The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

กรอบหลักสูตรท้องถิ่นตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search

กรอบหลักสูตรท้องถิ่นตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ฉบับปรับปรุง พ.ศ.2560

กรอบหลักสูตรท้องถิ่นตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560



คำนำ
กระทรวงศึกษาธิการไดป้ ระกาศใช้หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพ้ืนฐานพุทธศักราช ๒๕๕๑ ฉบับ
ปรบั ปรุง พ.ศ. ๒๕๖๐ เพ่อื ใหส้ อดคลอ้ งกับการจดั การศึกษาในยุค Thailand ๔.๐ โดยมีจุดหมาย และมาตรฐาน
การเรยี นรู้เปน็ เปา้ หมาย และกรอบทิศทางในการพัฒนาคณุ ภาพผู้เรยี นให้เป็นคนดี มีปัญญา มคี ณุ ภาพชีวิตท่ดี ีและ
มคี วามสามารถในการแข่งขนั ในเวทรี ะดบั โลก พรอ้ มทง้ั ปรบั กระบวนการพัฒนาหลักสูตร ให้มีความสอดคล้องกับ
เจตนารมณ์ แหง่ พระราชบญั ญัติการศกึ ษาแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๒ และท่แี กไ้ ขเพ่มิ เตมิ (ฉบบั ท่ี ๒) พ.ศ. ๒๕๔๕
ซ่ึงม่งุ เนน้ กระจายอำนาจทางการศึกษาใหส้ ำนักงานเขตพ้ืนท่ีการศกึ ษา และสถานศึกษา ได้มบี ทบาทและมีส่วน
ร่วมในการพัฒนาหลกั สตู รใหส้ อดคล้องกับสภาพและความต้องการของท้องถิน่ ให้เปน็ ไปตามแผนการศึกษาชาติ
พ.ศ. ๒๕๖๐ – ๒๕๗๙ สำนกั งานเขตพนื้ ทกี่ ารศึกษาประถมศกึ ษาสตูล จึงปรับปรงุ กรอบหลักสูตรระดบั ท้องถ่นิ
ใหเ้ ปน็ ไปท่กี ระทรวงศกึ ษาธกิ ารและสำนกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาขน้ั พน้ื ฐานกำหนด เพ่ือใช้เป็นกรอบ
ในการสรา้ งหลักสูตรสถานศึกษา ทส่ี อดคล้องและสนองตอ่ ความต้องการของท้องถ่นิ
เอกสารหลกั สตู รระดับท้องถ่นิ ฉบับปรับปรงุ ๒๕๖๓ นี้ จดั ทำขึน้ สำหรบั สถานศึกษาได้นำไปใช้เป็นกรอบ
และทศิ ทางในการจดั ทำหลกั สตู รสถานศึกษา และจัดการเรียนการสอนเพื่อพัฒนาเดก็ และเยาวชนไทยทกุ คน
ในระดบั การศึกษาข้ันพื้นฐานให้มีคุณภาพดา้ นความรู้และทกั ษะที่จำเปน็ สำหรบั การดำรงชีวิตใน สังคมท่ีมีการ
เปลยี่ นแปลง และแสวงหาความรู้เพ่ือพัฒนาตนเองอย่างตอ่ เน่ือง ซ่งึ ได้มกี ารพัฒนาเพมิ่ เติม กำหนดกรอบสาระการ
เรียนร้รู ะดบั ท้องถ่นิ สตูล แบง่ ออกเป็น ๘ สาระ ได้แก่ สาระท่ี ๑ ประวตั ศิ าสตรเ์ มืองสตูล สาระท่ี ๒ สภาพ
ภมู ศิ าสตร์ ทรัพยากรทางธรรมชาติและสง่ิ แวดล้อมจังหวดั สตลู สาระที่ ๓ ประชากร การปกครองและการศึกษา
สาระที่ ๔ ศลิ ปวัฒนธรรมและประเพณจี ังหวดั สตูล สาระท่ี ๕ ภมู ิปัญญาและเทคโนโลยีท้องถ่ิน สาระที่ ๖ ภาษา
เพอื่ การส่ือสาร สาระที่ ๗ สถานที่สำคัญและแหล่งท่องเที่ยวของจงั หวัดสตลู และสาระที่ ๘ อทุ ยานทางธรณีวิทยา
และอทุ ยานธรณสี ตลู (Satun UESSCO Global Geopark) เป็นตน้
ขอขอบคุณ คณะกรรมการขับเคล่อื นการพัฒนาวิชาการ ของสำนกั งานเขตพืน้ ท่ีการศึกษาประถมศกึ ษาสตลู
คณะทำงานและผู้มสี ่วนเก่ียวขอ้ งทกุ ท่านที่มีส่วนเก่ยี วขอ้ งทั้งในหนว่ ยงานและจากหน่วยงานอื่นทใี่ หค้ วามร่วมมือ
ในการจัดทำกรอบหลักสูตรระดบั ท้องถน่ิ ฉบบั น้ี มีความสมบูรณ์และเหมาะสมต่อการจัดการศกึ ษา หากสถานศึกษา
หรอื ผูม้ ีสว่ นเกยี่ วข้องพบขอ้ บกพร่อง หรือตอ้ งการให้ข้อเสนอแนะเพือ่ การปรับปรงุ ใหห้ ลกั สูตรระดบั ท้องถิ่นฉบับน้ี
มคี วามสมบรู ณ์ย่งิ ขึ้น ทางคณะผู้จัดทำจกั ขอขอบคุณท่านเป็นอยา่ งย่งิ

สำนกั งานเขตพน้ื ท่ีการศึกษาประถมศึกษาสตูล



สารบญั หน้า

เร่ือง ข
คำนำ ค
สารบญั ๑
ประกาศคณะกรรมการเขตพื้นทก่ี ารศึกษาประถมศึกษาสตูล ๑
สว่ นที่ ๑ บทนำ ๔

ความเป็นมา ๕
แนวทางการดำเนินงานจดั ทำกรอบสาระการเรยี นรู้ทอ้ งถน่ิ ๗
การดำเนินงานของสว่ นกลาง ๘
การดำเนินงานระดับเขตพื้นทก่ี ารศกึ ษา ๑๐
การดำเนินงานของสถานศึกษา ๑๑
องคป์ ระกอบสำคัญของกรอบสาระการเรียนรรู้ ะดับทอ้ งถิน่ ๑๑
ทม่ี ากรอบสาระการเรียนรู้ทอ้ งถิ่นของสำนกั งานเขตพ้ืนท่ีการศกึ ษาประถมศึกษาสตูล ๑๑
สว่ นท่ี ๒ เป้าหมายและจดุ เน้นการพฒั นา ๑๒
วิสัยทศั น์ ๑๓
จุดเนน้ /เปา้ หมายการพฒั นาคุณภาพผเู้ รียน ๑๓
กรอบสาระการเรียนร้รู ะดับทอ้ งถิ่น ๑๓
ส่วนที่ ๓ กรอบสาระการเรียนรูร้ ะดบั ทอ้ งถิน่ สตูล ๑๔
สาระท่ี ๑ ประวตั ิศาสตรเ์ มืองสตูล ๑๕
สาระท่ี ๒ สภาพภมู ิศาสตร์ ทรัพยากรทางธรรมชาตแิ ละส่ิงแวดล้อมจงั หวัดสตลู ๑๕
สาระที่ ๓ ประชากร การปกครองและการศึกษา ๑๖
สาระที่ ๔ ศิลปะวัฒนธรรม และประเพณจี งั หวดั สตูล ๑๖
สาระท่ี ๕ ภูมิปญั ญา และเทคโนโลยที อ้ งถน่ิ ๑๖
สาระที่ ๖ ภาษาเพื่อการส่อื สาร ๑๙
สาระที่ ๗ สถานทีส่ ำคัญและแหลง่ ท่องเทยี่ วของจังหวดั สตูล ๑๙
สาระท่ี ๘ อทุ ยานทางธรณีวทิ ยาและอทุ ยานธรณสี ตลู (Satun UNESCO Global Geopark) ๑๙
สว่ นที่ ๔ การประเมินคุณภาพผูเ้ รียนระดบั ทอ้ งถ่ิน
หลักการ
จดุ หมาย

สารบัญ (ตอ่ ) หนา้
๒๐
เรือ่ ง ๒๑
สมรรถนะสำคัญของผูเ้ รียน ๒๒
แนวทางการวัดและประเมนิ ผล ๒๔
รปู แบบการประเมนิ คุณภาพ ๒๕
ส่วนที่ ๕ การนำกรอบหลักสูตรระดบั ท้องถ่นิ ส่หู ลกั สูตรสถานศกึ ษา ๒๕
ส่วนที่ ๖ การพัฒนาหลกั สูตรทอ้ งถิน่ ของสถานศึกษา ๒๖
หลกั การ ๒๗
จุดมุ่งหมาย ๒๙
คำอธบิ ายรายวิชา ๓๑
โครงสร้างรายวชิ า ๓๒
หนว่ ยการเรยี นรู้ ๓๕
แนวทางการจัดการเรียนรู้ ๓๘
ส่อื การเรยี นการสอน ๔๓
แนวการวดั และประเมนิ ผลผูเ้ รยี น ๔๔
ภาคผนวก ๔๕
คณะผู้จดั ทำ
บรรณานกุ รม



ประกาศสำนักงานเขตพน้ื ท่ีการศึกษาประถมศึกษาสตูล
เรอ่ื งใหใ้ ชก้ รอบหลกั สตู รระดับทอ้ งถ่นิ สำนกั งานเขตพ้นื ท่ีการศึกษาประถมศกึ ษาสตูล

...........................................................................

ดว้ ยกระทรวงศกึ ษาธกิ าร ไดป้ ระกาศใหใ้ ชห้ ลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาขนั้ พน้ื ฐาน พุทธศกั ราช
๒๕๕๑ และมาตรฐานการเรียนรู้และตัวช้ีวดั กลุ่มสาระการเรียนรู้ คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ สาระ
ภูมศิ าสตร์ในกลุ่มสาระการเรยี นรู สงั คมศึกษา ศาสนาและวฒั นธรรม (ฉบบั ปรบั ปรุง พ.ศ. ๒๕๖๐)
เพ่อื ให้สอดคลอ้ งกบั การจดั การศกึ ษาในยุค Thailand ๔.๐ โดยมจี ุดหมายและมาตรฐานการเรยี นรู้เป็น
เป้าหมาย และกรอบทศิ ทาง ในการพฒั นาคณุ ภาพผเู้ รยี นใหเ้ ป็นคนดี มปี ัญญา มคี ณุ ภาพชวี ติ ทด่ี แี ละมี
ความสามารถในการแข่งขนั ในเวทีระดบั โลก พร้อมทงั้ ปรบั กระบวนการพฒั นาหลกั สูตรให้มีความ
สอดคล้องกบั เจตนารมณ์แห่งพระราชบญั ญตั กิ ารศกึ ษาแห งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๒ และท่แี ก้ไขเพม่ิ เตมิ
(ฉบบั ท่ี ๒) พ.ศ.๒๕๔๕ และฉบบั ท่ี ๓ พ.ศ.๒๕๕๓ ท่ีมุ่งเน้นกระจายอานาจทางการศึกษาให้
สานักงานเขตพ้นื ทก่ี ารศกึ ษา และสถานศกึ ษาได มบี ทบาทและมสี ่วนร่วมในการพฒั นาหลกั สูตรให้
สอดคล องกบั สภาพและความตอ้ งการของทอ้ งถน่ิ ใหเ้ ป็นไปตามแผนการศกึ ษาแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๖๐
– ๒๕๗๙ สานักงานเขตพ้นื ท่กี ารศกึ ษาประถมศกึ ษาสตูล จงึ ปรบั ปรุงกรอบหลกั สูตรระดบั ท้องถ่นิ ให้
เป็นไปตามทก่ี ระทรวงศกึ ษาธกิ ารและสานกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาขนั้ พน้ื ฐานกาหนด เพ่อื ใชเ้ ป็น
กรอบในการสร้างหลกั สูตรสถานศกึ ษาทส่ี อดคล องและสนองต่อความต้องการของทอ้ งถนิ่ ทงั้ น้ีเพ่อื
ปลูกฝังให้ผู้เรยี นมคี วามรู้ ความเข้าใจเก่ียวกบั ท้องถ่ิน เกิดความรกั ความผูกพนั มเี จตคติท่ีดี และ
ภาคภมู ใิ จในถน่ิ กาเนดิ ของตน นาสง่ิ ดงี ามทม่ี ใี นทอ้ งถน่ิ มาใชใ้ นการพฒั นาคณุ ภาพชวี ติ ของตนเอง สงั คม
และดารงชวี ติ อย่รู ว่ มกนั ในสงั คม ไดอ้ ยา่ งมคี วามสขุ

เพือ่ ให้กรอบหลักสตู รระดบั ท้องถ่ินของสำนักงานเขตพ้ืนที่การศึกษาประถมศกึ ษาสตลู เกดิ ประโยชน์
ต่อสถานศึกษาและผเู้ รยี น จงึ ประกาศใช้กรอบหลักสตู รท้องถ่นิ จงั หวัดสตลู สำนกั งานเขตพ้นื ท่ีการศกึ ษา
ประถมศกึ ษาสตลู ต้งั แต่ปีการศกึ ษา ๒๕๖๓ เป็นตน้ ไป

ประกาศ ณ วันท่ี .๑..๔... เดอื น สงิ หาคม พ.ศ. ๒๕๖๓

ลงชือ่
(นายอุทัย กาญจนะ)

ผอู้ ำนวยการสำนกั งานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสตูล



ส่วนที่ ๑

บทนำ

ความเป็นมา

กระทรวงศกึ ษาธกิ ารได้ประกาศใชห้ ลักสตู รการศึกษาขัน้ พ้ืนฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ ให้เป็นหลักสูตร
แกนกลางของประเทศ โดยกำหนดจุดหมายและมาตรฐานการเรียนรู้เป็นเป้าหมายและกรอบทิศทางในการพัฒนา
คุณภาพผเู้ รยี นให้เปน็ คนดี มีปัญญา มคี ุณภาพชีวิตท่ีดีและมีขีดความสามารถในการแข่งขนั ในเวทีระดบั โลก
(กระทรวงศึกษาธิการ, ๒๕๕๔) พรอ้ มกันนี้ได้ปรับกระบวนการพัฒนาหลักสตู รให้มีความสอดคลอ้ งกบั เจตนารมณ์
แห่งพระราชบัญญัตกิ ารศกึ ษาแหง่ ชาติ พ.ศ. ๒๕๔๒ และที่แก้ไขเพ่ิมเติม ฉบบั ที่ ๒ พ.ศ. ๒๕๔๕ และฉบับที่ ๓
พ.ศ.๒๕๕๓ ที่มุ่งเน้นการกระจายอำนาจทางการศึกษาให้ท้องถ่ินและสถานศกึ ษาได้มบี ทบาทและมีส่วนร่วม
ในการพัฒนาหลักสูตร เพ่อื ให้สอดคล้องกับสภาพและความต้องการของท้องถิน่ โดยได้มกี ารกำหนดวสิ ัยทศั น์
จุดหมาย สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน คุณลักษณะอันพึงประสงค์ มาตรฐานการเรียน รู้และตัวชี้วัดท่ีชดั เจน
เพื่อใช้เปน็ ทศิ ทางในการจัดทำหลักสตู รการเรียนการสอนในแต่ละระดบั นอกจากนั้นได้กำหนดโครงสรา้ งเวลาเรียน
ขน้ั ต่ำของแต่ละกลุ่มสาระการเรียนรู้ในแตล่ ะชั้นปีไวใ้ นหลักสูตรแกนกลางและเปดิ โอกาสให้สถานศกึ ษาเพิ่มเติม
เวลาเรยี นได้ตามความพรอ้ มและจุดเน้น อีกท้ังได้ปรับกระบวนการวัดและประเมินผลผู้เรียน เกณฑ์การจบ
การศึกษาแต่ละระดับ และเอกสารแสดงหลักฐานทางการศึกษา ให้มีความสอดคล้องกับมาตรฐานการเรียนรู้
และมีความชดั เจนตอ่ การนำไปปฏบิ ัติ

จุดเนน้ ของกระทรวงศึกษาธิการในการพัฒนาเยาวชนสู่ศตวรรษที่ ๒๑ ในหลักสูตรแกนกลางการศึกษา
ขั้นพ้ืนฐานพทุ ธศักราช ๒๕๕๑ และการบริหารจดั การหลักสูตรในยุคปัจจุบัน ซง่ึ มีการกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่น
และสถานศึกษาให้มีส่วนร่วมคดิ ร่วมตัดสินใจในการพัฒนาหลักสูตรของตนเอง ครอบคลุมหลายมิติเกี่ยวข้อง
กับบุคคลหลายฝ่ายในท้องถ่ินและต้องอาศัยองค์ประกอบปัจจัยเก้ือหนุนต่าง ๆ มากมาย เพ่ือการปรับปรุงพัฒนา
การเรยี นการสอนให้ได้ผลดีและมปี ระสทิ ธิภาพสูงสุด การกำหนดกรอบหลักสูตรทอ้ งถิน่ เป็นสาระสำคญั ประการหนึ่ง
ท่จี ะช่วยให้ผบู้ ริหารสถานศกึ ษา ครูผู้สอน และบุคลากรทางการศกึ ษาในโรงเรียน เห็นแนวทางในการดำเนินงาน
ในการจัดทำหลักสูตรสถานศกึ ษา การจัดการเรียนการสอน รวมท้ังการส่งเสริมและดูแลดา้ นคุณภาพสอดคลอ้ ง
กับสภาพและความตอ้ งการของชุมชนท้องถนิ่ โดยมกี ารกำหนดมาตรฐานการเรียนรู้เป็นเป้าหมายและเกณฑ์ในการพัฒนา
สาระการเรียนรู้ท้องถิ่น และสามารถตรวจสอบคุณภาพของผู้เรียนในระดับท้องถน่ิ เพื่อกำหนดกรอบทิศทาง
ในการจัดการเรยี นการสอนเพ่ือพัฒนาผู้เรยี นให้มีความรู้ความสามารถอนั เป็นพื้นฐานจำเป็นในท้องถน่ิ และโลก
ปัจจบุ ัน กรอบเป้าหมายจุดเน้นท่ีกำหนดสาระการเรียนรู้ท้องถ่ินต้องมงุ่ เนน้ ผู้เรียนเป็นสำคญั บนพ้นื ฐานความเชื่อ



วา่ ทุกคนสามารถเรยี นรู้และพฒั นาตนเองได้เต็มตามศักยภาพ ผู้เรยี นมโี อกาสเรยี นรู้เรื่องราวของชมุ ชน ท้องถิ่น
ซ่งึ เป็นสภาพแวดล้อมในชวี ิตจริงของตน ทำให้เกิดความตระหนักเห็นคุณค่า สำนกึ รกั ผกู พันกับท้องถ่ิน มีความ
ภาคภูมใิ จในบรรพบรุ ษุ ถิ่นฐานบา้ นเกิด เปน็ สมาชกิ ท่ีดีของชมุ ชน ตลอดจนสามารถแก้ปัญหา พัฒนาชีวติ อาชีพ
ครอบครัวและสังคมของตนเองได้ตามควรแก่ฐานะ และเป็นบคุ คลที่มคี วามรอบรู้เก่ยี วกับท้องถิน่ ในแง่มุมตา่ ง ๆ
ทงั้ ด้านเศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม ฯลฯ อย่างชัดเจน ในกระบวนการจดั ทำหรือพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษา
เพ่ือใช้ในการจัดการเรียนรูให้บรรลุเป้าหมายตามมาตรฐานการเรียนรูและตัวชวี้ ดั ท่ีหลักสูตรแกนกลางการศึกษา
ข้ันพ้ืนฐานกำหนดน้ัน สำนักวิชาการและมาตรฐานการศึกษาไดกำหนดให้หน่วยงานระดับท้องถ่ิน ซ่ึงในที่น้ี
หมายถึงเขตพ้ืนท่ีการศกึ ษา หรอื หน่วยงานต้นสังกัดอ่ืน ๆ ที่มสี ่วนเกย่ี วข้องในการจัดการศึกษาได จัดทำกรอบ
หลักสูตรระดับท้องถิ่นนั้น ๆ ขนึ้ เพื่อเป็นกรอบทิศทางให้สถานศึกษาไดนำไปประกอบการพิจารณาจัดทำ
หรือเพิม่ เติมในสว่ นที่จะสามารถตอบสนองตอ่ ความต้องการของท้องถ่นิ ภายใต้บรบิ ทของสถานศกึ ษาตามหลักการ
จดั การศึกษาโดยเน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ

ในแนวการบริหารจัดการหลักสตู รแกนกลางการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ ได้กำหน ด
ให้หนว่ ยงานระดบั ทอ้ งถิ่น ซึง่ หมายถึง จังหวัด สำนักงานเขตพ้ืนท่ีการศกึ ษา และหรือองคก์ ร หน่วยงานอืน่ ๆ ท่ีมีส่วน
เกย่ี วข้องกับการจดั การศกึ ษาข้นั พ้ืนฐาน ควรศึกษายุทธศาสตร์การพฒั นาประเทศโดยรวม ยุทธศาสตร์การพัฒนา
กลุ่มจงั หวดั และยทุ ธศาสตร์การพัฒนาจงั หวัด ตลอดจนแผนพัฒนาการศกึ ษาของเขตพื้นท่ีการศกึ ษาควบคู
กับมาตรฐานการเรียนรูตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขน้ั พื้นฐาน เพ่ือพิจารณา กำหนดกรอบเป้าหมาย
และจุดเน้นในการพัฒนาทรัพยากรบคุ คลในวยั เรียนให้มีความสัมพนั ธ์สอดคลองกัน เพื่อเปน็ มนษุ ย์ท่ีมีความสมดุล
ท้ังด้านร่างกาย ความรู คุณธรรม มีจิตสานกึ ในความเปน็ พลเมอื งไทยและเปน็ พลเมืองโลก

ดว้ ยเหตุนี้กรอบสาระการเรยี นรูทองถิ่นจึงถอื เปน็ หนึ่งในกลไกสำคญั ทีจ่ ะตอบสนองนโยบาย
พระราชบัญญตั ิทางการศึกษา กฎหมายและรัฐธรรมนูญแหง่ ราชอาณาจกั รไทย ที่เก่ยี วข้องกับการจัดการศึกษา
กลาวคือ

๑) รัฐธรรมนญู แห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศกั ราช ๒๕๖๐ มาตรา ๕๔ ระบุไววา รัฐต้องดำเนนิ การให้เด็ก
ทกุ คนไดรับการศึกษาเป็นเวลาสิบสองปีต้ังแต่ก่อนวยั เรียนจนจบการศึกษาภาคบังคับอย่างมีคุณภาพโดยไมเก็บ
คา่ ใช้จ่าย รัฐต้องดำเนนิ การให้เดก็ เล็กไดรบั การดแู ลและพัฒนาก่อนเข้ารบั การศกึ ษาตามวรรคหน่ึง เพอ่ื พัฒนาร่างกาย
จติ ใจ วนิ ัย อารมณ์ สงั คม และสติปญั ญาให้สมกับวัย โดยสง่ เสรมิ และสนับสนุนให้องค์กรปกครองสว่ นท้องถ่ิน
และภาคเอกชนเข้ามีส่วนร่วมในการดำเนินการด้วย รัฐต้องดำเนินการให้ประชาชนไดรับการศึกษาตามความต้องการ
ในระบบต่าง ๆ รวมทงั้ สง่ เสริมให้มีการเรยี นรูตลอดชีวิต และจัดให้มีการร่วมมือกันระหว่างรัฐ องค์กรปกครอง
ส่วนทอ้ งถ่ินและภาคเอกชน ในการจดั การศึกษาทุกระดบั โดยรัฐมีหน้าทด่ี ำเนินการกับส่งเสริมและสนบั สนนุ ให้



การจัดการศกึ ษาดังกล่าวมีคณุ ภาพและไดมาตรฐานสากล ทั้งนี้ตามกฎหมายว่าดว้ ยการศึกษาแห่งชาติ ซึ่งอย่าง
นอ้ ยตอ้ งมีบทบญั ญตั ิเกยี่ วกบั การจดั ทำแผนการศกึ ษาแห่งชาติ และการดำเนนิ การและตรวจสอบ การดำเนนิ การ
ให้เป็นไปตามแผนการศึกษาแห่งชาติด้วย การศกึ ษาทั้งปวงต้องม่งุ พัฒนาผู้เรยี นให้เป็นคนดี มีวินัย ภูมใิ จในชาติ
สามารถเช่ียวชาญไดตามความถนัดของตน และมคี วามความรับผดิ ชอบตอ่ ครอบครวั ชมุ ชน สงั คม และประเทศชาติ
ในการดำเนินการให้เด็กเลก็ ไดรับการดูแลและพฒั นาตามวรรคสอง หรือให้ประชาชนไดรับการศกึ ษาตามวรรคสาม
รัฐต้องดำเนนิ การให้ผขู้ าดแคลนทุนทรัพย์ไดรับการสนบั สนนุ คา่ ใชจ้ ่ายในการศกึ ษาตามความถนดั ของตน

๒) พระราชบัญญัติการศึกษาแหง่ ชาติพุทธศักราช ๒๕๔๒ และท่ีแกไขเพ่ิมเติม (ฉบับท่ี ๒) พ.ศ.๒๕๔๕
มาตรา ๗ ระบุว่า กระบวนการเรยี นรูตองมุ่งปลูกจิตสำนึกที่ถูกต้องเกี่ยวกับการเมือง การปกครองในระบอบ
ประชาธปิ ไตยอนั มีพระมหากษัตรยิ ์ทรงเป็นประมขุ รูรักษาและส่งเสรมิ สิทธิ หนา้ ท่ี เสรีภาพ ความเคารพกฎหมาย
ความเสมอภาค และศักด์ิศรคี วามเป็นมนุษย์ มคี วามภาคภูมิใจในความเป็นไทย รูจกั รักษาผลประโยชนสวนรวม
และของประเทศชาติ รวมทงั้ เสรมิ ศาสนา ศิลปวัฒนธรรมของชาติ การกีฬา ภมู ปิ ัญญาท้องถิ่น ภูมปิ ญั ญาไทย และ
ความรู้อนั เป็นสากล ตลอดจนอนุรกั ษ์ทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละส่งิ แวดล้อม ความสามารถในการประกอบอาชีพ
รูจักพง่ึ ตนเอง มคี วามคดิ ริเรม่ิ สร้างสรรค์ ใฝร่ ูและเรยี นรูดว้ ยตนเองอย่างต่อเนือ่ ง

๓) มาตรา ๒๗ ใหค้ ณะกรรมการการศกึ ษาขน้ั พ้ืนฐานกำหนดหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน
เพ่ือความเป็นไทย ความเป็นพลเมืองท่ดี ขี องชาติการดำรงชีวติ และการประกอบอาชพี ตลอดจนเพอ่ื การศึกษาต่อ
ให้สถานศึกษาขน้ั พืน้ ฐาน มีหน้าท่ีจัดทำสาระของหลกั สตู รในส่วนที่เก่ียวกบั สภาพปญั หาในชุมชนและสังคมภูมปิ ัญญาท้องถ่ิน
คณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์ เพอ่ื เปน็ สมาชกิ ทด่ี ขี องครอบครัว ชุมชน สังคม และประเทศชาติ

๔) มาตรา ๓๙ ให้กระทรวงกระจายอำนาจการบริหารและการจัดการศึกษา ทงั้ ด้านวิชาการ งบประมาณ
การบริหารงานบุคคล การบริหารงานทัว่ ไป ไปยังคณะกรรมการและสำนักงานเขตพ้ืนทก่ี ารศกึ ษาและสถานศึกษา
ในเขตพ้ืนทีก่ ารศกึ ษาโดยตรง

๕) พระราชบัญญัติ ระเบียบบริหารราชการกระทรวงศึกษาธิการ พ. ศ.๒๕๔๖ มาตรา ๓๕ ระบุไววา
สถานศกึ ษาท่จี ัดการศึกษาศึกษาข้ันพ้ืนฐานเฉพาะท่ีเป็นโรงเรียนมีฐานะเป็นนิติบุคคล และมาตรา ๓๗ ให้มี
สำนักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษา เพื่อทำหนา้ ท่ีในการดำเนนิ การให้เปน็ ไปตามอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการฯ และ
ให้มอี ำนาจหนา้ ที่เก่ยี วกบั การศึกษาตามทก่ี ำหนดไวในกฎหมายนี้ หรอื กฎหมายอนื่ และมีอำนาจหน้าที่ดังน้ี

(๑) อำนาจหน้าท่ีในการบรหิ ารและจัดการศกึ ษาและพัฒนาสาระของหลักสูตรการศกึ ษาให้สอดคลอง
กบั หลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาขั้นพน้ื ฐานของสำนกั งานคณะกรรมการการศึกษาขนั้ พน้ื ฐาน

(๒) อำนาจหน้าที่ในการพฒั นางานดา้ นวิชาการและจดั ใหม้ ีระบบประกนั คณุ ภาพภายในสถานศึกษา
ร่วมกันกับสถานศกึ ษา



นอกจากนนั้ ระเบยี บกระทรวงศกึ ษาธิการว่าดว้ ยคณะกรรมการการบริหารหลักสูตรและงานวิชาการ
สถานศึกษาขั้นพ้ืนฐาน พ.ศ. ๒๕๔๔ ข้อ ๕ ระบุวา่ ให้มีคณะกรรมการคณะหน่ึงเรียกว่า “คณะกรรมการบริหาร
หลักสูตร และงา นวิชา การ สถาน ศึกษา” อยู่ภา ยใต้คณะกร รมการ สถาน ศึกษาข้ันพ้ืน ฐาน และข้ อ ๖
ให้คณะกรรมการมีหนา้ ที่ดังตอ่ ไปน้ี วางแผนดำเนนิ งานวิชาการ กำหนดสาระรายละเอียดของหลักสูตรระดับ
สถานศึกษา แนวการจัดสัดส่วนสาระการเรียนรู้ และกิจกรรมพัฒนาผู้เรยี น ของสถานศึกษาให้สอดคล้อง
กบั หลกั สูตรการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน สภาพเศรษฐกจิ สังคม ศลิ ปวฒั นธรรม ภูมิปัญญาท้องถนิ่

แนวทางการดำเนินงานจดั ทำกรอบสาระการเรียนรทู้ ้องถน่ิ

การกำหนดกรอบเนื้อหาสาระการเรยี นรู้ท้องถ่นิ เพ่ือให้สถานศึกษานำไปใช้จดั ประสบการณ์ให้ผเู้ รียน
ได้เรียนรู้เกี่ยวกับท้องถิ่นของตนเอง ทั้งในด้านความสำคัญ ประวัติความเป็นมา สภาพภูมิประเทศ ภูมิอากาศ สภาพ
เศรษฐกิจ สังคม การดำรงชีวิต การประกอบอาชีพ ศลิ ปวัฒนธรรม ประเพณี ภูมิปัญญา ฯลฯ ตลอดจนสภาพ
ปญั หาในชุมชนและสังคมนัน้ ๆ อันจะทำให้ผู้เรียนเกิดความรัก ความผกู พัน มีความภาคภูมใิ จ ในท้องถ่นิ ของตน ยินดี
ทจ่ี ะร่วมสืบสานพัฒนาหรอื แก้ไขปญั หาของทอ้ งถนิ่ นนั้ มีขอ้ เสนอแนะแนวทางการดำเนินงานท่สี ำคัญ ดังน้ี

การดำเนินงานของส่วนกลาง

กระทรวงศึกษาธกิ ารโดยสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพนื้ ฐานเป็นหน่วยงานในส่วนกลางมีภารกจิ
สำคญั ในการจัดและส่งเสริมการศึกษาขั้นพ้ืนฐานโดยมหี น้าท่ใี นการจดั ทำนโยบายและจัดทำหลกั สตู รแกนกลาง
การศกึ ษาข้นั พืน้ ฐาน ซึ่งไดก้ ำหนดจุดหมายของหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพืน้ ฐาน พ.ศ. ๒๕๕๑ เพอื่ ให้ผเู้ รียน
ได้เรยี นรู้เก่ยี วกบั ทอ้ งถ่ินโดยกำหนดคณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์ ให้ผ้เู รียนรักประเทศชาติ รักท้องถนิ่ มงุ่ ทำประโยชน์
สร้างส่งิ ดีงามให้สังคม มีจติ สำนกึ ในการอนุรักษ์ภาษาไทย ศลิ ปวัฒนธรรม ประเพณี กีฬา ภูมปิ ญั ญาไทย ทรพั ยากรธรรมชาติ
และสิ่งแวดลอ้ ม ซ่ึงสำนักงานเขตพน้ื ทก่ี ารศกึ ษา สถานศึกษา หนว่ ยงานที่เกยี่ วข้อง จะตอ้ งนำหลกั สตู รแกนกลาง
การศึกษาขั้นพ้ืนฐาน พ.ศ. ๒๕๕๑ ไปใช้จดั การศกึ ษาขั้นพ้ืนฐานให้บรรลุตามจุดหมายและมาตรฐานการเรียนรู้ที่
กำหนดไว้

การดำเนนิ งานระดบั เขตพื้นทก่ี ารศกึ ษา

พระราชบัญญัติ ระเบียบบริหารราชการกระทรวงศึกษาธิการ พ.ศ.๒๕๔๖ กำหนดให้สำนกั งานเขตพ้ืนท่ี
การศึกษามีหน้าท่ีในการบรหิ ารจัดการศึกษาและพัฒนาสาระของหลักสูตรการศึกษาให้สอดคล้องกบั หลักสูตร
แกนกลางการศึกษาขั้นพน้ื ฐาน รวมทั้งมีหน้าท่ีในการพัฒนางานด้านวิ ชาการร่วมกบั สถานศึกษา สำนกั งานเขต
พืน้ ท่ีการศึกษา ควรจัดทำ “กรอบสาระการเรียนร้ทู ้องถิ่น” ในระดับเขตพ้ืนที่ เพอ่ื ให้สถานศึกษานำไปจดั ทำ
รายละเอียดของเนอื้ หาองค์ความรู้ที่เกยี่ วกับท้องถิ่นให้เหมาะสมกับสภาพของสถานศึกษาและนำไปสู่การปฏิบัติ



จรงิ โดยกระบวนการพัฒนากรอบหลกั สตู รระดบั ท้องถ่นิ ของเขตพนื้ ท่ีการศึกษาสตลู ไดก้ ำหนดกระบวนการพัฒนา
ดังต่อไปน้ี

๑. ดำเนนิ งานในรปู คณะกรรมการ องค์ประกอบของคณะกรรมการ ประกอบด้วย ผู้บริหารการศึกษา
ศกึ ษานิเทศก์ ครู ผ้นู ำชุมชน ผู้ทรงคณุ วุฒิที่มคี วามรู้ ประสบการณ์ หลากหลายสาขา เช่น มีความรู้เก่ียวกับ
วสิ ัยทศั น์ กลุ่มจงั หวัด มคี วามเข้าใจเก่ียวกับท้องถิ่น ภมู ิปัญญา ปัญหาชุมชน มีวสิ ัยทศั น์กว้างไกล มุ่งม่นั และเห็น
ความสำคญั ของการจัดการศึกษา มคี วามรู้ดา้ นจติ วิทยาและพัฒนาการเด็ก มีความรู้ความเข้าใจเก่ยี วกบั หลักสูตร
การเรยี นการสอน การวดั และประเมนิ ผล ฯลฯ และได้ร่วมกันกำหนดกรอบสาระการเรียนร้ทู ้องถิ่น ให้เหมาะสม
ทันสมัย เปน็ ประโยชน์ตอ่ การพัฒนาคุณภาพการศึกษาของผูเ้ รยี นในเขตพื้นท่ี สอดคล้องกับมาตรฐานการเรียนรู้
การศึกษาข้นั พื้นฐานอยา่ งแท้จริง

๒. ศึกษา/วเิ คราะห์หลักสูตรการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน คณะกรรมการจัดทำกรอบสาระการเรยี นรู้ท้องถ่ิน
ได้ทำการศกึ ษา/วเิ คราะหห์ ลักสูตรการศึกษาขน้ั พ้ืนฐาน ซ่งึ ครอบคลุมท้ังมาตรฐานการเรียนรู้การศกึ ษาขั้นพ้ืนฐาน
มาตรฐานการเรียนรู้ช่วงช้ัน และสาระการเรียนรู้ช้ันปีของกลุ่มสาระการเรียนรู้ต่าง ๆ ตามหลักสูตรการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน
เพ่ือจะไดท้ ราบถึงขอบขา่ ยของการกำหนดกรอบสาระการเรยี นรู้ท้องถ่ิน

๓. ศึกษา/วิเคราะห์ข้อมูลสารสนเทศของท้องถิ่น ซ่ึงคณะกรรมการได้ศึกษาวิเคราะห์/สังเคราะห์
ขอ้ มูลสารสนเทศของท้องถิ่น ครอบคลุมทั้งวิสัยทัศน์กลุ่มจังหวดั /จังหวัด ความส ำคัญ ประวัติความเป็นมา
สภาพภูมิประเทศ ภูมิอากาศ สภาพเศรษฐกจิ สงั คม วถิ กี ารดำรงชีวิต ศลิ ปวัฒนธรรม ประเพณี ภูมิปัญญาทอ้ งถ่ิน
สภาพปัญหาในชุมชนและสังคมน้นั ๆ รวมทั้งศึกษาวิเคราะห์และสังเคราะห์ข้อมูลจุดเน้นหรือขอ้ มลู ประเด็นท่ีสถานศกึ ษา
ในเขตพ้ืนท่ีให้ความสำคัญ แล้วนำข้อมูลท่ีได้มาท้งั หมดใชเ้ ป็นข้อมลู พ้นื ฐานในการจัดทำกรอบสาระการเรียนรู้
ทอ้ งถน่ิ

๔. กำหนดกรอบสาระเรยี นรทู้ ้องถน่ิ เมื่อคณะกรรมการได้วเิ คราะห์/สังเคราะห์ และทราบถึงขอบขา่ ย
ของการกำหนดกรอบสาระการเรียนรูท้ ้องถ่ินจากหลักสูตรการศึกษาขั้นพน้ื ฐาน รวมท้ังขอ้ มลู สารสนเทศของ
ทอ้ งถิ่นและสถานศึกษาแลว้ จึงรว่ มกันกำหนดกรอบสาระการเรียนรู้ท้องถน่ิ ให้เหมาะสม ซึง่ มีความยืดหยุ่น
สถานศึกษาสามารถนำไปกำหนดรายละเอยี ดของเน้ือหาองคค์ วามรู้ที่เก่ียวกบั ท้องถ่ินได้ง่ายและสอดคล้อง กับ
จดุ เน้นของสถานศึกษา

๕. สอบถามและรับฟังความคิดเห็นจากผู้เก่ียวข้อง เม่ือจัดทำกรอบสาระเรียนรู้ท้องถิ่นเสร็จแล้ว นำไปรับฟัง
ความคิดเห็นจากบุคคลท่ีเก่ยี วข้องในท้องถน่ิ เช่น ผู้ทรงคุณวฒุ ิ ผ้บู รหิ ารการศกึ ษา ผู้บริหาร สถานศกึ ษา ครู
ศึกษานิเทศก์ ผปู้ กครอง นกั เรยี น ผู้นำชุมชน ตลอดจนผูเ้ กี่ยวขอ้ งต่าง ๆ เพื่อตรวจสอบความสมบูรณ์ ก่อนที่จะนำไปปรับปรุง
และให้สถานศกึ ษานำไปจดั ทำรายละเอียดสาระการเรยี นร้ทู ้องถน่ิ ของสถานศกึ ษาต่อไป

๖. เผยแพรแ่ ละประชาสัมพันธ์กรอบสาระการเรียนรูท้ ้องถ่ิน หลงั จากปรับปรงุ กรอบสาระการเรียนรู้
ท้องถิ่นให้สมบูรณ์แล้ว สำนักงานเขตพ้ืนที่การศึกษาจะเผยแพร่ประชาสัมพันธ์กรอบสาระการเรียนรู้ท้องถิ่น
ให้สถานศกึ ษาทุกแห่งในเขตพ้ืนท่ีได้ทราบและนำไปเป็นกรอบจัดทำรายละเอยี ดของเน้ือหาการเรียนร้ทู ้องถ่ิน
ของสถานศึกษาอยา่ งเหมาะสม



๗. นเิ ทศ กำกับ ติดตามและประเมนิ ผลหลังจากสถานศึกษา ได้นำกรอบสาระการเรียนรู้ท้องถิ่น
ไปจัดทำรายละเอียดของเน้ือหาองคค์ วามรู้ทเ่ี ก่ยี วกับทอ้ งถิ่นและจัดประสบการณก์ ารเรียนรู้ให้เกิดข้นึ กบั ผเู้ รียนแล้ว
สำนักงานเขตพ้ืนที่การศึกษาจะดำเนินการนิเทศ ติดตาม กำกับ และประเมนิ ผลการจัดประสบการณ์การเรยี นรู้
เก่ียวกบั ทอ้ งถ่ินของสถานศึกษารวมทั้งติดตามประเมนิ ผลคณุ ภาพของผู้เรียนว่าเป็นไปตามมาตรฐานการเรียนรู้
หรอื ไม่ และนำผลการประเมินมาใชใ้ นการวางแผน ปรบั ปรุงและพฒั นาคุณภาพการศึกษาต่อไป

กรอบสาระการเรียนรู้ท้องถ่ินของสำนักงานเขตพ้ืนท่ีการศกึ ษา จะได้มีการทบทวนและปรับปรุงพัฒนา
ทุกระยะ ๓–๕ ปีหรือตามระยะเวลาท่ีคณะกรรมการฯ เห็นสมควรเพื่อให้มีความทันสมัยเหมาะสมกับสภาวะ
แวดลอ้ มและสภาวะของสังคมวฒั นธรรมที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา



แผนภูมิแนวทางการดำเนินงานระดบั เขตพน้ื ท่ีการศึกษา
แตง่ ตั้งคณะกรรมการจดั ทำกรอบสาระการเรียนรู้ทอ้ งถิ่น

ศกึ ษาวิเคราะห์นโยบายรฐั บาล / ข้อมูลสารสนเทศ ศึกษาวเิ คราะหห์ ลักสูตรแกนกลางการศกึ ษา
ของทอ้ งถนิ่ / ปญั หาและส่งิ ทีค่ วรพฒั นา ข้นั พืน้ ฐาน พุทธศักราช 2551

กำหนดกรอบหลกั สตู รระดับท้องถน่ิ
ประชาพิจารณ์ / รบั ฟังความคิดเหน็ จากผูเ้ ก่ยี วข้อง / ปรบั ปรุง

เผยแพร่ประชาสัมพันธ์กรอบหลักสูตรระดับทอ้ งถ่นิ

นิเทศ / กำกับ / ตดิ ตาม / ประเมินผล
การจดั การเรียนรู้สาระการเรยี นร้ทู ้องถน่ิ

แลกเปลยี่ นเรยี นรู้

การดำเนินงานของสถานศึกษา

เปน็ หน่วยงานระดับปฏิบัติการท่ีจะตอ้ งนำกรอบสาระการเรยี นรู้ทอ้ งถ่ินทีส่ ำนักงานเขตพื้นท่กี ารศึกษา
เป็นผู้จดั ทำนำไปสู่การปฏบิ ัติให้เป็นรูปธรรม เพ่ือให้ผู้เรียนได้เรียนรู้เกี่ยวกับท้องถ่ินของตนเอง เกิดความรกั ความ
ผกู พนั และมีความภาคภมู ใิ จในทอ้ งถ่ิน สถานศึกษาจงึ ต้องนำกรอบสาระการเรียนรู้ท้องถิ่น มาจดั ทำรายละเอยี ด
ของเน้ือหา องค์ความรู้ท่ีเกี่ยวกับท้องถน่ิ ให้เหมาะสมกบั บริบทของสถานศกึ ษาและสภาพชุมชนนั้น ๆ ได้กำหนด
กระบวนการพัฒนาดังต่อไปนี้

๑. แต่งตง้ั คณะกรรมการ/คณะทำงาน คณะกรรมการชุดน้ีควรประกอบด้วย ผู้บริหารส่วนราชการระดับ
ทอ้ งถน่ิ ผบู้ ริหารสถานศกึ ษาในท้องถน่ิ ครผู สู้ อน ผแู้ ทนชมุ ชน



๒. วเิ คราะห์สังเคราะห์ข้อมูลจากเอกสารและแหล่งข้อมูลต่าง ๆ อาทิ หลักสูตรแกนกลางการศึกษา
ขน้ั พืน้ ฐานพทุ ธศักราช ๒๕๕๑ รวมท้ังศกึ ษาสภาพแนวโนม้ การเปลี่ยนแปลงบรบิ ท สภาพปัญหาความตอ้ งการ
ของท้องถิน่ ชุมชน ผลสมั ฤทธ์ิทางการเรียนของผู้เรียนในพน้ื ท่ี เปน็ ตน้

๓. ดำเนนิ การจัดทำกรอบหลักสูตรระดบั ท้องถน่ิ ในการดำเนินการจัดทำกรอบหลกั สูตรระดบั ท้องถิ่น ให้มีคณุ ภาพ
จะต้องมกี ารวางแผนงานทช่ี ดั เจน เพือ่ ให้เห็นภาพการทำงานตลอดแนวดว้ ยกระบวนการทำงานแบบมีส่วนรว่ ม

๔. รับฟงั ความคดิ เหน็ จากผู้เกีย่ วข้อง อาทิ ครูผสู้ อน ผู้ปกครอง ปราชญใ์ นชมุ ชนและหนว่ ยงานธุรกจิ ฯลฯ
เพ่ือนำขอ้ คิดเห็นจากฝ่ายตา่ ง ๆ มาปรับปรุงกรอบหลักสูตรให้มคี วามเหมาะสมชดั เจนยิง่ ขึ้น

๕. เสนอคณะกรรมการสถานศกึ ษาขัน้ พื้นฐานเพอ่ื ให้ความเห็นชอบ

แผนภมู ิแนวทางการดำเนนิ งานระดับสถานศึกษา

แตง่ ต้ังคณะกรรมการจดั ทำสาระการ
เรยี นรูท้ อ้ งถน่ิ

วิเคราะห์กรอบหลกั สูตร ศกึ ษาวิเคราะห์ข้อมลู ศกึ ษาวิเคราะหห์ ลกั สูตรแกนกลาง
ระดบั ท้องถน่ิ สารสนเทศชมุ ชน การศกึ ษาขน้ั พื้นฐาน พุทธศักราช 2551

จัดทำรายละเอียดสาระการเรยี นรู้
ท้องถน่ิ ของสถานศกึ ษา

คำอธิบายรายวชิ า หนว่ ยการเรยี นรู้ แผนการเรียนรู้
ประเมนิ ผลการเรียนการสอน / ปรับปรุง

องค์ประกอบสำคัญของกรอบสาระการเรยี นรู้ระดับท้องถ่ิน

ประกอบดว้ ย
๑. เป้าหมาย/จุดเนน้ ของเขตพน้ื ท่ีการศึกษา/หน่วยงานระดบั ท้องถนิ่ เปน็ หน่วยงานสำคญั ที่จะช่วยขับเคล่อื น

การจัดการศึกษาของสถานศึกษาภายในเขต/ท้องถิน่ เพือ่ ให้สามารถพัฒนาผู้เรยี นให้บรรลคุ ุณภาพ

ตามมาตรฐานการเรียนรู้ตามหลักสูตรแกนกลางและผู้เรียนได้มโี อกาสเรยี นรู้ในเร่ืองเกี่ยวกับชุมชนท้องถิ่น
ในการจัดการศึกษาให้บรรลุผลดังกลา่ ว เขตพ้ืนที่การศึกษาอาจกำหนดเป้าหมาย/จุดเน้นที่ต้องการให้เดน่ ชัด



เป็นการเฉพาะเพื่อให้สถานศกึ ษาได้เล็งเห็นทิศทางในการพัฒนาการศกึ ษาในท้องถ่ิน เช่น การพฒั นาด้านการคิด
วเิ คราะห์ เป็นต้น เปา้ หมาย/จุดเนน้ นั้นควรกำหนดเป็นคณุ ภาพที่ตอ้ งการให้เกดิ ขนึ้ ในตวั ผู้เรยี นมคิ วรกำหนดในสิ่ง
ท่กี อ่ ให้เกดิ ข้อจำกดั ต่อการจดั การเรยี นการสอนในระดบั สถานศกึ ษา

๒. สาระการเรียนรู้ท้องถ่ิน เป็น ส่วนที่ให้ข้อมูลเกี่ยวกับหัวข้อ/ประเด็น สำคัญที่ผู้เรียนในท้องถิ่น
ควรเรียน รู้หรือได้รับการปลูกฝังในฐานะท่ีเป็น สมาชิกของชุมชนนั้น เพ่ือให้เกิดความรักความภาคภูมิใจ
และต้องการมีส่วนร่วมในการอนุรักษส์ ภาพแวดล้อมภมู ปิ ัญญาท้องถิ่น สภาพแวดลอ้ มในท้องถิ่นการกำหนดสาระ
การเรยี นรทู้ อ้ งถ่ินควรกำหนดในขอบเขตประเด็นสำคัญ พร้อมทั้งมคี ำอธิบายประกอบในแต่ละประเด็นพอสังเขป
เพ่ือครูผู้สอนใช้เป็นแนวทางในการจัดให้ผู้เรียนได้เรียนรู้ในเรื่องเก่ียวกับท้องถ่ิน เช่น ประวตั ิความเป็น มา
ของทอ้ งถ่ิน สภาพภูมิอากาศ ภมู ิประเทศ เศรษฐกิจ สังคม วิถีชีวติ ศลิ ปวฒั นธรรม ประเพณี ภูมิปญั ญาท้องถ่ิน
สภาพปัญหาและเหตกุ ารณ์สำคัญในชมุ ชนและสังคมนัน้ ๆ รวมทั้งขอ้ มลู แนวโนม้ การพัฒนาท้องถน่ิ เป็นต้น

การจัดทำสาระการเรยี นรู้ท้องถิ่น อาจได้จากการวิเคราะห์รวบรวมข้อมูลจากแหล่งต่าง ๆ เช่น
วิเคราะห์มาตรฐานการเรียนรู้และตัวชว้ี ัดของกลุ่มสาระการเรยี นรู้ท้ัง ๘ กลมุ่ สาระตามหลกั สูตรแกนกลาง ในส่วนท่เี กยี่ วข้อง
กับชุมชนและท้องถ่นิ รวมทั้งขอ้ มูลจากการศกึ ษาสำรวจสภาพปัญหาการเปล่ียนแปลงต่าง ๆ ท่ีเกิดขน้ึ ในสงั คม/
ชมุ ชนเพอ่ื นำมาสังเคราะหจ์ ัดเป็นหมวดหมู่ เพ่ือสถานศึกษาใชเ้ ปน็ แนวทางในการจัดการเรยี นรู้ตอ่ ไป

การจัดทำหลักสตู รโดยเฉพาะในส่วนท่เี กย่ี วกบั ท้องถิ่นน้ันส่งิ ท่ีควรทำความเข้าใจให้ตรงกนั คือ
๑. หลักสตู รทีใ่ ช้ในการจดั การเรยี นการสอนในระดบั สถานศึกษาคอื “หลกั สตู รสถานศึกษา”
๒. สิง่ ที่ผูเ้ รยี นต้องเรียนรู้เกีย่ วกับทอ้ งถนิ่ สามารถสอดแทรกเข้าไปในรายวิชาพ้นื ฐานทั้ง ๘ กล่มุ สาระการ
เรยี นรไู้ ด้หรือหากสถานศึกษาเห็นว่ามีสิ่งสำคญั ท่ีต้องการจะเน้นและแยกสอนเปน็ การเฉพาะ เช่น การสอนจกั สาน
เพ่ืออนุรกั ษภ์ ูมิปัญญาท้องถ่นิ ก็สามารถเปิดเป็นรายวชิ าเพมิ่ เติมได้ แต่ไม่ว่าจะเป็นลกั ษณะใดก็อยู่ในหลักสูตร
สถานศึกษาท้ังสิ้น มิใช่แยกเป็นหลักสูตรสถานศึกษาและหลักสูตรท้องถิ่นจากกัน เพราะการกระจายอำนาจ
ให้โรงเรียนจัดทำหลักสูตรสถานศึกษาก็เพ่ือให้สอดคล้องกบั สภาพและความต้องการของท้องถ่ิน ซึ่งมีลักษณะ
แตกต่างกันไป
๓. กรอบสาระการเรียนรูท้ ้องถ่ินท่ีเขตพื้นทก่ี ารศึกษาหรือหนว่ ยงานทรี่ ับผิดชอบในระดบั ทอ้ งถิ่นจดั ทำนั้น
เปน็ กรอบแนวทางกว้าง ๆ ทร่ี ะบุเป้าหมาย/จดุ เน้นของทอ้ งถน่ิ สาระการเรียนรู้หรอื เรอ่ื งต่าง ๆ เก่ียวกับท้องถ่ิน
และแนวทางการประเมนิ คุณภาพผ้เู รียนในท้องถ่ิน สถานศึกษาสามารถนำไปเปน็ แนวทางจัดการเรียนการสอน
เพื่อให้ผเู้ รยี นได้มีความรู้ความเข้าใจเร่ืองเหล่าน้ันในฐานะที่เป็นสมาชิกในสงั คมน้ัน ๆ ในเอกสารกรอบสาระ
การเรียนรทู้ ้องถ่ิน นำเสนอเป็นเพียงแนวทางและตวั อย่างของรายวิชาเพิ่มเติมเกย่ี วกับ ท้องถิ่นได้ มิใช่ส่ิงที่
กำหนดให้โรงเรยี นต้องสอน

ท่ีมากรอบสาระการเรยี นรู้ทอ้ งถิ่นของสำนกั งานเขตพ้นื ท่กี ารศึกษาประถมศึกษาสตูล

ท้องถิ่น หมายถึง บริเวณสถานที่รวมท้ังสภาพแวดล้อมและสังคมวัฒนธรรมท่ีนักเรยี น ส่วนมาก
เก่ียวขอ้ งคุ้นเคย มขี อบข่ายครอบคลุมทงั้ หมูบ่ ้าน ตำบล อำเภอ จังหวัด กลุ่มจงั หวัดและภูมภิ าคของทอ้ งถนิ่

๑๐

กรอบสาระการเรียนรู้ท้องถิน่ หมายถึง ขอบข่ายเนื้อหาการเรียนรู้ท่ีสำนักงานเขตพ้ืนที่การศกึ ษา
ประถมศึกษาสตูล วิเคราะห์และกำหนดขึ้น เพื่อให้สถานศึกษาใช้เป็นแนวทางในการจัดให้ผู้เรียน ได้เรียนรู้ตามสภาพ
ความพร้อม ความต้องการของสถานศกึ ษา โดยมวี ัตถปุ ระสงค์ดังตอ่ ไปน้ี

๑. เพ่ือให้มีโอกาสเรยี นรู้เรือ่ งราวของชมุ ชน ทอ้ งถ่ิน ซง่ึ เปน็ สภาพแวดล้อมในชวี ิตจรงิ ของตนเอง
๒. เพื่อให้เกดิ ความรกั ผกู พนั กบั ท้องถ่ิน
๓. เพื่อให้มคี วามภาคภมู ิใจในบ้านเกดิ เมืองนอน
๔. เพื่อให้สามารถแก้ปัญหา พฒั นาชีวิตตนเอง พัฒนาอาชีพ ครอบครัว และสังคมของตนเอง ผู้เรยี น
ควรได้เรียนรู้ในประเด็น ประวัตคิ วามเป็นมาของท้องถิ่น ภูมอิ ากาศ ภูมิประเทศ ทรัพยากร สง่ิ แวดลอ้ ม เศรษฐกิจ
สังคม การเมือง การประกอบอาชีพ วิถีชวี ิต ศิลปวัฒนธรรม ประเพณี ภูมิปัญญา โบราณสถาน โบราณวัตถุ
สถานศกึ ษา บุคคลสำคัญ สภาพปัญหา เหตกุ ารณ์สำคัญ เปน็ ต้น

คำขวัญจังหวดั สตลู
“สตูลสงบ สะอาด ธรรมชาตบรสิ ทุ ธ์ิ”

วสิ ัยทศั น์สำนกั งานเขตพ้ืนทกี่ ารศึกษาประถมศึกษาสตูล
“พฒั นาศักยภาพ ครู บุคลากร และผูเ้ รยี น ส่ศู ตวรรษท่ี 21”

ค่านยิ ม
“รวดเร็ว ถูกต้อง โปรง่ ใส ใสใ่ จบรกิ าร มมี าตรฐาน สานฝันสคู่ วามเปน็ เลศิ ”

๑๑

ส่วนที่ 2
เป้าหมายและจุดเน้นการพฒั นา

สำนักงานเขตพน้ื ทกี่ ารศกึ ษาประถมศกึ ษาสตูล มีทศิ ทางการส่งเสรมิ การพัฒนาการศึกษาของท้องถ่ิน
เพอ่ื ให้ผู้เรยี นมคี ณุ ภาพตามมาตรฐานการเรียนรู้ของหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขนั้ พ้ืนฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑
และความตอ้ งการของท้องถ่ิน โดยระบถุ ึงความรู้ ทกั ษะ กระบวนการ และคณุ ลกั ษณะที่ต้องการพัฒนา ใหเ้ กิดข้ึน
ในผ้เู รยี น โดยจดุ เนน้ เป็นความรู้ ทักษะ กระบวนการ และคุณลกั ษณะที่ทอ้ งถิ่นตระหนัก สนใจหรอื ใหค้ วามสำคัญ
ในการแกป้ ญั หาและหรอื พฒั นาเป็นพเิ ศษ เพ่อื ให้ผเู้ รียนบรรลุตามเป้าหมายท่ีกำหนดไว้ซ่งึ เปา้ หมาย และจุดเน้น
ไดม้ าจากการศกึ ษา วิเคราะห์ สงั เคราะหข์ อ้ มูลสารสนเทศ สภาพปจั จบุ ัน ปญั หาและความต้องการของท้องถ่ิน
และจากการระดมความคิดเห็นของผมู้ ีส่วนได้สว่ นเสยี โดยเนน้ การมสี ่วนร่วม

วิสัยทัศน์
หลักสตู รระดับท้องถิ่นเขตพ้ืนที่การศึกษาประถมศึกษาสตูล มุ่งพฒั นาผู้เรียน ทุกคนให้มีคุณภา พ

ตามมาตรฐานการเรียนร้ตู ามหลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาขนั้ พื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ (ฉบบั ปรบั ปรงุ ๒๕๖๐)
และมีความสามารถ ทักษะ เจตคติทด่ี ี ในการสืบสานศิลปวฒั นธรรม ประเพณี ภมู ิปญั ญาไทย ภมู ปิ ัญญาท้องถ่ิน
ที่เป็นเอกลักษณข์ องจังหวดั สตูล การใชส้ ือ่ เทคโนโลยเี พื่อการเรียนรู้ การทำงานเกีย่ วกบั อาชีพการเกษตรเพื่อการดำรงชีวิต
การอนุรกั ษ์พัฒนาสิง่ แวดล้อมในโรงเรียน ชุมชนและทอ้ งถิน่ มีความตระหนักในบทบาท เห็นความสำคญั รว่ มกัน
อนรุ กั ษ์มรดกอุทยานทางธรณีวิทยาและอุทยานธรณสี ตูล (Satun UNESCO Global Geopark) โดยมุ่งเนน้ ผู้เรียน
เปน็ สำคัญบนพื้นฐานความเชื่อว่าทกุ คนสามารถเรยี นรแู้ ละพฒั นาตนเองไดเ้ ตม็ ตามศกั ยภาพ

จุดเน้น/เป้าหมายการพัฒนาคณุ ภาพผู้เรียน
๑. มุ่งพัฒนาผู้เรียนให้มีคุณภาพตามมาตรฐานการเรียนรู้ตามหลักสูตรการศึกษาขั้นพืน้ ฐาน

พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑
๒. มุ่งเน้นการพัฒนาใหผ้ ู้เรยี นได้เรียนรู้ ชื่นชม สืบสาน สร้างสรรค์ และปลูกฝังความรกั ภาคภูมิใจ

เกย่ี วกบั ศลิ ปะ วัฒนธรรม ประเพณี ภูมิปญั ญาไทย และภูมิปญั ญาท้องถ่นิ ทเ่ี ปน็ เอกลกั ษณ์ของจงั หวดั สตลู
๓. ส่งเสริมความสามารถ ทักษะพืน้ ฐาน เจตคติทด่ี ใี นการใช้สือ่ และเทคโนโลยเี พื่อการเรยี นรกู้ ารทำงานเกย่ี วกับ

อาชพี การเกษตรเพื่อการดำรงชวี ิตและครอบครวั โดยยดึ หลักปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียง
๔. ส่งเสรมิ การปลกู ฝงั จิตสำนกึ ทดี่ ีเกย่ี วกับการอนุรกั ษ์พัฒนาสง่ิ แวดลอ้ มในโรงเรียน ชมุ ชน และท้องถนิ่
๕. ส่งเสริมการปลูกฝงั จติ สำนกึ ท่ดี ีเก่ียวกบั การอนุรกั ษม์ รดกอทุ ยานทางธรณีวิทยาและอทุ ยานธรณีสตูล

(Satun UNESCO Global Geopark)

๑๒

กรอบสาระการเรยี นร้รู ะดบั ท้องถนิ่ สตลู ประกอบด้วย
สาระที่ ๑ ประวัติศาสตร์เมอื งสตลู
สาระที่ ๒ สภาพภูมิศาสตร์ ทรพั ยากรทางธรรมชาติและสง่ิ แวดล้อมจังหวัด
สาระที่ ๓ ประชากร การปกครอง และการศกึ ษา
สาระที่ ๔ ศลิ ปะ วฒั นธรรมและประเพณจี งั หวดั สตูล
สาระที่ ๕ ภูมปิ ญั ญาและเทคโนโลยีท้องถ่ิน
สาระที่ ๖ ภาษาเพอื่ การส่ือสาร
สาระที่ ๗ สถานที่สำคญั และแหล่งท่องเที่ยวของจงั หวัดสตลู
สาระท่ี ๘ อุทยานทางธรณวี ทิ ยาและอุทยานธรณีสตูล (Satun UNESCO Global Geopark)

๑๓

สว่ นท่ี ๓

กรอบสาระการเรยี นรู้ระดับทอ้ งถ่ินสตูล

กรอบสาระการเรยี นรู้ระดบั ท้องถ่นิ สตูล เป็นรายละเอยี ดของขอ้ มลู สารสนเทศ รวมทัง้ เนื้อหาองค์ความรู้
ท่ีเก่ยี วกับท้องถน่ิ ในดา้ นต่าง ๆ เชน่ สภาพภูมิประเทศ ภูมอิ ากาศ ทรัพยากร ส่งิ แวดล้อม ประวัติความเป็น มา
สภาพเศรษฐกจิ สงั คม การดำรงชวี ติ ศลิ ปะวัฒนธรรม ประเพณี ภมู ิปัญญา อาชีพ ฯลฯ ตลอดจนสภาพปญั หาและ
สง่ิ ที่ควรได้รับการถา่ ยทอดพัฒนาในชุมชนและสังคมน้ัน ๆ ทส่ี ถานศกึ ษาได้กำหนดขน้ึ เพ่ือจะนำไปใช้ให้ผู้เรียน
ไดเ้ รยี นร้เู กีย่ วกับท้องถ่ินของตนเอง

สำนักงานเขตพื้นท่ีการศกึ ษาประถมศึกษาสตูล จึงได้กำหนดสาระการเรียนรูร้ ะดับท้องถ่ิน เพ่ือให้
สถานศกึ ษานำไปใช้ในการจัดทำหลักสูตรสถานศึกษาให้สอดคลอ้ งกับสภาพปญั หาและความต้องการของท้องถ่ิน
รวมท้ังจัดการเรยี นการสอนเพื่อพัฒนาเด็กและเยาวชนในระดับการศกึ ษาขัน้ พน้ื ฐาน ใหม้ ีคุณภาพ ความสามารถ
ทกั ษะ เจตคตทิ ่ีดสี ำหรับนำไปใชใ้ นการดำรงชีวิตในสังคมที่มีการเปล่ียนแปลงและแสวงหาความรใู้ นการ พัฒนา
ตนเองอยา่ งต่อเนื่อง

กรอบสาระการเรยี นรู้ระดบั ท้องถ่ินสตลู ประกอบด้วยสาระการเรยี นรู้ ๘ สาระ ดังนี้
สาระท่ี ๑ ประวตั ิศาสตรเ์ มอื งสตูล
ความหมาย ความสำคญั ความเป็นมาของเมอื งสตูล หมู่บ้าน ชมุ ชน เหตกุ ารณส์ ำคญั และบุคคลสำคัญ
ของเมอื งสตูล แหลง่ เรยี นรู้ท่ีสำคญั ที่สามารถศึกษาเรยี นรูไ้ ด้ คอื
๑. หนังสือที่เกีย่ วข้องกับประวัติความเป็นมาของเมืองสตูล เช่น รวมเรื่อง เมืองสตูล เขียนโดย
นายบญุ เสริม ฤทธาภิรมย์ บันทกึ จดหมายเหตุ พระยาภูมนิ ารถภกั ดี พ.ศ.๒๔๓๙ - ๒๔๔๓
๒. สำนกั งานวัฒนธรรมจงั หวดั สตลู พ.ศ. ๒๕๕๐
๓. สือ่ อเิ ลคทรอนคิ ส์ อินเตอร์เนต็ เช่น เว็บไซด์ของสำนกั งานวฒั นธรรมจังหวดั สตลู
๔. พิพธิ ภณั ฑ์สถานแห่งชาติคฤหาสน์กเู ด็น
๕. พิพิธภัณฑ์ประจำอำเภอ หม่บู ้าน รวมถึงห้องสมุดต่าง ๆ
๖. บุคคลท่ีมีความรทู้ างด้านประวัติ ความเปน็ มาของเมืองสตูลในท้องถิ่น บคุ คลทมี่ คี ุณปู การต่อจงั หวัดสตูล
สาระท่ี ๒ สภาพภูมิศาสตร์ ทรพั ยากรทางธรรมชาติและสิ่งแวดลอ้ มจงั หวดั สตูล
สภาพภมู ิศาสตร์ ประกอบด้วย
๑. ทต่ี งั้ ขนาด และอาณาเขต

๑.๑ ลกั ษณะภมู ิประเทศ
๑.๑.๑ ภูเขา
๑.๑.๒ แหลง่ นำ้ สำคัญ

๑๔

๑.๑.๓ เกาะ
๒. ลักษณะทางธรณวี ทิ ยา

๒.๑ ลกั ษณะของหนิ
๒.๒ ลกั ษณะของดนิ
๓. ลักษณะภูมิอากาศ
๔. ทรัพยากรธรรมชาติ
๔.๑ ปา่ ไม้ ได้แก่ พ้ืนทป่ี ่าสงวนแหง่ ชาติ (ปา่ บกและปา่ ชายเลน) พ้นื ที่อุทยานแห่งชาติ พืน้ ท่ีเขต
รักษาพันธ์ุสตั ว์ป่า พืน้ ทีเ่ ขตห้ามล่าสัตวป์ ่า
๔.๒ แหลง่ แร่
๔.๓ สตั วน์ ำ้
๔.๔ สัตวป์ ่า
สาระที่ ๓ ประชากร การปกครอง และการศึกษา
๑. ประชากร อตั ราการเพม่ิ -ลดของประชากร การเกิด ตาย การยา้ ยเข้า ยา้ ยออก สภาพสังคม
แบบผสมวัฒนธรรม การนับถือศาสนา ชนกล่มุ นอ้ ย อาชีพสำคญั เกษตรกรรม อาชีพประมง อาชีพอตุ สาหกรรม
ประเภทอุตสาหกรรมสำคัญของสตูล เชน่ อุตสาหกรรมแปรรปู อาหาร โรงงานผลิตน้ำมันปาล์ม โรงงานปลาป่น
ฯลฯ ความพอเพียงในวิถีชีวิตคนสตูล กิจกรรมนนั ทนาการและการพกั ผ่อนหย่อนใจ การมีสว่ นรว่ มในการอนุรักษ์
และพัฒนาทอ้ งถนิ่ การรกั ษาความปลอดภยั ของครอบครวั หมบู่ า้ น และชุมชน ปญั หาของทอ้ งถน่ิ ในหมูบ่ า้ น ตำบล
อำเภอ จงั หวดั และกลุม่ จังหวดั ภาคใต้ แนวทางแก้ปัญหา การมสี ่วนร่วมในการแกป้ ญั หาของท้องถิ่นระดับหมู่บ้าน
ตำบล อำเภอ จงั หวดั และกลุม่ จงั หวดั ภาคใต้ แนวโน้มในการพัฒนาของจังหวดั สตลู ในอนาคต
๒. การปกครอง บทบาทหน้าทีก่ ารบรหิ ารของการปกครองส่วนภูมิภาค จงั หวดั อำเภอ ตำบล
หม่บู า้ น และองคก์ ารบรหิ ารสว่ นทอ้ งถ่นิ ประกอบดว้ ย องค์การบริหารส่วนจังหวดั เทศบาลเมอื ง เทศบาลตำบล
และองคก์ ารบรหิ ารสว่ นตำบล
๓. การศกึ ษา การพัฒนาคุณภาพชวี ิตประชากร ความหมายและความสำคัญของการ พัฒนา
คุณภาพชีวิต ประเภทการศกึ ษาเพ่อื พัฒนาคณุ ภาพชวี ิต ทักษะชวี ติ ของประชากรทอ้ งถน่ิ สตูล ไดแ้ ก่ การศึกษาในระบบ
การศกึ ษานอกระบบ และการศึกษาตามอธั ยาศัย ความเปน็ มาของการศึกษาในระบบของสตลู โรงเรียนแรกทีเ่ ปิด
สอนภาษาไทย การศึกษาแหล่งเรยี นรู้เกี่ยวกับอาชพี เช่น ทอ่ งเทยี่ ว ประมง เกษตรแบบพง่ึ พา เกษตรอินทรีย์ เป็นตน้
การศกึ ษาเรียนรใู้ นเร่ืองต่าง ๆ เช่น หมอพ้นื บา้ น การใช้พืชสมุนไพร ผักปลอดสารพิษ ผกั พื้นบ้าน อาหารพ้ืนเมือง
การละเล่นในท้องถนิ่ เป็นตน้ การพฒั นาทักษะชวี ติ ทักษะการปฏิเสธตอ่ อบายมุข การหลกี เลยี่ งจากแหล่งเสือ่ มโทรม
และพ้ืนทีเ่ สย่ี งอันตราย การสร้างภมู คิ ุ้มกัน เพอ่ื ปอ้ งกันปัญหาทางเพศ สขุ ภาพจิตและความมั่น คงทา งอา รมณ์
การออกกำลังกายเพ่ือสุขภาพ การสร้างองค์ความรู้และแกไ้ ขปัญหาชีวติ ประจำวนั ดว้ ยตนเอง

๑๕

สาระท่ี ๔ ศิลปวฒั นธรรมและประเพณจี งั หวดั สตลู
ความหมาย ความสำคัญ ประโยชน์ และความเป็นมาของศิลปวัฒนธรรม และประเพณที ่ีเกี่ยวข้อง

กับเรอื่ งดังต่อไปน้ี
๑. ศาสนา ศาสนพธิ ี ความเชอื่ พิธกี รรมทอ้ งถ่ินสตูล เชน่ การทำบุญข้นึ บ้านใหม่ การแตง่ งาน

การเกดิ พธิ ศี พ และวันสำคญั เชน่ วนั สงกรานต์ วันข้นึ ปใี หม่ วันสารทเดอื นสิบ ลากพระ ลอยเรือชาวเล วนั ฮารีรายอ
วันเมาลิด วันอาซูรอ เข้าสนุ ัต ถอื ศลี กินเจ ไหวพ้ ระจนั ทร์ เช้งเม้ง วนั จับหง่อแม๋ (เทศกาลโคมไฟ) เป็นตน้

๒. ศิลปหตั กรรมในท้องถิน่ เช่น การทำผ้าบาตกิ เครื่องมอื ประมงพน้ื บา้ น โคระ๊ กระเชอ
เสวยี นหมอ้ กระดง้ ไซ ซอ่ น ชะนาง เสื่อ ฝาสานไม้ไผ่ ไม้กวาดดอกหญา้ ว่าว เป็นตน้

๓. ประตมิ ากรรมท้องถ่นิ เช่น การป้ันดนิ เพือ่ นำมาเปน็ ของใช้ ของตกแตง่ การแกะสลักไม้
เป็นตน้

๔. สถาปตั ยกรรมท้องถน่ิ เชน่ การสร้างบ้าน มัสยิด วัด โบสถ์ เปน็ ต้น
๕. วรรณกรรมทอ้ งถิ่น เช่น เพลงประกอบการละเล่นของเดก็ เพลงกลอ่ มเดก็ สำนวน
สุภาษติ นิทานประจำหมบู่ ้าน เปน็ ตน้
แหล่งเรยี นรทู้ ส่ี ำคัญท่ีสามารถศกึ ษาได้

เอกสาร หนังสอื ความเช่อื พิธีกรรม ศิลปหตั ถกรรม ประติมากรรม สถาปตั ยกรรมและ
วรรณกรรมท้องถ่ิน เชน่ คมู่ อื การเล่นกีฬาพนื้ บ้าน อำเภอท่งุ หว้า จังหวัดสตลู เขียนโดยสภาวัฒนธรรมอำเภอทงุ่ หว้า
จงั หวดั สตลู ความหมาย ความเป็นมาและความสำคญั ของประวัติศาสตร์ทอ้ งถิ่น ประวตั คิ วามเป็นมาของหมู่บ้าน
ชุมชน ประวัติความเป็นมาของจงั หวดั สตลู (ประวัติการตงั้ เมืองสตูล ลำดบั เหตุการณส์ ำคัญของเมืองสตลู )

สาระท่ี ๕ ภูมิปญั ญาและเทคโนโลยีท้องถิน่
๑. ดา้ นการเกษตร เช่น การทำไรน่ าสวนผสม การปลูกผกั ปลอดสารพิษ การเล้ียงสัตว์

(แพะ ปลา หอย ฯ) การตดิ ตายาง การทำโคร๊ะจำปาดะ เปน็ ตน้
๒. ด้านโภชนาการ
๒.๑ ของหวาน เชน่ บุหงาบุด๊ะ ผกู รกั โรตีกาปาย บูตู โรตแี กราย โรตีกรอบ ข้าวเหนยี ว

อัด แนหรำ ลอเป๊ะ ตาหยาบ โรตี ชาชัก รังตอ่ บาหลู ู ตาปาย ดอกโดน จำปะดะทอด แลมแปง่ ซาฆ่อน ดาหงาย
เหนียวกวน แบงกัง สิดะ๊ เปน็ ต้น

๒.๒ ของคาว เชน่ แกงปจั จารี แกงกุรุหมา่ แกงตอแมะ๊ หรือแกงตมู ิ ไกก่ อแหล๊ะ ปัสมอส
นาเปะ๊ ปลาสม้ ข้าวยำโบราณ เหนยี วเหลอื งแกงไก่ ฯลฯ เป็นตน้

๓. ด้านภาษาและวรรณกรรม เช่น ปริศนาคำทาย โคลงกลอน หนังสอื เพลงกลอ่ มเด็ก
ภาษาไทยถิ่นสตูล ตำนานนางเลอื ดขาว เป็นตน้

๑๖

๔. ด้านปรัชญศาสนาและประเพณี เช่น การสอนคัมภีรอ์ ัลกุรอ่าน การขึน้ เปล นิทาน
ชาวบา้ น ประเพณลี อยเรือชาวเล ความเช่ือเกย่ี วกับชาติ ภพนรก สวรรค์ ความเชอ่ื เกี่ยวกับโชคลาง ความเช่ือ
เก่ียวกับไสยศาสตร์ ความเชอื่ เกี่ยวกับแกกะ๊ (การทำกุรบาน)

๕. ด้านอตุ สาหกรรมและหัตถกรรม เช่น การผลิตยางแผ่น การทำปุ๋ยชวี ภาพ การทำ เครอื่ งป้นั ดินเผา
การทำผา้ บาติก การทำกรงนก การจักสานจากไมไ้ ผ่ ต้นคลา้ ก้านมะพร้าว ใบลาน หวาย หรือ หญา้ ลิเภา เป็นตน้

๖. ด้านศิลปะและวฒั นธรรม เช่น การรำดาระ การรำร็องเงง็ ลิเกฮูลู ซีละ เป็นต้น
๗. ด้านการละเลน่ เช่น หมากขมุ หล่ิวมอ ฉบั โผง บูสุ เตย สะบ้า หมากเก็บ ทอยหลมุ จุ้มจี้
ลกู ขา่ ง เป็นตน้
๗. ด้านการแพทย์แผนไทย เชน่ การนวดแผนไทย การอบสมนุ ไพร การประคบสมุน ไพร
และยาสมุนไพรตา่ ง ๆ เป็นตน้
สาระที่ ๖ ภาษาเพ่ือการส่อื สาร
ความสามารถในการใช้ภาษามลายู จีน หรอื อาหรบั ในการฟัง พูด อา่ น เขยี น เร่ืองเก่ียวกบั ตนเอง
ครอบครวั โรงเรียน ส่ิงแวดลอ้ ม อาหาร เครือ่ งดม่ื ลมฟา้ อากาศ การซอื้ –ขาย การศึกษา อาชีพ การเดินทาง การทอ่ งเที่ยว
การแลกเปลยี่ นขอ้ มูล ขา่ วสารแสดงความรสู้ กึ และความคิดเหน็ ในเรอื่ งราวตา่ ง ๆ การนำเสนอขอ้ มลู และการสร้าง
ความสมั พนั ธ์กบั บุคคลไดอ้ ยา่ งเหมาะสม
สาระท่ี ๗ สถานทสี่ ำคญั และแหลง่ ทอ่ งเท่ยี วของจังหวัดสตลู
๑. อำเภอเมอื งสตลู เชน่ คฤหาสน์กูเด็น มัสยิดมำบัง เกาะตะรเุ ตา เกาะอาดงั เกาะหลีเป๊ะ
เกาะหินงาม เกาะลดิ ี ถำ้ ลอดปยู ู อทุ ยานนกน้ำ หนองปลกั พญา เขาพญาบงั สา ควนหม้อ ควนขห้ี มา เขาโตะ๊ อม ป่าชายเลน
ตำมะลัง หาดสนั หลังมงั กรตันหยงโป เปน็ ต้น
๒. อำเภอละงู เช่น อุทยานแหง่ ชาตหิ มเู่ กาะเภตรา อทุ ยานแห่งชาตเิ กาะตะรุเตา น้ำตกวัง
สายทอง ถ้ำเจด็ คต เกาะบโู หลน ถ้ำอไุ รทอง ถ้ำทะลุ ปราสาทหินพนั ยอด ลอ่ งแก่งวังสายทอง เปน็ ตน้
๓. อำเภอควนโดน เช่น อุทยานแห่งชาตทิ ะเลบัน นำ้ ตกยาโรย นำ้ ตกโตนปลวิ ดา่ นตรวจคน
เขา้ เมอื งวังประจนั เขาบอฆะ ภกู ระโดน เขาภูนอ้ ย ฝายดสู น Satun Geopark Gateway เปน็ ตน้
๔. อำเภอควนกาหลง เชน่ นำ้ ตกโตนปาหนนั บ่อนำ้ ร้อนโตนปาหนัน น้ำตกสายใจ น้ำตก
ธาราสวรรค์ นำ้ ตกดาวกระจาย เป็นตน้
๕. อำเภอทุ่งหวา้ เชน่ นำ้ ตกธารปลิว หาดราไว ท่าอ้อย เขาทะนาน ถำ้ เลสเตโกดอน เปน็ ต้น
๖. อำเภอมะนัง เชน่ ถำ้ ภูผาเพชร ลานหินป่าพน เปน็ ต้น
สาระท่ี ๘ อทุ ยานทางธรณวี ทิ ยาและอทุ ยานธรณสี ตลู (Satun UNESCO Global Geopark)
❖ ระดับปฐมวัย

๑. เร่อื งราวเกีย่ วกับตัวเดก็

๑๗

รูจ้ ักช่อื -นามสกุล รูปร่าง หน้าตา อวัยวะต่าง ๆ วธิ รี ะวงั รักษารา่ งกายให้สะอาด
ปลอดภัย เรยี นรู้ท่ีจะเลน่ และทำส่งิ ต่าง ๆ ด้วยตนเองคนเดยี วหรือกับผู้อื่น ตลอดจนเรียนรทู้ ีจ่ ะแสดงความคิดเห็น
ความรสู้ ึก และแสดงมารยาททีด่ ี

๒. เร่ืองราวเกย่ี วกับบุคคลและสถานทีแ่ วดลอ้ มเดก็
ความหมาย ความสำคัญ ความเป็นมาของเมืองสตูล กลุ่มชาติพันธ์ุ ชนเผ่า

พืน้ เมือง พหวุ ฒั นธรรม หม่บู า้ น ชุมชน เหตุการณส์ ำคัญและบุคคลสำคัญของเมอื งสตูล สถานทสี่ ำคญั และแหล่งท่องเท่ียว
ของจงั หวดั สตลู

๓. ธรรมชาตริ อบตัวเดก็
สภาพภมู ศิ าสตร์ ทรพั ยากรทางธรรมชาตแิ ละสง่ิ แวดลอ้ มจังหวัดสตลู
สภาพภูมศิ าสตร์ ประกอบดว้ ย
๑. ทต่ี ัง้ ขนาด และอาณาเขต
๑.๑ ลักษณะภมู ิประเทศ
๑.๑.๑ ภเู ขา
๑.๑.๒ แหลง่ นำ้ สำคัญ
๑.๑.๓ เกาะ
๒. ลกั ษณะทางธรณวี ทิ ยา
๒.๑ ลักษณะของหนิ
๒.๒ ลักษณะของดิน
๓. ลกั ษณะภูมิอากาศ
๔. ทรัพยากรธรรมชาติ

๔. ส่ิงตา่ ง ๆ รอบตัวเดก็
ความหมาย ความสำคัญ ประโยชน์ และความเปน็ มาของศิลปวฒั นธรรม

และประเพณีทเี่ ก่ียวข้องภาษาถ่นิ การละเล่นในทอ้ งถน่ิ อาหารและขนมพนื้ เมืองสตูล
❖ ระดบั การศึกษาขั้นพนื้ ฐาน
๑. กำเนดิ อทุ ยานธรณสี ตูล
ความหมาย ความเป็นมา ความสำคัญ ลำดบั ช้ัน ประโยชน์ แผนท่ี และแหล่งทีเ่ ปน็ อทุ ยาน

ธรณสี ตูล
๒. ฟอสซิลแลนด์แดนสตลู
ความหมายเวลาทางธรณีกาล เหตุการณ์ในตารางธรณีกาล ความหมายของธรณีสัญฐาน

กระบวนการเกดิ ชั้นหิน ชนิดของหนิ ความหมายของฟอสซลิ กระบวนการเกดิ ฟอสซลิ ลักษณะของหินทม่ี ีฟอสซิล

๑๘

แบบตา่ ง ๆ ชนิดและลกั ษณะของฟอสซิลที่พบ แหลง่ ทีพ่ บฟอสซิล รูปแบบของฟอสซิล ความสมั พันธ์ของร ะบบ
นเิ วศวทิ ยาและยคุ ต่าง ๆ ในมหายคุ พาลโิ อซอิ ิก

๓. วฒั นธรรมประเพณวี ถิ ีชาวบา้ นอุทยานธรณสี ตลู
ทม่ี าและความสัมพันธ์ของชาติพนั ธุ์ในพื้นท่ี ความแตกต่างของชาติพนั ธ์ วฒั นธรรม

และประเพณีของแต่ละชุมชน ลกั ษณะภาษาท่ีใช้ในท้องถิ่น รปู แบบการแต่งกายของชุมชนในวิถีของชา วสตูล
ลกั ษณะอาหารพื้นบา้ นในทอ้ งถนิ่

๔. อาชพี เดน่ รายได้ดที ่ีอุทยานธรณีสตลู
สถานทีท่ ่องเท่ยี วที่สำคัญ อาชพี ของประชาชน ผลิตภัณฑ์ท่ผี ลิตในชุมชน นำหลักปรัชญา

ของเศรษฐกจิ พอเพยี งไปประยกุ ต์ใช้ในการประกอบอาชีพและออกแบบผลิตภัณฑ์ท่สี ร้างรายไดส้ ู่ความย่ังยนื
๕. เยือนแหล่งทอ่ งเทย่ี วอทุ ยานธรณสี ตูล
นิเวศโบราณสถาน แหลง่ ทอ่ งเทย่ี วทางทะเล และทางบก
๖. ผลกระทบทางธรรมชาติและแนวทางอนุรักษ์อุทยานธรณีสตลู
ธรณพี ิบตั ิภัยในพ้ืนทีอ่ ทุ ยานธรณี วธิ ีการแกป้ ญั หาเมอ่ื เกิดธรณีพิบัตภิ ยั และภัยธรรมชาติ

ความสำคัญของการอนุรกั ษ์อุทยานธรณี วิธีการอนรุ กั ษ์อทุ ยานธรณี เขา้ รว่ มอนุรกั ษอ์ ุทยานธรณสี ตลู ด้วยวิธีการ
ต่าง ๆ แนวทางในการพัฒนาอทุ ยานธรณสี ตูลอย่างยงั่ ยนื ด้วยตวั เอง

๑๙

สว่ นท่ี ๔
การประเมินคณุ ภาพผ้เู รยี นระดบั ทอ้ งถนิ่

การประเมนิ คุณภาพผู้เรยี นระดับท้องถิ่น นับเปน็ ภารกจิ สำคญั ในการวัดและประเมินให้สอดคล้อง
และครอบคลุมกับตวั ชว้ี ัด/ผลการเรยี นรู้ (ดา้ นความรู้ ทักษะ และคณุ ลักษณะ) และธรรมชาติของเนอื้ หาสาระ
เพอื่ ใหผ้ ลการประเมินใหช้ ัดเจนมีความเป็นไปได้และเหมาะสมกับศักยภาพผู้เรยี นโดยเฉพาะวดั และปร ะเมิน
ควบคู่ไปกบั การจดั การเรยี นรู้ตามสภาพจริง ใหท้ ุกฝ่ายมีสว่ นรว่ มและนำผลการประเมนิ มาวิเคราะหซ์ ่อมเสริม
และพัฒนาคุณภาพผู้เรียนโดยมีหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาขน้ั พื้นฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑ เป็นแนวทาง
กำหนดกรอบการประเมินคณุ ภาพ

หลักการ
สิ่งทตี่ ้องคำนงึ ถงึ ในการประเมินสาระการเรยี นรู้ท้องถิน่ ตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพื้น ฐาน

ซงึ่ มหี ลักการทีส่ ำคญั ดงั นี้
๑. เป็นหลักสูตรการศกึ ษาเพื่อความเป็นเอกภาพของชาติ มีจุ ดหมายและมาตรฐานการเรยี นรู้

เปน็ เปา้ หมายสำหรับพัฒนาเด็กและเยาวชนให้มีความรู้ ทักษะ เจตคติ และคณุ ธรรมบนพืน้ ฐานของความเป็นไทย
ควบคู่กบั ความเป็นสากล

๒. เปน็ หลักสตู รการศกึ ษาเพ่ือปวงชน ท่ีประชาชนทกุ คนมโี อกาสได้รบั การศึกษาอยา่ งเสมอภาคและมคี ุณภาพ
๓. เปน็ หลักสูตรการศึกษาท่ีสนองการกระจายอำนาจ ให้สงั คมมีสว่ นร่วมในการจัดการศึกษาใหส้ อดคล้อง
กับสภาพและความต้องการของทอ้ งถนิ่
๔. เปน็ หลกั สตู รการศึกษาท่ีมีโครงสร้างยดื หย่นุ ทง้ั ด้านสาระการเรยี นรู้ เวลาและการจดั การเรียนรู้
๕. เปน็ หลกั สตู รการศกึ ษาทเ่ี นน้ ผูเ้ รยี นเปน็ สำคญั
๖. เป็นหลักสูตรการศึกษาสำหรบั การศึกษาในระบบ นอกระบบ และตามอัธยาศัย ครอบคลุมทุกกลุ่ม
เป้าหมาย สามารถเทยี บโอนผลการเรยี นรู้ และประสบการณ์

จดุ หมาย
หลักสตู รแกนกลางการศึกษาข้นั พ้นื ฐาน มุ่งพฒั นาผ้เู รียนใหเ้ ป็นคนดี มีปญั ญา มคี วามสขุ มศี ักยภาพ

ในการศกึ ษาตอ่ และประกอบอาชพี จงึ กำหนดเป็นจุดหมายเพอื่ ให้เกิดกับผู้เรียนเมอื่ จบการศึกษาขั้น พื้นฐาน
ดังน้ี

๑. มีคุณธรรม จริยธรรม และค่านิยมทีพ่ ึงประสงค์ เห็นคณุ ค่าของตนเ อง มีวินัยและปฏบิ ัตติ น
ตามหลักธรรมของพระพทุ ธศาสนา หรอื ศาสนาทต่ี นนับถือ ยึดหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง

๒. มีความรู้ ความสามารถในการสอ่ื สาร การคดิ การแก้ปญั หา การใช้เทคโนโลยี และมที ักษะชีวิต
๓. มีสุขภาพกายและสุขภาพจิตท่ดี ี มีสุขนิสยั และรกั การออกกำลงั กาย
๔. มคี วามรกั ชาติ มจี ติ สำนกึ ในความเปน็ พลเมอื งไทยและพลโลก ยดึ ม่นั ในวิถีชวี ิตแลการปกครอง

๒๐

ตามระบอบประชาธปิ ไตยอนั มีพระมหากษัตรยิ ์ทรงเปน็ ประมุข
๕. มีจิตสำนึกในการอนุรักษ์วัฒนธรรมและภมู ิปัญญาไทย การอนุรกั ษ์และพัฒนาสิ่งแวดล้อม

มจี ิตสาธารณะทีม่ ุ่งทำประโยชน์และสร้างสิง่ ทดี่ ีงามในสงั คม และอยูร่ ่วมกนั ในสังคมอยา่ งมคี วามสุข

สมรรถนะสำคญั ของผู้เรยี น
หลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาขั้นพื้นฐาน มุ่งให้ผเู้ รียนเกดิ สมรรถนะสำคญั ๕ ประการ ดังน้ี
๑. ความสามารถในการสอ่ื สาร เปน็ ความสามารถในการรับและสง่ สารมวี ัฒนธรรมในการใช้ภา ษา

ถา่ ยทอดความคดิ ความรู้ความเข้าใจ ความรสู้ ึก และทศั นะของตนเองเพ่ือแลกเปลี่ยนขอ้ มูลข่าวสาร และ
ประสบการณ์อนั จะเปน็ ประโยชน์ตอ่ การพฒั นาตนเองและสังคม รวมทั้งการเจรจาต่อรองเพ่ือขจดั และ
ลดปัญหาความขดั แยง้ ตา่ ง ๆ การเลือกรับหรอื ไม่รับขอ้ มลู ข่าวสารด้วยหลักเหตุผลและความถกู ต้อง ตลอดจน
การเลือกใช้วิธกี ารสอื่ สาร ที่มีประสทิ ธิภาพโดยคำนึงถงึ ผลกระทบท่ีมีต่อตนเองและสังคม

๒. ความสามารถในการคิด เป็นความสามารถในการคิดวิเคราะห์ การคดิ สงั เคราะห์ การคดิ อย่างสรา้ งสรรค์
การคิดอย่างมีวจิ ารณญาณ และการคิดเป็นระบบ เพอื่ นำไปสู่การสร้างองค์ความรู้หรือสารสนเทศเพ่ือการตัดสินใจ
เก่ยี วกบั ตนเองและสังคมได้อย่างเหมาะสม

๓. ความสามารถในการแก้ปัญหา เปน็ ความสามารถในการแก้ปัญหาและอปุ สรรคต่าง ๆ ทเ่ี ผชิญได้
อยา่ งถูกตอ้ งเหมาะสมบนพนื้ ฐานของหลักเหตผุ ล คณุ ธรรมและข้อมลู สารสนเทศ เข้าใจความสัมพัน ธ์และ
การเปลีย่ นแปลงของเหตกุ ารณ์ต่าง ๆ ในสงั คม แสวงหาความรู้ ประยกุ ต์ความรูม้ าใช้ในการปอ้ งกนั และแก้ไข
ปญั หาและมีการตัดสนิ ใจท่มี ีประสทิ ธิภาพโดยคำนงึ ถงึ ผลกระทบทเี่ กิดขึ้น ต่อตนเอง สงั คม และสิ่งแวดล้อม

๔. ความสามารถในการใช้ทกั ษะชีวติ เป็นความสามารถในการนำกระบวนการต่าง ๆ ไปใช้ในการดำเนินชวี ิต
ประจำวนั การเรียนรู้ดว้ ยตนเอง การเรียนรูอ้ ย่างตอ่ เน่ือง การทำงาน และการอยรู่ ่วมกนั ในสงั คมด้วยการสรา้ งเสรมิ
ความสมั พนั ธอ์ นั ดรี ะหว่างบคุ คล การจัดการปญั หาและความขัดแย้งตา่ ง ๆ อย่างเหมาะสม การปรับตวั ให้ทัน
กบั การเปล่ยี นแปลงของสังคมและสภาพแวดล้อม และการร้จู ักหลีกเลี่ยงพฤติกรรมไมพ่ ึงประสงค์ท่สี ่งผลกระทบ
ตอ่ ตนเองและผูอ้ น่ื

๕. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยเี ปน็ ความสามารถในการเลอื ก และใช้ เทคโนโลยีดา้ นตา่ ง ๆ และ
มที กั ษะกระบวนการทางเทคโนโลยี เพื่อการพฒั นาตนเองและสงั คม ในด้านการเรยี นรู้ การสื่อสาร การทำงาน
การแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์ ถูกต้อง เหมาะสม และมีคุณธรรม คุณลักษณะอันพึงประสงค์ หลักสตู ร
แกนกลางการศึกษาข้นั พื้นฐาน ม่งุ พัฒนาผเู้ รยี นใหม้ ีคณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ เพอื่ ใหส้ ามารถอยูร่ ่วมกับผู้อ่ืน
ในสงั คมไดอ้ ย่างมคี วามสขุ ในฐานะเปน็ พลเมอื งไทยและพลโลก ดังน้ี

๑. รกั ชาติศาสน์ กษตั ริย์
๒. ซ่อื สัตยส์ จุ รติ
๓. มวี นิ ยั
๔. ใฝ่เรยี นรู้
๕. อยอู่ ยา่ งพอเพียง
๖. ม่งุ มน่ั ในการทำงาน

๒๑

๗. รกั ความเปน็ ไทย
๘. มจี ิตสาธารณะ
นอกจากนี้ สถานศกึ ษาสามารถกำหนดคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์เพิ่มเติมใหส้ อดคล้องตามบริบทและ
จดุ เน้นของตนเอง

แนวทางการวัดและประเมนิ ผล
๑. การประเมนิ ผลกอ่ นเรียน
การประเมินผลก่อนเรียน เป็นหน้าที่ของครูผู้สอนในแต่ละวิชา ทุกกลุ่มสาระที่ต้องประเมนิ

โดยมีจุดมุง่ หมายเพ่อื ตรวจสอบสารสนเทศของผเู้ รียนในเบื้องต้น สำหรับการนำไปใชจ้ ัดกระบวนการเรยี นรู้
๒. การประเมนิ ระหว่างเรียน
การประเมินระหวา่ งเรยี นเป็นการประเมินเพ่ือมุ่งตรวจสอบพฒั นาการของผเู้ รียนว่าบรรลุตา มผล

การเรียนรทู้ ค่ี าดหวังในการสอนตามแผนการสอนทค่ี รไู วว้ างแผนไว้หรือไม่ ทง้ั นสี้ ารสนเทศทไ่ี ดจ้ ากการประเมิน
นำไปสูก่ ารปรบั ปรงุ แกไ้ ขขอ้ บกพรอ่ งของผ้เู รยี น และสง่ เสรมิ ผู้เรยี นท่มี ีความรู้ ความสามารถให้เกดิ พัฒนาการ
สงู สดุ ตามศักยภาพ ได้แก่

๒.๑ การประเมินดว้ ยการสอื่ สารสว่ นบุคคล ไดแ้ ก่
๒.๑.๑ การถามตอบระหวา่ งทำกจิ กรรมการเรียนรู้
๒.๑.๒ การสนทนาพบปะพดู คยุ กบั ผเู้ รยี น
๒.๑.๓ การสนทนาพบปะพูดคยุ กับผู้เรยี นกับผเู้ กีย่ วขอ้ งกับผู้เรียน
๒.๑.๔ การสอบปากเปลา่ เพอื่ ประเมนิ ความรู้
๒.๑.๕ การอา่ นบันทึกเหตุการณ์ตา่ ง ๆ ของผเู้ รียน
๒.๑.๖ การตรวจแบบฝกึ หดั และการบ้าน พร้อมใหข้ อ้ มูลยอ้ นกลับแกผ่ ้เู รียน

๒.๒ การประเมนิ จากการปฏิบตั ิ (Performance Assessment)
เป็นวิธีการประเมินที่ผู้สอนมอบหมายงานหรือกิจกรรมให้ผู้เรียนทำเพื่อให้ได้ข้อมูล

สารสนเทศวา่ ผู้เรยี นเกิดการเรยี นรมู้ ากน้อยเพยี งใด การประเมนิ การปฏิบตั ิ ผูส้ อนต้องตระเตรยี มส่ิงสำคัญ ๒
ประการ คือ

๒.๒.๑ ภาระงานหรือกจิ กรรมท่ีจะให้ผเู้ รียนปฏบิ ัติ (Tasks)
๒.๒.๒ เกณฑ์การใหค้ ะแนน (Rubrics)
๒.๓ การประเมนิ สภาพจรงิ (Authentic Assessment)
การประเมินสภาพจริงเป็นการประเมินจากการปฏิบัติอยา่ งหน่ึงเพียงแต่งานหรือกิจกร รม
ทผี่ ูเ้ รยี นได้ปฏิบตั ิ จะเปน็ งานหรอื สถานการณท์ เี่ ป็นจริง (Real life) หรือใกลเ้ คยี งกับ ชีวิตจรงิ ดังนัน้ งานหรอื สถานการณ์
จึงมีส่ิงจำเป็นทซ่ี ับซ้อน (Complexity) และเป็นองค์รวม (Holistic) มากกว่างานปฏบิ ัติทว่ั ไป
วิธีการประเมินตามสภาพจริงไม่มีความแตกตา่ งจากการประเมนิ ปฏิบัติ (Performance
Assessment) เพียงแตอ่ าจมีความยุ่งยากในการประเมินมากกว่า เนอื่ งจากเปน็ สถานการณ์จรงิ หรือต้องจัดสถานการณ์

๒๒

ให้ใกล้จริง และเกดิ ประโยชนก์ บั ผเู้ รยี น ซงึ่ จะทำให้ทราบความสามารถทแ่ี ท้จรงิ ว่ามีจดุ เดน่ และข้อบกพร่องใน
เร่ืองใด อนั จะนำไปสูก่ ารแกไ้ ขทีต่ รงประเด็นทสี่ ุด

๒.๔ การประเมนิ ด้วยแฟม้ สะสมงาน (Portfolio Assessment)
การประเมนิ ดว้ ยแฟ้มสะสมงานเป็นวิธกี ารประเมนิ ทชี่ ว่ ยส่งเสริมให้การประเมินตามสภาพจริง

มีความเป็นไปได้มากขึ้น โดยการใหผ้ ู้เรียนได้เก็บรวบรวม (Collect) ผลงานจาก การปฏิบตั จิ รงิ มีความเป็นไปได้
มากขึ้น โดยการใหผ้ ้เู รียนหรือในชีวิตจริงท่ีเกี่ยวข้องกับการเรียนรูต้ ามสาระการเรยี นรู้ต่าง ๆ มาจัดแสดง
อยา่ งเปน็ ระบบ (Organized) ทั้งน้ี โดยมีจดุ ประสงค์เพือ่ สะท้อนให้เห็น (Reflect) ความพยายาม เจตคติ
แรงจูงใจ พัฒนาการ และความสัมฤทธผ์ิ ล (Achievement)ของการเรียนรู้ตามสิง่ ทีม่ ่งุ หวงั จะให้แฟ้มสะสมงาน
นนั้ สะท้อนออกมา ซ่ึงผสู้ อนสามารถประเมินจากแฟม้ สะสมงานแทนการประเมินจากการปฏบิ ัติจรงิ กไ็ ด้

๓. การประเมินหลังเรยี น
เปน็ การประเมินเพอื่ สรปุ ผลการเรียนเปน็ การประเมินเพอ่ื มุ่งตรวจสอบความสำเร็จของผู้เรียน

เมอื่ ผา่ นการเรียนร้ใู นชว่ งเวลาหนง่ึ เพ่ือตรวจสอบว่า ผเู้ รยี นเกดิ การเรยี นรู้ตามผลการเรยี นท่คี าดหวังหรือไม่
เมื่อนำไปเปรยี บเทยี บกับผลการประเมินกอ่ นเรยี นแลว้ ผเู้ รยี นเกดิ พฒั นาการข้นึ มากนอ้ ยเพยี งใด ทำให้สามารถ
ประเมนิ ได้วา่ ผู้เรียนมีศกั ยภาพในการเรียนรู้เพียงใด และกิจกรรมการเรียนรู้มีประสิทธิภา พในกา ร พัฒนา
ผู้เรยี นเพยี งใด ขอ้ มลู จากการประเมินภายหลงั การเรยี นสามารถนำไปใช้ประโยชน์ไดม้ ากมาย ไดแ้ ก่

๑) ปรบั ปรงุ แก้ไขซ่อมเสริมผลการเรยี นรทู้ ค่ี าดหวงั หรือจุดประสงคข์ องการเรยี น
๒) ปรบั ปรงุ แก้ไขวธิ กี ารเรียนใหม้ ีประสทิ ธิภาพยง่ิ ขน้ึ
๓) ปรบั ปรุงแก้ไขและพฒั นาการจดั กจิ กรรมการเรยี น
การประเมินผลการเรียน สามารถใช้วธิ ีการและเครื่องมอื การประเมินได้อยา่ งหลากหลาย
ให้สอดคล้องกับผลการเรียนรู้ท่ีคาดหวัง เนื้อหาสาระ กิจกรรมและชว่ งเวลาในการประเมนิ เพื่อใหก้ าร
ประเมินผลการเรียนดงั กล่าวมสี ่วนเกีย่ วข้องสัมพันธแ์ ละสนับสนนุ การเรยี นการสอน

รปู แบบการประเมนิ คณุ ภาพ
การประเมนิ ระดบั สถานศึกษา
๑.การประเมินในชน้ั เรยี น การประเมินคุณภาพนกั เรยี นตามสาระการเรยี นรู้ท้องถ่ิ น และตามจุดเน้น

คณุ ภาพนกั เรียนด้านสมรรถนะสำคญั และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของผู้เรยี นทุกวชิ า ทกุ ชัน้ เรยี น โดยใช้
วธิ กี าร/เคร่ืองมือวดั และประเมินผลอยา่ งหลากหลายควบคู่ไปกบั การเรียนการสอน

๒.การประเมินในระดับสถานศึกษา การประเมินคุณภาพนักเรียนตามสาระการเรียนรู้ทอ้ งถน่ิ
และตามจดุ เน้นคุณภาพนักเรยี นด้านสมรรถนะสำคญั และคุณลักษณะอันพึงประสงคข์ องผเู้ รียน สถานศึกษา
พจิ ารณาถึงการประเมินในภาพรวม เพ่ือตดั สนิ ผลการพัฒนาผู้เรียนเมือ่ จบภาคเรียนหรือปีการศกึ ษา โดยใช้
เคร่อื งมือวดั และประเมนิ ผลเป็นแบบทดสอบภาคความรูห้ รือภาคปฏบิ ัติ ตามที่สถานศึกษากำหนด

การประเมนิ ระดบั เขตพื้นท่ีการศึกษา
“การประเมินคุณภาพระดับเขตพ้ืนที่การศกึ ษา เปน็ การประเมินคุณภาพผู้เรียนในร ะดับเขตพื้นท่ี
การศกึ ษาตามมาตรฐานการเรยี นรตู้ ามหลักสตู รแกนกลางการศกึ ษาขนั้ พ้ืนฐาน เพ่อื ใช้เป็นข้อมูลพื้นฐาน

๒๓

ในการพัฒนาคุณภาพการศึกษาของเขตพื้นที่การศกึ ษา ตามภาระความรับผิดชอบ สามารถด ำเนนิ การ
โดยประเมินคุณภาพ ผลสัมฤทธิข์ องผู้เรียนด้วยข้อสอบมาตรฐานที่จัดทำและดำเนินการ โดยเขตพื้นท่ี
การศกึ ษาหรือด้วยความรว่ มมือกบั หน่วยงานต้นสังกัดในการจดั สอบ นอกจากน้ยี งั ได้จา กการ ตร วจ สอบ
ทบทวนข้อมูลจากการประเมินระดับสถานศกึ ษาในเขตพื้นท่ีการศึกษา (หลักสูตรแกนกลา งการ ศึกษาข้ัน
พน้ื ฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑ หนา้ ๒๔)นอกจากนน้ั ภารกจิ สำคญั ของเขตพ้ืนท่ีการศกึ ษา/ท้องถ่ินในการบริหาร
จดั การหลกั สตู รระดับท้องถิ่น ยังตอ้ งกำหนดให้มีกำรประเมนิ คุณภาพผู้เรยี นระดับท้องถนิ่ และรา ยงา นผล
คุณภาพของผู้เรยี น การประเมินคณุ ภาพผู้เรียนระดบั ท้องถิ่นเป็นการประเมินคุณภาพผู้เรียนตา มมา ตรฐาน
การเรียนรูข้ องหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขน้ั พืน้ ฐานรวมถงึ เปา้ หมาย/จดุ เน้นของท้องถ่ินตามท่ีก ำหน ดไว้
ในกรอบหลักสตู รระดับท้องถิ่นเพื่อใช้เปน็ ข้อมลู พื้นฐานในการพัฒนาคุณภาพการศึกษาสามารถดำเนินการ
โดยการประเมินผลสัมฤทธิข์ องผู้เรียนดว้ ยข้อสอบมาตรฐานหรือเคร่อื งมือท่จี ัดทำและดำเนินการโดยเขตพ้ืนที่
การศึกษาหรอื ด้วยความรว่ มมือกับสถานศึกษาในการดำเนินการจัดสอบ ไดแ้ ก่

๑. กำหนดแผนงานการวางแผนงานและกำหนดสิ่งที่ต้องการประเมินรวมทั้งกลุ่มเป้าหมาย
ทจี่ ะประเมนิ เคร่ืองมอื ทใ่ี ช้และช่วงระยะเวลาในการประเมนิ อยา่ งชัดเจนโดยกำหนดไวช้ ัดเจนในกรอบหลักสูตร
ระดับท้องถิน่ เพ่ือแจ้งให้โรงเรียนภายในเขตพ้ืนที่ทราบข้อมูลดังกลา่ วล่วงหนา้ เพื่อเตรียมพร้อม ใน การ รับ
การประเมนิ

๒. พฒั นาคลังข้อสอบจัดทำคลังข้อสอบมาตรฐานเพื่อใช้ในการทดสอบซ่ึงข้อสอบดังกล่าวควรมีการวิจัย
เพือ่ พัฒนาและปรับปรุงเป็นระยะเพื่อให้ได้ขอ้ สอบท่มี ีคุณภาพเที่ยงตรงและเชื่อถอื ได้

๓. ใชผ้ ลการประเมินในการพัฒนาผลการประเมินคุณภาพผู้เรียนเป็นข้อมูลพ้ืนฐานท่ีส ำคัญสำหรับ
กำหนดนโยบายวางแผนงานและกำหนดยุทธศาสตรใ์ นการพัฒนาคุณภาพผู้เรยี นในเขตพน้ื ท่ีขอ้ มูลดังกล่าว
เป็นประโยชน์อยา่ งยิ่งในการที่เขตพื้นทีจ่ ะวางแนวทางในการช่วยเหลือครู โดยเฉพาะอย่างย่ิงในโร งเรียน
ทีม่ ผี ลสมั ฤทธิท์ างการเรยี นต่ำ

การประเมินโดยหน่วยงานตน้ สังกัด (สำนกั งานคณะกรรมารการศึกษาข้ันพนื้ ฐาน)
การประเมินคุณภาพนักเรียนตามสาระการเรียนรูท้ ้องถ่ินสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน

สามารถประเมินนกั เรยี นช้นั มธั ยมศึกษา โดยใช้แบบทดสอบภาคความร้แู ละภาคปฏบิ ัติ ท้งั นี้ ประเมนิ ตามกลุ่ม
สาระการเรียนรู้/เรือ่ งตามท่ีส่วนกลางกำหนด/จุดเน้นตามนโยบาย ซง่ึ เครื่องมือท่ีใชใ้ นการประเมิน ได้แก่
แบบทดสอบ แบบสังเกต แบบสมั ภาษณ์ แบบสอบถาม แบบตรวจผลงาน/ชิ้นงาน

๒๔

สว่ นท่ี ๕
การนำกรอบหลกั สูตรระดับท้องถน่ิ สหู่ ลกั สตู รสถานศกึ ษา

ให้สถานศกึ ษาที่จัดการศกึ ษาข้ันพื้นฐานใช้กรอบหลักสูตรระดับท้องถ่ินเขตพืน้ ท่ีการศกึ ษา
ประถมศกึ ษาสตลู เปน็ แนวทางในการจัดทำสาระของหลักสูตรในส่วนที่เกี่ยวข้องกับสภาพปัญหา ในชุมชน
สังคม ภูมิปญั ญาทอ้ งถิ่น คุณลักษณะอนั พึงประสงค์ เพือ่ เปน็ สมาชิกที่ดขี องครอบครวั ชุมชน สังคมและ
ประเทศชาติ โดยสามารถดำเนินการไดห้ ลายลกั ษณะ เช่น

๑. สอดแทรกในรายวิชาพน้ื ฐานทมี่ ตี วั ช้ีวัดทบี่ ่งบอกถงึ ความเปน็ ทอ้ งถิน่ โดยอาจปรบั กจิ กรรม
การเรยี นการสอน ปรับเน้อื หา ปรบั /เลอื กใช้สื่อการเรียนรู้ บรู ณาการในรายวิชาต่าง ๆ

๒. จดั ทำเปน็ รายวิชาเพม่ิ เตมิ สถานศกึ ษา อาจจัดทำรายวิชาทเี่ ปน็ สาระการเรียนรพู้ ื้นฐาน หรือ
รายวิชาที่เปน็ สาระการเรยี นรู้เพิม่ เติม

๓. กจิ กรรมพัฒนาผเู้ รียน มุ่งพฒั นาให้ผู้เรียนพฒั นาเต็มตามศกั ยภาพ และสง่ เสริมความสามารถ
ของผเู้ รียน

๔. กจิ กรรมลดเวลาเรียน เพม่ิ เวลารู้ โดยนำหนว่ ยการเรยี นรู้มาจัดกจิ กรรมรายสัปดาห์
๕. การจัดบรรยากาศท่ีส่งเสรมิ จุดเน้น เป็นการจัดสภาพแวดล้อม บรรยากาศทางกายภาพ
ของโรงเรียน ที่ส่งเสริมใหน้ ักเรียนไดพ้ ฒั นาตามจุดเน้น/เปา้ หมายทห่ี ลักสูตรกำหนด

อนึ่ง การจัดประสบการณ์การเรียนรู้เกี่ยวกับท้องถิ่น ครูผูส้ อนสามารถพัฒนาสือ่ สิ่งพิมพ์
หรือจัดทำสอื่ ประกอบการเรียนรู้อื่น ๆ ใหผ้ เู้ รยี นศกึ ษาค้นคว้าหรือเรียนรู้ดว้ ยตนเอง และเมือ่ สนิ้ สดุ การดำเนินการ
จดั กิจกรรมการเรียนรู้ ครผู ้สู อนควรประเมินคุณภาพผู้เรียนตามมาตรฐานการเรียนรแู้ ละประเมินสาระการเรียนรู้
ทอ้ งถิ่นของสถานศึกษารวมทง้ั ควรปรับปรงุ และพฒั นาแผนการจัดการเรียนรู้ ให้มคี วามเหมาะสม สอดคลอ้ งกับความต้องการ
ของผ้เู รยี น และเปน็ ปจั จุบนั อยเู่ สมอ

๒๕

ส่วนที่ ๖
การพฒั นาหลักสูตรทอ้ งถน่ิ ของสถานศกึ ษา

การพัฒนาหลกั สตู รทอ้ งถน่ิ ของสถานศึกษา ตามกรอบหลกั สูตรท้องถิ่นของสำนกั งานเขตพน้ื ทกี่ ารศกึ ษา
ประถมศกึ ษาสตูล มอี งค์ประกอบของหลักสูตรทอ้ งถน่ิ ของสถานศกึ ษา ดังน้ี

๑. หลักการ/ความเปน็ มา
๒. จุดมุ่งหมาย
๓. คำอธบิ ายรายวชิ า
๔. โครงสรา้ ง
๕. หนว่ ยการเรียนรู้
๖. แนวทางจดั การเรียนรู้
๗. สอื่ การเรียนการสอน
๘. แนวการวดั และประเมินผล
ซึง่ ในการดำเนนิ การจดั ทำแตล่ ะองค์ประกอบมีรายละเอยี ดดังตอ่ ไปนี้

๑. หลักการ/ความเป็นมา

วธิ ีการเขียน
๑. เขยี นถงึ ความเปน็ มา ความสำคัญของเรื่องที่จะทำ
๒. เขยี นโดยอ้างถึงความเชื่อมโยงกบั นโยบาย หลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาขนั้ พืน้ ฐาน การพฒั นา
ผู้เรียนไปสมู่ าตรฐานการเรยี นรู้ซงึ่ เป็นเป้าหมายที่กำหนดไว้รว่ มกนั ในระดับชาติ
๓. อา้ งถึง สภาพแวดล้อม บรบิ ทตามทอ้ งถน่ิ ของตน ท่เี ป็นเรอ่ื งสำคัญท่ีผู้เรยี นในทอ้ งถน่ิ ควรเรยี นรู้
และมีความสอดคล้องกบั สภาพปญั หาและความต้องการของท้องถ่ินอยา่ งแท้จรงิ
๔. การปลูกฝังใหผ้ ู้เรยี นเปน็ สมาชกิ ที่ดีของชุมชน มีความรกั ความภาคภูมิใจในทอ้ งถน่ิ ของตน

ตัวอยา่ ง
ความเป็นมา

จังหวัดสุราษฎร์ธานี มีพื้นทีติดทะเลและแม่น้ำตาปี มีคลองหลายสาย เช่น คลองพุมดวง
คลองพุนพิน เป็นต้น ประชาชนในพนื้ ท่ีส่วนใหญ่มีอาชีพทำสวนยาง สวนปาลม์ และการประมง เม่อื วา่ งจาก
การทำสวนกจ็ ะไปหาปลาเพือ่ บริโภค หรือจําหน่าย มีปลาท่ีเหลอื บางส่วนนํามาถนอมอาหารโดยการทําปลาเปร้ียว
หรือปลาส้มเกบ็ ไวร้ ับประทานได้นาน และเป็นการเปลี่ยนรสชาติอาหาร การทําปลาเปรย้ี วหรอื ปลาส้มนิยม
ใชป้ ลาน้ำจืด เช่น ปลาตะเพียน ปลาจีน นอกจากน้ียงั มกี ารนาํ ปลาหมกึ ซง่ึ มอี ยูจ่ ํานวนมากในอําเภอท่าฉาง
มาทาํ ปลาหมึกเปรี้ยว โดยนาํ ปลาหมึกกล้วยตัวเล็กท่ีคัดขนาดจากการทําปลาหมึ กแห้งนํามาทํา ปลา หมึก

๒๖

เปร้ยี วเพ่อื ทาํ ให้เกิดอาหารชนิดใหมแ่ ละใช้ทรัพยากรท่ีมีอย่ใู ห้เกิดประโยชน์มากทีส่ ุด สําหรับปลาหมึก
เปร้ียวนิยมทาํ กนั มากในอําเภอพนุ พิน อาํ เภอทา่ ฉาง และท้องทีใ่ กล้เคียงทีอ่ ยู่ใกลท้ ะเล การทําปลาหมึก
เปรี้ยว เป็นการพัฒนามาจากการทําปลาเปรี้ยว ป ลาส้ม ซึ่งเป็นวิธีการถนอมอาหารทีข่ ั้นตอนการทาํ
ไม่ยุ่งยาก อปุ กรณ์ทีใ่ ช้มกี ันทกุ ครัวเรือนและแทบทกุ ครัวเรอื นจะมีไวบ้ รโิ ภคเปน็ อาหารประจําวัน นอกจากน้ี
การทําปลาหมึกเปรยี้ วในปจั จุบันนอกจากการทาํ ไว้รับประทานยังได้นําไป จาํ หนา่ ยเพ่ือเปน็ รายได้เสริม
การทาํ ปลาหมึกเปร้ียวสามารถทาํ ให้ผเู้ รียนมีความรู้ ความเข้าใจใน เรื่องการถนอมอาหาร และสามารถ
นํามาประยกุ ตใ์ ชใ้ นชวี ิตประจําวัน ตลอดจนทําให้ผ้เู รยี นเกิดความตระหนักและเห็นคุณค่า ต่อภูมิปัญญา
ท้องถ่ิน ซ่งึ นําไปสู่การอนรุ กั ษ์และสืบทอดใหค้ งอยู่ในท้องถนิ่ และพนื้ ทีใ่ กล้เคยี งสืบไป

ตัวอยา่ ง
หลักการ

การพัฒนาหลักสูตรท้องถิน่ เรื่องการทาํ ปลาหมกึ เปร้ยี ว สําหรบั นกั เรยี นชน้ั มัธยมศึกษา ปีท่ี ๓
กำหนดเวลาเรียน ๑ ชั่วโมง/สัปดาห์/ภาค เป็นสาระเพ่ิมเติมในรายวิชาการงานอาชีพและเทคโนโลยี
มีหลักการสําคญั ดงั ตอ่ ไปนี้

๑. หลกั สตู รท่พี ฒั นาข้ึน เป็นสว่ นหนึง่ ในรายวชิ าการงานอาชีพและเทคโนโลยี ซงึ่ โรงเรยี นสามารถ
นําไปใช้ในการจดั การเรียนการสอนให้เหมาะสมและสอดคล้องกบสภาพท้องถ่ิน

๒. หลกั สูตรทพ่ี ัฒนาขน้ึ เพือ่ ตอบสนองการเรียนรู้ ของผูเ้ รียนและสอดคล้องกับสภาพการณ์และ
นโยบายพัฒนาอาชพี ของท้องถนิ่

๓. หลักสูตรท่พี ฒั นาขึ้น เพ่ือส่งเสริมให้นกั เรยี นอนุรักษ์ภมู ิปัญญาและอาชีพในท้องถน่ิ

๒. จดุ มุง่ หมาย
วธิ กี ารเขียนจดุ
๑. ควรเขยี นใหเ้ ห็นทิศทางในการพัฒนาผู้เรยี นท่ีสอดคลอ้ งกบั หลักสตู รแกนกลางการศึกษาขน้ั

พน้ื ฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑ (ฉบบั ปรับปรุง ๒๕๖๐) และความต้องการของทอ้ งถิน่
๒. มีความเป็นไปไดใ้ นการนำสู่การปฏิบตั จิ ริง และสามารถประเมนิ ได้
๓. เขียนใหเ้ ห็นถึงคุณภาพทตี่ ้องการใหเ้ กิดจากการเรยี นรูใ้ นเร่ืองน้ัน ๆ

๒๗

ตัวอย่าง
จดุ มุ่งหมาย

การพัฒนาหลักสตู รทอ้ งถนิ่ เรื่องการทาํ ปลาหมกึ เปร้ยี ว ในคร้งั นตี้ ้องการให้เป็นแนวทาง ในการ
สอนเก่ยี วกบั ท้องถน่ิ ของอําเภอพุนพิน จงั หวัดสรุ าษฎรธ์ านี โดยใหผ้ ูเ้ รยี นได้เรยี นรู้จาก ประสบการณ์จริง
จากแหล่งเรียนรู้ของชุมชนมีบุคลากรในชุมชนเป็นผู้มีประสบการณ์ความรู้ ความสามารถ เก่ียวกบั การทํา
ปลาหมึกเปร้ียวเปน็ วิทยากร เพือ่ ให้ผ้เู รียนภาคภมู ิใจในความสามารถของวิทยากรท้องถ่นิ ของตนเอง และ
เกดิ ความภมู ิใจในท้องถ่ินของตนเอง เพ่ือนําไปสู่การอนุรักษแ์ ละหวงแหน ทําให้ครอบครัวมีควา มเข้มแข็ง
ชุมชนก็จะดาํ รงชีวิตอย่างเปน็ สขุ โดยกําหนดจุดหมายซึ่งถอื เป็นมาตรฐานการเรยี นรู้หลัก ให้ผู้เรียนเกิด
คณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ดงั ต่อไปน้ี

๑. มีความรูค้ วามเข้าใจเกี่ยวกบั การทาํ ปลาหมึกเปร้ียว
๒. เหน็ คณุ คา่ ความสําคญั ของการถนอมอาหาร และประโยชน์ของปลาหมึกเปรี้ยว
๓. มีทักษะและประสบการณด์ า้ นการทําปลาหมึกเปรีย้ ว และการดําเนินการด้านการตลาด
๔. มคี วามภาคภูมิใจในอาชพี ทอ้ งถิน่ รว่ มอนุรกั ษ์ให้คงอยู่ในทอ้ งถ่ินต่อไป
๕. เพือ่ ใหน้ กั เรียนมที กั ษะในการทํางาน รักการทํางาน ทํางานรว่ มกับผอู้ ่ืนได้

๓. คำอธิบายรายวชิ า
วธิ ีการเขียน
เป็นการเขียนรายวิชาที่โรงเรียนกำหนดข้ึนตามจุดเน้น ความต้องการของโรงเรียน หรือท้องถิ่น

การเขยี นคำอธบิ ายรายวชิ า มีข้ันตอนดังน้ี
๑. กำหนดผลการเรียนรู้ซง่ึ โรงเรยี นเป็นผู้กำหนดขึน้ เอง
๒. กำหนดสาระการเรยี นรู้ทสี่ อดคลอ้ งกบั ผลการเรียนรู้
๓. จัดกล่มุ ผลการเรียนรู้ สาระการเรยี นรู้ ทม่ี ีความเช่ือมโยงสัมพันธ์กันเพื่อหลอมรวมและเรียบเรียง

เขยี นเปน็ ความเรียง ให้เหน็ สิ่งทีต่ ้อง การใหผ้ เู้ รียน มีความรู้ความสามารถ และคณุ ลักษณะในรายวิชานั้น
๔. เขยี นรายละเอียดตามองค์ประกอบของคำอธิบายรายวิชา องค์ประกอบสำคญั ของคำ อธิบาย

รายวชิ าคอื อะไร
องคป์ ระกอบสำคัญของคำอธิบายรายวชิ า จำแนกได้ ๓ ส่วน ดังนี้
สว่ นที่ ๑ ประกอบด้วย รหัสวชิ า......ชอื่ รายวิชา……กลมุ่ สาระการเรยี นรู้........ชน้ั ปี....... จำนวนชว่ั โมง

หรือหนว่ ยกติ
สว่ นที่ ๒ เนื้อหาซ่ึงประกอบด้วย องคค์ วามรู้ทักษะ/กระบวนการ และคณุ ลักษณะอัน พึงปร ะสงค์

โดยมีแนวการเขียนท่สี ำคัญ ดังน้ี
๑. ผู้เรียนไดเ้ รียนรอู้ ะไรบ้าง

๒๘

๒. ผูเ้ รียนสามารถทำอะไรไดบ้ ้าง
๓. ผู้เรียนมีคณุ ลักษณะอังพึงประสงคอ์ ะไรบ้าง ตามหลกั สูตรแกนกลาง และตามธรรมชาติ

ของวชิ า

สว่ นท่ี ๓ ระบุรหัสตัวช้วี ัด หรือผลการเรียนรูท้ ั้งหมดในรายวิชานน้ั

ภาพท่ี ๑ รปู แบบคำอธบิ ายรายวิชา

๒๙

ตัวอยา่ ง

๔. โครงสรา้ งรายวชิ า
วิธีการเขียน
การเขยี นโครงสรา้ งรายวิชา มีองค์ประกอบหลกั ๆ ดงั นี้
- มาตรฐานการเรียนรู้ / ตัวช้ีวัด ทเ่ี ป็นเป้าหมายในการพัฒนาผู้เรียนสำหรบั หนว่ ยน้นั ๆ ซ่ึงอาจมาจากกลุ่ม

สาระการเรียนรเู้ ดียวกนั หรือต่างกล่มุ สาระการเรยี นรู้ท่ีสอดคลอ้ งกัน มาตรฐานการเรียนร้/ู ตวั ชี้วดั อาจมีการ
สอนหรือฝึกซำ้ ให้เกิดความชำนาญ และมคี วามรู้กวา้ งขวางขน้ึ ในหน่วยการเรยี นรู้มากกว่า ๑ หน่วยได้

- สาระสำคญั เปน็ ความรู้ ความคิด ความเขา้ ใจที่ลกึ ซง้ึ หรอื ความรทู้ ่เี ป็นแก่น เป็นหลักการของเรื่อง
ใดเรื่องหนึ่ง ทเ่ี กดิ จากการหลอมรวมของมาตรฐานการเรยี นรู้/ตวั ชว้ี ดั ในหน่วยการเรยี นรู้

๓๐

- ชือ่ หนว่ ยการเรยี นรู้ จะต้องสะท้อนให้เหน็ สาระสำคัญของหน่วยการเรยี นรู้ น่าสนใจ เหมาะสมกับวยั
มคี วามหมายและสอดคลอ้ งกบั ชวี ิตจรงิ ของผ้เู รยี น

- เวลา การกำหนดเวลาเรยี นควรมีความเหมาะสมและเพยี งพอกับการจดั กิจกรรม การเรยี นร้เู พ่อื พัฒนา
ใหน้ ักเรยี นมคี วามสามารถตามท่ีระบุไว้ในมาตรฐานการเรียนร้/ู ตวั ช้ีวดั และควรพิจารณาในภาพรวมของทุกหน่วย
การเรียนร้ใู นรายวิชานั้น ๆ อย่างเหมาะสม

- นำ้ หนักคะแนน การกำหนดนำ้ หนกั คะแนนเป็นส่วนช่วยใหเ้ ห็นทิศทาง การจดั เวลา การจัดกิจกรรม
การเรยี นรู้ และการประเมนิ ผลให้สอดคล้องกับความสำคัญของมาตรฐาน/ตัวช้ีวดั ในหนว่ ยการเรียน รู้น้ัน
วา่ เป็นมาตรฐาน/ตวั ช้ีวดั ทีเ่ ป็นความร/ู้ ประสบการณ์พื้นฐานในการต่อยอดความรู้หรอื พัฒนาการเรียนรู้ ใน
เร่อื งอ่ืน ๆ หรือพิจารณาจากศกั ยภาพผูเ้ รียน ธรรมชาตวิ ิชา ฯลฯ

ภาพที่ ๒ การจัดทำหลกั สตู รรายวชิ าเพ่ิมเตมิ

ตวั อย่าง

๓๑

๕. หนว่ ยการเรยี นรู้
วธิ เี ขยี น
การจัดทำหน่วยการเรยี นรู้เรม่ิ จากการจดั ทำร่างหลกั สตู รสาระทอ้ งถนิ่ โดยกำหนดมาตรฐานการเรียนรู้

แต่ละชน้ั ปีทเ่ี หมาะสม และสอดคล้องกับสาระการเรยี นรูว้ ิชาตา่ ง ๆ ในแต่ละชั้น แลว้ จงึ จัดทำหนว่ ยการเรยี นรู้ทบ่ี รู ณา
การแบบสอดแทรกกลุ่มสาระการเรียนรู้ เน้นกิจกรรมการเรยี นรู้ เพื่อสง่ เสรมิ ปลกู ฝังวิธีคดิ และการปฏิบตั ติ นให้เห็น
ความสำคญั และการอนรุ กั ษ์สิ่งที่ดีของทอ้ งถนิ่ พรอ้ มทัง้ ลงมือปฏิบัติ/ทดลอง เชน่ อาชีพ สถานทีส่ ำคัญภมู ปิ ัญญาท้องถิน่
เปน็ ตน้ บนพ้นื ฐานของการใช้คุณธรรมนำความรู้ ซง่ึ รวมถงึ ความซอื่ สตั ย์ สุจรติ ขยัน อดทน ความเพยี ร การใช้
สตปิ ญั ญาในการดำเนินชวี ิต และการใชค้ วามรู้ทางหลักวิชาการอย่างรอบรู้ รอบคอบและระมัดระวัง เพ่อื นำไปสู่การ
พฒั นาตนใหก้ า้ วหน้าไปพรอ้ มกบั ความสมดุลและพรอ้ มต่อการเปลี่ยนแปลง ในด้านวัตถุ สังคม ส่งิ แวดล้อมและวฒั นธรรมได้
อยา่ งม่นั คงและยั่งยืน โดยมกี ารจดั ทำหน่วยการเรียนร้ดู งั น้ี

๑. การจัดทำหน่วยการเรยี นรู้/แผนการจดั การเรยี นรู้บรู ณาการสาระท้องถิ่น ไม่เคร่งครดั ในรูปแบบ
ของการเขียนหน่วย/แผนการจัดการเรยี นรู้ สามารถปรับใชไ้ ด้ตามธรรมชาติของวชิ า ระดับชัน้ ตามบริบท
ของสถานศกึ ษา แตค่ งหัวข้อสำคญั ไวไ้ ดแ้ ก่

(๑) ผลการเรียนร้ทู ่คี าดหวัง
(๒) สาระการเรียนรู้
(๓) กจิ กรรมการเรยี นรู้
(๔) สอื่ /แหล่งเรยี นรู้
(๕) การวดั และประเมินผล
๒. การจดั ทำหนว่ ยการเรียนรู้บรู ณาการ แบบสอดแทรก มีขั้นตอนดังนี้
๒.๑ เริ่มจากหน่วยการเรียนรู้ โดยศกึ ษาและเลอื กมาตรฐานการเรียนรู้ของแตล่ ะกลุ่มสาระ
และกำหนดขอบขา่ ยของเนอื้ หาสาระทีจ่ ะเรียนแตส่ ามารถยืดหย่นุ ไดใ้ นแต่ละสถานศึกษา
๒.๒ วิเคราะหเ์ นื้อหาใหส้ อดคลอ้ งกับสาระทอ้ งถิน่
๒.๓ จดั กจิ กรรมการเรียนรู้
๒.๔ เลือกส่ือและแหล่งการเรียนรปู้ ระกอบการจัดการเรียนการสอน
๒.๕ กำหนดเครื่องมอื วิธีการวัดและเกณฑก์ ารประเมินผล ตลอดจนผลสัมฤทธท์ิ ่ผี ู้เรยี นได้รับ
ได้แก่

(๑) ผ้เู รยี นไดร้ ับความรทู้ เ่ี ห็นชดั
(๒) ผเู้ รยี นมีแนวทางในการประยุกต์ใช้ความคดิ ในชวี ิตประจำวนั
(๓) ผ้เู รียนได้ลงมือปฏิบัติจริง
(๔) ผ้เู รียนไดร้ บั การประเมินผลตามสภาพจริง

๓๒

๖. แนวทางการจดั การเรยี นรู้
วธิ ีเขียน
สถานศึกษาสามารถกำหนดแนวทางการนำหลักสูตรท้องถ่ินและสาระท้องถิ่นไปใช้ใน การจัดการ

เรียนรู้ ดังนี้
๑. ให้สถานศึกษาระบรุ ูปแบบการจดั การเรยี นรู้ โดยเลอื กรปู แบบท่ีสอดคลอ้ งกบั โครงสร้างเวลาเรยี น

และบริบทดา้ นครูผู้สอน ดา้ นแหล่งเรยี นรู้และดา้ นปัจจัยสนับสนุนอืน่ ของสถานศึกษา ดังนี้
๑.๑ การจดั ทำเป็นสาระเพ่มิ เตมิ /รายวิชาเพ่มิ เติมในกลุ่มสาระการเรยี นรทู้ ีเ่ กีย่ วข้องกับขอบข่าย

เนื้อหาของหลกั สูตรท้องถ่นิ โดยตรง
๑.๒ การสอดแทรกในรายวชิ าพนื้ ฐานในแต่ละกลุ่มสาระการเรียนรหู้ รือสาระเพ่ิมเตมิ ตามสาระ

การเรยี นรทู้ ีส่ ถานศกึ ษากำหนด
๑.๓ การจดั ทำหนว่ ยการเรียนรบู้ รู ณาการแบบสหวิทยาการ
๑.๔ การจดั ทำหนว่ ยการเรียนรบู้ รู ณาการแบบขา้ มสาระ
๑.๕ สอดแทรกในกิจกรรมชมุ นุม กจิ กรรมลดเวลาเรียนเพ่ิมเวลารู้
๑.๖ อ่นื ๆ ตามบริบทของสถานศึกษา
เม่อื ระบรุ ูปแบบการจัดการเรียนรู้ที่สอดคล้องกับบรบิ ทของสถานศกึ ษาแล้ว ให้เขียนอธิบาย

ขอบขา่ ยท่ีเกยี่ วข้องโดยสังเขป ได้แก่ การระบบุ ทบาทของครูผสู้ อนท่ีสอดคล้องกับรูปแบบการ นำหลักสูตร
ท้องถนิ่ และรายวิชาทอ้ งถิน่ ไปใช้ เช่น การสอนแยกเป็นกล่มุ สาระโดยมุ่งความคิดรวบยอดเดียวกัน ซ่ึงต้องสรุป
แนวทางการจัดการเรียนรู้ท่มี ีภาระงานร่วมกันระหว่างกลุ่มสาระหรือแยกเป็นรายสาระ และระบุแนวการประเมินผล
ร่วมกันหรือแยกเปน็ กลมุ่ สาระ รวมท้ังกำหนดอัตราสว่ นคะแนนท่ใี ช้

นอกจากน้ีสถานศึกษา ควรระบกุ ระบวนการเรียนรูท้ ่ใี ชใ้ นการจัดการเรียนการสอนในสาระท้องถิ่น
เพอื่ สะทอ้ นใหเ้ ห็นหลกั การและทฤษฎีท่สี ถานศึกษาใช้เป็นกระบวนทศั น์ในการจดั การเรยี นรู้ เช่น กระบวนการ
เรยี นร้แู บบบรู ณาการ กระบวนการสรา้ งความรู้ กระบวนการคดิ กระบวนการทางสังคม กระบวนการเผชิญ
สถานการณแ์ ละการแก้ปญั หา กระบวนการเรยี นรู้จากประสบการณ์จริง กระบวนการปฏิบัติ กระบวนการ
เรยี นรู้ด้วยตนเอง หรอื กระบวนการพัฒนาคณุ ลักษณะนสิ ยั ท่ีสอดคลอ้ งกบั สมรรถนะด้านความรู้ ด้านทักษะ
และดา้ นเจตคติ เปา้ หมายและจุดเนน้ ของหลักสูตรทอ้ งถ่ิน

๒. หลกั การเขยี นแนวทางการจดั การเรยี นรู้
๒.๑ ต้องระบุหลักการปฏบิ ตั ิสำหรบั ครผู สู้ อนในการออกแบบแผนการจัดการเรยี นรู้ เชน่ การจัด

กจิ กรรม ตอ้ งยึดจดุ ประสงคแ์ ละเนอื้ หาสาระการเรยี นรู้เป็นเกณฑใ์ นการจดั กจิ กรรมการเรยี นร้แู ตล่ ะครั้ง
๒.๒ ต้องระบุขนั้ ตอนการจดั การเรยี นร้ทู ส่ี ะทอ้ นวธิ กี ารปฏบิ ัติ บทบาทของครผู สู้ อน และบทบาท

ของผ้เู รียน และบคุ ลากรอืน่ ๆ ที่เก่ียวข้อง

๓๓

๒.๓ ตอ้ งระบุวธิ ีการจัดกิจกรรม โดยกำหนดให้มกี ารจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ทง้ั ชั่วโมงภา คปฏิบัติ
และชวั่ โมงภาคความรู้

๒.๔ ต้องระบุกระบวนการหลักท่ีใช้ในการจัดกจิ กรรมการเรียนรู้ วิเคราะห์วัตถุปร ะสงค์และ
เป้าหมายที่คาดว่าจะได้รับจากการจัดการเรียนรู้โดยกระบวนการดังกล่าว และกำหนดคุณลักษณะ
อนั พงึ ประสงคข์ องนกั เรยี นท่เี กิดขนึ้ จากการจดั กิจกรรมการเรียนรู้

๒.๕ ต้องระบุบทบาททีพ่ ึงปฏิบตั ิของครูผสู้ อนทั้งระยะก่อน ระหว่างและหลงั การจัดการ เรียนรู้
เพอื่ ใหบ้ รรลจุ ุดม่งุ หมายของหลกั สตู ร

๒.๖ ต้องระบุแนวปฏิบตั ิในการใช้ส่ือ แหลง่ ส่อื ท่ีสถานศกึ ษาจดั เตรียมไวบ้ รกิ ารครูผูส้ อน (ถ้าม)ี
๒.๗ ตอ้ งระบุขอบข่ายการวัดและประเมินผลที่สอดคล้องกับจุดประสงค์การเรียนรู้ โดยเนน้ การวัดผล
ท่คี รอบคลุมดา้ นพฤติกรรมและดา้ นความรู้

๓๔

ตัวอยา่ งการเขยี นแนวทางการจดั การเรยี นรู้

แนวทางการจัดกิจกรรมการเรียนรู้

โรงเรยี นพนุ พนิ วทิ ยาคม จดั การเรยี นรหู้ ลกั สูตรท้องถน่ิ และสาระท้องถน่ิ เรือ่ ง การทาปลาหมกึ เปรีย้ ว
โดยจดั ทาเป็นสาระเพม่ิ เติม ในกล่มุ สาระการเรยี นรู้การงานอาชพี และเทคโนโลยี ใชก้ ระบวนการเรยี นรจู้ าก
ประสบการณจ์ ริงและกระบวนการเรยี นรู้จากการปฏบิ ตั ิ เพือ่ พฒั นาให้นกั เรียนมที ักษะการทางาน เรยี นรูข้ นั้ ตอน
และมีประสบการณ์การฝึกทาปลาหมกึ เปรยี้ ว สามารถพฒั นาผลิตภัณฑเ์ พอื่ จาหนา่ ยในเชิงการตลาดได้ อีกทงั้
เพ่อื ส่งเสริมให้นักเรยี นมคี วามภาคภูมิใจในอาชีพท้องถ่ิน อนุรกั ษ์ สืบสานและร่วมพัฒนาใหก้ ารทาปลาหมึก
เปรย้ี วให้เกิดคุณคา่ เป็นเอกลักษณข์ องทอ้ งถนิ่ ต่อไป โดยมแี นวการดาเนนิ การจัดกจิ กรรมการเรยี นรูเ้ พื่อใหบ้ รรลุ
จดุ ม่งุ หมายของหลกั สตู ร ดังนี้

๑. การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ โดยยดึ จุดประสงค์และเนื้อหาสาระการเรียนรเู้ ป็นเกณฑ์ในการจัดกจิ กรรม
การเรยี นรู้แต่ละครัง้

๒. ศึกษาแนวทางการจดั กิจกรรมการเรียนรู้ และให้นกั เรียนไปศึกษาความรเู้ รื่องการทาปลาหมึกเปร้ยี ว
จากผู้ปกครองนักเรยี น พรอ้ มทงั้ สอนและฝกึ วธิ กี ารทาปลาหมึกเปรยี้ ว ตามวธิ ีการและขนั้ ตอนถูกต้อง

๓. การจดั กิจกรรมการเรยี นรหู้ ลักสตู รทอ้ งถิน่ เรื่องการทาปลาหมึกเปรี้ยวโดยใช้ การจัดกจิ กรรมการ
เรียนรู้ ในหน่วยท่เี ป็นเนื้อหาไดจ้ ัดกิจกรรมการเรยี นรู้ในชวั่ โมงเรยี นหน่วยการปฏบิ ตั ิ ได้ให้นกั เรียนฝกึ ปฏิบตั ิ
นอกเวลาเรยี น โดยมีการยืดหยุ่นไดต้ ามความเหมาะสม

๔. การจัดกจิ กรรมการเรียนรูห้ ลกั สูตรทอ้ งถิ่นเรือ่ งการทาปลาหมึกเปรี้ยว มีการจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้
โดยใช้กระบวนการกลุ่ม เพือ่ ฝกึ ผเู้ รียนใหอ้ ย่ใู นสังคมไดอ้ ย่างมคี วามสขุ และให้สอดแทรกคณุ ธรรม จริยธรรม
เชน่ ความซ่ือสัตย์ มีวินัย ใฝ่เรยี นรู้ อดทน ขยนั รับผดิ ชอบ และภาคภูมิใจในท้องถ่นิ ของตนเอง

๕. ครผู สู้ อนมีการเตรยี มการสอนเป็นอย่างดี ศึกษาบริบทเนอื้ หา ออกแบบการจดั การเรยี นรูใ้ ห้สอดคล้อง
กบั ความตอ้ งการของผู้เรียน รวมทงั้ ประเมนิ ผลการจดั การเรยี นรู้อยา่ งตอ่ เน่ืองทงั้ ระหวา่ งการจดั กิจกรรมการ
เรียนรู้ และเมอ่ื ส้ินสดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ในแต่ละครงั้ เพือ่ ปรบั ปรงุ ใหเ้ หมาะสมกบั บรบิ ทของผเู้ รยี น ยึด
กระบวนทศั น์การจดั การเรยี นรทู้ ่ีเนน้ ใหผ้ เู้ รยี นมที ักษะและกระบวนการในการทางาน

๖. การใชส้ ื่อ วัสดุอุปกรณ์ สอดคลอ้ งกับเน้ือหาสาระ มีการใช้อย่างประหยัดและค้มุ ค่า เนน้ การใชส้ ื่อ
หมุนเวยี น โดยโรงเรียนจดั ทาคลังสือ่ ทค่ี รูผสู้ อนสามารถลงทะเบยี นยมื ใช้ได้

๗. การวดั ผลประเมินผลสัมฤทธทิ์ างการเรยี น มีการวัดและประเมนิ ผลดา้ นพฤติกรรม ระหว่างเรียน
และการวัดผลสัมฤทธดิ์ ้านความรู้

๓๕

๗. สอื่ การเรยี นการสอน
สื่อการเรียนการสอน หมายถงึ สิ่งตา่ ง ๆ ที่ผสู้ อนและผู้เรียนนำมาใชใ้ นระบบการเรียนการ สอน

เพอื่ ชว่ ยให้ผู้เรียนเกดิ การเรยี นรตู้ ามจุดประสงคก์ ารเรียนการสอนไดอ้ ยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพมากขนึ้ โดยสื่ออาจมีหลายรูปแบบ
ทแ่ี ตกตา่ งกนั อยา่ งเช่น วสั ดกุ ารเรยี นการสอนท่เี ปน็ สง่ิ ต่าง ๆ ท่เี ป็นชิ้นหรอื เป็นอันนำมาใชใ้ นการเรียนการสอน
และโสตทศั นวสั ดทุ ี่เป็นวัสดุ อุปกรณแ์ ละกจิ กรรมตา่ ง ๆ ที่จดั ขน้ึ มาเพื่อให้ผเู้ รียนไดเ้ รียนรู้ผ่านประสาทสัมผัส
ดงั นั้น สามารถจำแนกประเภทของสื่อการเรียนการสอนออกเป็น ๔ ประเภท คือ

๑) สื่อประเภทวัสดุ ไดแ้ ก่ สไลด์ แผน่ ใส เอกสาร ตำรา สารเคมี สิ่งพมิ พ์ต่าง ๆ และคู่มือการ ฝึก
ปฏิบตั ิ

๒) สอื่ ประเภทอุปกรณ์ ได้แกข่ องจริง หุ่นจำลอง เครอื่ งเลน่ เทปเสยี ง เคร่อื งเลน่ วดี ทิ ศั น์ เคร่ืองฉาย
แผน่ ใส อปุ กรณ์และเคร่อื งมอื ในหอ้ งปฏบิ ัติการ

๓) ส่อื ประเภทเทคนคิ หรือวิธกี าร ได้แก่ การสาธติ การอภิปรายกลมุ่ การฝกึ ปฏบิ ตั ิ การฝกึ งาน
การจดั นทิ รรศการ และสถานการณ์จำลอง

๔) สื่อประเภทคอมพิวเตอร์ ได้แก่ คอมพิวเตอรช์ ่วยสอน (CAI) การนำเสนอด้วยคอมพวิ เตอร์
(Computer presentation) การใช้ Intranet และ Internet เพื่อการสื่อสาร(Electronic mail: E-mail)
และการใช้ WWW (World Wide Web)

สอ่ื /อุปกรณแ์ ละแหล่งเรียนรู้ ในการจัดการเรยี นรู้ ผูเ้ รยี นผสู้ อนสามารถศึกษาหาความรหู้ รอื เรียนรู้
จากแหล่งเรียนรูท้ ้ังภายในและภายนอกสถานศกึ ษา ทีม่ อี ยู่ดงั น้ี

๑. ภมู ิปัญญาทอ้ งถ่นิ ท่มี ีความรคู้ วามสามารถ ผมู้ ีประสบการณ์
๒. ปราชญช์ าวบ้าน
๓. แหลง่ วิทยาการตา่ ง ๆ ได้แก่ ห้องสมดุ สถานอี นามัย โรงพยาบาล
๔. สถานประกอบการทั่วไป
๕. สอ่ื สง่ิ พมิ พ์ต่าง ๆ เชน่ แผน่ พับ วารสาร เป็นต้น
๖. ส่อื อิเลก็ ทรอนกิ ส์ เช่น อินเทอรเ์ น็ต ซดี ี-รอม วซี ดี ี เปน็ ต้น
๗. สิ่งแวดล้อม เชน่ ปา่ ชายเลน น้ำตก ทะเล เป็นต้น
๘. ใบความรู้ ใบงาน ใบกจิ กรรม

๓๖

ตวั อยา่ ง

ใบกจิ กรรมท่ี ๑.๑ เรื่องความรูท้ ั่วไปกบั การถนอมอาหาร เวลา ……..ช่ัวโมง

รายวชิ าหลกั สตู รทอ้ งถ่นิ การทําปลาหมึกเปร้ียว ช้ันประถมศกึ ษาปที ่ี ๖

………………………………………………………………………………………………………
กลุม่ ท่ี ..................................................................

ชื่อ สกุลของสมาชกิ ในกลุม่

๑. ............................................................ ๒. ..............................................................

๓. ....................................................... ๔. ..............................................................

๕. .................................................... ๖. .............................................................

การปฏบิ ัตงิ าน
คำสงั่ จงตอบคำถามตอ่ ไปนใี้ หถ้ กู ตอ้ ง
๑. การถนอมอาหาร หมายถึง..............................................................................................................
.............................................................................................................................................................
............................................................................................................................. ................................
.............................................................................................................................................................
๒. ใหน้ กั เรียนบอกประวัติความเป็นมาของการทําปลาหมึกเปร้ียว มาพอเขา้ ใจ
.............................................................................................................................................................
............................................................................................................................. ................................
............................................................................................................................. ................................
๓. ให้นกั เรยี นบอกประโยชนข์ องการถนอมอาหารมา ๓ ขอ้
.............................................................................................................................................................
............................................................................................................................. ................................
............................................................................................................................. ................................
๔. เพราะเหตใุ ดในการถนอมอาหาร จงึ ต้องรักษาคุณคา่ ทางโภชนาการของอาหารไว้ใหไ้ ด้มากทีส่ ุด
............................................................................................................................. ................................
.............................................................................................................................................................
............................................................................................................................. ...............................
๕. การถนอมอาหารมีประโยชน์ดา้ นเศรษฐกจิ อยา่ งไร
............................................................................................................................. ................................

๓๗

.............................................................................................................................................................
............................................................................................................................. ............................. ...
๖. การถนอมอาหารทาํ ใหเ้ กดิ การกระจายอาหารจากแหล่งผลิตไปสูผ่ ู้บริโภคอย่างไรจงอธิบาย
............................................................................................................................. ................................
.......................................................................................................................................... ...................
.............................................................................................................................................................
๗. การแปรรูปอาหารมหี ลักการท่สี ำคัญ คอื อะไร
............................................................................................................................. ................................
.............................................................................................................................................................
............................................................................................................................. ................................
๘. การแปรรูปอาหารมีประโยชน์อย่างไร
.............................................................................................................................................................
..................................................................................................... ........................................................
............................................................................................................................. ................................
๙. ให้นักเรียนบอกผลิตภณั ฑท์ ีเ่ กิดจากการแปรรูปอาหาร มา ๒ ชนดิ
............................................................................................................................. ................................
.............................................................................................................................................................
............................................................................................................................. ................................
๑๐. เพราะเหตใุ ดจึงกลา่ วว่าการแปรรปู อาหารชว่ ยลดค่าใชจ้ ่ายในการขนส่ง
............................................................................................................................. ................................
.............................................................................................................................................................
............................................................................................................................. .............................

อา้ งองิ : https://sites.google.com/site/websitessthid/kar-phathna-sux-laea-thekhnoloyi-thangkar-suksa
อา้ งองิ : http://๒๐๓.๑๕๙.๑๖๔.๖๖/~eme๖๖/includes/standard๖๑/filestd๖๑/pl๔๑๓_๒:๑:๑-๒๐๑๘-๑๐-๑๖_๑๑๒๐๓๔-

๑.pdf

๓๘

๘. แนวการวัดและประเมนิ ผลผู้เรยี น

การประเมินคุณภาพผ้เู รยี น
การประเมินคณุ ภาพผู้เรียนนบั เปน็ ภารกิจสำคญั ในการวดั และประเมนิ ใหส้ อดคลอ้ งครอบคลมุ กับตัวชว้ี ดั /

ผลการเรยี นรู้ (ด้านความรู้ ทักษะ คุณลกั ษณะ) และธรรมชาตขิ องเนอ้ื หาสาระเพื่อใหผ้ ลการประเมินชัดเจน มคี วาม
เปน็ ไปได้และเหมาะสมกับศักยภาพของผู้เรียน โดยเฉพาะวดั ผลและประเมนิ ควบคู่ไปกับการจดั การเรยี นรู้ตามสภาพจริง
ให้ทุกฝ่ายมสี ่วนรว่ มและนำผลการประเมินมาวิเคราะห์ซ่อมเสริมพัฒนาคุณภาพผู้เรียน โดยมหี ลกั สตู รแกนกลาง
การศึกษาขัน้ พ้ืนฐาน พ.ศ.๒๕๕๑ (ฉบบั ปรบั ปรุง ๒๕๖๐) เปน็ แนวทางในการกำหนดกรอบการประเมนิ
คุณภาพ

วัตถปุ ระสงค์ของการประเมิน
๑. เพือ่ ให้ไดข้ อ้ มูลรายบุคคลของนักเรยี นก่อนจบในการศึกษาแต่ละระดบั สำหรับเปน็ ข้อมูลสำ คัญ
ในการปรบั ปรงุ พฒั นาเป็นรายบคุ คลก่อนจบการศึกษาภาคบงั คบั และจบหลักแกนกลางการศึกษาขนั้ พน้ื ฐาน
๒. เพื่อให้ไดข้ ้อมูลผลกาประเมนิ ไปใช้ในการพัฒนาคุณภาพผู้เรียนและคุณภาพการจัดกา รศึกษา
ของสถานศึกษาแตล่ ะแห่ง
๓. เพอ่ื ใหไ้ ด้ข้อมูลสารสนเทศท่ีแสดงพัฒนาการ ความกา้ วหน้า และความสำเร็จทางการเรยี นของผู้เรียน
ซงึ่ เปน็ มาตรฐานเดยี วกนั ทัง้ ในระดับช้ันเรียน ระดบั สถานศึกษา ระดบั เขตพน้ื ที่การศกึ ษา

แนวทางการวัดและประเมนิ ผล
การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ เปน็ การประเมินคุณภาพผู้เรยี น เพื่อตรวจสอบคุณภา พผู้เรียน

ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพืน้ ฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑ เปา้ หมายและจดุ เน้นของหลักสูตรท้องถิ่น
โดยการวัดและประเมนิ ผลด้วยวิธีการและเครื่องมอื ทีห่ ลากหลาย มคี ุณภาพ เชือ่ ถอื ได้ เพื่อใชเ้ ปน็ ข้อมูลในการพัฒนา
คุณภาพการศึกษาของทอ้ งถนิ่ ในการกำหนดการวดั และประเมนิ ผลตามเปา้ หมายและจุดเน้น ควรดำเนนิ การ
ดงั นี้

๑. มแี นวทางในการดำเนนิ การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ตามเป้าหมายและจุดเน้น โดยมรี ายละเอียด
ในการดำเนนิ การเพยี งพอท่ีจะใหส้ ามารถดำเนินการวดั และประเมนิ ผลได้

๒. ระบกุ ลมุ่ เป้าหมาย กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ วิธีการ เครอ่ื งมือ และเกณฑก์ ารประเมินที่ ครอบคลุม
สอดคลอ้ ง และเหมาะสมกับเปา้ หมายและจุดเนน้ แตล่ ะขอ้

๓. ใช้วิธีการและเครื่องมอื ในการวัดและประเมินผลที่หลากหลายในแต่ละเปา้ หมายและจดุ เน้น
ระบุกจิ กรรมการประเมนิ ทส่ี ำคัญทสี่ อดคลอ้ งและเหมาะสมกบั เปา้ หมายและจุดเนน้

๔. มีแนวทางในการนำผลการประเมินไปใช้ในการวางแผนแกป้ ัญหาและพฒั นาคุณภาพการศึกษา

๓๙

ตัวอยา่ งแนวทางการวัดและประเมินผล
๑. การประเมนิ ผลกอ่ นเรียน
การประเมนิ ผลก่อนเรยี น เป็นหน้าทีข่ องครผู ู้สอนในแตล่ ะวิชา ทุกกลมุ่ สาระท่ตี ้องประเมิน โดยมจี ดุ มงุ่ หมาย

เพื่อตรวจสอบสารสนเทศของผเู้ รยี นในเบือ้ งตน้ สำหรับการนำไปใชจ้ ดั กระบวนการเรียนรู้
๒. การประเมนิ ระหวา่ งเรยี น
การประเมนิ ระหวา่ งเรยี นเป็นการประเมินเพ่อื มุ่งตรวจสอบพฒั นาการของผู้เรยี นวา่ บรรลุตา มผล

การเรยี นรู้ที่คาดหวังในการสอนตามแผนการสอนท่ีครูไว้วางแผนไว้หรือไม่ ทงั้ นี้สารสนเทศที่ได้จากการประเมิน
นำไปสกู่ ารปรบั ปรงุ แกไ้ ขข้อบกพร่องของผู้เรียน และส่งเสรมิ ผู้เรียนท่ีมีความรู้ ความสามารถใหเ้ กิดพฒั นาการ
สงู สดุ ตามศกั ยภาพ ไดแ้ ก่

๒.๑ การประเมนิ ดว้ ยการส่ือสารส่วนบุคคล ไดแ้ ก่
๑) การถามตอบระหวา่ งทำกิจกรรมการเรยี นรู้
๒) การสนทนาพบปะพดู คุยกับผูเ้ รยี น
๓) การสนทนาพบปะพูดคุยกบั ผเู้ รียนกบั ผู้เกย่ี วขอ้ งกับผูเ้ รียน
๔) การสอบปากเปลา่ เพือ่ ประเมนิ ความรู้
๕) การอา่ นบันทึกเหตกุ ารณ์ต่าง ๆ ของผู้เรียน
๖) การตรวจแบบฝกึ หดั และการบ้าน พรอ้ มให้ขอ้ มลู ย้อนกลบั แกผ่ เู้ รียน

๒.๒ การประเมินจากการปฏบิ ัติ (Performance Assessment)
เป็นวิธีการประเมินที่ผู้สอนมอบหมายงานหรอื กิจกรรมให้ผู้เรียนทำเพื่อให้ได้ข้อมูล

สารสนเทศว่าผเู้ รยี นเกิดการเรยี นรูม้ ากน้อยเพยี งใด
การประเมนิ การปฏิบตั ิ ผสู้ อนตอ้ งตระเตรยี มสิ่งสำคัญ ๒ ประการ คือ
๑) ภาระงานหรอื กจิ กรรมท่ีจะใหผ้ ูเ้ รยี นปฏบิ ัติ (Tasks)
๒) เกณฑ์การให้คะแนน (Rubrics)
๒.๓ การประเมินสภาพจรงิ (Authentic Assessment)
การประเมินสภาพจริงเป็นการประเมนิ จากการปฏิบัติอย่างหน่ึงเพียงแตง่ านหรือกิจ กรร ม

ทผ่ี ้เู รยี นได้ปฏบิ ัติ จะเปน็ งานหรอื สถานการณท์ เี่ ป็นจรงิ (Real life) หรอื ใกลเ้ คยี งกับ ชีวติ จริง ดังนั้นงานหรือ
สถานการณจ์ ึงมีส่งิ จำเป็นที่ซบั ซ้อน (Complexity) และเปน็ องคร์ วม (Holistic) มากกว่างานปฏบิ ตั ิทว่ั ไป

วิธกี ารประเมนิ ตามสภาพจรงิ ไมม่ ีความแตกตา่ งจากการประเมินปฏิบตั ิ (Performance Assessment)
เพียงแตอ่ าจมีความย่งุ ยากในการประเมินมากกว่า เนื่องจากเป็นสถานการณ์จริงหรือตอ้ งจัดสถานการณใ์ ห้ใกล้
จริง และเกดิ ประโยชน์กบั ผ้เู รยี น ซึ่งจะทำใหท้ ราบความสามารถทแ่ี ท้จริงว่ามีจดุ เด่นและขอ้ บกพร่องในเร่ืองใด
อันจะนำไปสู่การแกไ้ ขที่ตรงประเด็นทส่ี ดุ

๒.๔ การประเมินด้วยแฟม้ สะสมงาน (Portfolio Assessment)
การประเมินด้วยแฟ้มสะสมงานเป็นวธิ ีการประเมนิ ท่ีช่วยส่งเสริมให้การประเมนิ ตามสภาพจริง

มีความเปน็ ไปได้มากขน้ึ โดยการให้ผู้เรยี นได้เก็บรวบรวม (Collect) ผลงานจาก การปฏบิ ัติจริงมคี วามเป็นไปได้มากขึ้น

๔๐

โดยการใหผ้ ู้เรียนหรือในชวี ิตจริงท่ีเกี่ยวข้องกบั การเรยี นรู้ตามสาระการเรียนรตู้ ่าง ๆ มาจดั แสดงอย่างเป็นระบบ
(Organized) ทัง้ น้ี โดยมจี ดุ ประสงค์เพอ่ื สะท้อนใหเ้ หน็ (Reflect) ความพยายาม เจตคติ แรงจูงใจ พฒั นาการ
และความสมั ฤทธ์ิผล (Achievement)ของการเรียนรู้ตามส่ิงที่มุ่งหวังจะให้แฟม้ สะสมงานนน้ั สะท้อน ออกมา
ซงึ่ ผู้สอนสามารถประเมนิ จากแฟม้ สะสมงานแทนการประเมินจากการปฏิบัตจิ รงิ ก็ได้

๓. การประเมินหลังเรยี น
เปน็ การประเมินเพอื่ สรปุ ผลการเรียนเป็นการประเมินเพื่อมุง่ ตรวจสอบความสำเร็จ ของผู้เรียน

เมื่อผา่ นการเรียนรใู้ นชว่ งเวลาหน่ึง เพื่อตรวจสอบว่า ผู้เรียนเกดิ การเรียนรตู้ ามผลการเรยี นทคี่ าดหวังหรือไม่
เมอ่ื นำไปเปรยี บเทียบกับผลการประเมินกอ่ นเรียนแล้วผู้เรยี นเกดิ พัฒนาการขึ้นมากน้อยเพยี งใด ทำใหส้ ามารถ
ประเมนิ ไดว้ ่าผู้เรียนมศี ักยภาพในการเรียนร้เู พียงใด และกจิ กรรมการเรยี นรู้มีประสิทธิภา พในกา รพัฒนา
ผู้เรียนเพียงใด ข้อมูลจากการประเมินภายหลงั การเรยี นสามารถนำไปใชป้ ระโยชนไ์ ดม้ ากมาย ไดแ้ ก่

๑) ปรบั ปรุงแกไ้ ขซ่อมเสรมิ ผลการเรียนรทู้ คี่ าดหวงั หรอื จุดประสงค์ของการเรยี น
๒) ปรับปรุงแก้ไขวิธกี ารเรยี นให้มปี ระสิทธภิ าพยง่ิ ข้นึ
๓) ปรับปรงุ แก้ไขและพฒั นาการจดั กจิ กรรมการเรยี น
การประเมินผลการเรียน สามารถใช้วิธกี ารและเคร่ืองมือการประเมินได้อย่างหลากหลาย
ให้สอดคล้องกบั ผลการเรยี นรู้ทีค่ าดหวงั เนื้อหาสาระ กิจกรรมและชว่ งเวลาในการประเมิน เพื่อให้การ
ประเมนิ ผลการเรียนดงั กล่าวมีส่วนเกยี่ วข้องสมั พนั ธ์และสนับสนุนการเรียนการสอน

๔๑

๔๒
๔๑

๔๒

หมายเหตุ วิธีการวัดและประเมนิ ผลมีหลากหลายวิธี สามารถออกแบบการประเมินเปน็ การทดสอบ การสงั เกต
การสัมภาษณก์ ารประเมนิ ชน้ิ งาน/ภาระงาน ตามความเหมาะสมกบั วตั ถปุ ระสงค์แลเปา้ หมายของการวดั และ
ประเมนิ ผลในครง้ั น้ัน ๆ

ภาคผนวก

๔๔

คณะผู้จัดทำ

คณะทปี่ รึกษา

1. นายอทุ ัย กาญจนะ ผูอ้ ำนวยการสำนกั งานเขตพื้นท่กี ารศึกษาประถมศกึ ษาสตลู
2. นายกอเฉม็ หมีนเหม รองผู้อำนวยการสำนกั งานเขตพ้นื ท่ีการศึกษาประถมศกึ ษาสตูล
3. นายนภดล ยิ่งยงสกลุ ผ้อู ำนวยการกลุ่มนเิ ทศตดิ ตามและประเมินผลการจัดการศึกษา
สำนักงานเขตพ้นื ท่ีการศกึ ษาประถมศึกษาสตลู
คณะทำงาน

1. นายนภดล ยิ่งยงสกลุ ผอู้ ำนวยการกลมุ่ นเิ ทศติดตามและประเมินผลการจดั การศกึ ษา

สำนกั งานเขตพื้นท่ีการศึกษาประถมศึกษาสตูล

2. นางสาวจริ าพร อัครสมพงศ์ ศึกษานิเทศก์ สพป.สตลู

3. นางรำเพย สทุ ธนิ นท์ ศึกษานิเทศก์ สพป.สตูล

4. นายอับดลรอหมาน ปะดกู า ศึกษานเิ ทศก์ สพป.สตูล

5. นายเจนวิทย์ อสุ สวโิ ร ศกึ ษานเิ ทศก์ สพป.สตูล

6. นางหนึง่ ฤทยั วจิ ติ รจรรยา ศกึ ษานเิ ทศก์ สพป.สตลู

7. นายเชษฐา เถาวลั ย์ ศึกษานิเทศก์ สพป.สตลู

8. นางสาวศุภวัลย์ ชมู ี ศึกษานเิ ทศก์ สพป.สตลู

9. นางสาวกลั ยาณี พพิ ฒั น์วรสกุล ศกึ ษานิเทศก์ สพป.สตูล

10. นางสาวจันทรสั ม์ เอยี่ วเล็ก ศึกษานเิ ทศก์ สพป.สตลู

11. นายซคั รยี า หมาดบากา ศึกษานิเทศก์ สพป.สตลู

12. นางจริ ัชฎา ลมิ านิ ศกึ ษานเิ ทศก์ สพป.สตลู

บรรณาธิการ

1. นายนภดล ยิ่งยงสกลุ ผอ.กลุม่ นิเทศฯ สพป.สตลู
2. นางจริ ัชฎา ลิมานิ ศึกษานิเทศกช์ ำนาญการพิเศษ สพป.สตูล
3. นายเจนวทิ ย์ อุสสวโิ ร ศกึ ษานเิ ทศกช์ ำนาญการพิเศษ สพป.สตลู
4. นางสาวกัลยาณี พพิ ัฒน์วรสกุล ศึกษานเิ ทศก์ชำนาญการ สพป.สตูล
5. นางสาวอารียา งะสมนั เจ้าพนักงานธรุ การชำนาญงาน
6. นางสาวฉนั ณภสินธุ์ คงประสิทธ์ิ เจ้าพนักงานธุรการปฏิบัติงาน


Click to View FlipBook Version