ จงเกรงกลวั ไฟนรกท่ถี ูกเตรียมไว้ สาหรบั บรรดาผปู้ ฏเิ สธศรทั ธาเถิด อาละอิมรอน ๑๓๑
และจงกล่าวเถิด (มุฮมั มดั ) สจั ธรรมน้นั มาจากพระผเู้ ป็นเจา้ ของพวกเจา้ ดงั น้นั ผใู้ ดประสงคก์ ็จงศรัทธา และ
ผใู้ ดประสงคก์ ็จงปฏิเสธ แทจ้ ริงเราไดเ้ ตรียมไฟนรกไวส้ าหรับบรรดาพวกอธรรม ซี่งกาแพงของมันลอ้ ม
กรอบพวกเขา และถา้ พวกเขาร้องขอความช่วยเหลือ ก็จะถูกช่วยเหลือดว้ ยน้าเสมือนน้าทองแดงเดือดลวก
ใบหนา้ มนั เป็นน้าดื่มที่ชวั่ ชา้ และเป็ นท่ีพานกั ทเ่ี ลวร้าย อลั กะฮฟ์ ๒๙
แทจ้ ริง อลั ลอฮท์ รงสาปแช่ง บรรดาผปู้ ฏิเสธศรัทธา และไดเ้ ตรียมไฟท่ีลุกโชติช่วงไวส้ าหรับพวกเขา
พวกเขาจะพานกั อยใู่ นน้นั ตลอกกาล พวกเขาจะไม่พบผคู้ ุม้ ครองและผูช้ ่วยเหลือ วนั ท่ีใบหนา้ ของพวกเขา
จะถูกพลิกกลบั ไปกลบั มาในไฟนรกพวกเขาจะกล่าววา่ โอค้ วามระทมทกุ ขข์ องเรา หากเราไดเ้ ช่ือฟังปฏิบตั ิ
ตามอลั ลอฮ์ และเราไดเ้ ชื่อฟังปฏบิ ตั ิตามเราะซูลก็จะดี อลั อะหฺซาบ ๖๔๖๖
หลงั จากการศรัทธาตอ่ วนั อาคิเราะฮ์ เราตอ้ งศรัทธาต่อส่ิงตา่ งๆทจี่ ะเกิดข้ึนหลงั ความตาย เช่น
(ก) การทดสอบในหลุมศพ คือการสอบสวนคนตายหลงั จากการฝัง เก่ียวกบั พระเจา้ ของเขา ศาสนา
และนะบีของเขา พระองค์อลั ลอฮ์ จะทรงทาให้คากล่าวของบรรดาผูศ้ รัทธาหนกั แน่นม่นั คง เขาจึงจะ
กล่าววา่ พระเจา้ ของขา้ คือ อลั ลอฮ์ ศาสนาของขา้ คือ อิสลาม และนะบีของขา้ คือ มุฮมั มดั และพระองค์
จะทรงทาใหบ้ รรดาผอู้ ธรรมหลงผดิ ดงั น้นั ผปู้ ฏิเสธจะกล่าววา่ เอ่ เอ้ ฉันไม่รู้ พวกกลบั กลอกจะกล่าวว่าฉนั
ไม่ทราบ ไดย้ นิ เขาวา่ เช่นน้ี เช่นน้นั ฉนั จึงไดต้ ามไป
(ข) การลงโทษในหลุมนรกและความโปรดปรานของมนั
บรรดาผอู้ ธรรมจากบรรดาพวกกลบั กลอกและบรรดาผปู้ ฏเิ สธ จะไดร้ ับการลงโทษในหลุมนรก ดงั อลั ลอฮ์
ทรงตรสั วา่
และหากเจา้ ไดเ้ ห็น ขณะที่บรรดาผอู้ ธรรมอยใู่ นภาวะคบั ขนั แห่งความตาย และมลาอิกะฮแ์ บมือของพวก
เขา (โดยกล่าวว่า) จงใหช้ ีวติ ของพวกท่านออกมา วนั น้ีพวกท่านจะไดร้ ับการตอบแทน ซ่ึงการลงโทษอนั
อปั ยศ เนื่องจากพวกท่านกล่าวใหร้ ้ายแก่อลั ลอฮ์ โดยปราศจากความจริง และเนื่องจากการที่พวกท่านหยงิ่
ยโสต่อบรรดาโองการของพระองค์ อลั อนั อาม ๙๓
อลั ลอฮ์ ทรงตรัสเก่ียวกบั ครอบครวั ของฟิรอาวน์วา่
ไฟนรกน้นั พวกเขาจะถูกนามาใหเ้ ห็นท้งั ในยามเชา้ และยามเยน็ และในวนั กิยามะฮน์ ้นั จะมีเสียงกล่าว
วา่ จงใหบ้ ริวารของฟิรอาวน์ เขา้ ไปรับการลงโทษอนั สาหสั ยงิ่ ฆอฟิร์ ๔๖
รายงานในเศาะเฮ้ียะมุสลิมจากฮะดีษเซด์ บินษาบิต วา่ ท่านนะบี กล่าววา่
(( ّٓ صى لجم ثٕج، ُّغًؼكى يٍ ػزاة انمجش انز٘ أعًغ يٚ ٌفهٕ لا أٌ لا رذافُٕا نذػٕد الله أ
ٍ )) رؼٕرٔاثبلله ي: فمبل. َؼٕر ثبلله يٍ ػزاة انُبس: رؼٕرٔا ثبلله يٍ ػزاة انُبس (( لبنٕا:فمبل
)) ػٕرٔا ثبلله يٍ انفزُى يب ظٓش يُٓب ٔيب: لبل، َؼٕر ثبلله يٍ ػزاة انمجش: لبنٕا. (( ػزاة انمجش
. (( )) رؼٕرٔا ثبلله يٍ انفزُخ انذجبل: لبل. ٍ َؼٕر ثبلله يٍ انفزٍ يب ظٓش يُٓب ٔيب ثط: لبنٕا. (( ٍثط
َؼٕر ثبلله يٍ فزُخ انذجبل: لبنٕا.
มาตรแม้นว่าหากพวกท่านไม่ไปฝังเขา ฉนั ก็จะวงิ วอนขอต่ออลั ลอฮ์ ให้ท่านไดย้ ินการลงโทษของ
หลุมศพทฉี่ นั กาลงั ไดย้ นิ จากน้นั ท่านไดห้ นั หนา้ ไปยงั พวกเขาพลางกล่าวกบั พวกเขาวา่ พวกเจา้ จงขอความ
คุม้ ครองจากอลั ลอฮ์ ให้พน้ จากการลงโทษแห่งหลุมศพ พวกเขากล่าววา่ เราขอความคุม้ ครองจากอลั ลอฮ์
ให้พน้ จากการลงโทษของไฟนรกท่านนะบี จึงกล่าววา่ พวกเจา้ จงขอความคุม้ ครองจากอลั ลอฮ์ ให้พน้
จากการลงโทษแห่งหลุมศพ พวกเขาจึงกล่าววา่ เราขอความคุม้ ครองจากอลั ลอฮ์ ใหพ้ น้ จากการลงโทษแห่ง
หลุมศพ ท่านนะบี จึงกล่าวว่า พวกเจา้ จงขอความคุม้ ครองจากอลั ลอฮ์ ให้พน้ จากการทดสอบที่เปิ ดเผย
และเร้นลบั พวกเขาจึงกล่าวว่า เราขอความคุม้ ครองจากอลั ลอฮ์ ให้พน้ จากการทดสอบท่ีเปิ ดเผยและเร้น
ลับ ท่านนะบี จึงกล่าวว่า พวกท่านจงขอความคุม้ ครองจากอัลลอฮ์ ให้พน้ จากการทดสอบของอัด
ดญั ญาน พวกเขาจงึ กล่าววา่ เราขอความคุม้ ครองจากอลั ลอฮ์ ใหพ้ น้ จากการทดสอบของอดั ดญั ญาน ความ
โปรดปรานและความผาสุขเป็นของบรรดาผศู้ รทั ธาท้งั หลาย ผดู้ ารงไวซ้ ่ึงความสจั จะ
ดงั อลั ลอฮ์ ทรงตรัสวา่
แทจ้ ริงบรรดาผกู้ ล่าววา่ อลั ลอฮ์ คอื พระเจา้ ของพวกเรา แลว้ พวกเขาก็ยนื หยดั ตามคากล่าวน้นั มลาอิกะฮ์
จะลงมาหาพวกเขา (โดยกล่าวกบั พวกเขาว่า) พวกท่านจงอยา่ หวาดกลวั และอยา่ เศร้าสลดใจ แต่จงตอ้ นรับ
ข่าวดี คือสวนสวรรคซ์ ่ึงพวกเจา้ ไดถ้ ูกสญั ญาไว้ ฟศุ ศลิ ตั ๓๐
และเม่ือวญิ ญาณไดม้ าถึงคอหอย (กาลงั จะตาย) แลว้ พวกเจา้ จะสามารถยบั ยง้ั ไวไ้ ดห้ รือ และในขณะน้ัน
พวกเจา้ กาลงั มองดูกันอยู่ และเราน้ันอย่ใู กลช้ ิดเขายงิ่ กว่าพวกเจา้ แต่ทว่าพวกเจา้ มองไม่เห็น (มลาอิกะฮ์)
หากพวกเจา้ มิไดอ้ ยภู่ ายใตอ้ านาจของผใู้ ด และไม่มีพระเจา้ เป็นผมู้ ีอานาจเหนือพวกเจา้ แลว้ ไฉนเล่าพวกเจา้
จึงไม่ใหว้ ญิ ญาณกลบั มาสู่ร่างอีก หากพวกเจา้ พูดจริง สาหรับผูท้ ี่หาว่าเขา (ผตู้ าย) เป็ นผูใ้ กลช้ ิดกบั อลั ลอฮ์
ดงั น้นั ความอิ่มเอิบสดชื่น และสวนสวรรคอ์ นั เป็ นท่ีโปรดปรานจะไดแ้ ก่เขา อลั วากิอะฮ์ ๘๓ ๘๙
ไดม้ ีรายงานจากทา่ นอลั บรั รออ์ บิน อาซิบ รอฏิยลั รอฮุอนั ฮุ ไดก้ ล่าววา่
ٌُبد٘ يُبد يٍ انغى أٚ )) : ِ لجشٍٙ فٛ انًإيٍ ئرا أجبة انًهكّٙ ٔعهى لبل فٛ صهٗ الله ػهٙأٌ انُج
ٍّ يٛأرٛ لبل ف، ٔ افزحٕ نّ ثبثب ئنٗ انجُخ، ٔأنجغِٕ يٍ انجُخ، فأفششِٕ يٍ انجُخ، ٘صذق ػجذ
مٕٚش طٚ حذٙ لجشِ يذ ثصشِ (( سٔاِ أحًذ ٔأثٕ دأد فٙفغخ نّ فٚ ٔ ، جٓبٛ سٔحٓب ٔط.
ทา่ นนะบี กล่าวถึงผศู้ รทั ธาวา่ เมื่อเขากล่าวตอบ มลาอิกะฮท์ ้งั สองในหลุมศพ จะมีเสียงเรียกจากฟากฟ้า
วา่ บ่าวของขา้ ไดก้ ล่าวสมจริงแลว้ ดงั น้นั เขาจะไดร้ ับการปูพรม(หรือตบแต่ง)จากสวนสวรรค์ เขาจะไดร้ ับ
การสวมใส่จากสวนสวรรค์ ประตูสวรรคจ์ ะถูกเปิ ดใหแ้ ก่เขา บรรดาเครื่องหอมจะถูกนามายงั เขา และหลุม
ศพของเขาจะถูกทาใหก้ วา้ งข้นึ ไกลสายตา
รายงานโดยอิมามอะหม์ ดั อิมามดาวดู ในรายงานฮะดีษทยี่ าว
ภาคผลทป่ี ระเสริฐต่อการศรทั ธาในวนั อาคิเราะฮม์ ีดงั น้ี
1. เร่งเร้าให้มีความปรารถนาที่จะทาความดีงาม เช่ือฟังและปฏิบตั ิตาม และมุ่งหวงั ที่จะไดร้ ับผลบุญ
ตอบแทนในวนั น้นั
2. หวาดหวนั่ เกรงกลวั ทจ่ี ะกระทาการฝ่าฝืน ยอมรบั และพงึ พอใจ เนื่องจากเกรงกลวั ถึงการลงโทษที่จะ
มีมาในวนั น้นั
3. ทาให้มุมิน ผศู้ รัทธา ไม่วิตกกงั วลต่อสิ่งท่ีพลาดพน้ ไปจากเขา ในโลกน้ี ดว้ ยเหตุวา่ เขามุ่งหวงั จาก
ความโปรดปรานแห่งอาคิเราะฮ์ และจากผลการตอบแทนของส่ิงดีงามท่ีไดท้ าไว้
4. ผปู้ ฏิเสธการศรทั ธาไดโ้ ตแ้ ยง้ วา่ ชีวติ หลงั ความตายน้ันเป็ นไปไม่ได้ การกล่าวอา้ งเช่นน้ีถือเป็ นโมฆะ
เนื่องจากเป็นการปฏิเสธวา่ กฎขอ้ กาหนดทางศาสนบญั ญตั ิ หลกั ฐานดา้ นความรู้สึก และดา้ นสติปัญญาเป็ น
สิ่งทีถ่ ูกยกเลิก
หลักฐานกฎข้อบงั คบั ทางศาสนบัญญตั ิ
ดงั อลั ลอฮ์ ทรงตรัสวา่
บรรดาผปู้ ฏิเสธศรัทธากล่าวอา้ งวา่ พวกเขาจะไม่ถูกให้ฟ้ื นคืนชีพข้ึนมาอีก จงกล่าวเถิด (มุฮมั มดั ) หา
เป็ นเช่นน้ันไม่ ขอสาบานต่อพระเจา้ ของขา้ พระองค์ พวกท่านจะถูกให้ฟ้ื นคืนชีพข้ึนมาอีกอยา่ งแน่นอน
แล้วพวกท่านจะได้รับแจง้ ตามท่ีพวกท่านได้ประกอบกรรมไว้ และน่ันเป็ นการง่ายดายสาหรับอัลลอฮ์
อตั ตะฆอบนุ ๗
ในขอ้ น้ีมีความสอ้ ดคลอ้ งกนั ระหวา่ งพระคมั ภีร์ที่ถูกประทานมาทกุ เล่ม
หลกั ฐานด้านความรู้สึกสัมผัส
พระองคอ์ ลั ลอฮ์ ทรงแสดงใหป้ วงบา่ วของพระองคเ์ ห็นเป็ นท่ีประจกั ษถ์ ึงการฟ้ื นคืนชีพหรือการให้
คนตายเกิดข้ึนใหม่ในโลกน้ี ดงั ปรากฏเป็ นหลกั ฐานหา้ ตวั อยา่ งใน ซูเราะห์ อลั บะเกาะเราะฮ์
หน่ึง. เม่ือประชาชาติของท่านนะบีมูสา อลยั ฮิสลาม ไดก้ ล่าวแก่ท่านว่า เราจะไม่ศรัทธาต่อท่าน
จนกวา่ พวกเราจะไดเ้ ห็นอลั ลอฮ์โดยเปิ ดเผย ทนั ใดน้ันอลั ลอฮ์ ทรงบนั ดาลใหพ้ วกเขาตาย หลังจากน้ัน
ทรงใหพ้ วกเขามีชีวติ ข้นึ ใหม่ เกี่ยวกบั เรื่องน้ีพระองคท์ รงตรสั แก่ วงศว์ านของอิสรออีลวา่
และจงราลึกถึง ขณะท่ีพวกเจา้ กล่าวว่า โอม้ ูซา! เราจะไม่ศรัทธาต่อท่านเป็ นอนั ขาด จนกว่าเราจะได้
เห็นอลั ลอฮโ์ ดยเปิ ดเผย แลว้ สายฟ้าผา่ ไดค้ ร่าพวกเจา้ ขณะทพ่ี วกเจา้ มองดูกนั อยู่ ภายหลงั เราไดใ้ ห้พวกเจา้
คืนชีพ หลงั จากท่พี วกเจา้ ไดต้ ายไปแลว้ เพอ่ื วา่ พวกเจา้ จกั ขอบคุณ อลั บะเกาะเราะฮ์ ๕๕ ๕๖
สอง. เรื่องราวของการรบราฆ่าฟันที่เกิดข้ึนระหวา่ งวงศว์ านอิสรออีล ซ่ึงไดท้ ะเลาะเบาะแวง้ กนั และ
พระองค์จึงได้ทรงบญั ชาใช้ให้พวกเขาเชือดววั ทันใดน้ันพวกเขาได้ฟาดตีเขาด้วยส่วนหน่ึงของมัน
เพอ่ื ท่ีจะบอกใหพ้ วกเขาทราบวา่ ใครคือผฆู้ ่าเขา ในเร่ืองน้ีพระองคท์ รงตรสั วา่
และจงราลึกถึงขณะทีพ่ วกเจา้ ฆ่าคนคนหน่ึง แลว้ พวกเจา้ ต่างปกป้องตวั เองในเร่ืองน้นั และอลั ลอฮ์น้นั
จะเป็ นผูเ้ ปิ ดเผยส่ิงที่พวกเจา้ ปกปิ ดไว้ แล้วเราไดก้ ล่าวว่า พวกเจา้ จงตีเขาดว้ ยบางส่วนของววั ตวั น้ัน ใน
ทานองน้นั แหละ อลั ลอฮจ์ ะทรงใหผ้ ทู้ ตี่ าย มีชีวติ ข้นึ มาและจะทรงให้พวกเจา้ เห็นสญั ญานต่างๆ เพ่ือว่าพวก
เจา้ จะไดเ้ ขา้ ใจ อลั บะเกาะเราะฮ์ ๗๒ ๗๓
สาม. เร่ืองราวของชนกลุ่มหน่ึง ทหี่ นีความตายออกจากบา้ นของพวกเขา ท่ีพวกเขามีจานวนนบั เป็ น
พนั ๆคน อลั ลอฮ์ ไดท้ รงทาใหพ้ วกเขาตาย แลว้ ทรงทาใหพ้ วกเขาฟ้ื นคนื ชีพ ในเรื่องน้ี พระองคท์ รงตรสั วา่
พวกเจา้ มิไดม้ องดู บรรดาผูท้ ่ีออกจากบา้ นของพวกเขาดอกหรือโดยที่พวกเขามีจานวนเป็ นพนั ๆคน
ท้งั น้ีเพราะกลวั ความตาย แลว้ อลั ลอฮ์ก็ไดป้ ระกาศิตแก่พวกเขาว่า พวกเจา้ จงตายเสียเถิด ภายหลงั พระองค์
ทรงให้พวกเขามีชีวิตข้ึนใหม่ แทจ้ ริงอัลลอฮ์ น้ันเป็ นผูม้ ีบุญคุณแก่มนุษย์ แต่ทว่ามนุษยส์ ่วนมากไม่
ขอบพระคุณ อลั บะเกาะเราะฮฺ ๒๔๓
สี่. เรื่องราวของชายคนหน่ึงท่ีเดินทางผา่ นไปยงั เมืองรา้ ง อลั ลอฮ์ ทรงทาใหเ้ ขาตายเป็ นเวลาหน่ึงร้อยปี
แลว้ ทรงใหเ้ ขาฟ้ืนคนื ชีพ
ในเรื่องดงั กล่าวพระองคท์ รงตรสั วา่
หรือเช่นผทู้ ไ่ี ดผ้ า่ นเมืองหน่ึง(บยั ตลุ มกั ดิส) โดยที่มนั พงั ทบั ลงบนหลงั คามนั เขากล่าววา่ อลั ลอฮจ์ ะทรง
ใหเ้ มืองน้ีมีชีวติ ข้นึ ไดอ้ ยา่ งไร หลงั จากท่ีมนั ไดต้ ายพนิ าศไปแลว้ และอลั ลอฮไ์ ดท้ รงให้เขาตายเป็ นเวลาร้อย
ปี ภายหลงั พระองคไ์ ดท้ รงให้เขาฟ้ื นคืนชีพ พระองค์ทรงกล่าวว่า เจา้ พกั อยนู่ านเท่าใด ? เขากล่าวว่า ขา้
พระองคพ์ กั อยวู่ นั หน่ีงหรือบางส่วนของวนั เท่าน้นั พระองคท์ รงกล่าววา่ มิได!้ เจา้ พกั อยนู่ านถึงร้อยปี เจา้ จง
มองดูอาหารของเจา้ และเคร่ืองด่ืมของเจา้ มนั ยงั ไม่บูดเลย และจงมองดูลาของเจา้ และเพ่ือเราจะใหเ้ จา้ เห็น
สญั ญานสาหรบั มนุษย์ และจงมองบรรดากระดูกเหล่าน้นั ดูว่าเรากาลงั ยกมนั ไว้ ณ ท่ีของมนั และประกอบ
มนั ข้ึน แลว้ ใหม้ ีเน้ือหุ้มห่อมนั ไวอ้ ยา่ งไร? คร้ันเม่ือสิ่งเหล่าน้นั ไดป้ ระจกั ษแ์ ก่เขาแล้ว เขาก็กล่าววา่ ขา้
พระองคร์ ู้วา่ แทจ้ ริงอลั ลอฮน์ ้นั ทรงเดชานุภาพเหนือทกุ สิ่งทกุ อยา่ ง อลั บะเกาะเราะฮฺ ๒๕๙
เรื่องราวของทา่ นนะบีอิบรอฮีม อลยั ฮิสลาม เมื่อท่านไดข้ อต่ออลั ลอฮ์ แสดงใหท้ ่านเห็นว่าพระองค์
ทรงใหค้ นตายฟ้ืนคนื ชีพอยา่ งไร ? ดงั น้นั พระองคจ์ ึงทรงบญั ชาใชใ้ หท้ ่านเชือดนกส่ีตวั และใหแ้ ยกชิ้นส่วน
ของมนั ไปตามรอบภูเขา หลงั จากน้นั ใหเ้ รียกนกมา ชิ้นส่วนต่างๆจะกลบั เขา้ ดงั เดิม มนั จะมายงั ท่านนะบีอิบ
รอฮีม อลยั ฮิสลาม อยา่ งรีบเร่ง ในเรื่องน้ีพระองคท์ รงตรสั วา่
และจงราลึกถึงขณะท่ีอิบรอฮีม กล่าวว่า พระผเู้ ป็ นเจา้ ของขา้ พระองค์ โปรดไดท้ รงให้ขา้ พระองคเ์ ห็น
ดว้ ยเถิดวา่ พระองคจ์ ะทรงใหบ้ รรดาผทู้ ต่ี ายมีชีวติ ข้ึนอยา่ งไร? พระองคต์ รัสว่าเจา้ มิเช่ือดอกหรือ? อิบรอฮีม
กล่าวว่า หามิได้ แต่ทว่าเพ่ือหัวใจของขา้ พระองคจ์ ะไดส้ งบ พระองคต์ รัสวา่ เจา้ จงเอานกมาสี่ตวั แลว้ จง
เล้ียงมนั ใหค้ ุน้ แก่เจา้ แลว้ ตดั มนั ออกเป็ นท่อนๆ ภายหลังเจา้ จงวางไวบ้ นภูเขาทุกลูก ซ่ึงส่วนหน่ึงจากนก
เหล่าน้นั แลว้ จงเรียกมนั มนั กจ็ ะมายงั เจา้ อยา่ งรีบเร่ง และพงึ รูไ้ วเ้ ถิดวา่ แทจ้ ริงอลั ลอฮ์น้ัน เป็ นผทู้ รงเดชานุ
ภาพ ผทู้ รงปรีชาญาน อลั บะเกาะเราะฮฺ ๒๖๐
ดงั กล่าวขา้ งตน้ เป็ นตวั อยา่ งท่ีแสดงใหเ้ ห็น สัมผสั ได้ เกิดข้ึนแลว้ บ่งบอกถึงการใหค้ นตายฟ้ื นคืนชีพ มี
ชีวติ ข้ึนมาอีกคร้ัง เราไดช้ ้ีใหเ้ ห็นถึงสญั ญานของทา่ นนะบอี ีซา อิบนุ มรั ยมั ที่อลั ลอฮ์ ทรงแสดงใหเ้ ห็นการ
ชุบชีวติ คนตายและการนาพวกเขาออกมาจากหลุมศพ ดว้ ยอนุมตั ิของพระองค์
หลกั ฐานด้านสตปิ ัญญาแบ่งออกเป็ นสอง
1. อลั ลอฮ์ คอื ผสู้ รา้ งช้นั ฟ้าและแผน่ ดิน และทกุ สรรพส่ิง พระองคเ์ ป็ นผรู้ ิเริ่มในการสร้างมนั ท้งั สอง
เป็นผทู้ รงเดชานุภาพในการสร้าง ปราศจากความอ่อนแอ สามารถเนรมิตใหม้ นั กลบั มีข้ึนใหม่อีกคร้ัง
ดงั พระองคท์ รงตรสั วา่
และพระองคค์ ือผทู้ รงเร่ิมแรกในการสร้าง แลว้ ทรงใหม้ นั กลบั ข้ึนมาอีก และมนั เป็ นการง่ายยงิ่ แก่
พระองค์ อรั รูม ๒๗
ดงั เช่นที่เราได้เร่ิมให้มีการบงั เกิดคร้ังแรก เราจะให้มนั กลับเป็ นข้ึนมาอีก เป็ นสัญญาผูกพนั กับเรา
แทจ้ ริงเราเป็นผกู้ ระทาอยา่ งแน่นอน อลั อมั บิยาอฺ ๑๐๔
อลั ลอฮ์ ทรงตรสั ใชใ้ หโ้ ตต้ อบบรรดาผทู้ ปี่ ฏิเสธศรทั ธา ต่อการใหก้ ระดูกที่เป็ นผยุ ผงมีชีวติ ข้นึ มาอีกวา่
จงกล่าวเถิด (มุฮมั มดั ) วา่ พระผูท้ รงให้กาเนิดมนั คร้ังแรก น้นั ยอ่ มจะทรงใหม้ นั มีชีวิตข้ึนมาอีก และ
พระองคเ์ ป็นผทู้ รงรอบรู้ การบงั เกิดทุกสิ่ง ยาซีน ๗๙
2. ในกรณีของพน้ื ดินทแ่ี หง้ แลง้ ไม่มีผลหมากรากไมท้ ่เี ขียวขจี พระองคท์ รงประทานฝนให้ตกลงมา มนั
ก็จะกลับมีชีวิตชีวาข้ึนอีก พระองค์ทรงให้ชีวิตหลังความตายของมัน ทรงสามารถให้ชีวิตคนตาย ดัง
พระองคท์ รงตรสั วา่
และส่วนหน่ึงจากสญั ญาณท้งั หลายของพระองค์ คือ เจา้ จะเห็นแผน่ ดินแห้งกรัง ต่อเม่ือพระองคท์ รง
หลง่ั น้าฝนลงมาบนมนั มนั ก็จะมีชีวติ ชีวาและใหพ้ ชื ผล แทจ้ ริงผซู้ ่ึงใหม้ นั มีชีวิตข้ึนมาน้นั ก็จะทรงใหช้ ีวิต
แก่คนตายไดอ้ ยา่ งแน่นอน แทจ้ ริงพระองคน์ ้นั เป็นผทู้ รงอานุภาพเหนือทุกส่ิง ฟุศศิลตั ๓๙
และเราไดใ้ ห้น้าฝนหลง่ั ลงมาจากฟากฟ้า เป็ นที่จาเริญดว้ ยน้าน้นั เราไดใ้ หง้ อกเงยออกมาเป็ นสวนอนั
หลากหลาย และเมล็ดพชื สาหรบั เก็บเกี่ยว และตน้ อินทผลมั อนั สูงตระหงา่ น ลาตน้ ของมนั มีพวงยอ้ ยลงมา
มีผลซ้อนกันเป็ นช้ัน เพื่อเป็ นปัจจยั ยงั ชีพแก่ปวงบ่าว และดว้ ยน้าน้ัน เราไดท้ าให้ดินแดนที่แห้งแล้ง มี
ชีวติ ชีวาข้นึ ใหม่ เช่นน้นั แหละ การฟ้ื นคืนชีพ กอ็ ฟ ๙ ๑๑
ชนผหู้ ลงผิดไดห้ ลงทาง เน่ืองจากพวกเขาปฏิเสธการทดสอบในหลุมศพและความโปรดปราน โดย
อา้ งวา่ เร่ืองน้ีเกิดข้ึนไม่ได้ เพราะคา้ นตอ่ ความจริง พวกเขากล่าวอา้ งวา่ หากเปิ ดเผยศพจากหลุม จะพบว่าคงมี
ศพอยเู่ หมือนเดิม โดยที่หลุมศพน้นั มิไดเ้ ปล่ียนแปลงขนาดและไม่ไดค้ บั แคบแตอ่ ยา่ งใด การกล่าวเช่นน้ีถือ
เป็นโมฆะ เพราะขดั ตอ่ หลกั การทางศาสนา ความรู้สึก และสติปัญญาของมนุษย์
หลกั ฐานด้านกฏหมายชารีอะฮ์ บทบญั ญัตทิ างศาสนา
จากหลกั ฐานในตวั บทช้ีชดั ว่ามีการทดสอบ การลงโทษในหลุมศพและความโปรดปราณอยา่ งแน่นอน
ในวรรค (ข) เกี่ยวกบั ผลทต่ี ามมาของการศรัทธาต่อวนั อาคเิ ราะฮ์ และในเศาะเฮ้ียะบุคอรี จากฮะดีษท่ีรายงาน
โดย อิบนุ อบั บาสไดก้ ล่าววา่
(( ٙؼزثب فٚ ٍَٛ فغًغ صٕد ئَغب، ُخٚطبٌ انًذّٛ ٔعهى يغ ثؼض حٛ صهٗ الله ػهٙخشط انُج
( ّخُ يٍ ) ثٕنُٚ سٔاٙغززش يٍ انجٕل (( ٔفٚ ّ )) أٌ أحذًْب كبٌ لاٛ ٔف، شٚلجٕسًْب (( ٔركش انحذ
ًخًُٛ ثبنًٙشٚ ٌخش كبٜ ) ٔأٌ ا.
ท่านนะบี ไดอ้ อกไปกบั ชาวเมืองมะดีนะฮ์ และท่านไดย้ นิ คนสองคนกาลงั ถูกลงโทษในหลุมศพของ
เขาท้งั สอง ในฮะดีษน้ีระบุว่า หน่ึงในสองคนน้ันมิได้ปกปิ ดขณะปัสสาวะ และในอีกรายงานหน่ึง จาก
ปัสสาวะของเขา และอีกคนหน่ึงเทีย่ วนินทาผคู้ น
หลกั ฐานด้านความรู้สึกสัมผสั
มีชายคนหน่ึงนอนฝันเห็นวา่ เขาอยใู่ นสถานท่ีอนั กวา้ งขวาง โดยที่เขามีความสุขเพลิดเพลินในน้ัน
หรือเขาอยใู่ นสถานที่คบั แคบน่ากลวั โดยท่ีเขาไดร้ ับความทุกขท์ รมาน บางคร้ังเขาอาจต่ืนข้ึนจากส่ิงท่ีเห็น
ถึงแม้ว่าเขายงั คงอยู่บนเตียงนอนในห้องของเขา การนอนหลับน้ันคือพ่ีน้องของความตาย ด้วยเหตุ
น้ีอลั ลอฮ์ จงึ ทรงเรียกวา่ ความตาย
ดงั พระองคท์ รงตรสั วา่
อลั ลอฮท์ รงปลิดชีวติ ในยามตายของมนั และมนั (ชีวติ )จะยงั ไม่ตายในยามนอนหลบั ของมนั พระองคจ์ ะ
ทรงปลิดชีวิตที่พระองค์ทรงกาหนดความตายให้แก่มนั และพระองค์ทรงยดื ชีวิตอ่ืนไปจนถึงเวลาท่ีถูก
กาหนดไว้ แทจ้ ริงในการน้นั ยอ่ มเป็ นสญั ญาณ สาหรบั หมู่ชนผใู้ คร่ครวญ อซั ซุมรั ฺ ๔๒
หลักฐานด้านสตปิ ัญญามนุษย์
มีชายคนหน่ึงฝันเห็นเรื่องท่ีเกิดข้ึนตรงกับความจริง บางคร้ังท่านนะบี ได้เห็นดังที่ปรากฏตาม
ลกั ษณะความฝัน ฉะน้นั ใครกต็ ามทีเ่ ห็นตามความฝันเขาผนู้ ้นั ไดเ้ ห็นจริงแลว้ แมว้ า่ คนนอนหลบั น้นั จะยงั คง
นอนอยบู่ นเตยี งในห้องห่างไกลจากสิ่งท่ีเห็น หากว่าเร่ืองดงั กล่าวเป็ นจริงข้ึนไดใ้ นสภาพความเป็ นอยขู่ อง
สงั คมแห่งโลกน้ี แลว้ เร่ืองราวต่างๆที่อัลลอฮ์ ทรงบอกไวจ้ ะปรากฏเป็ นจริงข้ึนในโลกหน้าไม่ได้ ได้
อยา่ งไร ?
ส่วนพวกท่ีกล่าวอ้างว่า หากนาเอาศพออกมาเปิ ดเผยจะพบว่าจะยงั คงสภาพเดิม และหลุมศพมิได้
เปล่ียนแปลงขนาดของมนั และมิไดค้ บั แคบลงน้นั คาตอบในเร่ืองดงั กล่าวมีหลายแง่หลายมุม แต่จะนามา
กล่าวถึงบางส่วน
ประการแรก หา้ มคดั คา้ นต่อบญั ญตั ิทางศาสนา ท่ีไดร้ ับทราบในเรื่องที่คลางแคลงใจเชิงปฏิเสธ หาก
ได้ใคร่ครวญและไตร่ตรองเป็ นอย่างดี ในบญั ญัติที่มีอย่างถ่องแท้แล้ว ทุกคนจะตระหนักดีว่าความ
คลางแคลงใจไดห้ มดสิ้นไป ดงั ท่ีมีคากล่าว
ىٛحب ٔآفزّ يٍ انفٓى انغمٛٔكى يٍ ػبئت لٕلا صح
และก่ีมากนอ้ ยแลว้ สาหรับทีผ่ ตู้ าหนิคาพดู ทถี่ ูกตอ้ ง ความหายนะของเขาจากความเขา้ ใจผดิ น้ี ทาใหเ้ ขา
เจบ็ ปวด
ประการทส่ี อง สภาพของความเป็นอยใู่ นอาลมั บรั ์ซคั ชีวติ ระหวา่ งโลกน้ีกบั ปรโลก เป็ นเรื่องเร้นลบั ไม่
สามารถเขา้ ใจไดด้ ว้ ยประสาทสมั ผสั หากเราใชป้ ระสาทสมั ผสั ในการทาความเขา้ ใจ ภาคผลของการศรัทธา
ต่อส่ิงเร้นลบั กจ็ ะสูญส้ินไป และบรรดาผศู้ รทั ธาทเี่ ช่ือมน่ั กบั บรรดาผปู้ ฏิเสธจะไม่แตกตา่ งอะไรกนั เลย
ประการทส่ี าม การลงโทษและความโปรดปราน ความกวา้ งและความคบั แคบของหลุมศพ เป็ นเร่ืองท่ี
คนตายเทา่ น้นั จะรับรู้ ขอ้ น้ีเปรียบเสมือนคนนอนฝันว่าอยใู่ นสถานท่ีคบั แคบน่ากลวั หรืออยใู่ นสถานท่ีอนั
กวา้ งใหญไ่ พศาล สาหรบั การนอนของเขาไม่ไดเ้ ปล่ียนแปลงไปเลย เขายงั นอนอยใู่ ตผ้ า้ ห่มบนเตียงนอนใน
หอ้ งเขา ความจริงขณะท่ีนะบี ไดร้ ับการประทานวะฮียอ์ ยนู่ ้ัน ท่านกาลงั อยกู่ บั บรรดาศอฮาบะฮข์ องท่าน
โดยท่ที ่านไดย้ นิ เสียงวะฮียแ์ ต่เพยี งผเู้ ดียว
ประการที่สี่ ความหยงั่ รู้ของมนุษยม์ ีขอบเขตเท่าท่ีพระองค์อลั ลอฮ์ ทรงประทานให้ ฉะน้ันเขาไม่
สามารถเขา้ ใจในทุกสรรพส่ิงท่ีมีอยไู่ ด้ เช่นกรณีของฟากฟ้าท้งั เจด็ พ้ืนพิภพ และสรรพส่ิงต่างๆ โดยทุกสิ่ง
น้นั ไดถ้ วายการสรรเสริญแด่อลั ลอฮ์ พระองคท์ รงไดย้ นิ ผทู้ ี่พระองคท์ รงประสงค์ จากบรรดาปวงบ่าวของ
พระองค์ พระองคท์ รงตอบรบั ในเรื่องน้ี วา่
ช้นั ฟ้าท้งั เจด็ และแผน่ ดิน และที่อยใู่ นน้นั สดุดีสรรเสริญแด่พระองค์ และไม่มีสิ่งใดเวน้ แต่จะสดุดีดว้ ย
การสรรเสริญพระองค์ แต่วา่ พวกเจา้ ไม่เขา้ ใจคาสดุดีของพวกเขา แทจ้ ริงพระองคเ์ ป็ นผทู้ รงหนกั แน่น ผทู้ รง
อภยั เสมอ อลั อิสรออ์ ๔๔
ชยั ฏอนมารรา้ ย ญนิ สามารถไดย้ นิ ทวั่ ท้งั แผน่ ดิน ดงั ท่ีไดม้ ีหมู่ญินมาหาท่านนะบี พวกเขารับฟังการ
อ่านของท่านอย่างต้งั อกต้งั ใจแลว้ กลบั ไปตกั เตือนยงั หมู่ชนของพวกเขา เหตุน้ีบรรดาพวกที่ถูกปกปิ ดก็
สามารถเขา้ ใจได้
อลั ลอฮ์ ทรงตรสั วา่
ลูกหลานของอดมั เอ๋ย จงอยา่ ใหช้ ยั ฏอนหลอกลวงพวกเจา้ เช่นเดียว กบั ที่มนั ไดท้ าให้พอ่ แม่ของพวกเจา้
ออกจากสวนสวรรคม์ าแลว้ โดยท่ีมนั ไดถ้ อดเครื่องนุ่งห่มของเขาท้งั สองออก เพื่อท่ีจะให้เขาท้งั สองเห็นสิ่ง
ที่น่าละอายของเขาท้งั สอง แทจ้ ริงมนั และเผา่ พนั ธุ์ของมนั มองเห็นพวกเจา้ โดยท่ีพวกเจา้ ไม่เห็นพวกมัน
แทจ้ ริงเราไดท้ าใหบ้ รรดาชยั ฏอนเป็นเพอ่ื นกบั บรรดาผทู้ ี่ไม่ศรทั ธา อลั อะอร์ อฟ ๒๗
มนุษยไ์ ม่สามารถท่ีจะหยง่ั รูแ้ ละเขา้ ใจต่อสรรพสิ่งที่มีอยไู่ ด้ ดงั น้นั ไม่เป็ นท่ีอนุมตั ิใหพ้ วกเขาปฏิเสธ
ต่อเรื่องเร้นลบั พน้ ญานวสิ ยั ดงั ทีม่ ีหลกั ฐานยนื ยนั
อ้างองิ
https://sites.google.com/site/krualeeymat/sa-ra-tea-hid-hlak-
sraththa?fbclid=IwAR1ZZRc0XzU0Y9yUTuFnySuK01QCt3B9Zh77rBqvG0L267lHnJQVEp8E22U
https://bushrohouse.wordpress.com/2012/12/18/%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%
81%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3-3-%E0%B8%82%E0%B9%89%E0%B8%AD-
%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%A2%E0%B8%A7%E0%B8%81%E0%B8%
B1%E0%B8%9A%E0%B8%AD%E0%B8%B0/?fbclid=IwAR27RJ9JWPjxddG6JUtYglRU5vDUIQk3Jf5Udw8
8DwGPjJRTOYSW6gHug68
https://lastdayofme.wordpress.com/2017/03/29/%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%8
1%E0%B8%A8%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%97%E0%B8%98%E0%B8%B2-
%E0%B8%A3%E0%B8%B8%E0%B8%81%E0%B9%88%E0%B8%99%E0%B8%AD%E0%B8%B5%E0%B8%
AB%E0%B8%A1%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%99/?fbclid=IwAR1KbMdXOK_6FkKRH21xYX5Yr3ts
j3zO4kjdrqw52aFdbJ6fNPD0WqmwOBs
http://alisuasaming.org/main/?p=4302&fbclid=IwAR0AEia5NdP7X0yb_ctK9HFHUP5lDG9ah2D2gYJgK
-k2sO0CAze9rW48gpA
http://www.islammore.com/main/content.php?page=sub&category=26&id=273
http://alisuasaming.org/main/?p=4302&fbclid=IwAR3m4Z5VprmI3_CLgjxaRmrmn13J12oBXT8eP4S-
OKVXrleSaRC4BskRKB4
อา้ งอิงจากหนงั สือ ดุรูส ฟี ชรั หฺ นะวากิฎุล อิสลาม โดย ดร. ศอลิหฺ บนิ เฟาซาน บนิ อบั ดิลลาฮ อลั -เฟาซาน หะฟิ
เซาะฮุลลอฮ , พมิ พท์ ม่ี กั ตะบะฮฺ อรั -รุชดฺ , ปี ฮิจเราะฮฺ 1425 , หนา้ 14-16