คำนำ สำนักงานส่งเสริมและสนับสนุนวิชาการ 8 ดำเนินการจัดการความรู้กิจกรรม “ถอดบทเรียนองค์กร คนพิการที่มีผลงานในระดับดีเด่น” โดยได้ดำเนินการคัดเลือกศูนย์บริการคนพิการตำบลแม่หละ อำเภอท่าสองยาง จังหวัดตาก เพื่อถอดบทเรียนวิธีการดำเนินการของศูนย์ในการขับเคลื่อนองค์กรให้กลาย เป็นศูนย์บริการคนพิการดีเด่น โดยมีคณะทำงานศูนย์บริการคนพิการตำบลแม่หละ เป็นผู้ให้ข้อ มูล การสัมภาษณ์ เพื่อเป็นต้นแบบเกิดประโยชน์กับหน่วยงานสังกัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคง ของมนุษย์ และเกิดเป็นปัจจัยความสำเร็จที่เกิดขึ้นในรูปแบบการจัดการของศูนย์ฯที่ดีสามารถนำมาเป็น แบบอย่างได้อย่างเป็นรูปธรรม ด้วยเหตุนี้ทางสำนักงานส่งเสริมและสนับสนุนวิชาการ 8 จึงได้รวบรวมและสรุปองค์ความรู้ (KM) “การถอดบทเรียนองค์กรคนพิการที่มีผลงานในระดับดีเด่น (ศูนย์บริการคนพิการตำบลแม่หละ อำเภอท่าสองยาง จังหวัดตาก) เป็นเอกสารทางวิชาการ ของสำนักงานส่งเสริมและสนับสนุนวิชาการ 8 เพื่อต่อยอดองค์ความรู้และเป็นประโยชน์ในการนำแนวทางการเป็นต้นแบบการพัฒนาองค์กรคนพิการ เพื่อประชาสัมพันธ์ และเผยแพร่ให้แก่ผู้สนใจนำไปประยุกต์ใช้และขยายผลในพื้นที่ศูนย์บริการคนพิการ อื่นต่อไป กลุ่มการวิจัยและการพัฒนาระบบเครือข่าย สำนักงานส่งเสริมและสนับสนุนวิชาการ 8 2566
สารบัญ เรื่อง หน้า 1. บทนำ 2. หน้าที่ของศูนย์บริการคนพิการ 3. ประเภทของศูนย์บริการคนการ 4. กฎหมายหลักที่เกี่ยวข้องกับการจ้างงานคนพิการ 5. การเริ่มต้นการจ้างงานคนพิการในตำบลแม่หละฯ 6. ปัญหาอุปสรรคของ (กิจกรรมปลูกป่าเฉลิมพระเกียรติ) 7. การปรับตัวรับมือกับปัญหาของศูนย์บริการคนพิการ (กิจกรรมปลูกป่าเฉลิมพระเกียรติ) 8. Best Practice การปลูกป่าต่อยอด สู่ร้านค้าชุมชนคนพิการตำบลแม่หละ (ฮักแม่หละช็อป) 9. ปัญหาการอุปสรรคของ ของการจัดตั้งร้านค้าชุมชนคนพิการตำบลแม่หละ(ฮักแม่หละช็อป) 10. วิธีปรับตัวหรือมีวิธีการจัดการกับปัญหาทางศูนย์บริการคนพิการตำบลแม่หละ 11. สิ่งที่ได้รับจากการจัดตั้งศูนย์แยกเป็น 6 มิติ
ชุดองค์ความรู้ตามแผนการจัดการความรู้ (KM) สสว.8 ประจำปี 2566 “การถอดบทเรียนองค์กรคนพิการที่มีผลงานในระดับดีเด่น” (ศูนย์บริการคนพิการตำบลแม่หละ อำเภอท่าสองยาง จังหวัดตาก) 1.บทนำ จากบทบัญญัติ เรื่องการส่งเสริมการมีงานทำของคนพิการตามพระราชบัญญัติส่งเสริมและพัฒนา คุณภาพชีวิตคนพิการ พ.ศ.2550 พบว่าปัญหาการมีงานทำของคนพิการนั้น อาจเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ ด้วยกันอุปสรรคที่ว่านี้อาจเกิดขึ้นมาการเตรียมความพร้อมให้แก่คนพิการเข้าทำงาน กฎระเบียบต่างๆ สถิติของผู้พิการในประเทศไทย อ้างอิงจากข้อมูลทะเบียนคนพิการ กรมส่งเสริมและพัฒนาคุณชีวิตคนพิการ ช่วงต้นปี พ.ศ.2566 มีจำนวนทั้งสิ้น 2,180,178 ราย โดยแบ่งเป็น เพศชาย จำนวน 1,043,342 ราย และเพศหญิง จำนวน 1,136,836 ราย โดยจำแนก คนพิการตามประเภทความพิการ ดังนี้ ประเภททางการเห็น จำนวน 184,662 ราย ประเภททางการได้ยินหรือสื่อความหมาย จำนวน 405,920 ราย ประเภทการเคลื่อนไหวหรือทางร่างกาย จำนวน 1,112,763 ราย ประเภททางจิตใจ หรือพฤติกรรม จำนวน 168,291 ราย ประเภทความพิการทางสติปัญญา จำนวน 147,137 ราย ประเภททางการเรียนรู้ จำนวน 15,126 ราย ประเภทออทิสติก 20,096 ราย พิการมากกว่า 1 ประเภท จำนวน 124,430 ราย และไม่ระบุจำนวน 1,793 ราย ส่วนสถิติการเข้าทำงานของผู้พิการในหน่วยงานรัฐ ของปี 2566 มีหน่วยงานรัฐที่ต้องจ้างงาน คนพิการจำนวน 294 หน่วย ต้องจ้างคนพิการจำนวน 17,553 ราย จ้างไปแล้ว 1.509 ราย ซึ่งต้อง จ้างเพิ่มอีกคิดเป็นร้อยละ 91.39 ของผู้พิการทั้งหมด ส่วนการจ้างงานคนพิการในสถานประกอบการ ของปี 2566 มีสถานประกอบการทั้งหมด 14,456 แห่ง ต้องจ้างคนพิการจำนวน 67,868 ราย จ้างงานไปแล้ว 56,800 ราย ซึ่งต้องจากเพิ่มอีกคิดเป็นร้อยละ 16.31 ของผู้พิการทั้งหมด โดยปัญหาของการจ้างงานคนพิการส่วนใหญ่เกิดจากการเข้าไม่ถึงสิทธิด้านการศึกษาและการฝึกอาชีพ ให้กับคนพิการ โดยเฉพาะการเข้าทำงานกับหน่วยงานภาครัฐที่จำเป็นต้องมีวุฒิการศึกษาตามมาตรฐานกำหนด ตำแหน่ง จึงเกิดมูลนิธินวัติกรรมทางสังคม ที่เป็นองค์กรไม่ได้แสวงหาผลประโยชน์ทางธุรกิจ มีวัตถุประสงค์ เพื่อขับเคลื่อนการสร้างโอกาสการมีอาชีพให้คนพิการ โดยมูลนิธิฯ ได้ทำการสรรหาคนพิการจากเครือข่าย ที่ทำงานด้านคนพิการและหน่วยงานที่มีภาระกิจทางสังคมในระดับชุมชนทุกจังหวัด เช่น โรงพยาบาล โรงเรียน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น องค์กรคนพิการในพื้นที่ ฯลฯ และการเชื่อมโยงกับหน่วยงานสังกัดกระทรวง แรงงาน กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และกระทรวงสาธารณสุข ทำให้สามารถเข้าถึง คนพิการ ในระดับพื้นที่ประเทศผ่านเครือข่ายข้างต้น โดยเครือข่ายหน่วยงานต่างๆ เป็นผู้เปิดตำเหน่งให้ คนพิการเข้าไปปฏิบัติงานจะประสานให้บริษัทที่เข้าร่วมโครงการจ้างงานคนพิการ ให้เข้าถึงคนพิการ โดยการ คัดเลือกเข้าพบสัมภาษณ์งาน และหารือแนวทางการออกแบบงานที่เหมาะสมกับคนพิการต่อไป
สำงานงานส่งเสริมและสนับสนุนวิชาการ 8 ได้คัดเลือก ศูนย์บริการคนพิการตำบลแม่หละ อำเภอท่าสองยาง จังหวัดตาก เพื่อถอดบทเรียนและการจัดการความรู้ KM เนื่องจากเป็นองค์กรคนพิการที่มีผลงานที่มีความโดด เด่น เรื่องของการบังคับใช้กฎหมาย พรบ.การส่งเสริมการจ้างงานคนพิการพ.ศ. 2550 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) มาเป็นแนวทางการขับเคลื่อนศูนย์บริการฯ โดยเฉพาะการใช้มาตรา 35 มาเป็นวิธีการพัฒนาศูนย์ฯ ผ่านมูลนิธินวัตกรรมทางสังคม เป็นหน่วยงานขับเคลื่อนเกิดการจ้างงานในชุมชน โดยมีบริษัทสยาม แม็คโคร จำกัดมหาชน เข้ามาสนับสนุนศูนย์บริการคนพิการฯ แทนการจ่ายเงินเข้ากองทุนคนโดยตรง ส่งผลให้เกิดการ สร้างงาน สร้างรายได้กับ คนพิการในชุมชนทั้งด้านเศรษฐกิจและสังคม เพื่อเป็นพื้นที่ต้นแบบและให้หน่วยงาน ในสังกัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และภาคีเครือข่ายในพื้นที่ได้นำไปผลการถอด บทเรียนฯ ไปใช้ประโยชน์ เป็นแนวทางเพื่อขยายไปยังพื้นที่อื่นได้ 2. ประเภทของศูนย์บริการคนพิการ 1) ศูนย์บริการคนพิการทั่วไป ได้แก่ ศูนย์บริการคนพิการที่จัดตั้งโดยองค์กรด้านคนพิการ หรือองค์กรอื่นใดที่ให้บริการแก่คนพิการซึ่งได้รับการรับรองมาตรฐานตามมาตรา 6 (10) ราชการส่วนท้องถิ่น หรือหน่วยงานภาครัฐ เพื่อให้บริการแก่คนพิการในระดับพื้นที่ หรือตามประเภทความพิการ หรือให้บริการ แก่คนพิการเป็นเฉพาะในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง 2) ศูนย์บริการคนพิการระดับจังหวัด ได้แก่ ศูนย์บริการคนพิการที่จัดตั้งโดยสำนักงาน ส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการแห่งชาติ เพื่อส่งเสริมสนับสนุน และประสานงานเกี่ยวกับ การจัดบริการของศูนย์บริการคนพิการทั่วไป และดำเนินการอื่นเพื่อประโยชน์ในการส่งเสริมและพัฒนา คุณภาพชีวิตคนพิการภายในจังหวัด นอกจากนี้ สำนักงานส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการแห่งชาติ (พก.) ได้แต่งตั้ง คณะทำงานจัดทำระบบการจัดบริการศูนย์บริการคนพิการ โดยมีรองผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมและ พัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการแห่งชาติ เป็นประธานคณะทำงาน ผู้แทนองค์กรด้านคนพิการ นักวิชาการ และ หน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องกับการส่งเสริมการจัดบริการคนพิการ เป็นกรรมการ โดยมีผู้อำนวยการสำนัก ส่งเสริมศักยภาพและสิทธิ เป็นกรรมการและเลขานุการคณะทำงานฯ ซึ่งมีอำนาจหน้าที่ในการวางแผน กำหนด รูปแบบ แนวทาง วิธีการจัดตั้งและการดำเนินงานของศูนย์บริการคนพิการประเภทต่างๆ เพื่อให้เกิด ประสิทธิภาพในการจัดบริการของศูนย์บริการคนพิการ 3.หน้าที่ของศูนย์บริการคนพิการ 1) สำรวจติดตามสภาพปัญหาคนพิการ และจัดทำระบบข้อมูลการให้บริการในพื้นที่รับผิดชอบ 2) ให้บริการข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์คนพิการ 3) เรียกร้องแทนคนพิการ 4) ให้ความช่วยเหลือในการดำรงชีวิตขั้นพื้นฐาน 5) ให้ความช่วยเหลือคนพิการให้ได้รับเครื่องมือหรืออุปกรณ์ตามความต้องการจำเป็นพิเศษเฉพาะ บุคคล
6) ประสาน คัดกรอง ส่งต่อและให้ความช่วยเหลือคนพิการหรือผู้ที่มีแนวโน้มว่าจะพิการให้ได้รับ การดูแลรักษาพยาบาลที่เหมาะสม 7) ประสานความช่วยเหลือกับหน่วยงานของรัฐที่มีอำนาจหน้าที่รับผิดชอบเพื่อให้ความช่วยเหลือ คนพิการตามประเภทความพิการ 8) ติดตามและประเมินผล และรายงานเกี่ยวกับการได้รับสิทธิประโยชน์ และการดำรงชีวิตของ คนพิการ 9) ปฏิบัติหน้าที่อื่นตามที่กำหนดตามพระราชบัญญัติ หรือกฎหมายอื่น หรือตามที่คณะกรรมการ หรือสำนักงานส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการกำหนด 4.กฎหมายหลักที่เกี่ยวข้องกับการจ้างงานคนพิการ พรบ.การส่งเสริมการจ้างงานคนพิการ พ.ศ. 2550 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) เพื่อเป็นการส่งเสริมให้คนพิการมีงานทำ มีรายได้เพียงพอสำหรับการดำรงชีพ ลดภาระของสังคม และพัฒนาให้ คนพิการมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ตลอดจนสามารถดำรงชีวิตในสังคมได้อย่างมีศักดิ์ของความเป็นมนุษย์ มาตรา 33 ให้นายจ้างหรือเจ้าของสถานประกอบการ และหน่วยงานของรัฐรับคนพิการเข้าทำงาน ใ น ส ั ด ส ่ ว น ข อ ง พ น ั ก ง า น ท ี ่ ม ิ ใ ช ่ ค น พ ิ ก า ร จ ำ น ว น 100 ค น ต ่ อ ค น พ ิ ก า ร 1 ค น มาตรา 34 นายจ้างหรือเจ้าของสถานประกอบการ และหน่วยงานของรัฐที่มิได้รับคนพิการเข้า ทำงานตามจำนวนที่กำหนดตามมาตรา 33 ให้ส่งเงินเข้ากองทุนฯ แทนการจ้างงานคนพิการ มาตรา 35 ในกรณีที่นายจ้างหรือสถานประกอบการ และหน่วยงานของรัฐ ไม่ประสงค์จะรับคน พิการเข้าทำงานตามมาตรา 33 หรือไม่ประสงค์จะส่งเงินเข้ากองทุนตามมาตรา 34 ให้นายจ้างหรือ สถานประกอบการ และหน่วยงานของรัฐ ให้สัมปทาน จัดสถานที่จำหน่ายสินค้าหรือบริการ จัดจ้างเหมา ช่วงงานฝึกงาน หรือให้ความช่วยเหลืออื่นใดแก่คนพิการหรือผู้ดูแลคนพิการแทนก็ได้ 5. การเริ่มต้นการจ้างงานคนพิการในตำบลแม่หละ อำเภอท่าสองยาง จังหวัดตาก เริ่มต้นจากมูลนิธินวัตกรรมทางสังคมได้ประสาน ระดมการสนับสนุนจากสถานประกอบการ โดยเชิญชวนให้เปลี่ยนจากการส่งเงินเข้ากองทุน (ม.34) ไปเป็นการจ้างงานคนพิการเพื่อทำงาน สาธารณประโยชน์ใกล้บ้าน (ม.33) หรือส่งเสริมอาชีพ (ม.35) โดยมูลนิธิฯช่วยสถานประกอบการดำเนินการ ในทุกขั้นตอนทั้งที่เกี่ยวข้องกับคนพิการและหน่วยงานราชการ และติดตามการดำเนินการกับทุกฝ่ายตลอด โครงการ โดยได้รับการสนับสนุน สสส.และกรมส่งเสริมคุณภาพชีวิตคนพิการ ศูนย์บริการคนพิการตำบลแม่หละ ได้ตระหนักถึงการมีงานทำของคนพิการในชุมชน จึงได้รวมกลุ่ม ผู้ พิการทางการเคลื่อนไหว เพื่อเข้าร่วมโครงการจ้างงานคนพิการ มาตรา 35 ผ่านมูลนิธินวัตกรรมทางสังคมใน การช่วยประสานการจ้างงานจากบริษัทสยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) ให้เข้ามาสนับสนุนการจ้างงาน คน พิการ ผ่านโครงการ พัฒนาคุณภาพชีวิตและอาชีพ สำหรับผู้พิการและผู้ดูแลคนพิการ ตำบลแม่หละ อำเภอท่า สองยาง จังหวัดตาก รูปแบบกิจกรรมปลูกป่าสวัสดิการตามรอยพระราชา เดิมมีสมาชิกเพียง 10 คน รวมกลุ่ม ร่วมกันทำกิจกรรม เริ่มจากการเข้าไปปรึกษากับนายกองค์การบริหารส่วนตำบลแม่หละ เพื่อขอคำปรึกษาพื้นที่ ปลูกป่าในชุมชน โดยได้คำแนนนำพื้นที่การปลูกในพื้นที่บุกรุก ที่ถูกสำนักทรัพยากรป่าไม้ที่ 4 จังหวัดตาก ยึดจากผู้บุกรุก โดยเริ่มต้นได้รับพื้นที่จำนวน 10 ไร่ จากนั้นได้ประสานสถานีเพะพันธ์กล้าไม้แม่สอด จังหวัด ตาก เพื่อขอรับพันธ์กล้าไม้เพื่อนำมาปลูก เดิมเริ่มปลูก เริ่มจากไม้ท้องถิ่น (ต้นพลวง) หลังจากที่ต้นพลวง
เจริญเติบโต จนสามารถนำใบไม้มา ทำเป็นหลังตาตองตึงนำมาใช้เองและจำหน่าย ทำให้ชุมชนเริ่มเห็น ประโยชน์จากการปลูกป่า คนพิการและชาวบ้านในชุมชนจึงเข้ามาร่วมกันเพื่มขึ้นเรื่อยๆ ในเวลา 6 ปี ปัจจุบัน ได้ขยายการปลูกป่าเพิ่มเป็น 1,000 ไร่ โดยพื้นที่ปลูกจะขึ้นอยู่กับพื้นท้องถิ่นแต่ละพื้นที่ ความสำเร็จนอกจาก เป็นเหล่งสร้างงานสร้างรายได้ ศูนย์บริการคนพิการฯและสมาชิก สามารถคืนผืนป่าที่อุดมสมบูรณ์ให้กับ สำนักทรัพยากรป่าไม้ที่ 4 จังหวัดตาก จำนวน 260 ไร่ 6. ปัญหาอุปสรรคของทำโครงการพัฒนาคุณภาพชีวิตและอาชีพ สำหรับผู้พิการและผู้ดูแลคนพิการ ตำบลแม่หละ อำเภอท่าสองยาง จังหวัดตาก (กิจกรรมปลูกป่าเฉลิมพระเกียรติ) 1.การเดินทางมาปลูกป่าจากบ้านของคนพิการไปยังสถานที่ปลูก มีอุปสรรคการเดินทางเนื่องจากพื้นที่ ส่วนใหญ่เป็นพื้นที่สูงเหมาะกับผู้พิการ 2.สภาพความพิการบางคนเป็นอุปสรรคต่อการปลูกป่า เช่น ผู้พิการทางการมองเห็น, คนพิการ ทางการเคลื่อนไหว เป็นต้น 3.การติดต่อสื่อสารงานยากลำบากเนื่องด้วยเป็นชาติพันธุ์และบางพื้นที่ไม่มีสัญญาณอินเตอร์เน็ต 4.เนื่องจากการทำงานของคนพิการต้องมีการส่งรายงานประจำเดือน คนพิการบางรายยังมีข้อจำกัด มีจำกัด ต้องอาศัยเจ้าหน้าที่ช่วยในการเขียนรายงานประจำเดือน 5.ข้อจำกัดด้านงบประมาณในการเดินทางเข้าพื้นที่ปลูก เช่น ค่าน้ำมันรถ ค่าสึกหรอรถจักยานยนต์ เป็นต้น 7. การปรับตัวรับมือกับปัญหาของศูนย์บริการคนพิการ (กิจกรรมปลูกป่าเฉลิมพระเกียรติ) 1.เมื่อคนพิการต้องเดินทางจากบ้านไปยังสถานที่ทำงานที่เป็นราบสูง ทางคณะกรรมการศูนย์บริการ คนพิการ ดำเนินการเช่าบ้านให้กับคนพิการเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้พิการ 2.สภาพความพิการบางคนเป็นอุปสรรคต่อการปลูกป่า ทางคณะกรรมการจะมีการแบ่งหน้าที่ให้ เหมาะสมตามสภาพความพิการ เช่น คนแขนขาอ่อนแรงแต่พอหยิบจับได้ก็ให้อยู่ดูแลเรือนเพาะชำ 3.ติดต่อสื่อสารงานยากลำบากเนื่องด้วยเป็นชาติพันธุ์และสัญญาณอินเตอร์ไม่มีจะใช้คนพื้นที่ขึ้นไป แจ้งให้ถึงที่ ถึงตัวคนพิการทุกครั้ง 4.เนื่องจากการทำงานของคนพิการต้องมีการส่งรายงานประจำเดือน ความสามารถของคนพิการมี ข้อจำกัด จะมีเจ้าหน้าที่ให้คำปรึกษาและช่วยเขียนรายงานประจำเดือนทุกครั้ง 5.งบประมาณในการเดินทางเข้าพื้นที่ปลูก (ค่าน้ำมันรถ ค่าสึกหรอรถ) ใช้รูปแบบการช่วยกันออม ทุกเดือน บทเรียนที่ได้ 1.คนพิการในชุมชนตำบลแม่หละ อำเภอท่าสองยาง จังหวัดตาก ได้รับการจ้างงานคนพิการมาตรา 35 ตามกฎหมายการจ้างงานคนพิการฯ ผ่านโครงการพัฒนาคุณภาพชีวิตและอาชีพ สำหรับผู้พิการและผู้ดูแลคน พิการ ตำบลแม่หละ อำเภอท่าสองยาง จังหวัดตาก (กิจกรรมปลูกป่าเฉลิมพระเกียรติ) 2.การบ่มเพาะกับการจัดการปัญหาของศูนย์บริการคนพิการ จากไม่มีประสบการณ์การแก้ไขปัญหา นำสู่ ศูนย์บริการคนพการที่มีความเข้มแข้ง สารถนำไปเป็นแบบอย่างในมารแก้ไขปัญหาให้ศูนย์อื่นได้ 3.ป่าชุมชน ได้รับการฟื้นฟูให้เป็นป่าในการสร้างตัวเองขึ้นใหม่เพื่อมีสภาพเป็นป่าธรรมชาติ สามารถเป็นป่า เศรษฐกิจของชุมชน ช่วยสร้างรายได้ให้กับคนในชุมชน สร้างรายได้จากพื้นที่ป่า เช่น การหาของป่า การถักใบตอง ตึงทำเป็นหลังคาเพื่อจำหน่ายเป็นต้น
8. Best Practice การปลูกป่าต่อยอด สู่ร้านค้าชุมชนคนพิการตำบลแม่หละ(ฮักแม่หละช็อป) เมื่อโครงการพัฒนาคุณภาพชีวิตและอาชีพ สำหรับผู้พิการและผู้ดูแลคนพิการ ตำบลแม่หละ อำเภอท่าสองยาง จังหวัดตาก รูปแบบกิจกรรมปลูกป่าสวัสดิการตามรอยพระราชา เกิดความสำเร็จ ผู้พิการ ผู้ดูแลคนพิการ ชาวบ้านในชุมชนและชุมชนโดยรอบ มีรายได้มี ชุมชนมีความเข็มแข็งขึ้น ทางหน่วยงานรัฐ โดยสำนักงานพัฒนาสังคมและความของมนุษย์จังหวัด มูลนิธินวัตกรรมทางสังคมและ บริษัทสยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) สาขาแม่สอด ได้เข้ามาต่อยอดความสำเร็จ โดยได้เข้ามาการสนับสนุน รูปแบบ ร้านค้าชุมชน คนพิการตำบลแม่หละ (ฮักแม่หละช็อป) ผ่านมาตรา 35 การจ้างงานคนพิการ โดยวิธีการรวมกลุ่มอาชีพ จำนวน 10 คน ทางบริษัทแม็คโคร สนับสนุนด้านงบประมาณในการก่อสร้าง อุปกรณ์การตกแต่งร้านและ สินค้าที่นำมาจำหน่าย รวมไปถึง แม็คโคร สาขาแม่สอด ได้เข้ามาเป็นพี่เลี้ยงวิธีการบริหารจัดการ เช่นการจัดเรียงสินค้าให้ดูน่าสนใจลูกค้าสามารถหาสินค้าได้ง่าย จัดการเป็นหมวดหมู่, ระบบการบริหารงาน การคิดเงินหรือวิธีการทำบัญชีคุมวัสดุ เป็นต้น ในหนึ่งปีปันผล 4 ครั้ง เดิมมีสมาชิก 10 คน 10 หุ้น ปัจจุบันได้ ขยายเป็น 24 คน 24 หุ้น ผลงานของร้านค้า “ฮักแม่หละช็อป” ทำให้เกิดการสร้างสวัสดิการขึ้นกับสมาชิก และชุมชน เช่น การมอสิ่งของช่วยเหลือและเงินจำนวนหนึ่งเพื่อสร้างขวัญและกำลังใจกับสมาชิกเมื่อนอน โรงพยาบาล, การเข้าไปช่วยเหลือซ่อมแซมบ้านในชุมชนเมื่อเกิดภัยพิบัติโดยค่าใช้จ่ายทั้งหมดจะมาจาก กองทุนสมทบช่วยเหลือชุมชนตำบลแม่แหละ ที่ส่วนหนึ่งมาจากผลกำไรของร้านค้า “ฮักแม่หละช๊อป”, การนำส่งผู้พิการไปโรงพยาบาล, การเยี่ยมบ้านช่วยเหลือผู้พิการที่ไม่มีญาติดูแล เป็นต้น 9. ปัญหาการอุปสรรคของ ของการจัดตั้งร้านค้าชุมชนคนพิการตำบลแม่หละ(ฮักแม่หละช็อป) 1. การขายที่เป็นนำเข้าสินค้าในระบบการขายที่บริษัทแม็คโครโครได้กำหนดให้เช่น ระบบการคิดเงิน ระบบดูแลหลังร้าน ระบบเช็คสินค้าภายในร้าน คนทำงานยังขาดความรู้ความเข้าใจที่ในระบบการจัดการ 2. คนทำงานในฮักแม่หละช็อป บางรายยังขายเองไม่ได้ทั้งหมดเนื่องจากสภาพความพิการ 3. ขาดรถยนต์ขนสินค้า เพราะต้องเข้าไปซื้อสินค้าเพื่อกลับมาจำหน่ายจากตัวเมือง 4. เจ้าหน้าที่ขาดความรู้ความเข้าใจเรื่องการจัดหาสินค้าเพื่อมาจำหน่ายให้กับชุมชนเพื่อให้ตรงกับความ ต้องการของชุมชน 10. วิธีปรับตัวหรือมีวิธีการจัดการกับปัญหาทางศูนย์บริการคนพิการตำบลแม่หละ 1. ระบบการขายที่ยังเช็คได้ไม่ครอบคลุม (ใช้ระบบการขายอัตโนมัติควบคู่ไปกับบัญชีปกติ) 2. ทางคณะกรรมการศูนย์ได้จ้างคนปกติเข้ามาทำงานขายควบคู่ขายร่วมกับคนพิการ 3. การเดินทางไปซื้อสินค้ามาขายที่ ฮักแม่หละช็อป ศูนย์บริการได้จัดสวัสดิการ ที่ได้จากกำไรการขายมา เป็นค่านำมัน เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับการใช้รถยนต์เข้าไปซื้อสินค้าในตัวเมือง 4. เรื่องของเจ้าหน้าที่ขาดความรู้ความเข้าใจเรื่องการจัดหาสินค้า ทางศูนย์ได้ประสาน เจ้าหน้าที่ จากบริษัทสยามแม็คโคร จำกัดมหาชน เข้ามาให้ความรู้และให้คำแนะนำการจัดซื้อสินค้า รวมถึงการจัดเรียง เพื่อมาจำหน่าย ผลที่ได้จากการทำโครงการ 1.ร้านค้าชุมชนฯ มีการเติบโตจากเดิมมีสมาชิกคนพิการและผู้ดูแลคนพิการ เพียง 10 คน ปัจจุบันได้ ขยายเป็น 50 กว่าคน และมีการปันผล 4 ครั้งต่อปี 2. สมาชิกคนพิการมีรายได้เพิ่มขึ้นจากกการปันผลของ “ฮักมาหละช๊อป” 4 ครั้ง ต่อปี 3. เกิดการสร้างสวัสดิการช่วยเหลือขึ้นในชุมชน คนพิการได้รับการยอมรับจากการเข้าไปช่วยเหลือคนใน ชุมชน
11. สิ่งที่ได้รับจากการจัดตั้งศูนย์แยกเป็น 6 มิติ ได้ ดั้งนี้ - มิติด้านสุขภาพ สุขภาพใจ มีกิจกรรมเชื่อมสัมพันธ์ การแลกของขวัญนันทนาการ สำหรับผู้พิการและผู้ดูแล คนพิการ, มีทีมงานคอยสนับสนุนรับเรื่องราวร้องทุกข์และช่วยเหลือสำหรับคนในในชุมชน สุขภาพกาย -เยี่ยมบ้านผู้พิการ , นำผู้พิการที่มีปัญหาสุขภาพร่างกายส่งโรงพยาบาล, นำชาวบ้านในชุม ชมที่มีปัญหาสุขภาพเข้ารับการรักษาพยาบาล - มิติด้านเศษฐกิจพอเพียง เกิดป่าชุมชนเป็นแหล่งสร้างรายได้ให้กับชุมชน ,ร้านค้าชุมชน “ฮักแม่หละช็อป”, ใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ ในชุมชนผลิตเพิ่มมูลค่าให้เกิดประประโยชน์ในการใชงานในชุมชน - มิติด้านศาสนาประเพณีวัฒนธรรม เป็นชุมชนชาติพันธ์ ที่สามารถอยู่ร่วมกันได้กลมกลืนกับวัฒนธรรมในพื้นที่มีวิถีชีวิตผูกพันกับป่า พิธีกรรมทางศาสนาพุทธที่ถูกคิดขึ้นมาเพื่อให้ประชาชนรู้จักคุณค่าและความสำคัญของป่าไม้,มีประเพณีบวชป่า เพื่อรักษาป่าไม้ของชุมชน, การรวมตัวจิตอาสาพัฒนาชุมชน - มิติด้านสิ่งแวดล้อม ป่าต้นน้ำของชุมชนได้รับการดูแลรักษา, มีกิจกรรมทำฝายชะลอน้ำ เพื่อรักษาต้นน้ำ การฟื้นฟูป่า ชุมชน การปลูกป่า, พื้นที่ของป่าชุมชนมีพื้นที่เพิ่มขึ้น, มีการช่วยกันทำแนวกันไฟ - มิติด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรม ใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือในการสร้างรายได้ให้กับชุมชน, การประชาสัมพันธ์กิจกรรมของ ศูนย์บริการคนพิการผ่าน Website ชมรมคนพิการตำบลแม่หละ, มีการบริหารแจกจ่ายงานตามความสามารถ ของผู้พิการและผู้ดูแลคนพิการ, มีระบบจัดเก็บเอกสารและเสนอผลการทำงานเป็นประจำทุกๆเดือนผ่านระบบ Website - มิติด้านสวัสดิการ นำผู้พิการที่ยังไม่ได้รับการจดทะเบียนคนพิการเข้ารับการประเมินความพิการและจดทะเบียนคนพิการ ,เป็นศูนย์ประสานขอรับเงินสงเคราะห์คนพิการ, มีกิจกรรมปรับปรุงซ่อมแซมบ้านคนพิการ, ปรับปรุงที่อยู่อาศัย สำหรับคนพิการ, มอบเงินและสิ่งของเยี่ยมไข้เมื่อเจ็บป่วย มอบเงินช่วยเหลือในกรณีเสียชีวิต
ที่ปรึกษา 1. นางสาวเรืองลักษณ์ ทิพย์ทอง ผู้อำนวยการส่งเสริมและสนับสนุนวิชาการ 8 คณะผู้จัดทำการจัดการความรู้ 1. นายนครินทร์ เข็มทอง นักพัฒนาสังคมชำนาญการพิเศษ 2. นางสาวรัชนี สังขพร นักพัฒนาสังคมชำนาญการ 3. นายสันติภาพ ทองบุญมา นักพัฒนาสังคมชำนาญการ 4. นางสาวศศิยาภรณ์ เศรษฐ์ธนโชค นักพัฒนาสังคมชำนาญการ 5. นางสาวรำไพพรรณ ชัยบุญเรือง นักพัฒนาสังคมปฏิบัติการ 6. นางสาวณัฐพร ทัพซ้าย เจ้าพนักงานพัฒนาสังคมปฏิบัติงาน 7. นายธนพล มีสีบัว นักพัฒนาสังคม 8. นางสาวชนกพร พรมภา พนักงานบริการ 9. นางวิมลทิพย์ พันชน พนักงานบริการ. 10. นายชาญณงค์ ปิติพุทธิพงค์ นักพัฒนาสังคม เขียน เรียบออกแบบ นายชาญณณงค์ ปิติพุทธิพงค์ นักพัฒนาสังคม