The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

Book_ถอดบทเรียนเลี้ยงกุ้งระยอง final print out

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Natthapon, 2021-11-05 03:30:44

Book_ถอดบทเรียนเลี้ยงกุ้งระยอง final print out

Book_ถอดบทเรียนเลี้ยงกุ้งระยอง final print out

ถอดบทเรียนองคความรูเ กษตรกรผูเลี้ยงกงุ ทะเล

โครงการเพิ่มขีดความสามารถดา นการผลิตและการตลาดกงุ ทะเล
เพือ่ การบริโภคในประเทศ ป 2561

หมายเลขทะเบียนฟารม
2101003402

นายศภุ โชค ชว‹ ยพเิ คราะห

ผŒเู ลี้ยงกุงŒ จังหวัดระยอง

กองวิจยั และพฒั นาการเพาะเลี้ยงสัตวน้าํ ชายฝง˜ กรมประมง

2

นายศภุ โชค ชว‹ ยพเิ คราะห

เรมิ่ ประกอบอาชพี การเลยี้ งกงุ ตง้ั แตป  พ.ศ. 2549 ซง่ึ เปน ระยะเวลาประมาณ
15 ปท่ีผานมา โดยในชวงแรกฟารมจัดการเลี้ยงกุงโดยใชระบบนํ้าหมุนเวียน
ชีวภาพ ตอมาไดเลกิ ใชไ ป จนในชว งป พ.ศ. 2561–2562 พบปญหาโรคตายดวน
(EMS) ทร่ี ะบาดรนุ แรง และโรคขข้ี าว เลยสนั นษิ ฐานวา ปญ หาการเกดิ โรคในระบบ
การเลี้ยงอาจเน่ืองมาจากการไมมีจุลินทรียท่ีจะมาจัดการกับของเสียและ
เช้ือแบคทีเรียกอโรคตายดวน จึงอาจเปนปจจัยสําคัญท่ีสงผลใหกุงออนแอ
ปวยงาย ติดเชื้องายและตายในที่สุด จึงมีแนวคิดการแกปญหาโดยการนําระบบ
นํ้าหมุนเวียนชีวภาพกลับมาใชในการเล้ียงกุงอีกคร้ัง และใชระบบน้ีตอเนื่อง
มาจนถงึ ปจ จบุ นั โดยเปน ระบบทเ่ี นน การใชจ ลุ นิ ทรยี ห ลายชนดิ พรอ มกนั รว มกบั
การเล้ียงระบบปด ทําใหมีขอดี คือ สามารถควบคุมคุณภาพน้ําและการจัดการ
การเลยี้ งในแตล ะวนั ไดดี กุง จงึ มีสขุ ภาพแข็งแรง ไมป วยงา ย ไมมีการตายผดิ ปกติ
ในบอ และเจริญเตบิ โตไดด จี นจับจําหนายได

นอกจากน้ี การใชร ะบบนา้ํ หมนุ เวยี นชวี ภาพ รวมทง้ั การลดขนาดบอ เลย้ี งกงุ
ใหเลก็ ลง และลดความหนาแนน ในการปลอยกงุ ทาํ ใหฟ ารม สามารถแกไขปญ หา
การใชนํ้าจากแหลงน้ําท่ีมีการเปล่ียนแปลงและเสื่อมโทรมลงจากในชวงเริ่ม

3

ชือ่ ฟารม ชว ยพิเคราะหฟารม
ชื่อ–สกลุ นายศภุ โชค ชวยพเิ คราะห
ทตี่ ้งั ฟารม หมู 8 ตาํ บลเนนิ ฆอ อาํ เภอแกลง จังหวัดระยอง
โทรศพั ท 081-8368625
หมายเลขทะเบยี นฟารม 2101003402
กําลงั การผลิตกงุŒ 2–3 ตนั ตอไร
จุดเด‹นของฟารม 1. ลดพ้ืนท่กี ารเลยี้ งใหเลก็ ลง และลดความหนาแนน
ในการปลอยกงุ
2. ระบบการเลีย้ งกงุ เปน ระบบนา้ํ หมนุ เวยี นชีวภาพ
ปท‚ เ่ี ร่ิมดาํ เนินการ พ.ศ. 2549

ประกอบกิจการได การปรบั ตวั ในแนวทางนี้ ทําใหฟ ารม
สามารถบรหิ ารจดั การระบบการเลยี้ งไดด กี วา และรวดเรว็
ยิ่งขึ้น ลดปญหาของเสียสะสมในบอ ลดความเครียด
ที่เกิดข้ึนกับกุงระหวางการเลี้ยง สงผลใหกุงมีสุขภาพดี
แข็งแรง ปองกันการเกิดโรคตาง ๆ รวมท้ังการปลอย
กุง บาง ทําใหต น ทุนในการบรหิ ารจัดการตาง ๆ จะลดลง
ตามไปดว ย

กรมประมงซ่งึ เปนเจาของโครงการฯ จงึ ขออนุญาตสมั ภาษณ เพ่อื ทาํ การ
ถอดบทเรียนองคความรูเทคนิคการเลี้ยงกุงใหประสบผลสําเร็จของคุณศุภโชค
เพอ่ื เปน แนวทางและเปน ตวั อยา งใหแ กเ กษตรกรรายอนื่ ไดน าํ ไปปรบั ใชใ หเ หมาะสม
และเกิดประโยชนกับฟารมของตนเอง จนสามารถประสบความสําเร็จในการ
ประกอบอาชพี เลยี้ งกุงไดอยางย่ังยืนตอ ไป

4

ทตี่ ง้ั ฟารม ในปจ จบุ นั ตง้ั อยหู มู 8 ตาํ บลเนนิ ฆอ อาํ เภอแกลง จงั หวดั ระยอง
เลขทะเบยี นฟารม 2101003402 พ้นื ท่ีฟารม ขนาด 30 ไร

ฟารมมีสัดสวนของ พ้ืนที่เลี้ยง:บอเก็บนํ้า:บอเก็บเลน เทียบเปนสัดสวน
เทา กบั 10:10:1

ฟารม มกี ารตกั เลนออกทกุ ป ปล ะ 1 ครงั้ โดยเลนทตี่ กั ออกจะนาํ ไปถมพนื้ ที่
ภายในฟารม

ฟารมมกี ารแบง พื้นท่ใี ชส อย ประกอบดว ย

บอ‹ เล้ียงกงŒุ
ขนาด 3 ไร‹ จํานวน 1 บอ‹ และขนาด 5 ไร‹ จาํ นวน 2 บ‹อ
(บ‹อขนาด 5 ไร‹ จํานวน 1 บ‹อใชเŒ ปšนบ‹อชง)
บอ‹ เก็บน้าํ
ขนาด 6 ไร‹ จํานวน 2 บอ‹ (บอ‹ บาํ บดั และบอ‹ ตกตะกอน)

บอ‹ เกบ็ เลน
ขนาด 3 ไร‹ จาํ นวน 1 บ‹อ และขนาด 0.5 ไร‹ จํานวน 2 บอ‹
บ‹ออื่น ๆ
บ‹อพกั น้าํ จากคลองธรรมชาติ ขนาด 6 ไร‹ จาํ นวน 1 บ‹อ

5

ลกั ษณะบอ‹ เลี้ยงกุงŒ

1 และความปลอดภยั ทางชวี ภาพ

ลักษณะบ‹อเล้ียงเปšนบอ‹ ดิน มกี ารปูพลาสตกิ พีอี ความหนา 0.3
มลิ ลเิ มตร ทคี่ นั บอ‹ และยกสงู จากพน้ื บอ‹ ขึน้ มา 1 เมตร เพอ่ื ปอ‡ งกนั ดนิ เลน
และของเสยี เขาŒ ไปตดิ สะสมใตพŒ ลาสตกิ พอี ี วตั ถปุ ระสงคใ นการปพู ลาสตกิ
พอี ขี องฟารม เพอ่ื ใชใŒ นการปอ‡ งกันการพังทลายของคันบอ‹ เท‹านัน้

ฟารมมีระบบความปลอดภัยทางชีวภาพเบ้ืองตน โดยมีการติดต้ังตาขาย
กันนก ร้ัวกันปู บุคคลภายนอกหากจะเขามาภายในบริเวณฟารมตองผาน
การฆา เชื้อดวยดา งทับทิม

แผนผังช‹วยพเิ คราะหฟ ารม

โรงสบู นํ้า บอ‹ เก็บน้ํา 6 ไร‹ บ‹อเกบ็ เลน N
โกดงั อาหาร 3 ไร‹
(บอ‹ ตกตะกอน) 1ภาพที่
บอ‹ เลย้ี ง
บ‹อเลย้ี ง 3 ไร‹
5 ไร‹
บอ‹ เกบ็ นา้ํ
(บ‹อเลยี้ ง) 6 ไร‹
คลองธรรมชาติ
‹บอเ ็กบเลน 0.5 ไ ‹รบอ‹ เลย้ี ง (บอ‹ บาํ บดั )
5 ไร‹
‹บอเ ็กบเลน 0.5 ไ ‹ร
บาŒ นพัก (บ‹อชงน้าํ )

6 การจดั การระบบ

2 การเลย้ี งกŒงุ

บอ‹ ทใ่ี ชเŒ ลยี้ งกงŒุ มที งั้ หมด 3 บอ‹ ขนาด 3 ไร‹ จาํ นวน 1 บอ‹ และขนาด
5 ไร‹ จาํ นวน 2 บอ‹ บ‹อมีความลึก 2 เมตร และมกี ารทาํ หลุมดักเลน
บริเวณกลางบอ‹ เสนŒ ผ‹านศนู ยกลาง 8 เมตร การเติมนํา้ เพ่ือใชŒเล้ยี งกŒงุ
จะเติมที่ระดับความสูง 1.0–1.2 เมตร

2.1 การเตรียมบ‹อ

การเตรียมบ‹อเลีย้ งกŒุง
1) ทําความสะอาดพ้นื บอเลย้ี งโดยฉดี ลา งเลนหลงั การเล้ียงทุกครัง้
2) ทําการฉีดไลตะกอนเลนที่ตกคางบริเวณพื้นบอลงสูหลุมดูดเลน แลวดูดออก

ไปรวบรวมไวทบ่ี อเกบ็ เลน
3) ตากบอทง้ิ ไว 15 วัน
4) ใชป นู รอ น (MgO) ปรมิ าณ 200–300 กโิ ลกรมั ตอ ไร หวา นทวั่ ทงั้ พนื้ บอ เพอ่ื ชว ย

เพ่มิ คา pH และฆา เชอ้ื ในบอ
5) เม่ือหวานปูนเสร็จแลวจะสูบน้ําเขาบอเล็กนอยพอทวมพื้นบอ และแชนํ้าไว

ประมาณ 3–5 วัน แลว จงึ สบู น้ําเขาใหไ ดร ะดับความสงู 1.0–1.2 เมตร

การเตรยี มบอ‹ พกั น้ํา
ฟารมทาํ การตรวจสอบพน้ื บอ หากพบวา มีความสกปรก จะทาํ การสูบนา้ํ

ใหแ หง และฉดี ลางเลน โดยจะดําเนินการประมาณปละ 1 ครง้ั หรือมากกวา 1 ป
ขนึ้ อยกู ับความสกปรกของพื้นบอ

7

2.2 การเตรยี มนาํ้ การเปลย่ี นถา‹ ยนํ้า และการทําสนี าํ้

ระบบการเล้ียงของฟารมเปนแบบระบบปด นํ้าท่ีสูบเขามาจากคลอง
ธรรมชาติจะถกู เกบ็ ไวทบ่ี อ เกบ็ น้ํา ขนาด 6 ไร เพอ่ื เตรียมไวสาํ หรบั การเลี้ยงกงุ
โดยจะเลือกชวงเวลาการสูบนํ้าเขาบอเก็บน้ําในชวงนํ้าข้ึนสูงสุด และประเมิน
ดูสีนํ้าใหมีความใส ไมมีสี ไมมีตะกอนท่ีมาจากบอเล้ียงกุงนอกฟารม เพ่ือเปน
การลดความเสี่ยงในการนําเชื้อกอโรคเขามาในบอเก็บน้ํา หากน้ํามีตะกอนมาก
มีสเี ขยี วหรอื สแี ดงปน อาจประเมินไดวา เปน นํา้ ท่ีมาจากบอเลี้ยงกงุ ของฟารม อืน่
ฟารม จะไมส บู เขา มาภายในบอ เกบ็ นาํ้ นา้ํ ทนี่ าํ มาใชภ ายในฟารม แลว จะถกู บาํ บดั
และหมนุ เวยี นนาํ กลบั มาใชภ ายในฟารม ซง่ึ จะสบู นา้ํ จากภายนอกเขา มาใชภ ายใน
ฟารม เฉพาะในชวงท่ีไมมกี ารเลี้ยงกุง และเพือ่ ทดแทนน้ําในสวนท่ลี ดลงเทานั้น

2.2.1 การเตรียมนํ้า ฟารม มขี ั้นตอนการเตรยี มนํา้ ดงั น้ี
1) จากคลองธรรมชาติเขาสภู ายในฟารม
- สบู นา้ํ จากคลองธรรมชาตเิ ขา สบู อ เกบ็ นา้ํ ขนาด 6 ไร พกั นา้ํ ไวอ ยา งนอ ย
1 เดอื น เพอื่ ใหป รมิ าณเชอื้ กอ โรคลดจาํ นวนลง หรอื ใหเ ชอ้ื หมดไปเองตามธรรมชาติ
- กอนนํานํ้าเขาสูระบบการเลี้ยงจะสงตรวจหาเช้ือท่ีหองปฏิบัติการของ
ศนู ยวจิ ัยและพฒั นาการเพาะเล้ยี งสัตวนาํ้ ชายฝง ระยอง (ศพช.ระยอง)
- หากตรวจพบเชอ้ื จะทาํ การฆา เชอ้ื ดว ยคลอรนี ความเขม ขน 30 ppm กอ น
และสง ตรวจเชอ้ื อกี ครงั้ เมอื่ ไมพ บเชอ้ื กอ โรคแลว จงึ นาํ นาํ้ เขา สรู ะบบการเลย้ี งได
โดยจะสูบเขาไปทบี่ อ ตกตะกอนกอ น
2) จากบอ เกบ็ น้าํ ภายในฟารม เขาสูระบบการเล้ียง
กอนการนําน้ําจากบอพักนํ้าไปใชเล้ียงกุง นํ้าตองผานกระบวนการบําบัด
กอ นนาํ ไปใช โดยจะตอ งผา นบอ ตกตะกอน บอ ฆา เชอ้ื และบอ ชงนาํ้ (บอ เตรยี มนาํ้ )

8

โดยซากพาหะทตี่ ายจากขนั้ ตอนการเตรยี มนาํ้ จะถกู กาํ จดั โดยปลาทป่ี ลอ ย
ไวในแตล ะบอดังนี้

- ปลากะพงขาว เลีย้ งไวในบอชงเพ่ือใหก นิ ลกู ปลาทห่ี ลุดลอดปนเขา มา
- ปลาหมอเทศ เล้ียงไวในบอฆาเช้ือและบอตกตะกอนเพื่อชวยในการ

ทาํ ความสะอาดบอ
ระบบการเลีย้ งมกี ารหมุนเวยี นน้ําตามลาํ ดับดงั น้ี
2.1) บอตกตะกอน
เปน บอ ท่ีรับนํา้ มาจากบอเลยี้ ง เพ่ือใหสารอนิ ทรียในน้าํ เกดิ การตกตะกอน
เมอื่ นํ้ามคี วามใสมากพอจะถกู สงตอ ไปยังบอฆาเชื้อ
2.2) บอฆา เชอื้
นา้ํ จากบอ นี้ จะมกี ารสง ตรวจหาเชอ้ื อยา งสมาํ่ เสมอ หากตรวจพบเชอื้ กอ โรค
จะทาํ การฆาเชื้อดวยคลอรีนความเขม ขน 30 ppm แตห ากตรวจพบเชอื้ ปรมิ าณ
ไมม าก จะมกี ารใชจ ลุ นิ ทรยี  ปม.1 ชว ยในการกาํ จดั เชอ้ื กอ นจะสง ตอ ไปยงั บอ ชงนา้ํ
2.3) บอ ชงน้าํ
นํ้าในบอน้ี รับตอมาจากบอฆาเช้ือ เปนบอท่ีพรอมใชสําหรับการเลี้ยงกุง
โดยจะสบู นํา้ เขา มาในบอนที้ ีร่ ะดบั ความสูงประมาณ 1.0–1.2 เมตร และจะสง น้าํ
ตรวจหาเชอื้ กอ โรคกอนการปลอ ยกุง
- กรณีตรวจพบเช้ือ EMS/AHPND จะทําการฆาเช้ือดวยคลอรีนและ

สูบน้ําท้ิงออกจากระบบทันที เพ่ือลดความเส่ียงสูงท่ีจะทําใหเกิดโรค
ในระบบการเลี้ยง แตหากตรวจพบเชื้อชนิดอ่ืน จะทําการฆาเชื้อดวย
คลอรนี และสามารถใชในระบบการเลย้ี งตอ ไป
- กรณีตรวจไมพบเชื้อใด ๆ ฟารมจะใชจลุ นิ ทรยี  ปม.1 ในการเตรยี มน้ํา
กอนการลงเลี้ยงกงุ

9

2.2.2 การเปลยี่ นถา‹ ยน้าํ
ฟารม เรมิ่ มกี ารเปลยี่ นถา ยนาํ้ หลงั จากการเลยี้ งได 1 เดอื น ชว งกงุ ขนาดเลก็
จะเปลยี่ นถา ยนาํ้ สปั ดาหล ะ 2–3 ครง้ั ครง้ั ละประมาณรอ ยละ 20 ของนา้ํ ทใี่ ชเ ลย้ี ง
และปรบั ความถขี่ องการเวยี นนาํ้ เพม่ิ ขนึ้ ตามการเจรญิ เตบิ โตของกงุ สาํ หรบั สดั สว น
การเวียนนํ้าในชวงกุงโตจะประเมินจากคาคุณภาพนํ้า โดยเฉพาะสารประกอบ
ไนโตรเจนของระบบน้ําหมุนเวียนชีวภาพ โดยน้ําที่ถูกเปลี่ยนถายออกมาจาก
บอเล้ียงจะถูกสงตอไปยังบอตกตะกอน บอฆาเช้ือ และบอชงน้ํา ตามลําดับ
กอนสงกลับเขามายังบอเลี้ยง เพื่อเปนการลดการท้ิงนํ้าและผลกระทบตอ
แหลงนํ้าภายนอกฟารม นอกจากนี้ การหมุนเวียนนํ้ากลับมาใชใหมน้ียังเปน
การลดความเส่ียงในการนําเชื้อโรคและพาหะตาง ๆ ของโรคจากการสูบนํ้า
จากแหลงน้ําที่เส่ือมโทรมเขา มาในบอเลยี้ งกุงอีกดวย
2.2.3 การทําสนี ํา้
ฟารมมีการใชสีนํ้าเทียมในชว งกงุ อายไุ มเกนิ 1 เดอื น โดยการลงสีน้าํ เทยี ม
เพียง 2 คร้ัง ซ่ึงครั้งที่ 1 จะลงสีนํ้าเทียมกอนมีการลงกุง ทําการตรวจสอบ
ความโปรงใสของน้ํา หากมีคาความโปรง ใสมากขนึ้ จะลงสีนํา้ เทียมซ้าํ อีก 1 ครั้ง
ในชว งวนั ที่ 15–20 ของการเลีย้ ง วตั ถุประสงคของการใสส ีนํ้าเทียมเพือ่ ควบคุม
ปริมาณแพลงกตอนไมใหเพิ่มจํานวนในปริมาณที่มากเกินไปในบอเลี้ยง ในชวง
เดือนแรก ยังไมมกี ารเปล่ียนถายนา้ํ เนอ่ื งจากการเปลีย่ นถา ยนาํ้ ในชวงเดอื นแรก
นั้นเปนอันตรายตอตัวกุง จึงตองควบคุมสีน้ําเพ่ือควบคุมปริมาณแพลงกตอน
ใหอ ยูในระดับทีเ่ หมาะสม
การทาํ สนี า้ํ หลงั จากกงุ อายุ 1 เดอื น ทาํ ไดโ ดยใชน า้ํ หมกั สบั ปะรด 200 ลติ ร
ตอ บอ สนี าํ้ ทไี่ ดจ ะออกสนี า้ํ ตาล ไมม กี ารใชส นี า้ํ วทิ ยาศาสตร ปรมิ าณแพลงกต อน
ในบอใชก ารสังเกตความโปรงใสของน้าํ และจากการวัดความโปรงใส

10

2.3 การคัดเลอื กลกู พันธกุ Œงุ

การคดั เลือกลกู พันธุกุง มีวธิ กี าร ดงั นี้
1) ซ้ือลูกพันธุจากแหลงที่ซื้อขายเปนประจํา โดยขนาดกุงตองมีขนาด
สม่ําเสมอและสัมพันธกับชวงระยะของกุง โดยจะเนนย้ํากับผูขายใหมีการนําสง
ลูกพันธุท่ีดี แตหากตรวจสอบแลวพบวาคุณภาพลูกพันธุไมตรงตามที่ตกลงกันไว
จะคนื ลกู พนั ธกุ ลบั ทนั ที กรณซี อ้ื ลกู พนั ธจุ ากแหลง ใหม จะตดิ ตอ รบั ตวั อยา งลกู กงุ
ไปสงตรวจหาเชอ้ื ท่ี ศพช.ระยอง ดว ยตนเอง
2) มีการทดสอบลูกพันธุกุง โดยการนําลูกพันธุประมาณ 100 ตัว
ใสลงนํ้าจืดที่ไดเตรียมไว แชท้ิงไวประมาณ 20–30 นาที หากพบวามีกุงตาย
มากกวา 5 ตัว แสดงถงึ ความไมแขง็ แรงของลูกกงุ และจะคืนลกู กุงชดุ นน้ั ทนั ที

2.4 การปลอ‹ ยลกู กŒุงลงเลย้ี ง

ฟารมนําลูกกุงจากโรงอนุบาลท่ีทําการซื้อขาย ระยะ PL12 ขึ้นไป
ปลอยลงสูบอโดยไมมีการชําลูกกุง และมีการปรับสภาพนํ้าบอเลี้ยงใหมีคา
ใกลเคียงกับนํ้าจากโรงอนุบาลกอนปลอยลงบอเลี้ยง รวมท้ังมีการควบคุมโรค
โดยการสง ตวั อยา งลกู กงุ ตรวจหาเชอื้ ทห่ี อ งปฏบิ ตั กิ ารของ ศพช.ระยอง สปั ดาหล ะ
1 ครัง้ ตั้งแตเรมิ่ เลี้ยง

3 การใหอŒ าหาร 11

การเลย้ี งกงŒุ ใชอŒ าหารสดในชว‹ งแรก และตอ‹ มาผสมกบั อาหารสาํ เร็จรปู
แลวŒ คอ‹ ย ๆ ลดอัตราสว‹ นลงจนเหลอื ใชŒอาหารสาํ เร็จรูปเพียงอย‹างเดยี ว
โดยมีการปรับเปล่ียนตามอายกุ Œงุ ดังน้ี

3.1 การใหอŒ าหารกุงŒ

อายุกŒงุ ประเภทอาหาร ปรมิ าณอาหารท่ีใชŒ จํานวนครั้งต‹อวัน

(ตอ‹ กุŒง 100,000 ตัว)

1–10 วนั ปลาตมแบบไมบด 1 กิโลกรมั หวานมอื 2 มื้อ
11–15 วัน (เวลา 07.00 และ 17.00 น.)

15 วนั ปลาตม + อาหาร 1 กโิ ลกรัม หวา นมือ 2 มื้อ
ขึ้นไป สําเร็จรปู (เวลา 07.00 และ 17.00 น.)

1 เดือน อาหารสาํ เรจ็ รปู 1 กโิ ลกรัม หวานมอื 3 มื้อ
ขึ้นไป เบอร 2 (เวลา 07.00, 12.00 และ 17.00 น.)

อาหารสาํ เรจ็ รปู 1 กโิ ลกรัม หวา นมอื 3 มื้อ
เบอร 3 (เวลา 07.00, 12.00 และ 17.00 น.)

• ใชเครือ่ งหวา นอาหารอัตโนมตั ิในการหวานอาหาร ปริมาณอาหารทีใ่ ห
ตรวจสอบจากปริมาณอาหารในยอ

• ใชอาหารเบอร 3
• ถามีอาหารเหลือ ในวนั ถัดไปจะลดปริมาณอาหารลง
• ถา ไมม อี าหารเหลือ จะเพิ่มปริมาณอาหารในวันถดั ไป
• ในแตล ะวันจะมีการปรับปริมาณอาหารตามอายุของกงุ

* เคร่อื งหวานอาหารอัตโนมตั ิ (Automatic Feeder) ตดิ ต้ังบอละ 1 เครอื่ ง บริเวณก่งึ กลางรศั มีของบอ ฝง ทน่ี ํ้าลึก

12

3.2 การใหอŒ าหารตามปริมาณอาหารทก่ี ุงŒ กิน

โดยจะทําการตรวจสอบปริมาณความตองการกินอาหารของกุงจากยอ
อยางสมํา่ เสมอ ดงั น้ี

3.2.1 การใหอŒ าหารแบบหว‹านมอื
มีการปรับปริมาณอาหารแบบม้ือตอม้ือ โดยใสอาหารในยอ 1 กรัมตอ
ปริมาณอาหารท่ใี ห 1 กโิ ลกรัม แลว ตรวจสอบจากยอ 3 ชวง ดงั น้ี
- หากมีอาหารเหลือในยอ จะปรับปริมาณอาหารลดลง และกลับมา

ตรวจสอบทุก 2 ชั่วโมง
- หากอาหารในยอหมด จะเพิ่มปริมาณอาหาร 1 กิโลกรัมตอกุง

100,000 ตวั และกลบั มาตรวจสอบยอทกุ 1 ชวั่ โมง หากอาหารหมดอกี
จะปรบั ปรมิ าณอาหารเพม่ิ ขน้ึ 2 กโิ ลกรัมตอ กงุ 100,000 ตัว
3.2.2 การใหŒอาหารโดยใชŒเคร่ืองหว‹านอาหารอัตโนมตั ิ
ฟารม ทาํ การติดต้ังยอ 2 จุด บรเิ วณวงในและวงนอกของการเหวี่ยงอาหาร
และทําการตรวจสอบเมื่อเคร่ืองหวานอาหารออกไปแลว นับเวลา 1–10 วินาที
แลว ยกยอตรวจสอบ ภายในยอจะตอ งไมม อี าหารเหลอื อยู และปรบั เพมิ่ ลดวนิ าที
ในการเหวี่ยงอาหารตามความเหมาะสม จากการตรวจสอบอาหารท่ีเหลอื ในยอ
การปรับเบอรอาหาร ฟารมจะปรับสัดสวนเบอรอาหารครั้งละประมาณ
รอยละ 25 ตอม้อื ในชวงทมี่ ีการปรบั เปลย่ี นเบอรอาหาร

13

3.3 การเตรียมอาหาร

ฟารมมีการใชนํ้าหมักสับปะรด (หมักวิธีเดียวกับสูตรหมักที่ใชสาดบอ
แตใชเ วลาหมกั เพยี ง 45 วนั ) คลกุ เคลาผสมอาหารใหกงุ กิน ในอตั ราสวนนา้ํ หมกั
สับปะรด 1.0–1.5 ลิตรตออาหารกุง 25 กิโลกรัม และสามารถนําไปใหกุงกิน
ไดเ ลย

เนอ่ื งจากขนั้ ตอนการเลยี้ งกงุ ของฟารม ไมม กี ารใชส ารเคมี สงิ่ ทเ่ี สรมิ เขา ไป
ในอาหารจึงมีเพียงนาํ หมักสบั ปะรดเทาน้นั

14

การควบคมุ

4 คุณภาพนํ้าในบอ‹ เล้ียง

4.1 มีการตดิ ตั้งทอ‹ ดดู เลนในบ‹อเล้ยี ง

โดยใชท อ ขนาดเสน ผา นศนู ยก ลาง 3 นว้ิ ปม นา้ํ ขนาด 3 แรงมา และทาํ การ
ดูดเลนออกในวันท่ี 20 ของการเลีย้ งเปนตน ไป โดยดูดเลนออกทกุ วัน ในชวงเชา
และเยน็ เปน ระยะเวลา 15–20 นาทตี อ ครงั้ เพอื่ ลดปรมิ าณสารอนิ ทรยี ท อ่ี ยใู นนาํ้

4.2 ฟารมมกี ารควบคมุ คณุ ภาพนํ้าใหŒอย‹ูในเกณฑ
ท่ีเหมาะสม และมีการตรวจวัดคณุ ภาพน้ํา ดังน้ี

1) ฟารม ตรวจวดั ดว ยตนเองทุกวนั วันละ 2 เวลา ในชว งเชาและบา ย
โดยการตรวจวดั คา pH แอมโมเนยี ไนไตรท ไนเตรท และอลั คาลนิ ติ ี้ (สภาพความ
เปน ดา ง หรอื ความสามารถของนา้ํ ทที่ าํ ใหก รดเปน กลาง) การเลย้ี งกงุ โดยใชร ะบบ
นํ้าหมุนเวียนชีวภาพสามารถควบคุมปริมาณไนเตรทในบอ ใหอยูในชวงไมเกิน
70 มลิ ลิกรัมตอ ลติ ร

15

2) ฟารมสงตัวอยางน้ําในบอเลี้ยงและบออื่น ๆ ในระบบการเลี้ยง
ไปตรวจสอบทห่ี อ งปฏบิ ตั กิ ารสปั ดาหล ะ 1 ครงั้ โดยเกณฑค ณุ ภาพนา้ํ ทใ่ี ชเ ลย้ี งกงุ
ของฟารม มีดงั น้ี

คา‹ วธิ ีการจดั การ
พารามิเตอร เกณฑท ค่ี วบคุม

ความโปรง‹ ใส ไมต าํ่ กวา การทาํ สีนํา้ เพื่อควบคุมไมใหเ กดิ การเพม่ิ
30 เซนติเมตร จํานวนของแพลงกต อนมากเกนิ ไป
pH • ชวงกงุ เล็กควบคุมโดยการทาํ สีน้ํา
แอมโมเนีย 7.7 ± 0.2 • ชว งกุงโตควบคมุ โดยการเปล่ียนถายน้ํา
มกี ารปรับสภาพนาํ้ โดยการใชจุลินทรีย
(NH3) 0.5–1.0 เขา มาชว ยในการยอ ยสลายสารอินทรีย
ไนไตรท มลิ ลกิ รัม/ลิตร
(NO2) เพม่ิ คา อลั คาลนิ ติ โี้ ดยการใชป นู รอ น (MgO)
ไนเตรท ไมเกนิ 3 แตหากมคี าตา่ํ มากจะใช
(NO3) มลิ ลิกรัม/ลติ ร ปนู โซเดยี มไบคารโบเนต (NaHCO3)
แทน
อัลคาลนิ ิต้ี ไมเกิน 70
มิลลกิ รมั /ลติ ร
ไมตาํ่ กวา 150
มิลลิกรัม/ลิตร

16

4.3 การใชŒจลุ ินทรยี 

ฟารมเนนการใชจุลินทรียเพ่ือควบคุมคุณภาพน้ําระหวางการเลี้ยงแทน
การใชสารเคมีดงั น้ี

1) จุลนิ ทรีย ปม.1 หรือ ปม.2

มีการใชใ นชวงการเตรยี มนาํ้ และในระหวา งการเล้ียง ปรมิ าณ 200 ลติ รตอ ไร
โดยใชว นั เวน วนั ตลอดระยะเวลาการเลย้ี ง เพอ่ื ชว ยควบคมุ คณุ ภาพนา้ํ และปรมิ าณ
เช้ือกอโรค โดยจะใชในชวงเชา ของวนั

วิธีการเตรยี ม
จุลนิ ทรีย ปม.1 หรือ ปม.2 สูตรน้ํา 200 มลิ ลิลติ ร (หรือแบบซอง 2 ซอง)
กากนาํ้ ตาล 1 ลติ ร (1.5 กิโลกรัม)
อาหารกุง 1 กํามอื

ระยะเวลาการเปาเตมิ อากาศ พบวา
• จุลนิ ทรยี  ปม.1 หรือ ปม.2 แบบนํ้า ควรขยายที่ 24 ชัว่ โมง

พบวาไดประสิทธิภาพมากท่ีสดุ
• จุลินทรยี  ปม.1 แบบผง ควรขยายที่ 36 ชว่ั โมง

พบวา ไดป ระสิทธภิ าพมากทส่ี ดุ

17

2) จุลนิ ทรยี นํา้ แดงหรือจุลินทรยี ส ังเคราะหแ สง

เริ่มใสบอเล้ียงในชวงกงุ อายุ 1.5–2.0 เดือน หรือชวง
ที่กุงเร่ิมกินอาหารเพ่ิมขึ้น เพ่ือชวยควบคุมปริมาณ
ไฮโดรเจนซัลไฟด (H2S) ท่ีพ้ืนบอ โดยใสสัปดาหละครั้ง
ครง้ั ละ 5 ลติ รตอ ไร

วิธกี ารเตรยี ม 1 ชอนโตะ
ไขไ ก 1 ชอนโตะ
น้ําปลา 1 ชอ นโตะ
ผงชูรส 50 มลิ ลลิ ิตร
หัวเชอ้ื จลุ ินทรยี 

ผสมกับน้ําใหไดปรมิ าณรวม 1 ลิตร ใสขวดโปรง แสง
และตากแดดไวประมาณ 15–20 วัน หรือจนกวาจะมี
สแี ดงเขม โดยใชอ ัตราสว น 5 ลติ รตอไร

3) นาํ้ หมกั สบั ปะรด

ใชในกรณีที่ตรวจพบเช้ือในบอระหวางการเลี้ยงเปน
จํานวนมาก โดยจะทําการสาดท่ัวบอ เพ่ือชวยเสริม
ประสิทธภิ าพรวมกับจลุ นิ ทรยี  ปม.1

สวนผสมนา้ํ หมักสับปะรด ประกอบดวย
สับปะรด 20 กโิ ลกรมั
กากน้ําตาล 20 กโิ ลกรมั
น้าํ 200 ลิตร
จลุ ินทรยี  EM (ถา ไมม ี ไมตองใส)

ผสมสวนผสมรวมกันแลวหมักไวเปนเวลา 3 เดือน
ข้นึ ไป

18

การเฝา‡ ระวงั สุขภาพลกู กุŒง

5 ระหวา‹ งการเลยี้ ง

สขุ ภาพลกู กงŒุ มคี วามสาํ คญั เปนš อยา‹ งมากตอ‹ ตนŒ ทนุ และความสาํ เรจ็
ในการประกอบอาชีพเลยี้ งกงŒุ การเฝา‡ ระวงั สขุ ภาพลกู กงŒุ ระหวา‹ งการเลยี้ ง
จึงมคี วามสาํ คญั เปนš อยา‹ งมาก เพอ่ื เปนš การปอ‡ งกนั และควบคมุ การเกดิ โรค
หรอื หากตรวจพบโรคหรอื ป˜ญหา เกษตรกรสามารถแกŒไขป˜ญหาไดŒ
ทนั ทว‹ งทีกอ‹ นที่จะเสยี หายไปมาก โดยมกี ารดาํ เนนิ การดงั นี้

5.1 การตรวจสอบจากยอ

โดยการตรวจสอบจากปริมาณอาหารในยอ หากมีปริมาณอาหารเหลือ
อาจประเมินไดวากุงยังกินอาหารไมหมดหรือเกิดจากการท่ีกุงสุขภาพไมแข็งแรง
จึงกนิ อาหารนอย

19

5.2 การตรวจสอบจากลักษณะภายนอก

ลักษณะภายนอก การสังเกต

สตี บั มีสีดํา ไมซ ดี ขาว พตู บั มีขนาดใหญ ไมลีบฝอ

ลาํ ตวั ไมมแี ผลภายนอก ถามีอาจประเมินไดว านาํ้ ไมส ะอาด

เหงือก ตอ งสะอาด ไมมสี ีเขม

ขาว‹ายนาํ้ ไมเ ปน สแี ดง ถา เปน สีแดงประเมินไดว า กงุ เกดิ ความเครียด
และหาง ควรตรวจวดั คณุ ภาพนาํ้ และเพม่ิ อากาศภายในบอ ทนั ที

ไมยาว ไมส ัน้ เกินไป หากพบขกี้ ุงยาวเกนิ ไปอาจประเมนิ ไดว า
ข้ีกงุŒ มีการใหอ าหารเกนิ ความจาํ เปน สีควรเปน สเี ดยี วกบั อาหารที่ให

หากเปนสีแดงอาจคาดการณไ ดวามกี ุงตายในบอ

5.3 การส‹งตรวจในหŒองปฏิบัตกิ าร

มกี ารตรวจสขุ ภาพกงุ และคณุ ภาพนา้ํ ทใี่ ชเ ลย้ี งกงุ เปน ประจาํ โดยการ
เก็บตัวอยางน้ําสงไปตรวจท่ี ศพช.ระยอง หากผลการวิเคราะหพบวา
มีเช้ือกอโรค หรือพบปริมาณเชื้อมีคาเกินกวาคามาตรฐานท่ีกําหนด จะรีบ
ดําเนนิ การควบคุมโรค การรกั ษา และแกไขปญ หาทันที

20

การจัดการดาŒ นความเส่ยี ง

6 ของเชือ้ โรค

ชว‹ งทมี่ คี วามเสยี่ งตอ‹ การตดิ เช้ือไวรสั เชน‹ ชว‹ งรอยตอ‹ ของอากาศ
และฤดกู าล จะมกี ารควบคมุ คณุ ภาพนา้ํ ในรอบวนั ไมใ‹ หเŒ ปลย่ี นแปลงมาก
โดยมีการจดั การเบ้ืองตนŒ ตอ‹ การเกดิ โรคแตล‹ ะโรคดังน้ี

6.1 โรคตายดว‹ น (EMS/AHPND)

เนนการคัดเลือกลูกพันธุที่ไมมีเช้ือปนเปอนเปนสําคัญ ควบคูไปกับ
การจัดการระบบนํา้ ใหส ะอาดและมคี ณุ ภาพน้าํ คงทตี่ ลอดการเลีย้ ง
หากตรวจพบเชื้อ จะทําการถายน้ําออกรอยละ 60–70 และ
เตมิ นาํ้ ใหมท ดแทน งดอาหารจนกวา กงุ จะหยดุ ตาย จงึ จะเรม่ิ ใหอ าหาร
อีกครั้ง

6.2 กล‹มุ อาการข้ีขาว

เนนการควบคมุ ปริมาณอาหารและคณุ ภาพน้ําใหเหมาะสม แมอาหารจะ
ไมใ ชส าเหตหุ ลกั และมผี ลตอ อาการขข้ี าวในระดบั ตา่ํ แตห ากมปี จ จยั อน่ื ไป
กระทบตอ สัตวนํา้ อาหารจะมีผลตอ การเกดิ โรคทนั ที

6.3 ไวรัส หากตรวจพบวา กงุ ตดิ เชื้อไวรสั จะกําจัดท้งิ ทนั ที
6.4 EHP หากตรวจพบเชอื้ EHP จะแกไ ขปญ หาโดยการเพม่ิ ปรมิ าณนาํ้ หมกั

สบั ปะรดท่ีใชสําหรับผสมอาหาร

21

การจดั การระบบการเลย้ี ง

7 ในแตล‹ ะช‹วงฤดกู าล

7.1 ฤดฝู น

ขอดีของการเล้ียงกุงในฤดูฝน คือ น้าํ มีคณุ ภาพดี
แตต อ งระมดั ระวงั ในเรอ่ื งความเขม ของสนี า้ํ การตายของ
แพลงกตอน การเปลี่ยนแปลงของคุณภาพน้ําอยาง
ฉับพลัน เน่ืองจากในฤดูฝนเปนชวงท่ีมักประสบปญหา
อากาศปด จึงตองคอยสังเกต หากอากาศปดมากกวา
2 วัน จะเริ่มทําการเปล่ียนถายน้ํา เพ่ือปองกันการเกิด
แพลงกตอนบลูมหรือดรอป การพิจารณาการเปล่ียน
ถายน้ําในชวงอากาศปดจะพิจารณาจากระดับความ
โปรง ใสของน้าํ ดังนี้

หากความโปร‹งใสมคี ‹ามากกว‹า 50 เซนติเมตร
อยใู นเกณฑท ่ยี ังไมต อ งทาํ การเปลยี่ นถา ยนํา้
หากความโปร‹งใสมคี ‹าตํา่ กว‹า 30 เซนติเมตร
จะทําการเปลี่ยนถายน้ําออกบางสวน ใหน้ํามีระดับความโปรงใส
อยูในชวง 35–40 เซนติเมตร แตกรณีการเล้ียงในชวงกุงขนาดใหญ
จะควบคมุ ความโปรง ใสใหไ มเ กนิ 20 เซนตเิ มตร เพราะหากนาํ้ ใสมาก
ตวั กงุ จะสีไมสวย

22

7.2 ฤดรู อŒ น

การเลย้ี งกงุ ในฤดรู อ น ตอ งเนน ใหม กี ารไหลเวยี นนา้ํ
ในระบบการเลี้ยงมากข้ึนกวาฤดูอื่น เน่ืองจากความเขม
ของสีน้ําจะมีผลตอปริมาณแพลงกตอนที่เพ่ิมขึ้นรวดเร็ว
กวา ฤดอู นื่ และนา้ํ มคี วามเคม็ สงู จงึ ตอ งมกี ารหมนุ เวยี นนา้ํ
มากขน้ึ เพื่อลดความเขม ของสีนา้ํ และความเค็มของนา้ํ

7.3 ฤดูหนาว

การเลย้ี งกงุ ในฤดหู นาว มกั พบปญ หาเกย่ี วกบั การ
กินอาหารของกุง ฟารมจะปรบั ระบบการเลีย้ งโดยในชวง
2 เดือนแรก จะลดปริมาณนํา้ ในบอใหอ ยูที่ระดับความสงู
80–100 เซนติเมตร และปรับเวลาการใหอ าหาร โดยเริม่
ใหอาหารชากวา ชวงเวลาปกติ สาํ หรบั มอื้ แรกเรม่ิ ใหเ วลา
09.00 น. มอื้ สดุ ทา ยจะใหเ วลา 20.00 น. เนอ่ื งจากในชว ง
เวลาดงั กลา วนาํ้ จะมอี ุณหภมู ิสูง

8 ระบบการใหอŒ ากาศ 23

ระบบการใหอŒ ากาศเนนŒ การหมนุ เวียนของกระแสนา้ํ ใหมŒ กี ารหมนุ เวียน
ท่วั บอ‹ และการใหอŒ อกซิเจนอย‹างพอเพียงในบ‹อ

แผนผงั เคร่อื งใหอŒ ากาศ

2ภาพที่

24

8.1 ระบบการใหอŒ ากาศ

ฟารมมีการติดต้ังมอเตอรไฟฟา ขนาด 3 แรงมา จํานวน 2 ตัวตอไร
รูปแบบมอเตอร 1 แขน แขนละ 11–13 ใบพัด ตดิ ตัง้ ทมี่ มุ บอ ทกุ จดุ และบริเวณ
กลางบอ

8.2 แผนการเปด –ปด เครือ่ งใหŒอากาศของฟารม

ควบคมุ โดยคนงาน โดยมีการเปด–ปด ดังน้ี

ความหนาแน‹นท่ีปล‹อย ชว‹ งเวลา จํานวนเครื่องใหอŒ ากาศ
(ตัว/ไร‹) (ตวั )

50,000–80,000 กลางวนั ไมเปด
100,000–150,000 กลางคนื 2
กลางวนั 2
กลางคืน 3

หมายเหตุ : ในชว งอากาศปด จะพิจารณาการเปด–ปดเครอ่ื งใหอากาศตามสถานการณ

การจับกงŒุ และ 25

9 การจาํ หนา‹ ย
ฟารม มกี ารประเมนิ ขนาดกงŒุ โดยภายในระยะเวลาการเลยี้ ง 2 เดอื น
กุŒงตŒองมีขนาดประมาณ 100 ตัวต‹อกิโลกรัม และฟารมมีการสุ‹มกุŒง
ทุกสัปดาห เพื่อตรวจสอบขนาดและการเจรญิ เติบโต

การจําหนายกุงจะตัดสินใจจากสุขภาพกุง
ราคาของตลาด จุดคุมทุน และจุดท่ีไดกําไรสูงสุด
ถา องคป ระกอบทง้ั หมดเหมาะสมจะทาํ การจาํ หนา ยกงุ
ในชวงนั้น โดยฟารม มกี ารจําหนาย 2 รูปแบบ

9.1 กงุŒ ที่ตายแลŒว

โดยการจาํ หนา ยใหก ับแพกุง ทีม่ หาชัย

9.2 กุŒงมีชีวิต

โดยรถขนสงท่ีมีออกซิเจน หรือที่เรียกกันวา
กงุ ออ ก ขนาดทจ่ี าํ หนา ยตอ งตรงกบั ความตอ งการของ
ชว งท่รี บั ซือ้ ซงึ่ การจาํ หนายกงุ ออ กจะไดราคาสงู กวา
กงุ ตาย ประมาณ 5 บาทตอ กโิ ลกรมั และจะไดป รมิ าณ
นํ้าหนักเพ่ิมขึ้นประมาณรอยละ 5 (จากน้ําหนัก
ของนา้ํ )

26

เคล็ดลบั ความสาํ เรจ็ /

10 ส่งิ ที่ตŒองการสอ่ื สารสูเ‹ กษตรกรรายอ่นื

เคล็ดลับความสําเร็จ 2 ประการสําคัญ ที่คุณศุภโชคตŒองการใหŒ
คาํ แนะนาํ สาํ หรบั เกษตรกรผเŒู ลยี้ งกงŒุ รายอนื่ ไวเŒ ปนš แนวทาง ประกอบดวŒ ย

10.1 เทคนคิ การบรหิ ารจดั การดŒานตนŒ ทนุ ใหตŒ นŒ ทนุ ตาํ่

• เลี้ยงกุงไมใหปวยหรือไมสะดุด โดยใชจุลินทรียและความปลอดภัยทางชีวภาพ
ในฟารม
• หาแหลงลูกพันธุทด่ี ี
• ควบคุมคุณภาพนํ้าใหนงิ่
• เลย้ี งในบอ ทเี่ ลก็ และความหนาแนน ตา่ํ จะลดตน ทนุ ในการบรหิ ารจดั การไดเ ปน
อยา งมาก

10.2 เทคนคิ ทที่ าํ ใหเŒ ลยี้ งกงŒุ ประสบความสาํ เรจ็ และมกี าํ ไร

• บริหารจัดการการเล้ียงอยางมีประสิทธิภาพ ครอบคลุมทุกประเด็นของการ
จดั การเลยี้ ง
• จัดการปญหาตา ง ๆ ที่เกดิ ขึน้ ใหล ลุ ว งไปอยา งรวดเรว็
• ลดขนาดบอเลี้ยง และปลอยที่ความหนาแนนต่ํา เปนการลดของเสียที่เกิดขึ้น
ในบอ ลดความเครยี ดท่ีเกดิ ขึ้นกบั กุงระหวางการเล้ยี ง รวมถงึ ลดการนาํ นาํ้ ใหม
เขา ฟารม สงผลใหลดความเส่ยี งในการนําเช้อื กอโรคกุงเขา ฟารม กงุ มีสขุ ภาพดี
แขง็ แรง ปอ งกันการเกดิ โรค และสามารถเลยี้ งจนไดข นาดตามทตี่ อ งการ

เคลด็ ลับความสําเรจ็ กุงŒ ไดŒขนาดตามตอŒ งการ
ควบคมุ ปรมิ าณผลผลิตไดคŒ งที่
บรหิ ารจดั การไดอŒ ย‹างท่วั ถึง ตŒนทนุ การเลย้ี งต่ํา กาํ ไรสูง
สามารถแกไŒ ขปญ˜ หาไดทŒ ันเวลา ใชŒระบบการเลย้ี งแบบระบบนา้ํ
ลดความเสย่ี งในการเกดิ โรค หมุนเวียนชีวภาพและเลี้ยงท่ี
ลดอัตราการตายระหว‹างการเลย้ี ง ความหนาแนน‹ ตํ่า ลดตนŒ ทุน
เพ่ิมศักยภาพในการเล้ยี งไดŒดขี ึน้
ปรบั เปลีย่ นวิธีการเลยี้ งภายใตŒ เลือกลูกพนั ธุท ีแ่ ขง็ แรง
เงอื่ นไขและขอŒ จํากดั ของตนเอง ลดการใชสŒ ารเคมี

3ภาพที่ 27

28

11 ผลผลติ และรายละเอยี ด
การเล้ียงของฟารมตอ‹ ป‚

หวั ขŒอ จํานวน
ผลผลติ กŒุง 4.25 ตัน (1.416 ตนั ตอ‹ ไร)‹
มูลคา‹ ผลผลติ 150,000 บาทตอ‹ ตนั
ผลผลติ เฉล่ยี 6–9 ตันตอ‹ ไร‹ต‹อป‚
พ้ืนที่ฟารม ท้งั หมด 30 ไร‹
จํานวนบอ‹ เลย้ี ง 3 บ‹อ
ขนาดบ‹อเล้ียงเฉลี่ย 3.5 ไร‹
อตั ราการปลอ‹ ย 80,000–100,000 ตวั ต‹อไร‹
ความหนาแน‹น 48 ตัวตอ‹ ตารางเมตร
อัตราแลกเนื้อ (FCR) 1.15
จาํ นวนรอบการเลย้ี ง 3 รอบตอ‹ ป‚
อัตรารอด รอŒ ยละ 77.60
ขนาดกุŒงทีจ่ ับจาํ หน‹าย
เฉลย่ี 42 ตวั ต‹อกิโลกรมั




Click to View FlipBook Version