ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๖
ถอดความบทประพันธ์
เสภาเรื่อง ขุนช้างขุนแผน
ตอน ขุนช้างถวายฎีกา
หน้า ๖๗
จะกล่าว ถึงโฉม เจ้าพลายงาม เมื่อเป็นความ ชนะ ขุนช้างนั่น
กลับมา อยู่บ้าน สำราญครัน เกษมสันต์ สองสม ภิรมย์ยวน
พร้อมญาติ ขาดอยู่ แต่มารดา นึกนึก ตรึกตรา ละห้อยหวน
โอ้ว่าแม่ วันทอง ช่างหมองนวล ไม่สมควร เคียงคู่ กับขุนช้าง
เออนี่เนื้อ เคราะห์กรรม นำมาผิด น่าอายมิตร หมองใจ ไม่หายหมาง
ฝ่ายพ่อ มีบุญ เป็นขุนนาง แต่แม่ไป แนบข้าง คนจังไร
ถอดความได้ว่า เมื่อพลายงามชนะความขุนช้าง ก็ได้กลับมาอยู่บ้านอย่างสุขสบาย ขาดก็แต่แม่วันทอง
พลายงามคิดว่าแม่ไม่ควรอยู่กับขุนช้าง อาจจะเป็นเคราะห์กรรมของแม่วันทองถึงต้องมาอับอายเช่นนี้
พ่อเป็นถึงขุนนาง แต่แม่กลับไปอยู่กับคนไม่ดี
หน้า ๖๗
รูปร่าง วิปริต ผิดกว่าคน เลวทราม
ทั้งใจคอ ชั่วโฉดโหดไร้
วันนั้น แพ้กู เมื่อดำน้ำ ทรพล อัปรีย์ ไม่ดีได้
แสนแค้นด้วย มารดา ยังปรานี ช่างไปหลง รักใคร่ ได้เป็นดี
แค้นแม่จำ จะแก้ ให้หายแค้น ก็กริ้วซ้ำ จะฆ่า ให้เป็นผี
หมายจิต คิดจะให้ มันบรรลัย ให้ไปขอ ชีวี ขุนช้างไว้
ไม่ทดแทน อ้ายขุนช้าง บ้างไม่ได้
ไม่สมใจ จำเพาะ เคราะห์มันดี
ถอดความได้ว่า ขุนช้างรูปร่างน่าเกลียด ใจคอโหดเหี้ยม ไม่รู้ว่าแม่รักขุนช้างได้อย่างไร พลายงามได้ท้าวความถึง
ตอนที่ขุนช้างดำน้ำเพื่อพิสูจน์โทษเมื่อเป็นคดีกับตน พลายงามโกรธมาก อยากจะฆ่าขุนช้างให้ตาย แต่แม่ได้ขอชีวิตไว้
พลายงามแค้นขุนช้างมาก คิดหาทางแก้แค้นให้ได้ แต่ขุนช้างดวงดีไม่เป็นดังที่ตนหวังไว้
หน้า ๖๗
อย่าเลย จะรับ แม่กลับมา ให้อยู่ด้วยบิดาเกษมศรี
ยิ่งคิด ก็ยิ่งมี ความโกรธา
พรากให้พ้น คนอุบาทว์ ชาติอัปรีย์ เมื่อไร ตะวัน จะลับหล้า
อัดอึด ฮึดฮัด ด้วยขัดใจ ภูเขาใหญ่
เข้าห้องหวน ละห้อย คอยเวลา จวนสุริยา เลี้ยวลับ เมรุไกร
ดาวดาษ เดือนสว่าง กระจ่างไข
(สัตว์) สี่เท้า สองเท้า สงัดเสียง คนใคร ไม่พูดจา
เงียบสัตว์ จตุบท ทวิบาท
น้ำค้าง ตกกระเซ็น เย็นเยือกใจ
ถอดความได้ว่า พลายงามอยากจะรับแม่วันทองให้มาอยู่บ้านกับพ่อ อยากพาแม่หนีให้พ้นจากขุนข้างคนชั่วช้า
ยิ่งคิดยิ่งแค้น กระวนกระวายว่าเมื่อไรจะค่ำ จะได้ไปรับแม่กลับบ้าน จนตะวันลับขอบฟ้า ไม่มีแม้แต่เสียงเท้าสัตว์เดิน
ดาวที่อยู่บนท้องฟ้าส่องแสงสว่าง ในตอนมืดอากาศเริ่มเย็นมีน้ำค้าง เงียบสงัดไม่มีแม้แต่เสียงคนพูด
หน้า ๖๗
ได้ยินเสียง ฆ้องย่ำ ประจำวัง ลอยลม ล่องดัง ถึงเคหา วันชั่วร้ายตามความเชื่อโหราศาสตร์
ดูเวลา ปลอดห่วง ทักทิน
เวลาดึก
จันทร์กระจ่าง ทรงกลด หมดเมฆสิ้น
คะเนนับ ย่ำยาม ได้สามครา
ฟ้าขาว ดาวเด่น ดวงสว่าง เสกขมิ้น ว่านยา เข้าทาตัว
จึงเซ่นเหล้า ข้าวปลา ให้พรายกิน
ลงยันต์ ราชะ เอาปะอก หยิบยก มงคล ขึ้นใส่หัว สะท้อนความเชื่อ
เป่ามนตร์ เบื้องบน ชอุ่มมัว พรายยั่ว ยวนใจ ให้ไคลคลา ด้านไสยศาสตร์
จับดาบ เคยปราบ ณรงค์รบ
ลงจาก เรือนไป มิได้ช้า เสร็จครบ บริกรรม พระคาถา
รีบมา ถึงบ้าน ขุนช้างพลัน
ถอดความได้ว่า พลายงามได้ยินเสียงฆ้องตีบอกเวลาจากวัง ลอยมาตามลมได้ยินถึงบ้าน นับได้เป็นเวลาตีสาม
เป็นเวลาที่เหมาะสมที่จะกระทำพิธีกรรมทางไสยศาสตร์ เมื่อท้องฟ้าเต็มไปด้วยดวงดาวและดวงจันทร์สว่าง ไม่มีเมฆบดบัง
จึงได้นำเหล้าและอาหารไปเซ่นให้ผีพรายกิน เอาขมิ้นมาทาตามตัว ลงยันต์ที่อกและเอามงคลมาใส่หัว เป่ามนตร์คาถา
และนำดาบที่เคยรบมาร่ายมนตร์เสกคาถา จากนั้นลงจากเรือนรีบไปบ้านขุนช้าง
หน้า ๖๗
เห็นคน นอนล้อม อ้อมเป็นวง ประตูลั่น มั่นคง ขอบรั้วกั้น
กองไฟ สว่าง ดังกลางวัน หมายสำคัญ ตรงมา หน้าประตู
จึงร่าย มนตรา มหาสะกด เสื่อมหมด อาถรรพณ์ ที่ฝั งอยู่
ภูตพราย นายขุนช้าง วางวิ่งพรู คนผู้ ในบ้าน ก็ซานเซอะ
ถอดความได้ว่า เมื่อพลายงามพาถึงบ้านขุนช้างก็เห็นคนนอนหลับกันหมด ประตูปิดสนิท มีกองไฟสว่างอยู่หน้าบ้าน
พลายงามรีบมาที่หน้าประตู ร่ายมนตร์สะกดพวกผีพรายของขุนช้าง ผู้คนในบ้านต่างง่วงหลับด้วยมนตร์ของพลายงาม
หน้า ๖๘
ทั้งชายหญิง ง่วงงม ล้มหลับ นอนทับ คว่ำหงาย ก่ายกันเปรอะ
จี่ปลา คาไฟ มันไหลเลอะ โงกเงอะงุยงม ไม่สมประดี ไม่รู้สึกตัว
ใช้พราย ถอดกลอน ถอนลิ่ม รอยทิ่ มถอดหลุด ไปจากที่
ย่างเท้า ก้าวไป ในทันที มิได้มี ใครทัก แต่สักคน
มีแต่ หลับเพ้อ มะเมอฝั น ทั้งไฟกอง ป้องกัน ทุกแห่งหน
ผูค้ นเงียบ สำเนียง เสียงแต่กรน มาจน ถึงเรือน เจ้าขุนช้าง
ถอดความได้ว่า ผู้คนในบ้านต่างก็ง่วงหลับด้วยมนต์ของพลายงาม นอนทับกันไปมา พลายงามจึงใช้ให้พราย
ไปถอดกลอนประตู และก้าวเข้าไปถึงเรือนของขุนช้าง
หน้า ๖๘
ข้าวสารที่เสกแล้วซัดให้กระจาย
จุดเทียน สะกด ข้าวสารปราย ภูตพราย โดดเรือน สะเทือนผาง
สะเดาะดาล บานเปิด หน้าต่างกาง ย่างเท้า ก้าวขึ้น ร้านดอกไม้ ชานเรือนโบราณที่ปลูกดอกไม้ไว้
หอมหวน อวลอบ บุปผชาติ ดอกไม้ เบิกบาน ก้านกลาด กิ่งไสว
เรณู ฟู รอ่ น ขจรใจ ฟุ้งกระจาย ย่างเท้า ก้าวไป ไม่โครมคราม เงียบ ๆ เบา ๆ
บ่าว หรือคนรับใช้ที่ไม่ใช่ทาส ข้าไท นอนหลับ ลงทับกัน สะเดาะกลอน ถอนลั่น ถึงชั้นสาม
ถอดความได้ว่า พลายงามจุดเทียนร่ายมนต์สะกด โปรยข้าวสารเสกใส่ทำให้ภูตพรายหนีกันอลหม่าน
จากนั้นจึงสะเดาะบานหน้าต่าง เข้าไปข้างในห้อง และได้กลิ่นหอมของดอกไม้ที่หอมอบอวลไปทั่วห้อง
พลายงามก้าวเข้าไปอย่างเงียบ ๆ เห็นพวกข้ารับใช้กำลังนอนหลับ จึงใช้มนตร์สะเดาะกลอนประตูเข้าไปชั้นสาม
หน้า ๖๘
ชั้นที่ตั้งเครื่องแก้วซึ่งเป็ นของประดับบ้าน
กระจกฉาก หลากสลับ วับแวมวาม อร่ามแสง โคมแก้ว แววจับตา
ม่านมู่ลี่ มีฉาก ประจำกั้น อัฒจันทร์ เครื่องแก้ว ก็หนักหนา
ชมพลาง ย่างเยื้อง ชำเลืองมา เปิดมุ้ง เห็นหน้า แม่วันทอง
นิ่งนอนอยู่ บนเตียง เคียงขุนช้าง มันแนบข้าง กอดกลม ประสมสอง
เจ็บใจดัง หัวใจ จะพังพอง ขยับจ้อง ดาบง่า อยากฆ่าฟั น
จะใครถีบ ขุนช้าง ที่กลางตัว นึกกลัวจะ ถูกแม่ วันทองนั่น
พลางนั่งลง นอบนบ อภิวันทน์ สะอื้นอั้นอกแค้นน้ำตาคลอ
กราบไหว้
ถอดความได้ว่า เมื่อเข้าไปถึงในห้องมีทั้งกระจก โคมแก้ว และม่านมู่ลี่ที่กั้นอยู่ เมื่อพลายงามเดินมาถึงห้องขุนช้าง
พลายงามเปิดมุ้งและเห็นขุนช้างนอนกอดแม่วันทองอยู่ จึงเจ็บใจจนอยากจะชักดาบมาฆ่าขุนช้าง คิดจะถีบขุนช้างก็กลัว
จะถูกแม่วันทอง พลายงามจึงนั่งลงและยกมือไหว้ สะอื้นน้ำตาคลอ
หน้า ๖๘
โอ้แม่เจ้า ประคุณ ของลูกเอ๋ย ไม่ควรเลย จะพราก จากคุณพ่อ
เวรกรรม นำไป ไม่รั้งรอ มิพอที่ จะต้องพราก ก็จากมา
มันไปฉุด มารดา เอามาไว้ อ้ายหัวใส ข่มเหง ไม่เกรงหน้า
ที่ทำแค้น กูจะแทน ให้ทันตา ขอขมา ขอโทษ ขอษมา แม่แล้ว ก็ขับพราย
เป่าลงด้วย พระเวท วิทยา มารดา ก็ฟื้ น ตื่นโดยง่าย
ดาบใส่ ฝั กไว้ ไม่เคลื่อนคลาย วันทอง รู้สึกกาย ก็ลืมตา
ถอดความ
ถอดความได้ว่า พลายงามรำพันว่านางวันทองไม่ควรพลัดพรากจากขุนแผน แล้วโทษว่าเป็นเวรกรรมที่ทำให้
ต้องแยกกัน พรายงามได้ขอขมาแม่แล้วไล่พราย พร้อมทั้งเป่ามนต์ให้แม่วันทองตื่นขึ้นมา
หน้า ๖๘
ครานั้น จึงโฉม เจ้าวันทอง ต้องมนตร์ มัวหมอง เป็นหนักหนา
ตื่นพลาง ทางชำเลือง นัยน์ตามา เห็นลูกยา นั้นยืน อยู่ริมเตียง
สำคัญคิด ว่าผู้ร้าย ให้นึกกลัว กอดผัว ร้องดิ้น จนสิ้นเสียง
ซวนซบ หลบลง มาหมอบเมียง พระหมื่นไวย เข้าเคียง ห้ามมารดา
อะไรแม่ แซ่ร้อง ทั้งห้องนอน ลูกร้อน รำคาญใจ จึงมาหา
จะร้องไย ใช่โจร ผู้ร้ายมา สนทนา ด้วยลูก อย่าตกใจ
ถอดความ
ถอดความได้ว่า นางวันทองรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาสายตามองเห็นพลายงามแต่คิดว่าเป็นโจร จึงเข้ากอดขุนช้าง
ด้วยความกลัว พลายงามปลอบ บอกนางวันทองว่าลูกพลายงามเอง ไม่ใช่โจรผู้ร้าย แม่อย่าตกใจไปเลย
หน้า ๖๙
ครานั้น วันทอง ผ่องโสภา คร้ันรู้ว่า ลูกยา หากลัวไม่ เท้า
ลุกออกมาพลัน ด้วยทันใด
วันทอง ประคองสอด กอดลูกรัก หน้า พระหมื่นไวย เข้ากอด เอาบาทา
กลอนประตู เจ้ามาไย ป่านนี้ นี่ลูกอา ซบพักตร์ ร้องไห้ ไม่เงยหน้า
ใส่ดาล บ้านช่อง กองไฟรอบ
อาจอง ทะนงตัว ไม่กลัวภัย เขารักษา อยู่ทุกแห่ง ตำแหน่งใน
พ่อช่างลอบ เข้ามา กระไรได้
นี่พ่อใช้ ฤาว่า เจ้ามาเอง
ถอดความ
ถอดความได้ว่า เมื่อวันทองรู้ว่าพลายงามมาหา ก็รีบลุกเข้าไปกอดพลายงามแล้วก็ซบหน้าร้องไห้ แล้วถามว่าลูกผ่านคนที่เฝ้า
ได้อย่างไร ที่นี่มีคนคอยเฝ้าดูแลอยู่ทุกตำแหน่ง ทำไมถึงรอดเข้ามาได้ลูกไม่กลัวหรอ นี่ขุนแผนใช้ลูกมา หรือลูกมาเอง
หน้า ๖๙ เขาจะ รุกราน พาลข่มเหง
ฉวยสบเพลง พลาดพล้ำ มิเป็นการ
ขุนช้าง ตื่นขึ้น มิเป็นการ พ่อจงเล่า แก่แม่ แล้วกลับบ้าน
จะเกิดผิด แม่คิด คะนึงเกรง อย่าหาญเหมือน พ่อนัก คะนองใจ
มีธุระ สิ่งไร ในใจเจ้า ลูกมา ผิดจริง หาเถียงไม่
มิควรทำ เจ้าอย่าทำ ให้รำคาญ ก็หักใจ เพราะรัก แม่วันทอง
จมื่นไวย สารภาพ กราบบาทา
รักตัว กลัวผิด แต่คิดไป
ถอดความ
ถอดความได้ว่า ถ้าขุนช้างตื่นมาอาจจะทำร้ายลูกได้นะแม่เป็นห่วงมาก แม่กลัวว่าถ้าพลาดพล้ำไป พลายงามอาจจะถูกทำร้ายได้
ถ้ามีธุระอะไรด่วนก็รีบมาเล่าให้แม่ฟั ง แล้วรีบกลับไปซะ อย่าทำตัวกล้าหาญเหมือนขุนแผนพ่อของลูก พลายงามกราบเท้าแม่ แล้วบอกว่า
ลูกทำผิดจริงจะไม่เถียง รู้ว่าผิดผิดแต่ก็ต้องจำใจเพราะรักแม่วันทอง
หน้า ๖๙
ทุกวันนี้ ลูกชาย สบายยศ พร้อมหมด เมียมิ่ง ก็มีสอง
มีบ่าวไพร่ ใช้สอย ทั้งเงินทอง พี่น้อง ข้างพ่อ ก็บริบูรณ์
ยังขาดแต่ แม่คุณ ไม่แลเห็น เป็นอยู่ก็ เหมือนตาย ไปหายสูญ
ข้อนี้ ที่ทุกข์ ยังเพิ่มพูน ถ้าพร้อมมูล แม่ด้วย จะสำราญ
ลูกมา หมายว่า จะมารับ เชิญแม่ วันทองกลับ คืนไปบ้าน
แม้จะ บังเกิด เหตุเภทพาล ประการใด ก็ตาม แต่เวรา
ถอดความ
ถอดความได้ว่า ทุกวันนี้พลายงามสบายมียศถาบรรดาศักดิ์ มีพร้อมทุกอย่างทั้งเงินทอง บ่าวไพร่ เมียก็มีสองคน
ผู้ใหญ่ฝ่ายพ่อก็อยู่ดี ยังขาดแต่แม่วันทอ พลายงามอยู่ไปก็เหมือนตาย เพราะอย่างนี้ที่ยังทุกข์หนัก ถ้ามีแม่ด้วยจะสุขสำราญ
ที่ลูกมาที่นี่ ตั้งใจว่าจะมารับแม่วันทองกลับบ้านเรา ถึงจะเกิดเรื่องก็แล้วแต่เวรแต่กรรม
หน้า ๖๙ คนโหดเหี้ยม (ขุนช้าง) เขม่าดำที่ติดก้นหม้อ
ถอดความ มาอยู่ไย กับอ้าย หินชาติ แสนอุบาทว์ ใจจิต ริษยา
ดังทอง คำเลี่ยม ปากกะลา หน้าตา ดำเหมือน มินหม้อมอม
เหมือนแมลงวัน ว่อนเคล้า ที่เน่าชั่ว มาเกลือกกลั้ว ปทุมมาลย์ ที่หวานหอม
ดอกมะเดื่อ ฤๅจะเจือ ดอกพะยอม วา่ นักแม่ จะตรอม ระกำใจ ดอกบัว
แม่เลี้ยงลูก มาถึง เจ็ดขวบ เคราะห์ประจวบ จากแม่ หาเห็นไม่
จะคิดถึง ลูกบ้าง ฤาอย่างไร ฤาหาไม่ ใจแม่ ไม่คิดเลย
ถ้าคิดเห็น เอ็นดู ว่าลูกเต้า แม่ทูนเกลา้ ไปเรือน อย่าเชือนเฉย
ให้ลูกคลาย อารมณ์ ได้ชมเชย เหมือนเมื่อครั้ง แม่เคย เลี้ยงลูกมา
ถอดความได้ว่า มาอยู่ทำไมกับคนเลวทราม ขี้อิจฉาแบบนี้ หน้าตาดำอย่างกับเขม่าที่ติดก้นหม้อ น่าเกลียดเหมือนแมลงวันเน่ามาบินตอม
ดอกไม้ที่สวยงามอย่างแม่ เหมือนคนชั่วมาปนกับคนดี จะว่ามากก็กลัวแม่จะทุกข์ใจ แม่เลี้ยงลูกมาถึง ๗ ขวบ เพราเคราะห์กรรมของแม่ถึงต้อง
จากกัน แม่วันทองคิดถึงลูกบ้างไหม หรือว่าแม่ไม่คิดถึงลูกเลย ถ้าแม่ยังเอ็นดูลูกอยู่ แม่รีบไปกับอยู่กับลูก เหมือนครั้งที่แม่เคยเลี้ยงดูลูกมา
หน้า ๖๙
ครานั้น จึงโฉม เจ้าวันทอง เศร้าหมอง ด้วยลูก เป็นหนักหนา
พ่อพลายงาม ทรามสวาดิ ของแม่อา แม่โศกา เกือบเจียน จะบรรลัย
ใช่จะอิ่ม เอิบอาบ ด้วยเงินทอง มิใช่ของ ตัวทำ มาแต่ไหน
ทั้งผู้คน ช้างม้า แลข้าไท ไม่รักใคร่ เหมือนกับ พ่อพลายงาม
ทุกวันนี้ ใช่แม่ จะผาสุก มีแต่ทุกข์ เจ็บดัง เหน็บหนาม
ต้องจำจน ทนกรรม ทีต่ ิดตาม จะขืนความ คิดไป ก็ใช่ที
ถอดความ
ถอดความได้ว่า นางวันทองก็ตอบพลายงามว่า เศร้าใจเจียนตาย เงินทองข้าทาสบริวารไม่มีอะไรสำคัญกว่าลูก
ทุกวันนี้ที่นางวันทองทนอยู่ก็มีแต่ความทุกข์ไม่ได้มีความสุขเลยแต่ก็ต้องทนอยู่ทำตามใจตนเองก็ไม่ได้
หน้า ๗๐
ตำแหน่งข้าราชการ เมื่อพ่อเจ้า เข้าคุก แม่ท้องแก่ เขาฉุดแม่ ใช่จะ แกล้งแหนงหนี
ในกรมมหาดเล็ก ถึงพ่อเจ้า เล่าไม่ รู้ว่าร้าย เป็นหลายปี แม่มาอยู่ กับขุนช้าง
อยู่ภายใต้การดูแล เมื่อพ่อเจ้า กลับมา แต่เชียงใหม่ ไม่เพ็ดทูล สิ่งไร แต่สักอย่าง ตัดสิน
ของจางวางกรมมหาดเล็ก เมื่อคราว ตัวแม่ เป็นคนกลาง ท่านก็วางบท คืนให้บิดา
เจ้าเป็นถึง หัวหมื่น มหาดเล็ก มิใช่เด็ก ดอกจงฟั ง คำแม่ว่า
จงเร่งกลับ ไปคิด กับบิดา ฟ้องหา กราบทูล พระทรงธรรม์
พระองค์ คงจะโปรด ประทานให้ จะปรากฏ ยศไกร เฉิดฉัน
อันจะมา ลักพา ไม่ว่ากัน เช่นนั้น ใจแม่ มิเต็มใจ
ถอดความ
ถอดความได้ว่า เมื่อตอนขุนแผนถูกจับเข้าคุก แม่ก็ท้องแก่ แม่ไม่ได้หนีขุนแผนแต่ขุนช้างฉุดแม่
ตอนที่ขุนแผนรบชนะเชียงใหม่ก็มีความดีความชอบ พระพันวษาจึงตัดสินให้แม่อยู่กับขุนแผน
ลูกเป็นถึงหัวหมื่นมหาดเล็ก ไม่ใช่เด็ก จงกลับไปคิดไตร่ตรองกับพ่อให้ดี แล้วไปกราบทูลพระพันวษา
พระองค์น่าจะโปรดประทานให้ ถ้าจะมาลักตัวแม่กลับ แม่ไม่ว่า แต่แม่ไม่เต็มใจที่จะกลับ
หน้า ๗๐
ครานั้น ถึงโฉม เจ้าพลายงาม ฟั งความเห็น ว่าแม่ หาไปไม่
คิดบ่ายเบี่ยง เลี่ยงเลี้ยว เบี้ยวบิดไป
จึงว่า อนิจจา ลูกมารับ เพราะรักอ้าย ขุนช้าง กว่าบิดา ห้าม
เหมือนไม่มี รักใคร่ ในลูกยา แม่ยังกลับ ทัดทาน เป็นหนักหนา
เสียแรงเป็น ลูกผู้ชาย ไม่อายเพื่อน
แม้นมิไป ให้งาม ก็ตามใจ อุตส่าห์มา รับแล้ว ยังมิไป
จะตัดเอา ศีรษะ ของแม่ไป
แม่อย่า เจรจา ให้ช้าที จะพาแม่ ไปเรือน ให้จงได้
จะบาปกรรม อย่างไร ก็ตามที
ทิ้งแต่ ตัวไว้ ให้อยู่นี่ มาจากคำว่า แสงสุรีย์ศรี
จวนแจ้ง แสงศรี จะรีบไป หมายถึง แสงอาทิตย์
ถอดความ
ถอดความได้ว่า พลายงามได้ฟั งที่นางวันทองพูด จึงตอบไปว่า เพราะว่าแม่รักชุนช้างมากกว่าพ่อ
แม่ถึงได้บ่ายเบี่ยงไม่ยอมที่จะกลับทั้งที่ลูกมารับแล้ว หรือว่าแม่ไม่รักลูกแล้ว พลายงามยืนยันว่าจะพาแม่
กลับบ้านไปให้ได้ ถึงแม้ว่าแม่จะไม่ยอมก็ตาม ต่อให้ต้องตัดหัวของแม่ไป ทิ้งแต่ตัวไว้ที่นี่ตนก็จะทำ
แม่อย่ามัวพูด รีบไปเถอะฟ้าจะแจ้งแล้ว
หน้า ๗๐
ครานั้น วันทอง ผ่องโสภา เห็นลูกยา กัดฟั นมันไส้ ฮึกฮัก = อาการขัดใจ หรือไม่พอใจ
ถือดาบ ฟ้าฟื้ น ยืนแกว่งไกว ตกใจ กลัวว่า จะฆ่าฟั น ว่าวุ่น = ว้าวุ่น หรือวุ่นวาย
จึงปลอบว่า พลายงาม พ่อทรามรัก อย่าฮึกฮัก ว่าวุ่น ทำหุนหัน หุนหัน = วู่วาม
จงครวญใคร่ ให้เห็น ข้อสำคัญ แม่นี้พรั่น กลัวแต่ จะเกิดความ
ด้วยเป็นข้า ลักไป ไทลักมา ไม่เดือดร้อน เห็นเบื้องหน้า จะอึง แม่จึงห้าม ตามไป
ถ้าเจ้าเห็น เป็นสุข ไม่ลุกลาม ก็ตามเถิด มารดา จะคลาไคล
ว่าพลาง นางลุก ออกจากห้อง เศร้าหมอง โศกา น้ำตาไหล
พระหม่ืนไวย ก็พา มารดาไป พอรุ่งแจ้ง แสงใส ก็ถึงเรือน
ถอดความ
ถอดความได้ว่า นางวันทองพอเห็นลูกกัดฟั น แกว่งดาบฟ้าฟื้ นก็รู้สึกกลัว นางวันทองปลอบลูกว่า
อย่าวู่วามที่แม่ไม่ไปเพราะกลัวลูกจะเดือดร้อนเป็นคดีความ แต่ถ้าลูกเห็นว่าดี แม่ก็จะตามกลับไป
แล้ววันทองก็ตามพลายงามกลับบ้าน พลายงามพาแม่กลับมาถึงบ้านเมื่อใกล้สว่าง
หน้า ๗๑
จะกล่าวถึง เจ้าจอม หม่อมขุนช้าง นอนคราง หลับกรน อยู่ป่นเปื้ อน
อัศจรรย์ ฝั นแปร แชเชือน
หาหมอมา รักษา ยาเข้าปรอท ว่าขี้เรื้อน ขึ้นตัว ทั่วทั้งนั้น
ทั้งไส้นอ้ ย ไส้ใหญ่ แลไส้ตัน
ตกใจตื่น ผวาคว้า วันทอง มันกินปอด ตับไต ออกไหลลั่น
ตัวสั่น ฟั นฟาง ก็หัก จากปากตัว
ลุกขึ้น งกงัน ตัวสั่นรัว ร้องว่า แม่คุณ แม่ช่วยผัว
ให้นึกกลัว ปรอท จะตอดตาย
กัด
ถอดความ
ถอดความได้ว่า ขุนช้างที่นอนหลับอยู่ ได้ฝั นร้ายว่าเป็นขี้เรือนทั่วทั้งตัว พอไปหาหมอกินยาผสมปรอท
จึงถูกปรอทกินตับ ไต ไส้พุง และฟั นก็หักออกจากปาก เมื่อขุนช้างตื่นขึ้นมาก็ผวาจะคว้าหานางวันทอง
หน้า ๗๑
ลืมตา เหลียวหา เจ้าวันทอง ไม่เห็นน้อง ห้องสว่าง ตะวันสาย
เห็นม่านขาด เรี่ยราย ประหลาดใจ
เปลือยกาย ผ้าผ่อน ล่อนแก่น ไม่ติดกาย หาขานรับ เช่นเคย ซักคำไม่
ปากประตู เปิดไว้ ไม่ใส่กลอน
ตะโกนเรียก ในห้อง วันทองเอ๋ย อีอุ่น อีอิ่ม อีฉิม อีสอน
นิ่งนอน ไยหวา มาหากู
ทั้งข้าวของ มากมาย ก็หายไป เห็นนายนั้น แก้ผ้า กางขาอยู่
ตกตะลึง แลดู ไม่เข้ามา
พลางเรียกหา ข้าไท อยู่ว้าวุ่น
อีมี อีมา อีสาคร ตัวสั่น
บ่าวผู้หญิง วิ่งไป อยู่งกงัน
ต่างคน ทรุดนั่ง บังประตู
ถอดความ
ถอดความได้ว่า พอขุนช้างลืมตาขึ้นมามองก็ไม่เห็นนางวันทองอยู่ในห้อง จึงตะโกนเรียกหาวันทอง
แต่ไร้เสียงขานรับ พอมองไปในห้องเห็นข้าวของมากมายหายไป จึงตะโกนเรียกบ่าวไพร่ในบ้านให้เข้ามาหา บ่าว
ที่เป็นผู้หญิงต่างก็วิ่งไปหา แต่เห็นขุนช้างแก้ผ้าอยู่ จึงหลบกันไปอยู่หลังประตูไม่กล้าเข้าใกล้
หน้า ๗๑
แหงนเถ่อ = ค้างอยู่ ขุนช้าง เห็นข้า ไม่มาใกล้ ขัดใจ ลุกขึ้น ทั้งแก้ผ้า
เป้อปัง = ไม่รู้เรื่องรู้ราว แหงนเถอ่ เป้อปัง ยืนจังกา ย่างเท้า ก้าวมา ไม่รู้ตัว
ยืนจังกา = เป็นลักษณะยืน ยายจัน งันงก ยกมือไหว้ นั่นพ่อ จะไปไหน พ่อทูนหัว
ถ่างขาตั้งท่าเตรียม ไม่นุ่งผ่อน นุ่งผ้า ดูน่ากลัว ขุนช้างมอง ดูตัว ก็ตกใจ
งันงก = สั่นกลัว สองมือ ปิดขา เหมือนท่าเปรต ใครมาเทศน์ เอาผ้า กูไปไหน
ให้นึก อดสู หมู่ข้าไท ยายจันไป เอาผ้า ให้ข้าที
อาย
ถอดความ
ถอดความได้ว่า ชุนช้างรู้สึกขัดใจจึงลุกขึ้น แล้วก้าวออกไปโดยที่ไม่รู้ตัวว่ากำลังแก้ผ้าอยู่
ยายจันยกมือไหว้แล้วถามขุนช้างว่าจะไปไหน เสื้อผ้าก็ไม่ใส่ พอขุนช้างมองดูตัวเองก็ต้องตกใจ
ขุนช้างเอามือปิดขาเหมือนท่าเปรตยืน แล้วถามว่าใครมาเอาผ้าไปไหน ชุนช้างรู้สึกอายเหล่าคนใช้ไม่น้อย
แล้วบอกให้ยายจันไปเอาผ้ามาให้
หน้า ๗๑
เต็มที
ยายจัน ตกใจ เต็มประดา เข้าไป ฉวยผ้า เอามาคลี่
หยิบยื่น ส่งไป ให้ทันที ตกตะลึง แลดู ไม่เข้ามา
ขุนช้างตัวสั่นเทาบอกบ่าวไพร่ เจ้าวันทองไปไหนอย่างไรหาย
เอ็งไปดูให้รู้ซึ่งแยบคาย พบแล้วอย่าวุ่นวายให้เชิญมา
อย่างลึกซึ้ง
ถอดความ
ถอดความได้ว่า ยายจันตกใจมาก แล้วไปหยิบผ้ามาคลี่แล้วส่งให้กับขุนช้าง
แล้วตนเองก็หลบไปไม่กล้ามอง
หน้า ๗๑
ข้าไท ได้ฟั ง ขุนช้างใช้ ต่างเที่ยวค้น ด้นไป จะเอาหน้า
ทั้งห้องนอก ห้องใน ไม่พบพา ทั่วเคหา แล้วไปค้น จนแผ่นดิน
เป็ นหมู่
เห็นประตู รั้วบ้าน บานเปิดกว้าง ผู้คนนอน สล้าง ไม่ตื่นสิ้น
เสาเอก
เสาแรก แตกต้น เป็นมลทิน กินใจ กลับมา หาขุนช้าง
บอกว่าได้ ค้นคว้า หาพบไม่ แล้วเล่าแจ้ง เหตุไป สิ้นทุกอย่าง
ข้าเห็น วิปริต ผิดท่าทาง ที่นวลนาง วันทอง นั้นหายไป
ถอดความ
ถอดความได้ว่า เมื่อพวกคนรับใช้ได้ฟั งคำสั่งของคุณช้าง ต่างแยกย้ายกันตามหานางวันทองเพื่อที่จะเอาหน้า
แต่ก็หาไม่พบ แต่เพอออกไปหน้าบ้านก็เห็นประตูบ้านเปิดอยู่ และเห็นคนที่นอนเกลื่อนกลาดเพราะมนต์สะกด
จึงกลับมารายงานขุนช้างว่าไม่พบนางวันทอง เห็นแต่ "เสาเอกของบ้านแตก" ซึ่งดูผิดประหลาดไป
เกร็ดน่ารู้! “เสาเอก” เป็นเสาต้นที่ถือว่ามีความสำคัญมาก ถ้ามีลักษณะผิดปกติเกิดขึ้นที่เสาแรก
เชื่อว่าจะมีอะไรไม่ดีเกิดขึ้น ในที่นี้เสาแรกของบ้านขุนช้างแตก แสดงว่ามีผู้มาทำคุณไสยอย่างใดอย่างหนึ่งไว้
หน้า ๗๑
ครานั้น ขุนช้าง ฟั งบ่าวบอก เปียกชุ่มไปทั่ว
คิดคิด ให้แค้น แสนเจ็บใจ มุ่ง เหงื่อออก โซมล้าน กระบาลใส
สองหน สามหน ก่นแต่หนี ช่างทำได้ ต่างต่าง ทุกอย่างจริง
พลั้งทีลง ไม่รอด นางยอดหญิง
คราวนั้น อ้ายขุนแผน มันแง้นชิง นี่คราวนี้ หนีวิ่ง ไปตามใคร
ยังสาระแน หลบลี้ หนีไปไหน
ไม่คิดว่า จะเป็น เห็นว่าแก่ ไม่เอากลับ มาได้ ไม่ใช่กู
เอาเถิด เป็นไร ก็เป็นไป
ถอดความ
ถอดความได้ว่า เมื่อขุนช้างได้ฟั งที่คนใช้พูด ทำให้ขุนช้างเหงื่อออกเต็มหัว เพราะความแค้นและเจ็บใจที่นางวันทอง
หนีตนไปถึงสองสามครั้ง พอได้โอกาสก็หนี ตอนนั้นขุนแผนเป็นคนพาไป แต่คราวนี้ไม่รู้นางวันทองไปกับใคร
แต่ถึงอย่างไรตนก็จะตามนางวันทองกลับมาให้ได้