The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by prailin281026, 2021-01-05 00:33:18

หน่วย 4 การสร้างสรรค์งานทัศนศิลป์

ทัศนศิลป์


ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๔



กลุ่มสาระการเรียนรู้ศิลปะ


หน่วยการเรียนรู้ที่ ๑ หน่วยการเรียนรู้ที่ ๒ หน่วยการเรียนรู้ที่ ๓ หน่วยการเรียนรู้ที่ ๔ หน่วยการเรียนรู้ที่ ๕





๑_หลักสูตรวิชาทัศนศิลป์

๒_แผนการจัดการเรียนรู้


๓_PowerPoint_ประกอบการสอน

๔_Clip


๕_ใบงาน_เฉลย

๖_ข้อสอบประจ าหน่วย_เฉลย


๗_การวัดและประเมินผล


๘_เสริมสาระ

๙_สื่อเสริมการเรียนรู้











บริษัท อักษรเจริญทัศน์ อจท. จ ากัด : 142 ถนนตะนาว เขตพระนคร กรุงเทพฯ 10200
Aksorn CharoenTat ACT.Co.,Ltd : 142 Tanao Rd. Pranakorn Bangkok 10200 Thailand
โทรศัพท์ : 02 622 2999 โทรสาร : 02 622 1311-8 [email protected] / www.aksorn.com

หน่วยการเรียนรู้ที่ ๔







การสร้างสรรค์งานทัศนศิลป์


































จุดประสงค์การเรียนรู้


๑. มีทักษะและเทคนิคในการใช้วัสดุ อุปกรณ์ และกระบวนการที่สูงขึ้นในการสร้างงานทัศนศิลป์ได้

๒. ออกแบบงานทัศนศิลป์ได้เหมาะกับโอกาสและสถานที่ได้
๓. วาดภาพระบายสีเป็นภาพล้อเลียน หรือภาพการ์ตูนเพื่อแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับสภาพสังคมในปัจจุบันได้

การสร้างสรรค์งานทัศนศิลป์ประเภทจิตรกรรม



เทคนิคการเขียนภาพสีน้ า



ความเข้าใจในลักษณะของสีน้ า





เทคนิคการเขียนภาพสีน้ าอาศัยเทคนิค ดังต่อไปน ี้




๑ น้ าเป็นสื่อวัสดุที่ผสมน้ าระบายลงบนกระดาษ หรือบนพื้นระนาบอื่นๆ ได้ตามที่ต้องการ




๒ สีน้ ามีลักษณะโปร่งใสไม่เห็นเนื้อสี เมื่อระบายลงบนกระดาษจะเห็นความใสของสีบนผิวกระดาษ





๓ การระบายสีน้ าหากยิ่งหมั่นฝึกฝนมากจะยิ่งค้นพบเทคนิคต่างๆมากมาย




๔ การระบายสีน้ า ต้องปฏิบัติตามขั้นตอนคุณสมบัติของสี เพื่อสามารถควบคุมการแสดงออกในภาพได้




๕ ต้องรู้จักรอคอยเวลา เช่น ความเปียก ความหมาด เพื่อที่จะสามารถลงสีต่อไปได้ตามที่ต้องการ





๖ การระบายสีน้ าต้องรวดเร็ว ฉับไว มั่นใจ ลงรายละเอียดน้อย แต่ดูแล้วสามารถเห็นความคิดรวบยอดชัดเจน

สื่อ วัสดุ และอุปกรณ์ในการเขียนภาพระบายสีน้ า





๑ สีน้ าประเภทต่างๆ สีน้ ามีมากมายหลายชนิด แต่สีน้ าที่เป็นที่นิยมในการน ามาใช้เขียนภาพระบายสี คือ




• เนื้อสีมีลักษณะเป็นผงอัดก้อนแข็งบรรจุสีในแต่ละช่อง บางผลิตภัณฑ์อาจบรรจุอยู่ใน


สีน้ าชนิดบรรจกล่อง ช่องสี่เหลี่ยม หรือวงกลม เวลาใช้ให้ใช้พู่กันจุ่มน้ า อย่าให้มีน้ ามากไปแล้วน าไปละเลง
ลงบนสีที่ต้องการ สีจะละลายออกมา พยายามอย่าจุ่มน้ ามากไปเพราะอาจท าให้เนื้อ
สีติดพู่กันเป็นก้อน




• สีชนิดนี้จะมีการบรรจุหลอดละสีและมีหลายขนาด เนื้อสีมีลักษณะเหมือนยาสีฟน

สีน้ าชนิดบรรจุหลอด ก่อนใช้ควรบีบสีลงบนจานเสียก่อน แล้วจึงน าพู่กันจุ่มน้ ามาละลายสีให้ได้สีเข้มและ
อ่อนตามต้องการ สีน้ าประเภทนี้หากบีบออกมาใช้แล้วก็ยังสามารถเก็บไว้เพื่อ
น ามาใช้ในครั้งต่อไป




• สีชนิดนี้เป็นสีที่ติดอยู่บนผิวกระดาษ ไม่มีเนื้อสี สีจะสดใสกว่าสีชนิดอื่นๆ เวลาใช้ให้

สีน้ ากระดาษ น าพู่กันจุ่มน้ าละเลงบนสี สีผิวกระดาษจะละลายออกมา ถ้าน้ ามากสีจะละลาย
ออกมามาก ถ้าน้ าน้อยสีจะออกมาน้อย เมื่อกระดาษที่มีสีส่วนใดถูกน้ าผสมแล้ว
เนื้อกระดาษตรงนั้นก็จะไม่มีเนื้อสีติดอยู่

๒ กระดานรองเขียน มีไว้เพื่อรองรับกระดาษ มีลักษณะเป็นวัสดุผิวเรียบ ส่วนมากท าจากแผ่นไม้อัด ด้านบนติดตัวหนีบเพื่อยึด


กระดาษกับกระดาน หรืออาจใช้เทปกาวติดเพื่อยึดกระดาษให้ตึงมากขึ้นก็ได้






๓ จานสี มีหลายขนาดและหลายแบบ อาจเป็นวัสดุที่ท าจากเซรามิก หรือพลาสติก


สีน้ าไม่สามารถซึมเข้าเนื้อจานได้ โดยจานจะมีช่องหลายช่องส าหรับผสมสี
โดยทั่วไปจานจะมีสีขาวเพื่อให้สามารถมองเห็นสีที่ผสมสีได้ง่ายขึ้น







๔ กระดาษเขียนสีน้ า มีความหนาเรียกเป็นปอนด์ เช่น ๑๐๐ ปอนด์ ๑๘๐ ปอนด์ ๒๐๐ ปอนด์ เป็นต้น บางทีก็เรียกความหนา

ของกระดาษเป็นแกรม เช่น ๘๐ แกรม ๑๐๐ แกรม ๑๘๕ แกรม เป็นต้น กระดาษวาดเขียนมีผิวหยาบด้านหนึ่ง และผิวเรียบ

ด้านหนึ่ง ซึ่งด้านหยาบจะเป็นด้านที่ใช้ส าหรับการลงสี

๕ พู่กัน พู่กันระบายสีน้ าจะมีลักษณะแตกต่างกันออกไป โดยทั่วไปจะใช้แค่พู่กันกลมและพู่กันแบน






พู่กันกลม





• พู่กันกลม มีขนแปรงอ่อน เหมาะส าหรับใช้กับสีน้ า หรือสโปสเตอร์






พู่กันแบน



• พู่กันแบน มีทั้งขนแปรงอ่อนและขนแปรงแข็ง ขนแปรงอ่อนใช้กับสีน้ า

และสีโปสเตอร์ ส่วนขนแปรงแข็งเหมาะส าหรับใช้กับสีน้ ามัน









ในการระบายสีควรจะมีพู่กันทั้งพู่กันกลมและพู่กันแบนชนิดละ ๓ ขนาด คือ ขนาดใหญ่ กลาง เล็ก เพื่อการเลือกใช้ให้เหมาะกับ

การระบายสีในพื้นที่ขนาดต่างๆ กัน

การรับรู้สู่การสร้างสรรค์ผลงาน




การรับรู้สู่การสร้างสรรค์ผลงานสามารถแสดงให้เห็นกระบวนการที่เป็นขั้นตอนได้ ดังนี้




• ประสาทสัมผัสของการรับรู้ (The Senses of Perception) ประสาทสัมผัสทั้ง ๕ คือ รูป รส กลิ่น เสียง และสัมผัส การรับร ู้

เกิดจากการที่บุคคลได้สัมผัส สิ่งแวดล้อมรอบๆ ตัวในสภาวการณ์ต่างๆ จนเกิดปฏิกิริยาตอบสนองต่อสิ่งเร้านั้น



• ศิลปิน (The Artist) หรือผู้ปฏิบัติงานสร้างสรรค์ภาพเขียน เมื่อรับรู้จากประสาทสัมผัสแล้ว สมองก็ประมวลปรากฏการณ์ทั้งหมด

ประสานสัมพันธ์กับสุนทรียภาพส่วนบุคคลเป็นความคิดหรือมโนคติด้านแสง - เงา สี รูปร่าง รูปทรง ความประทับใจ ความเคลื่อนไหว

การแสดงออกน าไปสู่การตัดสินใจและเลือกวิธีการถ่ายทอดผลงาน



• วิธีการ (Method) เป็นขั้นตอนหลังจากเกิดความนึกคิดแล้ว ศิลปิน หรือผู้สร้างงานศิลปะนี้จะเลือกสรรจนได้วิธีการว่าควรสื่อด้วย

วัสดุประเภทใด จึงจะเกิดรูปแบบตามที่มองเห็น หรือตามความรู้สึกถ่ายทอดเป็นภาพ ๒ มิติ เป็นกรอบความคิดที่ชัดเจนแน่นอน




• ภาพเขียนสีน้ า (The Water Color) เป็นขั้นตอนสุดท้ายที่จะน าไปสู่ผลลัพธ์ที่ได้ ซึ่งก็คือ การสร้างสรรค์ผลงานภาพเขียนสีน้ าด้วย
การถ่ายทอดความคิดรวบยอดที่ประกอบด้วยการผสานของมือ ตา ความคิดสร้างสรรค์ สื่อวัสดุ และอื่นๆ ออกมาเป็นภาพที่ผสม

กลมกลืนเป็นอย่างดี

เทคนิคการระบายสีน้ า





เทคนิคการระบายภาพสีน้ า สามารถแบ่งออกได้เป็น ๔ ชนิด























๑ ๒ ๓ ๔



การระบายสีแบบเปียกบนเปียก การระบายสีแบบเปียกบนแห้ง การระบายสีแบบแห้งบนแห้ง การระบายสีแบบแห้งบนเปียก

เทคนิคการเขียนภาพสีโปสเตอร์






ลักษณะของสีโปสเตอร์





• เป็นสีที่เหมาะสมแก่การฝึกระบายสีที่สุด เพราะสีโปสเตอร์เป็นสีที่ไม่ซึมกระดาษเหมือนสน้ า
• สีโปสเตอร์สามารถใช้พู่กันขนาดเล็กส าหรับตกแต่งรายละเอียด หรือเขียนเส้นได้ง่ายกว่า ลายเส้นที่เขียนมีความทึบแสงอย่างเห็นได้ชัด
• การลงสีไม่ต้องใช้ความรีบร้อนเหมือนสีน้ า สีโปสเตอร์จึงเหมาะส าหรับการฝึกทักษะระบายสีให้เนียนเรียบ

การเขียนภาพด้วยสีโปสเตอร์




• มีเทคนิคที่ไม่มากนัก ไม่มีความซับซ้อนของวิธีการมากเท่าใด อาศัยการฝึกปฏิบัติบ่อยครั้งก็สามารถจะเข้าใจถึงวิธีการที่เหมาะสม

กับคุณลักษณะของสีโปสเตอร์
• ภาพเขียนแต่ละภาพจะประกอบไปด้วยรูปร่าง รูปทรง แสง-เงา เมื่อระบายด้วยสี สีจะท าหน้าที่ให้น้ าหนักอ่อน-แก่ สว่าง หรือมืด

หลักการคือ ต้องเรียนรู้การไล่น้ าหนักก่อน เมื่อมีความช านาญแล้วจึงจะสามารถแสดงออกมาได้ตามความต้องการ

• การเขียนภาพด้วยสีโปสเตอร์เพื่อถ่ายทอดเรื่องราวจินตนาการ ภาพธรรมชาติ ภาพหุ่นนิ่ง เป็นการสร้างภาพตามแนวทางของ

แต่ละคน ผู้ปฏิบัติจึงต้องฝึกการใช้สีโปสเตอร์ในขั้นพื้นฐานให้ดีก่อน

วัสดุ อุปกรณ์ที่ใช้ในการเขียนภาพสีโปสเตอร์




วัสดุ อุปกรณ์ที่ใช้ในการเขียนภาพสีโปสเตอร์ จะเหมือนอุปกรณ์ที่ใช้กับสีน้ า ได้แก่

• กระดาษวาดเขียน
• สีโปสเตอร์

• พู่กันเบอร์ ๑๒, ๖, ๓

• ดินสอร่างภาพ

• ยางลบ
• กระดานรองเขียน

การไล่น้ าหนักของสีโปสเตอร์




การไล่น้ าหนักแบบสีเดียว


• เป็นการระบายสีแบบไล่น้ าหนักหรือไล่โทนสีโดยการผสมกับสขาว เช่น ผสมสีขาวมากก็จะเป็นสีที่มีความเข้มน้อยหรือสีอ่อน ถ้าผสม
สีขาวน้อย สีที่ผสมก็จะมีความเข้มมากหรือสีเข้ม เป็นต้น

การไล่น้ าหนักของสีโปสเตอร์ (ต่อ)




การไล่น้ าหนักแบบหลายสี

• เป็นการเลือกใช้สีที่มีความเข้มแตกต่างกันมาจัดวางด้วยกัน โดยการใช้สีจากวงสีธรรมชาติ ซึ่งมีสีวรรณะอุ่น สีวรรณะเย็นอยู่ สามารถ

ก าหนดสีให้อ่อนมากขึ้นด้วยการผสมสีนั้นๆ กับสีขาว หรือก าหนดสีให้เข้มหรือมืดก็ผสมสีนั้นๆ ด้วยสีด า หรือสีคู่ตรงข้ามก็ได้

เทคนิคผสมในการเขียนภาพ






แนวคิดในการสร้างสรรค์ผลงานเทคนิคแบบผสม




• การด าเนินกิจกรรมใดๆ ต้องมีแนวคิด หรือหลักการ เพื่อแสดงทิศทางและความสามารถในการปฏิบัติ เพื่อบรรลุวัตถุประสงค์

ที่วางไว้ แนวคิดจึงเป็นส่วนส าคัญที่จัดได้ว่าเป็นหัวใจในการท างานทัศนศิลป์

วัตถุประสงค์ของงานที่ต้องการสร้างสรรค์





• ผู้ปฏิบัติจ าเป็นต้องศึกษาถึงวัตถุประสงค์ในการท างานอย่างละเอียด ด าเนินงานให้สอดคล้องกัน เช่น ต้องการสร้างสรรค์งาน

ที่เป็นรูปแบบเฉพาะตัว หรือต้องการดัดแปลงงานศิลปะของศิลปินอื่นๆ เพื่อเป็นลักษณะงานประยุกต์ศิลป์ น าไปใช้สอย หรือ
ตกแต่งเป็นองค์ประกอบหนึ่งของสิ่งแวดล้อม อาคาร สถานที่ เป็นต้น






เทคนิคในการท างาน





• เป็นกลวิธีในการสร้างสรรค์ผลงาน ใช้ความเชี่ยวชาญที่มีอยู่ในการใช้เครื่องมือ วัสดุ และกระบวนการท างานที่แตกต่างกัน
เมื่อรู้เทคนิคการท างานในแนวใดแนวหนึ่งจะสามารถสร้างสรรค์งานได้ดีขึ้นความถนัดของแต่ละบุคคลขึ้นอยู่กับการขยัน

หมั่นฝึกฝนและเลือกฝึกปฏิบัติด้วยเทคนิคที่หลากหลาย โดยเจาะจงแค่ประเภทใดประเภทหนึ่ง ซึ่งสามารถศึกษาได้จาก

สิ่งต่างๆ เหล่านี้




๑ การเลือกวัสดุและการใช้วัสดุให้เหมาะสมกับคุณสมบัติและหน้าที่ใช้สอย





๒ การใช้เครื่องมือชนิดต่างๆ ในการปฏิบัติงานอย่างถูกต้อง




๓ การใช้กระบวนการและล าดับขั้นตอนได้ถูกต้อง ซึ่งแตกต่างไปตามสีแต่ละประเภท

คุณค่าทางสุนทรียภาพ





• คุณค่าทางสุนทรียภาพ คือ ความงดงามทางองค์ประกอบต่างๆที่เกี่ยวข้อง ในด้านของทฤษฎีความงาม คุณค่าทาง

สุนทรียภาพมีองค์ประกอบที่เกี่ยวข้อง ดังต่อไปนี้







๑ ทัศนธาตุ ได้แก่ เส้น สี รูปร่าง รูปทรง พื้นผิว และน้ าหนัก





๒ คุณค่าทางสุนทรียศาสตร์ มีส่วนสัด ความสมดุล ความกลมกลืน จุดเด่น จุดสนใจ เป็นต้น




๓ การใช้วัสดุให้เหมาะสมกับหน้าที่ใช้สอย และเหมาะสมกับคุณสมบัติของวัสดุ

การสร้างสรรค์งานทัศนศิลป์ประเภทประติมากรรม



เทคนิคการปั้นรูปนูนต่ า
การปั้นรูปนูนต่ า (Base-Relief) เป็นเทคนิคแบบพื้นฐานง่ายๆ ที่ต้องการให้ผู้เรียนรู้จักการเน้นความส าคัญ

ู้
ของความสูงต่ าระหว่างรูปและพื้นเพียงเล็กน้อย โดยผู้เรียนจะต้องรขั้นตอนของการปฏิบัติ ดังนี้

ขั้นที่หนึ่ง





• เตรียมวัสดุ อุปกรณ์ที่ใช้ในการปั้นให้พร้อม จากนั้นน าดินที่ใช้ปั้นมานวดให้เข้ากัน คัดเลือก

วัสดุที่ปนมากับดินออกให้หมด เพื่อไม่ให้ท าอันตรายกับผู้ปั้นและอาจท า ให้ผิวดินไม่เรียบ

เมื่อปั้นเสร็จ นวดดินจนกว่าจะมีความอ่อนนิ่ม ไม่เปียก หรือว่าแข็งจนเกินไป








ขั้นที่สอง






• น าดินเหนียวที่นวดไว้มาคลึงให้เป็นแผ่นแบนๆ ด้วยไม้หน้ากลม กดน้ าหนักมือบนไม้หน้ากลม
ให้เสมอกันทั้งสองด้าน จนหน้าดินมีขนาดหนาตามที่ต้องการ จากนั้นตัดขอบดินทั้งสี่ด้าน

ใหได้ขนาดที่ต้องการ


ขั้นที่สาม





• ร่างภาพที่ต้องการจะท าลงบนกระดาษ ก่อนปฏิบัติจริงบนดินเหนียว














ขั้นที่สี่






• ใช้เครื่องมือปลายแหลม ร่างเค้าโครงรวมๆ ตามภาพที่ออกแบบไว้

ขั้นที่ห้า





• ใช้เครื่องมือปั้น ปาด ขูด แกะ ตกแต่งส่วนของภาพร่างให้ลึกตื้นตามแบบร่าง














ขั้นที่หก






• ตกแต่งในรายละเอียดเพื่อให้รูปปั้นแบบนูนต่ ามีความชัดเจน จะต้องค่อยๆ ปาดดินเหนียว
ออกในส่วนที่ไม่ต้องการ และพอกเพิ่มดินเหนียวในส่วนที่ต้องการปั้นแต่งส่วนที่มีรายละเอียด

ให้มีความสูงพอเหมาะ

เทคนิคการปั้นรูปนูนสูง
การปั้นรูปนูนสูง (High – Relief) เป็นประติมากรรมที่มีความแตกต่างระหว่างรูปและฐานรองรับใน

ระดับความสูงที่มากกว่ารูปนูนต่ า จนสามารถสัมผัสและชื่นชมความงามได้ทั้งด้านหน้าและด้านข้าง



ขั้นที่หนึ่ง






• จัดเตรียมส่วนของฐานรองรับให้เรียบร้อย โดยการเตรียมดิน นวดดิน คลึงดินให้เป็นแผ่น
ปรับผิวหน้าดินให้เรียบเสมอกัน จากนั้นใช้มีดตัดดินเหนียวให้ได้ขนาดตามที่ต้องการ











ขั้นที่สอง






• ร่างภาพตามแบบร่างต้นแบบที่ออกแบบไว้ลงบนแผ่นดิน แล้วตัดดินตามขนาดที่วางแผนไว้

ขั้นที่สาม





• น ารูปทรงที่ตัดไว้ตามแบบร่างต้นแบบไปติดลงบนแผ่นพื้น หรือฐานรองรับ ควรท าริ้วรอยลง

ไปบนแผ่นรูปด้านหลัง และบนแผ่นพื้นที่จะน ารูปทรง ลงไปติด เพื่อให้รูปทรงของรูปภาพ

กับแผ่นพื้นติดกันได้ดี








ขั้นที่สี่






• แกะลวดลาย เสริมทรวดทรงให้มีความสมบูรณ์ โดยใช้เครื่องมือค่อยๆ ปรับส่วนสูง ส่วนแบน
และส่วนกลมให้ได้รูปทรงตามต้องการ ขั้นสุดท้ายให้ใช้น้ าค่อยๆ ทาลงไปบนพู่กัน เพื่อเป็น

ตัวท าละลายส่วนผิวหน้าของดิน ให้ค่อยๆ เรียบเสมอกัน

เทคนิคการปั้นรูปลอยตัว

ขั้นตอนในการปั้นรูปลอยตัวสามารถ แบ่งออกได้เป็น ๕ ขั้น ดังต่อไปนี้




ขั้นที่หนึ่ง





• เตรียมโครงสร้างด้วยเส้นโลหะ ให้มีขนาดตามสัดส่วนของรูปลอยตัวที่จะปั้น โดยการน าเส้น
โลหะมาดัดให้ส่วนปลายงอเป็นมุมฉากแล้วน ามาตอกตะปูติดไว้กับฐาน เพื่อให้ดินที่จะท า

การปั้นยึดกับโครงสร้างได้มั่นคง จากนั้นให้เตรียมท าไม้กากบาทหลายๆ อันผูกติดไว้กับ

โครงสร้าง






ขั้นที่สอง






• ใช้ดินเหนียวค่อยๆ พอกลงไปทีละน้อยบนโครงสร้างตอนบน

ขั้นที่สาม





• ทดลองหาต าแหน่งรูปใบหน้าของมนุษย์ ว่าตั้งอยู่ส่วนใดของรูปทรง ลองขึ้นรูปอย่างง่ายๆ
และก าหนดส่วนของหู ตา คอ จมูกให้ได้ต าแหน่งของความเป็นจริง












ขั้นที่สี่






• ตกแต่งปั้นรายละเอียด ให้เกิดความสมบูรณ์และถูกต้องดูความสัมพันธ์ของรูปด้านหน้า
ด้านข้าง และด้านหลังว่าได้สัดส่วนหรือไม่

ขั้นที่ห้า





• เป็นขั้นการตกแต่งให้เสร็จสมบูรณ์ เพื่อให้ผลงานมีคุณค่า
และสมบูรณ์ที่สุด

การสร้างสรรค์งานทัศนศิลป์ประเภทการ์ตูน



ความหมายและประเภทของการ์ตูน






ความหมายของการ์ตูน




• การ์ตูน เป็นค าทับศัพท์จากภาษาอังกฤษค าว่า Cartoon พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.๒๕๒๕ ได้ให้ความหมายของ

การ์ตูนไว้ว่า หมายถึง ภาพล้อ ภาพตลก บางครั้งเขียนเป็นภาพบุคคล บางครั้งเป็นภาพเขียนที่ผู้เขียนตั้งใจล้อเลียนแสดงเหตุการณ์
จนผู้ดูรู้สึกขบขัน หรืออีกนัยหนึ่ง การ์ตูนจัดเป็นภาพล้อ หรือภาพวาดที่ท าให้เกิดความขบขัน สัดส่วนของภาพจะอิสระ และผิดไป

จากความเป็นจริง

ประเภทของการ์ตูน




การ์ตูนมีมากมายหลายรูปแบบยากที่จะเจาะจงจ านวนลงไปได้ชัดเจน แต่สามารถแยกเป็นประเภทต่างๆ ได้ดังนี้


๑. การ์ตูนล้อเลียน การ์ตูนล้อเลียนการเมืองเป็นการ์ตูนที่มุ่งสะท้อนเรื่องราว เหตุการณ์ทางการเมืองด้วยลักษณะล้อเลียน เสียดสี

ประชดประชัน มีการเขียนภาพที่ตรงประเด็นและชัดเจน







การ์ตูนล้อเลียนการเมือง


• การ์ตูนล้อเลียนการเมืองเป็นการ์ตูนที่มุ่งสะท้อนเรื่องราว เหตุการณ์ทางการเมืองด้วยลักษณะล้อเลียน เสียดสี ประชดประชัน
มีการเขียนภาพที่ตรงประเด็นและชัดเจน

การ์ตูนล้อเลียนบุคคล


• เป็นการ์ตูนที่สามารถเขียนได้โดยง่าย ผู้เขียนต้องพยายามสังเกตค้นหารายละเอียดและลักษณะเฉพาะตัวของบุคคลที่จะเขียนล้อเลียน
โดยเน้นส่วนที่แตกต่างจากคนทั่วไป มาเน้นให้เกินจริงเพื่อเป็นจุดเด่นของภาพ

๒. การ์ตูนข าขัน เป็นการ์ตูนที่มุ่งเน้นความขบขันเป็นหลัก นิยมน าเหตุการณ์ใกล้ตัวมาเขียน รูปแบบของการ์ตูนอาจมีกรอบเดียว

หรือต่อเนื่องกันเป็นช่อง ๒-๓ ช่อง

๓. การ์ตูนเรื่อง เป็นการ์ตูนที่น าเสนอเรื่องราวต่อเนื่องกันจนจบ ไม่จ ากัดความยาว อาจจบในหน้าเดียว หรือจบในหลายสิบหน้าก็ได้

เนื้อหาสามารถเป็นได้ทั้งแนวขบขัน หรือแนวชีวิต

๔. การ์ตูนประกอบเรื่อง เป็นการ์ตูนที่เขียนขึ้นมาเพื่ออธิบาย หรือประกอบเนื้อหา ประกอบเรื่องราว และข้อเขียนต่างๆ ผู้เขียน

อาจสร้างขึ้นมาเพื่อประกอบโฆษณา เพื่อประกอบเนื้อหาทางการศึกษา หลักส าคัญของการ์ตูนประเภทนี้ คือ ต้องการสื่อความหมาย

หรือสาระส าคัญของเรื่องนั้นๆ อย่างชัดเจน โดยอาจเลือกหัวใจส าคัญของเรื่องมาน าเสนอให้ผู้ชมรับรู้อย่างตรงวัตถุประสงค์








































ตัวอย่างการ์ตูนประกอบเรื่อง “การส ารวจ” ผลงานของ ธ. ธ ารงเลิศฤทธิ์

๕. ภาพยนตร์การ์ตูนเป็นการ์ตูนที่สร้างเป็นเรื่องราว หรือเพื่อการโฆษณา แล้วถ่ายทาเป็นภาพยนตร์ มีการเคลื่อนไหวเหมือนมีชีวิต
การสร้างภาพยนตร์การ์ตูนแต่ละเรื่องมีขั้นตอนที่ยุ่งยากมาก เนื่องจากต้องเขียนภาพนิ่งเป็นจ านวนมาก ต่อการเคลื่อนไหวในอิริยาบท

หนึ่ง แล้วจึงค่อยเข้าสู่กระบวนการทางภาพยนตร์ต่อไป

หลักการเขียนภาพการ์ตูนเบื้องต้น




อุปกรณ์ที่ใช้ในการเขียนภาพการ์ตูน










กระดาษอาร์ตอัดมันและอาร์ตด้าน








ปากกา








พู่กัน









หมึกด า

หลักพื้นฐานในการเขียนภาพการ์ตูน





• แนวคิด หมายถึง แรงบันดาลใจ มโนภาพ หรือจินตนาการที่คิดขึ้นมาเพื่อปรารถนาจะถ่ายทอด ออกมาเป็นงานการ์ตูน หรือการ

จับประเด็นส าคัญของเหตุการณ ์





• การร่างภาพ หมายถึง การก าหนดโครงสร้างของรูปแบบต่างๆ ก่อนที่จะวาดเส้น ลงหมึก หรือระบายสี ผู้วาดควรร่างโครงสร้าง

ทั้งหมดเพื่อให้เห็นภาพรวม เพื่อที่จะได้เห็นข้อบกพร่องของภาพและสามารถแก้ไขภาพได้ในทันท ี






• รูปร่างและรูปทรง การเขียนภาพการ์ตูนจะต้องฝึกทักษะพื้นฐานด้วยการเขียนภาพเส้นรอบนอกของคน สัตว์ สิ่งของต่างๆ และ

พัฒนาความลึกของภาพให้เป็นลักษณะทัศนียภาพ






• อารมณ์ หรือความรู้สึก หมายถึง การถ่ายทอดอารมณ์จากผู้เขียนไปสู่คนดู ให้เกิดความรู้สึกคล้อยตาม เช่น อารมณ์ โกรธ เศร้า

ตลก ขบขัน เป็นต้น ผู้เขียน ควรศึกษาสีหน้าจากคนรอบข้างว่าอารมณ์ใดควรวาดสีหน้าแบบใด หรืออาจลองท าหน้าตนเองใน

กระจกตามอารมณ์แบบต่างๆ แล้วลองน ามาวาดการ์ตูน

วิธีการเขียนภาพการ์ตูน




• การเป็นนักเขียนภาพการ์ตูนที่ดี ควรเริ่มต้นจากการรู้จักการจัดองค์ประกอบของภาพให้ได้เสียก่อน และต้องรู้จักการมโนภาพ
ความคิดให้เกิดขึ้นเสียก่อน แล้วค่อยน าความคิดนั้นถ่ายทอดลงบนกระดาษภาพการ์ตูนที่จะประสบความส าเร็จได้นั้น ภาพนั้นๆ

จะต้องมีการแสดงอารมณ์ และความรู้สึกที่ชัดเจน และหลากหลาย

ตัวอย่างกิจกรรมการเขียนการ์ตูนลักษณะต่างๆ




• การเริ่มต้นวาดภาพการ์ตูนจะต้องเริ่มที่การร่างโครงภาพโดยใช้ดินสอ ร่างเป็นวงกลม วงรี หรือสี่เหลี่ยมก่อน จากนั้นจึงค่อยร่าง

ส่วนโค้ง ส่วนเว้า แล้วจึงค่อยลงเส้นจริงตามเส้นร่าง ผู้วาดจะต้องฝึกทักษะการวาดโดยให้เส้นไม่ขาด แล้วจึงค่อยลงมือวาดการ์ตูน

นั้นๆ ได้ตามความสนใจ

การน างานทัศนศิลป์ไปใช้







• ในการออกแบบงานทัศนศิลป์ ต้องสอดคล้องกับวาระและโอกาส ค านึงถึงกลุ่มเป้าหมาย และความงามทางศิลปะเสมอ
เพื่อจะได้ใช้งานนั้นๆ ได้เหมาะสมกับเป้าหมาย เช่น ในวันวาเลนไทน์ ผู้ออกแบบต้องค านึงถึงสิ่งที่จะน ามาสื่อถึงความรัก

รวมไปถึงค านึงถึงอายุและเพศของผู้เข้าชมเพื่อให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของงาน เป็นต้น





































• ศิลปินและนักออกแบบต้องค านึงถึงเทคโนโลยีที่ทันสมัย เพื่อที่จะได้ออกแบบให้มีความเหมาะสมเข้ากัน รวมถึงความคิด
สร้างสรรค์ของผู้ออกแบบที่จะท าให้งานออกมาสมบูรณ์ สวยงาม มีคุณค่า และเกิดประโยชน์ใช้สอยมากที่สุด


Click to View FlipBook Version