ขนุ ช้างขุนแผน
ตอน ขุนชา้ งถวายฎีกา
รายวชิ าแนวทางการศึกษาวรรณคดีไทย
ความสัมพันธ์
วรรณคดี
หรือ
วรรณกรรม
กับ
สังคมไทย
ขุนช้างขุนแผน ตอนขุนช้างถวายฎีกา
ความสัมพนั ธ์วรรณคดีหรือวรรณกรรมกบั สังคมไทยจากเรื่อง
วรรณคดีเร่ือง ขนุ ชา้ งขนุ แผน ตอน ขนุ ชา้ งถวายฎีกา
ผู้ประพนั ธ์ : ไมป่ รากฏนามผแู้ ตง่
ประเภทวรรณคดหี รือวรรณกรรม : กลอนสุภาพ
แก่นเรื่อง :วรรณคดีเรื่องน้ีสะท้อนแสดงให้เห็นโลกทัศน์ของครอบครัวขุนนางในสมัยกรุ งศรีอยุธยา
รัตนโกสินทร์ว่ามีความจงรักภกั ดีต่อองค์พระมหากษตั ริยร์ ะบอบสมบูรณาญาสิทธิราชยงั มีอานาจอยู่เหนือ
กฎหมาย (ถือวา่ พระมหากษตั ริยเ์ ป็ นเสมือนสมมุติเทพ) ค่านิยมความเชื่อเรื่องบาปกรรมเชื่อว่าความทุกข์ยาก
เดือดร้อนดว้ ย เหตุต่างๆ น้นั เป็นผลมาจากกรรมเก่าท่ีทาไว้ (อนั เป็ นความเช่ือท่ีไม่ค่อยจะถูกตอ้ งนกั เพราะกรรม
ท่ีทาในชาติปัจจุบนั ก็ส่งผลใหม้ ีอนั เป็นไปตา่ งๆได้ มิใช่แต่กรรมเก่าเท่าน้นั การเชื่อแต่กรรมเก่า อาจจะทาให้คน
งอมืองอเทา้ ไม่คิดสร้างกรรมใหม่ให้ดีกวา่ เก่า) ค่านิยมในเร่ืองไสยศาสตร์ แมจ้ ะนบั ถือพุทธศาสนาแต่ก็ยงั เชื่อ
เร่ืองภูตผีปี ศาจ คาถาอาคมเรื่องโชคชะตาดวงของคนเก่งพาไสยศาสตร์ในการรักษาโรคภยั ไขเ้ จ็บการป้องกนั
ภยนั ตรายการสู้รบทาสงคราม การใช้เคร่ืองรางเป็ นเคร่ืองเสริมกาลงั ใจหรือให้ประสบความสาเร็จตามใจ
ปรารถนาของตนและในสมยั น้นั จะมีการตีฆอ้ งบอกเวลาคา่ นิยมความเชื่อในจารีตประเพณี ท่ีปฏิบตั ิสืบต่อกนั มา
เช่นหญิงตอ้ งมีสามีคนเดียว หญิงท่ีมีสามีหลายคนหรือมีสามีแลว้ ไปเป็ นชูก้ บั ชายอ่ืน ก็จะถูกตราหน้าวา่ เป็ น
หญิงแพศยาหรือกาลกิณี ไม่มีความเจริญค่านิยมความเช่ือเร่ืองความฝัน ถือวา่ ไม่ว่าจะฝันดีหรือฝันร้ายลว้ นแต่
เป็นลางบอกเหตุที่จะเกิดข้ึนแก่ตน หรือคนในครอบครัว
เนื้อเรื่องย่อ : ฝ่ ายพลายงาม เมื่อชนะความขนุ ชา้ งแลว้ ก็อยูม่ าดว้ ยความสุข แต่มาคิดวา่ ยงั ขาดแต่มารดา เห็นวา่
ไมค่ วรคูก่ บั ขนุ ชา้ ง แลว้ คิดวา่ จะรับแมก่ ลบั มาอยกู่ บั ขนุ แผน พอตกค่าจึงออกเดินทางไปบา้ นขนุ ชา้ ง สะกดผคู้ น
ภูตพราย และแกอ้ าถรรพณ์ แลว้ สะเดาะกลอน เขา้ ไปถึงช้นั สามหอ้ งนอน ถอนสะกดนางวนั ทอง แลว้ เจรจากนั
พระไวยแจง้ วา่ จะมารับนางวนั ทองกลบั ไปบา้ น นางวนั ทองแนะนาให้นาเร่ืองข้ึนกราบทูลพระพนั วษา พลาย
งามไมเ่ ห็นดว้ ยและจะพาไปใหไ้ ด้ นางวนั ทองจนใจจึงยอมไปกบั พระไวย ขนุ ชา้ งต่ืนข้ึนไม่พบนางวนั ทอง ให้
บ่าวไพร่คน้ หาไม่พบ ฝ่ ายพลายงามไดค้ ิดวา่ ถา้ ขนุ ชา้ งรู้วา่ ลกั นางวนั ทองมา ก็คงจะนาความข้ึนกราบทูลสมเด็จ
พระพนั วษา มารดาก็จะตอ้ งโทษ คิดแลว้ จึงให้หม่ืนวิเศษผล ไปหาขนุ ชา้ งท่ีบา้ น ช่วยไกล่เกล่ียเรื่องราว อยา่ ให้
ขนุ ชา้ งโกรธ ดว้ ยเป็ นคนท่ีเคยชอบพอกนั โดยให้บอกขนุ ชา้ งวา่ ตนจบั ไขอ้ ยู่หลายวนั เกรงวา่ แม่ไม่ทนั จะเห็น
หนา้ จึงใหค้ นไปพาแม่มา พอใหต้ นหายไขแ้ ลว้ จะส่งมารดาคืนกลบั ไป หมื่นวเิ ศษรับคาแลว้ ก็รีบไปบา้ นขนุ ชา้ ง
แจง้ เรื่องตามท่ีพระไวยสั่งมาทุกประการ ขนุ ชา้ งไดฟ้ ังก็ท้งั โกรธและแคน้ เมื่อข่มความโกรธแลว้ ก็ตอบไปวา่ ไม่
เป็นไรเรื่องการเจบ็ ไข้ ถา้ ขดั สนสิ่งไรกข็ อใหม้ าเอาที่ตนได้ วา่ แลว้ ก็ปิ ดหนา้ ต่างใส่ ดว้ ยความเดือดดาลและแคน้
ใจ
ตวั ละคร :
นางวนั ทอง
ขนุ ชา้ ง
ขนุ แผน
พลายงาม สมเด็จพระพนั วษา
การสะท้อนชีวิตและสังคมของวรรณคดีหรือวรรณกรรม : สะท้อนสังคมของการใช้ชีวิตในวรรณคดีหรือ
วรรณกรรมเรื่องน้ีจะสอดแทรกความคิดเก่ียวกบั ความเช่ือในสังคมเช่น ความเชื่อเร่ืองทากรรมสิ่งใดยอ่ มไดร้ ับ
ผลความเช่ือเรื่องเวทมนตร์คาถาการทาเสน่ห์เล่ห์กลและผูช้ ายจะมีอภิสิทธ์ิเหนือผูห้ ญิงจึงทาอะไรตามใจตนเอง
โดยไม่นึกถึงผูอ้ ื่น ก็เหมือนวรรณคดีเรื่องน้ี คุณช้างไปฟ้องกษตั ริยโ์ ดยไม่นึกถึงความรู้สึกนางวนั ทองเลย
ปัจจุบนั น้ีสงั คมและการใชช้ ีวติ ส่วนมากกยงั สะทอ้ นถึงความเช่ือเดิมเวน้ แตเ่ ร่ืองของอภิสิทธ์ิผชู้ ายเหนือวา่ ผูห้ ญิง
ในปัจจุบนั น้ีที่มีการเปลี่ยนแปลงผชู้ ายกบั ผหู้ ญิงมีอานาจหรืออภิสิทธ์ิที่เทา่ เทียมกนั
การวิเคราะห์
โครงสร้าง
วรรณคดี
ขุนช้างขุนแผน ตอนขุนช้างถวายฎีกา
บทวิเคราะห์ เรือ่ ง ขนุ ข้างขนุ แผน ตอน ขุนชา้ งถวายฎกี า
๑. แก่นเร่อื ง
ผู้แต่งสื่อถึงนางวันทองท่ีเป็นตัวอย่างของสตรีไทยสมัยโบราณ เกิดมาเพ่ือรับบทของบุตรี ภรรยาและ
มารดา ตามที่ธรรมชาติและสังคมเป็นผู้กาหนด นางวันทองถูกกาหนดเส้นทางของชีวิตให้เป็นไปตามความ
ต้องการของคนอ่ืนท้ังส้ิน แม้แต่การเลือกใช้ชีวิตคู่ เมื่อสมเด็จพระพันวษาทรง เปิดโอกาสให้นางวันทองเลือก
ทางเดินของชีวิตตนเอง นางก็ว้าวุ่นใจไม่อาจตัดสินใจได้ จึงก่อให้เกิดเหตุการณ์ท่ีสะเทือนใจในที่สุด การ
ตัดสินใจไม่ไดข้ องนางวนั ทองกลายเป็นความผดิ ทงั้ ๆทีค่ วามผดิ ท้งั หลายไม่ใด้เกิดขึ้นจากนางวันทอง ส่วนพระ
พันวษาก็ไม่สามารถแก้ปัญหาน้ีได้ ด้วยความที่ผู้ชายสมัยก่อนมีนิสัยที่ยืนยัดในการตัดสินใจของตนเองจึงยาก
ต่อการเข้าใจความรู้สึกท่ีอ่อนไหวง่ายของผู้หญิงได้ จนไม่สามารถแก้ไขได้และส่งผลให้เกิดการตัดสินใจที่
ร้ายแรงขนึ้
๒. โครงเร่อื ง
• นางวันทอง มชี ่อื เดิมว่า พิมพิลาไลย ซ่ึงเปน็ เพอ่ื นเล่นกับ พลายแก้ว และ ขุนชา้ ง ในตอนเดก็
• เมื่อโตขึ้น นางพิมได้พบกับ พลายแก้ว อีกครั้ง ซ่ึงในตอนน้ัน พลายแก้ว บวชเณรอยู่ ซ่ึงท้ังสองก็
แอบรกั ใครช่ อบพอกัน เณรแกว้ จึงแอบสึกและขึ้นไปหานางพมิ บนเรือน
• ทางดา้ น ขนุ ชา้ ง ซงึ่ มีฐานะรา่ รวย แต่หน้าตาอัปลักษณ์ก็หลงรักนางพิมเช่นกัน จึงวอนให้ นางเทพ
ทอง (เปน็ มารดา) ไปสขู่ อนางพิม
• นางพิมเกรงว่า มารดาตนจะรับขันหมากของขุนช้าง จึงให้นางสายทอง (พ่ีเล้ียง) ไปส่งข่าวให้เณร
แกว้ รีบชิงมาสูข่ อกอ่ น
• เณรแก้ว ลาสิกขา และให้นางทองประศรี มารดาของตน ไปสูข่ อนางพมิ ท้ังคู่จึงได้แตง่ งานกนั
• หลงั เข้าหอได้เพียงสองวัน พลายแกว้ ไดร้ บั คาสง่ั ใหน้ าทัพไปรบกบั พระเจา้ เชียงใหม่
• นางพิมตรอมใจด้วยความคิดถึงพลายแก้ว บวกกับขุนช้างซึ่งทาทุกอย่างเพื่อให้นางพิมใจอ่อนมา
เป็นภรรยาตน จึงลม้ ป่วยลง และไดเ้ ปลย่ี นชอ่ื เปน็ วนั ทอง
• ขุนช้างหลอก วันทอง ว่า พลายแก้ว เสียชีวิตในสนามรบไปแล้ว นางศรีประจัน(แม่ของวันทอง)
เกรงว่าวันทองจะถูกริบเป็นม่ายหลวง จึงบังคับให้ แต่งงานกับขุนช้าง นางจึงต้องแต่ง แต่วันทอง ยังไม่เชื่อ
ว่าพลายแกว้ ตายแล้ว จงึ เฝ้ารอ พลายแกว้ และขัดขนื ยงั ไม่ยอมเปน็ ภรรยาขนุ ช้าง
• พลายแก้วชนะศกึ กลับมา ได้รับยศเป็น ขุนแผน และได้รบั พระราชทานนางลาวทอง มาเป็นภรรยา
ด้วย เมื่อขุนแผนได้พบกับ วันทอง ก็เกิดทะเลาะวิวาท กันว่าวันทองไปแต่งงานใหม่ ส่วนวันทองก็ว่าขุนแผน
นอกใจไปมภี รรยาใหม่ ขนุ แผนโกรธจึงเขา้ ข้างลาวทอง และพานางไปอยกู่ ับแมท่ ี่กาญจนบรุ ี
• นางวนั ทองทง้ั โกรธแคน้ เสยี ใจ และคิดว่าขนุ แผนหมดรกั ตนแลว้ จึงยอมตกเปน็ ภรรยาขุนช้างในคืน
นน้ั เอง
• ขนุ แผนยงั คงคิดถงึ วนั ทอง จึงได้แอบข้ึนเรือนขุนช้างไป และพบวันทองนอนคู่กับขุนช้างอยู่ ก็โกรธ
แต่ทาอะไรไม่ไดน้ อกจากประจานให้อบั อายและจากไปทาให้ขุนช้างแคน้ ใจมาก
• ต่อมาขุนช้างได้โอกาส เมื่อนางลาวทองไม่สบาย ขุนแผนซึ่งเข้าเวรอยู่ เป็นห่วง อยากกลับไปดูแล
จึงฝากเวรไวก้ บั ขุนชา้ ง ซึ่งขุนช้างกไ็ ดน้ าความไปทูล
• สมเด็จพระพันวษา ว่าขุนแผนหนีเวร สมเด็จพระพันวษาจึงลงโทษด้วยการให้ขุนแผนออกไป
ตระเวณด่านอยชู่ ายแดน และ นาตัวลาวทองมากกั ไวไ้ ม่ใหท้ ั้งสองพบกนั
• ขุนแผนโกรธแค้นขุนช้าง จึงคิดชิงตัวนางวันทอง โดยรวบรวมของวิเศษ 3 อย่าง ได้แก่ กุมารทอง
ดาบฟ้าฟืน้ ม้าสหี มอก
• จากนนั้ ขุนแผนจึงลอบข้นึ เรอื นขุนช้างอีกครั้ง ซึ่งไดพ้ บกับนางแก้วกิริยาธิดาสุโขทัย ที่บิดานามาขัด
ดอกกับขุนช้างไว้ และได้นางเป็นภรรยา จากน้ันจึงเข้าไปหานางวันทอง ซ่ึงวันทองไม่อาจจากขุนช้างได้ แต่
เพราะดว้ ยความรกั ขุนแผน จึงยอมตามไปอยกู่ ับขุนแผน
• ขุนชา้ งโกรธทขี่ นุ แผนพาตวั นางวันทองไปจงึ ถวายฎกี ารอ้ งทุกข์ สมเดจ็ พระพันวษา
• ขุนแผนพาวันทองเร่รอนไปอยู่ตามป่า จนนางต้ังครรภ์ ขุนแผนสงสารวันทองท่ีได้รับความลาบาก
จึงให้พระพิจิตรพาไปมอบตัวและกราบทูลเรื่องราวท้ังหมด สมเด็จพระพันวษาจึงตัดสินให้ขุนแผนได้นางวัน
ทองคนื และขนุ ช้างถกู ปรบั ไหม
• ต่อมาขุนแผนคิดถึงนางลาวทองจึงขอพระราชทานคืน สมเด็จพระพันวษากริ้วมาก และมีรับสั่งให้
จบั ขุนแผนไปขังคกุ ซง่ึ ขนุ แผนยอมตดิ คกุ โดยไมค่ ดิ หนี (ทง้ั ๆที่มีวิชาอาคมสามารถหนไี ด)้
• วันหน่ึงขุนช้างสบโอกาส ให้บ่าวไพร่มาฉุดนางวันทองซึ่งกาลังไปเยี่ยมขุนแผน นางจึงต้องกลับไป
อยู่กบั ขุนชา้ ง และคลอดลกู ชื่อ พลายงาม
• ยิง่ พลายงามโตขึ้นก็ยิง่ หน้าตาละมา้ ยคลา้ ยขุนแผน ขุนช้างเมื่อรู้ว่าไม่ใช่ลูกตน จึงลวงพลายงามไป
ฆา่ ในปา่ แต่ได้ผีพรายของขุนแผนช่วยไว้ จึงรอดมาได้ นางวันทองจึงให้พลายงามไปอยู๋กับนางทองประศรี(แม่
ของขุนแผน) ที่กาญจนบุรี ส่วนตัวนางจาต้องอยู่กับขุนช้าง จนเมื่อพลายงามโตขึ้นได้รับราชการ ทาความดี
ความชอบ ได้เป็นจมนื่ ไวยวรนาถ
• ในงานแตง่ งานของพลายงาม ขุนช้างและนางวันทอง มาช่วยงาน ขุนช้างเมาและมีเร่ืองกับพลาย
งาม จึงถูกพลายงามทาร้าย ขุนช้างจึงไปถวายฎีกา กล่าวโทษพลายงาม และได้มีการดาน้าพิสูจน์กัน ปรากฏ
ว่าขุนช้างแพ้ และถูกตัดสินประหารชีวิต แต่นางวันทองขอให้พลายงาม ขอ พระราชทาน อภัยโทษไว้ เพราะ
ขุนชา้ งก็เคยดกี ับนาง
• พลายงามคดิ ถึงมารดา อยากใหก้ ลบั มาอยู่ดว้ ยกันพร้อมหน้า จึงลอบขึ้นเรือนและพานางหนี รุ่งขึ้น
ก็เกรงวา่ ขนุ ชา้ งจะเอาผดิ จงึ ใหบ้ า่ วไปส่งความวา่ ตน ปว่ ยหนัก อยากใหแ้ มม่ าดใู จสักพกั แล้วจะสง่ คืน
• ขุนชา้ งโกรธ จงึ รา่ งฎีกาถวายถวายตอ่ สมเดจ็ พระพันวษาอกี
• สมเดจ็ พระพันวษามีรบั สงั่ ใหไ้ ปเรยี กทกุ คนท่ีเกีย่ วขอ้ งมา และเริ่มทาการตัดสินคดีความ ฝ่ายพลาย
งามผดิ ด้วยการไปลอบขึ้นบ้านผ้อู น่ื ทาเช่นบ้านเมือง ไมม่ กี ฎหมาย ฝ่ายขุนช้างกผ็ ดิ ทว่ี ่าไปแยง่ วันทองมา
• สมเด็จพระพันวษาให้นางวันทองเข้าเฝ้าและตรัสถามให้กระจ่างว่านางจะเลือกอยู่กับใคร ขุนแผน
ขุนช้าง หรือ พลายงาม ด้วยความประหม่า และ ณ ตอนน้ันชะตาถึงฆาต ทาให้นางตอบออกไปว่า นางก็รัก
ขุนแผน แต่ขุนช้างกแ็ สนดี สว่ นพลายงามนีก้ ล็ ูกในอก
• พระพนั วษาโกรธมาก จงึ มีรับสงั่ ให้ประหารชวี ติ นาง
- ครอบครัวของ ''ขุนไกรพลพ่าย'' รับราชการทหาร มีภรรยาชื่อ ''นางทองประศรี'' มี
ลูกชายด้วยกนั ช่ือ ''พลายแก้ว''
- ครอบครัวของ ''ขุนศรีวิชัย'' เศรษฐีใหญ่ของเมืองสุพรรณบุรี รับราชการเป็นนายกอง
กรมชา้ งนอก ภรรยาช่อื ''นางเทพทอง'' มีลูกชายชอ่ื ''ขุนชา้ ง'' ซึ่งหวั ลา้ นมาแต่กาเนิด
- ครอบครัวของ ''พันศรโยธา'' เป็นพ่อค้า ภรรยาช่ือ ''ศรีประจัน'' มีลูกสาวรูปร่าง
หนา้ ตางดงามชอ่ื ''นางพมิ พลิ าไลย''
๓. เนื้อเรอ่ื ง
กล่าวถึงพลายงาม เม่ือชนะคดีความขุนช้างแล้ว ขุนช้างได้พานางวันทองกลับไปอยู่สุพรรณบุรี
สว่ นตวั พลายงามเองก็กลบั ไปอยู่บ้านพร้อมหน้าญาตแิ ละพ่อ ขาดก็แต่แม่ ทาให้พลายงามเกิดความคิดที่จะพา
นางวันทองกลับมาอยู่ด้วยกัน จะได้พร้อมหน้าพ่อ แม่ ลูก พอตกดึกจึงไปลอบข้ึนเรือนขุนช้างแล้วพานางวัน
ทองหนีมาอยู่ที่บ้านกับตน ตอนแรกนางก็ไม่ยินยอมที่จะมา เพราะกลัวจะเป็นเรื่องให้อับอาย และเกรงจะมี
ปัญหาตามมาภายหลัง จึงบอกให้พลายงามนาความไปปรึกษาขุนแผน เพ่ือฟ้องร้องขุนช้างดีกว่าจะมาลักพา
ตัวไป แตพ่ ลายงามไม่ยอม สุดทา้ ยนางวันทองจงึ จาต้องยอมไปกบั พลายงาม
ฝา่ ยขุนช้างนอนฝันร้ายกผ็ วาต่ืนเอาตอนสาย ครั้นต่นื ขน้ึ มาก็ร้องเรียกหานางวันทอง ออกมาถามบ่าว
ไพรก่ ไ็ ม่มีใครเห็นจงึ โกรธเปน็ ฟืนเป็นไฟมุ่งม่ันจะตามนางวันทองกลบั มาให้ได้ ฝ่ายพลายงามก็เกรงว่าขุนช้างจะ
เอาผิด ถา้ รวู้ า่ ตนไปพานางวันทองมา แม่อาจจะต้องโทษได้ จึงใช้ให้หมื่นวิเศษผลไปบอกขุนช้างว่า ตนนั้นป่วย
หนักอยากเห็นหนา้ แม่ จงึ ใชใ้ ห้คนไปตามนางวันทองมา เมื่อกลางดึกขอให้แม่อยู่กับตนสักพักหน่ึงแล้วจะส่งตัว
กลับมาอยู่กับขุนช้างตามเดิม ขุนช้างโมโหและแค้นยิ่งนักที่พลายงามทาเหมือนข่มเหงไม่เกรงใจตน จึงร่างคา
ร้องถวายฎีกา แล้วลอยคอมายังเรือพระท่ีนั่งของสมเด็จพระพันวษาเพื่อถวายฎีกา ทาให้สมเด็จพระพันวษา
พิโรธมาก ให้ทหารรับคาฟ้องมาแล้วให้เฆี่ยนขุนช้าง ๓๐ ที แล้วปล่อยไป และยังทรงต้ังกฤษฎีกาการรักษา
ความปลอดภัยว่า ต่อไปข้าราชการผู้ใดที่มีหน้าที่รักษาความปลอดภัยแล้วปล่อยให้ใครเข้ามาโดยมิได้รับ
อนญุ าตจะมีโทษมหันตถ์ งึ ประหารชีวิต
ฝ่ายขุนแผนนอนอยูในเรือนกับนางแก้วกิริยาและนางลาวทองอย่างมีความสุข ครั้นสองนางหลับ
ขุนแผนก็คิดถึงนางวันทองท่ีพลายงาม ไปนาตัวมาไว้ที่บ้าน จึงออกจากห้องย่องไปหานางวันทองหวังจะร่วม
หลับนอนกัน แต่นางปฏิเสธแล้วพากันหลับไป แต่พอตกดึกนางวันทองก็เกิดฝันร้ายตกใจต่ืนเล่าความฝันให้
ขุนแผนฟัง ขุนแผนฟังความฝันของนางก็รู้ทันทีว่าเป็นเร่ืองร้าย อันตรายถึงชีวิตแน่นอน แต่ก็แกล้งทานายไป
ในทางดเี สยี เพ่อื นางจะได้สบายใจ
ฝ่ายสมเด็จพระพันวษา คร้ันทรงอ่านคาฟ้องของขุนช้างก็ทรงกริ้วย่ิงนัก ให้ทหารไปตามตัวนางวัน
ทอง ขุนแผนและพระไวยมาเฝา้ ทันที ขุนแผนเกรงว่านางวันทองจะมีภัย จึงเสกคาถาและข้ีผ้ึงให้นางวันทองทา
ปากเพื่อให้พระพันวษาเมตตา แล้วจึงพานางเข้าเฝ้า เม่ือพระพันวษาเห็นนางวันทองก็ใจอ่อนเอ็นดู ตรัสถาม
เรื่องราวที่เป็นมาจากนางวันทองว่า ตอนชนะคดีให้ไปอยู่กับขุนแผนแล้วทาไมจึงไปอยู่กับขุนช้างนางวันทองก็
กราบทลู ด้วยความกลัวไปตามจริงว่า ขนุ แผนถูกจองจา ขุนชา้ งเอาพระโองการไปอ้างให้ฉุดนางไปอยู่ด้วยเพื่อน
บ้านเห็นเหตุการณ์ก็ไม่กล้าเข้าช่วยเพราะกลัวผิดพระโองการ สมเด็จพระพันวษาฟังความทรงกริ้วขุนช้างมาก
ทรงถามนางวันทองอีกว่าขุนช้างไปฉุดให้อยู่ด้วยกันมาต้ัง ๑๘ ปี แล้วคราวนี้หนีมาหรือมีใครไปรับมาอยู่กับ
ขุนแผน นางวนั ทองก็กราบทูลไปตามจรงิ ว่า พระไวยเปน็ ผูไ้ ปรบั มาเวลาสองยาม ขุนชา้ งจงึ หาความวา่ หลบหนี
สมเดจ็ พระพนั วษาทรงกร้ิวพระไวยทที่ าอะไรตามใจตน นกึ จะขนึ้ บ้านใครก็ขึ้น
สมเด็จพระพันวษาทรงคิดว่า สาเหตุของความวุ่นวายท้ังหมดนี้เกิดจากนางวันทองจึงให้นางวันทอง
ตัดสินใจว่าจะอยู่กับใคร นางวันทองตกใจประหม่า อีกท้ังจะหมดอายุขัยจึงบันดาลให้พูดไม่ออกบอกไม่ถูกว่า
จะอยู่กับใคร นางให้เหตุผลว่า นางรักขุนแผน แต่ขุนช้างก็ดีกับนาง ส่วนพลายงามก็เป็นลูกรัก ทาให้สมเด็จ-
พระพันวษากร้ิวมาก เห็นว่านางวันทองเป็นคนหลายใจ เป็นหญิงแพศยา จึงให้ประหารชีวิตนางวันทองเพ่ือมิ
ใหเ้ ปน็ เยีย่ งอยา่ งแกผ่ ู้อืน่ ต่อไป
๔. ตัวละคร
- วิเคราะหล์ กั ษณะนิสยั ของตวั ละครในวรรณคดไี ทย
๑. ขนุ แผน
๒. ขนุ ช้าง
๓. นางวนั ทอง
๔. พลายงาม
๕. พระพนั วษา
๑.ลกั ษณะนิสยั ของ ขนุ แผน
ขนุ แผนน้ันเปน็ ตัวละครเอกในเร่ืองนี้ ขนุ แผนเป็นผทู้ ่ีมคี วามสามารถ มีสติปัญญาเฉลียวฉลาด มีความกล้าหาญ
เสียสละ แต่เจ้าชู้ รวมท้ังมีอาคม มีวิชาไสยศาสตร์ มีของวิเศษ 3 อย่าง คือ ดาบฟ้าฟื้น กุมารทอง และม้าสี
หมอก
๒.ลกั ษณะนิสัยของ ขุนชา้ ง
มลี ักษณะนสิ ยั รกั เดยี วใจเดียวกับนางวนั ทอง ถงึ แมข้ นุ ชา้ งจะเป็นคนท่มี ีฐานรา่ รวยสามารถมีภรรยาได้หลายคน
แต่ขุนช้างก็ซื่อสัตย์และรักนางวันทองเพียงคนเดียว นิสัยอีกอย่างหน่ึงของขุนช้างคือนิสัยโหดร้ายขนาดพลาย
งามอายเุ พยี งแค่สบิ ขวบขนุ ชา้ งยังคดิ ที่จะฆ่าพลายงามโดยลวงให้พลายงามไปเที่ยวในป่า และตีบีบคอถึงขนาด
ใช้ขอนไม้ทบั พลายงามใหต้ าย
๓.ลักษณะนิสยั ของ นางวนั ทอง
เนื่องจากนางวันทองมีโอกาสใกล้ชิดกับนางศรปี ระจนั นางจึงได้รับลักษณะนิสัยบางอย่างของนางศรีประจันมา
เช่น เปน็ คนเจา้ คารมโวหาร ใช้ถ้อยคาประชดประชันเสียดสี ปากกล้า โดยเฉพาะเมื่อเกิดอารมณ์โมโห นางจะ
หลุดถอ้ ยคาหยาบ ๆ ออกมาได้มากมาย นางวนั ทองมีลักษณะสาวชาวบ้านจึงเป็นคนซื่อ ไมค่ อ่ ยฉลาดเท่าใดนกั
๔.ลักษณะนิสัยของพลายงาม
พลายงาม มีตาแหน่งราชการเป็น จมื่นไวยวรนาถ ซึ่งมักเรียกส้ันๆ ว่า พระไวย หรือหมื่นไวย เป็นลูกของ
ขนุ แผนกับนางวนั ทอง แต่ไปคลอดที่บ้านของขุนช้าง ย่ิงโตพลายงามก็ย่ิงละหม้ายคล้ายขุนแผนมาก มีอุปนิสัย
ความสามารถคล้ายขนุ แผน
๕.ลักษณะนิสัยของพระพนั วษา
สมเด็จพระพันวษา เป็นพระมหากษัตริย์แห่งกรุงศรีอยุธยา ยุคนี้เป็นยุคท่ีบ้านเมืองเจริญรุ่งรือง มีความอุดม
สมบูรณ์ราษฎรทั้งหลายอยู่พันวษาทรงพระพิโรธจึงรับส่ังให้ประหารชีวิต แต่พระองค์ก็นับว่าเป็น
พระมหากษัตริย์ท่ีมีความยุติธรรมต่อพวกทหาร เสนาอามาตย์ และราษฎรพอสมควร เมื่อมีคดีฟ้องร้องกัน ก็
จะให้มีการไต่สวน และพิสูจน์ความจริงกันอย่างร่มเย็นเป็นสุข บรรดาประเทศใกล้เคียงก็อ่อนน้อม เพราะยา
เกรงบารมี
๕. ฉาก
๖. บทสนทนา
บทประพนั ธ์
เพราะกแู พค้ วามจมนื่ ไวย มันจึงเหิมใจทาจองหอง
พ่อลูกแมล่ กู ถกู ทานอง ถึงสองครงั้ แลว้ เปน็ แต่เชน่ นี้
อ้ายพ่อไปเชียงใหมม่ ีชัยมา ตงั้ ตัวดงั พญาราชสีห์
อ้ายลูกเป็นหมนื่ ไวยทาไมมี เห็นกนู คี้ นผิดตดิ โทษทัณฑ์
มนั จึงขม่ เหงไมเ่ กรงใจ จะพ่ึงพาใครไดท้ ่ีไหนนนั่
ขุนนางน้อยใหญเ่ กรงใจกัน ถงึ ฟอ้ งมันกจ็ ะปิดให้มิดไป
ถอดความได้วา่
เพราะว่าตนแพ้ความจมื่นไวยจึงทาให้จมื่นไวยเหิมใจนัก ท้ังขุนแผนและพลายงามน้ันชนะตนถึง 2
ครั้งแล้ว แล้วคิดขึ้นมาได้ว่าจะไปฟ้องคดีแย่งนางวันทองคืน ถ้าฟ้องตามกระบวนการพวกขุนนางจะช่วยสอง
พอ่ ลกู น้นั ได้
ตามบญุ ตามกรรมได้ทามา จะเฆี่ยนฆ่าหาคิดชีวติ ไม่
ยงิ่ คดิ เดือดดาลทะยานใจ ฉวยได้กระดารชนวนมา
รา่ งฟ้องท่องเทยี บใหเ้ รยี บร้อย ถอ้ ยคาถ่ีถว้ นเปน็ หนกั หนา
ลงกระดาษพบั ไวม้ ิได้ช้า อาบน้าผลัดผา้ แลว้ คลาไคล
วนั น้ันพอปนิ่ นรนิ ทรร์ าช เสด็จประพาสบัวยังหากลบั ไม่
ขนุ ขา้ งมาถงึ ซึง่ วงั ใน ก็คอยจ้องทีใ่ ตต้ าหนกั น้า
ถอดความไดว้ า่
คราวนี้ต้องฟ้องกับพระพันวษาเองถึงจะถูกเฆี่ยนตีก็ตาม ว่าแล้วก็หยิบกระดานชนวนขึ้นมาร่างคา
ฎีกาแล้วลอกใส่กระดาษอีกที เสด็จแล้วก็อาบน้าเตรียมตัวไปทูลพระพันวษา ขุนช้างมาคอยจ้องเข้าเฝ้าพระ
พนั วษาทตี่ าหนกั นา้ ตั้งแต่ยงั ไมเ่ สดจ็ กลับจากประพาสบัว
จะกลา่ วถึงพระองคผ์ ู้ทรงเดช เสด็จคนื นเิ วศน์พอจวนค่า
ฝพี ายรายเล่มมาเตม็ ลา เรือประจาแหนแหเ่ ซ็งแชม่ า
พอเรือพระทน่ี ง่ั ประทบั ที่ ขนุ ช้างกร็ ่ลี งตีนทา่
ลอยคอชหู นงั สือดอ้ื เข้ามา ผุดโผล่โงหนา้ ยึดแคมเรอื
เขา้ ตรงบโทนอ้นต้นกญั ญา เพ่อื นโขกลงด้วยกะลาวา่ ผเี สื้อ
มหาดเลก็ อยู่งานพดั พลดั ตกเรอื ร้องวา่ เสอื ตวั ใหญว่ า่ ยน้ามา
ถอดความได้ว่า
พระพันวษารีบเสด็จกลับตอนค่าขุนช้างรีบลงจากท่าแล้วลอยคอชูหนังสือฎีกาถวาย โดยโผล่เข้ามา
ทางท่ีแคมเรือจนคนบนเรือตกใจนึกว่าเป็นผีน้าหรือเสือว่ายมา ทาให้เกิดความวุ่นวาย จนมหาดเล็กอยู่งาน
พลัดตกจากเรอื แลว้ ร้องวา่ เสือตัวใหญว่ ่ายน้ามา
ขุนช้างดงึ ดื้อมอื ยึดเรอื มใิ ช่เสือกระหม่อมฉานลา้ นเกศา
สู้ตายของถวายซ่ึงฎีกา แค้นเหลือปญั ญาจะทนทาน
ครานั้นสมเด็จพระพันวษา ทรงพระโกรธาโกลาหล
ทดุ อา้ ยจญั ไรมใิ ช่คน บนบกบนฝ่งั ดังไม่มี
ใช่ที่ใช่ทางวางเข้ามา ฤๅอา้ ยชา้ งเป็นบา้ กระมังนี่
เฮ้ยใครรับฟ้องของมนั ที ตีเสียสามสบิ จึงปล่อยไป
ถอดความไดว้ า่
ขุนช้างเอามือไปยึดเรือแล้วพูดว่าเป็นตนเองไม่ใช่เสือจะมาขอถวายฎีกา พระพันวษากริ้วว่าขุนช้าง
มิใช่คนบนฝั่งก็มีไม่ไปกลับลุยน้ามาหาหรือว่าขุนช้างเป็นบ้าถึงทาเช่นนี้ จึงสั่งให้มหาดเล็กไปรับฎีกาแล้วโบย
ขนุ ชา้ ง 30 ที แลว้ จึงปล่อยไป
มหาดเล็กกร็ บั เอาฟ้องมา ตารวจควา้ ขุนชา้ งหางวางไม่
ลงพระราชอาญาตามวา่ ไว้ พระจึงให้ต้ังกฤษฎกี า
วา่ ต้ังแต่วนั นี้สบื ไป หน้าท่ขี องผู้ใดให้รักษา
ระวางโทษเบด็ เสรจ็ เจ็ดสถาน ถึงประหารชวี ิตเป็นผยุ ผง
ตามกฤษฎีการักษาพระองค์ แล้วลงจากพระที่นงั่ เขา้ วังใน
ถอดความไดว้ า่
มหาดเล็กรับคาฟ้องของขุนช้าง แล้วนาตัวขุนช้างไปเฆี่ยนตี และพระพันวษาทรงออกกฎ (กฤษฎีกา)
ว่า ถา้ ใครประมาทปล่อยใหค้ นเข้ามาไดเ้ ช่นนี้อีกจะลงโทษสูงสดุ ถึงประหารชวี ติ
นางวันทองต่ืนอยรู่ สู้ ึกตวั หมายใจว่าผัวก็ทาเฉย
น่งิ ดอู ารมณท์ ่ีชมเชย จะรักจริงฤๅจะเปรยเป็นจาใจ
แต่นงิ่ ดูกิรยิ าเปน็ ชา้ นาน หาว่าขานตอบโต้อย่างไรไม่
ทง้ั รกั ท้งั แค้นแนน่ ฤทยั ความอาลัยป่ันปว่ นยวนวญิ ญา
ถอดความไดว้ ่า
ชุนแผนมาถึงเรือนพลายงาม เข้าไปในห้องนางวันทองแล้วพบนางหลับไป จึงนั่งข้างๆแล้วปลุกให้
นางต่ืน ว่าตนมาแล้ว
โอ้เจ้าแกว้ แววตาของพเ่ี อ๋ย เจา้ หลบั ใหลกระไรเลยเป็นหนักหนา
ดงั นมิ่ น้องหมองใจไม่นาพา ฤๅขัดเคอื งคิดวา่ พท่ี อดทิง้
ความรกั หนกั หนว่ งทรวงสวาท พ่ไี มค่ ลาดคลายรกั แตส่ ักสงิ่
เผอิญเป็นวปิ รติ ท่ีผิดจริง จะนอนน่ิงถอื โทษโกรธอยูไ่ ย
ว่าพลางเอนแอบลงแนบข้าง จูบพลางชวนชดิ พิสมยั
ลบู ไล้พไิ รปลอบให้ชอบใจ เปน็ ไรจงึ ไม่ฟ้นื ตื่นนิทรา
ถอดความไดว้ ่า
ขุนแผนง้อนางวันทองด้วยคาพูดหวานๆและขอโทษนางวันทอง ว่าอย่าโกรธขุนแผนเลย จะนอนนิ่ง
ไมค่ ุยกบั ขนุ แผนเลยหรอ ขุนแผนพูดไปแล้วก็ก้มลงนอนแนบข้างๆนางวันทองพร้อมพรมจูบ ลูบแขน และถาม
นางวันทองวา่ ทาไมไมต่ น่ื ขน้ึ มาคุยกับขนุ แผน
เจา้ วันทองนอ้ งตน่ื จากท่นี อน โอนอ่อนวอนไหวพ้ ไิ รว่า
หมอ่ มน้อยใจฤๅท่ีไม่เจรจา ใช่ตวั ข้านี้จะงอนคอ่ นพิไร
ชอบผิดพอ่ จงคิดคะนงึ ตรอง อันตวั น้องมลทินหาส้ินไม่
ประหนึ่งว่าวนั ทองนส้ี องใจ พบไหนก็เปน็ แตเ่ ชน่ นนั้
ทีจ่ รงิ ใจถึงไปอยเู่ รือนอืน่ คงคิดคนื ที่หม่อมเปน็ แมน่ มนั่
ด้วยรักลกู กรกั ผวั ยังพวั พนั คราวนัน้ กไ็ ปอย่เู พราะจาใจ
ถอดความได้ว่า
นางวันทองจึงตื่นข้ึนมาบอกว่า ขุนแผนน้อยใจนางวันทองเหรอ นางวันทองไม่ได้งอนแต่รู้สึกว่าตัว
นางเป็นคนสองใจอยู่ตลอดเวลา ถึงตัวจะอยู่ท่ีเรือนของขุนช้างแต่ใจนั้นยังรักลูกและขุนแผนมาก ที่อยู่กับขุน
ชา้ งเพราะจาใจ
แคน้ คิดด้วยมติ รไมร่ กั เลย ยามมีท่เี ชยเฉยเสียได้
เสียแรงร่วมทุกข์ยากกันกลางไพร กินผลไมต้ า่ งข้าวทุกเพรางาย
พอไดด้ ีมีสุขลืมทุกขย์ าก ก็เพราะหากหม่อมมีซึ่งที่หมาย
วา่ นักก็เครอื่ งเคืองระคาย เอน็ ดูนอ้ งอย่าให้อายเขาอีกเลย ฯ
พี่ผดิ จริงแลว้ เจ้าวันทอง เหมอื นลมื นอ้ งหลงเลือนทาเชือนเฉย
ใช่จะเพลดิ เพลนิ ชน่ื เพราะอ่ืนเชย เงยหนา้ เถดิ จะเลา่ อย่าเฝ้าแค้น
ถอดความได้ว่า
นางวันทองแค้นใจท่ีขุนแผนมัวแต่หลงนางลาวทองกับแก้วกิริยาจนลืมนางวันทอง เสียแรงท่ีได้เคย
อาศัยอยู่กินกันในป่า พอไปได้ดิบได้ดีมีความสุขก็ลืมนางวันทอง เป็นเพราะขุนแผนมีท่ีหมายใหม่ นางวันทอง
อยากใหข้ นุ แผนรกั เอน็ ดูนางวันทองไม่ทิ้งนางให้ขายหน้าอีก ขุนแผนกล่าวว่าพ่ีผิดไปแล้ว ไม่ได้ลืมน้องเพราะมี
หญงิ อน่ื เงยหน้าเถอะอยา่ โกรธพ่เี ลย
เมอื่ ติดคกุ ทุกขถ์ ึงเจ้าทุกเชา้ ค่า ต้องกลนื กกล้าโศกเศรา้ น้ันเหลอื แสน
ซ้าขนุ ชา้ งคิดคดทาทดแทน มันดูแคลนว่าพีน่ ี้ยากยับ
อาลัยเจ้าเท่ากับดวงชวี ิตพี่ คิดจะหนไี ปตามเอาเจ้ากลบั
เกรงจะพากนั ผิดเข้าตดิ ทับ แตข่ ยบั อยูจ่ นไดไ้ ปเชียงอนิ ทร์
กลบั มาหมายวา่ จะไปตาม พอเจ้าไวยเปน็ ความก็ค้างส้ิน
ถอดความได้ว่า
ขนุ แผนจงึ ขอโทษนางวันทองและเล่าเรื่องราวทั้งหมดเพ่ือปรับความเข้าใจกับนางวันทองว่าสาเหตุท่ี
ไม่ไดไ้ ปหากเ็ พราะติดคุก แต่คดิ ถงึ นางวันทองตลอดเวลา ตอนออกจากคุกก็ว่าจะไปพานางวันทองกลับมาแต่มี
เรือ่ งของพลายงามเกิดข้ึนเสียก่อน
หวั อกใครไดแ้ ค้นในแผน่ ดนิ ไมเ่ ดอื ดด้นิ เท่าพีก่ บั วันทอง
คดิ อยู่ว่าจะทลู พระพนั วษา เหน็ ช้ากว่าจะไดม้ ารว่ มหอ้ ง
จะเปน็ ความอกี กต็ ามแตท่ านอง จงึ ให้ลกู รบั นอ้ งมาร่วมเรือน
จะเป็นตายง่ายยากไม่ยากรัก จะฟูมฟกั เหมอื นเม่ืออยใู่ นกลางเถ่อื น
ขอโทษทีพ่ ผี่ ิดอย่าบดิ เบอื น เจ้าเพอื่ นเสนหาจงอาลัย
พี่ผดิ พกี่ ็มาลแุ กโ่ ทษ จะคุมโกรธคมุ แคน้ ไปถงึ ไหน
ถอดความไดว้ า่
ขุนแผนจะไปทูลพระพันวษาแต่เห็นว่าคงดาเนินเร่ืองช้าเลยให้พลายงามเป็นคนรับนางวันทอง
กลับมา จะดูแลนางวันทองเหมือนตอนท่ีอยู่ด้วยกันในป่า ขุนแผนขอโทษนางวันทองแล้วบอกว่าอย่าโกรธ
ขนุ แผน ขุนแผนผิดจงึ มาขอโทษจะโกรธเคอื งไปถงึ ไหน
ความรักพี่ยังรกั ระงมใจ อย่าตัดไมตรตี รงึ ใหต้ รอมตาย
วา่ พลางทางแอบเขา้ แนบอก ประคองยกของสาคญั มั่นหมาย
เจา้ เนอ้ื ทิพย์หยบิ ชื่นอารมณช์ าย ขอสบายสักหน่อยอยา่ โกรธา
ใจน้องมใิ หห้ มองอารมณ์หมอ่ ม ไม่ตัดใจให้ตรอมเสนหา
ถา้ ตดั รักหักใจแลว้ ไม่มา หมอ่ มอยา่ วา่ เลยฉนั ไมค่ ืนคดิ
ถอดความไดว้ ่า
ความรักท่ขี ุนแผนมีให้ยงั มอี ยู่เต็มหัวใจ อย่าตัดความสัมพันธ์ให้เจ็บช้า ขุนช้างพูดไปก็ซบนางวันทอง
นางวันทองไม่เคยตดั ใจจากขนุ แผน ถ้าตัดใจแล้วคงไมก่ ลบั มาหาขุนแผน
๗. คุณค่าวรรณกรรม
๗.๑ คณุ คา่ ด้านเนอ้ื หา
- เน้ือเร่ือง
บทเสภาเร่ือง ขุนช้างขุนแผน ตอน ขุนช้างถวายฎีกา เป็นตอนหนึ่งใน ๘ ตอน ที่ได้รับยกย่องจาก
วรรณคดีสโมสรว่าเป็นยอดของกลอนสุภาพที่ไพเราะดีเลิศทั้งเนื้อเรื่อง และกระบวนกลอน เป็นเร่ืองเอกท่ีคน
ไทยรู้จกั มากทสี่ ุดและนิยมอา่ นเพราะตดิ ใจในเน้ือเร่ือง
๗.๒ คณุ ค่าด้านสงั คม
๗.๒.๑ ลกั ษณะทางสงั คม ยกตวั อยา่ งเช่น ตอนขุนช้างถวายฎกี า เป็นตอนท่ชี ะตาชวี ิตของนาง
วันทองตกต่าถึงทสี่ ุด คือ ถกู พระพันวษาพพิ ากษาให้ประหารชีวิต ซึ่งจะเป็นตอนที่มีหลากหลายอารมณ์ ไม่
วา่ จะเปน็ ผู้ทีอ่ ยูใ่ นสถานภาพใดในสังคม กษัตริย์ สามี ภรรยา มารดา บุตร ตัวละครในตอนนี้แทบทุกคัวมี
บทบาทสาคญั แต่ทีเ่ ด่นท่ีสดุ มี ๒ ตวั คือ สมเด็จพระพันวษาและนางวันทอง จากเน้ือเร่ืองผู้ที่น่ารเห็นใจไม่
เพียงแต่นางวันทองเท่านั้น สมเด็จพระพันวษาก็เป็นอีกผู้หนึ่งท่ีน่าเห็นใจ เน่ืองจากฝ่ายหน่ึงถูกสั่งประหาร
และอกี ฝ่ายหนงึ่ เป็นฝา่ ยสั่งประหารชีวติ
๗.๒.๒ แนวคิดเกยี่ วกับสงั คม
- ฐานะและบทบาทของสตรีในสังคม นางวันทองเป็นตัวอย่างของสตรีไทยสมัยโบราณโดย
แท้ คือเกิดมาเพื่อรับบทของบุตรี ภรรยาและมารดา ตามท่ีธรรมชาติและสังคมเป็นผู้กาหนด และเม่ือต้อง
รับบทพลเมืองก็เป็นพลเมืองตามที่ผู้ปกครองพึงปรารถนาให้เป็น เน่ืองจากนางวันทองไม่มีโอกาสเลือก อาจ
ได้แต่เพียงคิดแต่ไม่เคยได้ปฏิบัติตามท่ีคิด นางวันทองถูกกาหนด เส้นทางของชีวิตให้เป็นไปตามความ
ตอ้ งการของคนอ่ืนทง้ั สิ้น ความเคยชนิ จากการเป็นผปู้ ฏบิ ตั ติ าม เม่อื สมเดจ็ พระพนั วษาทรง เปิดโอกาสให้นาง
เลือกทางเดินของชีวิตตนเอง นางก็ว้าวุ่นใจไม่อาจตัดสินใจได้ จึงก่อให้เกิดเหตุการณือันเสร้าสะเทือนใจใน
ทีส่ ุด
- บทบาทของกษัตริย์ต่อประชาชนในสังคมไทย สมเด็จพระพันวษานั้น ถ้าจะพิจารณาอย่าง
ละเอียด ก็จะเห็นได้ว่าแม้จะทรงเป็นเจ้าชีวิต มีพระราชอานาจอันล้นพ้น แต่ก็มิได้ทรงใช้อานาจอย่าง
ปราศจากเหตุผลหรือด้วยพระอารมณ์ หากได้ ทรงปฏิบัติอย่างเหมาะสม และทรงมีพฤติกรรมไปในทางท่ี
สมเหตุสมผลที่สุด เน่ืองจากต้องแก้ไขปัญหาระดับประเทศแล้วยังต้องแก้ไขปัญหาระดับครอบครัวของ
ประชาชน เปรียบเหมอื นพอ่ หรอื ผู้ใหญใ่ นครอบครวั เวลาคนในครอบครัวมีเร่อื งเดอื ดร้อนหรือ เกิดเหตุการณ์
วนุ่ วายและมาฟอ้ ง กต็ อ้ งทรงเปน็ ราชธุระ
- ค่านิยมและความเชื่อเกี่ยวกับสตรี สังคมไทยไม่นิยมสตรีเยี่ยงนางวันทอง คือมีสามีสอง
คน ในเวลาเดยี วกนั แมโ้ ดยแทจ้ รงิ แล้วการที่มสี ามสี องคนนั้นมิใชเ่ กดิ จากความปรารถนาของนางเอง แต่จุก
น้ีสังคมกลับมองข้าม เห็นแต่เพียงผิวเผินว่านางน่ารังเกียจ ในทางตรงกันข้าม ค่านิยมเก่ียวกับการมีภรรยา
หลายคนในเวลาเดียวกัน กลับปรากฎในหมู่คนช้ันสูง โดยเฉพาะ ผู้มียศถาบรรดาศักด์ิของไทย แต่สังคมไม่
รังเกียจ กลับนิยมยกย่อง เพราะค่านิยมกาหนดว่าลักษระเช่นน้ีเป็นเครื่องเสริมบารมีและความเป็นบุรุษ
อาชาไนยให้มากยิง่ ข้ึน
รสวรรณคดี
ไทย
และ
สันสกฤต
ขุนช้างขุนแผน ตอนขุนช้างถวายฎีกา
การวเิ คราะหร์ สวรรณคดไี ทยจากเรอื่ ง ขนุ ช้างขนุ แผน ตอนขุนช้างถวายฎีกา
เสาวรจนีย์ (บทชมโฉม) คือ การเลา่ ชมความงามของตัวละครในเร่ือง อาจเปน็ ตัวละครท่เี ปน็ มนุษย์ อมนษุ ย์
หรอื สตั ว์ ซ่งึ การชมนอี้ าจจะเป็นการชมความเก่งกล้าของกษตั ริย์ ความงามของปราสาทราชวังหรอื ความ
เจรญิ รงุ่ เรอื งของบ้านเมือง
บทประพนั ธ์
ฟ้าขาวดาวเดน่ ดวงสว่าง จนั ทร์กระจ่างทรงกลดหมดมฆสิน้
จึงเซน่ เหล้าขา้ วปลาให้พรายกิน เสกขมิ้นวา่ นยาเข้าทาตัว
ถอดความได้วา่ เมือ่ ท้องฟ้าเตม็ ไปด้วยดวงดาวและดวงจันทร์สว่างไม่มเี มฆบดบัง จึงได้น าเหล้าและอาหาร
ไปเซ่นให้ ผพี รายกิน เอาขมนิ้ มาทาตามตัว
นารปี ราโมทย์ (บทเกย้ี วโอ้โลม) คอื การกลา่ วแสดงความรักในการพบกันระยะแรกๆ และในตอนโอ้โลม
ก่อนจะถึงบทสงั วาสน้นั ด้วย
บทประพนั ธ์
ความรักพ่ียงั รักระงมใจ อยา่ ตัดไมตรีตรงึ ให้ตรอมตาย
วา่ พลางทางแอบเข้าแนบอก ประคองยกของสาคญั มน่ั หมาย
เจ้าเนอื้ ทพิ ยห์ ยิบช่ืนอารมณช์ าย ขอสบายสกั หนอ่ ยอย่าโกรธา
ใจนอ้ งมใิ ห้หมองอารมณ์หม่อม ไม่ตัดใจให้ตรอมเสนหา
ถ้าตัดรกั หกั ใจแล้วไม่มา หมอ่ มอย่าวา่ เลยฉันไม่คนื คดิ
ถอดความได้วา่ ความรักที่ขนุ แผนมีใหย้ ังมอี ยเู่ ต็มหวั ใจ อยา่ ตดั ความสมั พันธใ์ หเ้ จบ็ ชา้ ขุนช้างพูดไปกซ็ บนาง
วันทอง นางวนั ทองไม่เคยตัดใจจากขนุ แผนถา้ ตัดใจแลว้ คงไม่กลบั มาหาขุนแผน
พิโรธวาทงั (บทตัดพ้อ) คือการกลา่ วข้อความแสดงอารมณ์ไม่พอใจ ตัง้ แต่น้อยไปจนมาก จึงเร่มิ ต้งั แต่ไม่
พอใจโกรธ ตัดพอ้ ประขดประชัน กระทบกระเทยี บเปรยี บเปรย เสียดสี และดา่ วา่ อย่างรุนแรง
บทประพนั ธ์
พอทรงจบแจ้งพระทยั ในข้อหา กโ็ กรธาเคอื งขนุ่ หุ่นหัน
มันเคย่ี วเข็ญทาเป็นอยา่ งไรกัน อวี นั ทองคนเดียวไมร่ แู้ ล้ว
ราวกับไม่มีหญงิ เฝ้าชงิ กัน หรืออวี นั ทองนน้ั มนั มีแกว้
รปู อ้ายชา้ งชว่ั ชา้ ตาบ้องแบว๋ ไมเ่ หน็ แววทวี่ า่ มนั จะรัก
ใครจะเอาเปน็ ผัวเขากลวั อาย หัวหดู ูเหมอื นควายทต่ี กปลัก
คราวน้ันเปน็ ความกูถามซัก ตกหนักอยกู่ ับเฒ่าศรปี ระจนั
ถอดความได้ว่า พอทอดพระเนตรเสรจ็ กก็ ร้ิวว่าเรือ่ งวนั ทองคนเดยี ว ทาไมไม่จบกันเสียทีเหมือนกับไม่มผี ู้หญงิ
คนอน่ื อีกแล้ว และทรงไม่เห็นว่าวันทองจะมีใจรักขุนช้าง ใครก็ไม่อยากได้ขุนช้างไปเปน็ ผัว เพราะดรู ูปรา่ ง
หนา้ ตาน่า เกลยี ด
สัลลาปงั คพิสัย (บทโศก) การโอดครวญหรอื บทโศกอนั ว่าดว้ ยการพรากสง่ิ อันเป็นทีร่ ัก การกลา่ วข้อความ
แสดงอารมณโ์ ศกเศร้า อาลยั รัก
บทประพันธ์
ครานนั้ จงึ โฉมเจ้าวนั ทอง เศรา้ หมองดว้ ยลกู เป็นหนักหนา
พ่อพลายงาม ทรามสวาดิ ของแมอ่ า แม่โศกาเกือบเจยี นจะบรรลัย
ใช่จะอมิ่ เอบิ อาบดว้ ยเงนิ ทอง มใิ ชข่ องตัวของตวั ท ามาแต่ไหน
ท้ังผคู้ นชา้ งม้าแลขา้ ไท ไมร่ กั ใครเ่ หมอื นกบั พอ่ พลายงาม
ทุกวนั นีใ้ ช่แมจ่ ะผาสุ มแี ต่ทุกข์เจ็บดังเหน็บหนาม
ตอ้ งจาจนทนกรรมท่ีติดตาม จะขนื ความคิดไปกใ็ ช่ที
ถอดความได้ว่า นางวนั ทองก็ตอบพลายงามวา่ เศร้าใจเจียนตาย เงนิ ทองขา้ ทาสบรวิ ารไม่มีอะไรสาคญั กว่า
ลกู ทุกวันน้ี ทีน่ างวนั ทองทนอยูก่ ม็ แี ต่ความทุกข์ไม่ไดม้ ีความสขุ เลยแต่ต้องทนอย่ทู าตามใจตนเองกไ็ มไ่ ด้
ศฤงคารรส เปน็ รสท่กี ล่าวถงึ การซาบซึง้ ในความรัก การรับร้คู วามรักจากตวั ละคร
บทประพนั ธ์
ความรกั พยี่ ังรกั ระงมใจ อย่าตดั ไมตรตี รงึ ให้ตรอมตาย
ว่าพลางทางแอบเขา้ แนบอก ประคองยกของสาคญั มั่นหมาย
เจา้ เนอ้ื ทพิ ยห์ ยบิ ชน่ื อารมณ์ชาย ขอสบายสักหน่อยอยา่ โกรธา
ใจนอ้ งมใิ หห้ มองอารมณ์หม่อม ไม่ตดั ใจให้ตรอมเสนหา
ถ้าตดั รกั หักใจแล้วไมม่ า หมอ่ มอย่าว่าเลยฉันไม่คืนคดิ
ถอดความได้วา่ ความรักท่ีขนุ แผนมีให้ยงั มอี ยู่เต็มหัวใจ อยา่ ตดั ความสมั พนั ธ์ให้เจ็บช้า ขนุ ชา้ งพดู ไปก็ซบนาง
วันทอง นางวันทองไม่เคยตดั ใจจากขนุ แผน ถา้ ตัดใจแล้วคงไม่กลับมาหาขุนแผน
หาสยรส (รสแห่งความขบขัน : บาลเี รยี กรสนวี้ า่ หาสะรส) เป็นการพรรณนาทท่ี าให้เกดิ ความรา่ เริง สดชื่น
เสนาะ ขบขัน อาจท าให้ผู้อา่ น ผดู้ ยู มิ้ กบั หนังสอื ยมิ้ กับภาพทเ่ี ห็น ถึงกบั ลืมทุกขด์ ับกลุม้ ไปชั่วขณะ
บทประพันธ์
ขนุ ชา้ งเหน็ ข้าไม่มาใกล้ ขัดใจลุกข้นึ ท้งั แกผ้ ้า
แหงนเถ่อเปอ้ ปังยืนจังกา ย่างเท้าก้าวมาไมร่ ้ตู วั
ยายจนั งนั งกยกมือไหว้ น่ันพอ่ จะไปไหนพ่อทูนหัว
ไมน่ งุ่ ผอ่ นน่งุ ผา้ ดูนา่ กลัว ขุนช้างมองดตู ัวกต็ กใจ
ถอดความได้วา่ ขนุ ชา้ งเหน็ ข้าไม่เข้าใกล้ รู้สึกขดั ใจเลยลุกขึ้นมาอย่างไม่คิดอะไรทงั้ ท่ีตวั เองแกผ้ ้า ก้าวทา้ ว
ออกมาแบบ ไม่ร้ตู วั ยายจังยกมอื ไหว้ น่นั พ่อจะไปไหน ไม่หม่ ผ้าอีกนัน้ ดูนา่ กลวั ขนุ ชา้ งเหน็ แล้วตกใจตวั เอง
รุทรรส/เราทรรส (รสแห่งความโกรธเคอื ง : บาลีเรยี กรสน้ีวา่ โกธะ) คอื บทบรรยายหรือพรรณนาที่ท าให้ผู้ ดู
ผอู้ ่านขดั ใจ ฉุนเฉียว ขดั เคืองบุคคลบางคนในเร่ือง บางทีถึงกับขวา้ งหนังสอื ทิง้ หรอื ฉกี ตอนนนั้ กม็ ี เชน่ โกรธ
ขุนช้าง โกรธชชู ก เปน็ ตน้
บทประพนั ธ์
อฐิ ผาหาหาบมาทุ่มถม ก็จ่อมจมสญู หายไปหมดสิ้น
อแี สนถ่อยจญั ไรใจทมฬิ ดังเพชรนิลเกิดขน้ึ ในอาจม
รปู งามนามเพราะน้อยไปหรอื ใจไม่ซอื่ สมศกั ด์ิเทา่ เสน้ ผม
แตใ่ จสัตวม์ นั ยังมที ่ีนยิ ม สมาคมกแ็ ต่ถึงฤดูมนั
ถอดความได้ว่า ย่ิงเอาอะไรไปถมใสก่ ็ไมม่ คี ่า หายไปหมด คนถอ่ ย จัญไรใจทมิฬ เหมือนเพชรที่เกิดในสง่ิ
สกปรก หน้าตาสวยงามช่ือเพราะน้อยไปหรือถึงไดจ้ ติ ใจไม่ซือ่ เทา่ กบั เสน้ ผม เลวกว่าสัตว์เพราะสตั ว์ยังมีฤดูผสม
พันธ์ุ
วรี รส (รสแหง่ ความกลา้ หาญ : บาลีเรียกรสนี้วา่ อตุ สาหะรส) เป็นบทท่แี สดงความชืน่ ชม เปน็ รสที่เกิดจาก
การรับรู้ความมุ่งม่ันในการแสดงความกลา้ หาญอนั เปน็ คุณลักษณ์ของคนชน้ั สูง
บทประพนั ธ์
จะตง้ั หนา้ อาสาชงิ ชยั มไิ ด้ย่อทอ้ ถอยหลงั
สตู้ ายไม่เสยี ดายชวี ัง กวา่ จะส้นิ ชวี งั ของขา้ นี้ฯ
จะตงั้ หน้าอาสาชิงชัย มไิ ดย้ อ่ ท้อถอยหลัง
สู้ตายไมเ่ สยดายชวี งั กวา่ จะสิ้นชีวังของข้าน้ฯี
ถอดความได้วา่ จะตั้งใจสโู้ ดยไม่ย่อทอ้ ตราบใดทยี่ งั มีชีวิตอยู่ และจะส้ตู อ่ ไปแมจ้ ะต้องแลกดว้ ยชวี ติ ก็ตาม
ภยานกรส (รสแหง่ ความกลวั ตน่ื เตน้ ตกใจ) บทบรรยายหรือพรรณนาทท่ี าให้ผอู้ ่านผู้ฟัง ผู้ดูมองเหน็ ทุกข์ เห็น
โทษ เหน็ ภยั ในบาปกรรมทจุ ริต เกิดความสะดุง้ กลวั โรคภยั สตั วร์ ้าย ภูตผปี ีศาจ บางครง้ั ตอ้ งหยุดอา่ น รู้สึก ขน
ลุกซู่ อ่านเร่ือง ผีต่าง ๆ (บาลเี รยี กรสนว้ี ่า อุตสาหะรส)
บทประพนั ธ์
เจา้ เปน็ ถึงหัวหมน่ื มหาดเล็ก มิใช่เดก็ ดอกจงฟังคาแม่วา่
จงเร่งกลบั ไปคดิ กับบิดา ฟอ้ งหากราบทลู พระทรงธรรม์
พระองค์คงจะโปรดประทานให้ จะปรากฏยศไกรเฉิดฉนั
อันจะมาลักพาไม่ว่ากนั เช่นนน้ั ใจแม่มเิ ต็มใจ ฯ
ถอดความได้วา่ เมอื่ ร้วู ่าแม่ไม่เต็มใจไปกับตน เพราะกลวั วา่ จะเกิดปัญหา และยงั เสนอใหไ้ ปเพ็ดทูลขอต่อพระ
พันวษา จมนื่ ไวย ฯ กลับไมส่ นใจคาพูดของแม่ แถมยงั ขแู่ ม่กลบั ดว้ ยคาพูดทีไ่ มส่ ภุ าพวาม
โวหาร
ภาพพจน์
ขุนช้างขุนแผน ตอนขุนช้างถวายฎีกา
โวหารภาพพจน์
1. อุปมา การเปรียบเทียบว่าส่ิงหนึ่งเหมือนกับอีกส่ิงหนึ่งโดยใช้ค าเช่ือมที่มี ความหมายเช่นเดียวกับคาว่า
“เหมือน” เช่นคาว่า ดจุ ดง่ั ราว ราวกับ เปรยี บ ประดจุ เฉก ปาน ประหน่ึง เพยี ง เพยี้ ง เชน่
“... จะเสียแรงไปว่าพยายาม แม่จะเปรยี บเนอ้ื ความใหเ้ ขา้ ใจ
นางพมิ พร้มิ เพราดังจนั ทรา เอง็ เหมอื นเตา่ นาอยู่ต่าใต้ ...”
(เสภาเรอ่ื งขนุ ชา้ งขนุ แผน, 2555)
ตัวบทข้างต้นเป็นการกล่าวถึง ความงามของนางพิมพิลาไลยว่าเป็นผู้หญิงท่ีมีความงดงามเปรียบได้กับ
ความงามของ ดวงจันทร์ผิดกับตัวขุนช้างลูกของนางเทพทองท่ีมีรูปลักษณ์ไม่ งาม รวมทั้งไม่คู่ควรกับนาง
พมิ พิลาไลย โดยใช้การเปรียบขุนช้างว่าเป็น เต่านา ที่ไม่มีความงามและอยู่ ต่าต้อยไม่สามารถเทียบได้กับดวง
จนั ทร์ทีง่ ดงามและสูงสง่
2. อุปลกั ษณ์ ก็คล้ายกับอุปมาโวหารคือเป็นการเปรียบเทียบเหมือนกัน แต่เป็นการเปรียบเทียบ สิ่งหนึ่งเป็น
อีกสิ่งหนึ่ง อุปลักษณ์จะไม่กล่าวโดยตรงเหมือนอุปมาแต่ใช้วิธีกล่าวเป็นนัยให้เข้าใจเอาเองที่สาคัญอุปลักษณ์
จะไมม่ ีคาเชือ่ มเหมือนอุปมา เช่น ครูคือแม่พิม์ของชาติ : การเป็นแบบอย่างท่ีดีของครูเพ่ือให้ศิษย์ได้ประพฤติ
ปฏบิ ตั ติ นตามแบบอย่าง
เต่าเตี้ยดอกอย่าต่อให้ตีนสูง มิใช่ยูงอย่ามาย้อนให้เห็นขัน
หิ่งห้อยหรอื จะแข่งแสงพระจันทร์ อย่าป้ันนา้ ให้หลงตะลึงเงา
(ตอนนางวันทองดา่ ขนุ ชา้ ง)
ตัวบทข้างต้นเป็นการกล่าวถึง ห่ิงห้อยหรือจะแข่งแสงพระจันทร์ ความสว่างที่มีในตัวท่ีว่าสว่างแล้ว ยัง
เทยี บกับส่ิงอื่นที่สว่างกวา่ ไม่ไดอ้ ย่างพระจนั ทร์
3. ปฏิพากษ์ การใช้ถ้อยคาท่ีมีความหมายตรงกันข้าม หรือขัดแย้งกันมา กล่าวอย่างกลมกลืนกันเพื่อเพ่ิม
ความหมายใหม้ นี า้ หนักมากยิ่งขนึ้ เชน่
“... อกเอย๋ เกดิ เข็ญเป็นสตรี พอทจ่ี ะเป็นสุขไม่สุขได้
ไมร่ กั อายร่ายชมภริ มยไ์ ป เพราะไม่ครองใจจงึ ไดแ้ คน้
เสยี แรงรปู งามนามกเ็ พราะ ละมุนเหมาะใจชว่ั นเ้ี หลอื แสน
ที่ดดี ีสิ้นในดินแดน ชว่ั เล่าใครจะแม้นก็ไม่มี ...”
(เสภาเรือ่ งขุนช้างขนุ แผน, 2555)
ตัวบทข้างต้นเป็นการกล่าวถึง ภาพพจน์ปฏิพากษ์ โดยการใช้ “ภาวะขัดแย้ง” ซึ่งเป็นการใช้คาหรือ
ข้อความท่ีมีความหมายตรงกันข้าม หรือต่างกันมาเปรียบเทียบกัน เพ่ือให้เกิดความหมายที่เด่นชัด มากย่ิงข้ึน
ตวั อยา่ งขา้ งตน้ เปน็ การนาคาทม่ี ีความหมายตรงข้ามกนั มาเปรียบเทียบให้เห็นเป็นคู่ ๆ ได้แก่คาว่า รูปงาม - ใจ
ชวั่ และ ดี - ชั่ว ทาให้เหน็ ว่าคาท้ังคู่มีความหมายที่ต่างกันโดยส้ินเชิง ทั้งน้ีผู้ประพันธ์อาจต้องการส่ือให้เห็นถึง
ความคดิ ของนางวนั ทองท่มี ีความขดั แย้งอยู่ภายในจิตใจเก่ียวกับ เร่ืองของการประพฤติปฏิบัติตนท่ีผ่านมาของ
นางเอง
เกดิ เป็นผหู้ ญิงเร่ืองท่ีมีความสุขแต่กลับไม่มี ไม่คิดที่จะอาย เพราะไม่ได้เป็นเจ้าของใจเลยแค้น เสียแรง
ที่หนา้ ตาดชี ือ่ กเ็ พราะ นุ่มนวลชัว่ เหลือเกิน เร่ืองดตี ายในดินแดน ความชัว่ จะเทียบกบั ใครกไ็ ม่มี
4. คตพิ จน์ การเลา่ เกินจริงซ่ึงมีความรู้สึกหรือความคิดของผู้กล่าวที่ต้องการย้าความหมายให้ผู้ฟังรู้สึกว่าหนัก
แน่นจริง เน้นความรูสึกใหเ้ ดน่ ชดั และน่าสนใจ โดยไม่เนน้ ความจรงิ เพราะต้องการให้ผู้รับสารเกิดความซาบซ้ึง
และประทับใจซ่ึงอาจจะมากเกินไปหรือน้อยเกินไปก็ได้ เพื่อเน้นความรู้สึกมากกว่าความเป็นเหตุผล มุ่งเร้า
อารมณ์และความรู้สึกสะเทือนเป็นสาคัญ ภาพพจน์ประเภทน้ีนิยมใช้ส่ือสารกันมากท้ังการพูดและการเขียนท่ี
ต้องการแสดงความรสู้ กึ เพราะสามารถเปรยี บเทยี บใหเ้ ห็นภาพได้งา่ ย
ครานัน้ ขนุ ช้างไดฟ้ งั ว่า แค้นดังเลอื ดตาจะหลงั่ ไหล
ดบั โมโหโกรธาทาว่าไป เรากไ็ มว่ า่ ไรสดุ แตด่ ี
(ตอบขนุ ชา้ งทราบวา่ จม่นื ไวยมาพาตวั นางวนั ทองไปอยุ่ดว้ ย)
ตวั บทขา้ งต้นเป็นการกลา่ วถงึ แค้นดังเลือดตาจะหล่ังไหลก็คืออาการหรือความรู้สึกแค้นมากๆ มากจน
ไมส่ ามารถควบคุมตนเองได้ มีความหมายเหมอื นกับคาวา่ โกรธหรือแค้นจนเลอื กขึ้นสมองท่ีคนปัจจบุ ันใชพ้ ูดกัน
5. บคุ ลาธษิ ฐาน บุคลาธิษฐาน หรือ บุคคลวัต บุคคลสมมติ คือการกล่าวถึงส่ิงต่างๆ ท่ีไม่มีชีวิต ไม่มีความคิด
ไมม่ ีวิญญาณ เช่น โต๊ะ เก้าอี้ อิฐ ปูน หรือสิ่งมีชีวิตท่ีไม่ใช่มนุษย์ เช่น ต้นไม้ สัตว์ โดยให้สิ่งต่างๆเหล่านี้ แสดง
กิริยาอาการและความรู้สึกได้เหมือนมนุษย์ ใหม้ ีคุณลักษณะต่างๆ เหมือนส่งิ มีชวี ติ (ไม่ปรากฏบทประพันธ์)
6. สญั ลกั ษณ์ ภาพพจน์ที่ใช้สิ่งมีชีวิตหรือไม่มีชีวิตมาแทนสิ่งที่ต้องการกล่าวถึงจริงๆ สองส่ิงน้ันจะมีคุณสมบัติ
รว่ มกนั บางประการ ส่ิงท่ีนามาน้ันต้องเกิดการตีความ และเข้าใจกันในวงกว้างและเป็นท่ียอมรับกันสัญลักษณ์
ในบางครัง้ อาจจะเป็นส่ิงทกี่ าหนดข้นึ เองเพ่ือจุดประสงค์ของนักประพนั ธก์ ็ไดต้ วั อยา่ ง
“อยา่ เอ้ือมเด็ดดอกฟ้า มาถนอม
สูงสุดมือมกั ตรอม อกไข้
เดด็ แต่ดอกพยอม ยามยาก ชมนา
สูงก็สอยดว้ ยไม้ อาจเอ้อื มเอาถงึ ”
(โคลงโลกนติ ิ – สมเด็จกรมพระยาเดชาดศิ ร)
ตัวบทข้างต้นเป็นการกล่าวถึง ความหมายสองนัย ความหมายแรกอาจจะเป็นการสอนผู้ชายว่าอย่าหมายเป็น
เจ้าของผูห้ ญิงท่ีมีศักดส์ิ ูงกวา่ โดยใช้สัญลกั ษณ์ ดอกฟ้าแทนหญงิ อนั สูงศักด์ิหรืออีกความหมายหนึ่งเป็นการสอน
ว่าอยา่ ทะเยอทะยานเกนิ กวา่ วิสยั ของตนที่จะสามารถทาได้
7. นามนัย การใช้คาหรือวลี ท่ีบ่งลักษณะหรือคุณสมบัติของส่ิงใดส่ิงหนึ่งมา แสดงความหมายแทนสิ่งนั้น
ทัง้ หมด
“... ญาตกิ าหาไหนมใี ครเลา่ จะส่งขา้ วปลาหมดคงอดส้ิน
จะเปน็ ความถามไถ่ในบุริน เงินแตเ่ ท่าปีกริน้ ก็ไมม่ ี
เขาจะเรียกคา่ ฤชาตุลาการ จะผกู มดั รัดประจานไม่ควรที่
ถ้าแพ้ลงคงปรับทบั ทวี เลือดเนือ้ เท่าน้ีเป็นเงินทอง ...”
(เสภาเรื่องขุนช้างขนุ แผน, 2555)
ตัวบทขา้ งต้นเปน็ การกล่าวถึง การใชภ้ าพพจน์ประเภท นามนัย โดยผู้ประพันธ์ใช้คาว่า เลือด- เน้ือ แทน
ความหมายของ “ชีวิต” ในตัวบทเป็นการกล่าวถึงการคิดหาทางสู้คดีความของนางวันทองท่ีอาจจะต้องใช้เงิน
ทองเป็นจานวนมาก ซึ่งในตอนนี้นางและขุนแผนก็ไม่มีทรัพย์สินที่จะนาไปสู้คดีได้ และหากแพ้คดีความก็คง
ไดร้ ับความเดือนร้อน คงตอ้ งใชเ้ ลอื ด เนือ้ ซ่งึ หมายรวมถงึ “ชีวติ ” ของ พวกตนแทนเงินค่าปรับ
8. สัทพจน์ การเปรียบเทียบโดยใช้คาเลียนเสียงของสิ่งต่าง ๆ เช่น เสียงดนตรี เสียงสัตว์หรือเสียงใน
ธรรมชาติ
“... นกเขาเงื้อมเขาแลว้ เคล้าคู่ จฮู้ กุ กจู ู้ฮุกกเู ฝา้ คขู นั
อัญชนั จบั ก่ิงตน้ ชงิ ชนั เบญจวรรณจับเจ่าเถาวัลย์เปรียง
ไกป่ ่าวง่ิ กรากกระต๊ากลน่ั ตัวผขู้ ันเอกอเี อ๊กวเิ วกเสยี ง
เข้ากนิ ขุยคยุ้ เขี่ยตวั เมยี เคียง เหน็ คนเล่ยี งลัดแลงเข้าแฝงกอ ...”
(เสภาเรอ่ื งขนุ ชา้ งขุนแผน, 2555)
ตัวบทข้างต้นเป็นการกล่าวถึง การเลียนเสียงของสัตว์ในธรรมชาติ ผู้ประพันธ์ได้พรรณนาถึงสัตว์ ชนิด
ต่าง ๆ รวมกับมีการใช้การเลียนเสียงของสัตว์แต่ละชนิด ได้แก่เสียง จู้ฮุกกูจู้ฮุกกู ของนกเขาและเสียง
กระตา๊ ก- เอกอเี อ๊ก ของไก่ป่า ท าใหผ้ ้อู ่านสามารถท่จี ะจนิ ตนาการถงึ ภาพสตั วท์ ี่มีเสียงรอ้ ง อันสมจริงไปพร้อม
กนั ซึง่ เป็นการสรา้ งความงามทางวรรณศิลปท์ ่ีผปู้ ระพนั ธใ์ ช้เสรมิ การพรรณนาได้อยา่ งแยบยล
9. อปุ มานิทัศน์ การเปรยี บเทียบสิง่ หนึ่งกบั อกี ส่งิ หนึ่งโดยธรรมชาติแล้วที่สภาพท่ีแตกต่างกันแต่มีลักษณะเด่น
ร่วมกันและใชค้ าทม่ี ีความหมายวา่ เหมอื นหรือคล้าย เป็นคาแสดงเปรียบเทียบเพื่อเน้นให้จริงว่าเหมือนอย่างไร
ในลักษณะใด ได้แก่คาว่า เหมือน เสมือน ดัง ด่ัง คล้าย ดูราว เสมือนดั่ง ดุจ ประดุจ ประหนึ่ง ละม้าย เสมอ
ปาน เพียง ราว ราวกับ พ่าง เทียบ เทียม เฉก เช่น ฯลฯ เป็นการกล่าวการเปรียบเทียบส่ิงท่ีเหมือนกันหรือ
ต่างกันใช้คู่กับ อุปไมย อุปมา คือส่ิงหรือข้อความที่ยกมากล่าวเปรียบเทียบ อุปไมย คือส่ิงหรือข้อความที่พึง
เปรยี บเทียบกับส่งิ อ่นื เพ่อื ให้เขา้ ใจแจ่มแจง้
เหน็ คนนอนลอ้ มอ้อมเป็นวง ประตูล่ันม่ังคงขอบร้ัวก้ัน
กองไฟสว่างดังกลางวนั หมายสาคญั ตรงมาหน้าประตู
(ตอนจม่ืนไวยข้ึนเรอื นขุนชา้ งเพ่ือพามารดาไปอย่ดู ว้ ย)
ตัวบทข้างตน้ เป็นการกลา่ วถงึ การเปรยี บเสมือนเป็นการขยายคาเพิ่มเติมคาก่อนหน้านี้ หรือเพื่อเน้นย้า
คาคานนั้ ด่ังตัวอย่างข้างต้น กองไฟสว่างดังกลางวนั ประโยคน้กี าลังส่อื ถึงกองไฟทสี่ วา่ งมากเสมือนแสงจากพระ
อาทิตย์ในตอนกลางวนั
ปกิณกะ
ขุนช้างขุนแผน ตอนขุนช้างถวายฎีกา
๖- ปกณิ กะ
๑. ทรามสวาดิ แปลวา่ เป็นทร่ี กั
๒. ตกว่า แปลว่า ราวกบั วา่
๓. ฏีกา แปลว่า คาร้องทุกข์ท่ี
ยน่ื ถวายพระเจา้ แผ่นดนิ
๔. เพรางาย แปลวา่ เวลาเชา้
และเวลาเยน็
๕. เมรุไก แปลว่า ภูเขา
๖- ปกิณกะ (ตอ่ )
๖. ร้องเกน แปลวา่ รอ้ งตะโกน
ดังๆ
๗. สะเดากลอน แปลวา่ ทาให้กลอน
ประตูหลุดออกไดด้ ว้ ยคาถาอาคม
๘. แหงนเถอ่ แปลว่า คา้ งอยู่
๙. อธุ ัจ แปลวา่ ตกประหม่า
๑๐. มนิ หมอ้ แปลว่า เขมา่ ดาทตี่ ิด
กน้ หมอ้
๖- ปกิณกะ (ตอ่ )
๑๑. สง่ ทุกข์ แปลวา่ เขา้ สวม
๑๒. ขค้ี รอก แปลวา่ ลูกของขา้ ทาส
๑๓. เครื่องอาน แปลวา่ เครอ่ื งกิน
๑๔. จวงจนั ทน์ แปลว่า เครอื่ งหอมท่ี
เจือดว้ ยไม้จวงและไม้จันทน์
๑๕. ฉวยสบเพ แปลวา่ บังเอญิ ถูก
จงั หวะ
๖- ปกณิ กะ (ต่อ)
๑๖. เมรุ แปลว่า ภูเขา
๑๗. ทวิบาท แปลวา่ สองเทา้
๑๘. ทกั ทิน แปลวา่ ชั่วร้าย
๑๙. หินชาติ แปลว่า ชัน้ ตา่
๒๐. จตั ุบาท แปลวา่ สตั ว์ 4 เทา้
๖- ปกณิ กะ (ต่อ)
๒๑. วางบท แปลว่า กาหนด
๒๒. เสาแรก แปลว่า เสาเอก
๒๓. ทรามสวาดิ แปลว่า ท่ีรัก
๒๔. ร้องเกน แปลว่า ตะโกนดังๆ
๒๕. กินใจ แปลว่า แหนงใจ สงสัย
๖- ปกณิ กะ (ตอ่ )
๒๖. นเิ วศน์ แปลวา่ วงั บา้ น
๒๗. เพรางาย แปลวา่ เชา้ เย็น
๒๘. อัฐกาล แปลวา่ ยามแปด
๒๙. คลอ่ งใจ แปลวา่ ไมน่ า่ เกลียด
๓๐. ขี้ครอก แปลวา่ ลกู ของทาส
๖- ปกณิ กะ (ต่อ)
๓๑. รากใหญ่ แปลวา่ ตน้ เหตขุ อง
ปัญหา
๓๒. กระแจะ แปลวา่ ผงเคร่อื งหอม
๓๓. ลุแกโ่ ทษ แปลวา่ เขา้ มอบตัว
เพ่ือสคู้ ดี
๓๔. ฉวยสบเพลง แปลว่า บังเอญิ ถกู
จังหวะ
๓๕. ตราสิน แปลว่า แจง้ ความไว้
เปน็ หลกั ฐาน
สมาชิกในกลุ่ม
1.นางสาวมาซีลา วาเดง็ รหัสนกั ศึกษา 406215012
2.นางสาวนรู ี หะแว รหัสนักศึกษา 406215013
3.นางสาวพาตีเมาะ มะดง รหสั นักศึกษา 406215018
4.นางสาวซมู ัยยะห์ โละมะ รหัสนกั ศึกษา 406215020
5.นางสาวซาวานีย์ ลาเตะ๊ รหัสนักศึกษา 406215030
6.นางสาวโนรอัสมา มะ รหสั นักศึกษา 406215031
7.นางสาวฟาตีมะห์ ยีแว รหัสนักศึกษา 406215034
สาขาการสอนภาษามลายู ช้นั ปที ี่3
ขนุ ช้างขุนแผน
ตอนขนุ ชา้ งถวายฎีกา