The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by , 2021-10-05 11:21:08

History of Thai illustration

History of Thai illustration

INTRODUCTION

หนังสือเล่มนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับ เรื่อง ประวัติภาพประกอบใน
ประเทศไทย เพื่อนำไปใช้ในการเรียนรู้ ในส่วนของความเป็นมา
และที่มาของประเภทภาพประกอบต่าง ๆ ในประเทศไทย จะได้
ทราบถึงความสำคัญของภาพประกอบที่มีในประเทศไทย คณะ
ผู้จัดทำ จัดทำหนังสือเล่มนี้ขึ้นเพื่อ ให้ผู้อ่าน ผู้ศึกษา ได้เรียนรู้

ประวัติศาสตร์ของภาพประกอบในประเทศไทย และมีความ
สนใจในเรื่องภาพประกอบในประเทศไทยมากขึ้นเพื่อให้นักเรียน
เกิดความรู้ ความเข้าใจ สามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้ การจัดการ

เรียนการสอนต่อไป

จัดทำโดย คณะผู้จัดทำ

CONTENTS Page

Chapter 1 1-7

ภาพเขียนก่อนประวัติศาสตร์ 8-15
ถ้ำคน,ถ้ำวัว
ภาพเขียนที่ผนังถ้ำสมัยก่อนประวัติศาสตร์ 9-19
จังหวัดอุบลราชธานี
ภาพเขียนที่ผนังถ้ำสมัยก่อนประวัติศาสตร์ 20-24
จังหวัดพิษณุโลก 25-33
ภาพเขียนสีสมัยก่อนประวัติศาสตร์ 34-36
ที่อำเภอบ้านผือ

Chapter 2

ภาพเขียนสีก่อนประวัติศาสตร์
ความเป็นมาของภาพประกอบการ์ตูนไทย
บุคคลเขียนการ์ตูนไทยคนแรกที่มีชื่อเสียง
สมัยเริ่มมีรสนิยม
ยุคบุกเบิก
พัฒนาการของการ์ตูนไทยในยุคนี้

Chapter 3

ความเป็นมาของภาพประกอบจิตกรรมฝา
ผนังในวัด ในประเทศไทย
จิตกรรมฝาผนังวัดคงคาราม
จิตกรรมฝาผนังวัดบวกครกหลวง
จิตรกรรมฝาผนังเรื่องรามเกียรติ์ ณ
ระเบียงคด วัดพระศรีรัตนศาสดาราม

Chapter 4

ความนิยมของการใช้ภาพประกอบในสมัยนี้

Chapter 5

นักวาดภาพประกอบที่มีชื่อเสียงในยุค
รัตนโกสินทร์

Reference

CHAPTER 1

ภาพเขียนก่อนประวัติศาสตร์

หากกล่าวถึง “ภาพขีด เป็นจุดเริ่มต้นของศิลปะ
เขียนบนผนังถ้ำ” หลาย ๆ และพัฒนามาจวบจนถึง
ท่านคงอาจจะมองข้ามไป ปัจจุบัน ทางคณะจัดทำจึง
เพราะคงคิดว่า ภาพที่เขียน หยิบยกความสวยงามใน
ด้วยหินสีแดงนี้ ก็เพียงแค่ แบบของชาวยุคก่อน
ภาพที่คนในยุคสมัยก่อน ประวัติศาสตร์ เมื่อราว
ขีดเขียนไปเช่นนั้น ดูไม่ได้มี 3000-4000 ปีก่อน มาให้
อะไรน่าสนใจเท่าภาพเขียน ท่านผู้อ่านได้เรียนรู้และ
ในสมัยนี้ แต่ภาพเหล่านี้ ศึกษาไปกับความคิด
เสมือนถูกสร้างโดย สร้างสรรค์แรกเริ่มของ
ธรรมชาติอย่างแท้จริง มนุษย์ที่เป็นเหมือน
เพราะส่วนใหญ่เขียนขึ้นจาก บรรพบุรุษของเรากัน
แร่ธาตุ หรือ พืชพรรณจาก ในประเทศไทย มีผู้คนพบ
ป่าเขาที่พวกเขาอาศัยอยู่ ภาพขีดเขียนบนผนังถ้ำ
ทางคณะจัดทำจึงตระหนัก มากมาย แต่เราจะนำเสนอ
ว่าภาพขีดเขียนบนผนังถ้ำนี้ ทั้งหมด 4 แห่ง



ถ้ำคน กลางเพดานหินที่ยื่นออกไป
มีภาพลายเส้นขยานเขียน
อยู่ที่อุทยานประวัติศาสตร์ ด้วยสีขาวอยู่ข้างหน้าและ
ภูพระบาท จังหวัดอุดรธานี ภาพคนเขียนแบบเงาทึบ
ทางด้านทิศตะวันตก ของเพิง เน้นให้เห็นกล้ามเนื้อ โดย
หินเป็นภาพเขียนก่อนน เฉพาะน่อง แต่หัวขาดหาย
ประวัติศาสตร์ราว2,000- ไป
3,000 ปีมาแล้ว บนผนังของ
ถ้ำได้แสดงภาพคนทั้งเจ็ดคน ถ้ำวัว
เขียนด้วยสีแดง เขียนเป็น
แถวยาวเดินต่อกันเป็นขบวน บริเวณที่ปรากฏภาพ
แสดงให้เห็น พฤติกรรมร่วม เขียนสี คือบริเวณเพิงหิน
กันในทางใดทางหนึ่งนอกจาก ด้านทิศตะวันออกเฉียงใต้
นี้ยังมีคล้ายลายเส้นเเดงโยง เป็นแถวบนลายเส้นเขียน
ไปโยงมาบริเวณคนที่หนึ่ง ด้วยสีแดง
และคนที่สอง และมีลายเส้น มีภาพสัตว์สองตัว หันไป
รูปสี่เหลี่ยม ผืนผ้าต่อกัน ทางทิศใต้ สัตว์ตัวแรก
เขียนด้วยสีขาว ทับลงไปตรง คล้าย กระจง ตัวที่สอง เป็น
เพดานหินเหนือศรีษะของคน สัตว์สี่ขา หางยาวมีสองหู
ที่ห้า มีภาพลายเส้นเขียน ถัดไปเป็นลูกวัวเดินตามแม่
คล้ายตุ๊กแก เป็นภาพที่อยู่ ในทิศตรงกันข้าม
เดี่ยวๆ

ภาพเขียนที่ผนังถ้ำสมัยก่อนประวัติศาสตร์
จังหวัดอุบลราชธานี



ณ อุทยานแห่งชาติผาแต้ม
อำเภอโขงเจียม จังหวัด
อุบลราชธานีค้นพบภาพเขียนสี
โบราณสมัยก่อนประวัติศาสตร์
อายุราว 3,000 กว่าปี ซึ่งได้ค้น
พบภาพเขียนด้วยสีแดงน้ำ
หมากเฉพาะที่ผาแต้ม มีจำนวน
ถึงสามร้อยภาพ อาทิ ภาพแม่
ช้าง ลูกช้าง ภาพปลาบึก
เครื่องมือหาปลา ภาพการ
ดำรงชีวิตของคนโบราณ ข้าว
ของเครื่องใช้ ซึ่งบ่งบอกได้เป็น
อย่างดีว่า ที่แห่งนี้เคยมีมนุษย์
อาศัยอยู่ โดยภาพเขียนที่ผา
แต้มเป็นภาพเขียนแนวยาว
ติดต่อกัน มีความสูงชัน
ประมาณ 30-40 เมตร มีทาง
เดินแคบๆ

ภาพเขียนที่ผนังถ้ำสมัยก่อนประวัติศาสตร์
จังหวัดพิษณุโลก



พุทธอุทยานที่พักสงฆ์วัดเขากะไดม้า ตำบลชาติตระการ
อำเภอชาติตระการ จังหวัดพิษณุโลกถ้ำที่นี่มีความพิเศษไม่
เหมือนกับถ้ำที่อื่น คือเลือกที่จะกะเทาะเพดานหินให้เป็นรูป
วงกลม แล้วนอนเขียนภายในกรอบวงกลม ซึ่งเพดานนี้มีความ
สูงจากพื้นมากเกือบ 10 เมตร ที่มีอายุประมาณ 3,000-4,000
ปี และอาจเป็นไปไดท้ ี่อาจจะเป็นแห่งเดียวในประเทศไทยที่
กะเทาะเพดานแบบนี้ ภาพที่ปรากฏบนเพดานแห่งนี้เบื้องต้นคือ
พบเห็นมนุษย์ตัวใหญ่และตัวเล็ก แสดงออกถึงการแต่งกาย
และล่าสัตว์ แต่ด้วยกาลเวลาผ่านไปนานพื้นผิวของเพดานก็
ทรุดโทรมลงได้ร่วงหล่น จึงทำให้ภาพเกิดความเสียหายและ
ความสมบูรณ์ของภาพลดลง ลงเรื่อย ๆ



ภาพเขียนสีสมัยก่อนประวัติศาสตร์
ที่อำเภอบ้านผือ

กรมศิลปากรได้ค้นพบ ประวัติศาสตร์ ที่บริเวณถ้ำ
ขวานหินขัดของมนุษย์ในยุค ลาย บนเทือกเขาภูพาน
สมัยก่อนประวัติศาสตร์ที่เคย บ้านโปร่งฮี ตำบลกลาง
ได้อาศัยอยู่ในบริเวณนี้ เรียก ใหญ่ อำเภอบ้านผือ เป็น
ว่าขวานฟ้า ณ อำเภอบ้านผือ ลายเขียนเส้นสีเหลือง รูป
จังหวัดอุดรธานี และ บริเวณ เรขาคณิต คือเป็นรูป
เทือกเขาภูพาน ใกล้วัด สี่เหลี่ยมและรูปเส้นวกไปวก
พระพุทธบาทบัวบก ตำบล มา และที่บริเวณถ้ำโนนเสา
เมืองพาน อำเภอบ้านผือ เอ้ บ้านติ้ว ตำบลเมืองพาน
จังหวัดอุดรธานี กล่าวคือ ได้ อำเภอบ้านผือ พบว่า เป็น
มีการค้นพบภาพเขียนสีบน รูปทรงเรขาคณิตคล้ายที่ถ้ำ
ผนังถ้ำ และเพิงถ้ำของ ลาย บางรูปเขียนเป็นเส้น
มนุษย์สมัยก่อน ใหญ่ ๆ ขนานกันหลายเส้น

ภาพเขียนสีสมัยก่อนประวัติศาสตร์
ที่อำเภอบ้านผือ

และในบริเวณใกล้เคียงกันนี้ยังได้พบภาพฝ่ามือทาบบน
ผนังถ้ำ ภาพเขียนสีบนผนังถ้ำเป็นรูปคน รูปวัวแดง บริเวณ
เทือกเขาภูพานใกล้วัดพระพุทธบาทบัวบก อำเภอบ้านผืออี
กด้วย จึงเป็นหลักฐานที่แสดงให้เห็นว่าดินแดนที่เป็นจังหวัด
อุดรธานีในปัจจุบันนั้น อดีตเคยเป็นแหล่งที่อาศัยของมนุษย์
สมัยก่อนประวัติศาสตร์
ยังพบภาพของฝ่ามือทาบบนกับผนังถ้ำ และภาพเขียนสีบนถ้ำ
พบเป็นรูปคน รูปวัวแดงอีกด้วย



CHAPTER 2

ภาพเขียนสีก่อนประวัติศาสตร์

จากที่เราได้เสนอถึงความโดดเด่นของ “ภาพเขียนสีก่อน
ประวัติศาสตร์” และความคิดสร้างสรรค์ของมนุษย์ยุคแรก
เริ่ม ต่อไป เราจะนำเสนอถึงความพัฒนาอีกระดับของงาน
ภาพประกอบโดยคนไทย ที่มีความนิยมจนถึงยุคปัจจุบัน
และมีการปรับเปลี่ยน การเปลี่ยนแปลงด้วยกาลเวลา แต่
เสน่ห์ลึก ๆ ของสิ่งเหล่านี้ที่เรานั้นยังอยากเก็บให้ลุกหลาน
ได้อ่าน ต่อ ๆ ไป

สิ่งนี้ เป็นสิ่งที่เราได้เห็นมาตั้งแต่เล็กจนโต ได้เติบโต
มาพร้อม ๆ กัน ทุกครั้งที่นึกถึง ก็จะดึงทุกความทรงจำใน
วัยเด็กของเราออกมา แม้เราจะโตจนสนใจได้น้อยลงแล้ว
แต่สิ่งนี้ก็ยังคงมีให้พวกเราได้เห็นผ่านตาเสมอ

จนในยุคปัจจุบัน เริ่มมีเทคโนโลยีมากขึ้น เสน่ห์การ
เปิดอ่านทีละหน้า มือที่จับหน้ากระดาษ กลิ่นและสัมผัสของ
กระดาษ บนหนังสือการ์ตูนไทย ค่อย ๆ จางหายไป เราไม่
อยากให้เสน่ห์ที่น่าจดจำ และ น่าสนใจนี้ต้องจางหาย เราจึง
เลือก “ภาพประกอบการ์ตูนไทย” มานำเสนอในบทถัดมา

ความเป็นมาของภาพประกอบการ์ตูนไทย

ประวัติศาสตร์การ์ตูนไทย สมัยรัชกาลที่ 7 วงการ
เริ่มจากการเข้ามาของ การ์ตูนซบเซาลงเนื่องจากพิษ
วิทยาการเขียนภาพแบบ เศรษฐกิจ จนถึง พ.ศ. 2475
ตะวันตก ซึ่งขรัวอินโข่ง ประเทศไทยมีการเปลี่ยนแปลง
จิตรกรในสมัยรัชกาลที่ 3 - การปกครอง ทำให้นักเขียน
รัชกาลที่ 4 แห่งกรุง การ์ตูนมีเสรีภาพในการเสนอ
รัตนโกสินทร์ ได้นำมาใช้เป็น ความคิดเห็นมากขึ้น จึงมีนัก
คนแรกในการเขียนภาพ เขียนการ์ตูนดังๆ เกิดขึ้นในยุค
เป็นการเริ่มจากการ์ตูนแนว นี้หลายคน อาทิ สวัสดิ์ จุฑะรพ
นิยายพื้นบ้าน ผี และแนว ผู้นำเรื่องสังข์ทองมาวาดเป็น
จักรๆวงศ์ๆ และต่อมาเริ่มมี การ์ตูนเรื่องยาวเรื่องแรกของ
การเขียนการ์ตูนแนวตลก ประเทศไทย
สั้นๆ ในลักษณะ การ์ตูน 3
ช่องจบ ออกมาเพิ่มเช่น ขาย
หัวเราะ มหาสนุก ความ
หมายของคำว่าการ์ตูน
การ์ตูน เป็นคำทับศัพท์ใน
ภาษาอังกฤษว่า Cartoon
ซึ่งสันนิษฐานว่ามีรากศัพท์
มาจากคำว่า คาโตเน
Cartone ในภาษาอิตาลี ซึ่ง
หมายถึงแผ่นกระดาษที่มี
ภาพวาด

ความเป็นมาของภาพประกอบการ์ตูนไทย

ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 การ์ตูนไทยซบเซาลงจากภัย
สงครามเช่นเดียวกับวงการวรรณกรรม เมื่อสิ้นสงครามแล้ว
วงการการ์ตูนไทยจึงฟื้ นตัวอีกครั้ง ในยุคนี้ปรากฏนักเขียน
การ์ตูนที่มีชื่อเสียงหลายคน เช่น ประยูร จรรยาวงษ์ นักเขียน
การ์ตูนเจ้าของฉายา "ราชาการ์ตูนไทย" ซึ่งวาดทั้งการ์ตูนตลก
และการ์ตูนการเมือง ในยุคเดียวกันนี้ก็มีนักวาดภาพประกอบผู้
โด่งดังซึ่งเป็นที่รู้จักกันทั่วไปคือ เหม เวชกร ซึ่งน้อยคนนักจะรู้
ว่าท่านก็วาดการ์ตูนด้วยเหมือนกัน

บุคคลเขียนการ์ตูนไทยคนแรกที่มีชื่อเสียง

ยุคแรกของการ์ตูนไทย คือ ช่วง พ.ศ. 2387-2474 เท่าที่มี
หลักฐานปรากฏ จะพบลักษณะของการ์ตูนแทรกอยู่ในภาพ
วิจิตรศิลป์ ภาพผนังต่าง ๆ ซึ่งในยุคต้นของกรุงรัตนโกสินทร์
มีจิตรกรเอกนามว่า “ขรัวอินโข่ง” มีความสามารถในการวาด
ภาพจิตรกรรมไทยโบราณ และเป็นจิตรกรไทยคนแรกที่นำ
แนวคิดการวาดภาพจิตรกรรมแบบตะวันตกมาใช้แบบในการ
วาดภาพ เพราะได้รับอิทธิพลจากหนังสือภาพวาดจากต่าง
ประเทศที่เริ่มเข้ามาในประเทศไทยในช่วงนั้น ทำให้รูปแบบ
จิตรกรรมไทยซึ่งมีลักษณะแบนราบเปลี่ยนไปเป็นภาพที่มีมิติ
และแสงเงา จนเป็นที่ยกย่องว่า ขรัวอินโข่งเป็นจิตรกรล้ำสมัย
ภาพวาดของ”ขรัวอินโข่ง”

ขรัวอินโข่งเขียนภาพจิตรกรรมฝาผนังตามวัดต่าง ๆ
ด้วยลักษณะที่เหมือนจริง (realistic) ซึ่งผิดแผกไปจาก
ลักษณะการเขียนภาพแบบไทยโบราณที่เป็นแบบอุดมคติ
(idealistic) ภาพวาดของขรัวอินโข่งหลายภาพได้สอดแทรก
อารมณ์ขันและล้อเลียนคนในยุคสมัยนั้น

สมัยเริ่มมีรสนิยม

การ์ตูนเริ่มเป็นที่นิยมในรัชสมัยพระบาทสมเด็จ
พระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 6) ซึ่งพระองค์ทรงสน
พระทัยเป็นอย่างมากเรื่องศิลปะการเขียนภาพล้อ และโปรด
เกล้าฯ พระราชทานคำว่า cartoon เป็นภาษาไทยว่า “ภาพ
ล้อ”พระองค์ทรงโปรดการวาดภาพมาก จึงทรงส่งเสริมการ
วาดภาพล้อเลียนอย่างจริงจัง เริ่มมีการนำภาพวาดมาเข้ามาใส่
ในหนังสือพิมพ์เพิ่มเป็นภาพประกอบข่าวและมีลูกเล่นมากขึ้น

ในยุคนี้ นักเขียนภาพล้อเลียนการเมืองคนแรกของไทยที่
มีชื่อเสียงมากคนหนึ่ง คือ เปล่ง ไตรปิ่ น (ขุนปฏิภาคพิมพ์ลิขิต)
ท่านนี้ไปอยู่ทวีปยุโรปนานกว่า 20 ปี และได้เดินทางกลับสู่
ประเทศไทยพร้อมกับนำวิชาการแม่พิมพ์ (บล็อก) โลหะเข้ามา
เผยแพร่ในเมืองไทยด้วย โดยเปิดร้าน “ฮาล์ฟโทน” รับทำบล็อก
แล้วได้รับความนิยมอย่างรวดเร็วในวงการหนังสือพิมพ์และ
โรงพิมพ์นอกจากนี้ ยังได้นำแบบการวาดภาพการ์ตูนล้อเลียน
ของต่างประเทศมาใช้วาดการ์ตูนล้อเลียนเสียดสีการเมืองใน
ประเทศไทย

ยุคบุกเบิก

ยุคต่อมาของการ์ตูนไทย ส่งผลกระทบต่อวงการ
คือ ช่วงระหว่าง การ์ตูนด้วยจนถึงปี พ.ศ.
พ.ศ.2475-2499 ตรงกับ 2475 ซึ่งเป็นปีแห่งการ
สมัยรัชกาลที่ 7 ซึ่งใน เปลี่ยนแปลงการปกครอง
นิทรรศการนี้เรียกว่า ของไทย การ์ตูนกลับมา
“ยุคบุกเบิก” ช่วงปลายของ คึกคักมีบทบาทอีกครั้งหนึ่ง
ยุคแรก วงการการ์ตูน เนื่องจากนักเขียนการ์ตูนมี
ซบเซาเพราะภาวะเศรษฐกิจ เสรีภาพทางความคิดเห็น
ตกต่ำทั่วโลก มากขึ้นกว่าเดิม

การเขียนการ์ตูนล้อเลียนเสียดสีการเมืองเริ่มมีกันอย่าง
แพร่หลายในหมู่ประชาชน ยุคนี้วงการการ์ตูนไทยเริ่มผสม
ผสานวัฒนธรรมตะวันตกและวัฒนธรรมไทยออกมาในรูปของ
ตัวการ์ตูน

พัฒนาการของการ์ตูนไทยในยุคนี้
แบ่งเป็น 3 ช่วง คือ

1.ช่วงแรก ปี พ.ศ. 2500-2520 เรื่องการ์ตูนเป็นเรื่องจาก
เทพนิยาย เรื่องอภินิหาร เรื่องสัตว์ประหลาด และของวิเศษ
มากมาย โดยได้รับอิทธิพลจากเทพนิยายและการ์ตูนเรื่องของ
ประเทศทางตะวันตก แต่นำมาผูกเรื่องเขียนใหม่ให้เป็นการ์ตูน
แบบไทย การ์ตูนเล่มละบาทกลายเป็นตำนาน เป็นชื่อเฉพาะ และ
เป็นสัญลักษณ์ที่เรียกกันมาจนถึงทุกวันนี้ แนวเรื่องของ
การ์ตูนเล่มละบาท มีทั้งเรื่องชีวิต เรื่องผี เรื่องตลก นิทาน รัก
ต่อมาภายหลังเนื้อหาเริ่มหันมาเป็นเรื่องผี ลึกลับ ตลก รัก
ประโลมโลก

2.ช่วงปี พ.ศ. 2521-2536 เป็นสมัยที่การ์ตูนญี่ปุ่นครอง
เมือง การ์ตูนแปลจากญี่ปุ่นเข้ามามีบทบาทในไทยเป็นอย่าง
มากจนครองตลาดการ์ตูนในไทยอย่างเบ็ดเสร็จ มีการนำ
การ์ตูนญี่ปุ่นมาแปลเป็นไทยทั้งในแบบพ็อกเกตบุ๊ก และ
นิตยสาร นักเขียนการ์ตูนไทยต้องปรับตัวในการสร้างสรรค์ผล
งานตามยุคและสมัย เนื้อเรื่องส่วนใหญ่ของการ์ตูนญี่ปุ่นเป็น
ประเภทสัตว์ประหลาด มนุษย์วิเศษ ทำให้เนื้อหาของการ์ตูนไทย
ในยุคนี้เปลี่ยนแนวมาเป็นการ์ตูนสัตว์ประหลาดด้วย เช่น จัมโบ้
เอ ไอ้มดแดง หุ่นกายสิทธิ์

พัฒนาการของการ์ตูนไทยในยุคนี้
แบ่งเป็น 3 ช่วง คือ

3.ช่วงปี พ.ศ. 2537-ปัจจุบัน หนังสือการ์ตูนไทยที่ถือครอง
ใจคนไทยทุกเพศทุกวัยในช่วงนี้ คือ ขายหัวเราะ มหาสนุก ไอ้ตัว
เล็ก หนูหิ่นอินเตอร์ และหนังสือการ์ตูนอื่น ๆ ในเครือสำนัก
พิมพ์บันลือสาส์น ซึ่งแนวการ์ตูนเป็นการ์ตูนแก๊ก และการ์ตูน
เรื่องสั้นจบในตอนเป็นส่วนใหญ่ นอกจากนี้ หนังสือการ์ตูนใน
ยุคนี้มีลายเส้นและเนื้อหาที่คล้ายคลึงกับการ์ตูนญี่ปุ่น ปัจจุบัน
นักเขียนการ์ตูนไทยมีความสามารถมากยิ่งขึ้น ประกอบกับ
เทคโนโลยีดีขึ้น และสามารถนำเทคนิคต่าง ๆ มาประยุกต์ใช้
รวมถึงมีความคิดสร้างสรรค์ จินตนาการดี เนื้อเรื่องดี จนทำให้
ผลงานของนักเขียนการ์ตูนไทยเป็นที่ยอมรับและโด่งดังในต่าง
ประเทศ

พัฒนาการของการ์ตูนไทยในยุคนี้
แบ่งเป็น 3 ช่วง คือ

ในปัจจุบันก็ได้มีการใช้ ที่สามารถดูได้ที่วัดต่างๆใน
เทคโนโลยีมากขึ้นเรื่อยๆใน ประเทศไทยมีทั้งความ
การวาดภาพออกแบบภาพ สวยงาม ที่ท่านผู้อ่านอาจมอง
ประกอบเมื่อเข้าสู่ยุคดิจิทัล ข้ามไป เพราะภาพประกอบ
การอ่านหนังสือการ์ตูนได้ เหล่านี้ มีทั้งประวัติความเป็น
พัฒนา รูปแบบการเข้าถึง มาที่น่าสนใจ ความเกี่ยวข้อง
การ์ตูนเปลี่ยนไปตาม กับบทวรรณคดีในยุคก่อนที่
เทคโนโลยี การ์ตูนได้ปรับ ถ่ายทอดมาสู่ผนังสถานที่อัน
เปลี่ยนก้าวข้ามจากสื่อสิ่ง ศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวไทยต่างเคารพ
พิมพ์ไปสู่สื่อออนไลน์ และนับถือ
ช่องทางการเข้าถึงหนังสือ และปัจจุบันต่างเป็นสถานที่
การ์ตูนไทยในยุคดิจิทัลมี ท่องเที่ยวชื่อดังที่มีทั้งนักท่อง
มากมาย นับเป็นกำไรของ เที่ยวในประเทศ และ นอก
นักอ่านที่ไม่จำกัดอยู่กับ ประเทศ มาชื่นชมถึงความ
แพลตฟอร์มชนิดใดชนิด สวยงาม และ สื่อถึงความ
หนึ่ง สามารถเข้าถึงง่ายผ่าน สามารถของคนไทยที่
ทางอุปกรณ์พกพาต่าง ๆ ออกแบบและสร้างสรรค์ผล
โดยมีทั้งแบบที่อ่านฟรีก็ได้ งานสู่แผ่นผนังอันใหญ่โตนี้ได้
หรือจะเสียเงินซื้อก็มี
อย่าเช่นในApplication
Webtoon บทต่อมานี้
เราจะนำเสนอถึงความเป็น
ไทย



CHAPTER 3

ความเป็นมาของภาพประกอบจิตกรรม
ฝาผนังในวัด ในประเทศไทย

จิตรกรรมของไทย ตามลักษณะพื้นฐานของ
อาศัยความรู้ความเข้าใจใน สังคมไทย ซึ่งมีความเป็นอยู่
ปรัชญาของพุทธศาสนา ในลักษณะที่พึ่งพาอาศัยกัน
เป็นหลักในการสร้างสรรค์ การอยู่ร่วมกันเป็นชุมชน
การสั่งสอนพุทธปรัชญา ต่างๆ การช่วยเหลือกันวัดจะ
และธรรมะแก่ประชาชน เป็นศูนย์รวมในการพบปะ
อาศัยสื่อกลางในรูปแบบ แทบทุกประเภท เพราะวัดใน
ต่างๆ กัน เช่น อาศัยพระ ความรู้สึกของสังคมไทย เป็น
สงฆ์เป็นผู้ถ่ายทอด ในรูป ศูนย์กลางในด้านศาสนา งาน
ของการแสดงธรรม อาศัย ประเพณีต่างๆ รวมทั้งการ
ครูเป็นผู้ถ่ายทอดใน ศึกษาเบื้องต้นของเด็กไทย
โรงเรียน และอาศัยบุคคล ดังนั้นจะเห็น ได้ว่า งาน
ทั่วๆ ไปเล่าสืบต่อกันไปใน จิตรกรรม ซึ่งเป็น
รูปแบบของเรื่องราว

ความเป็นมาของภาพประกอบจิตกรรม

ฝาผนังในวัด ในประเทศไทย

ในการสร้างโบสถ์วิหารของวัดใดวัดหนึ่ง ผู้ที่ทำงาน
ประสานกัน จะประกอบด้วยช่างฝีมือแขนงต่างๆเช่นสถาปนิก
ผู้ออกแบบโบสถ์ นายช่างตกแต่งภายในโบสถ์ ช่างปั้ น และ
ช่างเขียน เป็นต้น พระประธาน นับเป็นองค์ประกอบที่สำคัญ
ที่สุดของโบสถ์ ดังนั้น งานประติมากรรม ซึ่งประกอบด้วย
การปั้ น และสร้างพระประธานในโบสถ์จึงถือเป็นงานที่สำคัญ
ที่สุด การออกแบบ และปั้ นฐานพระประธาน จะเป็นงานรอง
จากการสร้างพระประธาน เพราะต้องออกแบบฐาน ซึ่ง
ประดิษฐานองค์พระประธาน ตามลักษณะ และขนาดของพระ
ประธาน ขนาดของโบสถ์และพระประธานต้องมีความสมดุล
กัน ช่างเขียนซึ่งทำงานจิตรกรรมฝาผนังภายในโบสถ์ จะต้อง
สร้างงานในลักษณะส่งเสริมองค์พระประธาน ส่วนมากพระ
ประธานในโบสถ์ จะมีขนาดใหญ่มาก เพราะฉะนั้น ช่างเขียนที่
เขียนภาพจิตรกรรมฝาผนัง จะต้องรู้จักประมาณตน จะต้อง
ไม่แสดงความอวดเก่ง เพื่อแสดงความสำคัญเฉพาะงานของ
ตน การวางเค้าโครงเรื่องราวของภาพจิตรกรรมก็ดี การวาง
โครงสร้างของสี และขนาดสัดส่วน ของคน สัตว์ และสิ่งของ
ต่างๆ ซึ่งประกอบเป็น
เรื่องราวที่ดี อย่างตัวอย่างภาพจิตกรรมบนฝาผนังวัด ดัง
ต่อไปนี้

จิตกรรมฝาผนังวัดคงคาราม

วัดคงคาราม ตำบล คลอง
ตาคต อำเภอ โพธาราม จังหวัด
ราชบุรี จิตรกรรมฝาผนังวัดคงคา
รามอายุไม่ต่ำกว่า 250 ปี สวย
ปราณีตฝีมือช่างชั้นสูง หาชมได้
ยากในปัจจุบัน เหล่าบรรดาผู้ศึกษา
ในจิตรกรรม จะต้องมาศึกษา คัด
ลอก ต้นฉบับที่นี่เป็นอันดับแรกๆ
วัดคงคารามเป็นวัดมอญ สร้างขึ้น
โดยพระยามอญในสมัยปลายกรุง
ศรีอยุธยาต่อกับกรุงธนบุรีและต้น
รัตนโกสินทร์

จิตกรรมฝาผนังวัดบวกครกหลวง

วัดบวกครกหลวง เป็นวัดที่มีความเก่าแก่วัดหนึ่งของ

ตำบลท่าศาลา อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ สร้าง
ขึ้นในยุคสมัยใดไม่มีหลักฐานปรากฏแน่ชัด ความโดดเด่น
ของวัดบวกครกหลวงอยู่ที่วิหารทรงล้านนา ซึ่งเป็นอาคารก่อ
อิฐถือปูนหลังคาเครื่องไม้ จากการสืบประวัติภาพจิตรกรรม
ฝาผนังที่ปรากฏพอจะประมาณได้ว่าอายุของวิหารนี้ไม่ต่ำกว่า
300 ปี ลักษณะที่ตั้งของชุมชนบวกครกหลวงว่าตั้งอยู่ทาง
ทิศตะวันออกของเวียงเชียงใหม่ระหว่างแอ่งที่ลุ่มลำน้ำปิงกับ
ลำน้ำแม่คาว จนกลายเป็นที่มาของชื่อชุมชนและชื่อวัดในเวลา
ต่อมา แม้จะปรากฏหลักฐานจากคำบอกเล่าว่า เดิมชื่อของวัด
แห่งนี้คือ “วัดม่วงคำ” แต่ชาวบ้านทั่วไปก็มักนิยมเรียกชื่อ
ของวัดตามสภาพภูมิศาสตร์ของชุมชนว่า “วัดบวกครกหลวง”

จิตกรรมฝาผนังวัดบวกครกหลวง


ภาพเขียนจิตรกรรม

ฝาผนังในวิหาร เป็นภาพที่

มีความเก่าแก่มาก เขียน

เรื่องราวพุทธประวัติและ

ชาดกในนิบาต จำนวน 14

ห้องภาพ โดยฝีมือช่างไต

ชาวล้านนา ความสวยงาม

ของภาพเขียนจิตรกรรม

ฝาผนังวัดบวกครกได้รับ

การยกย่องจาก

น.ณ.ปากน้ำว่าเป็นภาพ

เขียนที่ใช้สีสันสดใสจัดจ้าน

ท่าทีการใช้แปรงเหมือนกับ

ภาพเขียนของอัครศิลปินผู้

ยิ่งใหญ่อย่างแวนโก๊ะ จิตร

กรแนวอิมเพรสชั่นชาว แต่จะมีการเลือกมาเฉพาะ
ดัตซ์ ต่อมา สน สีมาตรัง ตอนที่นิยมเพียงบางเรื่อง
ได้ทำการศึกษาจิตรกรรม เท่านั้น ทว่าที่วิหารวัดบวก
ฝาผนังของวัดในล้านนา ครกหลวงมีการเขียนเรื่อง
โดยเฉพาะที่วัดบวกครก ทศชาติชาดกมากที่สุด
หลวงอย่างละเอียดพบ คือมี 6 พระชาติคือ เตมิย
ข้อมูลที่น่าสนใจคือ ชาดก สุวรรณสามชาดก
จิตรกรรมฝาผนังในล้าน เนมิราชชาดก มโหสถชาดก
นาไม่พบการเขียนทศชาติ วิฑูรชาดกและเวสสันดร
ครบทั้งสิบพระชาติ ชาดก

จิตรกรรมฝาผนังเรื่องรามเกียรติ์ ณ ระเบียงคด
วัดพระศรีรัตนศาสดาราม

เป็นภาพบนฝาผนังเกี่ยวกับเรื่องราวในมหากาพย์วรรณคดี
เรื่อง รามเกียรติ์ อยู่บริเวณระเบียงคด รอบพระอุโบสถวัดพระ
ศรีรัตนศรีศาสดาราม มีจำนวนทั้งสิ้น 178 ห้อง สร้างขึ้น
ตั้งแต่รัชสมัยพระบาทสมเด็จพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก โดยมีการ
เขียนซ่อมแซมเพิ่มเติมในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้า
เจ้าอยู่หัว และพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ครั้นถึง
สมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้โปรดให้
บูรณะในโอกาสครบรอบ 100 ปีกรุงรัตนโกสินทร์ ในการนี้ได้
ทรงพระนิพนธ์โคลงประกอบภาพไว้จำนวนแปดห้อง เป็นโคลง
224 บท

ซึ่งเจ้าของงานวิจัยเรื่อง “จิตรกรรมระเบียงคดวัดพระ
ศรีรัตนศาสดาราม” อาจารย์รุ่งโรจน์ ภิรมย์อนุกูล จากภาควิชา
ประวัติศาสตร์ คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง
บอกเล่าถึงที่มาของจิตรกรรมรามเกียรติ์ ที่ระเบียงคด วัดพระ
แก้ว ได้น่าสนใจ เราจึงหยิบยกมานำเสนอให้ท่านผู้อ่านได้ศึกษา
กัน

จิตรกรรมฝาผนังเรื่องรามเกียรติ์ ณ ระเบียงคด
วัดพระศรีรัตนศาสดาราม

จิตรกรรมรามเกียรติ์ ที่ระเบียงคด พระอารามวัดพระ
ศรีรัตนศาสดาราม หรือ วัดพระแก้ว แท้ที่จริงแล้วควรจะนับจุด
เริ่มต้นตั้งแต่ช่วงอวตารปางที่ 8
คือ ตอนพระนารายณ์อวตารเป็นอัปสร ซึ่งอยู่บริเวณผนังด้าน
ทิศตะวันออกของซุ้มประตูศรีรัตน แต่เนื่องจากจารึกโคลงภาพ
รามเกียรติ์ นับฉากพระชนกฤาษีทำพิธีบวงสรวงไถได้นางสีดา
เป็นห้องที่ 1 ทั้งนี้ อาจเป็นเพราะตำแหน่งภาพที่เขียนนั้น หาก
พิจารณาจากเนื้อหาของจิตรกรรมและจารึกโคลงภาพ
รามเกียรติ์แล้ว จะพบว่าโครงสร้างหลักๆ ของจิตรกรรม
รามเกียรติ์น่าจะนำเนื้อหามาจากพระราชนิพนธ์รามเกียรติ์ใน
รัชกาลที่ 1 ด้วยเหตุผลดังต่อไปนี้

จิตรกรรมฝาผนังเรื่องรามเกียรติ์ ณ ระเบียงคด
วัดพระศรีรัตนศาสดาราม

1. เนื้อหาของพระราช 2. แม้ว่าในบางเหตุการณ์จะมี
นิพนธ์รามเกียรติ์ในรัชกาล ปรากฏในพระราชนิพนธ์
ที่ 1 มีเนื้อความที่สมบูรณ์ รามเกียรติ์ในรัชกาลที่ 2
ที่สุด ถ้าเทียบกับรามเกียรติ์ ก็ตาม ยกตัวอย่าง เช่น อินทร
สำนวนต่างๆ โดยเฉพาะ ชิตออกรบ โดยที่จะเริ่มต้น
เหตุการณ์ในตอนท้าย ตอนศึกศรพรหมาสตร์ จาก
ตั้งแต่ตอนหนุมานได้เป็น นั้นจึงเป็นศึกศรนาคบาศ ซึ่ง
พญาอนุชิตพระพรต พระ จะเรียงลำดับสลับกับใน
สัตรุดรบกับท้าวจักรวรรดิ จิตรกรรมฝาผนังระเบียงคด
และพระรามแสร้ง ที่จะเริ่มตอนศึกศรนาคบาศ
สิ้นพระชนม์จนถึงพระราม ก่อน แล้วจึงมาเป็นศึกศรพร
เดินดงรอบสอง และปราบ หมาสตร์ อันเป็นการเรียง
ท้าวคนธรรพ์นุราช จะไม่ ลำดับเหตุการณ์ที่ตรงกับพระ
ปรากฎใoรามเกียรติ์ฉบับใด ราชนิพนธ์รามเกียรติ์ใน
เลย แต่เรื่องราวเหล่านี้มี รัชกาลที่ 1 นอกจากนี้ เมื่อ
ปรากฏในจิตรกรรมที่ พิจารณาจารึกอธิบายภาพ
ระเบียงคดแห่งนี้ จิตรกรรมฝาผนังที่ประดับอยู่
จะพบว่ามีความสัมพันธ์กับ
พระราชนิพนธ์รามเกียรติ์ใน
พระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 1 ดัง
ตัวอย่างกรณีของนางอากาศ
ตะไล พระเสื้อเมืองกรุงลงกา
ซึ่งถ้าเป็นรามเกียรติ์ในบทพระ
ราชนิพนธ์รัชกาลที่ 2 จะเรียก
ว่า “นางอังกาศตไล”

จิตรกรรมฝาผนังเรื่องรามเกียรติ์ ณ ระเบียงคด
วัดพระศรีรัตนศาสดาราม

3. จากฉากเหตุการณ์ในศึก จากนั้นจึงพบช้างอสูร ภูเขา
มัยราพณ์ ถ้าเป็นรามเกียรติ์ กระทบกัน ยุงแม่ไก่ จน
ในบทพระราชนิพนธ์รัชกาลที่ สุดท้ายจึงพบมัจฉานุ ซึ่ง
2 จะไม่ปรากฏเหตุการณ์ เป็นเหตุการณ์ที่ปรากฏใน
หนุมานอมพลับพลา และมัย พระราชนิพนธ์รามเกียรติ์ใน
ราพณ์โกรธนางจันทประภา พระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 1
หากแต่ในจิตรกรรมที่ระเบียง
คด ปรากฏสองเหตุการณ์นี้ แต่ถ้าเป็นบทพระราช
ซึ่งมีปรากฏในพระราชนิพนธ์ นิพนธ์รามเกียรติ์ใน
รามเกียรติ์ในรัชกาลที่ 1 ด้วย พระเจ้ายู่หัวรัชกาลที่ 2
เช่นเดียวกัน นอกจากนี้ เมื่อ จะเรียงลำดับเหตุการณ์
หนุมานได้ลงเมืองบาดาลเพื่อ ต่างกัน ดังนี้ เมื่อหนุมาน
ตามหาพระรามในจิตรกรรม ลงมาเมืองบาดาลทาง
ฝาผนังจะเขียนลำดับ ก้านบัว พบยุงแม่ไก่ ต่อ
เหตุการณ์ ว่าหนุมานลงไปถึง มาพบช้างอสูร
เมืองบาดาลแล้วจะพบด่านมี พบมัจฉานุ แล้วจึงพบ
กองกำลังอสูร ด่านมีกองกำลังอสูร

จิตรกรรมฝาผนังเรื่องรามเกียรติ์ ณ ระเบียงคด
วัดพระศรีรัตนศาสดาราม

แม้ว่าเนื้อความรามเกียรติ์คำพากย์ กับพระราชนิพนธ์
รามเกียรติ์ในรัชกาลที่ 1 จะมีความใกล้เคียงกันก็ตาม แต่ถ้า
จิตรกรรมที่ระเบียงคดวัดพระศรีรัตนศาสดารามต้องการเขียน
ขึ้นเพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติยศ ก็น่าจะนำเนื้อหาในพระราช
นิพนธ์รามเกียรติ์ในรัชกาลที่ 1 มาเขียน และที่สำคัญคือ เมื่อมี
รามเกียรติ์ฉบับสมบูรณ์อยู่แล้ว เหตุใดในการเขียนจิตรกรรม
จึงจำเป็นต้องนำเนื้อหาจากต้นฉบับที่หลากหลายมาปะติดปะ
ต่อกันอย่างไรก็ตาม จิตรกรรมบางฉาก เช่น อินทรชิตดูดนม
นางมณโฑ ไม่ปรากฏในรามเกียรติ์สำนวนใดเลย แม้กระทั่งใน
จารึกโคลงภาพรามเกียรติ์ ก็ไม่ปรากฏ ซึ่งในประเด็นนี้ ไม่
สามารถค้นได้ว่าช่างเขียนนำมาจากที่ใด แต่อย่างไรก็ตาม ภาพ
อินทรชิตดูดนมนางมณโฑคงจะไม่เขียนจากจินตนาการส่วน
บุคคลของช่าง ทั้งนี้ เพราะในปัจจุบันโขนของกรมศิลปากรยัง
มีการเล่นโขน และยังปรากฏในภาพจำหลักที่พาไลพระอุโบสถ
วัดพระเชตุพนฯ อีกด้วย ทั้งภาพเหตุการณ์ตอนนี้ยังมีปรากฏ
ภาพร่างลายเส้นของพระเทวาภินิมมิต (ฉาย เทียมศิลปไชย)

จิตรกรรมฝาผนังเรื่องรามเกียรติ์ ณ ระเบียงคด
วัดพระศรีรัตนศาสดาราม



CHAPTER 4

ความนิยมของการใช้ภาพประกอบในสมัยนี้

ภาพประกอบเป็นสิ่งที่ใช้สื่อสารแบบรูปภาพแทนภาษา
และช่วยเพิ่มให้มีความน่าสนใจมากขึ้น เพราะจากผู้ที่ได้มองภาพ
จะเห็นได้ถึงความ เข้าใจโดยไม่ต้องอ่านเนื้อหาบทความต่างๆ
ตั้งแต่แรกและผู้ดูจะข้อความโดยไม่ต้องอ่านจนจบ หากภาพที่
ใช้ประกอบกับเนื้อหาที่มีคุณภาพความสวยงาม และตรงตาม
เนื้อหาชัดเจนมากพอก็จะทำให้ผู้ดูเข้าใจมากขึ้นอีก

ภาพประกอบจึงได้สำคัญกับยุคปัจจุบันอย่างมาก ซึ่งภาพ
ประกอบนั้นเราจะมองเห็นได้อย่างไร ก็คือเริ่มต้นจากสิ่งใกล้ตัว
เราเลย อย่างเช่น หน้าปกหนังสือ ทั้งหนังสือการ์ตูน หนังสือ
เรียนหรืออะไรต่างๆ นิตยาสาร และสื่อในโทรศัพท์ ถ้าเราเล่น
แอปพิเคชั่นต่างๆก็จะเป็นภาพประกอบที่อยู่กับร้านค้าออนไลน์
โฆษณา คั่นเวลาดู Youtube

ความนิยมของการใช้ภาพประกอบในสมัยนี้

ภาพประกอบในยุคสมัยนี้นั้นมีหลายประเภทคือ
1.การสร้างประกอบด้วยการวาดมือ

1.1ภาพวาดลายเส้น(drawing) เป็นการวาดลายเส้นมีน้ำ
หนักอ่อนแกแล้วแต่แสงเงา อ่อนเข้ม เป็นสีเทา เทาเข้ม และ
ดำ ที่มีมาตั้งนานแล้วตั้งแต่ยุคแรกๆและสมัยนี้ยังมีใช้กันอยู๋
พบเห็นได้ตามหนังสือพิมพ์ยุคแรกที่ตีพิมพ์ ภาพวาดลาย
เส้นนี้ใช้เทคนิควาดภาพและแรเงาให้มีน้ำหนักแสงเงาในภาพ
นิยมทำในงาน ภาพล้อเลียนทางการเมือง ภาพการ์ตูน
และภาพคนเหมือนโดยประกอบกับลายเส้น เพื่อให้ดูออกว่า
เป็นหน้าของใคร

ความนิยมของการใช้ภาพประกอบในสมัยนี้

1.2.การวาดภาพน้ำ
หนักสีและภาพระบายสี
เป็นการวาดที่
คล้ายคลึงกันกับการ
วาดภาพลายเส้นเเต่
แตกต่างกันที่การลง
ค่าน้ำหนัก เป็นการใช้สี
เข้าแต่งเติมให้มีความ
สวยงามมากยิ่งขึ้นมี
ต่างๆ เข้ามาภาพที่ออก
มาจะใช้รายละเอียด
มากเหมือนกับภาพจริง
หรือภาพถ่าย
เหมาะกับงานที่ต้องใช้
สีสันเข้ามาให้ความรู้สึก
มากขึ้น

อย่างที่เป็นนิยาย หรือหนังการ์ตูนเพื่อดึงดูดผู้ดูให้สนมากขึ้น
สีมีหลายประเภท เช่น สีไม้ สีน้ำ สีอะคิลิค สีโปสเตอร์ สีน้ำมัน

ความนิยมของการใช้ภาพประกอบในสมัยนี้

2.การสร้างภาพประกอบด้วยคอมพิวเตอร์ ซึ่งปัจจุบันในสมัย
นี้คนส่วนมากหันมานินมวาดภาพบนคอมพิวเตอร์หรือ
แท็บเล็ตต่างๆมากขึ้นเพราะมีความสะดวกและมีเสน่ห์อีกแบบ
นึง เพราะมีโปรเเกรมต่างๆที่ช่วยทำให้วาดภาพได้ดีมากขึ้น
เพราะมีการใช้เทคนิตัดต่อเข้ามาช่วยและช่วยให่งานเสร็จไวและ
ออกมาสวย และทำให้นักวาดภาพประกอบหรืองานออกแบบไม่
ต้องซื้ออุปกรณ์หลายอย่างซึ่งในโปรแกรมก็จะมีเครื่องมือ
ต่างๆเข้ามาช่วยในการทำงาน นิยม ทำงานพวกกับสื่อสิ่งพิมพ์
ต่างๆเช่น หนังสือเรียน หนังสือการ์ตูน ปกโฆษณาบนสื่อ
ออนไลน์ ก็นิยมมากเช่นกัน

ความนิยมของการใช้ภาพประกอบในสมัยนี้

3.การสร้างภาพประกอบจากภาพถ่าย วิธีนี้ก็เป็นวิธีมีมานานแล้ว
เช่นกันแต่ก็มีการพัฒนาในการถ่ายมาเลื่ อยๆความแตกต่างของ
ภาพประกอบที่เป็นภาพเขียนและภาพถ่ายคือ ภาพถ่ายสามารถ
เห็นความจริงของสิ่งที่ต้องการได้หมดอย่างละเอียดและเป็น
ธรรมชาติ ภาพประกอบที่เป็นภาพเขียน สามารถใส่สี ใส่ความ
รู้สึกของจินตนาการ อาจแสดงความมีชีวิตชีวาของสี แสงเงาที่
สร้างได้ ซึ่งภาพประกอบของทั้งสองอย่างนี้ต่างกัน จึงขึ้นอยู่กับ
ลักษณะของงาน โดยมีทั้งการจัดฉากและวิธีต่างๆ



CHAPTER 5

นักวาดภาพประกอบที่มีชื่อเสียงใน
ยุครัตนโกสินทร์

บุคคลที่มีชื่อเสียงในยุค ล้วนมีความสวยงามในแบบ
รัตนโกสินทร์ ที่โด่งดังและ ของตัวเอง ที่เรานำเสนอศิลปิน
มีชื่อเสียง เป็นนักวาดที่เก่ง ในยุคเดียวกันแต่ไม่ได้อยู่ใน
และมีผลงานมากมายให้ได้ ช่วงเวลาเดียวกัน เพราะอยาก
เห็นและได้รับการยกย่อง ซึ่ง ให้ทุกท่านได้เห็นถึงความแตก
ผลงานของศิลปินที่เราได้นำ ต่างแต่สวยงามเหมือนกันของ
มาเสนอในบทนี้ ต่างมีลาย งานของศิลปินที่มีชื่อเสียง
เส้นและเทคนิคที่แตกต่างกัน เหล่านี้ เพื่อหวังว่าท่านจะมี
แต่ภาพประกอบที่ศิลปินทุก ทัศนคติด้านศิลปะที่กว้างขวาง
คนได้สร้างออกมา มากขึ้น

ขรัวอินโข่ง

นักวาดภาพประกอบที่มีชื่อเสียงใน
ยุครัตนโกสินทร์

ขรัวอินโข่ง (ซึ่งท่านไม่มี แต่ในที่สุดสามเณรอินจึง
ข้อมูลวันเดือนปีเกิดที่แน่ชัด) ได้ยอมบวชเป็นพระที่วัด
แต่ท่านอยู่ในสมัยรัชกาลที่ ราชบูรณะ (วัดเลียบ) มา
3-4 ท่านเป็นศิลปินที่ได้รับ จากการถูกเรียกล้อว่า “อิน
การยกย่องเป็นจิตกรเอก โค่ง” ซึ่งสมเด็จพระเจ้า
ประจำรัชกาลที่ 4 ในยุคสมัย บรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรม
รัตนโกสินทร์ ซึ่งชีวิตช่วงวัย พระยานริศรานุวัดติวงศ์
เด็กของ ขรัวอินโข่ง ไม่มี ทรงอธิบายว่า “โค่ง” กับ
หลักฐานที่แน่ชันเจน ทราบ “โข่ง” แปลว่า “ใหญ่” ต่อ
เพียงว่าขรัวอินโข่งเกิดที่ มาโค่งเพี้ยนเป็น “โข่ง” จึง
ตำบลบางจาน อำเภอเมือง เรียกกันว่า “อินโข่ง” ส่วน
จังหวัดเพชรบุรีในสมัย คำว่า “ขรัว” ได้มาหลังจาก
รัชกาลที่ 3 มีชื่อเดิมว่า "อิน" “พระอินโข่ง” มีพรรษาและ
เดินทางเข้ามาบวชเป็น ทรงความรู้มากขึ้นจึงได้
สามเณรที่กรุงเทพฯ ที่มา รับการเคารพนับถือเป็น
ของชื่อ “ขรัวอินโข่ง” พระอาจารย์ซึ่งเจ้านาย
สันนิษฐานว่า คือแม้อายุ สมัยนั้นนิยมเรียกว่า
เกินมากแล้วก็ยังไม่ยอมบวช “ขรัว” คนทั่วไปจึงเรียก
พระจนถูกล้อเป็นเณรโค่ง พระภิกษุอินว่า “ขรัวอิน
โข่ง”

นักวาดภาพประกอบที่มีชื่อเสียงใน
ยุครัตนโกสินทร์

แต่บวกกับท่านเป็นคนที่มี
พรสวรรค์ของท่านจนกลาย
เป็นท่านมีลายเส้นของตนเอง
ปัจจุบันเราจะสามารถพบเห็น
งานของท่านได้จากฝาผนัง
อุโบสถในวัดบวรนิเวศ
ซึ่งภาพจะมีความเก่าและเลือน
ลานไปบางส่วน
สันนิษฐานว่า คือแม้อายุเกิน
มากแล้วก็ยังไม่ยอมบวชพระ
จนถูกล้อเป็นเณรโค่ง

ท่านยังเป็นศิลปินไทย
คนแรกที่เป็นคนเขียนภาพ
บนฝาผนังแบบตะวันตก
ท่านได้นำศิลปะตะวันตกและ
ไทยเชืาอมเข้าด้วยกันอย่าง
ลงตัว ในช่วงแรกท่านมัก
วาดภาพตาม
ตินิยมตามแนวคิดพุทธ
ศาสนา ท่านเป็นคนที่มีความ
สามารถอย่างมาก เพราะ
ท่านไม่ได้เรียนรู้วิชาวาดภาพ
แบบเป็นพิเศษเพียงแค่ท่าน
ได้ศึกษาเรียนรู้กับตนเอง
และกับช่างวาดภาพเขียน

นักวาดภาพประกอบที่มีชื่อเสียงใน
ยุครัตนโกสินทร์

ลักษระเฉพาะของภาพเขียนของ ขรัวอินโข่ง ก็คือจะเป็นแบบ
อิทธิพลศิลปะตะวันตกและศิลปะไทยรวมกัน งานจึงได้มีความ
สวยงามแบบทันสมัย ซึ่งใช้วิธีการเขียนภาพแบบตะวันตกที่ใช้
แสงและเงาสร้างเป็นภาพ 3 มิติทำให้เห็นภาพมีความลึกได้รับ
แสงไม่เท่ากันตามจริง แต่ภาพไทยที่เขียนแบบตะวันตกของ
ขรัวอินโข่งก็ยังคงลักษณะไทยไว้ได้โดยยังคงแสดงลักษณะ
ท่าทางและความอ่อนช้อยที่เน้นท่าพิเศษแบบไทย ท่านจึงได้
เป็นศิลปินที่มีความก้าวหน้าในยุคผสมผสาน

นักวาดภาพประกอบที่มีชื่อเสียงใน
ยุครัตนโกสินทร์

เหม เวชกร

เกิดเมื่อวันที่ 17 มกราคม พ.ศ.2446 ในยุครัตนโกสินทร์
เกิดที่บ้านใน ตำบล พระราชวังอำเภอพระนคร จังหวัด
พระนคร เป็นบุตรของหม่อมราชวงศ์ปฐม (หุ่น) ทินกร
มหาดเล็กในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว กับ
หม่อมหลวงสำริด พึ่งบุญ ชีวิตในวัยรุ่นของเขา นับเป็นช่วง
เวลาที่ตกยากที่สุด ทั้งพ่อและแม่ที่ต่างผลัดกันแย่งยื้อตัวเขา
ไว้ก็ไม่มีใครได้เลี้ยงดูจริงจัง ตามประวัติกล่าวว่าเขาเคยเรียน
ที่โรงเรียเทพศิรินทร์ และอัสสัมชัญ แต่ก็คงได้เพียงชั่วเวลา
สั้นๆ จากนั้นเหมต้องกลายเป็นคนซัดเซพเนจรไปหลายที่
แม้แต่นามสกุล "เวชกร" ที่ใช้มาตลอดชีวิตก็เป็นนามสกุล
ของครอบครัวขุนประสิทธิ์เวชการ (แหยม เวชกร) อดีตนาย
แพทย์สาธารณสุขประจำจังหวัดฉะเชิงเทรา ซึ่งเคยให้การ
อุปถัมภ์เขาไว้

นักวาดภาพประกอบที่มีชื่อเสียงใน
ยุครัตนโกสินทร์

เหม เวชกร

เมื่อพ่อกับแม่ของท่าน เหมจึงเป็นศิลปินและ
แยกทางกันท่านก็นได้ไปพบ จิตรกรชาวไทย ที่มีผลงาน
กับท่านจึงได้ไปอยู่กับหม่อม เด่นแนวเหมือนจริง เช่น
ราชวงศ์แดง ทินกร ผู้เป็น ภาพวิจิตรชุดวรรณคดี
ลุง และได้มีโอกาสพบและ ไทย, นางงามในวรรณคดี,
เป็นผู้ช่วยให้กับคาร์โล ริโกลี ชีวประวัติสุนทรภู่, ภาพ
จิตรกรชาวอิตาลีผู้เขียนภาพ ประวัติศาสตร์ไทย,
บนเพดานโดมในพระที่นั่ง ราชาธิราชและกากี และพระ
อนันตสมาคม และเป็นคน ลอภาพวิจิตร เป็นต้น รวม
สอนให้หัดวาดเส้น และ ไปถึงวรรณกรรมเรื่องผี
ลวดลายต่างๆ เขาจึงชอบใน ผลงานออกแบบปก
อัธยาศัยและฝีมือของเหม หนังสือชิ้นหนึ่งของ เหม
มาก ถึงขนาดชักชวนให้ไป เวชกร เมื่อ พ.ศ. 2499 ผล
เรียนต่อทางศิลปะที่อิตาลี งานเขียนภาพปกภาพ
โดยลุงผู้อุปการะในเวลานั้น ประกอบนวนิยาย และเขา
ได้ตอบอนุญาตแล้ว แต่เมื่อ วาดภาพปรพกอบเรื่องวาด
ความรู้ถึงบิดา กลับให้คนมา ภาพปกภาพประกอบเก่า
ลักพาตัวไปเสียก่อนถึงวัน และผลงานหน้าปกหลาย
เดินทาง เหตุการณ์ครั้งนั้น เรื่อง และภาพวาดที่ผนัง
ทำให้เขาไม่ได้พบหน้า
ม.ร.ว.แดง ผู้เป็นลุงอีกเลย

นักวาดภาพประกอบที่มีชื่อเสียงใน
ยุครัตนโกสินทร์

เหม เวชกร

นักวาดภาพประกอบที่มีชื่อเสียงใน
ยุครัตนโกสินทร์

เบนซ์ – ธนวัต ศักดาวิษรักษ์

เป็นนักวาดภาพประกอบอีกหนึ่งคนที่หลาย ๆ คนชื่นชอบผล
งานของเขาเป็นอย่างมาก ผลงานของเบนซ์อยู่ระหว่างสีสันที่
ดูอ่อนโยน แต่ในขณะเดียวกันก็ให้ความรู้สึกดาร์คอย่างบอก
ไม่ถูกเช่นกัน หลังเรียนจบปริญญาตรีด้านกราฟิกดีไซน์ จาก
มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ เบนซ์เริ่มงานแรกที่สตูดิโอออกแบบ
ชื่อดัง YouWorkForThem ในตำแหน่งกราฟิกดีไซเนอร์ ด้วย
ธรรมชาติของสตูดิโอที่รับงานออกแบบหลากหลาย ทั้งฟอนต์
และงานกราฟิกแบบเวกเตอร์ ทำให้เบนซ์มีอิสระในการสร้าง
งานสไตล์ตัวเองมานำเสนอ เบนซ์ ธนวัต ศักดาวิษรักษ์ เป็น
นักวาดภาพประกอบอีกหนึ่งคน ที่เราชื่นชอบผลงานของเขา
เป็นอย่างมาก ผลงานของเบนซ์อยู่ระหว่างสีสันที่ดูอ่อนโยน
แต่ในขณะเดียวกันก็ให้ความรู้สึกดาร์คอย่างบอกไม่ถูกเช่นกัน
ผลงานของ Bloody Hell Big Head ได้ถูกตีพิมพ์ลง
นิตยสารชั้นนำอย่าง a day มีผลงานทำเป็นผ้าพันคอร่วมกับ
โปรเจ็คเจ๋ง ๆ อย่าง Youth Culture เป็นต้น

นักวาดภาพประกอบที่มีชื่อเสียงใน
ยุครัตนโกสินทร์

เบนซ์ – ธนวัต ศักดาวิษรักษ์

ถือเป็นศิลปินที่มีผลงานมาตรฐานสากลที่หาตัวจับยาก ความ
น่าสนใจในงานของ ธนวัต ศักดาวิษรักษ์ หรือเบนซ์ ไม่ใช่เพียง
แค่วิธีคิดในการสร้างงาน เรายังสนใจเขาในแง่มุมของการเป็น
นักออกแบบที่ใช้สื่อโซเชียลมีเดียและเว็บไซต์เป็นเส้นทางหลัก
ในการสร้างแบรนด์ Bloody Hell Big Head จนได้ทำงานที่
หลากหลายทั้งแนวคอมเมอร์เชียล และงานภาพประกอบให้กับ
ทั้งสื่อไทยและต่างประเทศหลายหัว

REFERENCES

https://ngthai.com/history/28263/caveartofhumankind/?
fbclid=IwAR3wu35mJucqJZ166u7mF_IGrP-kErDweNYHAXQIW5FAjTPjN6xAw8AYLSM

https://www.baanjomyut.com/library_2/paintings_of_prehistoric_east/?
fbclid=IwAR2HeFdKYc8hJ0MJcsHlMiNqhwxEXCxU-fj_EmbZ5tPeniE-6kBWS7P1SPg

https://www.finearts.go.th/phuphrabathistoricalpark/view/10494-
%E0%B8%96%E0%B9%89%E0%B8%B3%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%A7-
%E0%B8%96%E0%B9%89%E0%B8%B3%E0%B8%84%E0%B8%99?
fbclid=IwAR2Xqrm3zqJLGRUnEx-bFgZdzCdsChFxGFR505uATHy4CRZGvDbH2D8MEAQ

https://www.museumthailand.com/th/1638/storytelling/%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E
0%B8%9E%E0%B9%80%E0%B8%82%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%99%E0%B8
%AA%E0%B8%B5/?
fbclid=IwAR2AVyxxyBXFdjL9ZrzCOxmKhdf32vviPycB2hHkf1e7mN2cjJ4-sCqlE54

https://news.thaipbs.or.th/content/277238?
fbclid=IwAR0tzpgT8jsQGT7qmWfr8mpk9IJ9WBrEapIu6Xpfz0SuBWr9LSz5gdQcNBk

https://www.saranukromthai.or.th/sub/book/book.php?book=20&chap=3&page=t20-
3-
infodetail06.html&fbclid=IwAR0BtGbi3caI6Hkxi0HW7ocWBligtsv3hRmD_i0gOvoxVK56
anRmFSio5UQ

https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%82%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%A7%E0
%B8%AD%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B9%82%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%
87?fbclid=IwAR3wu35mJucqJZ166u7mF_IGrP-
kErDweNYHAXQIW5FAjTPjN6xAw8AYLSM

REFERENCES

http://www.infinityprinting.co.th/main/content.php?
page=sub&category=22&id=58&fbclid=IwAR23xVjB0QNFyHvDjzn5xQlhoIA1fjnDsOAd
z0Ws35aNXn-57s3BfgS8v70

www.silpa-mag.com/wp-
content/uploads/2018/11/%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%25B9%25E0%25B8%2
59B%25E0%25B8%25A5%25E0%25B9%2589%25E0%25B8%25AD%25E0%25B8%25
81%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%25A3%25E0%25B9%2580%25E0%25B8%25A
1%25E0%25B8%25B7%25E0%25B8%25AD%25E0%25B8%2587-
%25E0%25B8%25A3.%25E0%25B8%25A8.112.jpg&imgrefurl=https://www.silpa-
mag.com/history/article_22383&tbnid=NO0-
kyvTKpgKNM&vet=1&docid=L66GgSl2AmqDMM&w=960&h=774&source=sh/x/im

https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0
%B8%95%E0%B8%B9%E0%B8%99%E0%B9%84%E0%B8%97%E0%B8%A2?
fbclid=IwAR31cs1_uvNAMiUfnyDIDymK3NkJofzDJBpZppq1KUuTmn0yahUhLNJTHHU

https://www.prachachat.net/d-life/news-628593?
fbclid=IwAR0IQvPAjdIj6gbLu8_v7L_KsckpJhWzf7z9-66GBhDTWH9cYGZB2UlxUnw

https://itcomgrap.wordpress.com/paint-speed/?
fbclid=IwAR1KbnJ49WfBP5_ezw6VeRSOBuiyBWS7DeMsKqI4_j9JoIW68X9iOSmz7lc

http://www.infinityprinting.co.th/main/content.php?
page=sub&category=22&id=58&fbclid=IwAR23xVjB0QNFyHvDjzn5xQlhoIA1fjnDsOAd
z0Ws35aNXn-57s3BfgS8v70

www.silpa-mag.com/wp-
content/uploads/2018/11/%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%25B9%25E0%25B8%2
59B%25E0%25B8%25A5%25E0%25B9%2589%25E0%25B8%25AD%25E0%25B8%25
81%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%25A3%25E0%25B9%2580%25E0%25B8%25A
1%25E0%25B8%25B7%25E0%25B8%25AD%25E0%25B8%2587-
%25E0%25B8%25A3.%25E0%25B8%25A8.112.jpg&imgrefurl=https://www.silpa-
mag.com/history/article_22383&tbnid=NO0-
kyvTKpgKNM&vet=1&docid=L66GgSl2AmqDMM&w=960&h=774&source=sh/x/im

https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0
%B8%95%E0%B8%B9%E0%B8%99%E0%B9%84%E0%B8%97%E0%B8%A2?
fbclid=IwAR31cs1_uvNAMiUfnyDIDymK3NkJofzDJBpZppq1KUuTmn0yahUhLNJTHHU

https://www.prachachat.net/d-life/news-628593?
fbclid=IwAR0IQvPAjdIj6gbLu8_v7L_KsckpJhWzf7z9-66GBhDTWH9cYGZB2UlxUnw

https://itcomgrap.wordpress.com/paint-speed/?
fbclid=IwAR1KbnJ49WfBP5_ezw6VeRSOBuiyBWS7DeMsKqI4_j9JoIW68X9iOSmz7lc


Click to View FlipBook Version