The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

ลิลิตพระลอสู่ลิลิตพระฦา

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by tongob2019, 2023-02-17 02:10:06

ลิลิตพระลอสู่ลิลิตพระฦา

ลิลิตพระลอสู่ลิลิตพระฦา

จัดทำ โดย 1.นางสาวทยาภรณ์ 2.นางสาวกฤติมา 3.นางสาวชนิตตา 4.นางสาวณัฐพร 5.นางสาวสู่ขวัญ โครงงานภาษาไทย เรื่อง จากลิลิตพระลอสู่ลิลิตพระฦา ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/3 รูปใหญ่ บัวเขียว เเก้วกำ เนิด ตองอบ สิมมาเคน เลขที่22 เลขที่26 เลขที่27 เลขที่28 เลขที่29 ครูที่ปรึกษา คุณครูสุธินรัตน์ พานอ่อน โครงงานฉบับนี้เป็นส่วนหนึ่งของรายภาษาไทยพื้นฐาน รหัสวิชา ท 31102 กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2565 โรงเรียนเบ็ญจะมะมหาราช อุบลราชธานี


จัดทำ โดย 1.นางสาวทยาภรณ์ 2.นางสาวกฤติมา 3.นางสาวชนิตา 4.นางสาวณัฐพร 5.นางสาวสู่ขวัญ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/3 รูปใหญ่ บัวเขียว เเก้วกำ เนิด ตองอบ สิมมาเคน เลขที่22 เลขที่26 เลขที่27 เลขที่28 เลขที่29 ครูที่ปรึกษา คุณครูสุธินรัตน์ พานอ่อน โครงงานฉบับนี้เป็นส่วนหนึ่งของรายภาษาไทยพื้นฐาน รหัสวิชา ท 31102 กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2565 โรงเรียนเบ็ญจะมะมหาราช อุบลราชธานี เรื่อง จากลิลิตพระลอสู่ลิลิตพระฦา โครงงานภาษาไทย


ก ผู้จัดทําโครงงาน : นางสาวทยาภรณ์รูปใหญ่ เลขที่ 22 นางสาวกฤติมา บัวเขียว เลขที่ 26 นางสาวชนิตตา แก้วกําเนิด เลขที่ 27 นางสาวณัฐพร ตองอบ เลขที่ 28 นางสาวสู่ขวัญ สิมมาเคน เลขที่ 29 ชื่อโครงงาน : จากลิลิตพระลอสู่ลิลิตฦา กลุ่มสาระการเรียนรู้ : ภาษาไทย ท31102 ระดับชั้น : มัธยมศึกษาตอนปลาย คุณครูที่ปรึกษาโครงงาน : คุณครูสุธินรัตธ์พานอ่อน โรงเรียน : เบ็ญจะมะมหาราช อําเภอเมือง จังหวัดอุบลราชธานี ปีการศึกษา : 2565 บทคัดย่อ โครงงานภาษาไทย เรื่อง จากลิลิตพระลอสู่ลิลิตพระฦา มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) เพื่อวิเคราะห์ความ แตกต่างระหว่างวรรณคดีเรื่องลิลิตพระลอกับลิลิตพระฦา 2) เพื่อวิเคราะห์บทประพันธ์ในวรรณคดีลิลิต พระฦา จากการศึกษาค้นคว้าข้อมูลวงวรรณกรรมของไทยนับตั้งแต่โบราณมามีวรรณกรรมหลายเรื่องที่ แต่งขึ้นโดยได้รับอิทธิพลมาจากวรรณกรรมเรื่องอื่น อีกทั้งวรรณกรรมบางเรื่องแม้จะเป็นเรื่องเดียวกันก็มี การแต่งเป็นฉบับต่างๆ ซึ่งแสดงให้เห็นว่า เนื้อเรื่องในวรรณกรรมบางเรื่องมีจุดที่น่าประทับใจสําหรับกวีผู้ แต่งในยุคเดียวกันหรือกวีผู้แต่งในยุคหลังอันจะทําให้เกิดการสร้างงานในรูปแบบของตนเองขึ้นมา ลิลิตพระลอ เป็นวรรณกรรมเก่าเรื่องหนึ่งที่ได้รับการยอมรับว่ามีศิลปะทางการประพันธ์ที่โดด เด่นและลึกซึ้งด้วยพุทธปรัชญา อีกทั้งยังส่งอิทธิพลต่อวรรณกรรมรุ่นหลังอย่างมาก จึงทําให้เกิดเรื่อง "พระลอ" ในรูปแบบอื่นๆ อิทธิพลของพระลอนั้นยังทําให้เกิดวรรณกรรมอีกเรื่องหนึ่งที่มีการดําเนินเรื่อง คล้ายคลึงกับลิลิตพระลอมาก แต่มีการแต่งชื่อตัวละครขึ้นใหม่ อีกทั้งยังเปลี่ยนแปลง ตอนจบของเรื่อง วรรณกรรมเรื่องนี้คือ ลิลิตพระ คําสําคัญ : ลิลิตพระลอ,ลิลิตพระ


ข กิตติกรรมประกาศ โครงงาน เรื่อง จากลิลิตพระลอสู่ลิลิตพระฦา ฉบับนี้เป็นส่วนหนึ่งของรายวิชาภาษาไทย รหัสวิชา ท 31102 กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/3 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2562 โดยมี จุดประสงค์เพื่อวิเคราะห์ความแตกต่างระหว่างวรรณคดีลิลิตพระลอและลิลิตพระฦา และเพื่อวิเคราะห์บท ประพันธ์ในวรรณคดีลิลิตพระฦา ที่เป็นวรรณคดีที่ได้รับการยอมรับว่ามีศิลปะทางการประพันธ์ที่โดดเด่นและลึก ซึ้งด้วยพุทธปรัชญา อีกทั้งยังส่งอิทธิพลต่อวรรณกรรมรุ่นหลังอย่างมาก ทางคณะผู้จัดทําต้องขอขอบคุณคุณครูสิธินรัตน์พานอ่อน ที่คอยให้คําปรึกษา แนะนําแนวทางและให้ ความรู้ในการค้นคว้าข้อมูล และการจัดทําโครงงานฉบับนี้และขอขอบคุณเพื่อน ๆ ทุกคนที่ให้ความช่วยเหลือมาตลอด สุดท้ายนี้ทางคณะผู้จัดทําหวังว่าโครงาน เรื่อง จากลิลิตพระลอสู่ลิลิตพระฦา ฉบับนี้จะสามารถให้ ความรู้และเป็นประโยชน์แก่ผู้อ่านทุก ๆ ท่าน คณะผู้จัดทํา


ค สารบัญ เรื่อง หน้า บทคัดย่อ ……………………………………………………………………………………………………………………………….. ก กิตติกรรมประกาศ …………………………..…………………………..…………………………..………………………….…. ข สารบัญ ………………………………………………………………………………………………………………………………….. ค บทที่ 1 บทนํา 1.1 ที่มาและความสําคัญ ……………………………………………………………………………………………… 1 1.2 วัตถุประสงค์ของโครงงาน…………………….…………………………………………………………………. 1 1.3 ขอบเขตการศึกษา ………………………………………………………………………………….………………. 1 1.4 นิยามเฉพาะศัพท์ ……………………………………………………………………………………………………. 2 1.5 ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ ………………………………………………………………………………………. 2 บทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้อง 2.1 ความเป็นมาของวรรณคดี ……………………………….……………………………………………………… 3 2.2 ความสําคัญของวรรณคดี………………………………………………………………………………………….. 4 2.3 ความเป็นมาของลิลิตพระลอ………………….……………………………………………………………..….. 4 2.4 บทประพันธ์ลิลิตพระลอ…………….………………………………………………………………………..…… 6 2.5 ความเป็นมาของลิลิตพระ………………………………………………………………………………………. 8 2.6 ความแตกต่างระหว่างลิลิตพระลอกับลิลิตพระ………………………………………………..…….… 9 บทที่ 3 วิธีการดําเนินงาน 3.1 แหล่งข้อมูล…………………………………………………………………………………………………………… 17 3.2 ขั้นตอนการดําเนินงาน…………………………………………………………………………………………..… 17 3.3 ระยะเวลาในการดําเนินงาน……………………………………………………………………………………… 17 บทที่ 4 วิเคราะห์ข้อมูล 4.1 วิเคราะห์บทประพันธ์ในวรรณคดีลิลิตพระฦา ………………………………………………………..…… 19 4.2 วิเคราะห์ความแตกต่างระหว่างลิลิตพระลอกับลิลิตพระฦา…………..……………………………… 19 บทที่ 5 สรุปผล อภิปรายผลและข้อเสนอแนะ 5.1 อภิปรายผล ………………..………………………………………………………………………………………… 21 บรรณานุกรม ………………………………………………………………………………………………………………………….. 22


1 บทที่ 1 บทนํา 1.ที่มาและความสําคัญของโครงงาน วรรณคดีไทยเป็นมรดกทางวัฒนธรรมอันทรงคุณค่ายิ่งในสังคมไทยด้วย เพราะวรรณคดีไทย มีทั้งความ เป็นศาสตร์และศิลป์ในตนเอง เป็นศาสตร์แห่งการใช้ถ้อยคําและยังมีความเชื่อมโยงสัมพันธ์กับ ศาสตร์แขนงอื่น เป็นจํานวนมาก ทั้งประวัติศาสตร์สังคมศาสตร์ ภูมิศาสตร์ เป็นต้นทําให้กล่าวได้ว่าวรรณคดีไทยนั้นผูกพันและ เป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิตไทยมาช้านานแล้ว ไม่ว่าจะเรื่อง รามเกียรติ์,ขุนช้างขุนแผน,สุดสาคร หรือพระอภัยมณี เป็นต้น วงวรรณกรรมของไทยนับตั้งแต่โบราณมามีวรรณกรรมหลายเรื่องที่แต่งขึ้นโดยได้รับอิทธิพลมาจาก วรรณกรรมเรื่องอื่น เช่น นิราศสีดา ได้รับอิทธิพลมาจากรามเกียรติ์ อิเหนาคําฉันท์ และนิราศอิเหนาได้รับ อิทธิพลมาจากอิเหนา อีกทั้งวรรณกรรมบางเรื่องแม้จะเป็นเรื่องเดียวกันก็มีการแต่งเป็นฉบับต่างๆ เห็นได้จาก เรื่องกากีที่มีการแต่งหลายรูปแบบ เช่น กากีคําฉันท์ กากีคํากลอน กากีฉบับลิลิต เป็นต้น ซึ่งแสดงให้เห็นว่า เนื้อเรื่องในวรรณกรรมบางเรื่องมีจุดที่น่าประทับใจสําหรับกวีผู้แต่งในยุคเดียวกันหรือกวีผู้แต่งในยุคหลังอันจะ ทําให้เกิดการสร้างงานในรูปแบบของตนเองขึ้นมา ลิลิตพระลอเป็นวรรณกรรมเก่าเรื่องหนึ่งที่ได้รับการยอมรับ ว่ามีศิลปะทางการประพันธ์ที่โดดเด่นและลึกซึ้งด้วยพุทธปรัชญา อีกทั้งยังส่งอิทธิพลต่อวรรณกรรมรุ่นหลังอย่าง มาก เช่น ลิลิตเพชรมงกุฎ ลิลิตตะเลงพ่ายที่ได้รับอิทธิพลทางด้านศิลปะการประพันธ์และอีกหลายเรื่องก็ได้รับ อิทธิพลมาจากเรื่องราวของพระลอ จึงทําให้เกิดเรื่อง "พระลอ" ในรูปแบบอื่นๆ เช่น บทละครเรื่อง พระลอนร ลักษณ์ พระราชนิพนธ์ในกรมพระราชวังบวรมหาคักดิพลเสพย์ บทละครเรื่องพระลอ ของเจ้าพระยาเทเวศร์ วงศ์วิวัฒน์ (ม.ร.ว.หลาน กุญชร) บทละครเรื่องพระลอ พระนิพนธ์ของพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระนราธิปประ พันธ์พงค์โคลงสุภาษิต ชื่อ พระลอสอนโลก เป็นต้น อิทธิพลของพระลอนั้นยังทําให้เกิดวรรณกรรมอีกเรื่องหนึ่ง ที่มีการดําเนินเรื่องคล้ายคลึงกับลิลิตพระลอมาก วรรณกรรมเรื่องนี้คือ ลิลิตพระฦา ลิลิตพระฦา ถือได้ว่าเป็นวรรณกรรมเรื่องหนึ่งที่น่าสนใจ เนื่องจากเป็นการนําเอาลิลิตพระลอมาดัดแปลง ทราบกันดีว่าลิลิตพระลอเป็นโศกนาฎกรรมที่ตรึงใจผู้อ่านมาทุกยุคทุกสมัย ผู้แต่งจึงนําเรื่องนี้มาแต่งโดยให้มี ความแตกต่างออกไป คณะผู้จัดทําจึงมีความประสงค์ที่จะวิเคราะห์บทประพันธ์ระหว่างลิลิตพระลอและลิลิต พระฦา ที่จะนําเรื่องทั้งสองนี้มาเปรียบเทียบกัน ซึ่งแน่นอนว่าการเปรียบเทียบนี้ย่อมไม่ได้เปรียบว่าผู้ใดจะใช้ ภาษาได้ดีกว่ากัน เพราะลิลิตพระลอจัดได้ว่าเป็นเอกในด้านศิลปะการประพันธ์อยู่แล้ว ผู้อ่านจะสนุกกับการได้ เปรียบเทียบทั้งสองเรื่องในด้านการเปลี่ยนแปลง 2.วัตถุประสงค์ของโครงงาน 2.1. เพื่อวิเคราะห์ความแตกต่างระหว่างวรรณคดีลิลิตพระลอกับลิลิตพระฦา 2.2. เพื่อวิเคราะห์บทประพันธ์ในวรรรณคดีลิลิตพระฦา 3.ขอบเขตด้านการศึกษา - ขอบเขตด้านระยะเวลา ระยะเวลาในการทําโครงงานฉบับนี้ดําเนินการในภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2565 ตั้งแต่วันที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ.2565 ถึง เดือนมกราคม พ.ศ.2566 - ขอบเขตด้านการศึกษา ศึกษาความต่างระหว่างวรรณคดีลิลิตพระลอกับลิลิตพระ


2 4.นิยามศัพท์เฉพาะ วรรณคดีงานเขียนที่ได้รับการยกย่องว่าแต่งดีโดยใช้กาลเวลา เป็นเครื่องพิสูจน์ว่าเป็นผลงานอมตะและ ถ่ายทอดอย่างมีศิลปะ ไม่ทําาลายศีลธรรมประเพณีอันดีงาม ของไทย มีความดีเด่นด้านเนื้อหาและวรรณศิลป์ วรรณกรรม งานเขียนทุกประเภทที่ถ่ายทอดออกมาโดยใช้ศิลปะในการใช้ภาษา เช่น นวนิยาย เรื่องสั้น บทกลอน บทความ ลิลิตพระลอ เป็นลิลิตโศกนาฏกรรมความรัก ที่แต่งขึ้นอย่างประณีตงดงาม มีความไพเราะของถ้อยคํา และเต็มไปด้วยสุนทรียศาสตร์ พรรณนาเรื่องด้วยอารมณ์ที่หลากหลาย ใช้กวีโวหารอย่างยอดเยี่ยม ในการ บรรยายเนื้อเรื่อง ที่มีฉากอย่างมากมาย หลากหลายอารมณ์ ลิลิตพระฦา เป็นวรรณกรรมที่สะท้อนให้เห็นความนิยมเรื่องลิลิตพระลอ ความน่าสนใจของเรื่องลิลิตพระ น่าจะอยู่ที่การแต่งเลียนแบบเรื่องพระลอ แต่ดัดแปลงให้จบอย่างมีความสุข โดยรักษาถ้อยคําสํานวนตาม ขนบเดิม 5.ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ 5.1. ได้ศึกษาวิเคราะห์วรรณคดีลิลิตพระลอและลิลิตพระฦา 5.2. ได้ศึกษาบทประพันธ์วรรณคดีลิลิตพระฦา 5.3. โครงงานฉบับนี้สามารถนําไปเผยแพร่และเป็นประโยชน์แก่ผู้ที่ศึกษาได้


3 บทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้อง ในการศึกษาโครงงานภาษาไทยเรื่อง ลิลิตพระลอสู่ลิตพระฦา ทางคณะผู้จัดทําได้ทําการศึกษาค้นคว้า รวบรวมข้อมูลจากเอกสารที่เกี่ยวข้องและจากเว็บไซต์บนเครือข่ายอินเตอร์เน็ตโดยจะขอนําเสนอตามลําดับ ดังนี้ 2.1.ความเป็นมาของวรรณคดี 2.2.ความสําคัญของวรรณคดี 2.3.ความเป็นมาของลิลิตพระลอ 2.4.บทประพันธ์ลิลิตพระลอ 2.5.ความเป็นมาของลิลิตพระฦา 2.6.ความแตกต่างระหว่างลิลิตพระลอกับลิลิตพระฦา ความเป็นมาของวรรณคดี เนื่องจากชาติไทยเป็นชาติที่เคยรุ่งเรืองมานาน และคนไทยมีนิสัยเจ้าบทเจ้ากลอน การใช้ถ้อยคํา ภาษามักสัมผัสคล้องจองกัน จึงทําให้เกิดเรื่องเล่าที่มีความไพเราะ สละสลวยขึ้น ทั้งร้อยแก้วและร้อยกรอง กําเนิดวรรณคดีไทย วรรณคดีไทยมีกําเนิดมาจากหลายสาเหตุซึ่งอาจจะจําแนกได้ดังนี้ ๑. เกิดจากความต้องการบันทึกเรื่องราวที่เกิดขึ้นไว้เป็นลายลักษณ์อักษร ๒. เกิดจากการยกย่องสรรเสริญเกี่ยวกับชาติหรือวีรชน ๓. เกิดจากความรัก ความสะเทือนใจ และความพอใจของกวี ๔. เกิดจากความต้องการบันเทิงอารมณ์ ๕. เกิดจากความต้องการจะสั่งสอนอบรมด้านความประพฤติและการโน้มใจให้เลื่อมใส ทางศาสนา ๖. เกิดจากความต้องการจะสอนหนังสือ ๗. เกิดจากอิทธิพลของต่างประเทศ - ประโยชน์ของวรรณคดี การศึกษาวรรณคดีย่อมอํานวยประโยชน์หลายประการ คือ ๑. ให้ความรู้ทางด้านภาษา เพราะภาษาจากวรรณคดีย่อมใช้คํา หรือข้อความที่กวีคัดเลือกมาแล้ว อย่างดีและภาษาที่กวีใช้ในวรรณคดีนั้นย่อมเป็นภาษาที่ใช้พูดจากันอยู่ในสมัยที่แต่ง วรรณคดีนั้นๆ ผู้อ่าน จึงสามารถศึกษาศัพท์ถ้อยคําและสํานวนภาษาจากวรรณคดีเรื่องนั้นได้ ๒. ให้ความรู้ทางด้านประวัติศาสตร์เพราะวรรณคดีไม่เพียงแต่ทําหน้าที่แสดงออกทาง วรรณศิลป์เท่านั้น แต่วรรณคดีจะต้องอาศัยสถานที่ เหตุการณ์หรือตํานานต่างๆ ในสมัยนั้นเป็น องค์


4 ประกอบสําคัญในการถ่ายทอดอารมณ์และความรู้สึกในเชิงศิลปะให้แก่ผู้อ่าน จึงทําให้ผู้ศึกษาวรรณคดีได้ รับความรู้เกี่ยวกับเหตุการณ์สําคัญของบ้านเมืองเป็นอย่างดี ๓. ให้คุณค่าทางอารมณ์วรรณคดีเป็นเครื่องกล่อมเกลาอารมณ์ให้เกิดความเพลิดเพลิน สุขใจไปกับเนื้อเรื่อง และลีลาในการแต่ง อีกทั้งช่วยขัดเกลาและส่งเสริมจิตใจให้รักสวยรักงาม รู้จักศิลปะ ความงดงามของวรรณศิลป์ ๔. ให้คุณค่าทางด้านปัญญา เพราะเรื่องราวที่ปรากฏในวรรณคดีไทย มักจะเกิดประโยชน์ทางความรู้ ความคิด ก่อให้เกิดสติปัญญาทําให้ผู้ศึกษามีจิตใจที่สูงขึ้น สามารถนํามาใช้ประพฤติปฏิบัติในชีวิตประจําวัน ได้ ๕. ให้คุณค่าทางด้านสังคม วรรณคดีจะสะท้อนภาพชีวิตให้เกิดความเข้าใจในวิถีชีวิตของมนุษย์ได้เห็น สภาพสังคม ชีวิตความเป็นอยู่ความเชื่อและขนบประเพณีของแต่ละยุคสมัย ความสําคัญของวรรณคดี วรรณคดีมีคุณค่าแก่ผู้อ่าน 2 ประการคือ 1.คุณค่าทางสุนทรียภาพหรือความงาม สุนทรียภาพหรือความงาม ทางภาษาเป็นหัวใจของวรรณคดีเช่น ศิลปะของการแต่งทั้งการบรรยาย การ เปรียบเทียบ การเลือกสรรถ้อยคําให้มีความหมายเหมาะสม กระทบอารมณ์ผู้ อ่าน มีสัมผัสให้เกิดเสียงไพเราะ เป็นต้น 2.คุณค่าทางสารประโยชน์เป็นคุณค่าทางสติปัญญาและสังคมตาม ปกติวรรณคดีจะเขียนตามความเป็นจริงของชีวิต ให้คติสอนใจแก่ผู้อ่าน สอด แทรกสภาพของสังคม วัฒนธรรมประเพณีทําให้ผู้อ่านมีโลกทัศน์เข้าใจโลกได้ กว้างขึ้น ความเป็นมาของลิลิตพระลอ ผู้แต่งและสมัยที่แต่ง : เพื่อพิจารณาจากร่ายบทนําเรี่อง ซึ่งกล่าวสดุดีพระเจ้าแผ่นดินกรุงศรีอยุธยา ที่ ทรงมีชัยแก่ชาวลานนาที่ว่า "ฝ่ายช้างยวนแพ้พ่าย ฝ่ายช้างลาวประลัย ฝ่ายช้างไทยชัเยศคืนยังประเทศพิศาล" พอสันนิษฐานได้ว่าช่วงเวลาที่แต่งลิลิตพระลอ จะต้องอยู่ภายหลังการชนะศึกเชียงใหม่ครั้งใดครั้งหนึ่ง อาจเป็น รัชกาลสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ (พ.ศ.๒๐๑๗) หรือสมเด็จพระนารายณ์มหาราช (พ.ศ.๒๒๐๕) เมื่อพิจารณา ถึงลักษณะคําประพันธ์ลิลิตพระลอแต่งด้วนลิลิต ซึ่งเป็นลักษณะคําประพันธ์ที่นิยมใช้ในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอน ต้น เช่น ลิลิตโองการแช่งน้า ลิลิตยวนพ่าย ส่วนในรัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราชมักแต่งโคลงฉันท์เป็น ส่วนมาก เช่น โคลงเฉลิมพระเกีรยติสมเด็จพระนารายณ์มหาราช สมุทรโฆษคําฉันท์และอนิรุทธ์คําฉันท์ลิลิต พระลอยังใช้ภาษาเก่ากว่าภาษาในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช เช่น คํา "ชิ่นแล" และคํา "แว่น" ซึ่งเป็นคํา ที่มีใช้ในมหาชาติคําหลวงสมัยสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ นอกจากนี้หนังสือจินดามณีของพระโหราธิบดีสมัย สมเด็จพระนารายณ์มหาราช ได้ยกโทคลงในลิลิตพระลอเป็นตัวอย่างโคลงสี่สุภาพที่ว่า


5 ทรงพิจารณาโคลงบอกผู้แต่ง สองบทท้ายเรื่องที่ขึ้นต้นว่า "จบเสร็จมหาราชเจ้า นิพนธ์" และ "จบเสร็จ เยาวราชบรรจง" ทรงสันนิษฐานว่าลิลิตพระลออาจแต่งถวายพระเจ้าแผ่นดิน ในขณะที่ผู้แต่งยังเป็นพระมหา อุปราช ต่อมาพระมหาอุปราชพระองค์นั้นได้รับรัชทายาทเป็นพระเจ้าแผ่นดินในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนต้น อาจ เป็นสมเด็จพระบรมราชาธิปดีที่ ๓ สมเด็จพระรามาธิปดีที่ ๒ หรือ สมเด็จพระบรมราชาหน่อพุทธางกูรก็ได้ ทํานองแต่ง :  เป็น คําประพันธ์ประเภทลิลิตสุภาพ ประกอบด้วยร่ายสุภาพและโคลงสุภาพเป็นส่วน ใหญ่ บางโคลงมีลักษณะคล้ายโคลงดั้นและโคลงโบราณ และร่ายบางบทเป็นร่ายโบราณ  บางบทแต่งได้ไพเราะ ถูกต้องตามฉันทลักษณ์บังคับจนเป็นตัวอย่างได ้ ความมุ่งหมาย : แต่งถวายพระเจ้าแผ่นดิน เพื่อให้เป็นที่สําราญพระราชหฤทัย เรื่องย่อ : เมืองสรวงและเมืองสรองเป็นศัตรูกัน พระลอ  กษัตริย์เมืองสรวงทรงพระสิริโฉมยิ่งนัก จน เป็นที่ต้องพระทัยของพระเพื่อนพระแพงราชธิดาของท้าวพิชัยพิษณุกร  กษัตริย์แห่งเมืองสรอง นางรื่นนางโรย  พระพี่เลี้ยงได้ขอให้ปู่เจ้าสมิงพรายช่วยทําเสน่ห์ให้พระลอเสด็จ มาเมืองสรวง   เมื่อพระลอต้องเสน่ห์ได้ตรัสลา พระนางบุญเหลือพระราชมารดา และนางลักษณวดีมเหสีเสด็จไปเมืองสรองพร้อมกับนายแก้วนายขวัญพระพี่ เลี้ยง  พระลอทรงเสี่ยงทายน้าที่แม่น้ากาหลง ถึงแม้จะปรากฏรางร้ายก็ทรงฝืนพระทัยเสด็จต่อไป ไก่ผีของ ปู่เจ้าสมิงพรายล่อพระลอกับนายแก้วนายขวัญไปจนถึงสวนหลวง   นางรื่นนางโรยพี่เลี้ยงของพระเพื่อนพระ แพง  ออกอุบายลอบนําพระลอกับนายแก้วนายขวัญไปไว้ในตําหนักของพระเพื่อน พระแพง   ท้าวพิชัยพิษณุ กรทรงทราบเรื่องก็ทรงพระเมตตารับสั่งจะจัดการอภิเษกพระลอกับพระเพื่อนและพระแพงให้    แต่พระเจ้าย่า เลี้ยงของพระเพื่อนพระแพงยังทรงพยาบาทพระลอ   อ้างรับสั่งท้าวพิชัยพิษณุกรตรัสสั่งใช้ให้ทหารไปรุมจับ พระลอ พระเพื่อนพระแพงและพี่เลี้ยง   พระลอ  พระเพื่อน  พระแพง และพี่เลี้ยงทั้งสี่ช่วยกันต่อสู้จนสิ้นชีวิต ทั้งหมด   ท้าวพิชัยพิษณุกรพิโรธพระเจ้าย่าและทหาร   รับสั่งให้ประหารชีวิตทุกคน   พระนางบุญเหลือทรงส่ง ทูตมาร่วมงานพระศพกษัตริย์ทั้งสาม ในที่สุดเมืองสรวงและเมืองสรองก็กลับมาเป็นไมตรีต่อกัน               


6 บทประพันธ์ลิลิตพระลอ บทโศก ๑.พระนางบุญเหลือทรงรําพันเมื่อพระลอทูลลาเไปเมืองสรอง               คงชีพหวังได้พึ่ง         ภูมีพ่อแล ม้วยชีพหวังฝากผี                     พ่อได้ ดังฤาพ่อจักลี-                          ลาจาก อกนา ผีแม่ตายจักได้                         ฝากให้ใครเผา  ๒.ข้าราชการและประชาชนราษฎร์คร่าครวญตอนพระลอลาจากเมือง             เสียงโหยเสียงไห้มี      เรือนหลวง ขุนหมื่นมนตรีปวง                     ป่วยช้า เรือนราษฎณ์ร่าตีทรวง                ทุกข์ทั่ว กันนา เมืองจะเย็นเป็นน้า                     ย่อมน้าตาครวญ  บทพรรณนาความรัก ๑.ระหว่างชู้คู่ครอง คู่ครองกับแม่ พระลอคร่าครวญที่แม่น้ากาหลง            ร้อยชู้ฤาเท่าเนื้อ            เมียตน เมียแล่พันฤาดล                        แม่ได้ ทรงครรภ์คลอดเป็นคน               ฤาง่า เลยนา เลียงยากนักท้าวไท้                   ธิราชผู้มีคุณ ๒.ชู้รัก พระลอตรัสต่อพระเพื่อนพระแพง             เมืองกว้างช้างม้าซู่        ละเสีย อ่อนเอย เสียแม่เสียเมียมา                       สู้น้อง เสียสนมดุจดวงพเยีย                  งามแง่ งามนา มาแต่ตัวเข้าข้าง                        ข่ายท้าวทั้งสอง              พี่พบน้องเพี้ยงแต่         ยามเดียว คือเชือกผสมสามเกลียง            แฝดฝั้น ดั่งฤาจะพลันเหลียว                 คืนจาก เรียมนา เจ้าจากเรียมจักกลั้น                   สวามกลั้นใจตาย  คติธรรม ๑.พระลอตรัสต่อพระนางบุญเหลือตอนที่เสด็จออกจากเมือง            ใดใดในโลกล้วน            อนิจจัง คงแต่บาปบุญยัง                        เที่ยงแท้


7 คือเงาติดตัวตรัง                         ตรึงแน่น อยู่นา ตามแต่บุญบาปแล้                      ก่อเกื้อรักษา  ๒.นายแก้วนายขวัญกราบทูลเตือนพระสติแก่พระลอ ตอนเสด็จมาถึงชนบททอดพระเนตรเห็นภูมิประเทศอัน ทุรกันดาร             พระเอยอาบน้าขุ่น          เอาเย็น ปลารผอกหมกเหม็นยาม               ยากเคี้ยว รุกรุยราคจําเป็น                         ปางเมื่อ แคลนา อดอยู่เยี่ยวดิ้วเดี่ยว                       อยู่ได้ฉันใด              ยามไร้เด็ดดอกหญ้า        แซมผม พระเอย หอมบ่หอมทัดดม                        ดั่งบ้า สุกรมลําดวนชม                           เชยกลิ่น พระเอย หอมกลิ่นเรียมโอ้อ้า                      กลิ่นแก้วติดใจ  ๓. นายแก้วนายขวัญนางรื่นนางโรยกล่าวเตือนสติต่อกัน เพื่ออดใจไม่แสดงความรักต่อกันในตําหนับของพระ เพื่อนพระแพง เป็นการแสดงความเคารพและจงรักภักดีต่อเจ้านายและสถานทที่สําคัญในตําหนักพระเพื่อน พระแพง เป็นการแสดงความเคารพและจงรักภักดีต่อเจ้านายและสถานที่สําคัญ            เรานี้เราเผ่าผู้                   ภักดี ผิดเท่าธุลีกลัว                          เกลียดใกล้ ผิผิดกึ่งเกศี                               แหน่งว่า ตายนา ดีกว่าเป็นคนให้                            ท่านชี้หลังตน              วรรณคดีสโมสรในสมัยรัชกาลที่ ๖ ได้ตัดสินให้ลิลิตพระลอเป็นยอดแห่งวรรณคดีประเภทลิลิต วรรณคดีเรื่องนี้มีลักษณะเด่นหลายประการ โคลงเรื่องประกอบด้วยเหตุการณ์ที่ตื่นเต้น สะเทือนใจตลอด มี ตอนรัก ตอนสยดสยองการใช้ถ้อยคําและโวหารนับว่าคมคายยิ่งนัก จึงเป็นที่นิยมตลอดมา              ลิลิตพระลอได้เค้าเรื่องมาจากนิทานพื้นเมือง แสดงถึงสภาพความเป็นไปของสังคมในเวลานั้นอย่าง เด่นหลายประการในด้านการปกครองแสดงให้เห็นการปกครองแบบนครัฐ คือ เมือง เล็ก ๆ ตั้งเป็นอิสระแก่กัน อันเป็นลักษณะที่ปรากฏทั่วไปก่อนสมัยสุโขทัย และกรุงศรีอยุธยาตอนต้น โดยดินแดนทางภาคเหนือของ ประเทศไทย นอกจากนี้เรื่องพระลอยังเป็นตัวอย่างชัดเจนเกี่ยวกับการปกครองแบบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ซึ่ง อํานาจสูงสุดในการปกครองประเทศตกอยู่แก่ประมูขผู้เดียวเกี่ยวกับลัทธความเชื่อของสังคมก็ปรากฏเด่นชัดใน ด้านภูตผีปีศาจ เสน่ห์ยาแฝด โชคลาง ความฝัน และความชื่อสัตย์จงรักภักดีต่อพระเจ้าแผ่นดิน พระพี่เลี้ยงทั้ง ๔ ดังปรากฏในสุภาษิตพระร่วง ที่ว่า "อาสาเจ้าจนตัวตาย" สภาพสังคมทั่วไปที่เห็นได้จากวรรณคดีเรื่องนี้ได้แก่ การใช้ช้างทําสงครามและเป็นพาหนะ ความนิยมและขับร้อง และการบรรจุพระศพกษัตริย์ลงโลงทองแทนพระ โกศอย่างในสมัยหลัง             ลิลิตพระลอเป็นวรรณคดีแบบฉบับ คือ เป็นแบบครูที่วรรณคดีในสมัยหลังนิยมเลียนอย่างในการ พรรณนาและบรรยายขยายความ เช่น ลิลิตเพชรมุฏ และลิลิตตะเลงพ่าย 


8 ความเป็นมาของลิลิตพระฦา ผู้เเต่งและสมัยที่แต่ง : พระราชครูพิเชต (มหากลัด) เเต่งขึ้นเมื่อดํารงตําเเหน่งหลวงศรีมโหสถ จากคํานําหนังสือ ลิลิตพระฦา เป็นวรรณกรรมที่เเต่งขึ้นในสมัยรัชกาลที่๔ ฉบับพิมพ์ครั้งที่ ๔ (พ.ศ.๒๕๑๓) ได้กล่าวถึงพระราชครูพิเชตไว้ว่า พระราชครูพิเชต เป็นกุลบุตรใน ตระกูลนาควิเชตร์รับราชกาลในสมัยพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ต่อเนื่องมาจนถึงสมัยพระบาทสมเด็จพระ จุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเเละน่าจะรับราชกาลในตําเเหน่งอาลักษณ์นอกจากจะเเต่งลิลิตพระฦาเเล้ว ท่านยังร่วม เเต่งโคลงรามเกียรติ์ที่จารึกบนผนังพระระเบียงวัดพระศรีรัตนศาสดารามห้องที่ ๑๓๒ ๑๓๓ และ ๑๓๔ รวม ๘๓ บท อีกด้วย ลิลิตพระฦานั้น พระราชครูพิเชต ได้เเต่งไว้เมื่อดํารงตําเเหน่งเป็น หลวงศรีมโหสถ เเต่งสําเร็จ ในวันศุกร์ขึ้น ๑๓ ค่า เดือน ๑๐ ปีมะโรง อัฐศกจุลศักราช ๑๒๑๘ หรือ พุทธศักราช ๒๓๙๙ วัตถุประสงค์การเเต่งเรื่องลิลิตพระฦา : การเเต่งเพื่อให้เป็นนิทานที่มีลักษณะคล้ายลิลิตพระลอทั้งในด้านคํา และบทบาทของตัวละคร ซึ่งเคยเกิดขึ้นมาเล้วในการเเต่งสมุทรโฆษที่กวีเเต่งขึ้นเพื่อเทียบกับเรื่องอนิรุธท ฉันทลักษณ์ : ร่ายสุภาพ , โคลงสองสุภาพ , โคลงสี่สุภาพ  เนื้อเรื่องย่อ : พระฦๅเป็นโอรสของท้าวพันทุมราชกษัตริย์เมืองลพบุรีความงามของพระฦๅนั้นมีผู้นําไปขับซอชม โฉมทั่วแผ่นดิน  เมื่อพระพิมพ์พระพรรณพระธิดาท้าวนพรัตน์กษัตริย์เมืองรมยนครได้ฟังก็หลงใหล  นางพี่เลี้ยง คือนางจั่นนางเจิมจึงไปหาพระโยคีบนเขาเพื่อให้พระโยคีช่วยเหลือทําเสน่ห์ให้พระฦๅเดินทางมาหาพระธิดา พระโยคีเล็งญาณเห็นว่าทั้งสามนั้นเป็นเนื้อคู่กันจึงตกลงทําเสน่ห์ให้พระโยคีทําเสน่ห์ถึง 3 ครั้งจึงสําเร็จ พระ เดินทางมาด้วยเรือกําปั่นไปพร้อมกับนายกลั่นนายเกลี้ยงพี่เลี้ยง จนมาพบพระพิมพ์พระพรรณ  เมื่อเวลาผ่านไป ทั้งหมดเกิดกลัวพระอาญาของท้าวนพรัตน์จึงพากันลอบหนีจากเมืองรมยนครไปเมืองลพบุรี แต่ก็วางสาส์นเล่า เรื่องราวทั้งหมดไว้ พระย่ามาพบจึงทูลท้าวนพรัตน์ ฝ่ายท้าวพันทุมราชแต่งสาส์นขออภัยโทษ  จากนั้นเมือง ทั้งสองก็เจริญสัมพันธไมตรีทางการทูตและการค้านับแต่นั้นมา ลิลิตพระฦๅมีเนื้อหากล่าวถึงเมือง ๒ เมือง คือ เมืองรมยนคร (ในบางแห่งจะเขียนว่า เมืองรมย์) มีท้าว นพรัตน์ปกครองเมือง มีพระธิดาที่งดงาม ๒ องค์คือ พระพิมพ์พระพรรณ พระธิดาทั้งสองมีพี่เลี้ยงคือ นางจั่น นางเจิม อีกเมืองหนึ่งคือเมืองลพบุรีมีกษัตริย์ปกครองคือท้าวพันธุมราช พระโอรสคือพระภาความงามของพระ ฦๅนั้นได้มีผู้ขับซอชมโฉมไปทั่วแผ่นดิน เมื่อพระพิมพ์พระพรรณได้ฟังเรื่องพระภาแล้วก็เกิดความหลงใหลเป็น


9 ไข้ใจ นางจั่นนางเจิมจึงอาสาออกอุบายให้คนไปขับซอชมโฉมพระพิมพ์พระพรรณพร้อมทั้งทําเสน่ห์พระฦาเพื่อ ให้หลงใหลนางทั้งสองจนมิอาจจะทนอยู่ที่บ้านเมืองได้นางจั่นและนางเจิมจึงไปหาพระโยคีบนเขาเพื่อให้ท่านทํา เสน่ห์ฝ่ายพระโยดีนั้นได้เล็งญาณดูก็พบว่าทั้งสามนั้นเป็นเนื้อคู่กันแต่ต้องมาพลัดพรากอยู่ต่างเมืองจึงตกลงทํา การทําเสน่ห์นั้นในสองครั้งแรกทางฝ่ายเมืองของพระฦๅหาหมอมาแก้เสน่ห์ได้ แต่ครั้งที่ ๓ ทางฝ่ายพระฦาไม่ สามารถถอนเสน่ห์ได้ในที่สุดพระฦาจึงออกเดินทางไปหาพระพิมพ์พระพรรณด้วยเรือกําปั่นไฟ การเดินทางนั้น ราบนไปด้วยดีเมื่อถึงเมืองรมยนคร พระภาให้เรือกําปั่นเทียบท่า ส่วนพระองค์ปลอมตัวเป็นพราหมณ์เดินทาง ไปพร้อมกับพี่เลี้ยง จนในที่สุดจึงได้พบกับพระพิมพ์พระพรรณเมื่อเวลาผ่านไปทั้งหมดก็เกิดความเกรงกลัวพระ บิดาของพระพิมพ์พระพรรณว่าจะลงพระอาญา พระภาจึงลอบพาพระพิมพ์พระพรรณกลับไปเมืองลพบุรีแล้ว ท้าวพันธุมราชจึงส่งราชสาส์นมาขออภัยโทษ หลังจากนั้นเมืองทั้งสองเมืองก็มีการเจริญสัมพันธไมตรีทางการ ทูตและมีการติดต่อค้าขายกันนับแต่นั้นมาตอนท้ายเรื่องกวีผู้แต่งได้กล่าวย้าอีกครั้งหนึ่งว่าเป็นนิทานที่แต่งเพื่อ ทําเทียบกับลิลิตพระลอ และยังกล่าวอีกว่าหากผู้ใดเห็นว่ามีคําที่ไม่ดีไม่ไพเราะก็ขอเชิญให้ช่วยแก้ไขเพียงแต่ขอ อย่าให้เย้ยหยันกัน นอกจากนี้ยังได้อธิษฐานขอให้เกิดสิริมงคลเกิดขึ้นแก่ตนเองด้วย ความแตกต่างระหว่างลิลิตพระลอกับลิลิตพระฦา - จากลิลิตพระลอสู่ลิลิตพระ ดังที่ได้กล่าวมาแล้วว่าลิลิตพระฦานั้นกวีตั้งใจที่จะสร้างให้คล้ายกับลิลิตพระลอ ซึ่งกวีได้กล่าวว่าเป็นการ "ทําเทียบ" ด้วยเหตุดังกล่าว ลิลิตพระฦาจึงมีเนื้อหาและการดําเนินเรื่องคล้ายกับลิลิต พระลอ แต่ในขณะเดียวกันการที่กวีเปลี่ยนแปลงตอนจบให้พระนางของเรื่องได้ครองคู่กันอย่างมีความสุข ส่งผล ให้เนื้อหาบางส่วนในเรื่องลิลิตพระฤาต้องมีปรับเปลี่ยนให้แตกต่างไปจากลิลิตพระลอ ดังนั้นในเรื่องลิลิตพระ จึงมีทั้งการคงลักษณะเนื้อหาให้คล้ายกับเรื่องลิลิตพระลอ และการเปลี่ยนแปลงเรื่องให้ต่างกับลิลิตพระลอ - การคงลักษณะเนื้อหาให้คล้ายกับเรื่องลิลิตพระลอ เรื่องลิลิตพระฦานี้แม้ว่าจะมีการปรับเปลี่ยนเนื้อหาในตอน จบหรือเปลี่ยนการลําดับความบางตอนแต่โดยรวมก็ถือได้ว่าคล้ายกับลิลิตพระลออยู่มากเพียงแต่ผู้แต่งเปลี่ยน รายละเอียดบางอย่าง เช่น ชื่อต่างๆ ในเรื่อง ชนิดของสัตว์เป็นต้นตัวอย่างซื่อตัวละคร และชนิดของสัตว์ใน ลิลิตพระลอเทียบกับลิลิตพระฦา ตัวอย่าง ชื่อตัวละครและชนิดของสัตว์ในลิลิตพระลอเทียบกับลิลิตพระฦา ลิลิตพระลอ ลิลิตพระ พระลอ พระ พระเพื่อนพระเเพง พระพิมพ์พระพรรณ นางรื่นนางโรย นางจั่นนางเจิม นายแก้วนายขวัญ นายกลั่นนายเกลี้ยง ปู่เจ้าสมิงพราย พระโยคี ไก่แก้ว นกสาลิกา เมืองแมนสรวง เมืองลพบุรี


10 แม้ว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดไปบ้าง แต่เมื่อเทียบกับลิลิตพระลอแล้ว จะเห็นได้ว่าผู้แต่งจงใจ ที่จะให้มีเนื้อเรื่องเหมือนกัน เช่น ตอนที่พระเพื่อนพระแพงขอให้ปู่เจ้าสมิงพรายทําเสน่ห์ให้ดังนี้ ตอนที่ชมความงามของพระฦาก็เช่นเดียวกันผู้แต่งได้แต่งชมพระฦาตั้งแต่ศีรษะจรดเท้าเหมือนที่กวีผู้ แต่งลิลิตพระลอได้แต่งชมพระลอไว้ บทชมพระลอในลิลิตพระลอ เดือนจรัสโพยมแผ่นฟ้า ผิบได้เห็นหน้า ลอราซไซรัดูเดือน ดุจแล ฯ ตาเหมือนตามฤคมาศ พิศคิ้วพระลอราช ประดุจ แก้วเกาทัณฑ์ก่งนา ฯ พิศกรรณงามเพริศแพร้ว กลกลีบบงกชแก้ว อีกแก้มปรางทอง เทียบนา ฯ ทํานองนาสิกไท้ คือเทพนฤมิตไว้ เปรียบด้วยขอกาม ฯ พระโอษฐ์งามยิ่งแต้ม ศศิอยู่เยียวยะแย้ม พระโอษฐ์โอ้งามตรูบารนีฯ บทชมความงามลิลิตพระฦา งามดวงพระพักตร์เพี้ยง เพ็ญแข งามเนตรซําเลืองแล เล่ห์ล้า งามขนงก่งศิลป์แปร มาเปรียบ ปานฤๅ กรรณดุจกลีบบัวถ้า เกศคล้าดํานิล: ฯ นาสิกสิ้นสุดพร้อม เพราะคม โอษฐ์เอี่ยมเทียมชาดสม สะอาดแท้ ปรางเปล่งปลั่งน่าชม เชยชื่น จิตพ่อ ลิลิตพระลอ ลิลิตพระ พระเพื่อนพระแพงออกอุบายให้พี่เลี้ยงทั้งสองไปรับขวัญและเรียก ขวัญบนเขาอันเป็นที่พํานักของปู่เจ้าสมิงพราย และจัดช้างชื่อเทียมลง และพระพายุให้ พระพิมพ์พระพรรณออกอุบายให้พี่เลี้ยงทั้งสองไปรับขวัญในป่าที่ พระโยคีพํานักอยู่และจัดช้างชื่อพังจําลองและพังพิมานทองให้ ระหว่างเดินทางไปหาปูเจ้าสมิงพราย นางรื่นนางโรยต้องเดินทาง ผ่านป่าที่มีแต่สัตว์ร้ายต่างๆ นานา เมื่อพบปู่เจ้าสมิงพราย นางทั้งสองก็ หวาดกลัวเสือที่หมอบอยู่ข้างปูเจ้า แต่ทันใดนั้นเสือที่หมอบอยู่ก็กลับ กลายเป็นแมวที่มีลวดลายงดงาม ปูเจ้าแสดงอิทธิฤทธิ์เปลี่ยนจากคนแก่ เป็นหนุ่มรูปงาม และเปลี่ยนกลับเป็นชายวัยกลางคนที่มีลักษณะดี ระหว่างเดินทางไปหาพระโยคีนางจั่นนางเจิมต้องเดินทางผ่านป่า ที่มีแต่สัตว์ร้ายจนได้พบพระโยคีนางทั้งสองได้เห็นงูมีขนาดเท่าลําตาล แผ่พังพานอยู่แต่ทันใดนั้นงูก็กลับกลายเป็นไม้เท้า พระโยคีจึงแสดง อิทธิฤทธิ์เปลี่ยนจากคนแก่เป็นชายวัยกลางคน พระเพื่อนพระแพงขอให้ปูเจ้าสมิงพรายช่วยเหลือนาง และนางจะ ถวายสิ่งของต่างๆ อันได้แก่แก้วจํานวนเก้าโกฏิเงินและทองอย่างละ เกวียน วัวควายสีขาวที่ประดับเขาด้วยทอง หงส์ห่าน หมูเป็ด ไก่ เหล้า และข้าว แต่ปู่เจ้าสมิงพรายปฏิเสธ ขอเพียงความภักดี ของนางทั้งสองเท่านั้น พระพิมพ์พระพรรณตั้งพระทัยจะถวายเงินทอง และแก้วเก้าโกฏิ อีกทั้งเป็ด ไก่ เหล้า ข้าว วัว ควาย แพะ และ (ที่น่าแปลก) คือ แกะ แต่พระโยคีขอเพียงความภักดีของนางทั้งสองเท่านั้น


11 ศอดั่งศอหงส์แล้ว เล่ห์ล้ากลกลึง (ลิลิตพระฦา : ๕) อังสาซึ่งผึ่งผ้าย ผายงาม กรทอดระทวยยาม ยาตรเยื้อง บั้นองค์อ่อนอวลกาม กาเมศ สองพระเพลาตลอดเบื้อง บาทสิ้นสุดงาม ฯ (ลิลิตพระฦา : ๖) จากตัวอย่างที่ได้ยกมาทั้งหมดนี้แสดงให้เห็นได้ว่า กวีผู้แต่เรื่องลิลิตพระฦามีความตั้งใจและพยายาม อย่างยิ่งที่จะสร้างตัวละคร ตลอดจนเนื้อเรื่องให้คล้ายคลึงกับลิลิตพระลอ แต่ก็เปลี่ยนแปลงรายละเอียดต่างๆ เพื่อให้ต่างจากลิลิตพระลอ จนอาจจะกล่าวได้ว่า ลิลิตพระฦานั้นมีส่วนที่ "เหมือน" กับลิลิตพระลอ แต่ในขณะ เดียวกันก็ไม่ "ซ้า" กับลิลิตพระลอ - การเปลี่ยนแปลงเรื่องให้ต่างกับลิลิตพระลอ แม้ว่าลิลิตพระภาจะมีส่วนที่คล้ายกับลิลิตพระลออยู่มากแต่เรื่อง ลิลิตพระฦาก็มีส่วนที่ผู้แต่งแต่งให้แตกต่างกับลิลิตพระลอ ดังนี้ ๑.)ตัวละคร "พระฦา" และ "พระย่า" ตัวละครในลิลิตพระฦาส่วนใหญ่จะมีรูปร่างลักษณะนิสัยและ บทบาทคล้ายกับตัวละครในลิลิตพระลอ เช่น นางจั่นนางเจิมอาสาออกอุบายนําพระลอมาหาพระพิมพ์พระพร รณเช่นเดียวกับที่นางรื่นนางโรยอาสาออกอุบายนําพระลอมาหาพระเพื่อนพระแพง ซึ่งเรื่องในตอนนี้ผู้แต่งเอง ก็ได้ย้าว่าเรื่องนี้จะมีการทําเสน่ห์ดังเช่นเรื่องลิลิตพระลอ ดังนี้ "…ไป่ควรหมองเลยนะเกล้า อย่าเศร้าสร้อย เสียใจ จะแก้ไขให้มา จะอาสาให้สม อย่าปรารมภ์ร้อนเร่า...ครั้งกานดาเพื่อนแพงแรงจัดหมอ แม่นยํา ทําให้พระ ลอหลง ตรงมาสู่เจ้า เข้าในสวนสมสนิท สัมฤทธิ์ราชปรีดา เราจะหาหมอมั่ง ทําให้คลั่งมาหา ถึงพาราเราไซร้ สองแม่อย่าหม่นไหม้พี่นี้อาสา ฯ" (ลิลิตพระภา : ๙) แต่ในลิลิตพระฦาตัวละคร "พระฦา" และ "พระย่า" ของ พระพิมพ์พระพรรณมีความแตกต่างอยู่บ้างเมื่อเทียบกับพระลอและเจ้าย่าในเรื่อง พระฦา พระภๅเป็นตัวละครเอกและเป็นตัวละครที่สําคัญที่สุดของเรื่อง พระฦานั้นมีลักษณะที่งดงาม ผู้ ใดได้ฟังเสียงขับซอที่กล่าวถึงความของพระฎาถึงกับหลงใหลเจียนจะเป็นบ้า แต่พระฦาก็มิได้เหมือนกับพระ ลอเสียทีเดียวเนื่องจาก - พระฦามิได้เป็นกษัตริย์ปกครองเมืองดังเช่นพระลอ ในลิลิตพระลอพระลอได้ครองราชย์ต่อจากท้าว แมนสรวงซึ่งสวรรคตทําให้พระลอนั้นเหลือเพียงพระชนนีคือพระนางบุญเหลือ ส่วนพระนั้นมีพระบิดาคือท้าว พันธุมราชซึ่งมิได้สวรรคต และพระมารดาคือพระนางสุมาลี ดังนั้นพระฦาจึงอยู่ในฐานะพระราชโอรสมิใช่ กษัตริย์ - พระฦาไม่มีชายาเอก ในลิลิตพระลอ พระลอมีมเหสีคือพระนางลักษณวดีและยังมีสนมอีกมาก ก่อนที่ พระลอจะเดินทางจึงต้องมีการลานาง รวมถึงระหว่างที่เสด็จไปเมืองสรองนั้นก็มีบทคร่าครวญถึงนางอยู่ด้วยซึ่ง ในขณะที่ลิลิตพระฦาจะไม่มีส่วนนี้เลยในความคิดของพระภาระหว่างเดินทางจึงมีแต่พระพิมพ์พระพรรณเท่านั้น เช่น พระพูนเทวษให้ โหยหวน


12 นิ่งคะนึงถึงนวล นาฎน้อง อ้าโฉมแม่งามสงวน ควรคู่ เรียมเอย พี่จะไปร่วมห้อง แห่งน้องสองนาง ฯ (ลิลิตพระฦา : ๔๗) จากการที่พระฦาไม่ใช่กษัตริย์และไม่มีชายานั้นก็จะทําให้พระฦาไม่มีภาระและพันธะที่จะต้องห่วงหน้า พะวงหลังและสร้างความทุกข์ ดังเช่นที่พระลอจะคอยห่วงบ้านเมือง ห่วงพระนางบุญเหลือ คิดถึงพระมเหสี และนางสนม อันจะทําให้การเดินทางของพระฦานั้นดูราบรื่นยิ่งขึ้น พระย่า ในเรื่องลิลิตพระลอ "เจ้าย่า" เป็นตัวละครที่มีบทบาทสําคัญ คือ เป็นผู้ที่คอยดูแลพระเพื่อน พระแพงอย่างใกล้ชิดมาตลอด ซึ่งกวีผู้แต่งก็ได้แทรกบทของเจ้าย่าไว้ในเรื่องหลายตอน และบทบาทของเจ้าย่าที่ สําคัญที่สุดปรากฎตอนท้ายเรื่อง คือ เจ้าย่าเป็นผู้สั่งฆ่าพระลอเนื่องจากความแค้นที่พระบิดาของพระลอสังหาร ท้าวพิมพิสาครราช พระสวามีของนาง (เจ้าย่าไม่ใช่พระมารดาของท้าวพิไชยพิษณุกรดังนั้นจึงไม่ใช่ย่าแท้ๆ ของ พระเพื่อนพระแพง) ดวงมน จิตร์จํานง (๒๕๒๘, น.๖๒) ได้กล่าวถึงเจ้าย่าไว้ดังนี้ "...เป็นที่น่าเสียดายอย่างยิ่งที่ ย่าผู้เป็นเหตุของความตายของพระเพื่อนพระแพงนั้น เป็นผู้ซึ่งกวีได้แสดงให้เห็นว่ามีความรักและห่วงใยในตัว หลานทั้งสอง คือพระเพื่อนพระแพงอย่างยิ่ง ถึงขนาดว่าระมัดระวังทุกฝีก้าว...สิ่งที่บดบังใจย่าให้มองข้ามความ ผูกพันระหว่างพระลอกับพระเพื่อนพระแพง ก็คือ ความคุมแค้นในอดีตที่ฝังตัวมาช้านาน..." ภาพของเจ้าย่าใน ลิลิตพระลอจึงเป็นภาพผู้หญิงที่รักหลานอย่างยิ่งแต่ก็มีความแค้นอย่างลึกซึ้งเพราะแม้จะรักหลานเพียงใดก็มิ อาจจะให้อภัยแก่พระลอซึ่งได้ชื่อว่าเป็นพระสวามีของหลานได้ทั้งๆ ที่พระลอก็ไม่ใช่ผู้ที่สังหารพระสวามีของ นาง ส่วนในลิลิตพระฦานั้น ผู้แต่งได้แทรกบทของเจ้าย่าไว้หลายตอนเช่นเดียวกันซึ่งเรียกว่า "พระย่า" แต่ พระย่าในลิลิตพระภานั้นมีบทบาทเพียงด้านเดียวคือเป็นย่าที่รักหลาน เข้าใจ และตามใจหลานอย่างยิ่ง จะเห็น ได้จากตอนที่หลังจากพระพิมพ์พระพรรณเสด็จตามพระฦากลับเมืองลพบุรีแล้ว เมื่อพระย่าเสด็จมาที่ตําหนักจึง พบเพียงสารที่พระฦาและพระพิมพ์พระพรรณวางไว้พระย่าจึงรําพันว่า โอ้โฉมงามอรไท้ ควรฤๅมาเป็นได้ ดั่งนี้หลานเอย ฯ หลานเคยนวดย่าแล้ว ย่าเชยชมผ่องแผ้ว ถอดแก้วกลอยใจ ฯ ถึงใคร่บอกย่ารู้ จะช่วยทูลแก้กู้ ธิราชไท้บิตุรงค์ฯ ย่าทรงกําสรดสร้อย ถึงพระหลานแน่งน้อย ละห้อยพันทวีฯ โอ้แต่นี้เปล่าเศร้า ใครจะนวดย่าเหล้า ดั่งเจ้านฤมล ฯ (ลิลิตพระฦา : ๑๐๐-๑๐๑) จะเห็นได้ว่าพระย่าในลิลิตพระภามีบทบาทที่ต่างกับเจ้าย่าในลิลิตพระลออย่างมาก พระย่าในลิลิตพระฦาไม่ได้ โกรธแม้แต่น้อยที่รู้ว่าหลานหายไปและยัง "จะช่วยทูลแก้กู้ธิราชไท้บิตุรค์" อีกด้วย การที่ผู้แต่งเรื่องนี้ได้เขียน


13 บทเจ้าย่าไว้หลายแห่งจึงเป็นเพียงการดําเนินเรื่องให้คล้ายลิลิตพระลอเท่านั้น เพราะพระย่าในลิลิตพระฦาไม่มี บทบาทที่มีความสําคัญหรือมีผลต่อเนื้อเรื่องเลย จะมีผลก็เพียงแต่เป็นผู้นําสารที่พระฦาวางไว้ให้ ท้าวนพรัตน์พระบิดาของพระพิมพ์พระพรรณเท่านั้น ทั้งนี้สาเหตุสําคัญที่ทําให้พฤติกรรมของย่าทั้งสองเรื่องนี้ แตกต่างกันก็คือสงครามระหว่างเมือง ในลิลิตพระฦาเมืองของพระฦาไม่ได้มีสงครามกับเมืองของพระพิมพ์ พระพรรณ ดังนั้นจึงไม่มีสาเหตุอันใดที่จะเป็นชนวนให้พระย่าต้องโกรธแค้นพระฦา พระฦาในความคิดของพระ ย่าจึงเป็นพระสวามีของหลาน ไม่ใช่ลูกศัตรูดังเช่นเจ้าย่าในลิลิตพระลอ และเมื่อไม่มีความแค้นของพระย่า ความรักของพระฦาและพระพิมพ์พระพรรณจึงจบลงอย่างมีความสุข ๒.)การทําเสน่ห์การทําเสน่ห์ในลิลิตพระฦา กวีผู้แต่งได้เลียนแบบวิธีการทําเสน่ห์ในลิลิตพระลอ แต่ก็มี ส่วนที่แตกต่างกันบ้าง ดังนี้ จากการทําเสน่ห์เปรียบเทียบกันทั้งสองเรื่องนี้จะเห็นได้ว่า การทําเสน่ห์ครั้งที่ ๒ และครั้งที่ ๓ ผู้แต่งลิ ลิตพระฦาดําเนินรอยตามเรื่องลิลิตพระลออย่างชัดเจน ที่แตกต่างกันคือครั้งแรก ในเรื่องลิลิตพระลอ นางรื่น นางโรยส่งคนขับซอไปเร้าความสนพระทัยของพระลอก่อน จนเมื่อทราบว่าพระลอเองก็สนพระทัยพระเพื่อน พระแพง จึงลงมือหาหมอทําเสน่ห์ โดยการทําเสน่ห์ครั้งแรกเป็นการเขียนรูปใสที่ลูกลม แล้วปักบนยอดไม้แต่ ในลิลิตพระฦานั้นพระโยคีทําเสน่ห์ก่อนแล้วจึงฝากรูปวาดลงอาคมไปกับคนขับชมความงามและมอบรูปนั้นให้ แก่พระฦา อย่างไรก็ตาม แม้ว่าในลิลิตพระลอและลิลิตพระภาจะมีวิธีการทําเสน่ห์ที่ต่างกันบ้างแต่ผลที่ออกมาก็ เหมือนกันคือ ความหลงใหลไฝ่ฝันที่ตัวละครชายมีต่อตัวละครหญิงซึ่งจะเป็นแรงผลักดันให้ทั้งพระลอ และพระ ฦาจะต้องเดินทางไปหานางต่อไป ครั้งที่ ลิลิตพระลอ ลิลิตพระ การทําเสน่ห์ครั้งที่ ๑ เมื่อคนขับซอชมความงามของพระเพื่อนพระแพง กลับมารายงานนางรื่นนางโรยว่า พระลอเองก็สน พระทัยพระเพื่อนพระแพง นางรื่นนางโรยจึงเสาะหา หมอเสน่ห์จนพบปู่เจ้าสมิงพราย ปู่เจ้าสมิงพรายนํา ไม้เลี้ยงไม้ไล่ไม้ไผ่มาสานเป็นลูกลม พร้อมกับเขียนรูป พระลออยู่ตรงกลางขนาบด้วยพระเพื่อนพระแพง ลง ยันต์และปักลูกลมที่ยอดยางให้ลูกลมหมุนพัดยาเสน่ห์ ไปสู่พระลอ พระโยคีวาดรูปพระพิมพ์พระพรรณลงอาคม แล้วมอบให้คนขับซอเมื่อพระฦาได้ฟังการขับชม ความงามก็เกิดความใคร่รู้จึงเรียกเข้าไปพบและได้ เห็นรูปวาดลงอาคม พระฦาก็เกิดอาการคลั่งไคล้ ตั้งแต่นั้น การทําเสน่ห์ครั้งที่ ๒ ปู่เจ้าสมิงพรายเอาธงสามชายมาลงยันต์เขียนรูป พระลอและพระเพื่อนพระแพงลงไปแล้วผูกไว้ที่ยอด ตะเคียน พระโยคีนําธงมาลงยันต์แล้วปักที่ยอดต้นรัง ให้ ธงสะบัดยาและอาคมไปถูกพระ การทําเสน่ห์ครั้งที่ ๓ หลังจากปู่เจ้าสมิงพรายขับไล่เทวดาและผีสางที่ รักษาเมืองออกไปหมดแล้ว ปู่เจ้าก็เสกสลาเหินให้มา ตกที่พานสลาของพระลอ เมื่อพระลอเสวยจึงเกิด อาการคลุ้มคลั่งทนอยู่ไม่ได้ เมื่อทัพอารักษ์ยักษ์ปีศาจของพระโยคี ขับไล่เทวดาและผีประจําเมืองออกไปแล้ว พระโยคี จึงเสกดอกจําปาให้เป็นแมลงภู่บินมาที่เขนยของพระ ฦาแล้วเปลี่ยนกลับเป็นดอกจําปาอีกครั้ง เมื่อพระภา หนุนพระเขนยจึงถูกเสน่ห์อีกครั้ง


14 ๓.)สงครามระหว่างเมือง ในเรื่องลิลิตพระลอเรื่องเริ่มต้นด้วยการกล่าวถึงสงครามระหว่างเมืองทั้งสอง คือเมืองแมนสรวง (เมืองของพระลอ) กับเมืองสรอง (เมืองของพระเพื่อนพระแพง) ผลของสงครามนี้ฝ่ายเมือง สรองพ่ายแพ้ท้าวพิมพิสาครราช(พระอัยกาของพระเพื่อนพระแพง)สิ้นพระชนม์ในสงคราม ความตายของท้าว พิมพิสาครราชจึงเป็นจุดเริ่มต้นให้เมืองทั้งสองจึงเป็นศัตรูกัน ดังนั้นเมื่อพระลอตัดสินพระทัยออกเดินทางไป เมืองสรอง พระนางบุญเหลือจึงพยายามหว่านล้อมให้พระลอเปลี่ยนใจ เพราะพระนางย่อมแน่พระทัยว่าหาก พระลอไปก็คงยากจะคืนกลับมา รอยเท้าทูลบาทเบื้อง บุญขจร พระปู่เขาเรารอน ขาดเกล้า เขาคุมเคียดจักหลอน ทําโทษ แทนนา ฤาพ่อจักไปเข้า สู่เงื้อมมือเข็ญ ฯ (ลิลิตพระลอ : ๔๑๗) ส่วนในเรื่องลิลิตพระฦานั้นไม่มีการกล่าวถึงสงครามเลย และเมืองทั้งสอง คือเมืองลพบุรีและเมืองรมย์ นคร เป็นเมืองที่อยู่ไกลกัน เมื่อพระฦาถูกเสน่ห์ท้าวพันธุมราชและพระนางสุมาลีจึงเตือนสติพระโอรสว่าอาจจะ ถูกหลอกเพราะนางทั้งสองนั้นหากดีจริงคงไม่ต้องทําเสน่ห์และยังมีหญิงอื่นที่งดงามกว่า ๔.)การเดินทางของพระ เมื่อทางเมืองลพบุรีของพระฦานั้นไม่สามารถถอนเสน่ห์ที่พระโยคีทําไว้ได้ และแม้พระบิดาและพระมารดาจะห้ามปรามอย่างไรพระฦาก็ยืนยันที่จะไปด้วยเหตุผลที่ว่า ต้องการจะไปให้รู้ เรื่องราวด้วยตนเอง ดังนี้ แม้ไปได้รู้เรื่อง ร้ายดี ฤาว่าแกล้งแต่งสี ใส่สร้อย คนอื่นห่อนรู้ที เทียมทัด เขานา โปรดอย่าให้ลูกน้อย นิ่งช้าใจตรอม (ลิลิตพระฦา : ๒๕) ห้าวพันธุมราชจึงให้พระโหราธิบดีตรวจดูดวงชะตาของพระฦา เมื่อคําทํานายของพระโหราธิบดีบอก อย่างชัดเจนว่าพระฦาจะปลอดภัยและได้นางกลับมายังเมือง อีกทั้งยังทราบว่าพระโอรสและพระธิดาต่างเมือง เป็นเนื้อคู่กัน ท้าวพันธุมราชจึงทรงอนุญาตให้พระฦาเดินทาง พร้อมกับนายกลั่นนายเกลี้ยง ด้วยเรือกําปั่นไฟติด อาวุธ เป็นการเดินทางทางน้าตรงข้ามกับพระลอที่เดินทัพทางบก และทรงช้างพระฦามีทหารติดตามอีก ซึ่งเห็น ได้ว่าการเดินทางของพระฦานั้นดูสะดวกสบาย และทันสมัยมากเมื่อเทียบกับการเดินทางของพระลอ เรือกําปั่น ไฟได้พาพระฦา เดินทางผ่านลําคลองต่างๆ และออกทะเลทางสมุทรปราการ (หากคําว่า "สมุทรปราการ" หมาย ถึงจังหวัดสมุทรปราการในปัจจุบัน) ดังที่ว่า ถั่นถั่นกําปั่นคล้อย คลองธาร ถึงสมุทรปราการ ก่อกั้น นัคเรศเขตไพศาล สายสมุทร เรือรุดออกอ่าวอั้น อกโอ้อาดูร ฯ (ลิลิตพระฦา : ๔๖)


15 ช่วงที่พระฦาเดินทางผ่านลําคลองต่างๆ กวีผู้แต่งได้เขียนบรรยายลักษณะทิวทัศน์ของสวนริมแม่น้า ลําคลอง ที่มีพันธุ์ไม้สวนหลากชนิด เช่น ลิ้นจี่ ลําไย ขนุน ทุเรียน มะพร้าว กล้วย เป็นต้น และผู้แต่งใช้คําต่างๆ เช่น ยื่นย้อย ดื่นดก ก่ายกูน กิ่งน้อม เป็นต้น เพื่อย้าให้เห็นความอุดมสมบูรณ์ของบ้านเมือง ซึ่งก็คือบ้านเมือง (กรุงเทพฯ) ในสมัยรัชกาลที่ ๕ การที่กวีผู้แต่งได้สร้างให้พระฦาเดินทางทางน้าออกทะเลไปหาพระพิมพ์พระพร รณนั้น ไม่ว่าผู้แต่งจะมีวัตถุประสงค์ใดหรือได้รับอิทธิพลมาจากที่ใดก็ตาม แต่ก็น่าจะทําให้ผู้อ่านได้เริ่มรู้สึกว่า พระฦามีชีวิตอยู่ (ในวรรณกรรม) คนละยุคสมัยกับพระลอได้ชัดเจนขึ้นนอกเหนือไปจากการที่ผู้อ่านได้ทราบอยู่ แล้วว่าเรื่องนี้เป็นวรรณกรรมในสมัยรัชกาลที่ 4 เนื่องจากเนื้อเรื่องก่อนหน้านั้นแม้จะมีการดัดแปลงรายละเอียด แต่ก็ค่อนข้างจะยึดตามแนวในลิลิตพระลอที่มีบรรยากาศของป่า เวทย์มนต์การทําเสน่ห์แต่เมื่อมีเรือกําปั่นไฟ ชุมชนริมน้า และการเดินทางออกทะเล ๕)การเสี่ยงน้า เรื่องราวของพระลอในตอนพระลอเสี่ยงน้าที่ริมแม่น้ากาหลงนั้น นับได้ว่าเป็นตอนหนึ่ง ในลิลิตพระลอที่สร้างความสะเทือนใจให้แก่ผู้อ่านเป็นอย่างมาก แม้ผู้สร้างานในยุคหลังก็ยังได้หยิบยกความ ตอนที่พระลอเสี่ยงน้าขึ้นมากล่าวอ้าง เช่น ในเรื่องขุนช้างขุนแผน ตอนขุนแผนขึ้นเรือนขุนช้างได้นางแก้วกิริยา ขุนแผนเห็นม่านปักฝีมือนางวันทอง ดังนี้ เจ้าปักเป็นพระลอดิลกโลก ถึงกาหลงทรงโศกกําสรดสุด พระทรงเสี่ยงสายสมุทรมาเป็นลาง แสนคะนึงถึงองค์นงนุช แสนคะนึงถึงองค์พระเจ้าแม่ พระลอแลน้าแดงดังแสงฝาง ละลักษณวดีไว้โดยปรางค์ คะนึงนางพระพี่น้องทั้งสององค์ (ศิลปากร, ๒๕๑๓, น. ๓๘๐) พระลอนั้นแม้จะเสี่ยงน้าแล้วแน่พระทัยว่าตนเองจะต้องจบชีวิตที่เมืองสรองแต่พระลอก็ตัดสินใจเดิน ทางต่อไปเนื่องจากหากตัดสินใจกลับก็จะเป็นที่อับอายแก่ผู้คน แต่ในเรื่องพระฦาไม่ปรากฏว่าพระฦาจะต้อง เสี่ยงทายแต่อย่างใด ทั้งนี้เข้าใจได้ว่าการเปลี่ยนแปลงนี้น่่าจะมาจากการเลือกให้พระฦาเดินทางโดยทางน้า ประการหนึ่ง และอีกประการหนึ่งคือการที่ผู้แต่งต้องการให้เรื่องจบลงอย่างมีความสุข จึงสร้างเรื่องให้ห้าวพัน ธุมราชได้ให้พระโหราธิบดีทํานายชะตาของพระฦาก่อนที่พระฦาจะออกเดินทาง (ในลิลิตพะลอไม่มีเนื้อเรื่องตอน นี้) และทํานายว่าการเดินทางจะประสบความสําเร็จแน่นอนซึ่งก็เท่ากับว่าพระฦาทราบอยู่แล้วว่าจะได้นางและ กลับคืนบ้านเมืองอย่างปลอดภัย ดังนั้นการให้พระภาเสี่ยงทายอีกจึงอาจไม่จําเป็นที่ต้องมีในเรื่อง ๖)การจบเรื่องอย่างมีความสุข เป็นที่ทราบกันดีว่าลิลิตพระลอเป็นเรื่องโศกนาฎกรรมที่จบลงด้วยความ ตายของตัวละครในเรื่องคือ พระลอ พระเพื่อ พระแพง นายแก้วนายขวัญ นางรื่นนางโรย และเจ้าย่า" แต่เรื่องลิ ลิตพระฦานี้ผู้แต่งได้เปลี่ยนแปลงตอนจบให้จบลงอย่างมีความสุขสมหวังของตัวละครทั้งหมด โดยเริ่ม จากเมื่อพระฤาลอบอยู่กับพระพิมพ์พระพรรณได้หลายวัน นายกลั่นนายเกลี้ยงก็เริ่มนึกถึงกาลภายหน้าที่อาจจะ ถูกลงทัณฑ์ดังนี้ หลายวันล่วงไปแล้ว สองนายปรีชาแกล้ว ตรึกถ้อยทางความ ฯ พยายามความยากได้ สมดังจิตคิดไว้ เร่งให้ผันผาย ฯ


16 นายกลั่นนายเกลี้ยงและนางจั่นนางเจิมจึงพากันนําความขึ้นทูลพระภาและพระพิมพ์พระพรรณ พระ พิมพ์พระพรรณนั้นก็หวาดกลัวราชภัยของพระบิดายิ่งนัก พระฦาจึงเขียนสารขออภัยโทษและเล่าเรื่องทั้งหมด วางไว้ที่แท่นทอง เมื่อถึงเวลาค่าจึงพากันลอบลงเรือกําปั่นไฟ รอจนดึกจึงออกเรือ และแล่นไปอย่างเร็วถึงขนาด ที่ “รีบเร็วมาบ่มิขาม ด่านทักถามทําเฉย ล่องแล่นเลยบ่หยุดยั้ง รีบรุดออกอ่าวพลัน....” (ลิลิตพระฦา : ๙๘)


17 บทที่ 3 วิธีการดําเนินงาน โครงงานฉบับนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อวิเคราะห์เกี่ยวกับความแตกต่างระหว่างลิลิตพระลอและลิลิตพระฦา โดยการทําโครงงานมีขั้นตอนดังนี้ 1.เลือกหัวข้อศึกษาค้นคว้าที่ทางคณะผู้จัดทําสนใจ 2.ศึกษาเอกสารที่เกี่ยวข้อง 3.วางแผนขอบเขตของข้อมูลและขอบเขตของหัวข้อที่จะศึกษาค้นคว้า 4.รวบรวมข้อมูลจากสื่อออนไลน์และหนังสือต่างๆ 5.ดําเนินการวิเคราะห์เนื้อเรื่องละลิตพระลอและลิลิตพระฦาตามหัวข้อที่ศึกษาค้นคว้า 6.สรุปและอภิปรายผลข้อมูลการศึกษาค้นคว้า 7.จัดทํารูปเล่มโครงงานรูปแบบ E-book แหล่งข้อมูล แหล่งข้อมูลที่ใช้ในการศึกษาค้นคว้าครั้งนี้ทางคณะผู้จัดทําเลือกศึกษาจากสื่อออนไลน์ทาง อินเตอร์เน็ตและงานวิจัยต่างๆ การรวบรวมข้อมูลและวิเคราะห์วรรณคดีลิลิตพระลอและลิลิตพระฦา ขั้นตอนการดําเนินงาน 1.ศึกษาเนื้อเรื่องและบทประพันธ์ต่างๆที่เกี่ยวกับลิลิตพระลอและลิลิตพระฦาโดยการ ค้นคว้าจากเว็บไซต์ต่างๆ 2.รวบรวมข้อมูล บทประพันธ์ต่างๆ ตามหัวข้อที่คณะผู้จัดทําได้วางแผนไว้เพื่อนํามา วิเคราะห์และแปลบทคําประพันธ์ 3.เรียบเรียงข้อมูล ตรวจสอบความถูกต้อง 4.จัดทําสื่อนําเสนอในรูปแบบหนังสืออิเล็กทรอนิกส์(E-book) ระยะเวลาในการดําเนินการ ในการศึกษาโครงงานเรื่อง ลิลิตพระลอสู่ลิลิตพระฦา มีระยะเวลาในการดําเนินการซึ่งแบ่ง ได้ดังนี้ ลําดับที่ ขั้นตอนการศึกษา ช่วงเวลา ผู้รับผิดชอบ 1 เลือกหัวข้อโครงงานและเขียนเค้าโคลงโครงงาน วันที่ 23 พฤศจิกายน 2565 คณะผู้จัดทํา 2 รวบรวมข้อมูลเอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง วันที่ 27 พฤศจิกายน 2565 คณะผู้จัดทํา 3 รวบรวมเนื้อเรื่องและบทประพันธ์วรรรณคดีลิลิตพระลอ วันที่ 27-29 พฤศจิกายน 2565 คณะผู้จัดทํา 4 รวบรวมเนื้อเรื่องและบทประพันธ์วรรรณคดีลิลิตพระ วันที่ 30 พฤศจิกายน 2565 คณะผู้จัดทํา ลําดับที่


18 5 แปลบทประพันธ์และวิเคราะห์ข้อมูล วันที่ 1 ธันวาคม 2565 คณะผู้จัดทํา 6 สรุปและอภิปรายผลข้อมูล วันที่ 15-17-ธันวาคม 2565 คณะผู้จัดทํา 7 เรียบเรียงข้อมูล ตรวจทานและแก้ไข วันที่ 21-25 ธันวาคม 2565 คณะผู้จัดทํา 8 จัดทําสื่อนําเสนอผ่านหนังสืออิเล็กทรอนิกส์(E-book) วันที่ 29 ธันวาคม 2565 คณะผู้จัดทํา ลําดับที่ ขั้นตอนการศึกษา ช่วงเวลา ผู้รับผิดชอบ


19 บทที่ 4 วิเคราะห์ข้อมูล การศึกษาค้นคว้าโครงงานเรื่อง ลิลิตพระลอสู่ลิลตพระฦา คณะผู้จัดทําได้แบ่งการวิเคราะห์ข้อมูลออก เป็น 2 ประเด็น ตามวัตถุประสงค์ในการศึกษาค้นคว้าได้แก่ เพื่อวิเคราะห์บทประพันธ์ในวรรณคดีลิลิตพระฦา และ เพื่อวิเคราะห์ความแตกต่างระหว่างลิลิตพระลอกับลิลิตพระฦา ซึ่งมีรายละเอียดการวิเคราะห์ข้อมูล ดังนี้ 1.วิเคราะห์บทประพันธ์ในวรรณคดีลิลิตพระฦา การวิเคราะห์บทประพันธ์ในวรรณคดีลิลิตพระฦา คณะผู้จัดทําได้ศึกษาจากสื่อออนไลน์และงานวิจัย ของ วรางคณา ศรีกําเนิด โดยมีหัวข้อในการวิเคราะห์ได้แก่ 1.1 ผู้เเต่งและสมัยที่แต่ง 1.2 วัตถุประสงค์การเเต่งเรื่องลิลิตพระฦา 1.3 เนื้อเรื่องย่อ โดยมีรายละเอียดการวิเคราะห์ดังนี้ 1.1 ผู้แต่งและสมัยที่แต่ง พระราชครูพิเชต (มหากลัด) เเต่งขึ้นเมื่อดํารงตําเเหน่งหลวงศรีมโหสถ จากคํานําหนังสือลิลิตพระฦา เป็นวรรณกรรมที่เเต่งขึ้นในสมัยรัชกาลที่ ๔ สมัยรัตนโกสิทนร์ 1.2 วัตถุประสงค์การเเต่งเรื่องลิลิตพระ การเเต่งเพื่อให้เป็นนิทานที่มีลักษณะคล้ายลิลิตพระลอทั้งในด้านคํา และบทบาทของตัวละคร ซึ่งเคย เกิดขึ้นมาเล้วในการเเต่งสมุทรโฆษที่กวีเเต่งขึ้นเพื่อเทียบกับเรื่องอนิรุธท ลิลิตพระฦาเป็นวรรณกรรมที่สะท้อน ให้เห็นความนิยมเรื่องลิลิตพระลอ ความน่าสนใจของเรื่องลิลิตพระน่าจะอยู่ที่การแต่งเลียนแบบเรื่องพระลอ แต่ดัดแปลงให้จบอย่างมีความสุข โดยรักษาถ้อยคําสํานวนตามขนบเดิม 1.3 เนื้อเรื่องย่อ พระเป็นโอรสของท้าวพันทุมราชกษัตริย์เมืองลพบุรี ความงามของพระนั้นมีผู้นําไปขับซอชมโฉม ทั่วแผ่นดิน  เมื่อพระพิมพ์พระพรรณ  พระธิดาท้าวนพรัตน์ กษัตริย์เมืองรมยนครได้ฟังก็หลงใหล  นางพี่เลี้ยง คือนางจั่นนางเจิมจึงไปหาพระโยคีบนเขาเพื่อให้พระโยคีช่วยเหลือทําเสน่ห์ให้พระเดินทางมาหาพระธิดา พระโยคีเล็งญาณเห็นว่าทั้งสามนั้นเป็นเนื้อคู่กันจึงตกลงทําเสน่ห์ให้ พระโยคีทําเสน่ห์ถึง 3 ครั้งจึงสําเร็จ  พระ เดินทางมาด้วยเรือกําปั่นไปพร้อมกับนายกลั่นนายเกลี้ยงพี่เลี้ยง  จนมาพบพระพิมพ์พระพรรณ  เมื่อเวลผ่าน ไปทั้งหมดเกิดกลัวพระอาญาของท้าวนพรัตน์จึงพากันลอบหนีจากเมืองรมยนครไปเมืองลพบุรี แต่ก็วางสาส์น เล่าเรื่องราวทั้งหมดไว้ พระย่ามาพบจึงทูลท้าวนพรัตน์ ฝ่ายท้าวพันทุมราชแต่งสาส์นขออภัยโทษ  จากนั้น เมืองทั้งสองก็เจริญสัมพันธไมตรีทางการทูตและการค้านับแต่นั้นมา 2.วิเคราะห์ความแตกต่างระหว่างลิลิตพระลอกับลิลิตพระฦา การคงลักษณะเนื้อหาให้คล้ายกับเรื่องลิลิตพระลอ เรื่องลิลิตพระฦาถือได้ว่าคล้ายกับลิลิตพระลออยู่มากเพียง แต่ผู้แต่งเปลี่ยนรายละเอียดบางอย่าง เช่น ชื่อต่างๆ ในเรื่อง ชนิดของสัตว์เป็นต้น


20 การเปลี่ยนแปลงเรื่องให้ต่างกับลิลิตพระลอ 1)ตัวละคร "พระฦา" และ "พระย่า" สาเหตุสําคัญที่ทําให้พฤติกรรมของย่าทั้งสองเรื่องนี้แตกต่างกันก็ คือสงครามระหว่างเมือง ในลิลิตพระฦาเมืองของพระฦาไม่ได้มีสงครามกับเมืองของพระพิมพ์พระพรรณ ดังนั้น จึงไม่มีสาเหตุอันใดที่จะเป็นชนวนให้พระย่าต้องโกรธแค้นพระฦา 2)การทําเสน่ห์ มีวิธีการทําเสน่ห์ที่ต่างกันบ้างแต่ผลที่ออกมาก็เหมือนกันคือ ความหลงใหลไฝ่ฝันที่ตัว ละครชายมีต่อตัวละครหญิงซึ่งจะเป็นแรงผลักดันให้ทั้งพระลอ และพระฦาจะต้องเดินทางไปหานางต่อไป 3)สงครามระหว่างเมือง ในเรื่องลิลิตพระฦานั้นไม่มีการกล่าวถึงสงครามเลย 4)การเดินทางของพระฦา ช่วงที่พระฦาเดินทางผ่านลําคลองต่างๆ กวีผู้แต่งได้เขียนบรรยายลักษณะ ทิวทัศน์ของสวนริมแม่น้าลําคลอง ที่มีพันธุ์ไม้สวนหลากชนิดเพื่อย้าให้เห็นความอุดมสมบูรณ์ของบ้านเมือง 5)การเสี่ยงน้า พระลอนั้นแม้จะเสี่ยงน้า แต่ในเรื่องพระฦาไม่ปรากฏว่าพระฦาจะต้องเสี่ยงทายอย่างใด ๖)การจบเรื่องอย่างมีความสุข ลิลิตพระลอเป็นเรื่องโศกนาฎกรรมที่จบลงด้วยความตายของตัวละคร ในเรื่อง แต่เรื่องลิลิตพระฦานี้ผู้แต่งได้เปลี่ยนแปลงตอนจบให้จบลงอย่างมีความสุขสมหวังของตัวละครทั้งหมด


21 บทที่ 5 สรุปผล อภิปรายผล และข้อเสนอแนะ การศึกษาค้นคว้าโครงงานเรื่อง ลิลิตพระลอสู่ลิลตพระฦา มีวัตถุประสงค์เพื่อวิเคราะห์บท ประพันธ์ในวรรณคดีลิลิตพระฦาและเพื่อวิเคราะห์ความแตกต่างระหว่างลิลิตพระลอกับลิลิตพระฦา โดยแหล่งข้อมูลที่ใช้ในการศึกษาค้นคว้าครั้งนี้ทางคณะผู้จัดทําเลือกศึกษาจาก สื่อออนไลน์ทาง อินเตอร์เน็ต หนังสือ และงานวิจัยต่างๆที่เกี่ยวข้อง อภิปรายผล สรุปผลการวิจัยตามวัตถุประสงค์ข้างต้น ดังรายละเอียดต่อไปนี้ 1.วิเคราะห์บทประพันธ์ในวรรณคดีลิลิตพระฦา 1.1 การศึกษาวรรณคดีลิลิตพระฦา พบว่าแต่งโดยพระราชครูพิเชต (มหากลัด) เเต่งขึ้นเมื่อดํารงตําเเหน่งหลวง ศรีมโหสถ จากคํานําหนังสือลิลิตพระฦา เป็นวรรณกรรมที่เเต่งขึ้นในรัชกาลที่ ๔ สมัยรัตนโกสิทนร์ 1.2 ลิลิตพระฦาเป็นวรรณกรรมที่สะท้อนให้เห็นความนิยมเรื่องลิลิตพระลอ 1.3 ลิลิตพระเป็นการแต่งเลียนแบบเรื่องพระลอ แต่ดัดแปลงให้จบอย่างมีความสุข โดยรักษาถ้อยคําสํานวน ตามขนบเดิม 2.วิเคราะห์ความแตกต่างระหว่างลิลิตพระลอกับลิลิตพระฦา 2.1 การคงลักษณะเนื้อหาให้คล้ายกับเรื่องลิลิตพระลอ ผู้แต่งเปลี่ยนรายละเอียดบางอย่าง เช่น ชื่อต่างๆ ใน เรื่อง ชนิดของสัตว์เป็นต้น 2.2 การเปลี่ยนแปลงเรื่องให้ต่างกับลิลิตพระลอ 2.2.1 ตัวละคร "พระฦา" และ "พระย่า" สาเหตุสําคัญที่ทําให้พฤติกรรมของย่าทั้งสองเรื่องนี้แตกต่าง กันก็คือสงครามระหว่างเมือง ในลิลิตพระฦาเมืองของพระฦาไม่ได้มีสงครามกับเมืองของพระพิมพ์พระพรรณ ดัง นั้นจึงไม่มีสาเหตุอันใดที่จะเป็นชนวนให้พระย่าต้องโกรธแค้นพระฦา 2.2.2 การทําเสน่ห์ มีวิธีการทําเสน่ห์ที่ต่างกันบ้างแต่ผลที่ออกมาก็เหมือนกันคือ ความหลงใหลไฝ่ฝันที่ ตัวละครชายมีต่อตัวละครหญิงซึ่งจะเป็นแรงผลักดันให้ทั้งพระลอ และพระฦาจะต้องเดินทางไปหานางต่อไป 2.2.3 สงครามระหว่างเมือง ในเรื่องลิลิตพระฦานั้นไม่มีการกล่าวถึงสงครามเลย 2.2.4 การเดินทางของพระฦา กวีผู้แต่งได้เขียนบรรยายลักษณะทิวทัศน์ของสวนริมแม่น้าลําคลอง ที่มี พันธุ์ไม้สวนหลากชนิดเพื่อย้าให้เห็นความอุดมสมบูรณ์ของบ้านเมือง 2.2.5 การเสี่ยงน้า พระลอนั้นแม้จะเสี่ยงน้าแต่ในเรื่องพระฦาไม่ปรากฏว่าพระฦาจะต้องเสี่ยงทาย 2.2.6 การจบเรื่องอย่างมีความสุข ลิลิตพระลอเป็นเรื่องโศกนาฎกรรมที่จบลงด้วยความตายของตัว ละครในเรื่อง แต่เรื่องลิลิตพระฦานี้ผู้แต่งได้เปลี่ยนแปลงตอนจบให้จบลงอย่างมีความสุขสมหวังของตัวละคร ทั้งหมด


22 บรรรณานุกรม วรางคณา ศรีกําเหนิด. ลิลิตพระ วรรณกรรมที่ดัดเเปลงจากลิลิตพระลอ. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้ จาก : https://rb.gy/oqbeqb. (วันที่ค้นข้อมูล : 15 พฤศจิกายน 2565). ม.ม.ป. ลิลิตพระลอ. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก : Sitemap - วรรณคดีไทยสมัยอยุธยาตอนต้น. (วัน ที่ค้นข้อมูล : 15 พฤศจิกายน 2565). ม.ม.ป. ลิลิตพระลอ เรื่องจริงหรือแค่นิยาย. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก : ลิลิตพระลอ :: Museum Thailand. (วันที่ค้นข้อมูล : 15 พฤศจิกายน 2565). ม.ม.ป. ลิลิตพระลอ. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก : ลิลิตพระลอ. (วันที่ค้นข้อมูล : 15 พฤศจิกายน 2565). ปัญญาไทย. ลิลิตพระลอ. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก : .:: ลิลิตพระลอ - คลังปัญญาไทย . (วันที่ค้น ข้อมูล : 15 พฤศจิกายน 2565).


23


Click to View FlipBook Version