The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

4 สไลด์ถอดความหน้า ๗๒-๗๔

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by n.tames98, 2021-10-17 09:10:06

4 สไลด์ถอดความหน้า ๗๒-๗๔

4 สไลด์ถอดความหน้า ๗๒-๗๔

ถอดความบทประพันธ์
เสภาเรื่อง ขุนช้างขุนแผน

ตอน ขุนช้างถวายฎีกา
(หน้า ๗๒-๗๖)

รายวิชาภาษาไทยพื้นฐาน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๖

หน้า ๗๒

จะกล่าว ถึงโฉม เจ้าพลายงาม เกรงเนื้อความ นั่งนึก ตรึกตรองอยู่

อ้ายขุนช้าง สารพัด เป็นศัตรู ถ้ามันรู้ ว่าลัก เอาแม่มา

มันก็จะ สอดแนม แกมเท็จ ไปกราบทูล สมเด็จ พระพันวษา
ดูจะ ระแวงผิด ในกิจจา
เรื่องราว มารดาก็ จะต้อง ซึ่งโทษภัย

คิดแล้ว เรียกหมื่น วิเศษผล เอ็งเป็นคน เคยชอบ อัชฌาสัย กิริยามารยาทดี

จงไปบ้าน ขุนช้าง ด้วยทันใด ไกล่เกลี่ยเสีย อย่าให้ มันโกรธา

บอกว่าเรา จับไข้ มาหลายวัน เกรงแม่ จะไม่ทัน มาเห็นหน้า

เมื่อคืนนี้ ซ้ำมี อันเป็นมา เราใช้คน ไปหา แม่วันทอง

หน้า ๗๒

เข้าห้องน้ำ

พอขณะ มารดา มาส่งทุกข์ ร้องปลุก เข้าไป ถึงในห้อง

จึงรีบ มาเร็วไว ดังใจปอง รักษาจน แสงทอง สว่างฟ้า

ไม่ตาย คลายคืน ฟื้ นขึ้นได้ กูขอ แม่ไว้ พอเห็นหน้า

แต่พอให้ เคลื่อนคลาย หลายเวลา จึงจะส่ง มารดา นั้นคืนไป

หมื่นวิเศษ รับคำ แล้วอำลา รีบมาบ้าน ขุนช้าง หาช้าไม่
ครั้น แอบดู อยู่แต่ไกล เดินสวนกันไปมาอย่างอลหม่าน
ขุนช้าง นั่งเยี่ยม หน้าต่างเรือน
จะดื้อเดิน เข้าไป ไม่เป็นการ เห็นผู้คน ขวักไขว่ ทั้งเรือนชาน

ดูหน้าเฝื่ อน ทีโกรธ อยู่งุ่นง่าน เดินวนไปมาอย่าง
กระวนกระวาย

คิดแล้ว ลงคลาน เข้าประตู

ถอดความ

ถอดความได้ว่า พลายงามเกรงว่าขุนช้างจะนำเรื่องที่ตนลักพาตัวนางวันทองไปกราบทูลพระพันวษา ซึ่งอาจทำให้นางวันทอง
ได้รับโทษ พลายงามจึงขอให้หมื่นวิเศษผล ไปที่บ้านของขุนช้าง (เพราะเป็นผู้มีมารยาทดี) แล้วช่วยพูดไกล่เกลี่ยเรื่องนางวันทอง
โดยให้บอกกับขุนช้างว่าตนไม่สบายมาหลายวัน จึงอยากพบหน้าแม่ เลยให้คนไปตามแม่ แม่จึงรีบมาหาตน แต่ตอนนี้ตนไม่เป็นอะไรแล้ว
แต่ขอให้แม่อยู่ที่นี่สักระยะหนึ่งแล้วจะส่งแม่กลับ หมื่นขุนวิเศษรับคำจากจมื่นไวย (พลายงาม) แล้วมาที่บ้านขุนช้าง พอถึงเรือนขุนช้าง
ดูท่าทางขุนช้างกำลังโกรธเคือง หมื่นวิเศษผลจึงคลานเข้าไปหา

หน้า ๗๒

ครานั้น เจ้าหม่อม ขุนช้าง นั่งคา หน้าต่าง เยี่ยมหน้าอยู่

เห็นคนคลาน เข้ามา เหลือบตาดู นี่มา หลอกกู หรืออย่างไร กระทุ้งด้วยศอก
เด็กหวา จับถอง ให้จงได้
อะไร พอสว่าง วางเข้ามา คำที่เปล่ง
ถกเขมร = การนุ่งผ้าหยักรั้ง ลุกขั้น ถกเขมร ร้องเกนไป ออกมาแสดง ทุดอ้ายไพร่ ขี้ครอก หลอกผู้ดี
ขึ้นไปให้พ้นหัวเข่าถึงง่ามก้น ครานั้น วิเศษผล คนว่องไว ความไม่พอใจ
ร้องเกน = ร้องตะโกนดัง ๆ หรือติเตียน

ยกมือไหว้ ไม่วิ่งหนี

ร้องตอบ ไปพลัน ในทันที คนดีดอก ข้าไหว้ ใช่คนพาล

ข้าพเจ้า เป็นบ่าว พระหมื่นไวย เป็นขุนหมื่น รับใช้ อยู่ในบ้าน

ท่านใช้ ให้กระผม มากราบกราน ขอประทาน คืนนี้ พระหมื่นไวย

หน้า ๗๒ ก็ไข ก็เห็น หาหายไม่
จึงใช้ ให้ตัวข้า มาแจ้งการ
มีอาการจุกเสียดขึ้นมาทันที ข้าพเจ้า ร้องปลุก ไปในบ้าน
ท่านจึง รีบไป ในกลางคืน
เจ็บจุก ประจุบัน มีอันเป็น คุณอย่า สงสัย ว่าไปอื่น
ร้องโอด โดดดิ้น เพียงสิ้นใจ พอหายเจ็บ แล้วจะคืน ไม่นอนใจ
พอพบ ทา่ นมารดา มาส่งทุกข์
จะกลับขึ้น เคหา เห็นช้านาน
พยาบาล คุณพระนาย พอคลายไข้
ให้คำมั่น สั่งมา ว่ายั่งยืน

ถอดความ

ถอดความได้ว่า หมื่นวิเศษผลรับคำจากจมื่นไวย แล้วไปที่บ้านขุนช้าง พอเข้าไปถึงเรือนขุนช้าง
เห็นท่าทางขุนช้างกำลังโกรธ จึงคลานเข้าไปหา ขุนช้างเห็นเข้าก็โกรธ เพราะนึกว่าหมื่นวิเศษผลมาหลอกตน
หมื่นวิเศษผลรีบยกมือขึ้นไหว้ แล้วตอบว่าตนเป็นคนดีไม่ใช่คนร้าย เป็นบ่าวของจมื่นไวย จมื่นไวยไม่สบายจึงใช้ให้
ตนมาแจ้งว่า ขอให้นางวันทองอยู่ด้วยหนึ่งคืน จากนั้นหมื่นวิเศษได้อธิบายถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืนว่า
จมื่นไวยไม่สบายเลยจึงอยากพบหน้าแม่ เลยให้คนใช้ไปตามนางวันทองมาถึงห้องน้ำ นางวันทองจึงมาหาจมื่นไวย
ถ้าจมื่นไวยหายดีแล้วก็จะพานางวันทองกลับมา

หน้า ๗๓

ครานั้น ขุนช้าง ได้ฟั งว่า แค้นดัง เลือดตา จะหลั่งไหล เป็ นการเรียกโรคภัยที่
ดับโมโห โกรธา ทำว่าไป เราก็ไม่ ว่าไร สุดแต่ดี เกิดขึ้นในทันทีทันใดว่า
การเจ็บไข้ ล้มตาย ไม่วายเว้น ประจุบัน เป็นทั้ง กรุงศรี
"โรคปั จจุบัน"

ถ้าขัดสน สิ่งไร ที่ไม่มี เสียงดังลั่น ก็มาเอา ที่นี่ อย่าเกรงใจ

โกรธจัด

ว่าแล้ว ปิดบาน หน้าต่างผาง ขุนช้าง เดือดดาล ทะยานไส้

ทอดตัวลง กับหมอน ถอนฤทัย ดูดู๋ เป็นได้ เจียววันทอง

เพราะกู แพ้ความ จมื่นไวย มันจึง เหิมใจ ทำจองหอง

พ่อลูก แม่ลูก ถูกทำนอง ถึงสองครั้ง แล้วเป็น แต่เช่นนี้

อ้ายพ่อ ไปเชียง ใหม่มีชัยมา ตั้งตัว ดังพญา ราชสีห์

อ้ายลูกเป็น หมื่นไวย ทำไมมี เห็นกูนี้ คนผิด ติดโทษทัณฑ์

หน้า ๗๓

มันจึง ข่มเหง ไม่เกรงใจ จะพึ่งพา ใครได้ ที่ไหนนั่น กระดานขนาดเล็ก
ขุนนาง น้อยใหญ่ เกรงใจกัน ถึงฟ้องมัน ก็จะปิด ให้มิดไป ทำด้วยแผ่นหินชนวน
ตามบุญ ตามกรรม ได้ทำมา จะเฆี่ยนฆ่า หาคิด ชีวิตไม่
ยิ่งคิด เดือดดาล ทะยานใจ ฉวยได้ กระดารชนวนมา หรือไม้ทาสมุก
ร่างฟ้อง ท่องเทียบ ให้เรียบร้อย ถ้อยคำ ถี่ถ้วน เป็นหนักหนา ใช้เขียนหนังสือสมัยก่อน
ลงกระดาษ พับไว้ มิได้ช้า อาบน้ำ ผลัดผ้า แล้วคลาไคล
วันนั้น พอปิ่ นนรินทร์ราช เสด็จประพาสบัว ยังหากลับไม่
ขุนข้าง มาถึง ซึ่งวังใน ก็คอยจ้อง ที่ใต้ ตำหนักน้ำ

ถอดความ

ถอดความได้ว่า ขุนช้างได้ฟั งแล้วรู้สึกแค้นมาก แต่เก็บอาการไว้และแสร้งพูดต่อไปว่า การเจ็บไข้นั้นเป็นเรื่องปกติ
ถ้าขาดสิ่งใดให้มาขอที่ตน พอขุนช้างพูดเสร็จก็ปิดประตูดังลั่นห้อง คิดแค้นนางวันทองกับครอบครัว ขุนช้างรู้สึกแค้นจมื่นไวยมาก
เพราะตนเคยแพ้ความจมื่นไวย จึงทำให้จมื่นไวยเหิมใจนัก ขุนช้างจึงคิดที่จะไปฟ้องคดีเพื่อชิงนางวันทองคืนมา ขุนช้างคิดว่าหาก
ฟ้องตามกระบวนการ พวกขุนนางอาจจะช่วยสองพ่อลูกนั้นได้ คราวนี้ตนต้องฟ้องกับพระพันวษาด้วยตนเอง ถึงจะต้องถูกเฆี่ยนตี
ก็ยอม จากนั้นขุนช้างก็หยิบกระดานชนวนขึ้นมาร่างคำฎีกาแล้วลอกใส่กระดาษอีกที แล้วอาบน้ำ เตรียมตัวไปทูลพระพันวษา
ขุนช้างมาคอยพระพันวษาที่ตำหนักน้ำตั้งแต่พระพันวษายังไม่กลับจากการเที่ยวชมสระบัว

หน้า ๗๓

จะกล่าวถึง พระองค์ผู้ทรงเดช บ้าน,วัง

เสด็จคืน นิเวศน์ พอจวนค่ำ

ฝีพาย รายเล่ม มาเต็มลำ เรือประจำ แหนแห่ เซ็งแช่มา

บโทน คือ พนักงานคอยให้จังหวะ พอเรือพระ ที่นั่ง ประทับที่ ขุนช้าง ก็รี่ ลงตีนท่า
สัญญาณให้ฝีพาย พายเรือช้าหรือเร็ว ลอยคอ ชูหนังสือ ดื้อเข้ามา
เข้าตรง บโทนอ้น ต้นกัญญา ผุดโผล่ โงหน้า ยึดแคมเรือ ผีน้ำ
เรือในที่นี้เป็ นเรือต้นกัญญา
คือ เป็นเรือหลวงยาว เพื่อนโขกลง ด้วยกะลา ว่าผีเสื้อ

มีเครื่องบังแดดเป็ นรูปหลังคา
อันน่าจะเป็ นชื่อของบโทน

มหาดเล็ก อยู่งานพัด พลัดตกเรือ ร้องว่าเสือ ตัวใหญ่ ว่ายน้ำมา หัวล้าน

ขุนช้าง ดึงดื้อ มือยึดเรือ มิใช่เสือ กระหม่อมฉาน ล้านเกศา

สู้ตาย ขอถวาย ซึ่งฎีกา แค้นเหลือ ปัญญา จะทนทาน

หน้า ๗๓-๗๔

ครานั้น สมเด็จ พระพันวษา ทรงพระ โกรธา โกลาหล บทกฎหมายซึ่งพระมหากษัตริย์
ทุดอ้าย จัญไร มิใช่คน บนบก บนฝั่ ง ดังไม่มี ทรงตราขึ้นเพื่อใช้ในการบริหาร
ใช่ที่ ใช่ทาง วางเข้ามา ฤๅอ้ายช้าง เป็นบ้า กระมังนี่
เฮ้ยใคร รับฟ้อง ของมันที ตีเสีย สามสิบ จึงปล่อยไป
มหาดเล็ก ก็รับ เอาฟ้องมา ตำรวจคว้า ขุนช้าง หาวางไม่
ลงพระราช อาญา ตามว่าไว้ พระจึงให้ ตั้งกฤษ ฎีกา
ว่าตั้งแต่ วันนี้ สืบไป หน้าที่ของ ผู้ใด ให้รักษา
ระวางโทษ เบ็ดเสร็จ เจ็ดสถาน ถึงประหาร ชีวิต เป็นผุยผง
ตามกฤษ ฎีกา รักษาพระองค์ แล้วลงจาก พระที่นั่ง เข้าวังใน

ถอดความ

ถอดความได้ว่า พระพันวษาสด็จกลับตอนค่ำ ขุนช้างจึงรีบลงจากท่าแล้วลอยคอชูและยื่นหนังสือฎีกาถวายพระพันวษา
โดยโผล่เข้ามาทางที่แคมเรือจนคนบนเรือตกใจ นึกว่าเป็นผีน้ำหรือเสือว่ายมา ทำให้เกิดความวุ่นวาย จนมหาดเล็กพลัด
ตกจากเรือ แล้วร้องว่าเสือตัวใหญ่ว่ายน้ำมา ขุนช้างเอามือไปยึดเรือแล้วพูดว่า นี่ขุนช้างเองไม่ใช่เสือ พระพันวษากริ้วว่า
คนบนฝั่ งก็มีไม่ไป กลับลุยน้ำมาหา หรือว่าขุนช้างเป็นบ้าถึงทำเช่นนี้ จึงสั่งให้มหาดเล็กไปรับฎีกาแล้วเฆี่ยนขุนช้าง ๓๐ ที
แล้วจึงปล่อยไป มหาดเล็กรับคำฟ้องของขุนช้าง แล้วนำตัวขุนช้างไปเฆี่ยนตี และพระพันวษาทรงออกกฎ (กฤษฎีกา) ว่า
"ถ้าใครประมาทปล่อยให้คนเข้ามาได้เช่นนี้อีก จะลงโทษสูงสุดถึงประหารชีวิต"

หน้า ๗๔

จะกล่าว ถึงขุนแผน แสนสนิท เรืองฤทธิ์ ลือจบ พิภพไหว
สมสนิท พิสมัย ด้วยสองนาง
อยู่บ้าน สุขเกษม เปรมใจ ปรนนิบัติ วัตถา ไม่ห่างข้าง รักใคร่
คืนนั้น ในกลาง ซึ่งราตรี ฟุ้งกระจาย
ลาวทอง กับแก้ว กิริยา ขุนแผนกลับ ผวาตื่น ฟื้ นจากที่
พระพาย พัดมาลี ตรลบไป
เพลิดเพลิน จำเริญใจ ไม่เว้นวาง สายลม นิจจาเจ้า เหินห่าง ร้างพิสมัย
นางแก้ว ลาวทอง ทั้งสองหลับ ดังเด็ดใจ จากร่าง ก็ราวกัน
ละวางให้ วันทอง น้องโศกศัลย์
พระจันทร จรแจ่ม กระจ่างดี จะเพ็ดทูล คราวนั้น ก็คล่องใจ
อ้ายขุนช้าง ไหนจะโต้ จะตอบได้
คิด คะนึงมิตร แต่ก่อนเก่า บัดนี้เล่า เจ้าไวย ไปรับมา

ถึงสองครั้ง ตั้งแต่พราก จากพี่ไป

กูก็ชั่ว มัวรัก แต่สองนาง

เมื่อตีได้ เชียงใหม่ ก็โปรดครัน

สารพัด ที่จะว่า ได้ทุกอย่าง

ไม่ควรเลย เฉยมา ไม่อาลัย

หน้า ๗๔

จำกูจะ ไปสู่ สวาทน้อง เจ้าวันทอง จะคอย ละห้อยหา
คดิ พลาง จัดแจง แต่งกายา น้ำอบทา หอมฟุ้ง จรุงใจ
ออกจากห้อง ย่องเดิน ดำเนินมา ถึงเรือน ลูกยา หาช้าไม่
เข้าห้อง วันทอง ในทันใด เห็นนาง หลับใหล นิ่งนิทรา
ลดตัว ลงนั่ง ข้างวันทอง เตือนต้อง ด้วยความ เสน่หา
สั่นปลุก ลุกขึ้น เถิดน้องอา พี่มา หาแล้ว อย่านอนเลย
นางวันทอง ตื่นอยู่ รู้สึกตัว หมายใจ ว่าผัว ก็ทำเฉย
นิ่งดู อารมณ์ ที่ชมเชย จะรักจริง ฤๅจะเปรย เป็นจำใจ
แต่นิ่งดู กิริยา เป็นช้านาน หาว่าขาน ตอบโต้ อย่างไรไม่
ทั้งรัก ทั้งแค้น แน่นฤทัย ความอาลัย ปั่ นป่วน ยวนวิญญา

ถอดความ

ถอดความได้ว่า ขุนแผนมีความสุขที่มีนางลาวทองและนางแก้วกิริยาคอยปรนนิบัติ คืนนั้นขณะที่นางทั้งสองหลับไป
ขุนแผนได้ตื่นและคิดถึงนางวันทอง ซึ่งได้พรากจากตนไปถึง ๒ ครั้ง โดยที่ตนมัวแต่อยู่กับนางลาวทองและนางแก้วกิริยา
ปล่อยให้นางวันทองต้องเศร้า ตอนนี้พลายงามไปรับตัวนางวันทองมาแล้ว ขุนแผนคิดว่าตนต้องไปหานางวันทอง ป่านนี้คงจะ
เฝ้ารอตนอยู่ ว่าแล้วจึงแต่งตัวแล้วออกจากห้องไปยังเรือนพลายงาม เข้าไปในห้องนางวันทอง เห็นนางหลับอยู่ จึงนั่งลงข้าง ๆ
แล้วปลุกให้นางตื่น นางวันทองรู้สึกตัวแต่ก็แกล้งหลับต่อเพื่อจะพิสูจน์ใจของขุนแผนว่ารักตนจริง หรือแค่แกล้งพูด
ในใจของนางวันทองมีทั้งความรู้สึกรักและแค้นปะปนกันไป

หน้า ๗๕

โอ้เจ้าแก้ว แววตา ของพี่เอ๋ย เจ้าหลับใหล กระไรเลย เป็นหนักหนา
ดังนิ่มน้อง หมองใจ ไม่นำพา ฤๅขัดเคือง คิดว่า พี่ทอดทิ้ง
ความรัก หนักหน่วง ทรวงสวาท พี่ไม่คลาด คลายรัก แต่สักสิ่ง
เผอิญเป็น วิปริต ที่ผิดจริง จะนอนนิ่ง ถือโทษ โกรธอยู่ไย
ว่าพลาง เอนแอบ ลงแนบข้าง จูบพลาง ชวนชิด พิสมัย
ลูบไล้ พิไรปลอบ ให้ชอบใจ เป็นไรจึง ไม่ฟื้ น ตื่นนิทรา

ถอดความ

ถอดความได้ว่า ขุนแผนง้อนางวันทองด้วยคำพูดหวาน ๆ และขอโทษที่ตนเคยทอดทิ้งนางวันทอง
ขุนแผนขอให้นางวันทองคุยกับตน ก่อนจะลงนอนแนบข้างนางวันทองพร้อมพรมจูบ ลูบแขน
และถามนางวันทองว่า "ทำไมถึงไม่ยอมตื่นมาคุยกับพี่"

ตื่นมาคุยกับพี่เถอะที่รัก

หน้า ๗๕

เจ้าวันทอง น้องตื่น จากที่นอน โอนอ่อน วอนไหว้ พิไรว่า
ใช่ตัวข้า นี้จะงอน ค่อนพิไร
หม่อมน้อยใจ ฤๅที่ ไม่เจรจา อันตัวน้อง มลทิน หาสิ้นไม่
พบไหน ก็เป็น แต่เช่นนั้น
ชอบผิดพ่อ จงคิด คะนึงตรอง คงคิดคืน ที่หม่อม เป็นแม่นมั่น
คราวนั้นก็ ไปอยู่ เพราะจำใจ
ประหนึ่งว่า วันทอง นี้สองใจ ยามมี ที่เชย เฉยเสียได้
กินผลไม้ ต่างข้าว ทุกเพรางาย ทุกเช้าเย็น
ที่จริงใจ ถึงไป อยู่เรือนอื่น ก็เพราะหาก หม่อมมี ซึ่งที่หมาย
เอ็นดูน้อง อย่าให้อาย เขาอีกเลย ฯ
ด้วยรักลูก รักผัว ยังพัวพัน ป่า
แค้นคิด ด้วยมิตร ไม่รักเลย

เสียแรง ร่วมทุกข์ยาก กันกลางไพร

พอได้ดี มีสุข ลืมทุกข์ยาก

ว่านัก ก็เครื่อง เคืองระคาย

เหตุการณ์

หน้า ๗๕

พี่ผิด จริงแล้ว เจ้าวันทอง เหมือนลืมน้อง หลงเลือน ทำเชือนเฉย
ใชจ่ ะเพลิด เพลินชื่น เพราะอื่นเชย เงยหน้าเถิด จะเล่า อย่าเฝ้าแค้น
เมื่อติดคุก ทุกข์ถึงเจ้า ทุกเช้าค่ำ ต้องกลืนกล้ำ โศกเศร้า นั้นเหลือแสน
ซ้ำขุนช้าง คิดคด ทำทดแทน มันดูแคลน ว่าพี่ นี้ยากยับ
อาลัยเจ้า เท่ากับดวง ชีวิตพี่ คิดจะหนี ไปตาม เอาเจ้ากลับ
เกรงจะพา กันผิด เข้าติดทับ แต่ขยับ อยู่จนได้ ไปเชียงอินทร์
กลับมา หมายว่า จะไปตาม พอเจ้าไวย เป็นความ ก็ค้างสิ้น

ถอดความได้ว่า นางวันทองตื่นขึ้นและพูดกับขุนแผนว่าตนไม่ได้งอนขุนแผน แต่นางวันทองรู้สึกผิด
และโทษตัวเองว่าเป็น "หญิงสองใจ" ถึงตัวจะอยู่ที่เรือนของขุนช้าง แต่ใจยังรักลูกและขุนแผนมาก ที่ต้องอยู่กับ
ขุนช้างเพราะความจำใจ นางวันทองแค้นใจที่ขุนแผนมัวแต่หลงนางลาวทองกับแก้วกิริยา จนลืมนางวันทอง
เสียแรงที่เคยอาศัยอยู่กินกันในป่า พอไปได้ดิบได้ดี มีความสุขก็ลืมนางวันทอง เป็นเพราะขุนแผนมีที่หมายใหม่
ขุนแผนกล่าวว่าพี่ผิดไปแล้ว ไม่ได้ลืมน้องเพราะมีหญิงอื่น เงยหน้าเถอะอย่าโกรธพี่เลย ขุนแผนจึงขอโทษนางวันทอง
และเล่าเรื่องราวทั้งหมดเพื่อปรับความเข้าใจกับนางวันทองถึงสาเหตุที่ไม่ได้ไปหาก็เพราะติดคุก แต่คิดถึงนางวันทอง
ตลอดเวลา ตอนออกจากคุกก็ว่าจะไปพานางวันทองกลับมา

หน้า ๗๕ ไม่เดือดดิ้น เท่าพี่ กับวันทอง

หัวอกใคร ได้แค้น ในแผ่นดิน เห็นช้ากว่า จะได้ มาร่วมห้อง
คิดอยู่ว่า จะทูล พระพันวษา
จะเป็นความ อีกก็ตาม แต่ทำนอง จึงให้ลูก รับน้อง มาร่วมเรือน ป่า
จะเป็นตาย ง่ายยาก ไม่ยากรัก
ขอโทษที่ พี่ผิด อย่าบิดเบือน จะฟู มฟั ก เหมือนเมื่ออยู่ ในกลางเถื่อน
พี่ผิด พี่ก็มา ลุแก่โทษ
ความรักพี่ ยังรัก ระงมใจ เจ้าเพื่อน เสนหา จงอาลัย
ว่าพลาง ทางแอบ เข้าแนบอก
เจ้าเนื้อทิพย์ หยิบชื่น อารมณ์ชาย จะคุมโกรธ คุมแค้น ไปถึงไหน

อย่าตัด ไมตรีตรึง ให้ตรอมตาย

ประคองยก ของสำคัญ มั่นหมาย

ขอสบาย สักหน่อย อย่าโกรธา

หน้า ๗๖

ใจน้อง มิให้หมอง อารมณ์หม่อม ไม่ตัดใจ ให้ตรอม เสนหา
ถ้าตัดรัก หักใจ แล้วไม่มา หม่อมอย่าว่า เลยฉัน ไม่คืนคิด
ถึงตัวไป ใจยังนับ อยู่ว่าผัว น้องนี้กลัว บาปทับ เมื่อดับจิต
หญิงเดียว ชายครอง เป็นสองมิตร ถ้ามิปลิด เสียให้เปลื้อง ไม่ตามใจ
คราวนั้น เมือ่ ตาม ไปกลางป่า หน้าดำ เหมือนหนึ่งทา มินหม้อไหม้
ชนะความ งามหน้า ดังเทียนชัย เขาฉุดไป เหมือนลง ทะเลลึก

หน้า ๗๖

เจ้าพลายงาม ตามรับ เอากลับมา ทีนี้หน้า จะดำ เป็นน้ำหมึก
กำเริบใจด้วยเจ้าไวยกำลังฮึก จะพาแม่ ตกลึก ให้จำตาย
มิใช่หนุ่ม ดอกอย่ากลุ้ม กำเริบรัก เอาความผิด คิดหัก ให้เหือดหาย
ถ้ารักน้อง ป้องปิด ให้มิดอาย ฉันกลับกลาย แล้วหม่อม จงฟาดฟั น
ไปเพ็ดทูล เสียให้ทูล กระหม่อมแจ้ง น้องจะแต่ง บายศรี ไว้เชิญขวัญ
ไม่พักวอน ดอกจะนอน อยู่ด้วยกัน ไม่เช่นนั้น ฉันไม่เลย จะเคยตัว

ถอดความได้ว่า ขุนแผนจะไปทูลพระพันวษาแต่เห็นว่าคงดำเนินเรื่องช้าเลยให้พลายงามเป็นคนรับ
นางวันทองกลับมา จะดูแลนางวันทองเหมือนตอนที่อยู่ด้วยกันในป่า ขุนแผนขอโทษนางวันทองแล้วบอกว่า
อย่าโกรธขุนแผน ขุนแผนผิดจึงมาขอโทษจะโกรธเคืองไปถึงไหน ความรักที่ขุนแผนมีให้ยังมีอยู่เต็มหัวใจ
อย่าตัดความสัมพันธ์ให้เจ็บช้ำ ขุนแผนพูดไปก็ซบนางวันทอง นางวันทองไม่เคยตัดใจจากขุนแผน ถ้าตัดใจ
แล้วคงไม่กลับมาหาขุนแผน ตัวนางวันทองอยู่กับขุนช้างแต่ใจอยู่กับขุนแผนตลอด นางวันทองกลัวบาปที่มี
สามีสองคน ตอนหนีไปอยู่ป่ากับขุนแผนก็เสียหน้ามารอบหนึ่งแล้ว พอขุนช้างฉุดไปอยู่ด้วยก็เหมือนโดนฉุด
ไปอยู่ใต้ทะเลลึก พอมาตอนนี้พลายงามได้มารับกลับไปอีกก็ได้อายเขาอีกรอบ นางวันทองบอกกับขุนแผน
ว่า ถ้าขุนแผนรักนางจริงต้องไปทูลพระพันวษาให้ถูกต้องตามขั้นตอน ถ้าไม่อย่างนั้นรักนางวันทองจะไม่ให้
ขุนแผนแตะเนื้อต้องตัวนางอีก

หน้า ๗๖

นิจจาใจ เจ้าจะให้ พี่เจ็บจิต ดังเอากริช แกะกรีด ในอกผัว

เกรงผิด คิดบาป จึงหลาบกลัว พี่นี้ชั่ว เพราะหมิ่น ประมาทความ

อื่นไกล ไหนพี่ จะละเล่า นี่เจ้าว่า ดอกจะยั้ง ไว้ฟั งห้าม

เสียแรง มาว่าวอน จงผ่อนตาม อย่าหวงห้าม เสน่หา ให้ช้าวัน

ว่าพลาง คลึงเคล้า เข้าแนบข้าง จูบพลาง ทางปลอบ ประโลมขวัญ

ก่ายกอด สอดเกี่ยว พัลวัน วันทอง กั้นกีดไว้ ไม่ตามใจ นางวันทองไม่เต็มใจ
เบือนบิด แบ่งรัก หาร่วมไม่ ที่จะร่วมรักกับขุนแผน

พลิกผลัก ชักชวน ให้ชื่นชิด

สยดสยอง พองเสียว แสยงใจ พระพายพัด มาลัย ตลบลอย

แมลงภู่ เฝ้าเคล้าไม้ ในไพรชัฏ ป่ารก ไม่เบิกบาน ก้านกลัด เกสรสร้อย

บันดาล คงคาทิพย์ กระปริบกระปรอย พรมพร้อม ท้องฟ้า นภาลัย บทอัศจรรย์
น้ำฟ้า หาต้อง ดอกไม้ไม่
อสนี ครื้นครั่น สนั่นก้อง

กระเซ็นรอบ ขอบสระ สมุทรไท หวิวใจ แล้วก็หลับ กับเตียงนอน

เกร็ดน่ารู้

บทอัศจรรย์ คือ การพรรณนาฉากรัก ฉากพิศวาสของตัวละครหญิงชาย
กวีไทยไม่นิยมกล่าวตรงไปตรงมา แต่จะกล่าวถึงโดยใช้กลวิธีการเปรียบเทียบ
หรือใช้สัญลักษณ์แทนการแสดงพฤติกรรมทางเพศ บทอัศจรรย์จึงเป็นบทที่
ต้องใช้ความสามารถในการแต่ง เพื่อให้เป็นงานศิลปะ ไม่ใช่อนาจาร ผู้อ่านไม่
สามารถแปลความตามตัวอักษรได้ ต้องอาศัยจินตนาการ

ถอดความ

ถอดความคร่าว ๆ ได้ว่า ขุนแผนกล่าวตัดพ้อ ทำไมนางวันทองถึงได้กล่าวเช่นนี้
มันทำให้ขุนแผนเจ็บปวด ว่าแล้วขุนแผนก็เข้าไปกอด พยายามเล้าโลม แต่นางวันทองไม่ยินยอม
แต่สุดท้ายก็ได้เสียกันอีกครั้ง

หน้า ๗๖

ครั้นเวลา ดึกกำดัด สงัดเงียบ ใบไม้แห้ง แกร่งเกรียบ ระรุบร่อน
พระพายโชย เสาวรส ขจายขจร พระจันทร แจ่มแจ้ง กระจ่างดวง
ดุเหว่า เร้าเสียง สำเนียงก้อง ระฆังฆ้อง ขานแข่ง ในวังหลวง
วันทอง น้องนอน สนิททรวง จิตง่วง ระงับ สู่ภวังค์
ฝนั ว่า พลัดไป ในไพรเถื่อน เลื่อนเปื้ อน ไม่รู้ที่ จะกลับหลัง
ลดเลี้ยว เที่ยวหลง ในดงรัง ยังมี พยัคฆ์ร้าย มาราวี

ถอดความ

ถอดความได้ว่า ในเวลาค่ำนั้นเสียงเงียบสงัดจนได้ยินเสียงของใบไม้แห้งดัง
กรอบแกรบ พระจันทร์ก็ส่องแสงสว่าง นกก็ต่างร้องสียงดัง เสียงระฆังจากในวังก็ตีบ
อกเวลา นางวันทองที่นอนหลับสนิทอยู่ ก็ฝั นว่าตนหลงไปในป่า หาทางกลับไม่ได้ ยิ่ง
เดินเลี้ยวไปไหนต่อไหนก็ยิ่งหลงทาง และก็ไปเจอเสือสองตัวนอนหมอบอยู่ริมข้างทางแ


Click to View FlipBook Version