เรอื่ ง การเลยี้ งไก่ชน
ผู้จดั ทา
นายจกั รภัทร คลังดงเค็ง
ชัน้ ม.3
ครูที่ปรกึ ษา นายอเุ ทน สมบัติศรี
รายงานเล่มนเี้ ป็นสว่ นหนึง่ ของรายวชิ าสอ่ื สารและการนาเสนอ (IS2)
โรงเรียนหันหว้ ยทรายพทิ ยาคม อาเภอประทาย จังหวดั นครราชสมี า
สานักงานเขตพื้นทีก่ ารศกึ ษามธั ยมศึกษา เขต31
ภาคเรียนที่ 1 ปีการศกึ ษา 2563
เรอื่ ง การเลยี้ งไก่ชน
ผู้จดั ทา
นายจกั รภัทร คลังดงเค็ง
ชัน้ ม.3
ครูที่ปรกึ ษา นายอเุ ทน สมบัติศรี
รายงานเล่มนเี้ ป็นสว่ นหนึง่ ของรายวชิ าสอ่ื สารและการนาเสนอ (IS2)
โรงเรียนหันหว้ ยทรายพทิ ยาคม อาเภอประทาย จังหวดั นครราชสมี า
สานักงานเขตพื้นทีก่ ารศกึ ษามธั ยมศึกษา เขต31
ภาคเรียนที่ 1 ปีการศกึ ษา 2563
บดคัดย่อ
ไกช่ น หมายถึง ไก่สายพันธุ์พ้ืนเมือง ซ่ึงไก่พนื้ เมืองอาจมีการแบ่งเป็นประเภทท่วั ไปได้ 2 ลักษณะ คือ การ
เลี้ยงไวเ้ พอื่ ประกวดการต่อสู้ และความสวยงาม กับการเล้ียงไว้เพื่อการฆ่าและบรโิ ภคเนือ้ เป็นอาหาร ไกช่ น เป็น
สตั ว์เลย้ี งที่ผูกพันกับสงั คมทุกชนช้ันมาแตโ่ บราณ ตามประวัตศิ าสตรแ์ มใ้ นราชสานักในสมยั สุโขทัยก็มกี ารเลย้ี งไก่
ชน ในวิถชี วี ติ ตามชนบท ไกช่ น กห็ มายถงึ แหล่งอาหารของพวกเขาด้วยเชน่ กนั ซ่ึงเราพบเหน็ ไดจ้ ากการเลย้ี งได้
ท่วั ไปในวถิ ชี ีวิตประจาวนั ของสังคมเกษตรกรรม แตบ่ างแห่งโดยเฉพาะชาวพุทธ เชื่อว่าเกมกีฬาชนไก่ เป็นกฬี าที่
ทารุณ เช่นเดยี วกบั กีฬาชนวัว และการกดั ปลาในกฬี าปลากัด
ลกั ษณะสายพนั ธ์ไุ กช่ น
ถึงแม้เรอ่ื งราวสาหรับไกช่ นของพระราชาจะยังไมพ่ บประวัติว่าได้รบั พระราชทานายศฐาบรรดาศกั ด์ิ
เช่นเดียวกับช้างกต็ าม แต่ไก่ชนเป็นสัตว์เลยี้ งทีแ่ สดงถึงศกั ดศ์ิ รีทคี่ วรหวงแหน เพราะเร่อื งราวในวรรณคดีไทยก็
ปรากฏอยแู่ ลว้ บา้ ง และตานานวีรกษตั ริยใ์ นท่ีตา่ ง ๆ กป็ รากฏอยู่แล้วบ้าง และแมแ้ ต่คมั ภรี ์ในทางศาสนาก็มีและพบ
เร่อื งราวของไก่ชน ทบ่ี อกถงึ ความนยิ มของการประกวดการต่อสู้ของไกพ่ ืน้ เมอื งสายพันธ์ุตา่ งๆ ในภมู ิภาคต่าง ๆ
แทบจะท่ัวโลก ประเทศในแถบเอเชยี ที่นยิ มเล้ียงไก่ชนได้แก่ ไทย พมา่ ลาว กัมพูชา มาเลเซยี ฟิลิปปินส์ และ
อนิ โดนเี ซีย และแม้แต่ประเทศทางตะวนั ตก กเ็ ชือ่ วา่ อาจเป็นไปไดท้ คี่ วามนยิ มเกมกีฬาไกช่ นตง้ั แต่สมัยโรมันจนถึง
ปจั จบุ ัน มคี วามแพรห่ ลายและเปน็ ความนยิ มที่มาจากประเทศอินเดยี ปัจจุบันการเล้ียงไกช่ นแยกออกไดห้ ลาย
ประเภท ไมใ่ ชเ่ พราะไกช่ นเป็นวิถชี ีวติ และส่วนหนึ่งของพิพิธภัณฑ์ประวัตศิ าสตรเ์ ท่านน้ั แต่ท้ังน้เี พือ่ ประโยชน์ต่าง ๆ
ตามความนยิ ม ได้ขยายการเลย้ี งไกช่ นเป็นอตุ สาหกรรมการทาฟารม์ ขนาดใหญ่และมีการทาธุรกิจสง่ ออกดว้ ย เป็น
ต้น
คานา
“ไกช่ น” พฒั นามาจากไก่ป่าทถี่ ูกจบั มาเลีย้ งดตู ามบ้านเรือน โดยคนจนี เป็นชนกลุ่มแรกที่นามา
เล้ยี งไวเ้ พื่อเปน็ แหล่งอาหาร เม่อื ราว 3,000 ปกี ่อน ก่อนจะขยายการเล้ียงดไู ปสพู่ น้ื ทอ่ี น่ื ๆ แตด่ ว้ ย
ความที่ไก่ชนดิ น้ีมีนสิ ัยหวงถ่ินท่ีอยู่ หากถกู รกุ รานถน่ิ อาศัยหรอื มีตวั ผู้ตวั อน่ื มาหมายปองตวั เมยี ตวั
เดยี วกนั กจ็ ะเกดิ ศกึ หน้านางข้ึน จนกว่าอกี ฝา่ ยจะปราชัย ด้วยอุปนิสยั เฉพาะดงั กล่าวมา จึงมกี ารนาไก่
ปา่ ตวั ผู้มาตกี ันเพอื่ ความบันเทงิ และเริ่มมีการหนั มาพัฒนาสายพันธไ์ุ กป่ ่าเพ่อื ขยายพันธุ์เพาะเลยี้ ง
อย่างจริงจัง สาหรบั ใช้เป็นแหลง่ อาหารและความบนั เทิงในเกมกฬี า "ชนไก(่ เอาไก่ตัวผฟู้ อรม์ ดมี าตี
กัน)" ซง่ึ มกี ารพนันขันตอ่ เงนิ รางวัลในวงของผู้เล่นด้วย ไก่ปา่ ท่นี ามาข้ึนสงั เวยี นเพ่ือเงินพนนั หรือไก่ปา่
ทถี่ กู เพาะเลยี้ งมาเพ่ือ "ชนไก"่ จงึ ถกู เรยี กวา่ "ไก่ชน" ตอ่ มาเกมกฬี าน้ไี ด้รับความนยิ มอย่างแพร่หลาย
ในประเทศแถบอาเการชนไก่จงึ กลายเป็นทัง้ เกมกฬี าและวงพนัน ที่คนไทยพ้นื บา้ นนิยมชมชอบจากอดีต
มาถงึ ปจั จบุ ัน ซง่ึ สายพันธ์ไุ ก่ชนท่เี ล้ียงเพ่ือเกมกฬี าชนไก่ของบา้ นเราในขณะนี้ ล้วนเปน็ ไกช่ นพนั ธ์ุผสม
ทมี่ ีแหลง่ กาเนิดมาจากประเทศตา่ งๆ ดังกลา่ วมา เช่น ไก่ชนพม่า (ป่ากอ๋ ย) ไก่ชนเวยี ดนาม (ไซ่ง่อน)
ไก่ชนไตห้ วัน (เยยี ร)์ และไก่ชนไทย ทม่ี จี ุดเดน่ จดุ ดอ้ ย แตกตา่ งกันไปตามถนิ่ กาเนดิ หรือวตั ถปุ ระสงค์
ของผปู้ รับปรุงพนั ธุ์ โดยจุดเดน่ ของไกไ่ ทย จะอยูท่ ี่ความมีภมู ติ า้ นทานต่อโรคและมคี วามอึดมาก ส่วนไก่
ชนสายพันธ์ุพม่าจะตถี ต่ี ีหนกั ด้านไกเ่ วยี ดนามนน้ั มีดที ่ีกระดกู ใหญ่ หนงั เหนยี ว ผิวหนา และ ไก่ไตห้ วนั
ทตี่ ีถ่ีและหนักมาก ดงั นนั้ การจะปรับปรุงพันธุ์หรือเลอื กเลน่ ไกช่ นสายพันธ์ใุ ด ลว้ นขน้ึ อยูก่ บั ความ
ต้องการของผพู้ ัฒนาสายพันธุ์ว่าตอ้ งการคุณสมบตั ิเดน่ ในด้านใด แลว้ เพาะเล้ยี งจาหนา่ ยเพื่อนาไปใช้ใน
การ "ชนไก่" เปน็ หลัก ซง่ึ ถ้ามีประวตั ิดี เจนสงั เวยี น แขง่ ชนะมาหลายยก จะสนนราคาขายกันเปน็ หลัก
แสน-หลักลา้ น หากเป็นเพยี งไกช่ นทวั่ ไปท่มี ลี กั ษณะดี ไม่เจนสนาม กจ็ ะขายกนั ตัง้ แต่ตวั ละหลักร้อย-
หลักหมื่น
หวั ใจหลักของการเลีย้ งดไู ก่ชนเพื่อใหป้ ระสบความสาเร็จกค็ อื ไกต่ ้องแข็งแรง มสี ขุ ภาพดี ตแี ลว้ ได้ชยั
ชนะ ซง่ึ นักเล่นไก่ชนรุน่ เก๋า มกั จะมเี ทคนิคเฉพาะตวั หรอื สตู รลับเฉพาะในการดแู ลไก่ชนให้พร้อมสู้
และคว้าชัยในสังเวียน ดว้ ย 17 เคลด็ ลบั เดด็ ๆ กบั วธิ ีการเลี้ยงไก่ชนใหแ้ กร่งพรอ้ มชนะ ทก่ี ารันตรีวา่
เปน็ เทคนคิ วิธีจากประสบการณ์ตรงของผเู้ ลี้ยงไก่ชนที่ได้ผลดมี าก ดังจะกลา่ วถึงต่อไปนซี้ ยี น เช่น
ประเทศไทย มาเลเซยี ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซยี ลาว เขมร พม่า
สารบญั
เร่ือง หนา้
วิธกี ารเลี้ยงไกส่ าหรับชน 1
1
การเล้ยี งไก่ชน
วธิ ีการเลยี้ งไกส่ าหรบั ชน
การเลีย้ งไก่สาหรบั ชนนน้ั มหี ลายอยา่ งหลายชนดิ แล้วแตค่ รูบาอาจารย์ใดจะสัง่ สอนมา แตท่ ี่จะ
นามากล่าวน้ีเป็นที่นยิ มมากที่สุด ระยะการปลา้ และทาตัวไก่หนมุ่ ไกห่ นมุ่ ท่ีจะเรม่ิ เลย้ี งคร้ังแรก
ต้องลงขมิน้ ใหท้ ่วั ทง้ั ตัวเสียกอ่ น เพือ่ สะดวกในการอาบนา้ และป้องกันไรได้ดอี กี ดว้ ย
ก. เร่มิ อาบนา้ เวลาเชา้ ทกุ วัน ควรใช้ผ้าประคบหน้าทกุ ครั้งทมี่ ีการอาบนา้ ลงกระเบอื้ ง เนื้อ
ตวั บาง ๆ แลว้ ลงขม้นิ ตามเนื้อบาง ๆ แลว้ นาไปผง่ึ แดด พอร้วู า่ หอบกน็ าไก่เขา้ รม่ อยา่ ให้กินน้า
จนกวา่ จะหายหอบจงึ จะใหก้ ินน้าไดไ้ ก่ผอมไมค่ วรผึ่งแดดให้มากเพราะจะทาใหผ้ อมมากไปอีก ถา้
อว้ นเกินไปต้องผง่ึ แดดใหม้ ากสักหนอ่ ย เพราะจะทาใหน้ า้ หนกั ลดลงได้ ควรคมุ นา้ หนักทกุ ครง้ั ทม่ี ี
การซ้อม และการเลย้ี งทกุ วันตอนเช้า
ข. อาบนา้ ประมาณ 7 วนั แลว้ จึงเร่ิมซอ้ มคร้ังแรกสกั 2 ยก ๆ ละไมเ่ กนิ 12 นาที ซ้อมสัก 3 ครง้ั
ครั้งที่ 2
ครั้งท่ี 3 ซ้อมยกละ 15 นาที รวมแลว้ ใหไ้ ด้ 6 ยก ระยะการปลา้ แตล่ ะครง้ั ควรจะมเี วลาห่างกัน
ประมาณ 10 -15 วนั พอครบกาหนดแลว้ ตอ้ งถา่ ยยาตามทก่ี ลา่ วมาขา้ งตน้ แล้ว
2
การเลย้ี งไกใ่ หไ้ ดผ้ ลดี
ในการเล้ียงไกพ่ ้ืนเมอื งท่ีจะให้ได้ผลผลติ ดีนนั้ มีส่ิงท่จี ะตอ้ งคานึงถงึ ดังนี้
1. โรงเรอื นหรือเล้าไก่ ตอ้ งมโี รงเรอื นหรอื เลา้ ให้ไกน่ อน มีหลังคากันแดดกนั ฝนได้ ไม่ควรเลี้ยงไก่
ไว้ใต้ถนุ บา้ น เพราะนอกจากจะไม่ถกู สขุ ลักษณะแลว้ คนบนเรอื นจะถูกไรไก่รบกวนอกี ดว้ ย
เกษตรกรสามารถทาเลา้ ไกแ่ บบง่าย ๆ ได้เอง โดยใช้วัสดทุ ี่หาได้ง่ายในท้องถ่ิน เช่น ไมไ้ ผ่ แฝก
จาก ฯลฯ สถานทีต่ ั้งของเล้าไก่ ควรใหห้ า่ งจากตวั บา้ นพอสมควรและอยใู่ นท่ีดอนไม่ช้นื แฉะ ไม่
ควรอยูใ่ กล้ต้นไม้ เพราะไกช่ อบนอนบนต้นไม้จะไม่เขา้ ไปนอนในเลา้ พื้นเลา้ อาจจะปูดว้ ยแกลบ
หรือขีเ้ ลอื่ ยหรอื ฟางแหง้ หนาอยา่ งนอ้ ย 4 ซ.ม. และตอ้ งเปลย่ี นวัสดรุ องพืน้ ทกุ ๆ 3 เดอื นให้หนา
เท่าเดมิ อยู่เสมอ
เลา้ กว้าง 3 เมตร ยาว 4 เมตร สงู 2 เมตร เลีย้ งไก่ขนาดใหญ่ได้ ประมาณ 30-40 ตัว
เลา้ กว้าง 1 เมตร ยาว 2 เมตร สูง 1 เมตร เลยี้ งไกข่ นาดใหญ่ไดป้ ระมาณ 6-8 ตวั
ควรมีกรงไก่ขนาดเลก็ อีก 2 กรง คอื
กรงหรอื สมุ่ สาหรบั เล้ยี งแม่ไกก่ ับลกู ออ่ น 1 กรง
3
กรงหรือสมุ่ สาหรับเลี้ยงไก่เล็ก 1 กรง
2. รางนา้ ต้องมรี างนา้ สาหรับนา้ สะอาดใหไ้ กก่ นิ อาจใชร้ างไมไ้ ผผ่ า่ ครง่ึ ก็ได้
3. รางอาหาร ควรมรี างสาหรับใหอ้ าหารไก่ เพราะการใหไ้ ก่จิกกนิ อาหารบนพน้ื ดนิ ทาใหไ้ ก่เปน็
โรคพยาธไิ ด้งา่ ย
ขนาดราง :
ไกใ่ หญ่ 10 ตัว ใชร้ างยาว 1 เมตร
ไก่รนุ่ 10 ตัว ใช้รางยาว 50 เซนตเิ มตร
ไกเ่ ลก็ 10 ตวั ใช้รางยาว 20 เซนติเมตร
4. รางใสก่ รวดและเปลอื กหอยปน่ ผสมเกลอื ป่น ไก่ทุกขนาดต้องกินกรวดและเปลอื กหอยเพอ่ื
นาไปสรา้ งกระดกู และเปลือกไข่ กรวดและเปลอื กหอยต้องต้ังทงิ้ ไว้ใหก้ นิ ตลอดเวลา
5. รังไข่ ปกตแิ ม่ไกพ่ น้ื เมืองจะไข่ในรังไข่เมอ่ื ไขไ่ ด้ 10-12 ฟองจงึ จะเรมิ่ ฟักต้องมจี านวนรงั ไข่
เท่ากับจานวนแมไ่ ก่ทไ่ี ขเ่ พ่อื ไมใ่ ห้ไกแ่ ยง่ กัน ขนาดรงั ไขก่ ว้างและยาว 1 ฟุต สงู 8 นิว้ ฟตุ หรอื ใช้
เข่งก็ไดร้ องดว้ ยหญ้าหรอื ฟางแห้งใหถ้ งึ คร่ึงควรตั้งรงั ไขใ่ ห้อยใู่ นท่มี ดิ ชดิ ไมร่ ้อนเกนิ ไป ฝนสาดไม่
ถึง แต่แม่ไกเ่ ดินเข้าออกสะดวก
6. มา่ นกันฝน ดา้ นทฝี่ นสาดหรือแดดสอ่ งมาก ๆ ควรมมี า่ นผ้าใบ กระสอบ หรอื เสื่อเกา่ ๆ ห้อย
ทิง้ ไวโ้ ดยเฉพาะมุมทีว่ างรงั ไข่
7. คอนนอน สาหรับให้ไก่นอน ควรจะพาดไว้มมุ ใดมุมหนึง่
4
วิธีล่อ
เวลาประมาณบา่ ย 2 โมงเยน็ เอาน้าเช็ดตวั ไกท่ ่ีเล้ยี งเล็กนอ้ ย แลว้ เอาไก่ที่เปน็ ไกล่ ่อ จะเป็นการ
ลอ่ ทางตรงหรอื ทางออ้ มก็แลว้ แตส่ ะดวก แลว้ ล่อไกใ่ ห้ย้าย คอื เอาไกล่ อ่ ๆ วนไปข้างซา้ ย 10 รอบ
เย้ายวนไปทางขวา 10 รอบ ย้ายจนกวา่ ไกต่ วั ถกู ลอ่ จะไม่ลม้ จงึ จะใช้ได้ แลว้ ลอ่ ให้ไก่บนิ บ้าง ล่อ
ประมาณ 20 - 25 นาทกี ็พอ พอเสร็จจากการลอ่ เอาขนไก่ปน้ั คอ พอหายเหน่ือยแลว้ อาบนา้ ได้
เสรจ็ แลว้ ผงึ่ แดดใหข้ นแห้งแล้วกนิ อาหารได้
การใชข้ มิ้น
ทุกคร้ังเวลาอาบน้าไกใ่ นตอนเชา้ ต้องใช้กระเบือ้ งอนุ่ ๆ ประคบหนา้ พอสมควร
ถา้ มากนักจะทาให้หนา้ เปือ่ ย แลว้ ทาขม้ินบาง ๆ ทกุ คร้ัง บางคนใช้ทาเฉพาะหน้าอก ขา ใตป้ ีก
ตามเน้ือเท่านัน้ (ใชไ้ ด้เหมือนกัน)
การปล่อยไก่
5
ไก่ท่เี ลี้ยงไวช้ นพอเวลาแดดอ่อนๆควรได้ปลอ่ ยไก่ให้เดินตามสนามหญ้าแพรกนอกจากจะให้ไกไ่ ด้
เดินขยายตัวแลว้ ไกย่ งั มโี อกาสไดก้ นิ หญา้ ไปในตวั ด้วย
วิธแี ก้ไขให้นา้ หนกั ตวั ลด
เวลาไก่ชนท่เี ลีย้ งอว้ นเกนิ ไปน้าหนกั ตัวจะมากบินไม่ข้นึ ควรผ่งึ แดดให้หอบนาน ๆ หากไกผ่ อม
มากไปไมค่ วรใหถ้ กู แดดมากเกนิ ไป
เวลานอนควรให้นอนบนกาบกลว้ ย หรอื เอานา้ เยน็ เชด็ ตวั บาง ๆ ก่อนนอน การนอนควรนอนใน
มงุ้ ทุกคืนเพอื่ มิให้ยุงไปรบกวน ไก่จะไดน้ อนหลบั สบาย
การเลี้ยงไก่ถ่าย
การเลีย้ งไก่ถ่าย หรอื ไกท่ ีเ่ ปลยี่ นขนตั้งแตห่ นึง่ ครั้งข้ึนไป วิธเี ลย้ี งเชน่ เดยี วกับไก่หนุ่ม ผดิ กนั ตรงที่
ไกถ่ า่ ยต้องปลา้ ใหไ้ ดท้ ่ี คอื ปล้าคร้งั ละ
2 ยก ยกละ 15 นาที จานวน 5 ครงั้ รวม 10 ยก หรอื ปล้าจนกวา่ จะบนิ ไม่ล้ม แลว้ ผึ่งแดดให้
นานกวา่ ไก่หนุ่มหนอ่ ย นอกน้นั เหมือนกันหมด
ยาถา่ ยไก่
6
ยาถา่ ยโบราณคนนยิ มใช้กันมากมีสว่ นผสมดังนี้
1. เกลือประมาณ 1 ช้อนคาว
2. มะขามเปยี ก 1 หยบิ มอื
3. ไพลประมาณ 5 แว่น
4. บอระเพด็ ยาวประมาณ 2 นิ้ว หั่นเป็นแว่นบาง ๆ
5. น้าตาลปบี ประมาณ 1 ช้อนคาว
6. ใบจากเผาไฟเอาถา่ น (ใช้ใบจากประมาณ 1 กาวงแหวน) ใช้ครกตาให้ละเอยี ดเข้า ดว้ ยกัน
เวลาใช้ยาควรใหไ้ กก่ ินเวลาเช้าทอ้ งวา่ ง
ปน้ั เปน็ ลูกกลอนขนาดหวั แม่มอื 2 เม็ด ใหน้ า้ กนิ มาก ๆ หน่อย แล้วครอบผง่ึ แดดไว้รอจนกว่ายา
จะออกฤทธิ์ ถา่ ยเป็นนา้ 3 คร้ัง กพ็ อแล้วเอาขา้ วใหก้ นิ เพ่อื ใหย้ าหยุดเดนิ
น้าสาหรับอาบไก่
ปกตไิ ก่เล้ียงจะต้องอาบนา้ ยาจนกวา่ ไก่จะชน เคร่ืองยาทใี่ สน่ า้ ต้มมีดงั น้ี
1. ไพลประมาณ 5 แว่น
2. ใบสม้ ปอ่ ยประมาณ 1 กามือ
3. ใบตะไคร้ ตน้ ตะไคร้ 3 ต้น
4. ใบมะกรูด 5 ใบ
5. ใบมะนาว 5 ใบ
เอา 5 อยา่ งมารวมกนั ใส่หมอ้ ตม้ ใหเ้ ดือดแล้วทงิ้ ไว้ให้อนุ่ พออุน่ ๆ แล้วค่อยอาบน้าไก่ แลว้ นาไป
ผ่ึงแดดให้ขนแห้ง
ยาบารุงกาลังไก่
7
ยาบารงุ ทนี่ ยิ มกันมากมหี ลายขนาน แตจ่ ะยกมาขนานเดยี ว คอื
1. ปลาชอ่ นใหญ่ย่างไฟ แลว้ นาไปตากแดดให้แห้ง 1 ตัว
2. กระชายหัวแก่ ๆ ประมาณ 2 ขดี (แหง้ )
3. กระเทียมแห้ง 1 ขดี
4. พรกิ ไทย 20 เมด็
5. บอระเพ็ดแหง้ 1 ขดี
6. นกกระจอก 7 ตัว
7. หวั แห้วหมู 1 ขดี
8. ยาดาพอประมาณ
นกกระจอกนาไปย่างไฟแล้วนาไปตากแดดให้แหง้ แล้วนาไปตาใหป้ ่น ปลาชอ่ นกต็ าให้ปน่ แล้ว
นาทงั้ 8 อยา่ งมาผสมนา้ ผง้ึ ปนั้ เปน็ ลกู กลอนเทา่ เม็ดพทุ ราใหก้ นิ วนั ละ1 เม็ดก่อนนอนทุกวัน
จนกว่าไกจ่ ะชน ยาบางตาราไมเ่ หมือนกันแตไ่ ดผ้ ลดีทัง้ นน้ั แต่ไปแพ้กันตรงทไ่ี ก่เก่งไม่เก่งเทา่ นนั้
ไกท่ ่นี าไปชนทุกครงั้ ถา้ ไม่ได้ชน กลบั มาจะตอ้ งฉะหนา้ ถอนแขง้ ทุกคร้งั ๆ ละ 5 นาที 1 ครัง้ กอ่ น
จะนาไปชนต่ออกี
8
วิธใี หน้ า้ ไก่ขณะกาลงั ชน
การใชน้ า้ ไกเ่ ปน็ ส่งิ จาเปน็ ในการชนไกเ่ ปน็ อย่างยงิ่ เพราะถา้ ทา่ นให้นา้ ไก่ไมเ่ ป็นเอาไกไ่ ปชน
โอกาสแพ้มมี าก มอื น้าเทา่ น้นั เป็นผ้ชู ช้ี ะตาไกข่ องทา่ น เพราะฉะนั้นทา่ นตอ้ งเปน็ คนให้นา้ ไก่เกง่ ๆ
จงึ จะสเู้ ขาได้
วิธใี ห้น้าไก่กอ่ นชน
ทา่ นตอ้ งใช้ผา้ มุ้งบาง ๆ ชบุ น้าเช็ดตวั ใหท้ ว่ั ตัวทุกเสน้ ขน แต่อย่างใหป้ ีกเปียก (เพราะปกี เป็น
อุปกรณส์ าคัญในการตอ่ ส)ู้
แลว้ เชด็ ให้แห้ง ให้กินข้าวสกุ จนอม่ิ แล้วปล่อยใหเ้ ดนิ เพ่ือจะได้ขยายตวั และแตง่ ตัวเรยี บรอ้ ยแล้ว
นาไกเ่ ข้าชน
พอหมดยกที่ 1
9
เอาผา้ ชบุ นา้ เชด็ หนา้ อก และใตป้ กี เสียก่อนจึงค่อยเช็ดตามตัวให้ทั่ว แลว้ ตรวจบาดแผลตามหัว
ตามตวั ว่ามผี ิดปกตหิ รอื เปลา่ ตรวจดูตา ตรวจดปู ากให้เรียบรอ้ ย ถา้ ปากฮอ้ กเ็ ตรียมผูก ถ้าตาหรี่
กค็ วรเสนยี ดตา หรือถา่ งตา เสร็จเรยี บร้อยแล้วให้กนิ ข้าวสกุ ทบ่ี ดไว้ ประมาณ 3 - 4 ก้อน แตงกวา
แช่นา้ มะพรา้ วออ่ น พอใหอ้ ม่ิ แล้วเอาไก่นอน ๆ ประมาณ 5 นาที หลังจากนอนเสรจ็ เรียบรอ้ ยแลว้
เอากระเบ้อื งอุ่นมาเชด็ ตามตวั ตามหนา้ แข้ง ขาใหท้ วั่ บริเวณท่ถี กู ตี แลว้ ปล่อยใหเ้ ดนิ และให้ไก่
ถ่ายออกมาเพอ่ื จะได้ใหต้ วั เบา (ยกตอ่ ไปกท็ าเหมือนยกที่ 1 จนกว่าจะแพ้ ชนะกนั )
วิธีรักษาพยาบาลหลงั จากไกช่ นแล้ว
ตามปกตไิ ก่ท่ีชนมาแลว้ จะมบี าดแผลมากน้อยแลว้ แตก่ าหนดเวลาการตอ่ สู้ บางตัวกช็ นะเรว็ บาง
ตัวกช็ นะช้าบาดแผลกม็ มี าก เวลาชนเสร็จแลว้ ควรใชเ้ พนนซิ ิลนิ อยา่ งเปน็ หลอดทาตามหน้าให้ทวั่
เพื่อไมใ่ หห้ นา้ ตงึ อยา่ ใชข้ มนิ้ เปน็ อันขาด ถา้ บาดแผลมากจรงิ ควรใชย้ าพวกสเตปโตมยั ซนิ หรอื ฉีด
ยาเทอรามยั ซิน หรอื จะให้กนิ ยาเตด็ ตรา้ ไซคลนิ ก็ได้ วันละ 1 เมด็ ตอนเยน็ ประการสาคญั อยา่ ให้
ทบั ตวั เมยี เป็นอันขาด หลังจาก 1 เดือนไปแลว้ ใหท้ ับได้
10
ข้อสอบการเลยี้ งไก่ตี
จานวน 10 พรอ้ มเฉลย
1.ไกพ่ ระมา้ มกี ขี่ า
ก.2 ขา
ข.5 ขา
ค. 8 ขา
ง.10 ขา
2. . ไก่พน้ื เมอื งตามประวตั ศิ าสตร์ มรี ายงานไว้ว่าเป็นไก่ท่ีมีต้นกาเนิดมาจากไก่อะไร
ก. ไกบ่ า้ น
ข. ไกพ่ นั ธุ์เล็กฮอร์น
ค. ไกป่ า่ ในทวปี เอเชยี
ง. ไก่พันธเ์ุ หลอื งหางขาว
3. สมเด็จพระนเรศวรมหาราช นาไก่ชนิดใดไปชนชนะพม่า
ก. ไกเ่ หลอื งขาว
ข. ไกป่ ระดู่
ค. ไก่ขาว
ง. ไก่เกง่
4. ไกท่ ี่เขา้ แข่งขันใชเ้ วลาแขง่ ขันยกละก่ีนาที
ก. 15
ข. 20
ค. 25
ง. 10
5.ข้อใดจัดเป็นพนั ธ์ุไกพ่ น้ื เมอื ง
ก. ไกแ่ จ้ ไก่อู ไกต่ ะเภา ไกบ่ าร์
ข. ไกแ่ จ้ ไก่อู ไกต่ ะเภา ไกเ่ บตง
ค. ไก่แจ้ ไก่อู ไกบ่ าร์ ไก่โร๊ดไอรแ์ ลนด์
ง. ไกแ่ จ้ ไกบ่ าร์ ไก่โร๊ดไอร์แลนด์ ไก่เล็กฮอรน์
11
6. สตั วป์ กี ชนิดใดท่ีคนไทยนิยมเลีย้ งมากท่ีสดุ
ก. เป็ด
ข. ไก่
ค. นกกระทา
ง. นกกระจอกเทศ
7. ไกช่ น มีประวตั เิ ล่าขานกันมาประมาณกปี่ ี.
ก. (156 – 223 ปี ก่อนคริสตกาล)
ข. (356 – 323 ปี ก่อนคริสตกาล)
ค. (256 – 123 ปี ก่อนคริสตกาล)
ง. (456 – 523 ปี กอ่ นคริสตกาล)
8. ไกไ่ ทยมกี ่ีสายพนั ธุ์
ก. 9
ข. 7
ค. 3
ง. 10
9. การต่อไก่ ชนไก่ และการ ฝกึ ไก่ มปี รากฏอยู่ในวรรณคดไี ทยมาต้งั แต่สมยั ใด
ก. สโุ ขทัย
ข. ล้านนา
ค. กรุงศรีอยธุ ยา
ง. ลาพูน
10. โรคนิวคาสเซิล หรอื ที่ชาวบา้ นเรียกว่าอะไร
ก. โรคห่า
ข. โรคฉีห่ นู
ค. โรคลมชกั
ง. โรคทอ้ งรว่ ง