รายงาน
เรื่อง....โครงสร้างและลกั ษณะภมู ิประเทศของประเทศไทย
จดั ทำโดย
นางสาววิมลรัตน์ ปชิ าติ รหัสนักศึกษา 6341104020
นางสาวสกุ ัญญา หลงโซ๊ะ รหสั นักศกึ ษา 6341104020
นางสาวสไู รยา แวนาแว รหัสนักศกึ ษา 6341104020
นางสาวสุรยั ยา ละเมาะ รหสั นักศกึ ษา 6341104020
นางสาวฮูดา ตงั้ แอ รหสั นกั ศกึ ษา 6341104020
เสนอ
อาจารย์โชตกิ า รตชิ ลติ ยกลุ
รายงานเลม่ นี้เป็นส่วนหนึ่งของวิชาภูมิศาสตร์ประเทศไทย รหสั 1161502
ภาคเรยี นที่ 2 ปกี ารศึกษา2563
มหาวิทยาลัยราชภัฏสงขลา วิทยาเขตสตูล
โครงสรา้ งและลักษณะภมู ปิ ระเทศของประเทศไทย
1. ลักษณะทัว่ ไปเกีย่ วกบั ประเทศไทย
ภาพที่ 1 ภาพภมู ปิ ระเทศของทำเลทีต่ ั้งของไทย
1.1 ทำเลทีต่ งั้
ประเทศไทยตั้งอยู่บนคาบสมทุ รอนิ โดจนี ภูมภิ าคเอเชียตะวันออกเฉยี งใต้ ภูมิภาคเอเชียตะวนั ออก
เฉยี งใต้ ประกอบไปด้วยแผน่ ดนิ ใหญ่ ซง่ึ เป็นทตี่ ั้งของประเทศพมา่ ไทย ลาว กัมพชู า เวียดนาม และ
มาเลเซีย กับสว่ นท่เี ปน็ หมู่เกาะ เชน่ หมู่เกาะอินโดนิเซยี ฟิลิปปินส์ บางส่วนของมาเลเซีย สิงคโปร์ และ
ตมิ อร์ตะวนั ออก
ประเทศไทยต้ังอยูร่ ะหว่างละตจิ ูดที่ 5 องศา 37 ลิปดาเหนือ กบั 20 องศา 27 ลปิ ดาเหนือ และระหวา่ ง
ลองติจูดท่ี 97 องศา 22 ลิปดาตะวนั ออกถึง 105 องศา 37 ลปิ ดาตะวนั ออก
1.2 ขนาดและรปู ร่าง
ประเทศไทยมีเน้ือที่ 513,115 ตารางกิโลเมตร หรือประมาณ 321 ล้านไร่ ถ้าเทียบขนาดกับ
ประเทศท่ีอยู่ในภูมภิ าคเดียวกันแล้วจะมขี นาดใหญ่เปน็ อนั ดับ 3 ของภมู ิภาค รองจากอนิ โดนเิ ซียและพม่า
ความยาวสุดของประเทศ วดั จากเหนือสุดที่อำเภอแมส่ าย จังหวดั เชยี งรายถึงอำเภอเบตง จงึ หวดั ยะลา
ประมาณ 1,620 กิโลเมตร ความกว้างทส่ี ุดวัดจากดา่ นเจดีย์สามองค์ อำเภอสังขละบรุ ี ถึงอำเภอสริ ินธร
จงั กวัดอบุ ลราชธานี ประมาณ 780 กโิ ลเมตร สว่ นท่ีแคบท่ีสุดของประเทศไทยอยู่ในเขตอำเภอเมอื ง
จังหวดั ประจวบคีรีขนั ธ์ วดั จากพรมแดนพม่าถึงฝ่ังทะเลด้านตะวันออก (อ่าวไทย)มรี ะยะทางประมาณ
10.6 กโิ ลเมตร
1.3 อาณาเขตติดต่อ
1) พรมแดนดา้ นเหนือ ตดิ ตอ่ กับประเทศพมา่ ไดแ้ ก่ ดนิ แดนเหนือสดุ ในเขตอำเภอแม่สาย
จงั หวดั เชียงรายไปทางตะวนั ตกจนถึงจงั หวัดแมฮ่ ่องสอน ตามแนวทิวเขาแดนลาว ทวิ เขาถนนธงชัย และ
แม่น้ำเมย เป็นพรมแดนธรรมชาติ สว่ นด้านตะวันออกของภาคเหนอื ติดต่อกับประเทศลาว ในเขตอำเภอ
เชียงแสนจังกวดั เชียงราย เขา้ สู่จงั หวดั พะเยา น่าน อุตรดติ ถ์ มที วิ เขาหลวงพระบาง เปน็ พรมแดน
ธรรมชาติ
2) พรมแดนดา้ นตะวันออก ติดต่อกับประเทศลาวกมั พชู า พรมแดนที่ติดกบั ประเทศลาวเริม่ จาก
จังหวัดเลย หนองคาย นครพนม มกุ ดาหาร อำนาจเจรญิ และอุบลราชธานี มีแมน่ ้ำโขงเป็นพรมแดน
ธรรมชาติ พรมแดนที่ติดกบั ประเทศกมั พูชา ได้แก่ พ้ืนทบ่ี างส่วนขงิ ภาคตะวนั นออกเฉยี งเหนอื (อสี าน
ตอนลา่ ง) จากอำเภอน้ำยืน จังหวัดอบุ ลราชธานี บุรรี มั ย์ สุรินทร์ ศรสี ะเกษ แลว้ ไปภาคตะวนั ออกที่
จังหวดั สระแก้ว จันทรบุรี และตราด โดยมีทวิ เขาพนมดงรัก และทิวเขาบรรทัดเป็นพรมแดนธรรมชาติ
3) พรมแดนด้านตะวนั ตก ตดิ ต่อกบั ประเทศพมา่ เริ่มทจี่ ังหวดั ตาก กาญจนบรุ ี ราชบรุ ี เพชรบุรี
ประจวบคีรขี ันธ์ ชมุ พร และระนอง มที วิ เขาถนนธงชยั และทวิ เขาตะนาวศรี แม่นำ้ เมย แม่น้ำกระบรุ ี เป็น
พรมแดนธรรมชาติ
4) พรมแดนดา้ นใต้ ติดกบั ประเทศมาเลเซยี มีพน้ื ที่ 4 จังหวัด คอื จังหวดั สตูล สงขลา ยะลา และ
นราธวิ าส โดยมีทวิ เขาสันกาลาคีรี และแมน่ ้ำโก-ลก เปน็ พรมแดนธรรมชาติ
2. ลกั ษณะทางกายภาพของประเทศไทย
ภาพที่ 2 แสดงลักษณะภูมิประเทศของประเทศไทย
2.1 ลกั ษณะภูมปิ ระเทศของประเทศไทย ลกั ษณะภูมิประเทศของประเทศไทยสามารถแบ่งออก
ได้ 6 ลักษณะ คือ
1) ทีร่ าบภาคกลาง ได้แก่ บรเิ วณที่ราบลุ่มแมน่ ำ้ เจ้าพระยา แม่น้ำท่าจนี และแม่น้ำกลอง ฯลฯ
เป็นเขตท่รี าบท่ีใหญ่ทสี่ ุดของประเทศ เหมาะแก่การเพาะปลกู ทั้งน้ีเพราะดนิ เปน็ ดินตะกอนทีแ่ ม่นำ้ พัดพา
มาทบั ถม ทำใหด้ ินอดุ มสมบูรณ์
2) ท่รี าบสงู ภาคตะวันออกเฉยี งเหนือ ได้แก่ พ้ืนท่ีบริเวณทรี่ าบสูง ตงั้ แต่ทวิ เขาเพชรบรู ณ์ ทวิ เขา
ดงพญาเยน็ ทิวเขาพนมดงรัก ถงึ แมน่ ้ำโขง และทร่ี าบต่ำของกมั พชู าในทศิ ใต้
3) เขตภูเขาและท่ีราบระหวา่ งเขาภาคเหนือ เปน็ ท่ีราบแคบ ๆ สลบั กบั ภเู ขาในภาคเหนอื เชน่ ที่
ราบลมุ่ แม่น้ำปิง ลุม่ แมน่ ้ำวงั ลุ่มแมน่ ำ้ ยม ล่มุ แมน่ ้ำน่าน เป็นตน้
4) เขตภูเขาสงู ภาคตะวนั ตก มลี กั ษณะเป็นทิวเขายาวต่อเนื่องเรยี งซอื้ กนั ในแนวเหนือใต้ ทิวเขา
สำคญั ได้แก่ ทวิ เขาถนนธงชยั ทวิ เขาตะนาวศรี โดยมีแม่น้ำสายสำคญั คือ แมน่ ้ำแควใหญ่(ศสี วัสด)์ิ แมน่ ำ้
แควนอ้ ย (ไทรโยค) และแม่น้ำแม่กลอง
5) เขตภูเขาและทีร่ าบชายฝ่ังภาคตะวันออก มีทิวเขาจันทรบุรี วางตวั ในแนวตะวนั ออกและ
ตะวันตก ทำให้ภาคภาคตะวนั ออกตอนบนมลี กั ษณะภมู ิประเทศเป็นที่ราบลุ่มแมน่ ำ้ บางปะกง และ
ตอนลา่ งเป็นที่ราบชายฝ่งั ทะเล
6) เขตภเู ขา และทร่ี าบชายฝั่งคว บสมทุ รภาคใต้ ลกั ษณะภูมิประเทศเปน็ คาบสุมทรยาวไปทางใต้
มี ทะเลขนาบทั้งสองด้าน คือ ดา้ นอา่ วไทย(ตะวันออก)และทะเลอันดามัน(ตะวนั ตก)
2.2 โครงสรา้ งและอายหุ ินในประเทศไทย
กรมทรพั ยากรธรณี กระทรวงอตุ สาหกรรม ไดส้ ำรวจและศกึ ษาถงึ อายขุ องหนิ ประเภทต่าง ๆ ท่ี
พบในประเทศไทย พบหมูห่ ินตา่ ง ๆ ดงั นี้
1) หมหู่ นิ ตะรูเตา เปน็ หินทราย มีอายปุ ระมาณ 700 ล้านปี มคี วามเกา่ แกท่ ี่สดุ ในประเทศไทย
2) หมหู่ ินทุ่งสง เปน็ หนิ ปนู สีเทาเข้ม พบที่อำเภอทงุ่ สง จงั หวัดนครศรีธรรมราช
3) หมหู่ ินตะนาวศรี เปน็ หนิ ดินดาน และหินทราย พบที่จงั หวัดกาญจนบุรี
4) หมหู่ ินราชบรุ ี เป็นหินปูนสเี ทาอ่อน มชี นั้ หนา สลบั กบั หินชนิดอ่นื ๆ
5) หมูห่ ินลำปาง เปน็ หินทราย หนิ ปูน หินดนิ ดาน และหนิ ภเู ขาไฟแทรกอยู่ พบท่ีจงั หวดั ลำปาง และ
บุรีรัมย์ (หนิ ภูเขาไฟ)
6) หมู่หนิ โคราช เปน็ หินทราย หนิ กรวด และหินดินดาน บางแห่งมชี ั้นหนิ เกลือแทรกอยู่
7) หมหู่ ินกระบ่ี เป็นหนิ ยุคใหม่ กึ่งแข็งก่งึ รว่ น พบในจงั หวดั กระบี่ และลำปาง เชน่ หินไนต์ หินน้ำมนั
ลักษณะของหนิ ในประเทศไทยมี 3 ประเภท คอื
1. หนิ อัคนี เป็นหนิ ท่ีเกิดจากหินหนดื ใต้เปลอื กโลก ได้แก่ หนิ บะซอลด์ หนิ แกรนิต ฯลฯ ซึ่งจะพบในเขต
ภเู ขาภาคเหนอื ภาคตะวนั ออก และภาคตะวันออกเฉยี งเหนือ
2. หินตะกอน หรือหนิ ชั้น เกิดจากการทับถมของตะกอน เศษดนิ หนิ ทราย และหินทีเ่ กิดจากการสะสมตวั
ของซากดึกดำบรรพ์ต่าง ๆ มีการวางตัวเป็นชน้ั ๆ ไดแ้ ก่ หินกรวดมน หินทราย หนิ ปนู หินทมี่ อี ายุมากจะ
อยู่ช้นั ลา่ ง
3. หนิ แปร เกดิ จากการแปรสภาพของหินชั้นหรือหนิ อัคนีต่าง ๆ เชน่ หนิ ไนต์ ประสภาพมาจากหนิ แกรนติ
หนิ อ่อน แปรสภาพมาจากหนิ ปนู และหินชนวน แปรสภาพมาจากหนิ ดนิ ดาน เปน็ ต้น
3. ลกั ษณะภูมิอากาศประเทศไทย
ปจั จยั ทม่ี ผี ลต่อลกั ษณะภูมอิ ากาศของประเทศไทย
3.1 ทตี่ ้ังหรือละติจดู ประเทศไทยตงั้ อยบู่ รเิ วณใกล้เส้นศูนย์สตู ร โดยอยู่ทล่ี ะติจูดท่ี 5 37 เหนือ ถงึ
20 27 เหนือ ทำใหไ้ ดร้ ับแสงตรงจากดวงอาทิตย์ตลอดทง้ั ปี จึงมีอุณหภูมิเฉลยี่ ถึง 33-38 องศาเซลเซยี ส
3.2 ความสูงต่ำของพน้ื ท่ี บริเวณทีม่ ีพืน้ ที่สงู ความกดอากาศกจ็ ะสงู (อุณหภมู ติ ำ่ ) สว่ นพนื้ ท่ที ่ีมคี วาม
ต่ำ (ทร่ี าบ) ความกดอากาศก็จะตำ่ (อุณหภูมสิ ูง) ทุก ๆ ความสูง 180 เมตร อณุ หภมู ิจะลดลง 1 องศา
เซลเซยี ส
3.3 ระยะทางหา่ งจากทะเล และมหาสมทุ ร ภาคตะวันออก และภาคใตข้ องประเทศไทย จะได้รับ
อทิ ธพิ ลจากทะเล และ มหาสมุทร มากกว่าภาคเหนือ และภาคตะวนั ออกเฉียงเหนือ ทำให้ได้รบั ความช่มุ
ชืน้ และปรมิ าณน้ำฝนสูง
3.4 การกีดขวางตวั ของภูเขา การที่ประเทศไทยมที วิ เขาตะนาวศรี และทิวเขาถนนธงชัยทำให้ภาค
ตะวันตกและภาคกลางตอนบนไดร้ บั ประมาณนำ้ ฝนน้อยลง เชน่ เดียวกับภาคตะวนั ออกเฉียงเหนอื มีแนว
ทิวเขาเพชรบูรณ์ ดงพญาเย็น และสันกำแพง ขวางทศิ ทางลม ทำให้ภาคตะวันออกเฉยี งเหนอื เปน็ ท่ีอับฝน
ภาพท3ี่ แสดงถงึ การกดี ขวางตัวของภูเขา
3.5 ทศิ ทางลมประจำ ลมประจำที่พัดผ่านประเทศไทย ได้แก่ ลมมรสมุ ตะวันตกเฉียงใต้ ซึง่ พดั จากม
กาสมทุ รอนิ เดยี เขา้ สู่ประเทศไทย ซง่ึ ทำใหบ้ ริเวณท่ีพดั ผ่านมคี วามชุ่มชน้ื และมปี รมิ าณน้ำฝนมาก ในช่วง
เดือนพฤษภาคมถงึ สิงหาคม และมรสุมตะวนั ออกเฉียงเหนือ ซึ่งพดั มาจากประเทศจนี ในช่วงเดือน
พฤศจิกายนถึงเดอื นกุมภาพนั ธ์ โดยบริเวณที่พดั ผ่านจะมีความหนาวเย็นและแห้งแลง้ ยกเวน้ ภาคใตด้ า้ น
ตะวันออก เน่ืองจากลมได้พดั ผา่ นอา่ วไทย จงึ นำเอาความชุ่มชนื้ จากทะเลเขา้ สดู่ ้านตะวนั ออกของภาคใต้
ภาพที่ 4 แสดงการจำลองการเข้าของลมมรสมุ ตะวนั ตกเฉยี งเหนือ
ภาพท่ี 5 แสดงการจำลองการเข้าของลมมรสมุ ตะวนั ตกเฉียงใต้
3.6 พายุ ประเทศไทยได้รับอทิ ธพิ ลของพายดุ เี ปรสช่ัน ซึ่งพดั มาจากทะเลจีนใต้ ทำใหบ้ างช่วงเกดิ ฝน
ตกหนกั ในบางพืน้ ที่ในประเทศและประเทศไทยต้ังอยู่ระหว่างละตจิ ูดที่ 5 37 เหนือ ถึง 20 27 เหนือ จึง
จัดอย่ใู นประเทศโซนร้อน แตเ่ นอ่ื งจากความแตกตา่ งด้านภมู ปิ ระเทศ และความกว้างของพืน้ ที่ ทำให้
ประเทศไทยมภี ูมอิ ากาศถงึ 3 ลกั ษณะดงั นี้
1) ลกั ษณะภูมิอากาศแบบทงุ่ หญ้าเมืองร้อน (สะวนั นา) ฤดูร้อนอากาศจะร้อนจดั ฤดหู นาวอากาศ
จะแหง้ แลง้ มีฤดฝู นส้ัน ๆ พืชพรรณธรรมชาติจะเป็นท่งุ หญ้า บรเิ วณทม่ี ลี ักษณะภูมิอากาศประเภทน้ี
ได้แก่ ภาคเหนือ ภาคกลางตอนบน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันตก และตอนบนของภาค
ตะวันออก นับเป็นเขตภมู ิอากาศทค่ี รอบคลมุ พ้นื ทสี่ ่วนใหญ่ของประเทศ
ภาพที่ 6 แสดงลกั ษณะภมู อิ ากาศแบบท่งุ หญ้าเมอื งร้อน (สะวันนา)
2) ลกั ษณะภูมิอากาศแบบมรสุมเมืองร้อน เป็นภูมิอากาศที่มีฝนตกชดุ เกือบตลอดทั้งปี แตม่ ีฤดู
แลง้ สั้น ๆ คน่ั สลับภูมอิ ากาศประเภทน้ี อยบู่ รเิ วณด้านตะวันออกของภาคตะวนั ออก และบริเวณภาคใต้
ของประเทศ
ภาพท่ี 7 แสดงลกั ษณะภูมิอากาศแบบมรสมุ เมืองร้อน
3) ลักษณะภูมิอากาศแบบปา่ ชนื้ เขตรอ้ น เป็นภูมิอากาศท่ีมฝี นตกชุกตลอดปี ได้แก่ บรเิ วณภาคใต้
ของประเทศไทย ท้ังนเี้ นื่องจากไดร้ ับอิทธิพลจากลมมรสมุ ทั้ง 2 ดา้ น
ภาพท่ี 8 แสดงลักษณะภูมอิ ากาศแบบปา่ ชน้ื เขตร้อน
4. ทรัพยากรธรรมชาติ
ทรพั ยากรธรรมชาติเป็นสิ่งที่เกิดขนึ้ เองตามธรรมชาติ และมนุษยส์ ามารถนำไปใชป้ ระโยชนเ์ พ่อื
การดำรงชวี ติ ประโยชน์ดา้ นเศรษฐกจิ และการพักผ่อนหย่อนใจ ทรพั ยากรธรรมชาตทิ ี่สำคญั มี 4 ชนดิ
คือ
4.1 ทรพั ยากรดิน
คอื วตั ถุธรรมชาตทิ ปี่ กคลมุ พ้ืนผิวโลกอยเู่ ป็นชัน้ บาง ๆ ซ่ึงประกอบด้วยอนนิ ทรียว์ ัตถุ 45 % อากาศ
25 % และอนิ ทรยี วตั ถุ 5 %
ประเภทของดินในประเทศไทยสามารถจำแนกได้ ดังนี้
1) ดินทร่ี าบนำ้ ท่วมถึง เป็นดนิ ตะกอน อลั ลูเวยี น ซง่ึ เป็นดนิ เหนยี ว อายุนอ้ ย มีความอุดมสมบรู ณ์สูง
เหมาะแกก่ ารทำไร่
2) ดนิ ลานตระพักลำนำ้ (ทด่ี อน) จะพบบริเวณขอบขอภาคกลาง มีความอดุ มสมบูรณ์ปานกลาง
เหมาะแกก่ ารทำไร่
3) ดินที่เกดิ จากหนิ ประเภทต่าง ๆ เช่นดนิ ท่ีเกดิ จากหินปูนในจงั หวัดสระบุรี ลพบุรี กาญจนบุรี ราชบุรี
และดินทีเ่ กิดจากหินบะซอลต์ ในจังหวัดจันทรบุรี และตราด จะมีความอุดมสมบูรณเ์ หมาะแก่การปลกู
ขา้ วโพด และผลไม้ ท้งั นีเ้ พราะดินมีความเป็นดา่ ง สว่ นดินที่เกิดจากหินทราย และหินแกรนติ จะมคี วาม
อุดมสมบูรณน์ อ้ ยกว่า
4) ดินภเู ขา เป็นดนิ คอ่ นข้างอุดมสมบูรณ์ มีอินทรียวตั ถุมาก เป็นดนิ ที่มีป่าไม้ปกคลมุ ตามธรรมชาติ
แต่ถา้ หากนำมาใชใ้ นการเพาะปลกู ก็จะลดความอุดมสมบรู ณ์ไปอยา่ งรวดเร็วมากเพราะมีการชะล้างและ
การพงั ทลายสงู เม่ือไม่มีพชื ปกคลุมดิน
5) ดินที่ราบลุ่มตำ่ (พร)ุ เป็นดินท่มี ีนำ้ ท่วมขัง และมซี ากของพืชท่ีทบั ถมกนั เปน็ ชน้ั หนา เป็นดนิ ทม่ี ี
อินทรยี วัตถุปะปนในอัตราสงู มาก ตากปกติเปน็ ดินทีน่ ำมาใชป้ ระโยชนไ์ ดน้ ้อย เนอ่ื งจากมีนำ้ ทว่ มขงั และ
ดินเปน็ กรด ไม่เหมาะแก่การเพาะปลูก เชน่ ดนิ บริเวณท่ีล่มุ พรชุ ายฝง่ั จังหวัดนราธวิ าสและลุ่มของบึง
บอระเพ็ด จังหวัดนครสวรรค์ เปน็ ต้น
6) ดินชายฝั่งทะเล ซ่ึงมีเนนิ ทรายหรอื หาดทราย ดนิ จิมคี วามเปน็ ทรายจัด ดนิ ชนิดน้จี ะมีความอดุ ม
สมบูรณต์ ่ำมาก ใชเ้ พาะปลูกเกือบไม่ได้ เชน่ บรเิ วณชายฝั่งทะเลจังหวัดประจวบครี ีขันธ์และจงั หวัดสงขลา
เป็นต้น
4.2 ทรพั ยากรน้ำ
ประเทศไทยมที รัพยากรนำ้ ที่อุดมสมบรู ณ์พอสมควร ปริมาณน้ำฝนอยู่ในระดบั ปานกลาง พ้ืนที่
สว่ นใหญ่ของประเทศ คือ ภาคกลาง ภาคเหนือ ภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนือ ภาคตะวนั ตก และซกี ตะวันตก
ของภาคตะวนั ออก มฝี นตกท้ังปี ประมาณ 1,000-1,600 มิลลเิ มตรตอ่ ปี
ภาคกลางมแี มน่ ้ำสายใหญ่ ๆ ซ่งึ มปี ริมาณนำ้ มากตลอดทงั้ ปี เช่น แมน่ ำ้ เจ้าพระยา แม่นำ้ ทา่ จนี แมน่ ำ้ แม่
กลอง เป็นต้น ทำใหภ้ าคกลางมนี ้ำอุดมสมบรู ณม์ ากกว่าภาคอื่น ๆ ของประเทศ สว่ นภาค
ตะวนั ออกเฉียงเหนือถึงจะมแี มน่ ้ำสายใหญ่ คือ แมน่ ำ้ ชี และแมน่ ้ำมลู แต่ปริมาณการไหลของแม่น้ำทง้ั
สองน้อยกวา่ แมน่ ำ้ เจา้ พระยา ประกอบกบั แมน่ ำ้ สว่ นใหญ่เปน็ แม่นำ้ สายเล็ก ๆ จงึ ทำให้ความอดุ มสมบรู ณ์
ของน้ำมนภาคตะวนั ออกเฉียงเหนือมีน้อย
สำหรบั แหล่งนำ้ ใต้ดิน ภาคกลางเปน็ ภาคทมี่ นี ้ำใต้ดินอดุ มสมบรู ณ์ทีส่ ดุ สำหรับภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนือ
แมจ้ ะมีน้ำใต้ดินเกบ็ กักไว้ได้มากในชั้นของหนิ ทรายใตด้ ิน แตเ่ น่อื งจากมปี ัญหาแร่เกลือแทรกอยู่ในช้นั หิน
ทำใหแ้ หลง่ น้ำบาดาลมีรสเค็ม ไมส่ ามารถนำมาใช้ประโยชนไ์ ดม้ ากเทา่ ที่ควร
4.3 ทรพั ยากรแร่ธาตุ
ประเทศไทยมีทรัพยากรแร่ธาตอุ ุดมสมบรู ณ์ระดับปานกลาง มแี ร่บางชนิดที่ขุดนำมาใชป้ ระโยชน์
ในประเทศ ตลอดจนสามารถส่งเปน็ สินค้าออกได้
บริเวณทิวเขาในภาคเหนือ ภาคใต้ และภาคตะวันตก ซึง่ มีหินแกรนติ แทรกตวั ในช้ันหินจะมแี ร่ดีบุก
จำนวนมาก และยงั มแี ร่โลหะ และอโลหะบางชนดิ ทม่ี กี ำเนิดจาหินอัคนี เช่น พลวง ทงั สเตน สงั กะสี ตะกั่ว
ฟลูออไรต์ และรตั นชาติ ซ่ึงจะพบอย่ตู ามที่ต่าง ๆ ในบริเวณใกลเ้ คยี งกบั ภเู ขาหินแกรนิต หรอื หนิ บะซอลด์
แรเ่ หล่านม้ี กี ารขุดนำมาใช้ประโยชนเ์ กอื บทุกภาค ยกเวน้ ภาคกลางและภาคตะวันออกเฉียงเหนอื ท่ีไมค่ ่อย
มหี ินอัคนีปรากฏอยู่ สว่ นแร่ธาตุทีก่ ำเนดิ อยูใ่ นช้ันหินมบี างชนดิ สามารถขดุ นำมาใชป้ ระโยชน์ไดพ้ อสมควร
เช่น ถ่านลกิ ไนต์ ซงึ่ ขดุ ได้ในภาคเหนอื และภาคใต้ กา๊ ซธรรมชาติ และนำ้ มันปโิ ตเลยี มซ่ึงขดุ ไดจ้ าก
ภาคเหนือ ภาคกลางตอนบน (อำเภอลานกระบือ จงั หวัดกำแพงเพชร) และในอา่ วไทย สว่ นเกลอื หนิ และ
โพแทซ มีอยูม่ ากในภาคตะวนั ออกเฉียงเหนือ เป็นต้น นอกจากนไี้ ด้มกี ารวางแนวท่อก๊าซจากอ่าวไทยข้ึน
บกทจ่ี ังหวัดระยอง และจังหวดั สุราษฎรธ์ านี
4.4 ทรพั ยากรป่าไม้
ประเทศไทยมีฝนตกมากเพยี งพอท่ีจะทำให้ตน้ ไม้เจริญเติบโตได้ ทรัพยากรปา่ ไม้ในประเทศไทย
จงึ มคี วามอุดมสมบรู ณโ์ ดยเฉพาะตามบรเิ วณภูเขาในปัจจุบันปา่ ไม้ในประเทศไทยได้คอ่ ย ๆ ร่อยหรอลง มี
การบกุ รกุ ทำลายปา่ ไม้ มีการลกั ลอบตดั ไม้อย่างผดิ กฎหมาย หรือเพ่ือเขา้ ไปทำการเพาะปลกู ในที่ดนิ นน้ั ๆ
การแบง่ ภาคภูมศิ าสตร์ของประเทศไทย
การแบ่งภาคภูมิศาสตรป์ ระเทศไทย
การแบ่งภาคภมู ิศาสตร์ มีความม่งุ หมายเพ่ือใหส้ ามารถกำหนดขอบเขตของพ้ืนทีข่ นาดตา่ ง ๆ
ท่มี ลี ักษณะทางภมู ศิ าสตร์เป็นเฉพาะของตนเอง มีความแตกต่างจากพื้นท่ีอนื่ ๆ สามารถเขา้ ใจเก่ียวกบั
ลกั ษณะของพื้นทน่ี นั้ ๆ ได้ชดั เจน และสะดวกขึน้
ประเทศไทยมกี ารแบง่ ภาคภูมศิ าสตรเ์ มื่อ พ.ศ.2520 โดยคณะกรรมการภูมศิ าสตร์แห่งชาตไิ ด้
พจิ ารณาตกลงให้มีการแบ่งภาคภมู ศิ าสตร์ของประเทศไทยออกเปน็ 6 ภาค โดยอาศัยหลักเกณฑด์ งั นี้
1. การเรียกช่ือภาคใหใ้ ชท้ ิศเป็นสำคัญ เชน่ ภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวนั ออกเฉียงเหนอื ภาค
ตะวนั ออก ภาคใต้ และภาคตะวันตก
2. การกำหนดขอบเขตอาณาบรเิ วณของแตล่ ะภาค พจิ ารณาองคป์ ระกอบหลายอย่าง เช่น ลกั ษณะ
ภูมปิ ระเทศ ลกั ษณะภูมิอากาศทอ้ งถน่ิ เชอื้ ชาติ และวัฒนธรรมของท้องถ่ิน รวมท้งั การประกอบอาชีพ
3. ขอบเขตของแตล่ ะภาค ใชแ้ นวการแบง่ เขตจังหวัดเป็นสำคญั
ภมู ิศาสตร์ภาคเหนือ
1.ลักษณะภูมิประเทศ
ภาคเหนอื มีลกั ษณะภมู ปิ ระเทศส่วนใหญ่เปน็ ทวิ เขา และท่ีราบหบุ เขา สลบั กันเปน็ แนวยาวขนาน
กัน ทิวเขาจะทอดตัวในแนวเหนอื -ใต้ ทิวเขาทีส่ ำคัญ ได้แก่ ทวิ เขาแดนลาว ทวิ เขาถนนธงชัย ทวิ เขาผปี นั
น้ำ และทิวเขาหลวงพระบาง ซ่งึ มคี วามสงู มากกวา่ ภาคอื่น ๆ ของประเทศไทย ยอดเขาที่สงู ท่ีสุด คือ ดอย
อินทนนท์ สงู จากระดบั นำ้ ทะเล 2,565 เมตร ซง่ึ ถอื ว่าสงู ทส่ี ุดในประเทศไทย อย่ใู นเขตจงั หวดั เชียงใหม่
และอนั ดบั สอง คอื ดอยหลวงเชียงดาว สูงจากระดบั น้ำทะเล 2,185 เมตร อยู่ในจังหวดั เชียงใหม่ เช่นกนั
และ ทวิ เขาในภาคเหนอื เกิดจากการเคลอื่ นไหวของเปลอื กโลก โดยเกดิ ขนึ้ หลายครัง้ ด้วยกนั ทำใหห้ ิน
เปลอื กโลกท่ีพบในภาคเหนือมีอายแุ ตกตา่ งกัน ตั้งแตม่ หายุคพแี คมเบรียน ซึง่ เกา่ ทีส่ ุด จนถึงมหายคุ ซีโนโซ
อกิ ซง่ึ เปน็ มหายุคท่ีใหม่ที่สดุ และทิวเขาในภาคเหนือจะมหี นิ อัคนจี ำพวกหนิ แกรนิต และหินแปรจำพวกหนิ
ไนต์ และหินซีสตอ์ นั เป็นหินท่ีแขง็ แกรง่ ทนทานตอ่ การสกึ กรอ่ น มกั จะเปน็ ภเู ขาทคี่ งรูปร่างสงู ตง้ั เด่นกวา่
พื้นท่ีรอบ ๆ ยอดเขาเปร็ รูปมน ๆ ตวั อยา่ งภเู ขาหนิ แกรนิตในภาคเหนือ ไดแ้ ก่ ดอยอนิ ทนนท์ และดอยสุ
เทพ ในเขตจงั หวดั เชยี งใหม่ ส่วนทิวเขาหินปนู มกั จะมียอดเขาหยักแหลมและขรุขระไม่มนเหมือนภูเขา
หนิ แกรนิต ภายในภูเขามักมีถำ้ ซ่งึ เกิดจากการทำปฏิกิรยิ าของหินปนู กับนำ้ ฝน และมหี ินงอกหนิ ย้อยในถ้ำ
ถำ้ บางแห่งอาจเกดิ การยบุ ตวั ลงเพราะทานน้ำหนกั ของหลังคาถำ้ ไม่ไหว กลายเปน็ แอ่งบนพน้ื ดินเรยี กวา่
แอ่งยุบ ซง่ึ ตนในภาคเหนือเรียกวา่ อา่ งสลุง
ภาพท่ี 9 แสดงลกั ษณะภูมิประเทศภาคเหนือ
ภาคเหนอื มีพนื้ ทีเ่ ปน็ ภูเขามากกวา่ ที่ราบประมาณ 4 : 1 (ภเู ขาประมาณร้อยละ 78 ของพนื้ ที่
ท้งั หมด) ซึง่ มผี ลต่อการตั้งถน่ิ ฐานและการประกอบอาชพี ของประชากร ดงั จะเห็นไดว้ า่ ประชากรส่วนใหญ่
จะอาศัยอยู่อย่างหนาแน่นเฉพาะบรเิ วณท่รี าบลุ่มแม่นำ้ สายต่าง ๆ และมีอาชพี เพาะปลูกเปน็ อาชีพสำคัญ
ทวิ เขาท่สี ำคัญ คือ
1) ทวิ เขาในภาคเหนือ วางตวั สลบั ซบั ซอ้ น แบ่งออกได้ 4 ทิวเขาดว้ ยกัน คือ ทวิ เขาแดนลาว อยทู่ าง
เหนือสุดของภาค ตดิ กบั ประเทศพมา่ ทิวเขาถนนธงชยั อยู่ทางตะวันตกของภาค ทิวเขาผปี นั น้ำ อยทู่ าง
ตอนกลางของภาค และทิวเขาหลวงพระบาง อย่ทู างตะวนั ออกของภาคตดิ กับประเทศลาว
1.1 ทวิ เขาแดนลาว เป็นทิวเขาตอ่ เน่ืองมาจากเทือกเขาสูงทางตอนใตข้ องจนี เป็นแนวก้ัน
พรมแดนระหว่างประเทศไทยกับพม่าในเขตจังหวัดเชยี งใหม่ ตอนปลายทิวเขาเช่ือมต่อกับทิวเขาถนน
ธงชยั มีความยาว 120 กโิ ลเมตร ยอดเขาทสี่ ูงทสี่ ดุ คือ ดอยผา้ หม่ ปก สูง 2,253 เมตร อยู่อำเภอแมอ่ าย
จังหวัดเชียงใหม่
1.2 ทวิ เขาถนนธงชัย อยู่ทางตะวนั ตกของภาคเหนือ แบ่งออกเป็น 3 แนวเรยี งซ้อนกันจาก
ตะวนั ตกไปตะวันออก เรยี กช่ือตามทิศทต่ี ั้ง คอื ทวิ เขาถนนธงชัยตะวนั ตก ทวิ เขาถนนธงชัยกลาง และทวิ
เขาถนนธงชัยตะวนั ออก มคี วามยาว 880 กโิ ลเมตร
- ทิวเขาถนนธงชยั ตะวันตก ตั้งต้นจากจุดท่บี รรจบกับทิวเขาแดนลาวไปตามเขตแดนระหวา่ งไทย
กับพม่า อย่ใู นจงั หวดั แมฮ่ ่องสอน และจังหวดั ตาก
- ทวิ เขาถนนธงชัยกลาง ตัง้ อยู่ระหว่างแม่นำ้ ยม กับแมน่ ำ้ แจ่ม อยู่ระหวา่ งทิวเขาแดนลาว และทวิ
เขาตะนาวศรี
- ทวิ เขาถนนธงชัยตะวันออก อย่รู ะหว่างแม่นำ้ แจ่ม และแม่น้ำตนื๋ กบั แมน่ ำ้ ปิง เป็นแนวยาวทีส่ ุด
มดี อยสูงและมชี อื่ อยมู่ าก ได้แก่ ดอยอนิ ทนนท์ (สงู 2,565 เมตร) ดอยหลวงเชยี งดาว (สูง 2,185 เมตร)
ดอยสุเทพ (สงู 1,676 เมตร)
1.3 ทวิ เขาผีปันน้ำ เปน็ สนั ปนั น้ำทีแ่ บง่ แยกน้ำไหลเป็น 2 ทาง ทางหนง่ึ ไหลไปลงระบบแมน่ ้ำ
เจ้าพระยา (คือ ปิง วัง ยม นา่ น) อีกทางไหนไปลงระบบนำ้ แม่น้ำโขง (แม่น้ำกก และแมน่ ้ำอิง) ทิวเขาผีปนั
นำ้ ประกอบดว้ ยทวิ เขา 3 แนว คือ ผปี นั นำ้ ตะวันตก ผปี นั น้ำกลาง และผปี ันน้ำตะวนั ออก รวมความยาว
412 กโิ ลเมตร
- ผปี นั น้ำตะวันตก ตั้งอยู่ระหวา่ งแมน่ ำ้ ปงิ กับแม่น้ำวัง กั้นเขตแดนจงั หวัดเชียงใหมก่ บั จงั หวดั
เชยี งรายและลำปาง
- ผีปันนำ้ กลาง ต้ังอยู่ระหวา่ งแมน่ ้ำวังกบั แม่น้ำยม เป็นเขตแดนระหว่างจังหวัดลำปางกบั จงั หวดั
พะเยาตอนล่าง เป็นเขตแดนระหวา่ งจงั หวัดลำปางกับจังหวัดแพร่ และสุโขทัย
- ผปี ันน้ำตะวันออก ตั้งอยู่ระหวา่ งแม่น้ำยมกับแม่นำ้ นา่ น เปน็ เขตแดนระหวา่ งจงั หวัดพะเยากับ
จังหวัดน่าน ยอดเขาสูงเด่นมีน้อย
1.4 ทิวเขาหลวงพระบาง เปน็ พรมแดนระหว่างไทยกับลาว ในเขตจังหวดั นา่ น มีความยาว 590
กโิ ลเมตร เปน็ ต้นน้ำลำธารของแม่นำ้ น่าน และแม่น้ำโขง
2) แม่นำ้ ในภาคเหนือ แบ่งได้เป็น 3 ระบบ ดังน้ี
1.2 กลุม่ แมน่ ้ำท่ไี หลลงสู่แม่น้ำเจา้ พระยา ได้แก่ แมน่ ำ้ ปิง วัง ยม น่าน รวมท้งั แควต่าง ๆ รอบแม่น้ำ
เหล่าน้ี
- แม่นำ้ ปิง ตน้ กำเนดิ จากภเู ขาในอำเภอเชียงดาว จังหวดั เชียงใหม่ ไหลลงสดู่ ้านใตผ้ า่ นเขตจงั หวดั
เชียงใหม่ ลำพนู ตาก กำแพงเพชร และนครสวรรค์ ก่อนจะถึงนครสวรรคม์ แี ม่น้ำวงั ไหลมาบรรจบท่ี
ตำบลปากวัง อำเภอบ้านตาก จงั หวดั ตาก และไหลบรรจบกับแม่นำ้ ทีต่ ำบลปากน้ำโพ กับตำบลแควใหญ่
อำเภอเมือง จงั หวัดนครสวรรค์ กลายเปน็ แม่น้ำเจ้าพระยา แม่นำ้ ปิงมีความยาว 715 กิโลเมตร
- แมน่ ำ้ วัง มีต้นกำเนิดจากอำเภอพาน จังหวัดเชียงราย ไหลทางใต้ ผ่านจังหวดั ลำปาง และ
จงั หวัดตาก ไปบรรจบกับแมน่ ้ำปิงที่บ้านปากวัง อำเภอบ้านตาก จังหวัดตาก มีความยาว 400 กโิ ลเมตร
- แมน่ ้ำยม ต้นกำเนดิ จากภเู ขาในอำเภอปง จังหวัดพะเยา ไหลผา่ นจงั หวดั แพร่ สุโขทัย พษิ ณุโลก
พิจิตร และนครสวรรค์ ไปบรรจบกบั แมน่ ำ้ น่านที่อำเภอชมุ แสง จงั หวดั นครสวรรค์ มคี วามยาว 700
กโิ ลเมตร
- แมน่ ้ำนา่ น ต้นกำเนิดจากทิวเขาหลวงพระบางในเขตอำเภอทวิ จงั หวดั น่าน ไหลผ่านจังหวัดนา่ น
อุตรดิตถ์ พษิ ณุโลก และนครสวรรค์ บรรจบกบั แมน่ ำ้ ปิงท่ีตำบลปากนำ้ โพ และตำบลแควใหญ่ อำเภอ
เมอื ง จังหวัดนครสวรรค์ แมน่ ้ำน่านเป็นแมน่ ำ้ สายยาวท่สี ุดของระบบแมน่ ้ำเจา้ พระยา คือ ยาว 740
กโิ ลเมตร มแี ควเล็ก ๆ ที่ไหลลงแมน่ ้ำ คือ แมน่ ำ้ ว้า และแม่น้ำปาด
2. กลมุ่ แมน่ ้ำทไ่ี หลลงสแู่ ม่นำ้ โขง ได้แก่ แมน่ ำ้ รวก แมน่ ำ้ สาย แมน่ ำ้ กก แม่น้ำอิง
1.2 แมน่ ้ำรวก เกิดจากดอยผาเลง ทางทศิ ใต้ของเมืองเชยี งตุง ประเทศพม่า และไหลเข้าเขต
ประเทศไทยท่ีแมส่ าย ไหลมารวมในเขตอำเภอแม่สาย จงั หวดั เชียงราย จากนนั้ ไหลผา่ นอำเภอแม่สายไป
ลงแมน่ ้ำโขงท่ีอำเภอเชยี งแสน จังหวดั เชยี งราย ตรงทีบ่ รรจบเรยี กว่า สบรวก แมน่ ้ำรวกเป็นเขตแดน
ระหว่างไทยกบั พม่า มีความยาว 40 กโิ ลเมตร (ตั้งแตจ่ ดุ ที่แมน่ ้ำสายไหลมาบรรจบกับแม่น้ำรวก) ตรงสบ
รวกเปน็ จุดทีด่ นิ แดน 3 ประเทศ คือ พม่า – ไทย – ลาว มาบรรจบกนั เรียกอีกอย่างหน่ึงว่า “สามเหลยี่ ม
ทองคำ” เพราะมีการผลติ และคา้ ฝนิ่ มากในบริเวณน้ี
1.3 แมน่ ้ำสาย ตน้ กำเนิดจากภเู ขาทางทศิ ตะวนั ออกเฉยี งเหนือของเมืองทุมในประเทศพม่า แลว้
ไหลลงมาทางใต้ จนถงึ สะพานขา้ มแม่น้ำซึง่ เรียกว่า “ทา่ ข้ีเหล็ก”(อยู่ตรงขา้ มกบั อำเภอแมส่ าย) ประมาณ
1 กิโลเมตร เปน็ เส้นเขตแดนระหว่างไทยกับพม่า จนถงึ จดุ บรรจบกบั แม่นำ้ รวกความยาวของเส้นกนั้ เขต
แดนโดยอาศัยลำน้ำแม่สายมีประมาณ 15 กโิ ลเมตร
1.4 แมน่ ำ้ กก ต้นกำเนดิ จากเทือกเขาด้านทิศใต้ของเมืองเชียงตุง ประเทศพม่าไหลไปทางทิศใต้
ผา่ นเมืองกก เมืองสาด และไหลเขา้ เขตประเทศไทยทางทิศตะวนั ตกของดอยสามเสา้ ในเขตอำเภอฝาง
จงั หวดั เชียงใหม่ จากนัน้ ไหลเขา้ เขตอำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย ผ่านอำเภอแม่จันไหลลงแมน่ ำ้ โขงในเขต
อำเภอเชยี งแสน จงั หวดั เชยี งราย แม่น้ำกกมแี ควอยู่ 2 สาย คือ แมน่ ้ำฝาง และแมน่ ำ้ ลาว โดยมีตน้ กำเนิด
จากด้านเหนอื ของทิวเขาผปี ันนำ้
1.5 แมน่ ำ้ อิง ต้นกำเนดิ จากภเู ขาจังหวัดพะเยาไหลผา่ นกว๊านพะเยาในเขตอำเภอพะเยา จากนั้น
ไหลสอู่ ำเภอพาน และไหลลงสแู่ มน่ ำ้ โขงท่ีอำเภอเชียงของ จงั หวัดเชยี งราย
3. กลมุ่ แม่นำ้ ท่ไี หลลงสูแ่ มน่ ้ำสาละวนิ ไดแ้ ก่ แม่นำ้ ปาย แมน่ ้ำยวม แม่น้ำเมย
1.3 แม่น้ำปาย ต้นกำเนดิ จากทวิ เขาถนนธงชัย และแดนลาว ในอำเภอปาย จงั หวัดแม่ฮ่องสอน
ไหลออกนอกเขตประเทศท่ีตำบลผาบ่อง อำเภอผาบอ่ ง จังหวัดแมฮ่ ่องสอนแลว้ ไหลรวมกับแม่นำ้ สาละวนิ
ในประเทศพมา่
1.4 แมน่ ้ำยวม ตน้ กำเนดิ จากอำเภอขุนยวม จังหวัดแมฮ่ ่องสอน ไหลลงทางทศิ ใตผ้ า่ นอำเภอแม่
ลานอ้ ย อำเภอแมส่ ะเรียง ไปลงแมน่ ้ำเมยท่ีตำบลคะตวน อำเภอแม่สะเรยี ง จังหวดั แม่ฮ่องสอน
1.5 แม่นำ้ เมย ต้นนำ้ กำเนิดจากเขาโคกโพโชในประเทศพมา่ แล้วไหลเป็นเสน้ แบ่งเขตระหว่าง
ประเทศไทยกบั พมา่ ในเขตอำเภอแมส่ อด อำเภอท่าสวา่ ง จังหวดั ตาก จากนน้ั ไหลลงแม่นำ้ สาละวนิ ท่ี
อำเภอแมส่ ะเรยี ง จงั หวัดแม่ฮ่องสอน
4.ลักษณะภูมิอากาศ
ภูมิอากาศในภาคเหนือ เปน็ แบบทงุ่ หญา้ เขตร้อน (ทงุ่ หญา้ สะวันนา,Aw) ทง้ั น้ีเน่ืองจากที่ตงั้ ทาง
ภูมศิ าสตร์ของภาคเหนอื อยูล่ ึกเข้าไปในแผน่ ดนิ หา่ งจากทะเล และมีความสูงจากระดบั นำ้ ทะเลมากกว่า
ภาคอน่ื ๆ อากาศในภาคเหนือจงึ ค่อนขา้ งหนาวเยน็ ในฤดหู นาว และรอ้ นอบอา้ วในฤดูร้อน ความแตกต่าง
ของอุณหภมู ริ ะหว่างฤดูร้อนกับฤดหู นาวมีมากกวา่ ภาคอ่นื ๆ ทอี่ ยู่ใกล้ทะเล
4.1) ฤดูกาล มอี ยู่ 3 ฤดู คือ
- ฤดูฝน จะเร่มิ ปลายเดอื นพฤษภาคม และส้นิ สดุ ปลายเดือนตุลาคม
นอกจากน้นั ยงั มีฝนทเี่ กิดจากพายดุ ีเปรสชน่ั จากทะเลจีนใต้พดั ผา่ นเวียดนามและลาวแลว้ มาถงึ ภาคเหนือ
ระหวา่ งเดือนกรกฎาคมถงึ เดือนกันยายน
- ฤดหู นาว จะเร่มิ เดอื นตุลาคมไปสิน้ สุดเดือนกุมภาพนั ธ์ ฤดูหนาวของภาคเหนือจะมอี ากาศหนาว
เย็นกวา่ ภาคกลาง ทั้งนเี้ นอื่ งจากอิทธิพลของลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ
- ฤดรู อ้ น จะเรม่ิ กลางเดือนกุมภาพันธ์ ไปสน้ิ สดุ ประมาณกลางเดือนพฤษภาคมและจะเกิดฝนฟ้า
คะนองเป็นครัง้ คราว เนือ่ งจากเกิดการปะทะกนั ระหวา่ งลมตะวนั ออกหรือตะวันออกเฉียงใตพ้ ดั จากทะเล
จนี ใต้ และลมฝา่ ยเหนือที่พัดจากประเทศจีน
4.2) อุณหภูมิ ภาคเหนอื มีอุณหภมู เิ ฉล่ยี ระหวา่ ง 24.6 ถึง 27.7 องศาเซลเซยี ส จังหวดั ทม่ี ีอุณหภมู ิ
เฉลีย่ สงู สุด คือ จงั หวัดอุตรดิตถ์ ส่วนจังหวดั ท่มี ีอณุ หภมู ิเฉล่ยี ตำ่ สดุ คอื จังหวัดเชยี งราย
4.3) ปริมาณน้ำฝน ภาคเหนือมปี ริมาณนำ้ ฝนเฉล่ยี 1,200 มิลลเิ มตรต่อปี จังหวัดเชียงรายมีฝนตก
เฉลีย่ ประจำปมี ากท่สี ุด คือ 1,801 มิลลเิ มตร สว่ นนอ้ ยสดุ คอื จังหวัดลำปาง 1,079 มิลลิเมตร
3. ทรัพยากรธรรมชาติ
1) ดิน ดนิ ท่ีพบในภาคเหนือ แบง่ ไดเ้ ป็น 4 กลุม่ คือ ดนิ บริเวณท่ีราบรมิ ฝ่ังแม่นำ้ และที่เนนิ ดิน
บรเิ วณท่ีราบลุ่มและราบต่ำ ดินบริเวณที่ราบลอนลาด และภูเขาเต้ีย ๆ ดนิ บรเิ วณลาดเขาหรือที่สูง
3.1 ดินบริเวณทรี่ าบรมิ ฝัง่ แม่น้ำและที่เนนิ เกิดจากการทับถมของตะกอนของลำนำ้ พดั พามาทับถมกัน
ยังไมน่ านนัก พบตลอดรมิ ฝง่ั แมน่ ำ้ ปิง วัง ยม น่าน มีความอุดมสมบรู ณ์ เหมาะแก่การปลูกพืชไร่ และ
ผลไม้ เช่น ลำไย มะปราง เป็นตน้ บางแห่งเป็นดินเหนียวระบายน้ำเลว เหมาะแก่การทำนา
3.2 ดินบรเิ วณทร่ี าบลมุ่ และที่ราบต่ำ พบบริเวณที่ราบเรียบ เกิดจากตะกอยทีน่ ำ้ พัดพามานาน เน้ือดนิ
ละเอียด ประเภทโคลนเลน และดินเหนยี ว มคี ณุ สมบัติเป็นกรดหรือเปน็ ดา่ งเล็กน้อย หากใส่ปยุ๋ สามารถ
ปลูกพืชไรบ่ างชนิดได้ เช่น มันสำปะหลัง อ้อย และสามารถปลูกพชื ไรจ่ ำพวกข้าวโพด ถ่ัวเหลอื ง ในฤดูแล้ง
ได้
2) น้ำ ภาคเหนือมีทรัพยากรน้ำอดุ มสมบูรณป์ านกลาง เมื่อเปรียบเทยี บกับภาคอื่น ๆ ซึ่งอยใู่ น
รูปของนำ้ ผิวดนิ และน้ำใตด้ นิ
2.1 น้ำบนผวิ ดิน ส่วนใหญเ่ ปน็ น้ำในแม่น้ำลำคลอง หนอง และบึง ปริมาณนำ้ บนผิวดนิ ของภาคเหนือ
ถกู จำกัดโดยปัจจัยดังน้ี
1. ปริมาณนำ้ ฝนทง้ั ปีไมม่ ากนกั
2. แมน่ ้ำส่วนใหญ่เปน็ แม่น้ำสายเล็ก ๆ เพราะเปน็ ตน้ น้ำ
3. ฤดฝู นส้นั กวา่ ฤดูแล้ง
นอกจากแมน่ ำ้ ลำธารสายต่าง ๆ ในภาคเหนอื ยังมแี หล่งนำ้ ผิวดินทส่ี ำคัญ คอื กว๊านพะเยา
จงั หวัดพะเยา มเี นือ้ ท่ี 92,500 ไร่ เขอี่ นในภาคเหนือสว่ นใหญ่เปน็ เขอื่ นขนาดเล็ก เขอื่ นทใี หญ่ทีส่ ุด คือ
เขื่อนสริ ิกิต์ิ ตั้งอยู่บนลำนำ้ น่าน จังหวดั อตุ รดติ ถ์ สามารถกักเกบ็ น้ำได้ 10,500 ลา้ นลกู บาศก์เมตร
นอกจากน้ยี ังมเี ข่อื นแม่งัดสมบูรณช์ ล เขอื่ นกิ่วลม จงั หวัดลำปาง โดยมีรายละเอยี ด ดังนี้
- น้ำใต้ดนิ น้ำใตด้ ินในลกั ษณะของนำ้ บ่อ และบ่อบาดาลในภาคเหนือ มีอยู่กระจายทั่วไป เชน่ อำเภอ
แมร่ มิ สันทราย สนั กำแพง และสารภใี นจงั หวัดเชยี งใหม่ อำเภอเมืองและป่าซาง จังหวัดลำพนู
3) ทรัพยากรแร่ ภาคเหนือมีทรพั ยากรแรห่ ลายชนดิ เพราะมโี ครงสร้างหนิ อคั นี และหนิ แปร และ
หินชน้ั ท่ใี ห้กำเนดิ แร่ตา่ ง ๆ โดยแรท่ ผี่ ลติ ได้มาก ได้แก่ แร่ดีบุก ทงั สเตน พลวง แมงกานสี ฟลูออไรต์ แบ
ไรต์ ดินขาว ถานหนิ ลิกไนต์ และน้ำมัน
4) ทรัพยากรป่าไม้ ภาคเหนือเปน็ ภาคท่มี ีปา่ ไม้อดุ มสมบูรณ์มากกว่าภาคอนื่ ๆ จากการสำรวจใน
พ.ศ. 2541 มีพืน้ ท่ีปา่ ไมเ้ หลืออยเู่ ปน็ อัตราสว่ น 78.9 หรือ 73,886 ตารางกิโลเมตร ส่วนใหญเ่ ปน็ ป่าไม้
ผลดั ใบประเภทป่าเบญจพรรณ และปา่ แดง นอกจากนยี้ ังมีป่าไม้ผลัดใบจำพวกป่าดิบเขาและป่าสนเขาซ่ึง
อยสู่ ูงจากระดับนำ้ ทะเลต้งั แต่ 700 เมตรข้นึ ไป
4. แหลง่ ท่องเทีย่ วทสี่ ำคัญในภาคเหนอื
ภาคเหนอื เปน็ ภาคที่มแี หล่งทอ่ งเทยี่ วทางธรรมชาตแิ ละทางวฒั นธรรมทสี่ วยงามของประเทศเป็น
จำนวนมาก ซึง่ สามารถทำรายได้ใหก้ ับคนในท้องถน่ิ เป็นจำนวนมาก แหล่งท่องเทีย่ วทางธรรมชาติทส่ี ำคญั
ของภาคเหนือ มดี ังนี้
4.1 แหลง่ ท่องเที่ยวบนภูเขา ภูเขาสงู ในภาคเหนือเปน็ สถานที่ท่ีมีทวิ ทัศนส์ วยงาม เป็นทีอ่ ยู่ของชาว
ไทยภเู ขา ซึ่งมีวฒั นธรรมและความเปน็ อยู่ที่เปน็ เอกลกั ษณ์ของตนเอง เช่น
อุทยานแหง่ ชาติดอยอนิ ทนนท์ อุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ และอุทยานแหง่ ชาติดอยขุนตาล เปน็ ต้น
4.2 แหล่งทอ่ งเทย่ี วประเภทถ้ำ ในภาคเหนอื มีถำ้ ขนาดใหญ่ซ่งึ เกิดอย่ใู นบริเวณภเู ขาหนิ ปนู ซ่งึ ได้รับ
การพัฒนาใหเ้ ปน็ แหล่งท่องเทย่ี วที่สำคญั คือ ถำ้ เชียงดาว และถ้ำตับเต่า จงั หวัดเชียงใหม่ ถำ้ ผาไทย
จังหวัดลำปาง ถ้ำผานาง และถำ้ อลงกรณ์ จังหวดั แพร่
3.3 แหลง่ ท่องเทยี่ วประเภทน้ำตก ภาคเหนอื มีนำ้ ตกขนาดใหญม่ ากมาย และสวยงามโดยเฉพาะใน
จงั หวดั เชยี งใหม่มีนำ้ ตกห้วยแกว้ น้ำตกแมส่ า น้ำตกแม่กลาง นำ้ ตกแมย่ ะ (ใหญ่และสวยงามทสี่ ุดใน
ภาคเหนือ อยู่ท่ีอำเภอจอมทอง) น้ำตกแมร่ ิม
4.4 แหล่งทอ่ งเท่ยี วประเภทบ่อนำ้ รอ้ น หรือนำ้ พรุ ้อน ภาคเหนอื มบี ่อนำ้ ร้อนและนำ้ พุมากกวา่ ภาคใด
ๆ เกดิ จากการเคล่ือนไหวของเปลอื กโลก ทำให้ความร้อนจากใต้พภิ พแทรกตวั ข้นึ มาในช้ันหนิ ทำให้น้ำใต้
ดินมอี ุณหภมู สิ ูงมาก เกิดการอดั ดนั ตวั ขนึ้ มาบนพ้นื ดิน บ่อน้ำร้อนทมี่ ีช่ือเสยี งในภาคเหนือ ได้แก่ บ่อน้ำ
ร้อนฝาง บอ่ นำ้ ร้อนแม่แจ่ม โปง่ เดือดปา่ แป๋ พนุ ำ้ ร้อนสันกำแพง น้ำพรุ ้อนบ้านเมอื งงาม จังหวัดเชียงใหม่
พุนำ้ รอ้ นโป่งปูเพือง และพนุ ้ำร้อนโป่งเจดีย์ จงั หวัดเชียงราย
4.5 แหล่งท่องเท่ียวประเภททิวทัศน์ แปลกตาพิเศษ มีลกั ษณะเสาดนิ สงู -ต่ำ ตั้งเรียงราย ทงั้ นีเ้ กิดจาก
การกดั เซาะของแมน่ ำ้ ในอดีต ลกั ษณะภมู ิประเทศแบบน้ีมีอยู่ 2 แหง่ คือ
“ฮ่อมจ๊อม” ในจงั หวัดน่าน และ “แพะเมืองผี” จงั หวดั แพร่
5.6 แหล่งท่องเท่ียวประเภททะเลสาบ และอ่างเก็บน้ำ ไดแ้ ก่ กว๊านพะเยา ในจังหวดั พะเยา และอ่าง
เก็บน้ำดอยเตา่ ในจังหวดั เชียงใหม่ ทัง้ สองแห่งมีทวิ ทศั น์งดงามมาก
5. ประชากรและการเพิ่มประชากร
5.1 จำนวนประชากร ภาคเหนือมปี ระชากรรวมทง้ั สน้ิ 6.28 ลา้ นคน (ตามทะเบียนราษฎร์ พ.ศ.
2541 ) จงั หวัดที่มมี ากทีส่ ดุ คือ จังหวัดเชียงใหม่ 1.58 ล้านคน ส่วนนอ้ ยทีส่ ุด คือ จังหวดั แม่ฮ่องสอน
232,988 คน
5.2 ความหนาแนน่ ความหนาแน่นเฉล่ีย 67 คนต่อหน่ึงตารางกโิ ลเมตร จัดได้ว่าไมห่ นาแนน่ มาก
นัก (ประเทศไทย ประชากรหนาแน่นเฉลี่ย 119 คนตอ่ 1 ตารางกโิ ลเมตร) ทงั้ นี้เนือ่ งจากลกั ษณะภมู ิ
ประเทศส่วนใหญ่ท่เี ปน็ ภูเขาโดยประชากรส่วนใหญจ่ ะอาศัยอยู่บรเิ วณท่ีราบลมุ่ แมน่ ำ้ ปงิ วัง ยม น่าน
5.3 ชาวไทยภเู ขา เป็นชนกล่มุ น้อยท่ีอาศยั ถาวรในพื้นทส่ี งู และทรุ กนั ดาร มภี าษา ค่านิยม
ขนบธรรมเนยี มประเพณีเป็นของตนเอง ชาวไทยภเู ขาทีม่ ีมากทสี่ ดุ คือ กะเหรย่ี ง ม้ง มเู ซอ เยา้ ลีซอ อีก้อ
จงั หวัดทมี่ มี ากทีส่ ดุ คือ เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน เชียงราย
5.4 การประกอบอาชพี อาชพี สำคัญของประชากรในภาคเหนอื คือ เกษตรกรรม มีการทำนา
และทำไร่ เป็นหลกั
6. ปัญหาสง่ิ แวดล้อมในภาคเหนอื และแนวทางการแก้ไข
ปญั หาสิ่งแวดล้อมมี 4 ปญั หาสำคญั คือ
6.1 ปญั หาดนิ ชะลา้ งพังทลาย เกิดจากการตัดไม้ผิดกฎหมายของนายทนุ และการทำไร่เลื่อนลอยของชาว
ไทยภูเขา เพอื่ ขยายเน้ือทใ่ี นการเพาะปลูก ซึง่ มวี ธิ แี ก้ไขดังนี้
1. มีมาตรการควบคุมการาตดั ไม้ทำลายป่าที่ผิดกฎหมายอยา่ งไดผ้ ล
2. ควบคมุ การทำไร่เลื่อนลอยของชาวไทยภูเขา มิให้ขยายวงกวา้ งออกไป สนับสนุนการใหค้ วามร้ใู น
การเพาะปลูก
3. ปรับปรงุ พันธ์ุพืชให้เหมาะสมกับพน้ื ที่
4. ส่งเสริมใหเ้ พาะปลกู ควบคู่กับการอนรุ ักษ์ เชน่ การปรับพน้ื ท่แี บบขั้นบนั ได การปลูกพืชสลับแถว
การปลกู ต้นไมย้ นื ต้น และการปลกู พชื คลมุ ดนิ เปน็ ต้น
6.2 ปญั หาการขาดแคลนทีด่ ินทำกนิ ภาคเหนือมีปญั หาการขาดแคลนท่ีดนิ ทำกินมากกว่าภาคอื่น ๆ ทัง้ น้ี
เพราะมีทีร่ าบจำกดั ในปัจจุบันไดพ้ ยายามแกป้ ัญหาโดยการปฏิรปู ท่ีดนิ เพ่อื ให้เกษตรกรมีทดี่ ินทำกินเป็น
ของตนเอง
6.3 ปัญหาการสูญเสยี ป่าไม้ การสญู เสียพื้นที่ปา่ ไม้ในภาคเหนอื เกิดจากการทำไร่เลื่อนลอยของชาวไทย
ภูเขา และการลักลอบตัดไมโ้ ดยผดิ กฎหมายของนายทุน และชาวบา้ น เนือ่ งจากไม้ในภาคเหนอื เปน็ ไม้ท่ีมี
ราคา โดยเฉพาะไม้สัก วธิ กี ารแกป้ ญั หาต้องใช้มาตรการทสี่ ำคญั ดงั น้ี
1. ชกั จงู ให้ชาวไทยภูเขาลดการทำไรเ่ ลื่อนลอยใหน้ อ้ ยลง
2. ลงโทษผกู้ ระทำผดิ ในการลักลอบตดั ไม้โดยผดิ กฎหมายอยา่ งจรงิ จัง
6.4 การแพร่กระจายของวัชพืช ปัญหาการแพร่กระจายของวชั พืชทส่ี ำคัญของภาคเหนือ คอื การ
แพรก่ ระจายของต้นไมยราบยักษ์ โดยมีผ้นู ำเขา้ จากตา่ งประเทศด้วยความร้เู ท่าไม่ถงึ การณ์ ซึ่งได้
แพร่กระจายอย่างรวดเร็ว โดยเมล็ดสามารถลอยไปตามลำนำ้ สายต่าง ๆ โดยเฉพาะลุ่มแม่นำ้ ปงิ
7.ความสมั พนั ธ์ระหว่างสง่ิ แวดล้อมทางกายภาพกับประชากรในภาคเหนือ
7.1 ภาคเหนอื เป็นแหล่งตน้ นำ้ ลำธารของแมน่ ้ำปงิ วงั ยม นา่ น ปริมาณนำ้ มากในฤดฝู น ส่วนฤดู
แลง้ นำ้ ไม่เพยี งพอต่อการเกษตร
7.2 ลักษณะภูมปิ ระเทศเป็นที่ราบแคบ ๆสลับภเู ขา ทำให้เมืองตา่ ง ๆ มักตงั้ อยู่บริเวณที่ราบแคบ
ๆ มอี าชีพค้าขายและบริการ สว่ นบนภเู ขาเป็นที่อยขู่ องชาวไทยภเู ขา และเกษตรกรทว่ั ไปซึง่ มีอาชีพปลูก
พชื สวนและพชื ไร่
7.3 ป่าไม้ เป็นทรพั ยากรทีม่ ีค่ามากท่สี ดุ ของภาคเหนอื มกี ารทำปา่ ไม้และอุตสาหกรรมจากไม้
และยงั เป็นแหลง่ อุตสาหกรรมทอ่ งเที่ยวทส่ี ำคัญที่ดึงดูดนักท่องเที่ยว และยังทำรายได้ให้กับท้องถิน่ โดย
การผลติ สนิ คา้ หตั ถกรรม เพื่อเป็นของทร่ี ะลกึ ใหก้ ับนักท่องเทีย่ ว
7.4 ภาคเหนือมีลกั ษณะภมู ิประเทศเปน็ ภูเขาท่ีลาดเอียง ทำให้เกดิ การสกึ ร่อนและการพังทลาย
ชองหนา้ ดิน เม่อื ประชากรต้องการเพาะปลกู จะมีการทำลายปา่ ไม้ในลักษณะการทำไรเ่ ล่ือนลอยและการ
ปลูกพชื บนท่ลี าดเอียงเปน็ แนวจากท่สี ูงลงส่เู ชงิ เขาหรอื การเปิดพน้ื ที่เหมอื งท้งิ ไว้ ทำใหเ้ กิดปญั หาการ
พังทลายเร็วขนึ้
7.5 ภาคเหนือมพี น้ื ที่อดุ มสมบูรณ์ เปน็ ทร่ี าบแคบ ๆ ประมาณร้อยละ 20 ของภาคเกษตรกรมีที่
ทำกินเฉลีย่ ครอบครวั ละ 10 ไร่ ทำให้ประชากรอพยพออกไปอยภู่ าคกลางตอนบน
ภมู ศิ าสตรภ์ าคกลาง
ภาคกลางมจี ำนวนจังหวดั และประชากรอาศัยอย่หู นาแนน่ ท่สี ุดของประเทศไทย ภาคกลางได้
สมญานามว่า “อูข่ ้าวอู่นำ้ ของไทย” เพราะมีทรัพยากรดินและนำ้ อดุ มสมบรู ณ์ เปน็ ศนู ยก์ ลางเกษตรกรรม
และอตุ สาหกรรมของประเทศไทย มบี ่อนำ้ มันท่ีกำแพงเพชร และมเี ข่ือนขนุ ด่านปราการชลเป็นเข่อื น
คอนกรีต ท่ยี าวท่สี ุดในโลก ตลอดจนมีกรุงเทพมหานครเป็นศูนยก์ ลางความเจรญิ ในทุก ๆ ดา้ น
1.จงั หวัดในภาคกลาง ทตี่ ง้ั และขนาด
ภาคกลางมีพนื้ ที่ประมาณ 92,795 ตารางกิโลเมตร ประกอบดว้ ย 22 จงั หวัด แบง่ ออกเปน็
1.1 ภาคกลางตอนบน มี 7 จังหวัด ได้แก่ นครสวรรค์ กำแพงเพชร พจิ ิตร พิษณุโลก สโุ ขทัย เพชรบรู ณ์
และอุทัยธานี
1.2 ภาคกลางตอนล่าง มี 15 จงั หวดั ได้แก่ สระบุรี ลพบุรี สพุ รรณบุรี ชัยนาท สงิ ห์บุรี อ่างทอง
พระนครศรอี ยธุ ยา นครนายก ปทมุ ธานี นนทบุรี นครปฐม สมุทรสงคราม สมุทรสาคร สมทุ รปราการ
และกรุงเทพฯ โดยมีอาณาเขตติตต่อกบั พืน้ ทต่ี ่างๆดังน้ี
-ทิศเหนอื ดินแดนทอี่ ยู่เหนือสดุ ของภาคคือ จงั หวัดสโุ ขทยั
-ทศิ ตะวันออก ดนิ แดนที่อยู่ตะวนั ออกสุดของภาค คือ จงั หวัดเพชรบรู ณ์
-ทิศตะวันตก ดนิ แดนท่ีอย่ตู ะวันตกสุดของภาคคือ จังหวดั กำแพงเพชร
-ทิศใต้ ดินแดนที่อยู่ใต้สดุ ของภาค คือ จังหวดั สมุทรสงคราม
2. ลักษณะภมู ิประเทศภาคกลาง
2.1 เขตท่ีราบ
- เขตท่ีราบภาคกลางตอนบน เป็นทร่ี าบลุ่มแมน่ ้ำและทรี่ าบลูกฟกู (เนินเขาสลบั กบั ท่ีราบ)
- เขตที่ราบภาคกลางตอนลา่ ง เป็นท่ีราบกวา้ งทีเ่ กดิ จากการทับถมของตะกอน และเกิดเป็นดินดอน
สามเหล่ยี มปากแม่นำ้ เจ้าพระยา
- เขตทร่ี าบทางตะวนั ออกและตะวันตก เปน็ ท่ีราบลุ่มแมน่ ้ำสลับกับลูกฟูก มีภเู ขาท่ีไมส่ งู กระจายอย่ทู วั่ ไป
ภาพที่ 10 แสดงลักษณะภูมปิ ระเทศภาคกลาง
3.แมน่ ้ำสายสำคญั ของภาคกลาง
3.1 แมน่ ำเจา้ พระยา เริ่มจากจังหวัดนครสวรรคไ์ หลลงสู่ทะเลท่ีจังหวัดสมุทรปราการ และมี
แม่นำ้ สายเล็ก ๆ ท่ีเป็นสาขาคือ แมน่ ้ำมะขามเฒ่า(แมน่ ำ้ ลพบุรี) แม่นำ้ น้อย(สุพรรณบุร)ี และแม่น้ำนครชยั
ศรี(ท่าจนี )
แมน่ ำ้ ปา่ สกั เรม่ิ จากจังหวดั เลย ไหลมาบรรจบกับแม่น้ำเจา้ พระยาทจี่ ังหวดั พระนครศรีอยุธยา
3.2 แมน่ ้ำสะแกกรัง เริ่มตน้ จากนครสวรรค์และกำแพงเพชร ไหลมาบรวมกบั แม่นำ้ เจ้าพระยาที่
จงั หวดั อุทัยธานี
ภาคกลางมีแหล่งน้ำจืดท่ีใหญ่ทีส่ ุดของภาค คอื บึงบอระเพ็ด อยูท่ จ่ี ังหวดั นครสวรรค์ และบงึ สไี พ
จังหวดั พิจิตร
4.คลองทสี่ ำคัญในภาคกลาง
4.1 คลองรงั สติ เปน็ คลองทเี่ ชื่อมระหว่างแมน่ ้ำเจ้าพระยากับแม่นำ้ นครนายก
4.2 คลองบางบวั ทอง เปน็ คลองทเ่ี ชื่อมระหว่างแม่นำ้ เจา้ พระยากับแมน่ ำ้ นครชยั ศรี
4.3 คลองภาษเี จรญิ เป็นคลองทีเ่ ช่ือมระหว่างแมน่ ้ำท่าจนี กับคลองบางกอกน้อย
4.4 คลองแสนแสบ , คลองพระโขนงและคลองสำโรง เปน็ คลองที่เชื่อมระหว่างแมน่ ำ้ เจ้าพระยา
กบั แมน่ ำ้ บางปะกงคลองดำเนินสะดวก เปน็ คลองท่ีเชื่อมระหวา่ งแม่น้ำทา่ จนี กับแมน่ ำ้ แม่กลอง
5.ลกั ษณะภูมิอากาศของภาคกลาง
ภาคกลางมีลักษณะภมู ิอากาศเป็นแบบทงุ่ หญา้ เมอื งร้อน (Aw) คือมีฝนตกปานกลาง และสลับกับ
ฤดแู ลง้ บริเวณภาคกลางตอนลา่ งจะมีอากาศชุม่ ชนื้ มากว่าเน่ืองจากอย่ใู กลท้ ะเลมากกว่าภาคกลาง
ตอนบน
5.1 ปจั จัยทค่ี วบคมุ อณุ หภมู ิของภาคกลาง
1. ไดร้ ับอิทธิพลจากลมมรสมุ ตะวันตกเฉยี งใต้ทน่ี ำความชุ่มชนื้ มาส่ภู าคกลาง
2. มกี ารวางตวั ของแนวภูเขาตะนาวศรี และภเู ขาถนนธงชัยในลกั ษณะเหนือ-ใต้ ทำให้ส่วนท่ีเปน็ หลังเขามี
ฝนตกนอ้ ย
3. ความใกล้ไกลทะเลทำให้อุณหภูมิของอากาศแตกตา่ งกันมากระหวา่ งฤดูร้อนกบั ฤดหู นาว
-ภาคกลางมีอณุ หภูมิเฉลย่ี ประมาณ 27-28 องศาเซลเซียส ซึ่งอากาศค่อนข้างรอ้ น
-ปริมาณนำ้ ฝนของภาคเฉลยี่ ประมาณ 1,375 มิลลเิ มตร พื้นทีส่ ว่ นใหญ่จะอยู่ในเขตอับฝน
-ฝนตกมากสดุ ในเดอื นกนั ยายน จงั หวัดท่มี ปี ริมาณฝนมากที่สดุ คือ กรงุ เทพฯ และจงั หวัดท่มี ีปรมิ าณฝน
น้อยทส่ี ุดคือ นครสวรรค์
6.ทรัพยากรธรรมชาตใิ นภาคกลาง
6.1 ทรพั ยากรดิน
ภาคกลางตอนบนเป็นดนิ ตะกอนเก่าไม่เหมาะสมในการเพาะปลูกเนื่องจากเกดิ การจบั ตัวแข็ง
ในช่วงฤดูแล้ง ดนิ ทเ่ี หมาะในการเพาะปลูกควรเปน็ ดินเหนียวท่าจนี ดินเหนยี วลพบุรี ดนิ เหนียวองครกั ษ์
ดินรว่ นกำแพงแสน และดินเหนียวดำกรงุ เทพฯ ซึ่งเปน็ ดนิ ที่เกิดจากการทับถมของตะกอนทน่ี ้ำพดั พามา
รวมกันเป็นท่ีราบขนาดใหญ่ของภาคกลาง ส่วนดินบรเิ วณที่ราบเนินภเู ขาจะ เกิดจากการสลายตัวของ
หนิ ปนู และหินอัคนี เหมาะแก่การปลูกพชื ไร่ เช่น ขา้ วโพด ขา้ วฟา่ ง มะม่วง ขนุน เปน็ ตน้
6.2 ทรัพยากรน้ำ
ประกอบแม่น้ำและลำคลองมากมากจึงเป็นภาคท่ีอดุ มสมบูรณท์ ีส่ ุดของประเทศ ประกอบดว้ ย
แมน่ ำ้ เจ้าพระยา แม่น้ำทา่ จนี และมกี ารสรา้ งเข่ือนตา่ ง ๆ เชน่ เข่ือนเจ้าพระยา จงั หวดั ชยั นาท เขื่อนกระ
เสยี ว จังหวดั สุพรรณบรุ ี เขอื่ นป่าสัก จังหวัดลพบุรี
6.3 ทรัพยากรป่าไม้
ภาคกลางมีพ้ืนท่ีของป่าไมน้ ้อยมาก สว่ นใหญพ่ บในภาคกลางตอนบนเปน็ ป่าเบญจพรรณและปา่
ดงดิบ จังหวัดอทุ ยั ธานีจะมีปา่ ไมเ้ หลอื อยู่มากทสี่ ุด ประมาณ 2,620 ตารางกิโลเมตร ซึง่ เป็นที่ตัง้ ของ
อุทยานแหง่ ชาติหว้ ยขาแขง้ ส่วนจังหวัดอนื่ ๆ ไมม่ ีพ้ืนทปี่ ่าไม่เหลืออย่เู ลย
6.4 ทรัพยากรแรธ่ าตุ
ภาคกลางมีแร่ธาตุไม่มากนัก เน่ืองจากภูมปิ ระเทศสว่ นใหญเ่ ปน็ ท่รี าบ แร่ท่สี ำคัญคือ แร่โลหะ
ได้แก่ ดีบุก เหลก็ แมงกานสี ตะก่ัว ทองคำ แร่อโลหะ ได้แก่ ยปิ ซมั หินอ่อน ดนิ มาร์ล หินปูน แรเ่ ชื่อเพลิง
พบ**นำ้ มนั ดิบที่ลานกระบอื จงั หวดั กำแพงเพชร
6.ลกั ษณะทางวัฒธรรม : ประชากรในภาคกลาง
ภาคกลางเป็นภาคที่มคี วามอุดมสมบรู ณ์ ประชากรส่วนใหญป่ ระกอบอาชพี ด้านกสิกรรมและ
เกษตรกรรม การแสดงจะเกิดขนึ้ ในลักษณะสนุกสนามหรือเปน็ การรอ้ งเกี้ยวพาราสีกนั เชน่ เพลงเกย่ี วขา้ ว
หรอื รำกลองยาวเปน็ ต้น
ภาคกลางมจี ำนวนประชากรมากเปน็ อนั ดบั 2 ของประเทศ รองจากภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนอื
กรุงเทพฯเปน็ จังหวดั ทม่ี ีประชากรมากท่ีสุดและหนาแน่นมากทส่ี ดุ และจังหวดั ทมี่ ีประชากรนอ้ ยท่สี ดุ คือ
จงั หวัดสมุทรสงคราม และจงั หวัดอุทัยธานจี ะมีความหนาแน่นของประชากรเบาบางท่ีสดุ
7.กจิ กรรมทางเศรษฐกจิ ทส่ี ำคญั ของภาคกลาง
7.1การเพาะปลกู ประชากรในภาคกลางมีการปลูกข้าวเป็นอาชพี หลกั เพราะอยู่ในบรเิ วณทีอ่ ุดม
สมบูรณแ์ ละเป็นที่ราบลุ่มแม่น้ำสว่ นการปลูกพชื ไรจ่ ะปลกู บริเวณจังหวดั ลพบุรี สระบุรี สพุ รรณบุรี
นครปฐม
7.2การเลยี้ งสตั ว์ มกี ารเล้ียงสัตวเ์ พ่ือเปน็ อาหาร เช่น สกุ ร เปด็ ไก่
7.3การประมง มีการทำประมงนำ้ จืดมากที่สดุ ส่วนประมงน้ำเค็มและน้ำกร่อยจะอยบู่ ริเวณ
จงั หวดั ท่อี ยตู่ ดิ ชายฝง่ั ทะเล
7.4 อตุ สาหกรรม เป็นภาคที่มีการทำอุตสาหกรรมมากทีส่ ดุ เชน่ อุตสาหกรรมอาหารกระปอ๋ ง
ประกอบรถยนต์ โรงงานปนู ซิเมนตซ์ ง่ึ ส่วนใหญ่จะตงั้ อยู่ในกรงุ เทพฯและจังหวัดปรมิ ณฑล
7.5 การค้าและบรกิ าร เป็นอาชพี ทีม่ มี ากท่สี ดุ มีทั้งการค้าภายในและตา่ งประเทศ รวมทั้งการ
บรกิ ารดา้ นต่าง ๆ เช่น การท่องเทย่ี ว การธนาคาร การแพทย์ เปน็ ต้น
ภมู ศิ าสตร์ภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนือ
ภาคตะวนั ออกเฉียงเหนือ [North-East] หรอื ภาคอสี าน [Isan] เป็นเขตพ้นื ท่ีราบสูงลกั ษณะกว้าง
ใหญ่ครอบคลมุ พื้นท่ีประมาณ 1 ใน 3 ของประเทศไทยทั้งหมด ในพน้ื ที่ของภาคอสี านน้ี มีสิ่งที่น่าสนใจและ
น่าศกึ ษามากมาย ไมว่ า่ จะเป็น หนิ และแร่ทม่ี ีอายนุ ับหลายรอ้ ยปี รวมไปถึงวตั ถุที่มนุษย์ในยคุ หินประดิษฐ์
ขึ้นมา อกี ทง้ั ยังมวี ดั และปราสาทสำคญั ต่างๆ มากมายในยุคอาณาจักรขอมโบราณ ทถ่ี ือเป็นมรดกอันล้ำค่า
นอกจากนี้ ภาคอีสานมีอุทยานแห่งชาตทิ ี่เป็นทีร่ ู้จักกันดี ติด 3 อนั ดับในประเทศไทย นนั่ ก็คอื อุทยาน
แหง่ ชาติเขาใหญ่ อุทยานแหง่ ชาติภูกระดงึ และ อุทยานแห่งชาติภเู รือ ใน ปที ี่ผา่ นๆ มา ดินแดนรมิ ฝั่งแมน่ ำ้
โขงได้กลายเป็นจุดเรม่ิ ต้นในการเดินทางท่องเที่ยวผจญภัยสำหรับนกั ท่องเท่ยี วท่ี ต้องการหาประสบการณ์
แปลกใหม่ สำหรับการเดินทางมายงั จังหวัดในภาคอสี าน สายการบนิ ภายในประเทศได้มีการปรบั ปรงุ และ
พัฒนาเทยี่ วบนิ ไปยังจังหวัดต่างๆ ในภาคอีสานมากขึน้ ท้งั นี้เพ่อื ใหค้ วามสะดวกสบายแก่นกั ท่องเทย่ี วที่มา
เยอื น ในดา้ นสถานท่ีพัก มีโรงแรมหรหู รามากมายให้ได้เลอื กใช้บริการ โดยเฉพาะในจงั หวัดใหญๆ่ อาทิเช่น
ขอนแก่น อุดรธานี นครราชสีมา และ อุบลราชธานี
1.ลักษณะภูมปิ ระเทศ
สว่ นใหญเ่ ป็นท่รี าบสูง รปู รา่ งคลา้ ยกระทะหงาย มขี อบทางดา้ นตะวันตกและด้านใต้ลาดลง
ทางดา้ นตะวนั ออก เทือกเขาที่สำคญั ได้แก่ เทือกเขาเพชรบรู ณ์ เทือกเขาดงพญาเย็น เทือกเขาสันกำแพง
เทอื กเขาภพู าน บริเวณตอนกลางของภาคเปน็ แอ่ง เรียกวา่ แอง่ โคราช
1.1 เขตทวิ เขาดา้ นทศิ ตะวันตก เปน็ บริเวณท่ีมีภเู ขายกตวั ขึ้นแยกจากทร่ี าบภาคกลาง โดยธรณี
สัณฐานหลักเปน็ ภูเขาหนิ ทรายที่มยี อดราบ เชน่ ภูกระดงึ พืน้ ท่ีบริเวณนใ้ี ชป้ ระโยชน์ด้านการปลกู พืชไร่
จำพวกอ้อย มันสำปะหลงั ขา้ วโพด ถั่ว และปลูกขา้ วในบรเิ วณทล่ี ุม่ อกี ทั้งในฤดูหนาวภมู ิทศั น์ของพ้นื ท่ีจะ
มคี วามสวยงาม อากาศเย็นและมไี มด้ อกมาก จงึ เป็นจดุ เด่นสำหรับการท่องเท่ยี ว
1.2 ทวิ เขาดา้ นทิศใต้ เปน็ แนวทวิ เขาหนิ ทรายทมี่ ดี ้านลาดอยูใ่ นประเทศไทยและมีดา้ นชันไปใน
กมั พูชา ทางทิศใต้ ภมู ิสณั ฐานหลกั เป็น “เขารปู อโี ตห้ รอื เกวสตา”คล้ายกบั ”เขาอีโต้” ท่ีจงั หวดั ปราจีนบรุ ี
สภาพของเขา ท่ีทอดแนวตลอดจะมชี ่องแคบท่สี ามารถเดนิ ทางระหวา่ งประเทศไดด้ ังน้นั พื้นที่บรเิ วณนี้
ผู้คนของท้งั สองประเทศจะมีความสัมพนั ธต์ ิดต่อค้าขายแลกเปล่ียนสนิ ค้าจำพวกอาหาร ของปา่ และไมซ้ ุง
ซ่งึ กันและกนั นอกจากนี้ยัง ปรากฏหินภเู ขาไฟเกือบตลอดแนวจงึ ทำใหบ้ รเิ วณดังกลา่ วมสี ภาพดนิ ทเ่ี หมาะ
ต่อกรปลกู พืชและผลไม้ตา่ งๆ เชน่ ที่อำเภอกันทรลกั ษณ์ อำเภอขนุ หาญ และอำเภอนำ้ ยนื จังหวัด
อบุ ลราชธานีท่เี ร่ิมมีการปลกู ยางพารา เงาะ ทเุ รยี น ซึ่งได้ผลผลติ ดีไมต่ ่างจากจังหวดั ในภาคตะวันออก
1.3 แอ่งโคราช ประกอบดว้ ยท่ีราบลมุ่ นำ้ ชี-มลู บรเิ วณท่รี าบลมุ่ นำ้ เปน็ แหลง่ ปลูกขา้ วใหญท่ ่ีสุด
ของไทย และเปน็ แหล่งตั้งถ่นิ ฐานท่ีมปี ระชากรเกิน 1 ลา้ นคนในเกือบทุกจงั หวดั โดยสภาพพน้ื ทเี่ ป็นทลี่ มุ่
ในช่วงฤดูฝนที่มพี ายจุ งึ เกิดน้ำท่วมขึน้ เสมอ แตเ่ ม่ือสิ้นฤดูฝนไปสภาพการขาดแคลนนำ้ จะปรากฏเป็น
ระยะเวลายาวนาน ทง้ั นเี้ น่ืองจากสภาพพน้ ที่เป็นดนิ ทรายไมอ่ ุ้มนำ้ และไมม่ ีพ้ืนทสี่ ำหรบั กกั เก็บน้ำไวใ้ ชใ้ น
ฤดูแลง้ ได้ และบางพื้นที่เปน็ ดินเคม็ มีคราบเกลือสนิ เธาว์ขนึ้ มาตกผลกึ
1.4 แอ่งสกลนคร ประกอบดว้ ยท่รี าบลุ่มน้ำสงคราม หนองหาน และลุ่มน้ำโขงอีสานสกลนคร โดย
พ้ืนทีบ่ ริเวณหนองหานสกลนครเป็นแอ่งต่ำทเี่ กิดจากการทรุดตัวของแผน่ ดนิ เน่ืองจากโครงสรา้ งของเกลือ
และหินละลาย ด้านทิศใต้ของแอง่ สกลนครมที วิ เขาภูพานทอดแนวจากทศิ ตะวันตกเฉียงเหนือถงึ ทิศ
ตะวันออกเฉยี งใต้ บริเวณพื้นทเี่ นนิ และภเู ขาที่กระจายอยู่ท่ัวไปเปน็ สว่ นทีเ่ หลอื อย่จู ากการกร่อน เชน่ ภู
ผาเทิบ ท่อี ุทยานแหง่ ชาตมิ ุกดาหาร เปน็ แหลง่ ทอ่ งเทย่ี วที่สำคัญ เปน็ ต้น
ภาพท่ี 11 แสดงลักษณะภูมิประเทศภาคตะวนั ออกเฉียงเหนือ
2. ภาคตะวันออกเฉียงเหนอื ประกอบ 20 จงั หวดั ดังน้ี เลย หนองบัวลำภู อดุ รธานี หนองคาย
นครพนม สกลนคร มกุ ดาหาร บรุ รี มั ย์ นครราชสีมา ชัยภมู ิ ขอนแกน่ กาฬสนิ ธุ์ ศรีสะเกษ สุรนิ ทร์
อุบลราชธานี ยโสธร อำนาจเจรญิ มหาสารคาม ร้อยเอ็ด หนองบัวลำภู และบงึ กาฬ มีเน้ือทม่ี ากเปน็
3. แม่น้ำท่ีสำคญั ของภาคตะวันออกเฉยี งเหนอื
3.1 แม่นำ้ มลู มคี วามยาวประมาณ 641 กิโลเมตร เป็นแม่นำ้ สายสำคัญของอสี านตอนล่าง ตน้ น้ำอยทู่ ่ี
ทิวเขาสันกำแพง แลว้ ไหลลงสู่แม่นำ้ โขงที่จังหวัดอบุ ลราชธานี
3.2 แม่น้ำชี มีความยาวประมาณ 765 กโิ ลเมตร ***เป็นแม่น้ำสายท่ยี าวท่ีสุดในประเทศไทย **มตี ้น
กำเนิดทีท่ วิ เขาเพชรบูรณ์ และไหลไปรวมกบั แม่น้ำมลู ทจ่ี ังหวดั อบุ ลราชธานี
4.ลกั ษณะภมู อิ ากาศของภาคตะวันออกเฉยี งเหนอื
ลกั ษณะภมู อิ ากาศในภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนือมีลกั ษณะแบบทุง่ หญา้ สะวนั นา (Aw) คอื มีอากาศ
ร้อนชนื้ สลับกับฤดูแลง้ มฝี นตกปานกลาง มี 3 ฤดู คือ
- ฤดหู นาว ช่วงเดือนตุลาคม - กมุ ภาพนั ธ์ อากาศหนาวเย็นเนอ่ื งจากได้รบั อิทธิพลจากลมมรสุม
ตะวนั ออกเฉียงเหนอื จงั หวดั ที่มอี ุณหภมู ติ ่ำสดุ ได้แก่จังหวัดเลย
- ฤดฝู น ชว่ งเดือนพฤษภาคม - ตลุ าคม เนอ่ื งจากไดร้ ับอิทธิพลจากจากพายุดีเปรสชนั จังหวดั ทม่ี ีปรมิ าณ
นำ้ ฝนมากทสี่ ุดคือ นครพนม และจังหวัดทม่ี ฝี นตกนอ้ ยทสี่ ุดคอื นครราชสีมา
- ฤดูร้อน ช่วงเดอื นกุมภาพันธ์ - พฤษภาคม อากาศจะร้อนและแหง้ แล้งมาก เพราะอยู่ไกลจากทะเล
จงั หวดั ที่ มีอณุ หภมู ิสงู สุดคอื อดุ รธานี
5.ทรัพยากรธรรมชาติในภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนอื
5.1 ทรัพยากรดิน ดินในภาคตะวันออกเฉียงเหนือเป็นดนิ ทรายและขาดธาตุอาหาร ใต้ดนิ มเี กลือหนิ ทำ
ใหด้ ินเคม็ และแหง้
ไม่เหมาะในการเพาะปลูกพืช และทำนา
5.2 ทรัพยากรน้ำ เนอ่ื งจากภาคตะวันออกเฉียงเหนือเปน็ ดินปนทรายไมส่ ามารถอุ้มนำ้ ได้ จึงทำให้ขาด
แคลนน้ำเป็นสำคญั จงึ ต้องอาศยั การชลประทานเข้ามาชว่ ยมีการสร้างเข่ือนหรืออ่างเกบ็ นำ้ ขนาดใหญ่เพ่ือ
เก็บกักน้ำ
6.เขอ่ื นสำคญั ในภาคตะวันออกเฉยี งเหนือ ได้แก่
- เข่ือนสิรินธร อยใู่ นจงั หวดั อุบลราชธานี
- เขื่อนจฬุ าภรณ์ อยู่ในจงั หวัดชยั ภูมิ
- เข่ือนอุบลรตั น์ อยใู่ นจงั หวดั ขอนแก่น
- เข่ือนลำปาว อยูใ่ นจังหวัดกาฬสินธุ์
- เขอ่ื นลำตะคอง อยู่ในจงั หวัดนครราชสมี า
- เข่ือนลำพระเพลิง อยใู่ นจังหวดั นครราชสมี า
ภูมิศาสตรภ์ าคตะวนั ออก
ภาคตะวนั ออกมีพ้นื ทน่ี ้อยทส่ี ดุ ของประเทศไทย แต่ได้ช่อื ว่า “อสี เทริ ์นซบี อร์ด” เพราะตั้งอยู่ชายฝั่ง
ทะเล มีทา่ เรือน้ำลึก สะดวกในการขนส่งสนิ คา้ เป็นเขตแปรรูปสินค้าเกษตรแบบครบวงจร มีก๊าซ
ธรรมชาติในอา่ วไทย และมีอุตสาหกรรมการท่องเทีย่ วท่หี ลากหลาย ตั้งอยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพมหานคร จึง
ทำให้เศรษฐกิจของ ภาคตะวนั ออกเจรญิ มาก
1.ลักษณะทางกายภาพ
ภาคตะวันออกมีเนื้อทปี่ ระมาณ 34,380 ตารางกโิ ลเมตร ประกอบดว้ ย 7 จงั หวัด ไดแ้ ก่
ปราจนี บุรี สระแกว้ ฉะเชงิ เทรา ชลบรุ ี ระยอง จนั ทบรุ ี ตราด
2.จังหวดั ในภาคตะวันออก ทตี่ ง้ั และขอบเขต
2.1 ทศิ เหนือ ตดิ ตอ่ กบั ภาคตะวนั ออกเฉียงเหนอื ดินแดนท่ีอยเู่ หนือสุดคอื อำเภอประจันตคาม
จงั หวดั ปราจนี บรุ ี
2.2 ทิศตะวนั ออก ติดต่อกับกัมพชู า ดนิ แดนที่อยู่ตะวนั ออกสุดคือ อำเภอคลองใหญ่ จังหวัด
ตราด
2.3 ทศิ ตะวนั ตก ตดิ ต่อกบั กรงุ เทพฯ สมุทรปราการ อา่ วไทย ดินแดนทอ่ี ยู่ตะวันตกสุดคือ อำเภอ
สัตหบี จงั หวดั ชลบรุ ี
2.4 ทศิ ใต้ ตดิ ต่อกับอ่าวไทย ดนิ แดนใตส้ ุดคือ อำเภอคลองใหญ่ จังหวดั ตราด
3.ลกั ษณะภูมิประเทศภาคตะวันออก
ลกั ษณะภมู ิประเทศโดยทั่วไปจะเปน็ ทวิ เขา ทีร่ าบลุม่ แม่นำ้ ท่รี าบชายฝัง่ ทะเล
- เขตภเู ขา ไดแ้ ก่ ทวิ เขาจันทบุรี ตัง้ อยูต่ อนกลางของภาค วางตัวในแนวตะวันออก-ตะวนั ตก มี
ยอดเขาสงู สดุ คอื ยอดเขาสอยดาวใต้ และทวิ เขาบรรทดั วางตัวในแนวเหนือ-ใต้ มียอดเขาสูงสุดคือ เขา
ตะแบงใหญ่ เปน็ ภูเขาที่ก้นั พรมแดนไทยกับกัมพชู า
- เขตท่รี าบลุ่มแมน่ ้ำ เปน็ ที่ราบลมุ่ แม่นำ้ อย่ทู างตอนเหนือของภาค อยรู่ ะหวา่ งเทือกเขาสัน
กำแพง และเทอื กเขาจนั ทบรุ ี
- เขตท่รี าบชายฝ่ังทะเล ตง้ั แตเ่ ทอื กเขาจนั ทบรุ ีไปจนถึงอ่าวไทยเปน็ ทร่ี าบชายฝั่งแคบ ๆ ทมี่ ีภมู ิ
ประเทศสวยงาม และมีแมน่ ้ำหลายสายไหลผา่ น
ภาคตะวนั ออกมพี รมแดนตดิ ต่อกับกมั พูชาทจ่ี ังหวดั สระแก้ว จันทบุรี และตราด มสี ันปันน้ำของ
เทือกเขาบรรทดั ท่ีจงั หวัดจนั ทบรุ ี และตราดเปน็ พรมแดนธรรมชาติ และมีพรมแดนเรขาคณติ คือ
พรมแดนทก่ี ำหนดข้ึนเปน็ เส้นตรงลากเชอ่ื มจุดตา่ ง ๆ เรียกพ้ืนที่นว้ี ่าฉนวนไทย
คอื พรมแดนไทย-กัมพชู า ซึ่งเป็นท่รี าบลมุ่ แม่น้ำปราจนี บุรีต่อกับท่รี าบตำ่ เขมร มักจะมปี ัญหาเรอื่ งการ
ล่วงล้ำดินแดนอยเู่ สมอ ตง้ั อยู่ทจี่ ังหวัดสระแก้วในปัจจบุ ัน
ภาพท่ี 12 แสดงลักษณะภูมปิ ระเทศภาคตะวนั ออก
4.แมน่ ำ้ สายสำคญั ของภาคตะวันออก
4.1 แม่น้ำบางปะกง หรอื แมน่ ้ำปราจนี บุรี เปน็ แม่นำ้ สายท่ยี าวท่ีสดุ ในภาคตะวนั ออก มีตน้ กำเนิดอยู่ที่
เทอื กเขาสนั กำแพง และเทือกเขาจันทบรุ ี และไหลลงทะเลที่อำเภอบางปะกงจงั หวัดฉะเชงิ เทรา
4.2 แม่น้ำระยอง มีต้นกำเนดิ ทจี่ ังหวัดชลบุรี ไหลลงทะเลที่จังหวัดระยอง
4.3 แมน่ ้ำเวฬุ มีตน้ กำเนิดทีเ่ ทอื กเขาจันทบุรี และไหลลงทะเลทจี่ งั หวัดจันทบรุ ี
4.4 แมน่ ำ้ จันทบรุ ี
5.ทรพั ยากรธรรมชาติของภาคตะวันออก
5.1ทรัพยากรดนิ
ดนิ สว่ นใหญข่ องภาคตะวนั ออกเปน็ ดนิ ปนทราย ระบายน้ำไดด้ ี ไม่อุดมสมบรู ณ์ บรเิ วณที่มีนำ้
ทะเลทว่ มถึงจะเปน็ ดนิ โคลนหรอื ดนิ เหนยี ว สว่ นดนิ ทเ่ี กิดจากการสลายตวั ของหินบะซอลต์ หินปูนใน
บริเวณที่สูงเหมาะแก่การปลกู พชื สวน เชน่ เงาะ ทเุ รยี น มงั คุด เป็นตน้ สว่ นบรเิ วณท่ีราบล่มุ แมน่ ้ำมี
ดินอัลลูเวยี นที่เหมาะใชท้ ำนา
5.2 ทรพั ยากรน้ำ
ภาคตะวนั ออกมฝี นตกชกุ ยาวนานและมีแมน่ ้ำสายสัน้ ๆ หลายสายค่อนข้างอุดมสมบูรณ์ แตย่ ังมี
การขาดแคลนนำ้ จดื ในเขตอุตสาหกรรมและแหล่งท่องเท่ียว เช่น จงั หวดั ชลบุรี
5.3 ทรพั ยากรป่าไม้
พน้ื ทป่ี ่าไม้สว่ นใหญข่ องภาคตะวนั ออกจะเป็นปา่ ดงดิบ ปา่ ดิบเขา ปา่ สนเขา ป่าชายเลน และปา่
เบญจพรรณ จงั หวดั ที่มพี ื้นที่ป่าไมม้ ากทสี่ ดุ คือ จงั หวัดปราจีนบรุ ี สว่ นจังหวัดที่มีป่าไมน้ ้อยที่สุดคือ จงั หวัด
ชลบรุ ี
5.4 ทรัพยากรแร่ธาตุ ภาคตะวนั ออกมีแร่หลายชนดิ ได้แก่
- เหลก็ พบท่จี ังหวดั ปราจนี บุรี ชลบุรี ฉะเชิงเทรา
- พลวง พบทีจ่ ังหวัดชลบรุ ี ระยอง จันทบุรี
- แร่รัตนชาติ เช่น คอรันตมั (พลอยสีน้ำเงนิ ,ไพลนิ ) บษุ ราคัม พบมากทีจ่ งั หวัดจันทบุรี และตราด ,ทับทมิ
พบทจี่ งั หวัดตราด
- แร่เช้ือเพลิง พบที่บรเิ วณอ่าวไทย บรเิ วณมาบตาพุดจังหวัดระยอง
6.ลักษณะทางวัฒนธรรม : ประชากรในภาคตะวนั ออก
ประชากรในภาคตะวันออกมีจำนวนประชากรน้อยรองจากภาคตะวนั ตก จังหวดั ท่ีมปี ระชากร
มากที่สดุ และมคี วามหนาแน่นของประชากรมากท่สี ดุ คือ จังหวัดชลบุรี จังหวัดทมี่ ปี ระชากรน้อยท่ีสุดคือ
ตราด และจงั หวัดท่มี ีความหนาแนน่ ประชากรเบาบางที่สุดคอื จงั หวดั สระแกว้
6.1 ปญั หาของประชากรในภาค
1. ปญั หาการอพยพของชาวกมั พชู า
2. ปญั หาการล่วงลำ้ อธปิ ไตยและความปลอดภัยของประชากรตามแนวชายแดน
7.กิจกรรมทางเศรษฐกจิ ทสี่ ำคัญ
7.1 การเพาะปลูก ท่ีราบลุ่มแม่นำ้ ต่าง ๆ จะทำนาส่วนใหญ่พชื ผลท่สี ำคญั ได้แก่ เงาะ ทเุ รียน มังคุด
ขนนุ เป็นต้น
7.2 การเล้ยี งสตั ว์ มกี ารเลยี้ งสตั ว์เพื่อเป็นอาหาร ได้แก่ ไก่ เปด็
7.3 การประมง มีการทำประมงนำ้ เค็มบรเิ วณชายฝั่งทตี่ ิดทะเล เชน่ ชลบรุ ี ระยอง สว่ นประมงนำ้ จืดท่ี
จงั หวดั ปราจนี บรุ ี
7.4 การทำเหมืองแร่ แร่รตั นชาตทิ ีจ่ งั หวดั จันทบุรี และตราด
7.5 อุตสาหกรรม มีการพัฒนาพืน้ ทชี่ ายฝง่ั ทะเล จดั เป็นนคิ มอุตสาหกรรม เช่น
-แหลมฉบงั เปน็ อุตสาหกรรมปิโตรเคมี อตุ สาหกรรมหนัก
-สัตหีบ เปน็ อุตสาหกรรมการต่อเรอื ขนถา่ ยสินค้าทางเรือ
8.ปัญหาเกีย่ วกับทรัพยากรและสง่ิ แวดลอ้ ม
8.1 ปญั หาการพังทลายของดิน และดนิ เสอื่ มคุณภาพ รวมถึงกรรมสิทธิในที่ดนิ
8.2 ปญั หาเก่ียวกบั น้ำเสยี จากโรงงานอุตสาหกรรม การขาดแคลนนำ้ จืด และน้ำเคม็ รุกเขา้ สวนผลไม้
8.3 ปญั หาการตัดไม้ทำลายปา่ เพ่ือใชใ้ นการเกษตร
ภมู ิศาสตร์ภาคตะวันตก
ภาคตะวันตกมีจำนวนจังหวัดและประชากรนอ้ ยทส่ี ุดของประเทศไทย แตเ่ ป็นแหล่งเกษตรกรรม
แบบครบวงจรและอุตสาหกรรมการท่องเทีย่ วมีศกั ยภาพมาก เพราะมที ่าเรือขนสง่ พาณิชย์ทอ่ี ำเภอชะอำ
เชอ่ื มตอ่ กับท่าเรือสัตหบี และมีสถานที่สำคัญทางประวัตศิ าสตร์ เช่น สะพานขา้ มแม่นำ้ แคว สุสานทหาร
สมั พันธมิตร พระรามราชนเิ วศน์ และอุทยานประวตั ศิ าสตร์พระนครคีรี เปน็ ต้น
1.ลกั ษณะทางกายภาพ
ภาคตะวันตกของประเทศไทยมีพื้นที่ประมาณ 53,679 ตารางกิโลเมตร ประกอบด้วย 5 จงั หวัด
คอื ตาก กาญจนบรุ ี ราชบุรี เพชรบรุ ี ประจวบครี ีขนั ธ์
2.จังหวดั ในภาคตะวันตก ทตี่ ้ังและขอบเขตของภาค
- ทิศเหนือ มดี นิ แดนเหนือสุดของภาคอยู่ที่อำเภอทา่ สองยาง จังหวัดตาก
- ทิศตะวันออก มดี ินแดนตดิ ต่อกบั สุพรรณบรุ ี อุทยั ธานี กำแพงเพชร สุโขทยั นครสวรรค์ สมทุ รสาคร
สมทุ รสงคราม อ่าวไทย ดนิ แดนท่อี ยทู่ างตะวันออกสุดของภาคคืออำเภอบา้ นแหลม จังหวดั เพชรบรุ ี
- ทิศตะวนั ตก มีดนิ แดนติดกับประเทศพม่า มีเทือกเขาถนนธงชยั และเทือกเขาตะนาวศรีเปน็ พรมแดน
ธรรมชาติ
- ทศิ ใต้ ดินแดนท่ีอยูใ่ ต้สุดของภาคอยทู่ ี่อำเภอบางสะพานน้อย จงั หวัดประจวบคีรขี นั ธ์
3.ลักษณะภูมิประเทศภาคตะวนั ตก
ลักษณะภูมปิ ระเทศสว่ นใหญเ่ ปน็ ภเู ขาสลับกับหบุ เขาทีค่ ่อนข้างชันและแคบกวา่ หุบเขาของ
ภาคเหนอื เนอ่ื งจากการกดั เซาะของแมน่ ำ้ ลำธาร มีภมู ิประเทศคล้ายภาคเหนือ แบง่ ได้ดงั น้ี
3.1 เขตเทือกเขา ได้แก่
- เทอื กเขาถนนธงชัย เปน็ แนวแบ่งเขตระหวา่ งไทยกบั พม่า จากจังหวัดแมฮ่ ่องสอนถงึ ตาก
- เทือกเขาตะนาวศรี เปน็ แนวแบ่งเขตไทยกับพม่า มีช่องทางตดิ ต่อท่ีด่านสงิ ขร จังหวัดประจวบครี ขี ันธ์
และดา่ นบ้องต้ี จังหวดั กาญจนบรุ ี
- เทือกเขาหนิ ปนู อยรู่ ะหวา่ งแม่น้ำแควใหญ่และแม่นำ้ แควนอ้ ย ส่วนใหญ่เปน็ ภเู ขาหนิ ปูน มถี ำ้ หนิ งอกหิน
ยอ้ ย
3.2 เขตทีร่ าบ อยรู่ ะหว่างเขตเทอื กเขากบั ทีร่ าบตำ่ ภาคกลางจนถึงอ่าวไทย เปน็ ท่ีราบลุ่มแมน่ ำ้ ไดแ้ ก่ ที่
ราบล่มุ แมน่ ้ำปงิ แม่นำ้ แม่กลอง ทรี่ าบแม่นำ้ เพชรบุรี และท่ีราบชายฝง่ั ทะเลท่ีเปน็ หาดทรายสวยงาม เช่น
หาดชะอำ หาดหังหนิ และอ่าวมะนาว
ภาพท่ี 13 แสดงลักษณะภมู ิประเทศภาคตะวันตก
4.แม่นำ้ ท่สี ำคัญของภาคตะวันตก
- แม่น้ำแมก่ ลอง เกดิ จากการรวมตัวของแม่นำ้ แควใหญก่ ับแควน้อย ต้นน้ำอยใู่ นเขตจังหวัดกาญจนบรุ ี
ไหลลงทะเลท่ีจังหวดั สมุทรสงคราม
- แม่น้ำแควใหญ่ หรือแมน่ ้ำศรสี วสั ดิ์ มีตน้ นำ้ อยูท่ ่ีจังหวัดกาญจนบุรี ไหลไปรวมกบั แมน่ ำ้ แควน้อย
- แมน่ ำ้ แควนอ้ ย หรอื แมน่ ้ำไทรโยค มตี น้ นำ้ อยู่ทีจ่ งั หวัดกาญจนบุรี ไหลไปรวมกับแม่นำ้ แควใหญ่
- แม่น้ำเมย เป็นพรมแดนก้ันเขตแดนไทย-พม่า ต้นน้ำอยู่ทป่ี ระเทศพมา่ ไหลลงสแู่ มน่ ้ำสาละวนิ ท่ี
แม่ฮ่องสอน
- แม่นำ้ เพชรบุรี เกิดจากเทือกเขาตะนาวศรไี หลผา่ นจงั หวัดเพชรบรุ ี
- แมน่ ้ำปราณบรุ ี ตน้ นำ้ เกิดทีจ่ งั หวัดประจวบคีรีขนั ธ์
5.ลักษณะภมู ิอากาศของภาคตะวนั ตก
ภาคตะวันตกมีอากาศแบบทุง่ หญา้ สะวนั นา (Aw) คือมีอากาศรอ้ นชืน้ สลับกบั ฤดูแลง้ มีฝนตก
น้อยกวา่ ภาคอนื่ เนื่องจากมภี ูเขาสูงกั้นจงึ เปน็ พืน้ ท่ีอับฝน และอณุ หภูมิในฤดรู ้อนจะร้อนจัด ถ้าฤดหู นาว
จะหนาวจัด กลางวนั อณุ หภมู ิสูงและกลางคนื อุณหภูมจิ ะตำ่ มาก ทำให้เกิดความแตกตา่ งกันมากเน่ืองจาก
อย่ใู นหบุ เขา จังหวดั ท่มี ีฝนตกน้อยท่สี ุดคือ จงั หวัดตาก และจงั หวดั ท่ีมฝี นตกมากทส่ี ดุ คอื จงั หวดั
ประจวบคีรีขนั ธ์
6.ปจั จัยควบคุมอณุ หภูมภิ าคตะวนั ตก
6.1 ได้รับอทิ ธพิ ลลมมรสมุ ตะวันตกเฉียงใตแ้ ละลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนอื ทำให้มีฝนตกและอากาศ
หนาวเย็น
6.2 การวางตวั ของเทือกเขาถนนธงชยั และเทือกเขาตะนาวศรใี นแนวเหนือ-ใต้ ทำให้มีอิทธิพลต่อสภาพ
อากาศของภาคตะวนั ตก คือ อากาศร้อนอบอ้าว และจังหวัดกาญจนบรุ ี และราชบรุ ีเป็นเขตที่อับลมฝน
6.3 ได้รับอิทธิพลจากลมพายุดีเปรสชันทะเลจนี ใต้ ทำใหฝ้ นตกหนักและนำ้ ท่วมในเขตจังหวดั
ประจวบครี ขี นั ธ์ และเพชรบรุ ี
6.4 ลมพายดุ ีเปรสชนั จากอ่าวเบงกอล ที่พัดผ่านเขา้ สปู่ ระเทศพม่าและภาคตะวนั ตกของไทย เมอ่ื ปะทะ
กับแนวเทือกเขาแต่ไมม่ ีบ่อยคร้ัง
7.ทรพั ยากรธรรมชาตใิ นภาคตะวนั ตก
7.1 ทรพั ยากรดิน
ภาคตะวันตกพน้ื ที่สว่ นใหญ่เป็นเขตภเู ขาสงู และมคี วามลาดชัน ดนิ จงึ มีความอดุ มสมบูรณ์ตำ่ ไม่
เหมาะในการเพาะปลูก หรอื มีสภาพเป็นดินทราย หรือดินที่เกิดจากการสลายตัวของหินทีเ่ ปน็ กรด
7.2 ทรัพยากรนำ้
ภาคตะวันตกมีนำ้ นอ้ ย เพราะอย่ใู นเขตอบั ฝน แม่น้ำเป็นสายสั้น ๆ และมีเขื่อนเกบ็ กกั น้ำขนาด
ใหญ่ เช่น เขื่อนภูมพิ ล จังหวัดตาก , เข่อื นแกง่ กระจาน จังหวัดเพชรบุรี , เขอ่ื นปราณบรุ ี จังหวดั
ประจวบคีรขี ันธ์ , เข่ือนศรนี ครินทร์ จังหวัดกาญจนบรุ ี , เข่อื นเขาแหลม จงั หวัดกาญจนบรุ ี , เขอ่ื นวชริ า
ลงกรณ์ จังหวัดกาญจนบรุ ี
7.3 ทรัพยากรปา่ ไม้
ภาคตะวันตกมีพนื้ ทป่ี ่าไม้มากเปน็ อันดบั 2 รองจากภาคเหนอื พื้นทป่ี ่าไม้ส่วนใหญเ่ ปน็ ป่าดงดบิ
และป่าเบญจพรรณ จังหวดั ท่ีมีป่าไม้มากท่ีสุดคือ กาญจนบุรีและตาก
7.4 ทรพั ยากรแรธ่ าตุ
ภาคตะวนั ตกมีแรธ่ าตหุ ลายชนดิ ทสี่ ำคญั ได้แก่ ดบี ุก ทังสเตน เหล็ก ฟลูออไรด์ ฟอสเฟต หิน
ออ่ น แรร่ ัตนชาติมพี ลอย ไพลนิ ท่กี าญจนบรุ ี หนิ นำ้ มนั อยู่บรเิ วณอำเภอแมส่ อด จังหวัดตาก
8.ลักษณะทางวฒั นธรรม : ประชากรในภาคตะวันตก
ภาคตะวนั ตกเปน็ ภาคทม่ี ีจำนวนประชากรน้อยทีส่ ดุ และเบาบางทสี่ ดุ มชี นกลมุ่ น้อยพวกมอญ
กะเหร่ียง พมา่ อาศยั อยทู่ ุกพืน้ ทเี่ นือ่ งจากมีอาณาเขตตดิ ต่อกบั ประเทศพมา่ จงั หวัดที่มปี ระชากรมากที่สุด
และมีความหนาแน่นมากทสี่ ุดคอื ราชบรุ ี ส่วนจังหวดั ทมี่ ีประชากรตำ่ ทสี่ ุดและมีความหนาแน่นเบาบาง
ท่สี ุดคอื จังหวดั ตาก
9.ปัญหาประชากรในภาคตะวันตก
1. ปัญหาเกีย่ วกับความยากจนของประชาชน
2. ปญั หาเก่ยี วกับชนกล่มุ นอ้ ยขาดแคลนท่ีอย่อู าศยั และขาดพืน้ ทก่ี ารเพาะปลูก
10.กจิ กรรมทางเศรษฐกิจทสี่ ำคัญ
1.การเพาะปลูก การปลกู พืชไร่ ไดแ้ ก่ ออ้ ย สับปะรด มนั สำปะหลัง ปลกู มากทจ่ี งั หวดั กาญจนบุรี
2.การเลยี้ งสัตว์ เปน็ การเลยี้ งสตั วเ์ พอื่ เป็นการค้าและอาหาร
3.การทำปา่ ไม้ เคยมีป่าไม้มาก ปจั จุบันทำการค้าโดยส่งั ซื้อจากประเทศพมา่
4.การประมง มีการทำประมงน้ำเค็มและนำ้ กร่อย
5.การทำเหมืองแร่ ไดแ้ ก่ แรด่ ีบุก วุลแฟรม ทังสเตน
6.อตุ สาหกรรม ได้แก่ อตุ สาหกรรมสบั ปะรดกระป๋อง ผลิตน้ำตาล การปนั้ โอ่งท่ีราชบุรี และการ
ท่องเทีย่ ว
11.ปญั หาทรพั ยากรและสงิ่ แวดลอ้ ม
1. ปัญหาการพงั ทลายของดนิ และดนิ เสื่อมคุณภาพ
2. ปญั หาการขาดแคลนน้ำในฤดูแล้ง และนำ้ เนา่ เสียในแมน่ ำ้ แม่กลอง
3. ปญั หาการตดั ไมท้ ำลายป่า เพ่อื ทำการค้า และธรุ กจิ
ภมู ิศาสตรภ์ าคใต้
ภาคใตม้ ลี กั ษณะภมู ิประเทศเป็นคาบสมทุ ร เปน็ แหลง่ ปลูกพืชเศรษฐกิจทส่ี ำคัญของประเทศไทย
เช่น ยางพารา ปาล์มน้ำมนั มะพร้าว และกาแฟ เปน็ ตน้ และมแี รด่ บี ุกมากทีส่ ดุ ในประเทศไทย ภาคใต้มี
ศักยภาพด้านอุตสาหกรรมการทอ่ งเทยี่ ว เชน่ ภเู ก็ตได้ช่ือวา่ “ไขม่ ุกอันดามัน” อทุ ยานแห่งชาตติ ะรุเตาได้
ชื่อว่า “มรดกเอเชีย” และมีสะพานทย่ี าวทีส่ ุดของประเทศไทย คอื สะพานติณสูลานนท์
1.ลกั ษณะทางกายภาพ
ภาคใตม้ พี ื้นทป่ี ระมาณ 70,715 ตารางกโิ ลเมตร ประกอบด้วย 14 จงั หวัด แบง่ ออกเป็น
1.1 จงั หวัดในภาคใต้
- ภาคใตฝ้ งั่ ตะวันออก ไดแ้ ก่ ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรธี รรมราช สงขลา พทั ลงุ ปตั ตานี ยะลา
นราธวิ าส
- ภาคใตฝ้ ั่งตะวันตก ได้แก่ ระนอง พงั งา ภเู กต็ กระบี่ ตรัง สตลู
1.2 ขอบเขตและท่ีตัง้
-ทศิ เหนอื มีพ้ืนท่ตี ดิ ต่อกับจังหวัดประจวบคีรขี ันธ์ ดินแดนทอี่ ยู่เหนือสุดของภาคคือ อำเภอประทิว
จงั หวัดชมุ พร
-ทศิ ตะวนั ออก มีพื้นทต่ี ิดตอ่ กบั อา่ วไทย ดนิ แดนที่อย่ตู ะวันออกสุดของภาคคือ อำเภอตากใบ จงั หวัด
นราธิวาส
-ทศิ ตะวันตก มีพนื้ ท่ตี ิดตอ่ กับมหาสมุทรอนิ เดยี ดนิ แดนท่ีอย่ตู ะวนั ตกสุดของภาคคือ อำเภอท้ายเหมือง
จงั หวดั พังงา
-ทิศใต้ มพี ้ืนที่ตดิ กบั ประเทศมาเลเซียท่ีอำเภอเบตง จังหวดั ยะลา
2.ลักษณะภูมปิ ระเทศภาคใต้
ภาคใต้มลี กั ษณะภมู ปิ ระเทศเปน็ คาบสมทุ รที่มที ะเลขนาบอยู่ 2 ด้าน คอื ตะวนั ออกดา้ นอ่าวไทย
และตะวนั ตกดา้ นทะเลอันดามัน จงั หวัดยะลาเป็นจงั หวดั ที่ไมม่ ีพ้ืนที่ติดตอ่ กบั ทะเล ลกั ษณะภมู ิประเทศ
แบง่ ได้ 2 เขต คือ
1.เขตเทอื กเขา มีลกั ษณะการวางตวั ในแนวเหนือ-ใต้ เช่น
- เทือกเขาตะนาวศรี เปน็ พรมแดนกน้ั เขตแดนไทยกับพมา่
- เทือกเขาสันกาลาครี ี เป็นพรมแดนก้นั เขตแดนไทยกบั มาเลเซีย
- เทือกเขาภเู กต็ อยู่ทางตะวนั ตกของภาค
- เทอื กเขานครศรธี รรมราช เปน็ แกนกลางของภาค
2.เขตทรี่ าบ ท่รี าบในภาคใตม้ ีลกั ษณะยาวขนานระหว่างภเู ขาและชายฝง่ั ทะเลแคบ ๆ ซึง่ ทางตะวันออก
เปน็ ชายฝัง่ แบบยกตัว ส่วนชายฝง่ั ตะวันตกเป็นแบบยุบตวั
ภาพท่ี 14 แสดงลักษณะภมู ปิ ระเทศภาคใต้
3.แม่น้ำทีส่ ำคัญของภาคใต้
แมน่ ้ำของภาคใต้เป็นสายสั้น ๆ เน่อื งจากมีพน้ื ท่ีน้อย และไหลลงสอู่ ่าวไทย เชน่ แมน่ ำ้ ชุมพร
แม่น้ำปัตตานี แมน่ ำ้ ตาปี แม่นำ้ สายบุรี ส่วนแม่น้ำโกลก เป็นพรมแดนธรรมชาตทิ ่ีกน้ั เขตแดนระหวา่ ง
ประเทศไทยกบั มาเลเซยี สว่ นแม่น้ำปากจัน่ ก้นั พรมแดนระหว่างประเทศไทยกบั พม่า และแม่น้ำตรังไหล
ลงส่ทู ะเลอันดามนั
4.ลักษณะของชายฝ่ังทะเลภาคใต้
ภาคใตม้ ชี ายฝ่ังทะเลยาวประมาณ 1,825 กโิ ลเมตร แบ่งเป็นชายฝง่ั ทะเลดา้ นตะวันออกต้ังแต่
ชุมพรถงึ นราธิวาส ยาว 960 กโิ ลเมตร และชายฝง่ั ทะเลด้านตะวนั ตกยาว 865 กิโลเมตร ซงึ่ มีลกั ษณะ
ดงั น้ี
4.1 ชายฝั่งดา้ นตะวนั ออก (ฝั่งอา่ วไทย) เปน็ หาดทรายกว้าง เปน็ ฝง่ั ทะเลท่ีมีการยกตัวของพน้ื ที่
มสี ันทรายจงอย มี ลากูน ที่เกิดจากสันดอนที่ปดิ ก้ันทะเลสาบสงขลาจากทะเลภายนอก มีอา่ วขนาดใหญ่
เช่น อา่ วบา้ นดอน อา่ วชุมพร อ่าวสวี เป็นต้น
4.2 ชายฝงั่ ด้านตะวนั ตก (ฝ่งั ทะเลอันดามัน) เปน็ ฝ่งั ทะเลจมตัว มชี ายหาดเว้าแหว่งและเปน็ หาด
น้ำลกึ มปี า่ ชายเลนขึน้ ตามชายฝง่ั และมชี วากทะเล คือ การยบุ จมบริเวณปากแมน่ ำ้ ขนาดกว้าง อ่าวที่
สำคัญของฝ่งั ทะเลตะวนั ตก ได้แก่ อา่ วระนอง อา่ วพงั งา อ่าวกระบี่ อา่ วกนั ตัง เปน็ ตน้
5.ลกั ษณะภูมอิ ากาศของภาคใต้
ลกั ษณะภมู อิ ากาศเปน็ แบบร้อนช้นื แถบมรสมุ (Am) คือมีฝนตกชุกสลับกับฤดแู ลง้ สั้น ๆ ภาคใต้
ไม่มีฤดูหนาว เน่อื งจากอยู่ใกล้เส้นศูนยส์ ตู ร และไดร้ ับอทิ ธิพลจากลมมรสุมตะวนั ออกเฉียงใต้และลมมรสุม
ตะวนั ออกเฉยี งเหนือทำให้ฝนตกชุกตลอดท้งั ปี จังหวัดท่มี ฝี นตกชุกที่สุดคือ ระนอง และจังหวดั ท่ีมฝี นตก
นอ้ ยคือ สุราษฎร์ธานี
5.1 ปจั จยั ควบคมุ อุณหภมู ิของภาคใต้
1. ลม เป็นปัจจยั สำคญั ที่ควบคุมลักษณะภูมิอากาศของภาคใตม้ ากที่สดุ เนอ่ื งจากภาคใตม้ ีลกั ษณะเปน็
คาบสมุทร ทำใหต้ กอยูภ่ ายใต้อทิ ธิพลของลมมรสุมตะวันตกเฉยี งใต้ และลมมรสุมตะวันออกเฉยี งเหนือ
อยา่ งเตม็ ท่ี
2. การวางตวั ของภเู ขา
เมือ่ ลมมรสุมตะวนั ตกเฉยี งใต้พัดเข้าสู่ฝั่งทะเลดา้ นตะวนั ตกทำใหป้ ะทะกบั เทือกเขาตะนาวศรี ทำใหม้ ฝี น
ตกหนักโดยเฉพาะจังหวัดระนอง ส่วนด้านหลงั เขาเป็นเขตอับฝนจะอยูท่ ่ีจงั หวดั สรุ าษฎรธ์ านี
5.2 สาเหตุของการเกดิ ฝนตกชกุ ในภาคใต้
1. เกดิ จากรอ่ งลมมรสุมท่ีเคลือ่ นจากทางเหนือเข้าสู่เส้นศูนย์สูตร ทำใหฝ้ นตกชกุ
2. เกดิ จากลมมรสมุ ตะวันออกเฉียงเหนอื พัดผ่านอา่ วไทยและทะเลจนี ใต้ นำฝนมาตกทางทะเลดา้ น
ตะวนั ออกของภาคใต้
3. เกิดจากพายดุ เี ปรสชันที่ก่อตวั อยู่ในทะเลจีนใต้ ทำให้ฝนตกหนกั และน้ำท่วม
6. ทรัพยากรธรรมชาติของภาคใต้
6.1 ทรัพยากรดิน
ภาคใตส้ ่วนใหญเ่ ปน็ ดนิ ปนทราย มีความอุดมสมบรู ณ์ตำ่ ไม่เหมาะสำหรบั การเพาะปลูก สว่ น
บรเิ วณท่ีราบลมุ่ ตำ่ (พร)ุ มนี ้ำทว่ มขังไม่สามารถใชป้ ระโยชน์ได้ สว่ นทีร่ าบลุ่มแมน่ ำ้ ใช้ปลกู ข้าว และสวน
ผลไม้ ส่วนดินบรเิ วณทส่ี งู เปน็ ดินเหนียวหรอื ดินลูกรัง เหมาะในการปลูกยางพาราและปาลม์ นำ้ มัน
6.2 ทรพั ยากรน้ำ
ภาคใตม้ ฝี นตกชุกตลอดท้งั ปี แตม่ ีปัญหาในการขาดแคลนน้ำเนือ่ งจากมีแม่นำ้ สายสัน้ ๆ ไม่
สามารถเก็บกกั น้ำได้ สว่ นใหญ่จะใช้น้ำจากการขดุ เจาะบ่อบาดาลและได้จากเขือ่ นต่าง ๆ ได้แก่ เขื่อน
คลองหลา จงั หวดั สงขลา เขื่อนปตั ตานี จังหวดั ปตั ตานี เขื่อนรัชชประภา จงั หวดั สุราษฎรธ์ านี
6.3 ทรพั ยากรป่าไม้
พนื้ ที่ปา่ ไม้สว่ นใหญ่ในภาคใตเ้ ปน็ ป่าดบิ ชน้ื ตามเทือกเขา และปา่ ชายเลน จังหวัดท่ปี ่าไมม้ ากสุด
คือ สุราษฎร์ธานี ซ่งึ เป็นปา่ แพะ ปา่ โคก ขึน้ ปะปนกับทุ่งหญ้าสะวันนา ไม้ที่สำคญั ของภาคใต้ คือ ไมเ้ บญจ
พรรณและไมจ้ ากป่าชายเลน
6.4 ทรัพยากรแรธ่ าตุ ภาคใต้มแี รธ่ าตหุ ลายชนดิ ดังนี้
- แร่ดีบุก พบมากทสี่ ุดในภาคใตแ้ ละของประเทศไทย ซึ่งถือว่าเป็นแร่ท่ีทำรายได้ใหก้ ับประเทศมากทีส่ ุด
- แรพ่ ลวง พบทีจ่ งั หวดั สุราษฎร์ธานี , นครศรีธรรมราช
- แร่ทังสเตน พบท่จี ังหวดั นครศรีธรรมราช
- ทองคำ พบที่อำเภอโม๊ะโต๊ะ จงั หวดั นราธวิ าสและท่ีชมุ พร
- แร่ฟลูออไรด์ , ยิปซัม , ดินขาว พบทจ่ี ังหวัดสรุ าษฎร์ธานี
- ถา่ นหนิ พบที่กระบี่และสรุ าษฎรธ์ านี
- นำ้ มันปโิ ตรเลยี มและก๊าซธรรมชาติ พบท่ีอ่าวไทย
7.ลักษณะทางวฒั ธรรม : ประชากรในภาคใต้
ประชากรส่วนใหญ่ของภาคใต้มีลักษณะทางวัฒนธรรมและสงั คมเชน่ เดียวกับประชากรส่วนใหญ่
ของประเทศไทย แตบ่ รเิ วณภาคใตต้ อนล่างมปี ระชากรที่มเี ชอื้ ชาติ ศาสนาและภาษาแตกตา่ งไปบา้ ง เชน่
7.1 เชื้อชาติ ในดนิ แดนภาคใตข้ องไทยนีเ้ ปน็ ท่ีอยู่อาศัยของชาวไทย ซึ่งจำแนกตามลักษณะเด่นได้ดงั นี้
- ชาวไทยพุทธ คนไทยในภาคใตต้ อนบนเป็นคนไทยพทุ ธ ซึง่ มีขนบธรรมเนียมประเพณีทาง
พระพทุ ธศาสนา เชน่ เดยี วกบั คนไทยส่วนใหญ่ของประเทศ ประเพณีท่มี ีชื่อเสียง ได้แก่ ประเพณีชิงเปรต
และประเพณชี ักพระ ของ จ.สรุ าษฎรธ์ านี เปน็ ต้น
ส่วนคนไทยเชื้อสายจีนมีประเพณีบางอยา่ งที่แตกตา่ งออกไป เชน่ มีเทศกาลถือศลี กินเจ ท่ี จ.ภเู ก็ต เป็น
ตน้
- ชาวไทยมสุ ลมิ ในประเทศไทยมีจำนวนประมาณแสนคน ในจำนวนนสี้ ่วนใหญอ่ าศยั อยู่ในเขตจังหวดั
ชาย แดนภาคใต้ ชาวไทยมสุ ลมิ ใชภ้ าษาพน้ื เมืองเรียกว่าภาษายาวี แต่สามารถพูดไทยได้ เพราะปจั จุบนั มี
โรงเรยี นของเอกชน และศนู ย์การศกึ ษานอกโรงเรยี นเปิดสอนวชิ าสามญั และวิชาศาสนา ซ่ึงแตเ่ ดิม
ผู้ปกครองนักเรียนไทยมสุ ลิม ตอ้ งส่งเด็ก ไปเรียนหาความรู้ทางศาสนากบั โต๊ะครูในปอเนาะ ปจั จบุ นั ชาว
ไทยมสุ ลมิ ไดด้ ำรงตำแหน่งทางราชการท่สี ำคญั หลายตำแหนง่ เช่น พัฒนากร นายอำเภอ ครูใหญ่ เปน็ ตน้
โดยทั่วไปชาวไทยมุสลมิ มีนิสัยรักสงบ เคารพผู้ปกครองบ้านเมือง รักประเทศ ชาติและมคี วาม
เออื้ เฟื้อเผื่อแผเ่ หมือนกับคนไทยทัว่ ไป
- ไทยใหมห่ รือชาวเล บริเวณชายฝ่ังและเกาะบางเกาะของภาคใต้ทางดา้ นทะเลอันดามนั มีชาวพ้ืนเมืองที่
เรียก ว่า ชาวเล หรอื ชาวนำ้ จำนวนเป็นหมื่นคน กลมุ่ ชาวเลมีสังคมภาษาพูดและขนบธรรมเนียมทเี่ ป็น
ลกั ษณะของกลุ่มโดยเฉพาะ สันนษิ ฐานว่าชาวเลเหล่านเี้ ป็นเผ่าพันธเุ์ มลาเซยี นทเี่ รร่ ่อนทางทะเลมาจากหมู่
เกาะเมลาเซียน ซึง่ ความจรงิ แลว้ ชาวเลน่าจะ อาศัยอยู่ทางฝั่งตะวันออกของภาคใต้เพราะอยู่ใกลห้ มู่เกาะ
เมลาเซยี นมากกวา่ แต่ชาวเลกลบั ไปอาศยั อยมู่ ากทางชายฝง่ั ดา้ นตะวนั ตก ซ่ึงยังไม่ทราบสาเหตุทช่ี ัดเจน
ของภาคใต้มีประชากรมากเป็น อนั ดับ 3 ของประเทศ จงั หวดั ท่ีมีจำนวนประชากรมากท่สี ุดคือ
นครศรธี รรมราช จังหวัดทม่ี ีจำนวนประชากรน้อยท่ีสดุ และมีความหนาแน่นเบาบางที่สดุ คือ ระนอง สว่ น
จังหวัดทีม่ คี วามหนาแน่นของประชากรมากทส่ี ดุ คือ ภเู กต็
การเลอื กถน่ิ ฐานดังกล่าว ชมุ ชนชาวเลที่ใหญท่ สี่ ดุ อยู่ที่เกาะหลีเปะ๊ ใน หมู่เกาะอาดัง หาดราไวย์ จ.ภเู ก็ต
เกาะสรุ ินทร์ จ.พงั งา ปัจจุบันชาวเลที่ตั้งถน่ิ ฐานอยู่อยา่ งถาวรมหี ลายแหง่ จึงต้องมี การทำสำมะโนครัว
และมีการตง้ั นามสกลุ ให้ เช่น ทะเลลึก ชา้ งนำ้ หาญทะเล เป็นตน้ และได้เปล่ียนชื่อเรยี กชาวเลเสียใหม่ วา่
ชาวไทยใหม่
- เงาะหรอื ชนเผา่ ซาไก ชนเผา่ นี้เป็นชนกลุม่ นอ้ ย มีรูปร่างเต้ียแคระ ผมหยิกหยอง ยังมีอยบู่ ้างใน อ.บัน
นังสตา อ.ธารโต จ.ยะลาและในป่า จ.ตรัง ยึดถือประเพณีของชาวปา่ เชน่ เม่ือมีคนตายจะย้ายทล่ี ะท้งิ
หมู่บ้านไปอยู่ที่ ใหม่ทัง้ หมด เปน็ ต้น
7.2 ศาสนา
ประชากรในภาคใตส้ ่วนใหญ่เปน็ ชาวไทยนับถือพระพุทธศาสนาและขนบธรรมเนยี มประเพณี
เหมือนคนไทย โดยท่วั ไป นอกจากน้มี ีพิธกี ารปลีกยอ่ ยบางอยา่ งที่แตกต่างกนั บ้าง นอกจากไทยพทุ ธแลว้
บรเิ วณทางตอนใต้ของภาค โดยเฉพาะในเขตจังหวัดชายแดน ประชาชนในจงั หวดั เหล่านเี้ กือบร้อยละ ๖๐
นับถือศาสนาอสิ ลาม เม่ือมีประชากรนบั ถือศาสนาอสิ ลามเป็นจำนวนมากรองไปจากพระพุทธศาสนา
ทางราชการจงึ ออกกฎหมายรับรอง และไดว้ างระเบียบ ตา่ ง ๆ เพือ่ ให้เกดิ ประโยชนแ์ ก่ผูน้ ับถือศาสนา
อิสลามดว้ ย เช่น มกี ฎหมายวา่ ด้วยการทะเบียนมสั ยิด และไดม้ กี ารต้งั คณะ กรรมการกลางอิสลามแห่ง
ประเทศไทย และคณะกรรมการอสิ ลามประจำจังหวัดทีม่ ผี ู้นบั ถอื ศาสนาอิสลามจำนวนมาก เพ่ือให้
คำปรึกษาแก่ทางราชการเกี่ยวกบั กิจกรรมต่าง ๆ ของศาสนาอสิ ลาม พระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอยู่หวั ทาง
เป็นศาสนาปถมั ภกของศาสนาอิสลามด้วย นอกจากน้ีรฐั บาลได้เห็นความสำคัญของการประกอบพิธีการ
ทางศาสนาของชาวไทย มสุ ลมิ อย่างมาก จงึ ไดส้ รา้ งมัสยิดท่มี ขี นาดใหญ่ทส่ี ดุ ในประเทศไทยใหแ้ กช่ าวไทย
มสุ ลิมตง้ั อยู่ท่ี จ.ปตั ตานี
7.3 ภาษา
ชาวไทยในภาคใต้ได้อพยพย้ายถ่ินมาตัง้ ถ่นิ ฐานอยา่ งถาวรอยูต่ ามจงั หวัดต่าง ๆ เป็นเวลานาน
รวมท้ังได้ ผสมกบั ชนพ้นื เมือง จึงทำให้มผี ิวพรรณต่างไปจากคนภาคอืน่ บา้ ง รวมทงั้ ภาษาพูด และมีทะเล
ทตี่ ั้งหา่ งไกลจากเมือง หลวง การคมนาคมไม่สะดวก แยกกันมาหลายรอ้ ยปี ภาษาจงึ เปลี่ยนแปลงไปจาก
ภาษาเดมิ ซงึ่ ความจรงิ เพ้ยี นไปตาม ทอ้ งถ่นิ แต่ยังเปน็ ภาษาไทยอยู่ มีสำเนยี ง เสียงห้วน และพูดเรว็ กวา่
ภาษาทางภาคเหนือ แต่จงั หวัดที่มีประชากรพดู ต่าง กันไปคนละภาษาเลยก็คือในจังหวดั ชายแดนภาคใต้
ประชากรสว่ นใหญ่เป็นชาวไทยมุสลิมนิยมใชภ้ าษามลายู เม่ือพดู กัน นานเขา้ ก็ไม่สารมารถพดู และฟัง
ภาษาไทยให้เข้าใจได้ โดยเฉพาะผู้ท่ีอยู่ในชนบทหา่ งไกลและไม่ไดเ้ ข้าโรงเรยี นสอนภาษา ไทย ในการ
ติดต่อกับทางราชการจงึ ต้องใชล้ ่ามแปล
8.กิจกรรมทางเศรษฐกิจที่สำคัญของภาคใต้
1.การเพาะปลูก พชื สำคญั ทที่ ำรายได้ให้กับประชากรในภาคใต้คือ การทำสวนยางพารา ปลกู มากท่ี
จงั หวดั สงขลา รองลงมาคือ ปาล์มนำ้ มนั ปลกู มาที่จังหวัดกระบี่ มะพรา้ วปลูกที่เกาะสมยุ จงั หวดั สรุ าษฎร์
ธานี กาแฟ ปลกู ทีจ่ ังหวัดตรัง ส่วนผลไม้ไดแ้ ก่ เงาะ ทุเรียน มังคุด ปลูกได้แทบทกุ จงั หวดั ของภาค
2. การประมงทำได้ทุกจังหวดั ที่มีอาณาเขตตดิ ต่อกบั ทะเล ยกเว้นจงั หวัดยะลา
3. การทำเหมอื งแร่ ภาคใต้มีการทำเหมืองแร่มากท่สี ุด และเป็นรายได้สำคญั ของภาคใต้
4. อตุ สาหกรรมอุตสาหกรรมพ้นื บา้ นทน่ี ยิ ม เชน่ การจักสานดว้ ยหวาย หญา้ ลเิ พา
5.การค้าและบริการ มีการค้าขายแถบชายแดนไทยกบั มาเลเซีย และมสี ถานทีท่ ่องเท่ยี วสวยงาม
มากมาย
9.ปญั หาเก่ียวกับทรพั ยากรและส่ิงแวดล้อม
1. ปญั หาดินพงั ทลายเน่ืองจากฝนตกชุกและการทำเหมืองแร่
2. ปัญหาการเพาะเล้ยี งสตั ว์นำ้
3. ปญั หานำ้ ทว่ ม น้ำทะเลทะลักเขา้ สู่สวนผลไม้
4. ปัญหาการตัดไม้ทำลายป่า
บรรณานกุ รมและเอกสารอา้ งองิ
ทม่ี าข้อมลู : Geography of Thailand. (2547). ภมู ศิ าสตร์ปะเทศไทย. สบื ค้นเม่อื วนั ที่ 31
ธนั วาคม 2563. จาก www.sites.google.com/site/geographyofthailand47.
KMACITNPRU. (8 สงิ หาคม 2556). แบง่ ปันรัก แบง่ ปันความรู้ สรา้ งสรรค์องค์กร.
สบื คน้ เมื่อวันที่ 31 ธันวาคม 2563. จาก www.acit.npru.ac.th/km/?p=447.
หอ้ งเรียนครมู รู ติ. (2558). ลักษณะทัว่ ไปเกีย่ วกับประเทศไทย. สืบค้นเม่ือ 1 มกราคม
2564. จาก www.sites.google.com/site/moorati2558.
วกิ ิพีเดีย สารานุกรมเสรี. (9 มีนาคม 2543). ภูมศิ าสตร์ไทย. สบื คน้ เมือ่ 3 มกราคม
2564. จาก www.th.wikipedia.org/wiki/ภมู ิศาสตรไ์ ทย.
NAKHONTHAI. (2547). ภมู ิศาสตรแ์ ละทางน้ำ. สืบคน้ เมอ่ื วนั ที่ 4 มกราคม 2564.
จาก www.ntic.ac.th/nakhonthai/Suthin%20Pongpanich.
คำถาม เรื่อง โครงสร้างและลกั ษณะภมู ปิ ระเทศของประเทศไทย
1.พรมแดนทางดา้ นทิศใต้ของประเทศไทยทีต่ ดิ กบั ประเทศมาเลเซยี มีพ้ืนท่จี งั หวัดใดบา้ ง?
2.หมูห่ ินทีใ่ ดที่มีอายเุ กา่ เเก่ท่ีสุดในประเทศไทย?
3.ความกว้างของประเทศไทยวัดจากจุดใดถงึ จุดใด และมคี วามกวา้ งเทา่ ไร?
4.ลักษณะของหินในประเทศไทยมี 3ประเภท คอื หินอคั นี หนิ ตะกอน หินแปร ซงึ่ หนิ ทงั้ 3ประเภทน้ี
เกิดขึน้ ได้อยา่ งไร พร้อมยกตวั อยา่ งของหนิ แต่ละประเภท?
5.ลักษณะภูมปิ ระเทศของประเทศไทยแบ่งออกได้ 6ลักษณะ มีอะไรบ้าง อธบิ ายมาพอเข้าใจ?
คำตอบ เรือ่ ง โครงสร้างและลกั ษณะภมู ปิ ระเทศของประเทศไทย
1.ตอบ มีพ้ืนท่ี 4 จงั หวดั คือ จงั หวัดสตลู สงขลา ยะลา และนราธวิ าส
2.ตอบ หมหู่ นิ ตะรุเตา เป็นหินทราย มีอายุประมาณ 700 ล้านปี มคี วามเก่าแก่ทส่ี ดุ ในประเทศไทย
3.ตอบ วัดจากด่านเจดีย์สามองค์ อำเภอสงั ขละบรุ ี จงั หวัดกาญจนบุรี จนถึงอำเภอสริ ิธร จงั หวัด
อบุ ลราชธานี มีความกวา้ งประมาณ 780กโิ ลเมตร
4.ตอบ 1)หนิ อัคนี เป็นหินที่เกิดจากหนิ หนดื ใตเ้ ปลอื กโลก ได้แก่ หินบะซอลด์ หินแกรนิต
2)หนิ ตะกอน หรอื หนิ ชัน้ เกดิ จากการทบั ถมของตะกอน เศษดนิ หนิ ทราย และหนิ ท่เี กิดจาก
การสะสมตัวของซากดึกดำบรรพ์ตา่ งๆ มีการวางตัวเปน็ ชั้นๆ ได้แก่ หินกรวดมน หนิ ทราย หนิ ปนู หนิ ทม่ี ี
อายุมากจะอยชู่ ้ันล่าง
3)หินแปร เกิดจากการแปรสภาพของหนิ ชัน้ หรือหินอคั นตี ่างๆ เชน่ หนิ ไนต์ ประสภาพมาจาก
หินแกรนติ หินอ่อน แปรสภาพมาจากหนิ ปนู และหนิ ชนวน แปรสภาพมาจากหินดนิ ดาน เป็นตน้
5.ตอบ 1)ที่ราบภาคกลาง ได้แก่ บรเิ วณที่ราบลุม่ แม่นำ้ เจา้ พระยา แมน่ ำ้ ท่าจนี และแมน่ ้ำกลอง ฯลฯ เป็น
เขตที่ราบท่ีใหญ่ทส่ี ุดของประเทศ เหมาะแก่การเพาะปลูก ทง้ั นี้เพราะดนิ เป็นดินตะกอนทแ่ี ม่นำ้ พัดพามา
ทับถม ทำใหด้ ินอุดมสมบรู ณ์
2)ทีร่ าบสูงภาคตะวนั ออกเฉียงเหนือ ไดแ้ ก่ พน้ื ทบ่ี รเิ วณที่ราบสูง ตั้งแตท่ ิวเขาเพชรบรู ณ์
ทวิ เขาดงพญาเย็น ทวิ เขาพนมดงรกั ถงึ แม่นำ้ โขง และที่ราบตำ่ ของกัมพชู าในทิศใต้
3)เขตภูเขาและทร่ี าบระหว่างเขาภาคเหนือ เป็นทีร่ าบแคบ ๆ สลบั กบั ภเู ขาในภาคเหนือ เช่น ท่ี
ราบลมุ่ แม่น้ำปิง ลมุ่ แม่นำ้ วัง ลุม่ แม่น้ำยม ลมุ่ แมน่ ำ้ นา่ น เป็นต้น
4)เขตภูเขาสงู ภาคตะวันตก มลี ักษณะเป็นทิวเขายาวตอ่ เน่ืองเรียงซอื้ กันในแนวเหนือใต้ ทวิ เขา
สำคญั ไดแ้ ก่ ทวิ เขาถนนธงชยั ทวิ เขาตะนาวศรี โดยมีแม่น้ำสายสำคญั คอื แมน่ ้ำแควใหญ่(ศีสวัสด์)ิ แม่น้ำ
แควนอ้ ย (ไทรโยค) และแม่น้ำแมก่ ลอง
5)เขตภเู ขาและทรี่ าบชายฝั่งภาคตะวนั ออก มีทวิ เขาจันทรบุรี วางตวั ในแนวตะวันออกและ
ตะวันตก ทำใหภ้ าคภาคตะวนั ออกตอนบนมีลกั ษณะภมู ปิ ระเทศเป็นท่รี าบลุม่ แมน่ ้ำบางปะกง และ
ตอนลา่ งเป็นทร่ี าบชายฝง่ั ทะเล
6)เขตภูเขา และทร่ี าบชายฝงั่ คว บสมุทรภาคใต้ ลักษณะภูมิประเทศเปน็ คาบสมุ ทรยาวไปทางใต้
มี ทะเลขนาบทง้ั สองดา้ น คือ ดา้ นอา่ วไทย(ตะวนั ออก)และทะเลอนั ดามัน(ตะวนั ตก)
เกม...กระซบิ สง่ สาร
เผยแพร่เกมกระซบิ ส่งสาร ใชป้ ระกอบการสอนเรอ่ื งการฟังเพือ่ จบั ใจความค่ะ
วธิ เี ล่น
1.แบ่งนกั เรียนออกเป็น 4แถว แถวละ 8คน
2.คนแรกของแต่ละแถวมารบั กระดาษท่เี ขียนข้อความท่ีกำหนดให้จากครูไปท่องจำ โดยกำหนดเวลาให้
ท่องจำ ๑ นาที แล้วส่งกระดาษข้อความคืนเพื่อน
3.คนแรกของแต่ละแถวกระซิบบอกข้อความคนที่ ๒ คนที่ ๒ กระซบิ บอกต่อคนท่ี ๓ คนท่ี ๓ กระซบิ บอก
ต่อคนท่ี ๔ และคนท่ี ๔ กระซิบบอกคนสุดทา้ ย
4.ให้คนสดุ ทา้ ยของแต่ละแถวเขียนขอ้ ความลงในกระดาษนำมาสง่
5.ให้คนแรกของแตล่ ะแถวอ่านกระดาษทเ่ี ขยี นข้อความที่กำหนดให้ และขอ้ ความที่เขียนโดยคนสุดท้าย
ของแต่ละแถวให้เพื่อน ๆ ฟัง
6.ให้เพ่อื นๆ ในชนั้ เรียนตดั สนิ วา่ แถวใดทีข่ ้อความของคนแรกและคนสดุ ทา้ ยเขียนข้อความไดต้ รงกันหรอื
ใกลเ้ คียงท่ีสุดซึ่งจะเปน็ ผชู้ นะ ข้อความทก่ี ำหนดใหค้ นแรกของแต่ละแถวอา่ น เพอื่ กระซิบส่งสาร
แถวที่ ๑ หมหู่ นิ ลำปาง เป็นหินทราย หนิ ปนู หนิ ดนิ ดานเเละหินภูเขาไฟเเทรกอยุ่ พบทลี่ ำปาง บุรรี ัมย์
แถวท่ี ๒ หม่หู ินโคราช เปน็ หนิ ทราย หนิ กรวดเเละหินดนิ ดาน บางเเหง่ มชี ั้นหนิ เกลือเเทรกอยู่
เเถวท่ี 3. หมหู่ นิ ตะนาวศรี เป็นหินดินดานเเละหินทรายพบทจ่ี ังหวัดกาญจนบุรี
แถวที่ 4 หมหู่ นิ กระบ่ีเปน็ หนิ ยุคใหมก่ ่ึงเเขง็ ก่งึ รว่ น พบในกระบ่ี ลำปาง เชน่ หนิ ไนต์ หินน้ำมนั