ใบความรู้ เรื่อง พระบาทสมเด็จ พระพุทธยอดฟ้าจุฬา โลกมหาราช
พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช มี พระนามเดิมว่า ทองด้วง เสด็จพระราชสมภพเมื่อวันที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2279 (วันที่ 20 เดือน 4 ตามปีจันทรคติ) ใน แผ่นดินสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศแห่งอาณาจักรอยุธยา พระองค์เป็นบุตรคนที่ 4 ของพระอักษรสุนทรศาสตร์ (ทอง ดี) ซึ่งต่อมาได้รับการสถาปนาขึ้นเป็นสมเด็จพระปฐมบรม มหาชนก กับพระอัครชายา (หยก) เมื่อเจริญวัยขึ้นได้ถวาย ตัวเป็นมหาดเล็กในสมเด็จเจ้าฟ้ากรมขุนพรพินิต (ต่อมาคือ สมเด็จพระเจ้าอุทุมพร)
ครั้นพระชนมายุครบ 21 พรรษา ก็เสด็จออกผนวชเป็น ภิกษุอยู่วัดมหาทลาย 1 พรรษา แล้วลาผนวชเข้ารับ ราชการเป็นมหาดเล็กหลวงในสมเด็จพระเจ้าอุทุมพรดังเดิม เมื่อพระชนมายุได้ 25 พรรษา พระองค์เสด็จออกไปรับ ราชการที่เมืองราชบุรีในต าแหน่ง "หลวงยกกระบัตร" ใน แผ่นดินสมเด็จพระที่นั่งสุริยาศน์อมรินทร์ และได้สมรสกับ คุณนาค (ภายหลังได้รับการสถาปนาที่สมเด็จพระอมริน ทราบรมราชินี) ธิดาในตระกูลเศรษฐีมอญที่มีรกรากอยู่ที่ บ้านอัมพวา เมืองสมุทรสงคราม
ในวันที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2325 หลังจากได้ส าเร็จโทษ พระเจ้าตากสินแล้ว สมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึกได้ขึ้น ปราบดาภิเษกเป็นปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์จักรี ขณะที่มี พระชนมายุได้ 46 พรรษา พระองค์โปรดเกล้าฯ ให้ย้ายราช ธานีจากกรุงธนบุรีราชธานีเดิมที่อยู่ฝั่งตะวันตกของแม่น้ า เจ้าพระยามายังฝั่งตะวันออกของแม่น้ าเจ้าพระยา พระองค์ โปรดให้สร้างพระราชวังหลวงและโปรดเกล้าฯ ให้อัญเชิญ พระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากรมาประดิษฐานยัง วัดพระศรี รัตนศาสดาราม หลังจากนั้น ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ จัดงานฉลองสมโภชพระนครเป็นเวลา 3 วัน
ครั้งเสร็จการฉลองพระนครแล้ว พระองค์พระราชทานนาม พระนครแห่งใหม่ให้ต้องกับนามพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมา กรว่า "กรุงเทพมหานคร บวรรัตนโกสินทร์ มหินทรายุธยา มหาดิลกภพ นพรัตนราชธานีบุรีรมย์ อุดมราชนิเวศน์มหา สถาน อมรพิมานอวตารสถิต สักกะทัตติยวิษณุกรรม ประสิทธิ์" หรือเรียกอย่างสังเขปว่า "กรุงเทพมหานคร"
หลังจากการฉลองวัดพระแก้วแล้ว ก็ทรงพระประชวร ด้วยพระโรคชรา พระอาการทรุดลงไปเรื่อย ๆ จนกระทั่ง เสด็จสวรรคตเมื่อวันที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2352 ณ พระที่นั่ง ไพศาลทักษิณ รวมพระชนมพรรษาได้ 73 พรรษา เสด็จอยู่ ในราชสมบัติ 27 ปี พระบรมศพถูกเชิญลงสู่พระลองเงินประกอบด้วยพระ โกศทองใหญ่แล้วเชิญไปประดิษฐานไว้ ณ พระที่นั่งดุสิตมหา ปราสาท ภายใต้พระมหาเศวตฉัตร ตั้งเครื่องสูงและเครื่อง ราชูปโภคเฉลิมพระเกียรติยศตามโบราณราชประเพณี
พระสงฆ์สวดพระอภิธรรม โคมกลองชนะตามเวลา ดังเช่นงานพระบรมศพพระเจ้าแผ่นดินสมัยกรุงศรีอยุธยา ทุกประการ จนกระทั่ง พ.ศ. 2354 พระเมรุมาศซึ่งสร้างตาม แบบพระเมรุมาศส าหรับพระเจ้าแผ่นดินสมัยกรุงศรีอยุธยา ได้สร้างแล้วเสร็จ จึงเชิญพระบรมโกศจากพระที่นั่งดุสิตมหา ปราสาทขึ้นประดิษฐาน ณ พระเมรุมาศ แล้วจักให้มีการ สมโภชพระบรมศพเป็นเวลา 7 วัน 7 คืน จึงถวายพระเพลิง พระบรมศพ หลังจากนั้น มีการสมโภชพระบรมอัฐิและ บ าเพ็ญพระราชกุศล
เมื่อแล้วเสร็จจึงเชิญพระบรมอัฐิประดิษฐาน ณ หอพระธาตุ มณเฑียร ภายในพระบรมมหาราชวัง ส่วนพระบรมราช สรีรางคารเชิญไปลอยบริเวณหน้าวัดปทุมคงคาราชวรวิหาร พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ทรง สถาปนากรุงเทพมหานคร (หรือกรุงรัตนโกสินทร์) เป็นราช ธานี และทรงสถาปนาราชวงศ์จักรีปกครองราชอาณาจักร ไทยเมื่อ 6 เมษายน พ.ศ. 2325 (วันจักรี) ภายหลังการเสด็จ เสวยราชย์แล้ว
พระองค์ทรงมีพระราชกรณีกิจที่ส าคัญยิ่ง คือ การป้องกัน ราชอาณาจักรให้ปลอดภัยและทรงฟื้นฟูวัฒนธรรมไทยอัน เป็นมรดกตกทอดมาตั้งแต่สมัยสุโขทัยและอยุธยา การที่ไทย สามารถปกป้องการรุกรานของข้าศึกจนประสบชัยชนะทุก ครั้ง แสดงให้เห็นถึงความเข้มแข็งของพระองค์ในการ บัญชาการรบอย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สงครามกับพม่าใน พ.ศ. 2328 ที่เรียกว่า "สงครามเก้าทัพ"
นอกจากนี้พระองค์ยังพบว่ากฎหมายบางฉบับที่ใช้มาตั้งแต่ สมัยอยุธยาไม่มีความยุติธรรม จึงโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ให้มีการตรวจสอบกฎหมายที่มีอยู่ทั้งหมด เสร็จแล้วให้เขียน เป็นฉบับหลวง 3 ฉบับ ประทับตราราชสีห์ คชสีห์ และบัว แก้วไว้ทุกฉบับ เรียกว่า "กฎหมายตราสามดวง" ส าหรับใช้ เป็นหลักในการปกครองบ้านเมือง
พระบาทสมเด็จพระบรมราชาธิราช รามาธิบดี ศรีสินทรบรมมหาจักรพรรดิ ราชาธิบดินทร์ ธรณินทราธิราช รัตนากาศ ภาสกรวงศ์ องค์ปรมาธิเบศร ตรีภูวเนตรวร นารถนายก ดิลกรัตนราชชาติอาชาวศรัย สมุทัยดโรมนต์ สกลจักรวาฬาธิเบนทร์ สุริเยนทราธิบดินทร์ หริหรินทรปรมาธิเบ ศร โลกเชฎวิสุทธิ์ รัตนมงกุฎประกาศ คตา มหาพุทธางกูรบรมบพิตร พระพุทธเจ้า อยู่หัว