1
รายงาน
เร่อื ง กฬี าแบดมินตัน
จดั ทำโดย
เด็กชาย ศรชัย เวชวฐิ าน เลขท่ี 2
เดก็ ชาย พงศก์ ฤต ปนั คำ เลขที่ 6
เด็กชาย เมธี ธารประเสริฐ เลขที่ 8
เด็กชาย ณัฐพงษ์ นาคสูงเนนิ เลขที่ 9
เด็กชาย สชุ ณิ ฐั พนั ธฟุ์ กั เลขที่ 12
เสนอ
คุณครู กลุ ธดิ า สุจินพรัหม
รายงานน้เี ปน็ ส่วนหนงึ่ ของวชิ าภาษาไทย
ภาคเรยี นที่ 1 ปีการศกึ ษา 2565
โรงเรยี นพูนสนิ (เพชรสุขอุปถมั ภ์)
2
คำนำ
รายงานเล่มน้ีเปน็ ส่วนหนึ่งของวิชา พลศกึ ษา ผู้จดั ทำได้ทำการศกึ ษาหาขอ้ มูลจากเว็ปไซต์ตา่ งๆ
โดยได้รวบรวมข้อมลู ทัว่ ไปของกฬี าแบดมินตนั เช่น ประวัติความเปน็ มาของกีฬาแบดมนิ ตัน ทกั ษะพื้นฐานที่
ใชใ้ นการเลน่ อปุ กรณใ์ นการเล่น กฎกตกิ า เป็นตน้
ผู้จดั ทำรายงานเลม่ น้ีหวงั เปน็ อยา่ งยิง่ วา่ รายงานเลม่ นี้จะเปน็ ประโยชนต์ ่อผู้อา่ น หากรายงานเลม่ นี้มี
ขอ้ ผดิ พลาดประการใดก็ขออภัยมา ณ ทน่ี ้ีด้วย
ผจู้ ัดทำ
เดก็ ชาย ศรชยั เวชวฐิ าน
สารบญั 3
เรือ่ ง หนา้
คำนำ ก
สารบัญ ข
ประวตั ิความเป็นมาของกฬี าแบดมนิ ตนั 1
ทักษะพน้ื ฐานทีใ่ ช้ในกฬี าแบดมินตัน 6
ประเภทของการเลน่ กีฬาแบดมนิ ตนั 14
อปุ กรณ์ในการเล่นแบดมินตัน 15
กฎกติกาแบดมินตัน 18
มารยาทการเลน่ แบดมนิ ตนั และผูช้ มท่ีดี 20
ประโยชนข์ องกฬี าแบดมินตนั 23
บรรณานุกรม 24
4
ประวตั ิกีฬาแบดมินตนั
แบดมนิ ตัน (Badminton) เรม่ิ ต้นในชว่ งคริสต์ศตวรรษท่ี 7 ในประเทศจนี หลายคนกค็ งอยากรู้จกั กบั
ประวัตแิ บดมนิ ตนั และกฏกติกาแบดมินตัน ให้มากขน้ึ เพอ่ื ความสนกุ ในการชมและเชยี ร์เวลามกี ารแข่งขัน
แบดมินตนั เปน็ กฬี าชนดิ หน่ึง ที่ใช้ไมต้ ลี กู ลูกสำหรับใชต้ ีนั้น เรียกกันมาชา้ นานว่า “ลูกขนไก”่ เพราะ
สมยั ก่อนกีฬาน้ีใช้ขนของไก่มาติดกบั ลูกบอลทรงกลมขนาดเลก็ ปจั จบุ ันลูกขนไกผ่ ลติ จากขนเปด็ ที่คดั แลว้
ลูกบอลทรงกลมขนาดเล็กท่ีทำเป็นหัวลกู ขนไกท่ ำดว้ ยไมค้ อรก์
แบดมนิ ตนั มปี ระวัตศิ าสตรอ์ ันยาวนานอยา่ งนา่ ประหลาดใจเนื่องจากมกี ารเปิดตัวคร้ังลา่ สดุ ในวงการ
กีฬาโอลิมปกิ แบดมินตนั ถูกคิดค้นขึ้นเมื่อนานมาแล้ว ต้นกำเนดิ ของมันยอ้ นกลบั ไปอยา่ งน้อยสองพนั ปีในเกม
แบตเทิลดอร์และลูกขนไกท่ ่เี ลน่ ในกรีกโบราณอินเดียและจีน ในประเทศจนี จากหลักฐานของภาพวาดเก่า ๆ
ซึง่ บง่ บอกวา่ มกี ารใช้ขนไก่ มาทำเปน็ ลกู ขนไก่ใช้ในการเลน่ โดยชาวจีนนำอีแปะท่มี รี ู แลว้ ใชข้ นไกห่ ลายเสน้
เสียบผ่านรูอแี ปะสองสาม อนั ใหอ้ แี ปะ เปน็ ตวั ถ่วงนำ้ หนัก ใช้ เชือกมัด ตรงปลายเอาไวไ้ ม่ให้หลดุ เวลาเลน่ จะ
ตง้ั วง เลน่ กนั ตั้งแต่สองคนขนึ้ ไป หรอื จะเล่นพร้อมกนั 3-4 คน ใช้เทา้ เตะกันไปมาทำนองเดียวกนั กบั ที่คนไทย
เล่นตะกร้อล้อมวง
คริสต์ศตวรรษท่ี 13 ชาวอนิ เดยี แดงในอเมรกิ าตอนใต้ ใชข้ นนกหรือขนไก่ผูกตดิ กับลูกกลมโดยลูกบอล
กลมนั้นใช้หญ้าฟางพนั ขมวดเขา้ ดว้ ยกนั และใหข้ นไกช่ ีไ้ ปทางเดียวกันและเวลาเล่นใช้มอื จับลกู ขนไกน่ ้ันปาใส่ผู้
เล่นคนอนื่ ๆ ใหช้ ่วยกนั จบั ตลอดช่วงเวลาที่กล่าวมาน้ี ยงั ไมม่ กี ารใช้แรก็ เกต หรืออปุ กรณ์อนื่ ๆ ตีปะทะลูกขน
ไก่ แตใ่ ช้มอื หรืออวัยวะอืน่ ๆ แทน
5
ครสิ ตศ์ ตวรรษที่ 14 ชาวญป่ี ุ่นได้มีการใช้ขนไก่ หรือขนนกเสียบผูกติดกบั หัวไม้ และใชไ้ ม้ตีลกู ขนไก่นน้ั
โดยไมท้ ี่ใช้ตีทำมาจากไม้กระดาน ตลี กู ขนไกไ่ ปมานับวา่ เป็นวิวัฒนาการในรูปลักษณ์ของการเล่นแบดมินตนั ที่
ใกลเ้ คียงกบั ยคุ ปัจจุบนั มากท่สี ดุ โดยมกี ารใชแ้ ร็กเกตตีลกู ขนไก่แทนการใชอ้ วยั วะของรา่ งกาย
ปลายครสิ ต์ศตวรรษที่ 17 ในแถบยโุ รปมีการเขยี นภาพสีน้ำมันถงึ การเล่นกีฬาแบดมินตนั ในราชสำนกั
ต่าง ๆ ,พระราชนิ คี ริสตนิ าแหง่ สวีเดนทรงจำลองไมแ้ บดมนิ ตันมาจากแรก็ เกตในกีฬาเทนนิส และใชข้ นไกห่ รอื
ขนนกเสยี บติดกับหัวไมก้ ๊อก ,เจา้ ฟา้ ชายเฟรดเดอรคิ มกฎุ ราชกมุ ารแห่งเดนมารก์ ทรงแบดมนิ ตันในลักษณะ
เดียวกนั แต่ในตอนนัน้ เรยี กแบดมินตันวา่ “แบตเทลิ ดอร์กบั ลกู ขนไก่”
ครสิ ต์ศตวรรษท่ี 18 ในเยอรมนกี ษัตริย์ของปรัสเซียเฟรดเดอรคิ มหาราช และพระเจ้าหลานเธอเฟรด
เดอริค วิลเลยี มที่สอง ทรงแบดมนิ ตนั ในลักษณะเดยี วกัน และในประเทศอังกฤษมเี รอ่ื งเลา่ วา่ ในปี ค.ศ. 1870
นายทหารคนหน่งึ ทไี่ ปประจำการอยูใ่ นเมืองปูนา ประเทศอินเดยี ไดเ้ หน็ กีฬาตีลูกขนไก่จงึ นำกลับไปเลน่ ใน
อังกฤษ และในองั กฤษ ณ คฤหาสน์ “แบดมินตัน” ของยคุ แห่งบิวฟอรด์ ท่ีตำบลกลอ๊ สเตอรเ์ ชอร์ ในปี ค.ศ.
1873 เกมกีฬาตลี กู ขนไก่จงึ ถกู เรยี กวา่ “แบดมนิ ตนั ” ตามช่อื ของสถานท่ีนับตัง้ แต่น้นั มา
6
ประวัติผรู้ ิเริม่ กฬี าแบดมินตนั
จอหน์ ลอเรน บอลดว์ นิ ผูร้ เิ รม่ิ กีฬาแบดมินตนั ข้นึ เปน็ คร้งั แรกโดยจัดการเลน่ ที่ คฤหาสน์แบดมนิ ตัน
(Badminton House) ในปราสาทของทา่ นดยุค แห่งบิวฟอรด์ ในกลอสเตอร์ชาร์ ประเทศองั กฤษ บอลดว์ นิ มคี
วามคิดรเิ รมิ่ เมื่อใดไม่ปรากฏแนช่ ัด แต่วา่ กนั ประมาณ 60 ปีกว่าของคริสต์ศตวรรษท่แี ล้ว
บอลด์วนิ เกิดเมอื่ พ.ศ. 2352 ได้รบั การศกึ ษาในมหาวิทยาลยั ออ๊ กซฟ์ อรด์ เขาสนใจกฬี าคริกเกต และ
ละครมาก เขามคี วามชำนาญในกฬี าหลายชนดิ และได้ก่อตงั้ สโมสรในกรงุ ลอนดอน (London) หลายแห่งจน
ไดช้ ือ่ วา่ “ราชาสโมสร” ได้มนี ิตยสารฉบับหนง่ึ ช่อื “แวนติ ี้แฟร”์ ได้กล่าวว่า “เปน็ เวลากว่าครง่ึ ศตวรรษทีเดียว
ท่ชี อ่ื เสยี งของเขายงิ่ ใหญใ่ นวงการสังคม สโมสร ซ่ึงทกุ คนเชอื่ ฟงั โดยความเคารพ และเขาเกง่ ไม่มีใครเท่าเทยี ม
ได้ ในการสร้างขอ้ บงั คบั และเป็นผู้ชขี้ าดเกย่ี วกับปัญหาท่ัวไป และกำลังอยู่ระหว่างปรบั ปรุงขอ้ มลู ต่างๆจาก
ลกั ษณะดงั กลา่ วน้ี เราจะคดิ ไม่ไดห้ รอื วา่ เขาเปน็ ผู้วางกฎขอ้ บังคบั กีฬาแบดมินตันขน้ึ เปน็ คร้งั แรกสดุ ถึงแมว้ า่
จะไม่ปรากฏเป็นลายลักษณอ์ กั ษรกต็ าม” แวนติ ้แี ฟร์ บอกให้ทราบว่า “เขาเปน็ สหายคนสำคญั ของ ทา่ นดยคุ
แห่งบิวฟอร์ด” ชีวิตในระยะหลังบอลด์วินไดไ้ ปอาศัยอย่ใู กล้ๆกบั วิหาร Tintern Abbey ห่างจากคฤหาสน์
แบดมนิ ตนั ไปทางตะวันตกประมาณ 32 กโิ ลเมตร เมอ่ื อยู่ท่ีนั่นเขาได้รับขนานนามวา่ ทา่ นบิดาแห่งทนิ เทนิ
ขณะนัน้ เขาแกล่ งมาก ความชราก็ไมไ่ ด้ทำให้เขาลดหยอ่ นงานอันเป็นที่รกั เลยแม้แตน่ ้อย
7
สมาคมแบดมินตนั แห่งประเทศไทย
การเล่นแบดมินตันได้เขา้ มาสู่ประเทศไทยในราวปี พ.ศ. 2456 โดยเร่มิ เล่นกีฬาแบดมนิ ตนั แบบมตี า
ข่าย โดยพระยานิพัทยกลุ พงษ์ ไดส้ รา้ งสนามขน้ึ ท่ีบา้ น ซ่ึงต้ังอยรู่ ิมคลองสมเด็จเจา้ พระยาธนบรุ ี แลว้ นิยมเลน่
กนั อย่างแพรห่ ลายออกไป ส่วนมากเลน่ กันตามบ้านผดู้ มี ตี ระกลู วังเจ้านาย และในราชสำนกั การเลน่
แบดมินตนั คร้งั นัน้ นิยมเล่นขา้ งละ 3 คนกันมาก ประมาณปี พ.ศ. 2462 สโมสรกลาโหมได้เปน็ ผู้จัดแขง่ ขนั
แบดมนิ ตนั ท่วั ไปข้ึนเปน็ คร้ังแรก โดยจัดการแขง่ ขนั 3 ประเภทได้แกป่ ระเภทเด่ยี ว ประเภทคู่ และประเภท
สามคน ปรากฏว่าทมี แบดมนิ ตันบางขวางนนทบุรี (โรงเรียนราชวิทยาลยั บางขวางนนทบรุ )ี ชนะเลศิ ทกุ
ประเภท นอกจากน้ี มีนักกีฬาแบดมินตนั ฝมี อื ดเี ดนิ ทางไปแข่งขนั ยังประเทศใกลเ้ คยี งอยบู่ อ่ ย ๆ
ต่อมาปี พ.ศ. 2494 พระยาจนิ ดารกั ษไ์ ดก้ ่อต้ังขึ้นเปน็ สมาคมชอื่ วา่ “สมาคมแบดมินตนั แห่งประเทศ
ไทย” เมื่อแรกตัง้ มีอยู่ 7 สโมสร คอื สโมสรสมานมิตร สโมสรบางกอก สโมสรนวิ บอย สโมสรยูนติ ี้ สโมสร ส.
ธรรมภักดี สโมสรสงิ ห์อดุ ม และ สโมสรศิรบิ ำเพ็ญบุญ ซง่ึ ในปัจจบุ นั น้ีเหลอื เปน็ สโมสรสมาชิกของสมาคมอยู่
เพียง 2 สโมสร คือสโมสรนิวบอย และสโมสรยนู ติ เี้ ท่านั้น และในปีเดียวกัน สมาคมแบดมินตันแหง่ ประเทศ
ไทยกไ็ ดส้ มัครเข้าเปน็ สมาชิกของสหพันธแ์ บดมินตนั นานาชาติด้วย สมาคมแบดมนิ ตนั แหง่ ประเทศไทยมี
นกั กีฬาแบดมินตันทีม่ ีฝีมอื ดอี ยมู่ าก และจากการท่ีไดเ้ ขา้ แข่งขนั ในรายการต่าง ๆ ของโลกไดส้ ร้างชอ่ื เสยี ง
ให้กบั ประเทศไทยเปน็ อยา่ งมาก ท้ังโธมสั คัพ อูเบอรค์ พั และการแข่งขนั ออลอิงแลนด์ ซึ่งวงการแบดมินตันถือ
วา่ เป็นการแขง่ ขนั ชิงชนะเลศิ ของโลกประเภทรายบคุ คล ซึ่งนักกฬี าของประเทศไทยก็เคยได้ตำแหน่งรอง
ชนะเลศิ ทงั้ ประเภทชายเดีย่ ว และชายค่มู าแล้ว วงการแบดมินตนั ของไทยยกยอ่ ง นายประวัติ ปตั ตพงศ์
(หลวงธรรมนญู วฒุ กิ ร) เป็นบดิ าแหง่ วงการแบดมนิ ตนั ของประเทศไทย
8
ปจั จุบนั กีฬาแบดมนิ ตนั ในประเทศไทยเปน็ ทนี่ ยิ มกนั มาก เล่นกันทว่ั ประเทศทัง้ เดก็ ผู้ใหญ่ ผ้หู ญิง
ผชู้ าย มกี ารเรยี นการสอนในโรงเรยี นในสถาบันอุดมศึกษา มีสนามแบดมนิ ตนั อยู่ทว่ั ประเทศ มีอุปกรณท์ ไ่ี ด้
มาตรฐาน ซ่งึ ผลติ ได้เอง มกี ารอบรมฝึกสอนกีฬาแบดมนิ ตนั โดยองคก์ รทม่ี มี าตรฐาน มผี ฝู้ ึกสอนทั้งในประเทศ
และตา่ งประเทศท่ที ำงานเต็มเวลา มีกรรมการผตู้ ดั สินท่ีเป็นมาตรฐาน มีรายการแข่งขนั ภายในประเทศที่จดั ข้นึ
ใน แตล่ ะปไี มน่ ้อยกวา่ 20 รายการ มีนกั กฬี าท่มี คี วามสามารถติดอนั ดบั 1 ใน 10 ของโลก ทง้ั ชายและหญิง
ภายใต้การทำงานของสมาคมแบดมินตนั แหง่ ประเทศไทยในพระบรมราชปู ถมั ภท์ จ่ี รงิ จงั และเข้มแข็ง
9
ทักษะพื้นฐานที่ใชใ้ นกีฬาแบดมินตนั
การจบั ไม้แบดมินตนั
กอ่ นทจี่ ะเรียนรถู้ ึงทกั ษะการเล่นกฬี าแบดมินตนั ใด ๆ ผเู้ รยี นจะต้องจับไม้แบดมินตนั ให้ถกู วธิ เี สยี กอ่ น
วิธกี ารคือ ผ้ทู ี่ถนดั มอื ขวา ก็ใชม้ ือขวาจับโดยย่นื มือขวาออกไปขา้ งหน้าเหมอื นกับการจบั มือกบั บคุ คลอ่ืนท่ีถูก
แนะนำใหร้ ู้จักโดยใหน้ วิ้ ทั้ง 4 กำรอบด้ามไมแ้ บด มินตัน นิ้วหวั แมม่ อื กบั น้ิวช้ีจะอยตู่ รงด้านสันของด้ามไม้
แบดมนิ ตนั เปน็ รปู ตวั วี โดยตำแหนง่ นว้ิ หัวแม่มอื จะทาบ อยู่ทางด้านแบน ของด้ามไมแ้ บดมินตัน
การจบั ลูกแบดมินตนั
ลูกขนไก่เป็นอกี หนงึ่ อุปกรณท์ ่มี ีความสำคัญในการเล่นแบดมนิ ตัน ก่อนจะเสิร์ฟลกู ใหไ้ ด้ดี จำเปน็ ที่
จะตอ้ งจับลูกแบดมินตนั ให้ถูกต้องกอ่ น เพราะมีส่วนชว่ ยเพ่มิ ประสทิ ธิภาพในการสง่ ลกู ให้มากขน้ึ ได้ สำหรบั
รปู แบบในการจับลูกแบดมินตนั ท่เี ป็นทน่ี ิยมนัน้ มีด้วยกัน 3 ทา่ หลักๆ มดี งั น้ี
10
1. จบั แบบรูปถว้ ย
การจบั ลกู แบดมนิ ตันรูปถ้วยนิยมใช้เมอ่ื ต้องสง่ ลกู หนา้ มอื (Forehand) ซึ่งการจบั จะใช้นว้ิ โป้งและนวิ้ ช้ี
ในการประคองลกู สว่ นนว้ิ กลางใช้ประคองกา้ นของลกู ขนไก่ บริเวณเชือกเส้นบน คลา้ ยลกั ษณะการจบั แก้ว
หรอื การประคองแกว้ ไว้ในมือ ซึง่ การจบั ลูกขนไก่ลกั ษณะน้ีจะใชเ้ พียงสามนวิ้ ในการประคองเท่านนั้
2. การจบั แบบปากคบี
สำหรับการจบั ลูกขนไก่แบบปากคีบ นิยมใชเ้ มอ่ื ตอ้ งการเสริ ฟ์ แบดมินตนั ด้วยหลงั มอื (Backhand)
หากมองผ่านๆ อาจจะเหมอื นการใชท้ ุกน้ิวจับลกู ขนไก่ แต่ในความเปน็ จรงิ แล้ว การจับลกู แบบปากคีบใช้
เฉพาะนิว้ โป้งและน้วิ ช้ีคบี บรเิ วณปลายลูกขนไก่ สว่ นท้ังสามนิ้วท่เี หลือเพยี งแคป่ ระครองลูกไว้เท่าน้ัน ไมไ่ ด้จับ
อย่างเตม็ แรง
11
3. การจับแบบปากคบี เฉพาะส่วนปลาย
การจบั ลูกแบดมินตนั รปู แบบสดุ ทา้ ยเรียกว่า การจบั แบบปากคีบสว่ นปลาย เป็นรูปแบบการจับลูก
แบดมินตันทนี่ ยิ มใชเ้ มือ่ ต้องส่งลกู ดว้ ยหลงั มือ ซง่ึ วิธีการจับกส็ ามารถทำได้งา่ ยๆ ดว้ ยการใช้นว้ิ โปง้ และนว้ิ ช้ีคว่ำ
ลง คบี เฉพาะส่วนปลายของลูกขนไก่ เหมอื นการจบี คว่ำ ส่วนนิ้วทเ่ี หลือไมต่ ้องสัมผสั ลกู แบดมนิ ตัน
การสง่ ลูก
การสง่ ลกู เปน็ วธิ กี ารของการเรมิ่ เล่นในการเลน่ หรือฝกึ ทักษะแบบตา่ ง ๆ ไมว่ า่ จะเป็นเร่มิ ฝึกตีลกู แบบ
ตา่ ง ๆ ตลอดจนเริม่ การแข่งขนั การส่งลูกจะส่งไดท้ ั้งลกู หน้ามอื และหลังมอื ซ่ึงวธิ กี ารส่งมดี ังน้ี
1. การส่งลกู หนา้ มือ
1.1 ผ้ทู จ่ี ะส่งลูกจะยนื หา่ งจากเส้นกลางสนามและเส้นสง่ ลูกส้นั ประมาณ 2-3 น้วิ (ในกรณีเล่น
ประเภทค)ู่ และยนื ห่างเสน้ ส่งลูก ส้ันประมาณ 2-3 ฟตุ (ในกรณีเลน่ ประเภทคู่)
1.2 ยืนให้เท้าช้ายอยู่ขา้ งหน้าสำหรับผ้ทู ่ีถนัดมอื ขวา ย่อเข่าเลก็ น้อย เท้าท้ังสองขา้ งจะไมย่ กพน้ พนื้
สนามเวลาส่งลูก
1.3 ใชม้ อื ซา้ ยจบั ลูกขนไก่ งอแขนพอประมาณ มือขวาเง้ือไมร้ ะดบั เอวพรอ้ มท่จี ะสง่ ลกู
1.4 ตามองเป้าหมายทจี่ ะส่งลูก ปลอยลูก พรอ้ มกับตวัดแขนมาขา้ งหนา้ เม่ือไม้สมั ผสั กับลูกใหก้ ระดก
ข้อมือช่วยสง่ ลูก ไปยงั ทศิ ทาง ทต่ี อ้ งการ
12
2. การสง่ ลูกหลังมอื
2.1 ผู้ท่จี ะสง่ ลกู จะยืนห่างจากเสน้ กลางสนามและเส้นสง่ ลกู สน้ั ประมาณ 2-3 นวิ้
2.2 ยืนให้เทา้ ขวาอย่ขู ้างหนา้ สำหรับผูท้ ถ่ี นัดมอื ขวา ย่อเขา่ เลก็ น้อย เทา้ ท้ังสองขา้ งจะไม่ยกพน้ พืน้
สนามเวลาส่งลูก
2.3 ใชม้ ือซ้ายจับลูกขนไก่ บริเวณปลายขนไกท่ างดา้ นซ้ายของลำตัวหลงั มอื ด้านขวาอยู่ดา้ น หน้า งอ
แขนพอประมาณ มือขวาเงื้อ ไมร้ ะดบั เอวพรอ้ มท่ีจะสง่ ลกู
2.4 ตามองเป้าหมายทีจ่ ะสง่ ลกู ปลอยลกู พรอ้ มกบั ตวดั แขนมาขา้ งหนา้ เมือ่ ไม้สมั ผัสกับลูกใหก้ ระดก
ข้อมอื ช่วยส่งลูก ไปยงั ทิศทาง ท่ตี อ้ งการ
การยืน
หลกั การยืนทสี่ ำคญั ทส่ี ุด คือไมค่ วรยนื เท้าตาย ควรยนื โดยใช้เท้าใดเท้าหนึ่งนำหน้า(เทา้ ใดกไ็ ด)้ เพื่อ
การเคลอื่ นไหวท่ี สะดวกขน้ึ ไมว่ ่าจะไปข้างหนา้ ขาั งหลัง ขา้ งซ้าย ข้างขวา การเคล่ือนท่ีของเทา้ ทีด่ ี คือ การ
ก้าวเทา้ แบบสืบเท้า(Slide)
การเคลอี่ นทข่ี องเท้า
ในการเล่นกีฬาการเคล่ือนท่ขี องเท้าเปน็ สิง่ สำคัญ เพราะทำให้เกดิ ความคล่องตวั ในการเคลือ่ นไหว การ
เคล่อื นที่ ท่เี รยี กว่า "ฟุตเวิร์ค" นนั้ ตอ้ งความเร็วมากๆ เพราะการเคลอื่ นทีข่ องเทา้ ไม่เหมือนกนั แล้วแตล่ ักษณะ
การตีลูกโดยมากจะใชก้ าร สบื เท้า(Slide) เพราะมีการทรงตวั ดี เคล่ือนทไี่ ดส้ ะดวก เปล่ยี นทศิ ทางได้งา่ ย
โดยเฉพาะการตลี กู หลังมอื ต้องมกี ารเคล่ือนที่ของท้าเพ่อื ให้ตที นั และสาเหตทุ ่ีทำใหต้ ีไม่ทันก็เพราะการ
เคล่อื นทีข่ องเทา้ ไม่ดนี ่นั เอง
การใชข้ อ้ มือและน้วิ
การใช้ขอ้ มอื และนวิ้ สำคญั ตอ่ การเล่นแบดบนิ ตันมาก เพราะแบดบนิ ตนั ตอ้ งอาศยั จังหวะ ข้อมอื และ
นิว้ ชว่ ยในการตีลูกเพือ่ จะไดเ้ สริม ใหเ้ กดิ ความแรงและเร็ว การบังคบั ลกู ซ้ายขาวอยู่ทีข่ อ้ มือเป็นสำคญั เพราะ
ถ้าใชข้ อ้ มือและนิว้ ดเี ท่าใด กม็ โี อกาศใช้หน้า ไมด้ ีดว้ ย
ลูกหยอด
การจับไมแ้ ละยืนให้อยู่ในสภาพพร้อมตลอดเวลา การเลน่ ลกู หยอดตอ้ งเล่นด้วยไหวพริบจริง และ
สามารถเลน่ ไดท้ ้ังหนา้ มอื และหลังมอื การหยอดลุกตอ้ งตเี บาๆต้องฝึก ใหช้ ำนาญกจ็ ะรจู้ ังหวะของการหยอด
การเล่นลกู หยอดเพอื หลอกล่อคตู่ อ่ สใู้ หส้ ่งลกู โด่งทำ ให้เรา สามารถ ตบได้งา่ ยหรอื เราอาจ ไมต่ บแต่หยอดต่อก็
ได้วธิ นี อ้ี าจทำ ใหค้ ูต่ อ่ สเู่ สสียหลักไม่สามารถรับลกู ได้ ข้อปฏบิ ัติในการเลน่ ลกู หยอด 1. ยืนพรอ้ มเสมอท่ีจะทำ
การเล่น วา่ จะเล่นด้วยหนา้ มอื หรือหลังมือ 2. การจบั ไม้พรอ้ ม ทจี่ ะเล่นไดด้ ้วยหน้ามือ และหลังมือ 3.
13
ตดั สนิ ใจว่าจะเลน่ ลูกหยอดดว้ ยหนา้ มอื หรอื หลังมือ 4. ต้องทราบวา่ เมอื่ หยอด ไปแล้วคูต่ อ่ ส้จู ะต้องโต้มาดว้ ย
ลูกใด 5. การหยอดท่ดี ลี ูก ตอ้ งอยใู่ กลต้ าขา่ ยมากทสี่ ดุ 6. เท้านำ ในการหยอดควรใชเ้ ทา้ ข้างเดียวกับมอื ทต่ี ี 7.
ใชข้ ้อมอื ช่วยเล่นในการหยอดมากๆ
ส่งลกู
เปน็ การเล่นระยะแรกท่ีสำคญั เพราะการสง่ ลกู ทดี่ ีจะทำใหค้ ู่ต่อสูไ้ ม่สามารถทำแต้มได้ และมีโอกาสตบ
ทำลายลกู โตข้ องคู่ต่อ สู้ ได้ง่าย
1. จบั ไม้ได้พอเหมาะทจี่ ะตที ้ังหน้ามอื และหลงั มือ
2. ยืนพร้อมเสมอโดยใช้เท้าใดเท้าหนึ่งอยดู่ า้ นหนา้
3. หนั ดา้ นซ้ายมือเข้าหาตาขา่ ย เมื่อตดี ว้ ยมือขวา
4. ปล่อยลกู ลงด้วยมือซ้ายระหวา่ งเทา้ ซ้ายและเท้าขวา
5. ตเี มือ่ ลูกตกตำ่ กว่าระดับสะเอว โดยการหงายมอื ขา้ งท่จี ับไม้แบดขึ้นตีเบาๆ ด้วยการใช้ขอ้ มือ ให้ลูกตกไป
ทางดา้ นหลัง หรือเฉยี ดตาข่ายไปตกทางดา้ นหน้าก็ไดแ้ ลว้ แต่ประเภทของการเล่น
6. ในการสง่ ลกู เทา้ ทัง้ สอง ตอ้ งอย่ใู นสนามของฝ่ายส่งลูกท้งั สองเท้า ไม่เคลอ่ื นที่ไปกอ่ นที่จะได้สง่ ลกู แลว้
การตีลกู ตบ
การตลี ูกตบเป็นลูกทส่ี ำคญั เพราะเปน็ ทง้ั ลูกโตแ้ ละลูกทำคะแนน ในการเล่นลกู ตบมหี ลักปฏิบัตดิ งั นี
1. ถา้ เป็นลูกโด่งเกือบขา้ ม ศรษี ะ จะตบโดยใชข้ อ้ มอื การตบแรงอาจยกเทา้ ใดเทา้ หน่งึ ขึ้นเพื่อเปน็ การ
ถา่ ยนำ้ หนกั
2. ถ้าเป้น ลูกโด่งเฉยี งไปทางขวา ตอ้ งเขยง่ ตัวตบ หรือกระโดดตบ จะตบลกู ไปทางด้านซ้าย หรือ
ด้านขวา ขึน้ อย่กู ับการพลกิ หนา้ ไม้
3. ถ้าเปน็ ลูกมาทางดา้ นซา้ ยมือตอ้ งตบด้วยลูกหลังมอื
4. ตอ้ งตบทแยงใหเ้ ฉยี ดตาข่ายลงพนื้ ให้ตกลงพื้นใหห้ า่ งค่ตู ่อสูม้ ากๆ หรอื ไม่ก็ให้ถกู ตวั คตู่ ่อสู้ได้ก็ยิง่ ดี
14
ร้จู ักแหลง่ ทม่ี าของแรงตีลกู
นกั เล่นหดั เลน่ ใหมต่ ลี ูกไปสกั พักหน่งึ ก็จะเร่มิ ฉกุ คดิ ขน้ึ มาวา่ ทำไมการตีลูกของตนจึง ไม่มีแรงสง่ อย่าง
ใจนกึ เหวี่ยงแรก็ เก็ตหวดตลี กู เตม็ แรงแล้วลกู ยังไปไม่ถึงหลังให้เรามาช่วยกันคดิ ดวู า่ ทำไมจงึ เปน็ เช่นน้นั
คำตอบก็คือ การตลี กู ในกีฬาแบดมินตนั ไมเ่ หมอื น การตลี กู เทนนิสหรือสคว๊อชเพราะลกู ขนไกม่ นี ้ำหนักเบา
การตลี ูกขนไกใ่ ห้พงุ่ ไปขา้ งหน้าอย่างแรง จงึ ตอ้ งอาศัยจังหวะท่ี สมบูรณผ์ สมผสานกนั ของแรงเหวย่ี งที่มาจาก
แหลง่ ตา่ ง ๆ ของแรงตลี ูกแหล่งทม่ี าของ
แรงตีลกู จำแนกออกไดจ้ าก 3 แหลง่ ใหญ่ คอื
1. แรงท่เี กิดจากการถ่ายเปลี่ยนน้ำหนกั ตวั จากเท้าหลงั ไปส่เู ทา้ หนา้
2. แรงท่เี กดิ จากการเหวีย่ งของลำแขน
3. แรงทีเ่ กดิ จากการตวัดและการสะบัดอย่างแรงของข้อมือ
การตีลูกใหแ้ รงในกฬี าแบดมินตันน้นั จะต้องเกิดจากจังหวะการประสานงานระหว่างแรงเหว่ยี งตีลูก
ของแขน เสริมด้วยแรงตี วดั และแรงสะบัดของข้อมือ หนนุ ด้วยแรงท่เี กดิ จากการเปล่ยี นน้ำหนกั ตัวของฟุตเวิรค์
จากเทา้ หลงั ไปสู่เท้าหน้า ทผ่ี สมผสานกลมกลืนกัน ถา้ การประสานงานขององคป์ ระกอบทงั้ หมดทกี่ ลา่ วมานี้
เกิดผิดจังหวะในช่วงใดชว่ งหนงึ่ การตลี ูกจะมีผลท่ีไมส่ มบูรณ์ ลูกท่พี งุ่ จาก หนา้ แรก็ เกต็ จะไมแ่ รงตามต้องการ
แรงดีดสะบัดของข้อมอื มชี ว่ งเวลาของการดดี ลูกตวดั สัน้ กว่าการเหวี่ยงตีลกู ดว้ ยลำแขน แรงท่ีเกิด การดดี ตวัด
และสะบดั ของข้อมือน้ีจึงมชี ่วงเวลาจำกดั แรงตลี ูกทว่ี ่าน้ีจงึ ต้องนำออกใช้ในเส้ยี ววินาทที ถี่ กู ตอ้ ง ไม่ก่อนหรอื
หลังเกนิ ไป ในจงั หวะท่ี แรก็ เก็ตกระทบตถี กู ลูกขนไก่
แรงดีด ตวัด และสะบัดของข้อมือ นอกจากใช้เสริมแรง ตลี ูกในวินาทีทถ่ี กู ต้องแลว้ ยังมบี ทบาทในการ
บังคับทศิ ทางวง่ิ ของลกู ขนไก่ไปสูเ่ ปา้ หมายตา่ ง ๆ ไดห้ ลากหลาย ความเรว็ ทเี่ กิด จากการดดี ตวัด สะบดั และ
พลิก ขอ้ มอื สามารถทำใหค้ ูแ่ ขง่ ไมอ่ าจจบั ทาง ของลูกท่พี งุ่ ข้ามตาข่ายไปได้ ยากแกฝ่ ่ายตรงข้ามในการเดา
เป้าหมายของลกู เพื่อการตีลกู ท่ีเกดิ จากแรงเหว่ียงสมบรู ณแ์ บบ
ผูเ้ ลน่ ควรเรมิ่ ต้นทฟี่ ุตเวริ ์คกอ่ น สำหรับคนถนัดขวา ก่อนการตลี กู น้ำหนกั ตัวอย่ทู ่เี ทา้ ขวาหลัง ในช่วงท่ี
กำลงั จะตลี ูกนำ้ หนัก ตวั จะเริ่มถ่ายไปสเู่ ท้าซา้ ยหน้า การเปล่ยี นถา่ ยน้ำหนกั ตัวนีจ้ ะดำเนนิ ไปพร้อมกบั แรงตีลูก
ท่มี าอีก 2 แหล่งคอื การเหวีย่ ง และการดีดตวัดสะบดั ขอ้ มอื ให้กลมกลนื เป็นจังหวะเดยี วกัน เมื่อเหว่ยี งตีลูกไป
แลว้ แรงตลี กู ได้ถกู นำออก ใชไ้ ดท้ ัง้ หมด เปน็ แรง ตีลกู ในครั้งเดียวจะเกิดวงสะวงิ ของแรก็ เกต็ หรือเรียกวา่
Follow Through
15
ฟุตเวิรค์ กับจงั หวะของการตีลกู
กีฬาแบดมนิ ตัน เปน็ เกมสท์ ี่ผู้เล่นทง้ั สองฝา่ ยตอ้ งมกี ารเคลอื่ นย้ายตวั วิ่งไล่ตลี กู ตลอดเวลาผเู้ ล่นจึงต้อง
รจู้ ักการวิ่งเข้าออก การประชิดลูกในจงั หวะท่ีถูกต้อง เคลอื่ นย้ายตัวเองไปอยู่ในจุดทีถ่ ูกตอ้ ง ตีลกู ไดถ้ นดั ตดี ว้ ย
ความสะดวก ตลี กู ดว้ ยความงา่ ยดาย และส้ิน เปลือง พลังงานใหน้ อ้ ยท่สี ุด ฟุตเวริ ค์ หรอื จังหวะเทา้ สำหรับการ
เล่นแบดมนิ ตนั มีความสำคญั มากที่สุด ฟุตเวริ ์คที่ดีจะทำใหก้ ารออก ตัวสืบเท้า พาตัวพุ่งไปสู่ทิศทางต่าง ๆ รอบ
สนามกระทำได้ดว้ ยความคลอ่ งแคลว่ และฉับไวเพราะหลักการสำคญั ท่ีสุดใน กฬี าแบดมนิ ตนั สำหรับผเู้ ลน่ ทกุ
คนทเี่ ลน่ เพือ่ ความเปน็ เลิศในระดับแขง่ ขัน จะต้องจำไว้ให้แม่นกค็ อื - จะต้องวิง่ เข้าไปหาลกู เสมอ อยา่ ท้งิ ชว่ ง
ปลอ่ ย ให้ลูกวงิ่ มาหา - จะตอ้ งพงุ่ ตัวเข้าตลี ูกใหเ้ ร็วทสี่ ุด และตีลูกขณะท่อี ยู่ในระดับที่สูงที่สุด เพราะฉะนั้นใน
เกมการเลน่ แบดมนิ ตนั การคาดคะเน (Anticipation) เปา้ หมายการตี กับวิธที างตลี กู ของฝ่ายตรงข้าม จึง
จำเป็นต้องพถิ ีพิถนั เป็นพเิ ศษ
บางครงั้ ยังต้องใชเ้ ทคนคิ การ “ดกั ลกู ” เข้ามาช่วยอีกด้วย โดยเฉพาะอย่างยิง่ การเล่นประเภทคจู่ ะต้อง
อาศัยการ จับทางของคู่ตอ่ ส้ใู หไ้ ดม้ ากทีส่ ดุ เพอ่ื การพงุ่ เขา้ ประชิด ตีลกู ในระดบั บนให้เร็วทสี่ ดุ เทา่ ที่จะทำได้
การตีลกู ในระดับท่สี ูง จะทำใหผ้ ู้เลน่ มีโอกาส “กดลกู ” บีบเกมเล่นใหฝ้ ่ายตรงข้ามตอ้ ง ตกเป็นฝา่ ยตง้ั รับ อกี ทั้ง
ยงั มี “มมุ ลึก” กบั “เป้าหมาย” สำหรับการตีลูกได้มากข้นึ ยิง่ ตลี ูกจากระดบั สงู ไดม้ ากเทา่ ใดย่อมจะมี “มมุ ลกึ ”
ของเป้าหมายได้มากเท่านัน้ เชน่ การกระ โดดตบพรอ้ มท้ังใช้ข้อมอื ตวดั ตีลกู จิก จะทำใหล้ กู สามารถข้ามไปใน
มุมที่ลึกกวา่ การ ตบลูกจากระดบั ธรรมดา ถา้ ทำอยา่ งนี้ได้ จะทำให้ลกู ท่ตี ขี ้ามไปนนั้ เกิดวถิ ลี ูกท่ขี ้ามไป
หลากหลาย ทำให้คตู่ อ่ สู้เดาการเล่นของเราไม่ถกู หรอื คาดการณ์ออกวา่ เราจะสง่ ลูกไปในลักษณะใด ฟุตเวริ ์ค
จงั หวะเทา้ ที่ดี
16
เรม่ิ ตน้ ทีผ่ ้เู ล่นทงิ้ นำ้ หนักตัวบนปลายเทา้ ท้งั สอง หรอื อกี นยั หนึง่ คือ ไม่ควรยนื ดว้ ยการทิง้ น้ำหนักตัว
บนแผน่ เท้าทัง้ สอง ในขณะทย่ี ืนปลายเทา้ ควรวางเท้าทัง้ สองแยกจากกันเล็ก น้อยตามถนดั การยนื ในลกั ษณะ
น้ที ำให้ผูเ้ ล่นพร้อมท่ีจะพงุ่ ตัวออกจากจุดศูนย์กลางอยา่ งฉบั ไว การพุ่งออกไปไมว่ า่ จะไปทางด้านหน้า ด้านหนา้
ซ้ายขวา ด้านข้างซา้ ยขวาหรือด้านหลัง หรอื หลงั ซ้ายขวา ผเู้ ล่นสามารถเคลอ่ื นย้ายตัวไปครอบ คลมุ พ้ืนท่สี นาม
ไดท้ ง้ั หมด จังหวะเทา้ อาจจะซอยถี่ เปน็ ชว่ งสน้ั หรอื ยาวตามแตส่ ถานการณ์
ในกรณที ่ตี ้องวิ่งในระยะทางไกลควรสาวเทา้ เกา้ ยาว เมื่อถงึ จงั หวะ ที่จะเขา้ ประ ชิดลกู ก็อาจจะซอย
ฟุตเวิร์คสั้นลงเพ่ือเสาะ หาจงั หวะการตลี กู ใหก้ บั ตวั ตามถนดั การสบื เท้าเข้าประชดิ ลกู ไมว่ า่ เปน็ กา้ วสน้ั หรือ
กา้ วยาว ควรจะพาตัวเขา้ ใกล้ลูกในระยะใด ผเู้ ลน่ ควรคำนงึ ถงึ ความจรงิ ว่า ถ้าลกู ห่างไกลจากตัวมาก ผ้เู ล่นจะ
เอื้อม ตลี กู ด้วยความ ลำบาก แรงทส่ี ่งมาจากแหลง่ ต่าง ๆ ของการตีลูกไมม่ ีโอกาสได้รวมพลงั ใชอ้ ยา่ งเตม็ ท่ีใน
ทำนองเดียวกนั ถา้ ลูกประชดิ ในระยะใกล้เกนิ ไป วงสะวิงของการเหวีย่ งตลี ูกแคบแขนติดทช่ี ่วงไหล่ กจ็ ะทำให้
แรงตีลูกไม่สามารถนำออก ใช้ได้อย่างมปี ระสิทธิภาพเชน่ กัน ระยะห่าง จากตวั ผู้เลน่ ในขณะทเ่ี ล่นควรจะอยูใ่ น
ระหวา่ ง 2-3 ฟตุ จากลำตวั เป็นระยะที่กวา้ งพอสำหรับการตีลกู ไดอ้ ย่างถนัดและเต็มเหนยี่ ว ฟุตเวิรค์ หรือ
จังหวะเทา้ จะวางอยา่ งไรก็แล้วแต่ ต้องไม่ลืมการตลี กู เบสิคพ้ืนฐาน ลกู หนา้ มือ เท้าซ้ายอยหู่ นา้ เท้าขวาอย่หู ลงั
และลูกหลังมือ เท้าขวาจะอหู่ น้า เทา้ ซา้ ยจะอยหู่ ลัง
(สำหรบั ผเู้ ลน่ ทถี่ นัดขวาถ้าถนัดซา้ ยกส็ ลบั กัน) ฝกึ ฟุตเวิรค์ จงั หวะเท้าไปสักพกั ใหญ่ ๆ ทกุ อย่าง จะดำเนนิ ไป
โดยธรรมชาติ ผเู้ ลน่ จะไม่คำนึงหรอื กังวลเรอื่ งของฟุตเวิร์คอกี เลย
17
ระเภทของการเล่นกฬี าแบดมินตนั
แบดมินตนั มีการเล่นกันอยู่ 5 ประเภท คอื
1. ประเภทชายเดยี่ ว กำหนดการเล่นไว้เกมละ 21 คะแนน
2. ประเภทหญิงเดยี่ ว กำหนดการเล่นไว้เกมละ 21 คะแนน
3. ประเภทชายคู่ กำหนดการเลน่ ไวเ้ กมละ 21 คะแนน
4. ประเภทหญิงคู่ กำหนดการเล่นไวเ้ กมละ 21 คะแนน
5. ประเภทคผู่ สม (ชาย – หญงิ ) กำหนดการเลน่ ไว้เกมละ 21 คะแนน
ประเภทเดีย่ วจะมผี ้เู ลน่ ข้างละ 1 คน และประเภทคู่จะมีผเู้ ลน่ ขา้ ง 2 คน
18
อปุ กรณ์ในการเลน่ แบดมนิ ตนั
ไมแ้ รก็ เกต
ไม้แร็กเกตมีหลายประเภท เชน่ ไม้ลว้ น ๆ ไมผ้ สมโลหะ และโลหะลว้ น ๆ มีขนาดและนำ้ หนักไม่
เทา่ กนั แล้วแตค่ วามเหมาะสมของแตล่ ะบุคคล ไมแ้ ร็กเกตที่ดีตอ้ งขึงเอ็นตงึ ไมไ้ ม่บดิ เบี้ยว เมอื่ เอามือกดเอน็ ไม่
หยอ่ น หรือในการตรวจสอบดวู า่ เอ็นตึงหรือไม่ โดยใช้เอน็ ตฝี ่ามอื ฟงั เสียงเอน็ น้นั หรือใช้หลังเล็บกรดี เอ็นจาก
ลา่ งขึน้ บนแล้วฟังเสียงเอน็ นน้ั เสียงสงู ย่อมหมายถึงตงึ มาก แสดงวา่ ขงึ เอน็ ตึงดแี ล้ว จากการวิจยั และทดสอบมี
ข้อยนื ยนั เกยี่ วกบั ชนิดของเอ็นที่ใช้ขึงแรก็ เกตว่า ขนาดของเอน็ เส้นเลก็ จะมแี รงสปรงิ ดีกวา่ เอ็นเสน้ ใหญ่
ลกู ขนไก่
ลูกขนไกเ่ ป็นอปุ กรณ์สำคญั ชนิ้ หนง่ึ ทท่ี ำขึน้ อย่างละเอียดออ่ น คุณภาพของลกู ขนไก่มีความสำคญั มาก
เพราะหากนำลูกขนไก่ทีด่ อ้ ยคณุ ภาพมาใช้ในการฝึกซอ้ มหรอื แขง่ ขนั อาจเปน็ ผลทำใหก้ ารฝกึ ซ้อมหรือแขง่ ขัน
ไม่ประสบผลเท่าท่คี วร สหพนั ธ์แบดมนิ ตนั นานาชาติ ได้กำหนดให้ลกู ขนไก่ท่ีใชใ้ นการแข่งขัน อาจจะทำดว้ ย
วัสดธุ รรมชาติ หรือวสั ดสุ ังเคราะห์ก็ได้ แตต่ อ้ งมวี ถิ ีการวิง่ เหมอื นวัสดธุ รรมชาตมิ หี วั เป็นไม้คอร์กเป็นฐาน
19
สนาม
สนามจดั เป็นอปุ กรณท์ ่ีสำคัญอีกประการหนึ่ง เนื่องจากกฬี าแบดมนิ ตันได้ววิ ฒั นาการจากกีฬาท่นี ิยม
เล่นกลางแจง้ แตเ่ ดิมเคยใช้สนามหญา้ หรือสนามดิน หรือปูนซเี มนต์มาสคู่ วามเปน็ มาตรฐานที่อยูใ่ นรม่ ตาม
ประวัติสนามทเี่ ปน็ มาตรฐานในร่มแหง่ แรกไดร้ เิ รม่ิ สรา้ งทีส่ โมสรยนู ิต้ี โดยคณุ หลวงธรรมนูญวฒุ กิ ร หรอื นาย
ประวตั ิ ปตั ตพงษ์ ซงึ่ ทา่ นไดร้ บั การยกยอ่ งจากวงการแบดมนิ ตนั วา่ เปน็ บิดาแห่งวงการแบดมินตันไทย ท่านมี
เปา้ หมายเพอ่ื ฝึกผูเ้ ล่นให้เคยชนิ กบั สภาพในร่ม ในระยะแรก ๆ นัน้ สนามแบดมนิ ตนั ในร่มนยิ มทำด้วย
ปูนซีเมนต์ทาสี หรือวสั ดทุ ่ีทำใหเ้ กดิ ความฝดื ตอ่ มาพฒั นาปรับปรงุ เป็นพ้นื ไม้ปารเ์ กตท์ ี่มคี วามสวยงามยดื หยุ่น
และมคี วามฝืดพอสมควร
เสา
เสาแบดมินตันจะต้องมคี วามสงู 5 ฟตุ 1 นวิ้ จากพืน้ สนาม เสาจะตอ้ งมีความมน่ั คง พอท่ีจะรกั ษาตา
ข่ายให้ขงึ ตึงอยู่ได้และจะต้องตั้งอยบู่ นเสน้ เขตข้างสนาม ในกรณที ป่ี ฏบิ ัติดังกลา่ วไมไ่ ด้ จะตอ้ งใชว้ ธิ หี นึ่งแสดง
ใหเ้ หน็ ว่าเส้นเขตข้างอยู่ใต้ตาข่าย ตรงจุดใดก็ได้ เชน่ เสายาว ๆ หรอื หาวัตถุอยา่ งหนึ่งกว้างไมน่ ้อยกวา่ 1.5 นิ้ว
ฟุต ไว้ทเ่ี สน้ เขตขา้ งใหต้ ัง้ ชข้ี นึ้ มา ท่ีตาขา่ ยถ้าใช้วิธีนี้กบั สนามเล่นประเภทคู่ เสายาว ๆ น้ตี ้องปักท่เี สน้ เขตขา้ ง
ของสนาม สว่ นสนามการเล่นประเภทเดี่ยว ก็ปักไวท้ ี่เส้นเขตขา้ งของสนามเหมอื นกัน
20
ตาขา่ ย
ตาข่ายจะตอ้ งทำดว้ ยดายเส้นละเอยี ดสีเข้มและมี ขนาดตาเท่า ๆ กัน มีตากวา้ งยาว 5 ส่วน 8 ฟตุ ตา
ขา่ ยตอ้ งขงึ ใหต้ งึ จากเสาต้นหน่ึงถึงอกี ตน้ หน่งึ ตาขา่ ยต้องกว้าง 2 ฟตุ 6 น้วิ ส่วนบนของตาข่ายต้องอยหู่ ่างจาก
จุดกงึ่ กลางสนาม 5 ฟุต และเสาตอ้ งอยูห่ ่างจากพน้ื สนาม 5 ฟุต 1 นิว้ ตอนบนของตาข่ายตดิ แถบสขี าว พับ
สองขนาดกวา้ ง 3 นว้ิ มีเชอื กหรือเสน้ ลวดตลอดแถบผา้ ขาวนี้และขงึ ตึงอยู่ระดบั กบั หวั เสาทัง้ 2 ข้าง
ความแตกต่างของตาขา่ ยท่ขี งึ ดว้ ยเชอื ก กับเส้นลวดนั้นอยทู่ ก่ี ารสะบดั ของลูกขนไก่ ถ้าเป็นเชือก เม่อื
ลูกขนไกก่ ระทบถกู ขอบบนสดุ ของตาข่ายจะมโี อกาสสะบัดพลิกตาขา่ ย แต่ถ้าเปน็ การขึงด้วยเส้นลวดนนั้ ความ
ยืดหยุ่นมีนอ้ ย ดังนั้นเมือ่ ชนกับลูกขนไก่ท่เี กดิ จากแรงตจี ะไม่คอ่ ยมีโอกาสพลกิ ซึ่งปัจจบุ ันสนามท่เี ปน็
มาตรฐานนยิ มขงึ ดว้ ยลวดสลงิ เปน็ สว่ นมาก และตาข่ายในบางสถานท่ีนิยมใชเ้ สน้ ดา้ ยคู่ ซ่ึงมีสภาพทนทานกวา่
และไม่ผิดกติกาแต่อยา่ งไร
21
กฎกติกาแบดมนิ ตัน
1. การออกนอกเส้น มกี ารกำหนดเส้นออกแต่งต่างกันในกรณีเลน่ เดีย่ วและเล่นคู่
2. การเสิร์ฟลกู ตามกตกิ า ทีถ่ ูกต้อง คอื
3. หัวไมข้ ณะสมั ผัสลูกต้องตำ่ กว่าขอ้ มอื อยา่ งเห็นไดช้ ัด
4. ฃหวั ไม้ขณะสมั ผสั ลูกต้องตำ่ กว่าเอวอยา่ งเหน็ ไดช้ ัด
5. ผเู้ ล่นตอ้ งไมถ่ ่วงเวลา หรือเสรฟิ ช้า หรอื เสริฟ 2 จังหวะ การเสริฟ ตอ้ งเสรฟิ ไปด้วยจงั หวะเดยี ว
6. ขณะเสริ ฟ์ สว่ นใดสว่ นหน่ึงของเทา้ ท้ัง 2 ข้างต้องสมั ผสั พ้นื ตลอดเวลา
7. การเสิรฟ์ ลกู ที่ถูกตอ้ ง ต้องให้แร็กเกต็ สมั ผัสกับหัวลูกกอ่ น หากโดนขนก่อนถอื วา่ ผิดกติกา
8. ขณะตีลูกโตก้ นั หา้ มนำส่วนหนง่ึ ส่วนใดของรา่ งกายหรือไมแ้ บดไปสมั ผสั กับเน็ท
9. ห้ามตีลูกที่ฝงั่ ตรงข้ามโตก้ ลับมาในขณะทล่ี ูกยงั ไมข่ ้ามเนท็ มายงั แดนเรา(Over net)
สหพันธ์ แบดมนิ ตนั นานาชาติ ( IBF) ได้กำหนดให้ ทดลองใชร้ ะบบการนบั คะแนนการแข่งขนั กีฬา
แบดมินตันใหม่ ในระบบ 3 x 21 คะแนน ตง้ั แต่ วันท่ี 1 มกราคม 2549 เป็นตน้ ไป
กติกาการนบั คะแนน
รายละเอียดของกตกิ าการนบั คะแนนมดี งั นี้
1. แมทช์หนงึ่ ตอ้ งชนะให้ไดม้ ากท่ีสุดใน 3 เกม
2. ทกุ ประเภทของการแข่งขนั ฝา่ ยทีไ่ ด้ 21 คะแนนก่อนเป็นฝ่ายชนะในเกมนน้ั ยกเว้นเมอื่ ได้ 20
คะแนนเทา่ กัน ต้องนบั ตอ่ ให้มีคะแนนห่างกัน 2 คะแนน ฝา่ ยใดไดค้ ะแนนนำ 2 คะแนนกอ่ นเปน็ ผู้
ชนะ แตไ่ ม่เกนิ 30 คะแนน หมายความว่า หากการ เล่นดำเนนิ มาจนถึง 29 คะแนนเทา่ กัน ฝา่ ยใด
ได้ 30 คะแนนก่อน เปน็ ผชู้ นะ
3. ถฝา่ ยชนะเปน็ ฝ่ายสง่ ลกู ต่อในเกมต่อไป
4. ฝา่ ยชนะการเสย่ี งสิทธ์เิ ป็นฝ่ายสง่ ลูกได้กอ่ น หากฝา่ ยตรงขา้ มทำลกู "เสยี " หรอื ลูกไม่ได้อยูใ่ นการเลน่
ผ้เู ลือกส่งลกู ก่อน จะได้คะแนนนำ 1-0 และได้สง่ ลูกตอ่ แตห่ ากผู้ส่งลกู ทำลูก "เสยี " หรอื ลกู ไม่อย่ใู น
การเลน่ ฝ่ายตรงขา้ มจะไดค้ ะแนน ตามมาทันทเี ปน็ 1-1 และฝ่ายตรงขา้ มจะได้สทิ ธส์ิ ง่ ลกู แทน
ดำเนินเช่นนีต้ ่อไปจนจบเกม
5. ประเภทคู่ให้ส่งลกู ฝ่ายละ 1 คร้งั ตามคะแนนท่ไี ด้ ขณะท่เี ปลย่ี นฝา่ ยส่งลกู หากคะแนนเปน็ จำนวนค่ี
อยู่คอร์ดดา้ นซ้าย เป็นผสู้ ง่ ลูก หากคะแนนเปน็ จำนวนคูผ่ อู้ ยคู่ อรด์ ด้านขวาเป็นฝา่ ยสง่ ลกู
22
การดิวส์
หากผู้เลน่ ทัง้ สองฝา่ ยทำคะแนนได้เท่ากันในคะแนนที่ 20 จะมกี ารเล่นต่อ จนกว่าวา่ จะมคี ะแนน
มากกว่าฝา่ ยตรงข้าม 2 คะแนน แต่ถ้ายังไมส่ ามารถทำคะแนนห่างกนั 2 แตม้ ได้ จะเลน่ ตอ่ ไปเรื่อยๆ แต่ เมอ่ื
แตม้ ได้ 29 เทา่ กนั ใครท่ที ำได้แตม้ 30 ก่อนจะเป็นฝ่ายชนะ
23
มารยาทการเลน่ แบดมนิ ตันและผชู้ มที่ดี
มารยาทผเู้ ลน่
1. ผแู้ ข่งขนั ต้องตระหนักอยูเ่ สมอว่าผเู้ ขา้ แข่งขนั เปน็ นักกฬี าสมคั รเล่น ซึ่งตอ้ งมีน้ำใจเป็นนกั กีฬาอยู่เสมอ
และพร้อมท่จี ะใหอ้ ภยั แกความผดิ พลาดทกุ โอกาส โดยไม่คำนึงถงึ ผลแพช้ นะเป็นสำคัญจนเกนิ ไป
2. ผเู้ ข้าแขง่ ขันแต่งกายด้วยชุดกีฬาสีขาว สะอาด เรยี บร้อย
3. ยิ้มแย้มแจม่ ใสต่อคู่แขง่ ขนั แสดงออกถึงมติ รภาพความสุภาพ อ่อนโยนดว้ ยการสมั ผัสมอื หรือเปิด
โอกาสให้คูแ่ ข่งขนั ได้วอรม์ รวมทัง้ ไมเ่ อาเปรยี บคู่ต่อส้หู รอื คู่แข่งขันในการเสี่ยง ให้โอกาสคตู่ ่อสูเ้ ปน็
ผนู้ ำการเลอื กเสย่ี งกอ่ น
4. ไมแ่ สดงกริยาทไี่ มด่ เี ม่อื ทำเสยี เอง ดว้ ยท่าทางหรอื คำพูด รวมทง้ั การกลา่ วตำหนผิ ้เู ลน่ ฝ่ายเดียวกัน
5. ใช้คำพูดทสี่ ภุ าพในการแข่งขนั
6. การถามข้อสงสยั หรือถามคะแนนต่อผู้ตัดสนิ ในระหว่างการแขง่ ขนั ควรจะใช้ถ้อยคำท่สี ภุ าพ
7. การอุทธรณค์ ำวินิจฉยั ของผตู้ ดั สิน กเ็ ป็นอกี เรื่องหนง่ึ ทผ่ี แู้ ขง่ ขันควรจะใช้ถ้อยคำทร่ี ะมัดระวัง และเมอื่
ได้ทำการอทุ ธรณ์แล้ว ผอู้ ุทธรณ์ตอ้ งอยู่ในความสงบ และพรอ้ มทจ่ี ะทำการแขง่ ขันตอ่ ไปได้ และเม่อื ผู้
ตัดสนิ ชีข้ าดอย่างไรก็ต้องปฏิบัตติ ามด้วยความเตม็ ใจ
8. เม่อื ขณะดำเนนิ การแข่งขนั อยูห่ ากจะหยุดพัก เช่น ขอเชด็ เหงอ่ื ดม่ื นำ้ เปลี่ยนแรก็ เกต เปล่ียนรองเทา้
ถุงเทา้ ฯลฯ ตอ้ งขออนุญาตผู้ตัดสินทุกครัง้ เมื่อไดร้ ับอนญุ าตแิ ลว้ จึงปฏบิ ัตไิ ด้
9. ในการสง่ ลกู เสยี ไปให้คูต่ อ่ สจู้ ะตอ้ งสง่ ลกู ข้ามตาข่ายไปใหเ้ สมอ การสง่ ลกู ลอดใตต้ าขา่ ยไปให้คู่ต่อสถู้ ือ
วา่ เป็นการเสยี มารยาทอยา่ งรนุ แรง
10. ในระหว่างการแขง่ ขัน ถา้ ผตู้ ัดสนิ ทำหน้าทีผ่ ิดพลาดแต่เราอย่ใู นฐานะไดเ้ ปรยี บไม่ควรใช้ความได้เปรยี บ
นน้ั เป็นประโยชน์
24
11. การตลี ูกเสยี นักกีฬาท่ีดีตอ้ งร้องออกมาดงั ๆ วา่ "เสีย" โดยไม่ตอ้ งรอให้ผ้ตู ดั สินร้องออกมากอ่ น แต่ถ้า
ผู้ตดั สินดูไมท่ นั ผู้ตีลกู เสยี ไมค่ วรจะฉวยโอกาสเล่นต่อไปดว้ ย เพราะการฉวยโอกาสเช่นน้ีเปน็ การ
กระทำท่ไี ม่สจุ ริต
12. เมอื่ การแขง่ ขันเสรจ็ สน้ิ ลง ถ้าเราเป็นฝา่ ยชนะจะต้องไมแ่ สดงความดีใจจนเกินควร ตอ้ งเข้าไปจบั มอื
คูแ่ ขง่ ขันทันทพี รอ้ มแสดงความเสียใจ ถ้าเป็นฝ่ายแพไ้ มค่ วรจะแสดงอารมณฉ์ นุ เฉียวต้องควบคุม
อารมณ์ และรีบไปแสดงความยินดกี ับคแู่ ขง่ โดยทันทเี หมือนกนั
13. ยอมรบั และเชอื่ ฟังการตดั สินโดยไมโ่ ตแ้ ยง้ และเมือ่ เสร็จสิ้นการแขง่ ขนั ควรแสดงความเคารพผตู้ ัดส้ิน
14. ในสนามที่มีผมู้ ารอเลน่ อย่มู าก และไมใ่ ช่การแขง่ ขัน ไมค่ วรเลน่ กันนานจนเกินไป ควรเปิดโอกาสให้
ผู้อ่นื ได้เลน่ บา้ ง
มารยาทผู้ชม
1. แตง่ กายใหส้ ภุ าพ เรยี บรอ้ ย เป็นการให้เกียรติแก่การแขง่ ขันน้นั ๆ
2. ให้เกยี รติแกน่ ักกฬี าทัง้ 2 ฝา่ ย ด้วยการปรบมือเมื่อมีการแนะนำคูแ่ ขง่ ขัน
3. ไม่กลา่ ววาจาไมส่ ุภาพ และไมเ่ ชยี ร์ฝ่ายใดฝ่ายหนึง่ จนไมน่ ่าดู
4. ขณะการแข่งขนั ยังดำเนินอยู่ไมค่ วรรบกวนสมาธิของผูแ้ ขง่ หรอื ผู้ชมด้วยกัน
5. การน่ิงเงียบ ในขณะทน่ี ักกีฬากำลังเล่นถือวา่ เป็นมารยาทของผู้ชมท่ีดี
6. ควรปรบมือเมอ่ื ผู้เลน่ ฝา่ ยใดฝ่ายหนงึ่ เล่นได้ดี สวยงาม และกระทำเมอ่ื ลกู ไมไ่ ด้อยู่ในการเล่น
7. ไมแ่ สดงออกด้วยกิริยา หรอื วิพากษว์ จิ ารณก์ ารตดั สนิ ของกรรมการ ขณะทำการแข่งขัน แมว้ า่ จะมี
ขอ้ ผิดพลาด
8. เม่อื การแข่งขนั สิน้ สดุ ลง ควรปรบมอื เป็นเกยี รติแกน่ ักกีฬาทั้งสองฝ่าย
มารยาทผูต้ ัดสิน
1. เมื่อเข้าสู่สนามแข่งขนั ตอ้ งแตง่ กายใหถ้ กู ต้องตามลกั ษณะของการเป็นผู้ตัดสนิ เครอื่ งแต่งกายต้อง
ประณตี และสะอาด วางตวั ในลกั ษณะสุภาพออ่ นนอ้ ม แตส่ ำรวมไมห่ ลอกล้อกบั ผ้หู นงึ่ ผู้ใด แสดงออก
ถึงอาการทจี่ ะให้ความรว่ มมือกับผู้อนื่ ด้วยท่าทกี ระฉับกระเฉง ไมใ่ ชป่ ระหมา่ หรอื ลกุ ล้ลี กุ ลน
2. ระหว่างการแข่งขนั หลีกเล่ียงการพบปะสนทนากบั ผูเ้ ล่น ผู้ฝึกสอน ตลอดจนผคู้ ุน้ เคยอื่น ๆ พยายาม
ต้ังใจจริงในการปฏิบตั หิ น้าที่ในการตัดสิน ตดั สนิ ใจด้วยความเด็ดขาดถูกต้อง แสดงออกถงึ ความมี
น้ำใจเปน็ นักกีฬา ไมแ่ สดงอารมณ์ออกมา ควรใช้วาจาเฉพาะในส่งิ ที่จำเป็นพดู เฉพาะหลกั การเท่าน้ัน
เพ่ือสร้างความเชื่อมน่ั แกผ่ ฟู้ ัง และไมค่ วรโตเ้ ถยี งกับผใู้ ดผ้หู นง่ึ ซงึ่ จะเปน็ การลดฐานะของตนเอง อนั
เป็นการทำใหเ้ สอ่ื มศกั ดศิ์ รี และเป็นการนำไปสกู่ ารทะเลาะวิวาทหรือทำให้เกิดคบั ข้องขุ่นเคืองใจได้
25
3. เมื่อจบการแขง่ ขนั หลงั จากตรวจใบนับคะแนนเรยี บรอ้ ยแลว้ ควรรบี ออกจากสนามแข่งขันทนั ที ไม่
ควรรีรออยเู่ พอื่ ขออภยั ในความผดิ พลาดในการตดั สนิ หรือเพอ่ื แสดงความยนิ ดหี รอื เสยี ใจตอ่ ค่แู ขง่ ไม่
ควรแสดงความคิดเหน็ ใด ๆ เกีย่ วกับปัญหาต่าง ๆ ท่มี กี ารถกเถยี งกัน ในกรณที ม่ี ผี สู้ ่ือข่าวขอสัมภาษณ์
ควรให้ความร่วมมอื ด้วยอัธยาศยั อนั ดี โดยช้แี จงอย่างเปน็ ธรรมและเหมาะสมในขอบเขตของการเป็นผู้
ตัดสนิ แต่ไมค่ วรแสดงความคิดเห็นทีซ่ ้ำเติม หรอื กา้ วกา่ ยหนา้ ทีข่ องผู้อื่น
26
ประโยชน์ของกีฬาแบดมินตัน
แบดมินตนั ก็เชน่ เดยี วกับกฬี าชนดิ อนื่ ๆทีม่ ีประโยชน์มากสำหรบั ผู้เล่น ซง่ึ สามารถสรปุ ไดเ้ ปน็ ขอ้ ๆ ดังน้ี
1. ทำใหม้ พี ลานามัยสมบูรณแ์ ขง็ แรงท้งั ร่างกายและจติ ใจ
2. ทำใหม้ ีสายตาและการเคล่อื นไหวที่รวดเร็ววอ่ งไว
3. ทำใหเ้ ป็นผู้ทมี่ กี ารคาดการณล์ ่วงหน้าได้
4. ทำใหเ้ ป็นผทู้ ส่ี ามารถตัดสนิ ใจได้อยางรวดเรว็ ทันเวลา
5. ทำให้รู้จกั แบ่งหนา้ ทแี่ ละรกั ษาหน้าท่ี มีการรว่ มมอื กับผูอ้ นื่ ได้ดี
6. สามารถเขา้ กบั คนอ่นื ได้ และมมี นุษย์สมั พนั ธ์ท่ีดี
7. ทำให้เปน็ ผ้ทู ีม่ ีน้ำใจเป็นนักกีฬารแู้ พร้ ้ชู นะ และรู้จกั ให้ ทำใหเ้ ป็นผทู้ ร่ี ู้จักใชเ้ วลาวา่ งใหเ้ ปน็ ประโยชน์
27
บรรณานุกรม
https://www.nanitalk.com/interesting-story/15105
https://rositacorrer.com/%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E
0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B9%80%E0
%B8%9B%E0%B9%87%E0%B8%99%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0
%B8%B0%E0%B8%9B%E0%B8%A3/
https://sites.google.com/site/ebetmintan/home/xupkrn-ni-kar-len
http://www.digitalschool.club/digitalschool/health4-6/health4_2/Health_Edu/9-5.php
https://sites.google.com/site/wwwbaetmintancom/prawati-bae-tmin-tan/ktika-khxng-
baedmintan/maryath-kar-len-baedmintan
https://watchclassic.wordpress.com/%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%82%E0
%B8%A2%E0%B8%8A%E0%B8%99%E0%B9%8C%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0
%B9%80%E0%B8%A5%E0%B9%88%E0%B8%99%E0%B8%81%E0%B8%B5%E0%B8%AC%E0
%B8%B2%E0%B9%81%E0%B8%9A%E0%B8%94/