ทัศนศิลป์
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๔
กลุ่มสาระการเรียนรู้ศิลปะ
หน่วยการเรียนรู้ที่ ๑ หน่วยการเรียนรู้ที่ ๒ หน่วยการเรียนรู้ที่ ๓ หน่วยการเรียนรู้ที่ ๔ หน่วยการเรียนรู้ที่ ๕
๑_หลักสูตรวิชาทัศนศิลป์
๒_แผนการจัดการเรียนรู้
๓_PowerPoint_ประกอบการสอน
๔_Clip
๕_ใบงาน_เฉลย
๖_ข้อสอบประจ าหน่วย_เฉลย
๗_การวัดและประเมินผล
๘_เสริมสาระ
๙_สื่อเสริมการเรียนรู้
บริษัท อักษรเจริญทัศน์ อจท. จ ากัด : 142 ถนนตะนาว เขตพระนคร กรุงเทพฯ 10200
Aksorn CharoenTat ACT.Co.,Ltd : 142 Tanao Rd. Pranakorn Bangkok 10200 Thailand
โทรศัพท์ : 02 622 2999 โทรสาร : 02 622 1311-8 [email protected] / www.aksorn.com
หน่วยการเรียนรู้ที่ ๑
ทัศนธาตุและหลักการออกแบบ
จุดประสงค์การเรียนรู้
๑. วิเคราะห์การใช้ทัศนธาตุและหลักการออกแบบในการสื่อความหมายในรูปแบบต่างๆ ได้
์
๒. บรรยายจุดประสงค์และเนื้อหาของงานทัศนศิลป์โดยใช้ศัพททางทัศนศิลป์ได้
ุ
ทัศนธาต
องค์ประกอบของทัศนธาตุ
• ทัศนธาตุ หรือองค์ประกอบศิลป์ที่เป็นพื้นฐานในการน าไปใช้ เพื่อการสร้างสรรค์ผลงานทัศนศิลป์ จะประกอบไปด้วยจุด เส้น
รูปร่าง รูปทรง ลักษณะผิว พื้นที่ว่าง น้ าหนักอ่อน-แก่ แสงเงา และสี ซึ่งมีรายละเอียด ดังนี้
จุด (Point, Dot)
ั
• จุด เป็นทศนธาตุ หรือองค์ประกอบอันดับแรกของงานทัศนศิลป์ จุด เป็นส่วนที่มีขนาดเล็กที่สุดของงานศิลปะ เมื่อน าเอาจุดหลายๆ
จุดมาเรียงต่อกันในต าแหน่งที่เหมาะสมซ้ าๆ กันก็จะท าให้เกิดเป็นเส้น รูปร่าง พื้นผิว น้ าหนักอ่อน-แก่ แสง-เงา จุดจึงจัดเป็น
ทัศนธาตุที่ส าคัญในการสร้างสรรค์งานศิลปะ
เส้น (Line)
• เส้น คือ จุดจ านวนมากที่น ามาเรียงติดต่อเชื่อมโยงกันบนพื้นระนาบของทิศทาง จนสามารถแสดงให้เห็นได้ว่า เป็นลักษณะ
ของเส้นชนิดใด เช่น แนวตั้ง แนวนอน โค้ง คด แนวหยัก หักเห เมื่อน าเอามาประกอบแสดงทิศทาง ท าให้เกิดรูปร่าง รูปทรง
เกิดเนื้อที่มีน้ าหนัก
เส้นสามารถแบ่งตามลักษณะได้ ๕ ชนิด ดังนี้
เส้นตรง
- เส้นตั้ง ให้ความรู้สึกแข็งแรง มีระเบียบ
- เส้นนอน ให้ความรู้สึกสงบนิ่ง ปลอดภัย
- เส้นตรงเฉียง ให้ความรู้สึกไม่ตรง โน้มเอียง ความรวดเร็ว
เส้นโค้ง
- เส้นโค้งของวงกลม ให้ความรู้สึกอ่อนโยน อ่อนช้อย นิ่มนวล
- เส้นโค้งอิสระ ถ้าเส้นโค้งลากขึ้นสูง ปล่อยน้ าหนักที่ปลายจะแสดงความเจริญเติบโต
- เส้นโค้งก้นหอย ให้ความรู้สึกมีพลังหมุนอย่างรุนแรง การขยายตัวอย่างไม่สิ้นสุด
เส้นคด
ให้ความรู้สึกเคลื่อนไหวต่อเนื่อง ไม่สิ้นสุด
เส้นฟันปลา หรือซิกแซก
ให้ความรู้สึกไม่ราบรื่น เคลื่อนไหวอย่างรุนแรง ตื่นเต้น
เส้นประ หรือเส้นขาด
ให้ความรู้สึกไม่เป็นระเบียบ สับสน วุ่นวาย ไม่มั่นคง เก่า เสื่อมโทรม อันตราย
รูปร่าง รูปทรง (Shape-Form)
• รูปร่างรูปทรง เป็นทัศนธาตุที่มีลักษณะใกล้เคียงกัน ทั้งรูปร่างและรูปทรงเป็นผลที่เกิดจากการน าเส้นลักษณะต่างๆ มา
ประกอบเป็นเนื้อหาสาระ เรื่องราวทางทัศนศิลป ์
• รูปร่าง หมายถึง เส้นที่เป็นเส้นโครงของวัตถุสิ่งของที่ปรากฏให้เห็นเป็นลักษณะ ๒ มิติ รูปร่างจะมีเพียงส่วนสั้นและส่วนยาว
เท่านั้น จะไม่แสดงความหนา สีผิวของวัตถุจะมองเห็นเป็นลักษณะแบนๆ เหมือนเงาของวัตถุ
รูปร่างสามารถแบ่งออกได้เป็น ๓ ลักษณะ ดังนี้
รูปร่างธรรมชาติ รูปร่างเรขาคณิต รูปร่างอิสระ หรือ รูปร่างดัดแปลง
• เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นโดยธรรมชาติ • เป็นรูปร่างที่แสดงออกมาเป็นแบบ • เป็นรูปร่างที่เกิดจากการออกแบบ
สามารถพบเห็นได้ใน เรขาคณิต เป็นรูปร่างที่มีกฎเกณฑ์ ดัดแปลง จากรูปร่าง ธรรมชาติ เป็นการ
สภาพแวดล้อมโดยทั่วไป แน่นอนตายตัว แสดงออกถึงจินตนาการในการ
สร้างสรรค์ของแต่ละคน
• รูปทรง หมายถึง โครงสร้างทั้งหมดของวัตถุที่ปรากฏให้เห็นในลักษณะของ ๓ มิติ คือ มีทั้งส่วนกว้าง ส่วนยาว ส่วนลึก หรือหนา
ี
เมื่อมองดูแล้วจะมีลักษณะเป็นมวลวัตถุ มีเนื้อที่ ภายในมปริมาตรมีน้ าหนัก
รูปทรงสามารถแบ่งออกได้เป็น ๓ ลักษณะ ดังนี้
รูปทรงธรรมชาติ รูปทรงเรขาคณิต รูปทรงอิสระ หรือ รูปทรงดัดแปลง
• เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นโดยธรรมชาติ มี • เป็นรูปทรงที่เกิดจากการสร้างสรรค์ • เป็นรูปทรงที่มีความเป็นอิสระ ไม่มี
กฎเกณฑ์แน่นอน มีโครงสร้าง ของมนุษย์ มีลักษณะเป็นเหลี่ยม กฎเกณฑ์ตายตัว ไม่มีโครงสร้างแน่นอน
เป็นไปตามธรรมชาติ เป็นมุม มีความโค้งเป็นวงกลม หรือเป็น สามารถเปลี่ยนได้ตามสภาพแวดล้อม
ก้นหอย และความเหมาะสม
พื้นผิว (Texture)
• ลักษณะของบริเวณพื้นผิวของสิ่งต่างๆ ที่เมื่อสัมผัส จับต้องแล้ว หรือเมื่อเห็นแล้วสามารถรู้สึกได้ว่าหยาบ ละเอียด มัน ด้าน
เป็นต้น
พื้นที่ว่าง (Space)
ี่
• บริเวณที่เป็นความว่างรอบๆ รูปทรง หรือเนื้อหา เรื่องราว เมื่อเราสร้างสิ่งหนึ่งขึ้นในทว่าง เราเรียกสิ่งนั้นว่า รูปทรง ในงาน
ศิลปะชิ้นหนึ่งจึงมีรูปทรง กับที่ว่างประกอบกันอย ู่
น้ าหนักอ่อน – แก่ (Value)
• ความเข้ม ความอ่อนของสีต่างๆ และแสง-เงา ตามที่ประสาทรับรู้ ความอ่อน-แก่ของแสง-เงาท าให้เกิดระยะใกล้-ไกล
เช่นเดียวกับความอ่อน-แก่ของสี ในการสร้างสรรค์ผลงานทัศนศิลป์ หากออกแบบให้ภาพอยู่บนระนาบเดียวกัน เมื่อใช้น้ าหนัก
ที่ต่างกันของสี แสง-เงา จะท าให้เกิดเป็นรูปลักษณ์ต่างๆ ได้
น้ าหนักอ่อน – แก่ ของสี การใช้น้ าหนักอ่อน – แก่ ของสี น้ าหนักอ่อน – แก่ ของแสง-เงา หมายถึง การท าแสงสว่าง
จะท าให้เกิดเป็นภาพ ๒ มิติ ได้แก่ภาพเขียนต่างๆ ภาพพิมพ์ และเงามืด ซึ่งจะท าให้เกิดการมองเห็นสิ่งต่างๆ เป็นลักษณะ
เมื่อมองดูด้วยสายตา จะเห็นเป็นระยะใกล้-ไกล ๓ มิติ
สี (Colors)
• สีมีปรากฏอยู่ทั่วไปรอบๆ ตัวเราในธรรมชาติและสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้น สีมีอิทธิพลต่อความรู้สึก แตกต่างมากมาย เช่น ท าให้รู้สึก
เศร้าซึม หม่นหมอง ร่าเริงสดใส หรือตื่นเต้น
• สีสามารถเกิดขึ้นได้ด้วยการย้อม หรือเคลือบ อาจผลิตจากสารประกอบทางเคมี หรืออาจสังเคราะห์ได้จากธรรมชาติ รวมทั้ง
การคิดค้นสีเพิ่มขึ้นใหม่สามารถเกิดได้จากการผสมกันของสีหลากหลายสี
สี เป็นทัศนธาตุที่ส าคัญในการสร้างสรรค์งานศิลปะ โดยมีรายละเอียดที่ส าคัญ ดังนี้
สว่างสดใส
ี่
• หน้าที่ของสี สี ท าหน้าทเช่นเดียวกับน้ าหนักทุก
ประการ แต่มีหน้าที่ที่พิเศษอีกประการหนึ่ง คือ ตื่นเต้น อันตราย ปิติยินดี
ู้
อิทธิพลที่มีต่ออารมณ์และการรับรู้ความรสึก
อ่อนหวาน นุ่มนวล
ปลอดภัย มีชีวิต สดชื่น
สง่า หนักแน่น มุ่งมั่น
ลึกลับ เศร้าซึม
สุขุม สงบเงียบ
แห้งแล้ง อบอุ่น สงบ
สะอาด บริสุทธิ ใหม่
เศร้าโศก หดหู่
• แม่สีและหลักการผสมสี การที่เรามองเห็นวัตถุมีสีต่างๆ ได้นั้น เนื่องจากในแสงมีสีต่างๆ รวมกันอยู่แล้วทุกสี แต่ได้ผสมกันอย่าง
สมดุลจนกลายเป็นสีขาวใส เมื่อแสงกระทบวัตถุที่มีสี วัตถุนั้นจะดูดสีทั้งหมดของแสงไว้ แล้วสะท้อนสีที่เหมือนกับตัววัตถุออกมา
เราจึงมองเห็นสีของวัตถุนั้น
ขั้นตอนการผสมสีสามารถแบ่งได้ ดังนี้
(๑) แม่สี หรือสีขั้นต้น (Primary Colors)
เป็นสีที่มีเนื้อแท้อยู่ในตัว มีอยู่ ๓ สี ที่เราไม่สามารถผสมขึ้นเองได้ คือ สีเหลือง แดง และสีน้ าเงิน
(๒) สีขั้นที่สอง (Secondary Colors)
• เกิดจากการน าแม่สีทั้ง ๓ มาผสมกัน เข้าทีละคู่ ด้วยอัตราส่วนเท่ากัน จะได้สีขั้นที่ ๒ หรือลูกสีเพิ่มอีก ๓ สี คือ สีส้ม สีเขียว สีม่วง
(๓) สีขั้นที่สาม (Tertiary Colors)
• เกิดจากการน าสีขั้นที่สองผสมกับแม่สีทีละคู่ จะได้สีเพิ่มขึ้นอีก ๖ สี คือ สีส้มเหลือง ส้มแดง เขียวเหลือง เขียวน้ าเงิน ม่วงแดง
และม่วงน้ าเงิน
ส้มแดง เขียวเหลือง
ม่วงแดง เขียวน้ าเงิน
ส้มเหลือง ม่วงน้ าเงิน
• สีขั้นที่ ๑ ขั้นที่ ๒ และขั้นที่ ๓ ทั้ง ๑๒ สี รวมกันเป็นวงสีธรรมชาติ ซึ่งถ้าน าสีทุกสีมาผสมรวมกันจะได้สีเทาแก่ๆ เกือบด า
เรียกว่า สีกลาง (Neutral Colors) หรือถ้าน าแม่สี ๓ สี มาผสมรวมกันเข้าก็ได้สีกลางเช่นเดียวกัน
• การน าสีไปใช้ ในการสร้างสรรค์งานศิลปะ สีเป็นทัศนธาตุหนึ่งที่ส าคัญกว่ารูปทรง การใช้สีมีทั้งยึดกฎเกณฑ์ หรือทฤษฎี และ
ปราศจากกฎเกณฑ์ใดๆ ในการน าสีไปใช้จึงต้องศึกษาประการส าคัญของสี ดังนี้ วรรณะสี คุณค่าของสี ความเด่นชัดของสี
สีเอกรงค์ สีคู่ตรงข้าม
• วรรณะสี (Tone) ในทางศิลปะมีการแบ่งวรรณะสีออกเป็น ๒ วรรณะ คือ สีวรรณะอุ่น (Warm Tone) เป็นสีที่ให้ความอบอุ่น
หรือร้อน และสีวรรณะเย็น (Cool Tone) ได้แก่สีที่ให้ความรู้สึกเย็น สงบสบาย
• คุณค่าของสี (Value) สีใดสีหนึ่งที่เราท าให้ค่อยๆ จางจนขาว หรือดูสว่างและท าให้ค่อยๆ เข้มจนมืด คุณค่าของสีนี้สามารถท า
ให้ได้ภาพที่เกิดระยะใกล้-ไกลเหมือนจริงในธรรมชาติ และลวดลายแสดงน้ าหนักอ่อน-แก่ ที่งดงามได้
ค่าสีของสีสีเดียวเมื่อผสมกับสีขาวจะมีค่าค่อยๆ ลดลงจนเกือบขาวหรือขาว
ค่าสีของสีสีเดียวเมื่อผสมกับสีด าจะมีค่าค่อยๆ เพิ่มขึ้นจนมืดหรือด า
• ความเด่นชัดของสี (Intensity) หมายถึง สีที่ปรากฏเด่นในการเขียนภาพ โดยการใช้สีสดใส ให้ปรากฏเด่นขึ้นมาบนโครงส ี
ส่วนรวมที่เป็นสีกลาง หรือสีอ่อนจาง ซึ่งจะช่วยให้ภาพสวยงาม มีความน่าดูยิ่งขึ้น
• สีเอกรงค์ (Monochrome) หมายถึง สีที่แสดงความเด่นชัดออกมาเพียงสีเดียว หรือใช้เพียงสีเดียวในการเขียนภาพ โดยให้มี
ค่าอ่อน กลาง แก่ ลักษณะคล้ายกับภาพถ่าย สีเดียว ขาวด า หรือจะใช้สีอื่นเป็นหลัก แล้วไล่น้ าหนักเพิ่มลดความเข้มตามท ี่
ต้องการในภาพ สีเอกรงค์ที่นิยมใช้ ได้แก่ สีน้ าตาล ด า น้ าเงิน
• สีคู่ตรงข้าม (Complementary Colors) หมายถึง สีที่อยู่ตรงกันข้ามในวงสีธรรมชาติ เป็นคู่สีกัน คือ สีคู่ที่ตัดกัน ซึ่งถ้า
น ามาใช้จะท าให้เกิดความรู้สึกที่ตัดกันอย่างรุนแรง หากน ามาผสมกันจะได้สีกลาง แต่ถ้าน าสีหนึ่งเจือลงไปในคู่สีของมันเล็กน้อย
จะท าให้สีนั้นหม่นลง ถ้าเจือมาก จะหม่นมาก
หลักการออกแบบ
ความหมายและความส าคัญของการออกแบบ
การออกแบบ หมายถึง การสร้างสรรค์สิ่งใหม่ เพื่อประโยชน์และความงาม ด้วยการน าทัศนธาตุทางศิลปะและหลักการจัด
ส่วนประกอบของการออกแบบมาใช้ รวมถึงการน าของเดิมที่มีอยู่แล้วมาปรับปรุงให้เหมาะสมยิ่งขึ้น
สิ่งที่ต้องค านึงในการออกแบบ
๑ ความสามารถในการปรับปรุงให้ดูแปลกใหม่มากขึ้น
๒ ผลงานที่ออกมามีความสอดคล้องกับประโยชน์และหน้าที่ใช้สอย
๓ ผลงานมีความกลมกลืน เหมาะสม
๔ มีการจัดองค์ประกอบที่งดงาม
๕ มีการวางแผนด าเนินการให้ตรงวัตถุประสงค์ที่สร้างขึ้น
พัฒนาการของการออกแบบ
ุ
• การออกแบบมีพัฒนาการตามยคสมัยต่อๆ มา จากยุคสังคมเกษตรกรรมสู่ยุคสังคมอุตสาหกรรม ในยุคสังคมอุตสาหกรรม
ได้มีความชัดเจนมากขึ้นในรูปลักษณ์ของงานออกแบบสร้างสรรค์
• การออกแบบทางเครื่องจักรทาให้ได้ผลงานที่มีรูปลักษณะและรูปแบบที่มีกระแสต่อต้านว่าไร้รสนิยม อุตสาหกรรมการผลิต
สินค้าจึงต้องเร่งระดมบรรดาศิลปิน ช่างฝีมือ และผู้ผลิตประสานกัน เพื่อการพัฒนารูปแบบที่ผลิตด้วยเครื่องจักรกล ให้ได้
ผลิตภัณฑ์ที่มีรูปแบบของงานศิลปะสร้างสรรค์นอกเหนือจากประโยชน์ใช้สอยเป็นหลัก
แนวคิดในการออกแบบ
แนวคิดจากธรรมชาติ
ี่
• ธรรมชาติประกอบไปด้วยรูปทรงที่มีรูปลักษณะสมบูรณ์ลงตัวรูปทรงทมีรายละเอียดสลับซับซ้อนทั้งลีลา จังหวะ และสีสันสวยงาม
มีทั้งประเภทมีชีวิตและไม่มีชีวิต เช่น
คน ล าธาร
สัตว์ ภูเขา
พืช ก้อนหิน
แนวคิดจากประสบการณ์
ี่
• แนวคิดจากประสบการณ์ทเราได้พบเห็นและเรียนรู้มาล้วนได้ผ่านการออกแบบมาแล้วทั้งสิ้น นักออกแบบจะได้รับประสบการณ ์
์
ในการออกแบบสะสมกันเรื่อยมา บางอย่างก็เป็นประสบการณทเคยเป็นผลงานในอดีต แล้วน ามาปรับปรุงใหม่ เช่น หม้อดินเผา
ี่
เป็นต้น
แนวคิดจากความรู้ทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
• การน าคอมพิวเตอร์มาใช้ในการออกแบบ ท าให้เกิดความสะดวกสบายและมีความแม่นย าสูงในการคิดค านวณ เช่น การออกแบบ
สิ่งก่อสร้างผู้ออกแบบสามารถค านวณการรับน้ าหนักจากความโค้งที่ก่อขึ้นจากการเรียงอิฐก้อนเล็กๆ ต่อกัน และยังค านวณการ
ถ่ายแรงจากหลังคาไปตามส่วนโค้งลงสู่เสา หรือก าแพงได้
หลักในการออกแบบ
โครงสร้างทั้งหมด
• โครงสร้าง หมายถึง ตัววัสดุ ระนาบที่รองรับ รวมทั้งความคิดที่น ามาใช้ในการออกแบบ เช่น การถ่ายทอดรูปแบบ เรื่องราว
การใช้วัสดุ คุณสมบัติของวัสดุและสื่อที่ใช้ เป็นต้น
• โครงสร้างประกอบด้วย ๒ ส่วน คือ
๑. ส่วนประธาน เป็นส่วนที่เป็นหลักของงาน
๒. ส่วนรอง เป็นส่วนประกอบที่ช่วยเน้นให้เห็นความเด่นความส าคัญของส่วนประธาน การเน้นของส่วนรองอาจมีลักษณะ
ขัดแย้งกับส่วนประธานก็ได้
ความเป็นเอกภาพ
• การน าเอาทัศนธาตุ เช่น เส้น รูปทรง แสง-เงา สี พื้นผิว มาประกอบเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน เมื่อมองดูแล้วท าให้เกิดความรู้สึก
เป็นกลุ่มก้อน ไม่แตกแยกกระจัดกระจายจึงจะเป็นการจัดองค์ประกอบที่ดี
ความสมดุล
การจัดส่วนประกอบซ้าย ขวา ให้เท่ากัน หรือให้รู้สึกเท่ากัน ความสมดุล สามารถแบ่งลักษณะเป็น ๒ แบบ ดังนี้
สมดุลโดยเหมือนกันทั้ง ๒ ด้าน สมดุลโดยทั้ง ๒ ด้านไม่เหมือนกัน
• การจัดภาพทั้ง ๒ ด้านไม่เหมือนกันเมื่อแบ่งด้วยเส้น • โครงสร้างของมนุษย์และสัตว์ สถาปัตยกรรมหลายแห่ง
แกนดิ่งตรงกลาง แต่ความสมดุลเกิดขึ้นได้ด้วย เมื่อลากเส้นแบ่งตรงกลางภาพ จะได้ภาพสองข้าง
ความรู้สึกที่ตาเห็น เช่น การถ่วงน้ าหนักด้วยรูปทรง เหมือนกัน สมดุลแบบนี้ให้ความรู้สึกมั่นคง แข็งแรง
สี เส้น หรือความเด่นของพื้นผิว ตรงไปตรงมา
ความกลมกลืน
• ความรู้สึกที่เกิดขึ้นในด้านการประสานสัมพันธ์ที่เข้ากันได้ของส่วนประกอบ หรือทัศนธาตุต่างๆ เมื่อมองดูแล้วให้ความรู้สึกที่ไม่
ขัดแย้ง เกิดความรู้สึกที่ดีต่องานนั้นๆ
การเน้น
• การจัดส่วนประกอบให้น่าสนใจ มีจุดสนใจเด่นชัด ท าให้งานออกแบบมีความงามสมบูรณ์ยิ่งขึ้น ส าหรับส่วนประกอบที่น ามาจัด
ด้วยวิธีการต่างๆ มีดังนี้
การเน้นด้วยเส้น รูปร่าง รูปทรงและขนาด การเน้นด้วยพื้นผิว การเน้นด้วยสี
• เป็นการเน้นเส้น รูปร่าง รูปทรงที่ออกแบบ • โดยการใช้ลักษณะพื้นผิวที่มีความ • การน าเอาทฤษฎีสีมาใช้เพื่อความสวยงาม
ให้เป็นส่วนส าคัญ มีความเด่นด้วยขนาดที่ ขัดแย้ง หรือใช้ลักษณะต่างกัน เช่น ควบคู่กับการใช้รูปทรง ขนาด และพื้นผิว
แตกต่าง หรือใหญ่เป็นพิเศษกว่าส่วนอื่น พื้นผิวที่หยาบกับละเอียด ความขรุขระ เช่น ความเข้มของสี การใช้สีคู่ตรงข้าม
ท าให้น่าสนใจ กับความเรียบ และการใช้สีวรรณะเย็น หรือสีวรรณะอุ่น
ความขัดแย้งกัน
• ลักษณะที่ตรงกันข้าม เป็นการแก้ปัญหาสิ่งที่มีลักษณะซ้ าๆ ไม่น่าสนใจ น าจุดที่ขัดแย้งกันมาวางตามความเหมาะสมเพื่อให ้
กลับมาน่าสนใจ อาจแสดงความขัดแย้งโดยเส้น รูปร่าง รูปทรง ขนาด สี และทิศทางของทัศนธาตุก็ได้
แสดงลักษณะที่ขัดแย้งของรูปร่างตรงกลางของภาพ
แสดงลักษณะการซ้ ากันของรูปร่าง เป็นการประสานสัมพันธ์
ของรูปร่าง ท าให้ภาพน่าสนใจขึ้น เป็นการเน้นความเด่นชัดให้เกิดขึ้น
ที่รูปร่างตรงกลางของภาพ
การซ้ า
• ลักษณะการจัดทัศนธาตุที่ต้องการให้มีการซ้ า มีช่องไฟ หรือจังหวะเท่าๆ กัน ถ้าหากการซ้ ามีจ านวนมากก็ควรใช้ลักษณะ
การขัดแย้งกันเข้าช่วย เพื่อไม่ให้เกิดซ้ าซากจนท าให้ผลงานดูน่าเบื่อหน่าย
จังหวะ
• ความสัมพันธ์ของทัศนธาตุ ในลักษณะของการซ้ ากันสลับไปมา หรือลักษณะลื่นไหลเคลื่อนไหวไม่ขาดระยะ ซึ่งจะท าให้งานเกิด
ความเด่น โดยจังหวะอาจมีการเปลี่ยนแปลงไปบ้างแต่ต้องให้สัมพันธ์กัน
การซ้ าของเส้นลูกคลื่น ท าให้เกิดความเคลื่อนไหว
การซ้ าของเส้นตั้ง ท าให้เกิดจังหวะและความเคลื่อนไหว
และจังหวะที่ต่อเนื่อง
สัดส่วน
• เปรียบเทียบความสัมพันธ์และขนาดของรูปร่าง รูปทรงต่างๆ ที่ใช้ในการออกแบบ ให้มีความสัมพันธ์กับงานและการใช้สอย
ถ้ามีความสัมพันธ์ที่เหมาะสมกันดี ก็หมายถึงการมีสัดส่วนที่ดี
ประเภทของงานออกแบบ
สาขาวิจิตรศิลป์
• สาขาวิจิตรศิลป์เป็นศิลปะที่สร้างขึ้นเพื่อชื่นชมในคุณค่าของศิลปะ
โดยตรง ไม่ได้มุ่งไปที่ประโยชน์อย่างอื่น
การออกแบบทางศิลปะ
แบ่งออก
เป็นสาขาใหญ่ๆ คือ
สาขาประยุกต์ศิลป์
• สาขาประยุกต์ศิลป์ เป็นศิลปะที่มุ่งเน้นประโยชน์ใช้สอยเป็นส าคัญ
การออกแบบตกแต่งภายในอาคารสถานที่
ศิลปะการตกแต่งภายในอาคารพักอาศัย
เช่น บ้าน อพาร์ตเมนต์ หรือ แฟลต ห้องแถว ซึ่งจ าเป็นต้องใช้ศิลปะการตกแต่งเพื่อให้เกิดความสวยงามกลมกลืน ดูเป็นธรรมชาติ
ศิลปะการตกแต่งภายในอาคารประเภทอื่น
เช่น อาคารส าหรับประกอบอาชีพ อาคารส าหรับศึกษาเล่าเรียน ซึ่งการตกแต่งภายใน ก็มักจะดูโอ่อ่ามั่นคง หรือแบบเรียบง่าย
ศิลปะการตกแต่งภายในส าหรับการจัดงาน
เช่น งานเลี้ยงพิธีมงคลสมรส พิธีทางศาสนา การจัดนิทรรศการ เป็นการตกแต่งสถานที่ที่ท าให้เกิดความรู้สึกหรูหรา หรือได้
บรรยากาศที่เหมาะสมกับงาน
ศิลปะการตกแต่งสวนภายในบ้าน หรือในอาคาร
มนุษย์มีความต้องการใกล้ชิดกับธรรมชาติ จึงมีการดึงธรรมชาติเข้าไปในอาคารด้วยศิลปะการตกแต่ง เช่น การจัดสวนหย่อม
สวนถาด หรือไม้ดัด ไม้กระถาง เพื่อให้เกิดความรู้สึก รื่นรมย์ สงบ ร่มเย็น
การออกแบบผลิตภัณฑ
์
• ผลิตภัณฑ์ หมายถึง การผลิตสิ่งของเครื่องใช้ต่างๆ การออกแบบผลิตภัณฑ์จึงเป็นการน าเอาหลักการออกแบบมาสร้างสรรค์
ปรับปรุงผลิตภัณฑ์ต่างๆ หรือสินค้าเด่นสะดุดตา ดึงดูดความสนใจ ผู้บริโภคเห็นแล้วอยากจะซื้อ
การออกแบบสื่อสาร
ี่
ี่
• สื่อสาร หมายถึง การส่งข่าวสารข้อมูลของฝ่ายหนึ่งไปสู่ยังอีกฝ่ายหนึ่ง การออกแบบสื่อสารเป็นการออกแบบทมุ่งให้สื่อทส่งไป
เข้าใจง่าย จดจ าง่าย ดึงดูดความสนใจด้วยวิธีการจัดท าเป็นแผ่นป้ายภาพสัญลักษณ์ ป้ายโฆษณา และการแพร่ภาพทางโทรทัศน์
การออกแบบสิ่งพิมพ์
้
• ศิลปะสิ่งพิมพ์ (Graphic arts or Graphics) เป็นการออกแบบที่มีลักษณะหลากหลายของสิ่งพิมพ์ เพื่อใหผู้คนได้อ่าน ได้ดู
ผ่านสื่อกลางต่างๆ เช่น ตัวอักษร เครื่องหมาย สัญลักษณ์ รูปภาพ และรูปอื่นๆ ผ่านกรรมวิธีขีดเขียน การพิมพ์ การบันทึกภาพ
รวมไปถึงเทคนิคการสร้างภาพต่างๆ โดยใช้เครื่องมือ เครื่องจักรกล ให้เกิดเป็นรูปร่างที่ประณีต เรียบร้อย สวยงาม
ใช้ติดต่อสื่อสารและโน้มน้าวจิตใจ ของกลุ่มเป้าหมายตามที่ต้องการได้
การออกแบบสิ่งพิมพ์ หรือ Graphic Design จากทัศนะของนักการศึกษาทางด้านศิลปะและนักออกแบบได้ให้
ความหมาย ดังนี้
ผลงานการออกแบบลักษณะต่างๆ เพื่อให้ผู้คนได้อ่าน เช่น หนังสือ วารสาร นิตยสาร การโฆษณา
ภาพยนตร์ โทรทัศน์ นิทรรศการ เป็นต้น
ผลงานการออกแบบที่เกี่ยวข้องกับการออกแบบเครื่องหมาย และการออกแบบเกี่ยวกับการพิมพ์ต่างๆ
ที่ใช้ในวงการอุตสาหกรรม
ผลงานการออกแบบเพื่อการเผยแพร่ มุ่งชักชวน เรียกร้อง หรือเผยแพร่ผลิตภัณฑ์ การบริการ และ
เสนอความคิดต่างๆ งานออกแบบบรรจุภัณฑ์ งานโฆษณา ซึ่งเป็นงานในลักษณะสิ่งพิมพ์
์
ความส าคัญของการออกแบบสิ่งพิมพ
• ความสัมพันธ์ของทัศนธาตุ ในลักษณะของการซ้ ากันสลับไปมา หรือลักษณะลื่นไหลเคลื่อนไหวไม่ขาดระยะ ซึ่งจะท าให้งานเกิด
ความเด่น โดยจังหวะอาจมีการเปลี่ยนแปลงไปบ้างแต่ต้องให้สัมพันธ์กัน
การออกแบบสิ่งพิมพ์มีส่วนสร้างสรรค์ข้อตกลงร่วมกันของคนในสังคม เช่น เครื่องหมายบอกทิศทาง
เครื่องหมายจราจร เป็นต้น
การออกแบบสิ่งพิมพ์มีส่วนเสริมสร้างข่าวสารให้สะดุดตา น่าสนใจ เช่น หนังสือพิมพ์ นิตยสาร
สื่อสิ่งพิมพ์อื่นๆ
การออกแบบสิ่งพิมพ์ช่วยส่งเสริมความเจริญก้าวหน้าทางธุรกิจการค้าและวงการอุตสาหกรรม เช่น
การออกแบบสินค้าและผลิตภัณฑ์ การออกแบบโฆษณาทางโทรทัศน์ หนังสือพิมพ์ นิตยสาร
ประโยชน์ของการออกแบบสิ่งพิมพ์ที่มีต่อธุรกิจการค้า
๑ เป็นการช่วยช่วยสร้างเอกลักษณ์ให้กับสินค้า
๒ เป็นการสร้างภาพที่ดีให้สินค้า
๓ เป็นการจ าแนกใหเห็นถึงความแตกต่างของสินค้า
้
๔ เกิดการพัฒนาระบบธุรกิจการค้าและอุตสาหกรรม
์
หลักการด าเนินงานออกแบบสิ่งพิมพ
• ผู้ออกแบบควรวางเป้าหมายเป็นอันดับแรกว่า จะบอกกล่าวหรือต้องการบอก
เป้าหมายของการออกแบบคืออะไร
ข่าวสารอะไรให้ผู้รับสารได้ทราบ
• ผู้ออกแบบควรศึกษาให้ชัดว่ากลุ่มเป้าหมายเป็นใคร หญิง ชาย หรือไม่แยก
กลุ่มเป้าหมายที่รับสารคือใคร
เพศ และกลุ่มเป้าหมาย มีอายุเท่าใด
• ผู้ออกแบบต้องเลือกส่วนประกอบที่จะใช้ในการออกแบบให้ตรงกับ
ส่วนประกอบส าคัญในการสื่อความหมาย
กลุ่มเป้าหมาย เช่น การใช้ข้อความ การใช้สัญลักษณ์ หรือภาพต่างๆ
• ผู้ออกแบบต้องค านึงถึงสื่อว่าควรใช้แบบใดจึงจะได้ผล เช่น การใช้ป้ายโฆษณา
เป้าหมายของการออกแบบคืออะไร
แผ่นโปสเตอร์ หนังสือพิมพ์ โทรทัศน์ ภาพยนตร์ เป็นต้น
ส่วนประกอบในงานออกแบบสิ่งพิมพ์
๑ ตัวอักษร • ตัวอักษร เป็นองค์ประกอบพื้นฐานส าคัญอันดับแรกในการออกแบบ ซึ่งนักออกแบบ
ต้องเรียนรู้ในเรื่องของขนาด รูปร่าง ลักษณะ ตลอดจนวิธีการในการจัด และผลิต
ี่
ตัวอักษร ตัวอักษรมีส่วนส าคัญในการท าสิ่งพิมพ์ ซึ่งงานออกแบบด้านตัวอักษรทมี
การน าไปใช้ แบ่งเป็น ๒ ลักษณะใหญ่ๆ ดังนี้
๒ ภาพประกอบ • ภาพประกอบที่น ามาใช้ในงานออกแบบประเภทต่างๆ มีหลายลักษณะหลายรูปแบบ
ของการสร้างสรรค์ โดยวัตถุประสงค์ของการมีภาพประกอบในงานออกแบบสิ่งพิมพ์
ได้แก่
เพื่อเป็นการดึงดูดความสนใจ
เพื่ออธิบายความคิดรวบยอด
เพื่อการอ้างอิงแทนตัวจริง
เพื่ออธิบายเนื้อหาแทนข้อความ
เพื่อประกอบข้อมูลทางสถิติ
ตัวอย่าง งานสิ่งพิมพ์ที่มีภาพประกอบ
์
การออกแบบสัญลักษณ
• สัญลักษณ์ หมายถึง สิ่งที่ใช้แทนการอธิบายด้วยค าพูด หรือการเขียนข้อความส่งข่าวสารจากฝ่ายหนึ่งไปสู่อีกฝ่ายหนึ่ง เพื่อความ
สะดวก รวดเร็ว และขจัดปัญหาการไม่เข้าใจ หรือความไม่คุ้นเคยในการใช้ภาษา เช่น สัญลักษณ์จราจร สัญลักษณ์ทางการค้า
เป็นต้น ซึ่งเครื่องหมายการค้า จะได้รับการออกแบบจากเจ้าของธุรกิจเพื่อให้ผู้ซื้อสินค้าสามารถจดจ าสินค้าได้ง่าย