The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by prailin281026, 2021-01-05 00:41:53

หน่วย 5 ศิลปวิจารณ์

ทัศนศิลป์


ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๔



กลุ่มสาระการเรียนรู้ศิลปะ


หน่วยการเรียนรู้ที่ ๑ หน่วยการเรียนรู้ที่ ๒ หน่วยการเรียนรู้ที่ ๓ หน่วยการเรียนรู้ที่ ๔ หน่วยการเรียนรู้ที่ ๕





๑_หลักสูตรวิชาทัศนศิลป์

๒_แผนการจัดการเรียนรู้


๓_PowerPoint_ประกอบการสอน

๔_Clip


๕_ใบงาน_เฉลย

๖_ข้อสอบประจ าหน่วย_เฉลย


๗_การวัดและประเมินผล


๘_เสริมสาระ

๙_สื่อเสริมการเรียนรู้











บริษัท อักษรเจริญทัศน์ อจท. จ ากัด : 142 ถนนตะนาว เขตพระนคร กรุงเทพฯ 10200
Aksorn CharoenTat ACT.Co.,Ltd : 142 Tanao Rd. Pranakorn Bangkok 10200 Thailand
โทรศัพท์ : 02 622 2999 โทรสาร : 02 622 1311-8 [email protected] / www.aksorn.com

หน่วยการเรียนรู้ที่ ๕







ศิลปวิจารณ์









































จุดประสงค์การเรียนรู้


• ประเมินและวิจารณ์งานทัศนศิลป์ โดยใช้ทฤษฎีการวิจารณ์ศิลปะได้

ความหมายและความส าคัญของการวิจารณ์ศิลปะ



ความหมายของการวิจารณ์ศิลปะ





ความหมายของการวิจารณ์ศิลปะ ได้มีการให้ค านิยามหลากหลาย เช่น





• พจนานุกรมศัพท์ศิลปะ ฉบับราชบัณฑิตยสถาน ให้ความหมายว่า ศิลปวิจารณ์ หมายถึง การวิพากษ์วิจารณ์ผลงานทางศิลปะ

ซึ่งศิลปินได้สร้างสรรค์ไว้ โดยให้ความเห็นตามกฎเกณฑ์และหลักการของศิลปะแต่ละสาขาทั้งในด้านสุนทรียศาสตร์และปรัชญา
สาขาอื่นๆ








• ศาสตราจารย์ชลูด นิ่มเสมอ ศิลปินแห่งชาติสาขาทัศนศิลป์ (ประติมากรรม) พ.ศ.๒๕๔๑ ให้ความหมายว่า เป็นความคิดเห็น

หรือการตัดสินที่กล่าว หรือเขียนเกี่ยวกับงานศิลปะ ชี้ให้เห็นข้อบกพร่อง หรือคุณค่าของงานศิลปะ

ความส าคัญของการวิจารณ์ศิลปะ





ความส าคัญของการวิจารณ์ศิลปะ สามารถสรุปได้ดังนี้




• ความส าคัญด้านการเรียนการสอนศิลปะ วิชาศิลปวิจารณ์จะช่วยให้ผู้เรียนสนใจวิชาศิลปะมากขึ้น วิชานี้จะช่วยใหผู้เรียนฝึกการสังเกต

พิจารณาสิ่งรอบตัวและศิลปะอย่างมีเหตุผล รู้จักการวิเคราะห์ ตีความ และตัดสินสิ่งที่ซ่อนเร้นอยู่ในผลงานด้วยความมั่นใจ





• ความส าคัญด้านธุรกิจในการจัดแสดงผลงานศิลปะ เพื่อให้เกิดรายได้และเพิ่มยอดขายงานศิลปะให้สูงขึ้น หรือเพื่อเพิ่มความเชื่อมั่น
ความเข้าใจในคุณค่าของงานศิลปะ ผู้เป็นเจ้าของงานศิลปะ อาจต้องให้ผู้วิจารณ์ศิลปะท าหน้าที่เป็นตัวกลางระหว่างผู้สร้างสรรค์ผลงาน

กับคนดูผลงาน เพื่อโน้มน้าวให้ผู้ดูผลงานเห็นคุณค่าของงานนั้นๆ




• ความส าคัญด้านการสร้างสรรค์ผลงานของศิลปิน นักวิจารณ์ศิลปะจะเป็นผู้ชี้แนวทางให้แก่ศิลปิน เพื่อสะท้อนให้เห็นในสิ่งทขาดหรือ
ี่
เกิน และให้ศิลปินน าไปปรับใช้ต่อไป




• ความส าคัญด้านการสะสมผลงานศิลปะของผู้สนใจ หรือลูกค้า การที่ศิลปินมีการสร้างสรรค์ผลงานออกมามาก อีกทั้งผลงานมี

ราคาแพง ส่งผลให้นักสะสมลังเลในการเลือกซื้อผลงาน อาจจ าเป็นที่จะต้องใช้การวิจารณ์ผลงาน เพื่อตัดสินผลงานนั้นๆ ซึ่งอาจเป็น
ความคิดเห็นของตน หรือคนอื่นก็ได้ ส่วนนักวิจารณ์จะเป็นคนสุดท้ายที่จะสร้างความมั่นใจประกอบการตัดสินใจของผู้ซื้องานศิลปะ

เครื่องมือในการวิจารณ์ศิลปะ





• การวิจารณ์ศิลปะจ าเป็นที่จะต้องใช้คนเป็นเครื่องมือเพื่อวัดในผลงานของผู้อื่นในรูปงานศิลปะ ความเชื่อถือสามารถเกิดขึ้นได้

หากนักวิจารณ์มีจรรยาบรรณพื้นฐานในการปฏิบัติงาน





เครื่องมือที่ใช้ในการวิจารณ์งานศิลปะ ได้แก



• นักวิจารณ์ต้องมีความคุ้นเคยกับผลงานศิลปะ การสร้างความคุ้นเคยจะเกิดขึ้นได้เมื่อมีการศึกษางานนั้นๆ อย่างเป็นระบบ

ไม่ว่าในด้านประวัติศาสตร์ศิลป์ ด้านสุนทรียศาสตร์ ด้านทฤษฎีทางศิลปะ เป็นต้น




• นักวิจารณ์ต้องมีประสาทสัมผัสเชิงวิเคราะห์ คือ มีความสามารถในการโต้ตอบความหมายต่างๆ ที่ซ่อนเร้นอยู่ภายในผลงาน

ศิลปะ หรือความสามารถในการแยกแยะความรู้สึกต่างๆ ของตนที่มีต่อผลงานได้




• นักวิจารณ์ต้องมีข้อมูลและเหตุผลสนับสนุนความเชื่อของตน การวิจารณ์งานศิลปะต้องมีกระบวนการ ประกอบไปด้วย
การรวบรวมข้อเท็จจริง การเสนอหลักฐานพิสูจน์ การตัดสิน หลักเกณฑ์ วิธีการนี้จะช่วยให้ผู้วิจารณ์หลีกเลี่ยงการใช้ความรู้สึก

ส่วนตัวและการล าเอียงได้

ทฤษฎีศิลปะประกอบการวิจารณ์ศิลปะ



ทฤษฎีเลียนแบบนิยม





• ทฤษฎีเลียนแบบนิยม ทฤษฎีนี้ถือว่าการวิจารณ์จะเน้นคุณค่าเชิงพรรณนา รูปแบบศิลปะจะมองจากภาพที่เห็นอย่างถูกต้อง
ชัดเจนที่สุด โดยจะให้ความส าคัญกับความเหมือนจริง พิจารณาฝีมือ ความถูกต้องตามธรรมชาติ การรับรู้ได้จากสายตาเป็นหลัก

รวมไปถึงรายละเอียดหลักการเขียนภาพต่างๆ เช่น ทัศนียภาพวิทยา กายวิภาค องค์ประกอบศิลป์ เป็นต้น




































ภาพ “ดอกบัว” ผลงานของทวี นันทขว้าง

เป็นการถ่ายทอดผลงานโดยใช้สื่อจากรูปแบบธรรมชาติ ซึ่งให้คุณค่าของการแสดงออกที่เหมือนจริงตามตาเห็น

ทฤษฎีรูปทรงนิยม





• ทฤษฎีรูปทรงนิยม ทฤษฎีนี้จะเน้นคุณค่าทางศิลปะ เกี่ยวกับองค์ประกอบทางทัศนธาตุ และหลักการทางศิลปะ ในการพิจารณา
ผลงานนั้น จะดูจากการจัดภาพ การใช้หลักการทางศิลปะ กฎเกณฑ์ทางศิลปะ ที่ท าให้ผลงานมีเอกภาพ การคิดค านวณ

การวางแผน การวิจารณ์ตามทฤษฎีนี้จะไม่มีการเกี่ยวโยงไปถึงชื่อเรียก หรือความหมายใดๆ ในงานทั้งสิ้น






































ภาพ “Portrait of a Lady” ของโรเจียร์ ฟาน เดอ เวย์เด็น ที่แสดงการจัดวางภาพมีความเป็นเอกภาพ

ทฤษฎีอารมณ์นิยม




• ทฤษฎีอารมณ์นิยมเน้นคุณค่าทางการแสดงออกของความคิด อารมณ์ และความรู้สึกที่ศิลปินถ่ายทอดจากผลงานศิลปะไปสู่ผู้มอง

ผลงาน คุณค่าทางศิลปะของการวิจารณประเภทนี้จะอยู่ที่ความคิด ความรู้สึกที่ผลงานมีต่อตนเองเป็นหลัก จะไม่สนใจเรื่องของ

องค์ประกอบรูปทรง หรือความเหมือนจริง
• นักวิจารณ์แนวอารมณ์นิยมจะสนใจผลงานศิลปะที่สอดคล้องกับชีวิต ไม่ต้องดูไปหมดทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นสถานที่ บุคคล หรือ

เหตุการณ์ หากแต่ผลงานนั้นจะต้องน าเสนอความคิด อารมณ์ความรู้สึกที่มีความหมายแก่ผู้ดูโดยฉับพลัน



























ผลงานทัศนศิลป์แบบนามธรรมของแจ็กสัน พอลล็อค ภาพ “จินตนาการจากทะเล” ผลงานของสุชาติ เถาทอง
ที่เน้นการแสดงออกซึ่งความรู้สึก หรืออารมณ์ที่ซ่อนอยู่ภายในของบุคคล ลักษณะผลงานเน้นการแสดงออกทางอารมณ์ ความรู้สึกผ่าน

ฝีแปรง ร่องรอยจากการปาดป้ายอย่างทันทีทันใด

ทฤษฎีเครื่องมือนิยม





• ทฤษฎีนี้มีความเชื่อว่า ศิลปะเป็นเครื่องมืออย่างหนึ่งในการช่วยส่งเสริมจริยธรรม ศาสนา การเมือง ตลอดจนจุดประสงค์
ี่
ต่างๆ ทางจิตวิทยา คุณค่าทางศิลปะอยู่ทผลต่อเนื่องอันเกิดจากความคิดและความรู้สึก แสดงออกผ่านผลงานศิลปะ ดังนั้น
การสร้างสรรค์ศิลปะจึงมีเป้าหมายเพื่อช่วยสังคม การเมือง และจริยธรรม




































ประติมากรรมรูปนูนสูงสมัยโรมัน แกะสลักด้วยหินอ่อน

ลักษณะผลงานเน้นการแสดงเรื่องราวเกี่ยวกับเทพเจ้าและการท าศึกสงคราม

ทฤษฎีการวิจารณ์ศิลปะ
















ี่
• การสร้างสรรค์ศิลปะกับการวิจารณ์ผลงานศิลปะ เป็นปัจจัยทมีความเกี่ยวข้องเชื่อมโยงกัน ช่วยให้
ผู้ดูได้เกิดความเข้าใจ เข้าถึงคุณค่าภายในผลงานศิลปะชิ้นนั้นได้กระจ่างขึ้น ซึ่งการรับรู้ศิลปะเชิง
สุนทรีย์กับประเด็นการรับรู้ศิลปะเชิงการวิจารณ์อาจมีความแตกต่างกันไป


















• การวิจารณ์ศิลปะ มีจุดหมาย หรือท าโดยมีเจตนาด้วยถ้อยค า ภาษา (เขียน/พูด) แสดงออกมาว่า
นักวิจารณ์รู้อะไรบ้างเกี่ยวกับผลงานศิลปะชิ้นนั้นในเชิงทฤษฎี ซึ่งในการวิจารณ์ การพูด หรือการ

เขียนอาจไม่เพียงพอ จึงจ าเป็นต้องใช้ทฤษฎีการวิจารณ์ทางศิลปะเป็นเครื่องมือในการวิจารณ์งาน

ทฤษฎีเหตุผลในการวิเคราะห์แบบมีจุดหมายของ มอนโร ซี เบียร์ดสลีย์





เหตุผลในการวิเคราะห์งานของมอนโร เบียร์สลีย์ มี ๔ ข้อ




• เหตุผลในการสร้างสรรค์ผลงาน เป็นเหตุผลที่เกิดขึ้นก่อนการสร้างสรรค์งานศิลปะ เป็นต้นเหตุของการเกิดขึ้นของผลงาน เช่น
ความตั้งใจ ความมุ่งมั่น ความจริงใจของผู้สร้างสรรค์งานศิลปะชิ้นใดชิ้นหนึ่ง การวิเคราะห์ความเข้าใจเป็นสิ่งที่ยากหากดูแต่

เพียงผลงานเท่านั้น ดังนั้นนักวิจารณ์ต้องใช้ข้อมูลอื่นๆประกอบด้วย เพราะหากยิ่งรู้เบื้องลึกของการสร้างสรรค์ผลงานมากเทาใด


ยิ่งช่วยให้การวิจารณ์ได้ผลมากเทานั้น



• เหตุผลจากความรู้สึก เป็นความรู้สึก อารมณ์ ที่ผู้วิจารณ์ได้รับจากผลงานศิลปะนั้นๆ ใช้ภาพเป็นศูนย์กลางในการวิจารณ์ ไม่ใช้

นักวิจารณ์เป็นศูนย์กลาง การวิจารณ์จึงต้องใช้ความรอบคอบในการรับรู้ภาษาศิลปะที่ผู้สร้างสรรค์ต้องการสื่อให้ผู้ดูเข้าใจ

เรื่องราวตามจุดประสงค์





• เหตุผลอย่างมีจุดหมาย การวิจารณ์ด้วยเหตุผลข้อนี้ค่อนข้างมีน้ าหนักและมีความน่าเชื่อถือมาก เนื่องจากมีหลักการและระบบ


สัมพันธ์สอดคล้องกับการประเมินอย่างมีสุนทรียภาพ เป็นแนวการวิจารณ์ที่มีหลักและมีระบบ สามารถน าไปใช้กับการวจารณ์
ศิลปะจนกระทั่งการสร้างงานศิลปะได้ ซึ่งมอนโร เบียร์สลีย์ได้ให้ข้อแนะน าในเหตุผลข้อนี้ โดยสามารถใช้เกณฑ์การพิจารณา
ตัดสินผลงานศิลปะ ได้ดังนี้

๑ เกณฑ์การพิจารณาแบบทั่วไป เป็นการวิจารณ์ที่พิจารณาถึงการบรรยาย วิเคราะห์ ตีความผลงานศิลปะ โดยยึดหลักการ

๓ ข้อ ได้แก่





๑ หลักที่ว่าด้วยเรื่องเอกภาพ คือ บรรยายถึงความสอดคล้องระหว่างรูปทรง โครงสร้างอย่างครบถ้วนในผลงาน





๒ หลักที่ว่าด้วยเรื่องความลึกซึ้ง คือ การบรรยายถึงความมุ่งมั่นในแนวความคิด การสร้างสรรค์ พร้อมกับ
น าเสนอผลงานที่ชัดเจน




๓ หลักที่ว่าด้วยเรื่องความโดดเด่น คือ บรรยายให้เห็นพลังที่ซ่อนอยู่ในงานศิลปะ สื่อถึงคุณค่าในการแสดงออก
ด้านต่างๆ โดยต้องให้เหตุผลการรับรู้ในคุณค่าเชิงนามธรรมให้ผู้อื่นเข้าใจได้อีกด้วย











๒ เกณฑ์การพิจารณาแบบเฉพาะ เกณฑ์ข้อนี้จะพิจารณาถึงผลงานศิลปะที่มีกระบวนแบบรูปทรง อันเป็นลักษณะที่พิเศษ

มีคุณลักษณะแปลกแตกต่างไม่เหมือนใคร การวิเคราะห์ไม่สามารถอาศัยทฤษฎี หรือหลักเกณฑ์แบบผลงานศิลปะทั่วไปได้

ผู้วิจารณ์อาจต้องหาตัวบ่งชี้ถึงคุณค่า คุณลักษณะบางประการที่แฝงอยู่ในผลงาน


Click to View FlipBook Version