The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

เพิ่มข้อความในส่วนเนื้อหาเล็กน้อย (2)

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by , 2022-03-20 11:00:22

ท่องเที่ยวตามรอย หลวงปู่ทวด

เพิ่มข้อความในส่วนเนื้อหาเล็กน้อย (2)

คำนำ

สำนักงานพัฒนาชุมชนอำเภอสทิงพระ จังหวัดสงขลา ได้ดำเนินการโครงการส่ง
เสริมการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์และวัฒนธรรม ปี 2565 ขึ้น เพื่อพัฒนาชุมชน
ท่องเที่ยว OTOP นวัตวิถี ให้มีศักยภาพในด้านการบริหารจัดการด้านการท่อง
เที่ยวใช้กระบวนการขับเคลื่อนงานด้านการท่องเที่ยวมาเป็นเครื่องมือในการ
พัฒนาชุมชนเพื่อให้เกิดรายได้ โดยใช้แนวทางการจัดนิทรรศการแบบกระจายที่
ผู้ชมได้ลงมือปฏิบัติด้วยตนเอง (Decentralized Hands On Exhibition : D-
Hope) ในพื้นที่ตำบลดีหลวง มีผู้ประกอบการชุมชนที่สมัครใจเข้าร่วมโครงการฯ
จำนวน 10 ผู้ประกอบการ สามารถถ่ายทอดประสบการณ์จนกลายเป็น
โปรแกรมท่องเที่ยวที่หลากหลายน่าสนใจ ทุกโปรแกรมมุ่งเน้นให้นักท่องเที่ยวได้
ร่วมลงมือปฏิบัติ รวมทั้งเส้นทางท่องเที่ยวภายในตำบลดีหลวง ในการจัดทำ
เอกสารส่งเสริมการท่องเที่ยวของผู้ประกอบการชุมชน (Champ) มีจุดมุ่งหมาย
เพื่อเผยแพร่ ประชาสัมพันธ์ และสร้างการรับรู้แก่นักท่องเที่ยวให้ได้รู้จัก
โปรแกรมการท่องเที่ยวและหาโอกาสเข้าไปสัมผัสวิถีชีวิต ประเพณี วัฒนธรรม
และร่วมเปิดประสบการณ์แปลกใหม่ผ่านโปรแกรมการท่องเที่ยวของผู้ประกอบ
การชุมชน (Champ)

สำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดสงขลา
มีนาคม 2565

ข้อมูลทั่วไป




ตำบลดีหลวง อำเภอสทิงพระ เป็นชุมชนที่มีประวัติศาสตร์ตามตำนานการตั้ง

ถิ่นฐานที่มีความเชื่อว่าเมื่อก่อนบริเวณ “วัดกะดีหลวง” หรือ “กุฎีหลวง”

(ปัจจุบันคือวัดดีหลวง) ที่ดินบริเวณนี้จะเป็นดินสีขาว ไม่มีหญ้าหรือต้นไม้ขึ้น

ปกคลุมเลยแต่บริเวณโดยรอบจะมีหญ้าและต้นไม้ขึ้นคลุมทั่วไป ซึ่งเป็นที่

อัศจรรย์แก่ผู้พบเห็น และเลื่องลือไปถึงพระชายาของเจ้าเมืองนคร ได้เดินทาง

มาชมยังบริเวณนี้ และเห็นว่าเป็นบริเวณที่แปลก จึงให้ชาวบ้านสร้างเจดีย์ก่ออิฐ

เรียกว่า “เจดีย์หลวง” ไว้หน้ากุฎีหลวง แต่ปัจจุบันเจดีย์องค์นี้ได้พังไปแล้ว และ

ต่อมาเมื่อมีการแบ่งเขตการปกครอง ชาวบ้านจึงเรียกกันสั้น ๆ ว่า “บ้านดีหลวง”

และเรียกเป็นชื่อ “ตำบลดีหลวง”จนถึงปัจจุบัน

ตำบลดีหลวง อำเภอสทิงพระ เป็นสถานที่เกิดของหลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเล

จืด โดยนายหู และนางจัน ได้นำรกของเด็กชายปู (ชื่อเมื่อตอนเด็กของหลวง

ปู่ทวด) ไปฝังไว้บริเวณใต้ต้นเลียบ ซึ่งปัจจุบันเป็นต้นไม้ที่สำคัญและนับถือของ

คนในชุมชน อยู่ที่วัดต้นเลียบ สำหรับวัดดีหลวง เป็นสถานที่บรรพชาสามเณร

และเป็นสถานที่ศึกษาเล่าเรียนของหลวงปู่ทวดในวัยเยาว์ ชาวบ้านที่นี่ต่าง

เลื่อมใสศรัทธาหลวงปู่ทวด

ประวัติความเป็นมาของหลวง
ปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืด
(สมเด็จเจ้าพะโคะ)



กำเนิดเด็กชายปูและลูกแก้วคู่บารมี

เมื่อ 400 กว่าปีมาแล้ว ในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลายแผ่นดินของพระมหา
ธรรมราชา ได้มีทารกเพศชายผู้หนึ่งถือกำเนิดจากครอบครัว ของนายหู นางจันทร์
ณ บ้านสวนจันทร์ เมื่อวันศุกร์ เดือนสี่ ปีมะโรง พุทธศักราช ๒๑๒๓ หลังจากทารก
คลอด นายหู ได้นำรกมาฝังไว้บริเวณโคนต้นเลียบ (ปัจจุบันเป็นที่ตั้งของวัดต้น
เลียบ ตำบลดีหลวง อำเภอสทิงพระ จังหวัดสงขลา) นายหู นางจันทร์ เห็นบุตรชาย
มีท่าทางแคล่วคล่องว่องไว เหมือนจับปูใส่กระด้ง จึงให้ชื่อบุตรชายว่า “เด็กชายปู”

ในห้วงเวลานั้นเป็นฤดูกาลเก็บ

เกี่ยวเศรษฐีปานได้เกณฑ์ลูกหนี้ทั้ง

หลายไปเกี่ยวข้าว รวมถึง

ครอบครัวของ นายหู นางจันทร์ จึง

นำลูกน้อยไปด้วยและได้ผูกเปลไว้

ที่บริเวณทุ่งนาใต้ต้นมะม่าว

เมื่อกลับขึ้นมาจากนาก็เห็นเหตุ

อัศจรรย์เมื่อมีงู

บองหลา หรืองูจงอางตัวใหญ่มาขด

พันอยู่รอบเปลที่ทารกน้อยนอน

หลับอยู่ สร้างความตกใจให้กับนาย

หู นางจันทร์เป็นอย่างมาก ทั้งสอง

ได้ร้องเรียกเพื่อนบ้านให้มาช่วยไล่

งู เมื่อทุกคนเห็นพญางูมีขนาดใหญ่

กว่าที่คิดไว้ก็ไม่กล้าไล่

ทั้งสองจึงรีบหาดอกไม้บริเวณรอบ ๆ เศรษฐีปานเห็นนายหู นางจันทร์ มี
มาขอขมาลาโทษ สักการบูชา และ ความเจริญรุ่งเรืองหลังจากได้ลูกแก้วมา
บนบานสารกล่าวต่อเทพยดาให้ปกปัก ครอบครอง จึงได้ขอลูกแก้วจากนายหู
คุ้มครองลูกของตน หลังจากนั้นพญางู นางจันทร์ โดยแลกกับหนี้สินทั้งหมด
จึงคลายลำตัวออกจากเปลเด็กน้อย เลื้อย ของนายหู
หายไป ต่อมาเมื่อพญางูจากไปแล้ว นาย นางจันทร์ แต่เมื่อเศรษฐีปานได้ลูกแก้ว
หู นางจันทร์ รวมทั้งเพื่อนบ้านต่างพากัน มาครอบครองกลับทำให้ชีวิตของตน
มาที่เปลด้วยความห่วงใยทารก ก็ปรากฏ ประสบแต่เหตุร้าย พี่น้องล้มตาย ไฟ
ว่าที่อกของลูกชายมีฟองน้ำลายพญางูอยู่ ไหม้ยุ้งฉาง จึงได้นำลูกแก้วคืนกลับให้
จึงเอามือไปปัดปรากฏว่ามีลูกแก้ววางอยู่ นายหู นางจันทร์ ทั้งสองท่านมิกล้าเก็บ
(ซึ่งต่อมากลายเป็นลูกแก้วคู่บารมีหลวง รักษาลูกแก้วไว้เนื่องจากเห็นอานุภาพ
ปู่ทวด) นายหู นางจันทร์ จึงเก็บรักษาไว้ ของลูกแก้ว จึงได้นำไปฝากไว้กับสมภาร
นับแต่บัดนั้นฐานะความเป็นอยู่การทำมา จวง (หลวงลุงของหลวงปู่ทวด) เจ้า
หากินก็เจริญรุ่งเรืองขึ้นเป็นลำดับ อาวาสวัดดีหลวงให้ดูแลรักษาลูกแก้ว

เมื่อเด็กชายปู อายุได้ 7 ขวบ มีอาการงอแงร้องไห้บ่อยขึ้น นายหู นางจันทร์จึงพาไป
หาสมภารจวง เมื่อมาอยู่ในวัดดีหลวง เด็กชายปูก็มีความร่าเริง แจ่มใส สมภารจวงจึง
ให้อยู่เป็นเด็กวัดเพื่อศึกษาเล่าเรียนที่วัดดีหลวงและได้บวชเป็นสามเณรที่วัดดีหลวง
เมื่ออายุ 14 ปี จากนั้นได้ศึกษาต่อที่วัดสีหยังและได้เดินทางไปศึกษาต่อที่วัดเสมา
เมืองจังหวัดนครศรีธรรมราช จนอายุครบ 21 ปีบริบูรณ์ จึงทำการอุปสมบทที่คลอง
ท่าแพ จังหวัดนครศรีธรรมราช และได้ฉายาทางพระภิกษุว่า “สามีราโม ธมฺมิโก
(สามีราโม)” และได้เดินทางไปศึกษาต่อที่กรุงศรีอยุธยา ระหว่างเดินทางในครั้งนั้น
เดินทางด้วยเรือสำเภาเมื่อเดินทางไปถึงน่านน้ำจังหวัดชุมพร เรือไปติดพายุอยู่เป็น
ระยะเวลา 7 วัน ทำให้เสบียงอาหารที่เตรียมไปก็หมดลง คนบนเรือจึงโทษว่าเป็น
เพราะพระภิกษุสามีราโมรูปนี้จึงทำให้เกิดเหตุอาเพศ หลังจากนั้นตกลงกันว่าจะนำ
ท่านลงเรือเล็ก เพื่อจะให้เดินทางไปแต่เพียงลำพัง ท่านจึงได้โอกาสในการสร้าง
อภินิหารเหยียบน้ำทะเลจืดสำหรับดื่ม ช่วยชีวิตคนบนเรือไว้ และทำให้การเดินทาง
ครั้งนั้นเดินทางไปสู่กรุงศรีอยุธยาอย่างสะดวกปลอดภัย และได้ไปอยู่ที่วัดแคราชานุ
วาส

ต่อมาท่านได้มีโอกาสไปช่วยบ้านเมืองของกรุงศรีอยุธยาไว้ถึง 2 ครั้ง 2 ครา
ครั้งที่ 1 ตอนแก้ปริศนาธรรมในการท้าพนันของกษัตริย์ศรีลังกา โดยการนำของ
พราหมณ์ 7 คนนำอักขระบาลี 84,000 ตัว มาท้าพนัน อีกครั้งหนึ่งท่านได้ช่วยบ้าน
เมืองโดยการเอานำเอาลูกแก้วคู่บารมีมาทำน้ำมนต์ประพรมตามบ้านเรือนจนหาย
จากโรคระบาดในที่สุด ภายหลังท่านได้ถูกรับแต่งตั้งให้เป็น “สมเด็จพระราชมุนี สามี
รามคุณูปมาจารย์” มีตำแหน่งเทียบเท่าพระสังฆราชที่ปกครองกรุงศรีอยุธยา แต่
ท่านรับตำแหน่งได้ไม่นาน ท่านก็คืนกลับและเดินธุดงค์กลับสู่มาตุภูมิ เดินทางธุดงค์
เรื่อยมาจนถึงวัดดีหลวงเห็นวัดพะโคะชำรุดทรุดโทรมเป็นอันมาก จึงขอพระราชทาน
การบูรณะจากสมเด็จพระเอกกาทศรถ เมื่อทรงทราบ ทรงยินดีและอนุโมทนาเป็น
อย่างยิ่ง โปรดให้นายช่างผู้ชำนาญ ๕๐๐ นาย และทรงพระราชทานสิ่งของต่าง ๆ
และเงินตราเพื่อการนี้เป็นจำนวนมาก ใช้เวลาประมาณ ๓ ปี จึงแล้วเสร็จ หลังจาก
นั้นท่านก็ได้จำพรรษาอยู่ที่วัดพะโคะชาวบ้านจึงเรียกท่านว่า “สมเด็จเจ้าพะโคะ”

อีกคราวหนึ่งมีภัยโจรสลัดชาวจีนเข้าคุกคามในพื้นที่ เขตชุมพล (ตำบลชุมพล
อำเภอสทิงพระ จังหวัดสงขลา ในปัจจุบัน) ท่านก็ได้เดินทางมาเยี่ยมด้วยความ
เป็นห่วงญาติโยม เหตุนั้นจึงทำให้ท่านถูกจับขึ้นเรือเพื่อเป็นตัวประกันในทางใน
การเดินทางขึ้นไปของโจรสลัด เรือก็ไปติดพายุเช่นกันกับครั้งแรก ท่านก็ได้มี
โอกาสสร้างอิทธิปาฏิหาริย์ด้วยการเหยียบน้ำทะเลจืดช่วยชีวิตโจรจีนเอาไว้เป็น
ครั้งที่ 2 หลังจากนั้นโจรจีนก็สำนึกผิดและนิมนต์ท่านกลับมาส่งยังฝั่ ง ท่านได้เดิน
ทางจากชายฝั่ งทะเลและมุ่งหน้าสู่วัดพะโคะ ระหว่างทางได้แวะพักที่ต้นยางต้น
หนึ่งและได้นำไม้เท้าไปทิ้งไว้กับต้นยาง ต้นยางต้นนั้นก็เกิดกิ่งคดงอตะปุ่มตะป่ำ
เหมือนกับไม้เท้าของท่าน ชาวบ้านจึงเรียกขนานนามต้นยางต้นนี้ว่า “ต้นยางไม้
เท้า”

ลูกไฟแปลกประหลาด

เมื่อท่านมาอยู่วัดพะโคะ ไม่นาน
นักได้มีสามเณรรูปหนึ่งชื่อว่า
“สามเณรบุญรอด” ได้นำดอก
มณฑาสวรรค์มามอบถวาย ท่านก็
รับดอกมณฑาสวรรค์ของสามเณร
รูปดังกล่าว และได้มาประทับรอย
ฝ่าพระบาทไว้ที่แผ่นหินที่วัดพะโคะ
ชาวบ้านเชื่อกันว่าเป็นรอย
พระพุทธบาทของหลวงปู่ทวด ที่
เหยียบไว้เป็นประจักษ์พยานให้กับ
ลูกหลานและพาสามเณรรูปนั้นเข้า
กุฏิและเงียบหายไปตั้งแต่ค่ำคืนนั้น

ในค่ำคืนเดียวกันมีคนเห็นลูกไฟ
แปลกประหลาด 2 ดวง ลอยขึ้นจาก
วัดพะโคะ แล้วก็ค่อย ๆ ลอยวนเจดีย์
3 รอบและลอยหายไปทางทิศตะวัน
ออก นับตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมาไม่มี
ใครพบเห็นสมเด็จเจ้าพะโคะ หรือ
หลวงปู่ทวดอีกเลย ยังเหลือแต่เรื่อง
ราวของลูกไฟแปลกประหลาดที่ยัง
เป็นความกล่าวขานและเล่ากันมาว่า
เมื่อใดที่พบเห็นลูกไฟแปลประหลาด
ก็ถือว่านี่คือสมเด็จเจ้าพะโคะ
ลงมาเยือนถิ่นกำเนิดและก็จะมีพิธี
สมโภชสมเด็จเจ้าเกิดขึ้นในวัน
พฤหัสบดีถัดไปด้วยการทำขนมโค
มากราบไหว้ตามวัดต่างๆในชุมชน



วัดต้นเลียบ กับความเชื่อทางด้าน
รากฐานชีวิตที่มั่นคง

วัดต้นเลียบ สถานที่ฝังรกของหลวง
ปู่ทวด ย้อนกลับไปเมื่อ 400 กว่าปี
นายหู กับ นางจันทร์ ได้ให้กำเนิดบุตร
ชายและนำรกของบุตรชายมาฝังไว้ที่
โคนต้นเลียบ เมื่อเห็นอากัปกิริยาของ
บุตรชายคืบคลานว่องไวเหมือนจับปู
มาใส่ในกระด้ง จึงตั้งชื่อบุตรชายว่า
“เด็กชายปู” สถานที่แห่งนี้จึงเปรียบ
เสมือนบ้านเกิดของหลวงปู่ทวด

สถานที่แห่งนี้ได้พัฒนาจากศาสน
สถาน มาเป็นที่พักสงฆ์ พัฒนามาเป็น
สำนักสงฆ์ โดยพระอาจารย์จำเนียร
และต่อมาได้พัฒนาเป็น “วัดต้นเลียบ”
เมื่อปี พ.ศ.2559 หากได้มากราบไหว้
สักการบูชาสถูปที่ฝังรกของหลวง
ปู่ทวดที่วัดต้นเลียบจะช่วยเสริมสร้าง
บุญบารมีและเป็นมงคลแห่งชีวิต ใน
ด้าน “รากฐานชีวิตที่มั่นคง”

“ต้นเลียบ” ต้นนี้ที่อยู่ที่วัด เป็นที่เคารพศรัทธาของชาวบ้าน จึงเรียกว่า “วัดต้น
เลียบ” ผู้ที่เดินทางมาที่วัดแห่งนี้ จะเก็บ “ใบเลียบ” ที่ล่วงตกลงมาจากต้นแล้วเป็น
“ใบหงาย” เพื่อเป็นสิริมงคลไว้ป้องกันภัยอันตรายอันตรายต่าง ๆ เชื่อกันว่าใบ
เลียบที่หงายเมื่อมีใครเจ็บไข้ไม่สบายก็สามารถหายจากอาการเจ็บป่วยได้ เป็น
เรื่องราวแห่งความเชื่อความศรัทธา โดยความเชื่อดั้งเดิมของชุมชนชาวบ้านแห่งนี้
จะมีการสมโภชสมเด็จเจ้าพะโคะ (หลวงปู่ทวด) หลังจากเห็นดวงไฟ 2 ดวง ที่ทุก
คนเชื่อกันว่าเป็นสมเด็จเจ้าพะโคะ (หลวงปู่ทวด) ล่องลอยมาปรากฏให้เห็น จะทำ
พิธีสมโภชในวันพฤหัสบดีถัดไป โดยนำขนมโคและปิ่ นโตมาสมโภชที่วัดแห่งนี้หรือ
วัดใกล้เคียง

ภายในวัดแห่งนี้ยังมีวิหารที่ประดิษฐานของรูปปั้ นหลวงปู่ทวดองค์ใหญ่ที่มี
ความสวยงาม หากต้องการจะให้ชีวิตอยู่เย็นเป็นสุข ต้องมาที่ศาลาแห่งนี้และ
กราบสักการะหลวงปู่ทวดอีกสถานที่สำคัญของวัดต้นเลียบ คือวิหารที่ประดิษฐาน
รูปเคารพของทวดหูทวดจันทร์ซึ่งเป็นบิดา มารดาของหลวงปู่ทวด นอกจากนั้นยัง
มีสรีระร่างกายของหลวงปู่จำเนียร อดีตเจ้าอาวาส ซึ่งท่านรู้วันมรณภาพล่วงหน้า
และท่านได้เขียนพินัยกรรมเอาไว้เมื่อปี พ.ศ. 2538 ว่า อีกหนึ่งปีท่านจะมรณภาพ
เมื่อวันอาทิตย์ก่อนเข้าพรรษา และห้ามเผาศพ ให้เก็บศพท่านไว้ ศพจะไม่เน่า
เปื่ อย แต่ไม่มีใครเชื่อ พอถึงวันอาทิตย์ก่อนเข้าพรรษา ปี พ.ศ. 2539 ท่านก็
มรณภาพจริงจึงได้เก็บศพไว้ตามพินัยกรรมที่ท่านเขียนเอาไว้ จนถึงปัจจุบัน

สำนักสงฆ์นาเปล

กับความเชื่อทางด้านสุขภาพแข็งแรง การเลี้ยงลูกง่าย

ที่เรียกว่า “นาเปล” เล่ากันว่า เมื่อครั้งที่หลวงปู่ทวดยังเป็นเด็กชายปู วันหนึ่ง

เศรษฐีปานได้เกณฑ์ลูกหนี้ทั้งหลายไปเกี่ยวข้าวรวมถึงครอบครัวของนายหู นาง

จันทร์ ทั้งสองจึงนำลูกน้อยไปด้วยและได้ผูกเปลไว้ใต้ต้นมะม่าวบริเวณทุ่งนาแล้ว

ลงไปทำนา เวลายามบ่ายแก่ๆ เมื่อกลับขึ้นมาจากนาก็เห็นเหตุอัศจรรย์เมื่อมีงูบอง

หลา หรือพญางูจงอางตัวใหญ่มาขดพันอยู่รอบเปล สร้างความตกใจให้กับนายหู

นางจันทร์เป็นอย่างมาก ได้ร้องเรียกเพื่อนบ้านมาช่วยไล่งู ทุกคนเห็นพญางูมี

ขนาดใหญ่กว่าที่คิดไว้ก็ไม่กล้าไล่ ทั้งสองจึงรีบหาดอกไม้บริเวณรอบ ๆ มาขอขมา

เทพยดาให้ปกปักคุ้มครองลูกของตน หลังจากนั้นพญางูจึงคลายลำตัวออกจาก

เปลน้อย เลื้อยหายไป ต่อมาเมื่อพญางูจากไปแล้ว นายหู นางจันทร์รวมทั้งเพื่อน

บ้านต่างพากันมาที่เปลด้วยความห่วงใยทารก ก็ปรากฏว่าที่อกของลูกชายมี

ฟองน้ำลายพญางูอยู่ จึงเอามือไปปัดป้องต่อมาได้แข็งตัวเป็นลูกแก้ว (ซึ่งต่อมาก

ลายเป็นลูกแก้วคู่บารมีหลวงปู่ทวด)

ปัจจุบันที่สำนักสงฆ์นาเปล มีการสร้างปฏิมากรรมปูนปั้ นจำลองเหตุการณ์เมื่อครั้ง

พญางูตัวใหญ่มาพันอยู่รอบเปลเด็กชายปู และคายแก้วคู่บารมี สถานที่แห่งนี้หาก

ได้มากราบไหว้สักการะจะช่วยเสริมสร้างบุญบารมีและเป็นมงคลต่อชีวิตในด้าน

“เลี้ยงลูกง่าย เป็นเด็กดี และสุขภาพแข็งแรง”

วัดดีหลวง เมื่อเด็กชายปู อายุได้ 7 ขวบ มีอาการ
งอแง ร้องไห้บ่อยขึ้น พ่อแม่ก็เลยพาไป
วัดดีหลวง กับความเชื่อทางด้านการ หาสมภารจวง เมื่อมาอยู่ในวัดดีหลวง
เด็กชายปูก็มีความร่าเริง แจ่มใส สมภาร
ศึกษา การงาน การเงิน จวงจึงให้อยู่เป็นเด็กวัดเพื่อเรียนหนังสือ
จนกระทั่งอายุ 14 ปี จึงได้บรรพชาเป็น
วัดดีหลวง มีความสำคัญกับหลวงปู่ทวด สามเณรแล้วศึกษาวิชาต่าง ๆ อยู่ที่วัดดี
หลวง จากนั้นเดินทางไปเรียนต่อยัง
ตั้งแต่วัยเยาว์ วัยสามเณร และวัยที่เป็น สำนักต่าง ๆ เช่น วัดสีหยัง วัดเสมาเมือง
จังหวัดนครศรีธรรมราช จนเดินทางไป
พระภิกษุอย่างสมบูรณ์โดยมีตำแหน่ง อยุธยา เป็นลำดับ หลังจากที่ท่านได้รับ
ตำแหน่งเป็นสมเด็จราชมุนี สามีรามคุณู
“สมเด็จพระราชมุนี สามีรามคุณูปมาจาร ปมาจารย์ ท่านได้เดินทางธุดงค์กลับ
จากกรุงศรีอยุธยาและมุ่งหน้ามาสู่วัดดี
ย์” ก็กลับมาที่วัดดีหลวงแห่งนี้ หลวง วัดแห่งนี้จึงเป็นอีกหนึ่งสถานที่
สำคัญที่เกี่ยวข้องกับหลวงปู่ทวด หากได้
วัดดีหลวง เป็นวัดที่สร้างขึ้นในสมัยกรุง มากราบไหว้สักการะจะช่วยเสริมสร้าง
บุญบารมีและเป็นมงคลต่อชีวิต 3 เรื่อง
ศรีอยุธยา โดยมีชื่อว่า “วัดกุฏิหลวง” ต่อ หนึ่ง คือ การเรียน เพราะวัดแห่งนี้เป็น
สำนักเรียนของหลวงปู่ทวด สอง คือ
มาได้เพี้ยนเป็น “วัดดีหลวง” ในสมัยนั้น การงาน เพราะหลวงปู่ทวดเริ่มเรียนที่
วัดแห่งนี้ และได้เติบโตจนมีตำแหน่ง
ได้นิมนต์ “พระจวง หรือ สมภารจวง” มา เป็น พระราชาคณะ สาม คือ การเงิน วัด
แห่งนี้ในอุโบสถที่หลวงปู่ทวดครองผ้า
เป็นเจ้าอาวาส สมภารจวงเกี่ยวข้องกับ ไตรผืนแรก ภายในอุโบสถบรรพชา
สามเณรปู มีพระประธานประจำอุโบสถ
หลวงปู่ทวด คือเป็นหลวงลุงของหลวง เป็นพระพุทธรูปปูนปั้ นปางมารวิชัย
ลงรักปิดทอง ประดิษฐานอยู่ในซุ้ม
ปู่ทวด (เป็นพี่ชายของนางจันทร์ มารดา เรือนแก้ว ภายในมีภาพจิตกรรมฝาผนัง
เทพชุมนุม ด้านหน้าของซุ้มประดิษฐาน
ของหลวงปู่ทวด) หลังจากช่วงที่ได้ลูกแก้ว พระพุทธรูปปางเปิดโลกภายใต้
เศวตฉัตร
มาครอบครอง ลูกแก้วดังกล่าวได้ถูก

เศรษฐีปานขอไปจนเกิดเหตุอาเพศต่าง ๆ

ขึ้นกับครอบครัวของเศรษฐีปาน จึงนำลูก

แก้วมาคืนให้กับนายหู นางจันทร์ ทางด้าน

นายหู นางจันทร์ ไม่กล้าเก็บลูกแก้วนี้ไว้

เอง จึงนำไปฝากไว้กับสมภารจวงที่วัดดี

หลวง

การสร้างพระพุทธรูปที่มีซุ้มเรือนแก้วครอบลักษณะนี้นั้น สันนิษฐานได้ว่า
อุโบสถเดิมหลังนี้คงเป็นอุโบสถโล่งไม่มีผนัง แต่ภายหลังได้มีการต่อเติมให้มีผนัง
เกิดขึ้น ราวยุคสมัยของ “อาจารย์แก้ว พุทธฺมุณี” อดีตเจ้าอาวาส และชาวบ้าน
ยังเรียกขานนามพระพุทธรูปองค์นี้ว่า “หลวงพ่อยิ้ม” หรือที่ชาวบ้านเรียกกันว่า
“หลวงพ่อยิ้มหิ้วนก” มีอัตลักษณ์ที่ชาวบ้านเรียกขานกันว่าเป็นพระหิ้วนก ซึ่ง
หมายถึง “พระหกนิ้ว” หากได้มากราบไหว้สักการะจะช่วยเสริมสร้างบุญบารมี
และเป็นมงคลต่อชีวิตด้าน “เหลือกิน เหลือใช้” ตามนิ้วมือของท่านที่เหลือมา
นั่นเอง หากอยากทราบเป็นนิ้วมือข้างใด ต้องมากราบไหว้และมาเห็นด้วยตนเอง

นอกจากนั้นภายในวัดดีหลวงยังมีศาสนสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์
ประกอบด้วย เจดีย์ห้ายอด ที่สร้างหลังจากที่หลวงปู่ทวดเดินทางกลับมาจาก
อยุธยา โดยสร้างขึ้นเพื่อเป็นพุทธบูชาแก่ครูบาอาจารย์ที่วัดดีหลวง และมีศาลา
อาจารย์แก้ว พุทธฺมุณี เป็นศาลาโถงไม้ทรงไทยสร้างผสมผสานระหว่างไม้กับปูน
มีความวิจิตรงดงามอย่างลงตัว โดยศาลาหลังนี้คณะศิษย์ยานุศิษย์ ร่วมกัน สร้าง
ถวาย เป็นพุทธบูชาเพื่อประดิษฐานสรีระสังขารของอาจารย์แก้ว พุทธฺมุณี อดีต
เจ้าอาวาสวัดดีหลวง สร้างเมื่อ พ.ศ.2485 ลักษณะเด่นคือ หน้าบันด้านหน้ามี
มุขลดหลั่น หน้าบันมีลวดลายปูนปั้ นรูปพระภิกษุนมัสการโกศใส่ศพ หน้าบันมุม
ด้านข้างเป็นลายปูนปั้ นรูปฤาษีและพระพิฆเณศ ส่วนด้านข้างทั้ง ๔ ด้าน สร้าง
เป็นเรือนยกพื้น ใช้เป็นเรือนสำ หรับพระสวดอภิธรรม ภายหลังด้านทิศตะวันตก
ได้ปรับเปลี่ยนเป็นอาสงฆ์เพื่อสะดวกในการประกอบพิธีกรรมทางศาสนาใน
ปัจจุบัน ศาลาหลังนี้ถือว่าเป็นสถาปัตยกรรมท้องถิ่นที่มีลักษณะสวยงาม ควรค่า
แก่การอนุรักษ์อย่างยิ่ง













โปรแกรมท่องเที่ยว

โปรแกรมที่ ๑


วัดดีหลวง

“วัดดีหลวง” สร้างขึ้นในสมัย
อยุธยาปรากฏหลักฐานใน
แผนที่กัลปนาวัดเมืองพัทลุง
เรียกชื่อวัดนี้ว่า “วัดกะดีหลวง”
ถือได้ว่าเป็นวัดสำคัญวัดหนึ่งใน
คาบสมุทรสทิงพระ มีความ
เจริญรุ่งเรืองด้านสถาปัตยกรรม
เป็นสำนักเรียนใหญ่มาแต่
โบราณ ปรากฏหลักฐานเล่าสืบ
ต่อกันมาว่า วัดดีหลวง เป็นวัดที่
เด็กชายปู (หลวงปู่ทวดตอน
เด็ก)มาอาศัยกับสมภารจวง
(หลวงลุง)ซึ่งเป็นเจ้าอาวาส เมื่อ
อายุได้ 14 ปี ได้บรรพชาเป็น
สามเณร ศึกษาวิชาต่าง ๆ และ
ได้เดินทางไปเรียนต่อที่วัดสีหยัง
และได้ศึกษาต่อไปจนถึงกรุง
ศรีอยุธยาตามลำดับ

“สถูปสมภารจวง” อดีตเจ้าอาวาส เป็นผู้บรรพชาสามเณรให้หลวงปู่ทวด
ประดิษฐานอยู่ด้านหน้าอุโบสถวัดดีหลวง ซึ่งเป็นอุโบสถบรรพชาสามเณรปู นัก
ท่องเที่ยวสามารถกราบไหว้สักการะบูชาจะช่วยเสริมสร้างบุญบารมี และเป็น
มงคลต่อชีวิตในด้าน “มีความเฉลียวฉลาด รอบรู้ และประสบความสำเร็จ
ทางการศึกษา”

พระประธานประจำอุโบสถหลังนี้เป็นพระพุทธรูปปูนปั้ น ปางมารวิชัย ลงรัก
ปิดทอง ประดิษฐานอยู่ในซุ้มเรือนแก้ว ภายในมีภาพจิตกรรมฝาผนังเทพ
ชุมนุม ด้านหน้าของชุ้มประดิษฐานพระพุทธรูปปางเปิดโลกภายใต้เศวตฉัตร
ชาวบ้านยังเรียกขานนามพระพุทธรูปองค์นี้ว่า “พระพุทธรูปหิ้วนก” ซึ่งหมาย
ถึง “พระหกนิ้ว” หากได้มากราบไหว้สักการะจะช่วยเสริมสร้างบุญบารมีและ
เป็นมงคลต่อชีวิตด้าน “การงาน การเงิน เหลือกิน เหลือใช้”

นอกจากนี้นักท่องเที่ยวสามารถศึกษา
สถาปัตยกรรมท้องถิ่นที่มีลักษณะสวยงาม
ทั้งลวดลายปูนปั้ นที่หน้าบันพระอุโบสถ
เจดีย์ศักดิ์สิทธิ์ (เจดีย์รอบพระอุโบสถ) และ
ศาลาอาจารย์แก้ว พุทธฺมุณี เป็นศาลาโถง
ไม้ทรงไทยสร้างผสมผสานระหว่างไม้กับ
ปูน ที่มีความวิจิตรงดงาม ควรค่าแก่การ
อนุรักษ์อย่างยิ่ง

ค่าบริการโปรแกรมการท่องเที่ยว

บูชาดอกไม้ ธูปเทียน แผ่นทอง ลอยเทียนสะเดาะเคราะห์
ทำบุญตามกำลังศรัทธา
นำเที่ยวเส้นทางตามรอยบ้านเกิดหลวงปู่ทวด (วัดต้นเลียบ
วัดดีหลวง ถนนทิวตาล สำนักสงฆ์นาเปล วัดพะโคะ ถ้ำเขา
คูหา-ตระพังพระ เรียนรู้วิถีชุมชน)ทริปครึ่งวัน คนละ 300
บาท (มีอาหารว่าง) ทริปหนึ่งวัน คนละ 400 บาท
(มีอาหารกลางวัน)
ข้อมูลการติดต่อ : กลุ่มท่องเที่ยวตามรอยบ้านเกิดหลวงปู่ทวด
ที่อยู่ : วัดดีหลวง หมู่ที่ 2 ตำบลดีหลวง อำเภอ

สทิงพระ จังหวัดสงขลา
เบอร์โทรติดต่อ : นายบุญศิริ สุวรรณศรี 086-0526718

: นางเสน่ห์ บัวมาก 081-3910166

โปรแกรมที่ ๒ วัดต้นเลียบ

สักการะที่ฝั่ งรกหลวงปู่ทวด ไหว้พระ
ขอพร “ชีวิตมีรากฐานมั่นคง”

“วัดต้นเลียบ”เป็นปูชนียสถานที่
ฝังรกหลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืด
(บ้านเกิดและสถานที่ฝังรกหลวงปู่ทวด
เหยียบน้ำทะเลจืด) ตำนานที่มีหลักฐาน
ปรากฏจริงบนคาบสมุทรสทิงพระ ตาม
ประวัติเล่ากันว่า เมื่อประมาณ 400 ปีที่
ผ่านมา ครอบครัวนายหูและนางจันทร์
ได้ให้กำเนิดบุตรชาย เมื่อวันศุกร์ เดือนสี่
ปีมะโรง ช่วงประมาณปี พ.ศ.2123 นาย
หูได้นำรกของลูกมาฝังไว้ที่โคนต้นเลียบ
วัดต้นเลียบ สถานที่แห่งนี้นักท่องเที่ยว
สามารถกราบไหว้สักการะ “สถูปที่ฝัง
รกของหลวงปู่ทวด” จะช่วยเสริมสร้าง
บุญบารมีและเป็นมงคลแห่งชีวิตในด้าน
“ชีวิตมีรากฐานมั่นคง”

“ ภายในวิหารเป็นที่ประดิษฐานของหลวงปู่ทวดองค์ใหญ่ที่มีความสวยงาม นัก
ท่องเที่ยวสามารถกราบไหว้สักการะหลวงปู่ทวดในวิหารนี้จะช่วยเสริมสร้างบุญ
บารมีและเป็นมงคลแห่งชีวิตในด้าน “ชีวิตอยู่เย็น เป็นสุข”

“ต้นเลียบ” (เป็นต้นไม้ขนาดใหญ่อยู่ในตระกูลเดียวกับต้นโพธิ์) ขนาดลำต้น
โดยรอบแล้วลำต้นประมาณ 21 เมตร เป็นต้นไม้ที่มีอายุยืนยาวมานานแต่
อดีตกาลนับได้ 500 กว่าปี ปัจจุบันนี้ยืนเด่นตระหง่าน แผ่กิ่งก้านสาขาให้ร่มเงา
และความร่มรื่นอยู่ในวัดต้นเลียบ รอบ ๆ ต้นเลียบ มีพระประจำประดิษฐานอยู่
โดยรอบ นักท่องเที่ยวสามารถกราบไหว้ขอพรพระประจำวันเกิดได้

ค่าบริการโปรแกรมการท่องเที่ยว

บูชาดอกไม้ ธูปเทียน แผ่นทอง ผูกผ้าพระบฏ ทำบุญตาม
กำลังศรัทธา
นำเที่ยวเส้นทางตามรอยบ้านเกิดหลวงปู่ทวด (วัดต้นเลียบ
วัดดีหลวง ถนนทิวตาล สำนักสงฆ์นาเปล วัดพะโคะ ถ้ำเขา
คูหา-ตระพังพระ เรียนรู้วิถีชุมชน)ทริปครึ่งวัน คนละ 300
บาท (มีอาหารว่าง) ทริปหนึ่งวัน คนละ 400 บาท (มี
อาหารกลางวัน)
ข้อมูลการติดต่อ : กลุ่มท่องเที่ยวตามรอยบ้านเกิดหลวงปู่ทวด
ที่อยู่ : วัดดีหลวง หมู่ที่ 2 ตำบลดีหลวง อำเภอ

สทิงพระ จังหวัดสงขลา
เบอร์โทรติดต่อ : นายบุญศิริ สุวรรณศรี 086-0526718

: นางเสน่ห์ บัวมาก 081-3910166

โปรแกรมที่ ๓ ขนมดูดี

“ขนมดูดี” การนำ “ขนมดู” ซึ่งเป็นขนมพื้นบ้านในท้อง
ถิ่น ของอำเภอสทิงพระ ซึ่งมีส่วนผสมของแป้งข้าวเหนียว
น้ำตาลโตนดเหลว และมะพร้าวขูด ปัจจุบันคนรุ่นใหม่ไม่
ค่อยรู้จักและไม่ค่อยรับประทาน เพื่อเป็นการรักษาและ
สืบทอดภูมิปัญญาด้านขนมให้ยังคงอยู่จึงมีการปรับปรุง
พัฒนาสูตรให้เข้ากับยุคสมัย โดยการใส่ไส้ไปขนมดู เช่น ไส้
ลูกตาล ไส้เผือกไข่เค็ม ไส้มันไข่เค็ม ไส้ถั่วเหลืองไข่เค็ม
และ พัฒนารูปร่างหน้าตาให้สวยงามโดยนำไปใส่ในแม่
พิมพ์เพื่อให้ได้ลวดลายที่สวยงาม จึงเป็นที่มาของชื่อขนม
“ขนมดูดี”

ที่ฐานกิจกรรมนี้นักท่องเที่ยวสามารถร่วมเรียนรู้และทำ
“ขนมดูดี” ไส้ต่าง ๆ ได้รู้จักกับขนมดู ขนมพื้นบ้านของ
อำเภอสทิงพระ เพื่อรักษาให้คงอยู่ต่อไป

ค่าบริการโปรแกรมการท่องเที่ยว

ค่าบริการ : คนละ 50 บาท
ข้อมูลการติดต่อ : กลุ่มสัมมาชีพบ้านเลียบ (เสน่ห์

ที่อยู่ บัวมาก)
: 52 หมู่ที่ 1 ตำบลดีหลวง อำเภอ
เบอร์โทรติดต่อ
Facebook สทิงพระ จังหวัดสงขลา 90190
: 087 – 3910166
: ขนมดูดีบ้านเลียบ ,

เสน่ห์ สุวรรณรัตน์

โปรแกรมที่ ๔ ร้านยายชับ
ก๋วยเตี๋ยวโบราณ

ก๋วยเตี๋ยวโบราณ สูตรเด็ดคุณย่า มีนานกว่า 30 ปี
ร้านก๋วยเตี๋ยวโบราณเปิดขายมาเป็นเวลากว่า 30 ปี
เริ่มขายเมื่อปี 2534 ในนาม “ร้านก๋วยเตี๋ยวยายชับ”
สืบทอดความอร่อยมาจนถึงปัจจุบัน ยังคงรักษา
ความดั่งเดิม ใช้น้ำซุปกระดูกที่ต้มด้วยเตาถ่านให้มี
ความหอม สูตรเด็ด คือ ซอสแดงโบราณและถั่วบด
ทำให้รสชาติอร่อยเป็นเอกลักษณ์ ทางร้านใส่ใจ
ในการเลือกวัตถุดิบที่มีคุณภพ พิถีพิถันในการปรุง
สะอาด ปลอดภัย ไม่ใส่ผงชูรส

นักท่องเที่ยวสามารถร่วมเรียนรู้และทดลองทำ
“ก๋วยเตี๋ยวโบราณ” ได้ด้วยตนเอง

ค่าบริการโปรแกรมการท่องเที่ยว

ค่าบริการ : คนละ 79 บาท

ข้อมูลการติดต่อ : กลุ่มร้านยายชิบก๋วยเตี๋ยวโบราณ

(หน้าวัดต้นเลียบ)
ที่อยู่ : 25/2 หมู่ที่ 1 ตำบลดีหลวง อำเภอ

เบอร์โทรติดต่อ สทิงพระ จังหวัดสงขลา 90190
Facebook : 094-3351060 ,098-7130491
: เตี๋ยวตามสั่ง

โปรแกรมที่ ๕ ขนมข้าวแต๋น



“ข้าวแต๋น” ถือว่าเป็นขนมกินเล่นที่ใช้วิธีการทำแบบ
แปรรูปจากข้าวเหนียวมาเป็นขนม และเก็บได้นาน ผ่าน
กระบวนการแช่ การขึ้นรูป ตากจนแห้ง ทำให้ข้าวเวลา
ทอดจะพอง กรอบนาน
ข้าวแต๋นป้าจ้อยเริ่มทำมาตั้งแต่รุ่นพ่อเฒ่าแม่เฒ่าจนมา
ถึงรุ่นปัจจุบัน ได้มีการดัดแปลงสูตรใหม่ในปีพ.ศ. 2535
จนมาเป็นสูตรข้าวแต๋นน้ำแตงโมและสูตรข้าวแต๋นมะ
พร้าวน้ำหอม ที่โรยหน้าข้าวแต๋นด้วยน้ำตาลโหนดเคี่ยว
จนหนืด ทำให้ได้ข้าวแต๋นที่กรอบ หอมหวาน อร่อย นัก
ท่องเที่ยวสามารถเรียนรู้และสนุกกับการทดลองทำข้าว
แต๋นน้ำตาลโตนดร่วมกับกลุ่มได้

ค่าบริการโปรแกรมการท่องเที่ยว

ค่าบริการ : คนละ 50 บาท
ข้อมูลการติดต่อ : กลุ่มสตรีทำขนมพื้นบ้าน
ที่อยู่ : 25/1 หมู่ที่ 1 ตำบลดีหลวง อำเภอ

เบอร์โทรติดต่อ สทิงพระ จังหวัดสงขลา 90190
Facebook : 093-7705993
:-

โปรแกรมที่ ๖ ลูกตาลลอยแก้ว



“ลูกตาลลอยแก้ว” อีกหนึ่งผลิตภัณฑ์แปรรูปจากตาล
โตนดที่ขึ้นชื่อของอำเภอสทิงพระ ที่นักท่องเที่ยวมาถึง
สทิงพระต้องได้รับประทาน

ลูกตาลลอยแก้ว ของกลุ่ม.....ใส่ใจและพิถีพิถันใน
กระบวนการผลิตทุกขั้นตอน ตั้งแต่กระบวนการเลือก
วัตถุดิบลูกตาลโตนดสดที่ขนาดพอดีไม่อ่อนไม่แข็ง ผ่าน
กระบวนการแปรรูปที่ใส่ใจด้านความสะอาด สุขอนามัย
ตลอดจนการเลือกใช้น้ำผึ้งโตนดแทนน้ำตาลทราย เพื่อ
ให้ได้กลิ่นและรสชาติที่หวานหอมกลมกล่อม นำไปแช่
เย็นพร้อมเสิร์ฟความอร่อยให้กับผู้บริโภค “กินแล้วชื่น
ใจ อารมณ์ดี”

นักท่องเที่ยวสามารถเรียนรู้กระบวนการแปรรูป
ลูกตาลลอยแก้ว พร้อมกับฟังเรื่องเล่าจากภูมิปัญญาใน
กระบวนการผลิตเพื่อให้ลูกตาลลอยแก้วที่มีคุณภาพ
และอร่อย

ค่าบริการโปรแกรมการท่องเที่ยว

ค่าบริการ : คนละ 30 บาท
ข้อมูลการติดต่อ : กลุ่มลูกตาลลอยแก้ว (นางอารมย์
: ยอดจันทร์)
ที่อยู่
เบอร์โทรติดต่อ 45/1หมู่ที่ 1 ตำบลดีหลวง อำเภอ
Facebook : สทิงพระ จังหวัดสงขลา 90190
: 089-8785109

-

โปรแกรมที่ ๗ โรงปั้ น นายดิน
สทิงพระ


โรงปั้ นพระ นายดิน ตั้งอยู่ หมู่1 ต.ดีหลวง อ.สทิงพระ

จ.สงขลา โดยนายอนิรุตต์ แสงอรุณ ได้เปิดเป็นศูนย์การ

เรียนรู้เกี่ยวกับงานศิลปะ แขนงต่างๆ เช่น ออกแบบ

ตกแต่ง งานประติมากรรม งานจิตรกรรม และงานเท

ทองหล่อรูปเหมือน เพื่อถ่ายทอด และสืบสาน งานช่าง

งานศิลปะ ให้คงอยู่สืบไป โดยจะมีกลุ่มลูกค้าที่เป็นกลุ่ม

เฉพาะที่ชอบในงานศิลปะแขนงต่างๆ

โรงปั้ นพระ นายดิน นักท่องเที่ยวสามารถเรียนรู้และชม

งานศิลปะแขนงต่าง ๆ และร่วมทำกิจกรรมปั้ มพระรูป

องค์หลวงปู่ทวดด้วยมือแบบโบราณ ที่มีมวลสาร

ศักดิ์สิทธิ์จากแหล่งต่าง ๆ ในตำบลดีหลวงมาเป็นส่วน

ผสม หลังจากปั้ มพระแล้ว นักท่องเที่ยวสามารถนำองค์

พระไปเข้าพิธีพุทธาภิเษกที่วัดต้นเลียบ และนำองค์พระ

กลับไปบูชาเพื่อความเป็นสิริมงคล

ค่าบริการโปรแกรมการท่องเที่ยว

ค่าบริการ : คนละ 199 บาท

ข้อมูลการติดต่อ : โรงปั้ น นายดิน สทิงพระ

ที่อยู่ : ที่อยู่ 48/3 หมู่ที่ 1 ตำบลดีหลวง

อำเภอสทิงพระ จังหวัดสงขลา

: 90190

เบอร์โทรติดต่อ : 063-0791309

Facebook : นาย อนิรุตต์ แสงอรุณ

โปรแกรมที่ ๘ ขนมงาถั่ว
คั่วกรอบ

เสาวลักษณ์งาถั่วคั่วกรอบ ขนมสำหรับคนรักสุขภาพ
“ขนมงาถั่วคั่วกรอบ” นำงาและถั่วที่คั่วจนหอมด้วยไฟ
ระดับกลางจนสุกและมีกลิ่นหอม นำมาผัดกับน้ำตาล
มะพร้าวที่ข้นได้ที่ เมื่อผัดเข้ากันแล้วนำขนมงามาใส่แม่
พิมพ์ ซึ่งแต่ละชิ้นล้วนเป็นฝีมือของชาวบ้านในชุมชนที่
ช่วยกันผลิตขนมงาขึ้นมา เพื่อสร้างอาชีพ สร้างรายได้ให้
กับชุมชนและคนในชุมชน
หัวใจหลักของผลิตภัณฑ์ร้านเรา คือ ไม่หวาน ทานง่าย
พอดีคำ ไม่หมิ่นหื่นเพราะไม่ผสมแป้ง ไม่มีน้ำมัน เหมาะ
กับคนรักสุขภาพ เสาวลักษณ์ขนมงาถั่วคั่วกรอบ สามารถ
หาชื้อได้ที่ร้านเสาวลักษณ์ OTOP ตั้งอยู่ 39 หมู่6 ตำบลดี
หลวง หรือตามงาน OTOP ต่างๆ ทั้งที่สำนักงานพัฒนา
ชุมชนสนับสนุนหรือหน่วยงานอื่นๆที่สนับสนุนและอีก
ช่องทางหนึ่งคือ เฟสบุ๊คเพจ “เสาวลักษณ์ขนมพื้นบ้าน”
นักท่องเที่ยวสามารถเรียนรู้และสนุกกับการทดลองทำ
ขนมงาถั่วคั่วกรอบได้ที่กลุ่มเสาวลักษณ์ขนมพื้นบ้าน

ค่าบริการโปรแกรมการท่องเที่ยว

ค่าบริการ : คนละ 50 บาท
ข้อมูลการติดต่อ : กลุ่มเสาวลักษณ์ขนมพื้นบ้าน
ที่อยู่ : 39 หมู่ที่ 6 ตำบลดีหลวง อำเภอ

เบอร์โทรติดต่อ สทิงพระ จังหวัดสงขลา 90190
Facebook : 0635361157
: เสาวลักษณ์ขนมพื้นบ้าน

โปรแกรมที่ ๙ ขนมลากรอบ




หวานกรอบ อร่อย ลากรอบน้ำตาลโตนด


ขนมลากรอบแม่บุญญา ตราลูกตาลโตนด ของกลุ่มวิสาหกิจชุมชนแม่บ้าน
เกษตรกรบ้านชะแม กลิ่นหอมหวานธรรมชาติจากน้ำตาลโตนดแท้จากในชุมชน
ตำบลดีหลวง ซึ่งใช้ภูมิปัญญาชาวบ้านผลิตขนมลากรอบที่มีเอกลักษณ์เฉพาะ
รูปร่างสามเหลี่ยมชิ้นละคำ หนึ่งเดียวในจังหวัดสงขลา อีกทั้งผลิตภัณฑ์ได้รับรอง
มาตรฐาน อย. และฮาลาล ไม่ใช้วัตถุกันเสีย เป็นสินค้าโอทอประดับ 4 ดาว ของ
อำเภอสทิงพระ สำหรับเป็นของฝากและขนมทานเล่น เหมาะกับทุกเพศทุกวัย
เป็นผลิตภัณฑ์ที่สร้างงาน สร้างอาชีพ สร้างรายได้ และสร้างเอกลักษณ์ของชาว
สทิงพระ ให้เป็นที่จดจำกันได้ดีในชื่อ “ขนมลากรอบ”

นักท่องเที่ยวสามารถเรียนรู้การทำขนมลา ที่มีลักษณะเหมือนแห การทำให้
ขนมลากรอบมีรูปร่างเป็นชิ้นสามเหลี่ยมขนาดพอคำโดยไม่ใช้เครื่องขึ้นรูป ที่มา
จากภูมิปัญญาของชุมชนที่นักท่องเที่ยวต้องมาหาคำตอบและลงมือทดลองทำ
ด้วยตนเอง

ค่าบริการโปรแกรมการท่องเที่ยว

ค่าบริการ : คนละ 60บาท
ข้อมูลการติดต่อ : วิสาหกิจชุมชน แม่บ้านเษตรกร บ้าน
: ชะแม
ที่อยู่
39/1 หมู่ที่ 6 ตำบลดีหลวง อำเภอ
เบอร์โทรติดต่อ : สทิงพระ จังหวัดสงขลา 90190
Facebook : 081-0948581 , 082-6563966
: งากรอบ แม่บุญญา

โปรแกรมที่ ๑๐ ร้านโคกสุภักดิ์
คอฟฟี่




จิ๊บกาแฟ น้ำตาลสด ชายนาป่าโหนด ที่โคกสุภักดิ์

โคกสุภักดิ์ คอฟฟี่ เป็นร้านกาแฟ ที่มีบรรยากาศเรียบง่าย เหมาะแก่การพัก
ผ่อน หย่อนใจ จิบกาแฟ น้ำตาลสด ฟังเสียงนก เสียงลม ทำให้คนรู้สึกถึงความ
สัมผัสธรรมชาติที่ผ่อนคลาย
เอกลักษณ์ของที่นี่ เราใช้ วัตถุดิบ “ตาลโตนด” ที่มีมากพื้นที่มาแปรรูป มีทั้ง
“น้ำตาลสด” น้ำตาลสดที่ผ่านการต้มเพื่อยืดอายุการเก็บรักษา“น้ำผึ้งโตนด” หรือ
“ไซรัปน้ำตาลโตนด” ที่นำน้ำตาลโตนดมาต้มเคี้ยวจนหนืดเหนียว มารังสรรค์เป็น
เมนูเครื่องดื่ม อาหารขนมหวาน หลากหลายเมนู สำหรับเมนูที่ไม่ควรพลาดของ
ร้าน

เมนู “น้ำตาลสด” หรือ “น้ำช่อดอก
ตาลโตนด” ที่ออกจากช่อดอก หรือ
งวงตาล นำมาเป็นเครื่องดื่ม ที่จะ
สัมผัสได้ถึงความหอมหวาน จาก
ธรรมชาติ เมื่อดื่มแล้วจะทำให้รู้สึก
สดชื่น ผ่อนคลาย
คลายร้อนได้ดีพลาดของร้าน

เมนู “อเมริการโน่น้ำตาลสด”หรือ
“กาแฟสดน้ำตาลสด” นำน้ำตาล
สดที่ผ่านการต้มแล้ว มารังสรรค์
เมนู โดยการจับคู่ของรสกาแฟหอม
เข้ม กับความหวาน-หอมของ
น้ำตาลสดที่ผสมกันได้อย่างลงตัว

อีกเมนูที่ไม่ควรพลาด คือ
“เค้กลูกตาล” ที่ใช้เนื้อลูกตาลสดสี
เหลือง มาทำเป็นเนื้อเค้ก ทำให้เค้กมีสี
สวยกลิ่นหอม แต่งหน้าด้วยเนื้อลูกตาล
อ่อน หรือจาวตาล ทำให้เด้กลูกตาลน่า
รับประทานมากยิ่งขึ้น

ร้านโคกสุภักดิ์ คอฟฟี่

ใส่ใจและพิถีพิถันทุกขั้นตอน คำนึงถึง
ความสะอาด ไม่มีวัตถุกันเสียหรือสารปรุง
แต่งใด ๆ ในการประกอบอาหาร ทั้งนี้เพื่อ
มอบสิ่งดีๆให้กับผู้มาเยือน ร้านเปิด ตั้งแต่
เวลา 9.00 น. – 19.00 น. หยุดทุกวัน
พฤหัสบดี

นักท่องเที่ยวสามารถเรียนรู้การทำเครื่อง
ดื่ม-ขนม โดยใช้วัตถุดิบจากตาลโตนด และ
ถ่ายภาพกับบรรยากาศ “ชายนาป่าโหนด”

ค่าบริการโปรแกรมการท่องเที่ยว

ค่าบริการ : คนละ 89 บาท

ข้อมูลการติดต่อ : 2/5 หมู่ที่ 2 ตำบลดีหลวง อำเภอ

: สทิงพระ จังหวัดสงขลา 90190

เบอร์โทรติดต่อ : 082-2163618 / 064-4616126

Facebook : โคกสุภักดิ์

9.00-10.00 น. 10.00-11.00 น.

พร้อมกัน ณ วัดดีหลวง สถานที่บวชเรียนของหลวง เดินทางสู่ วัดต้นเลียบ สถานที่ฝังรกหลวง
ปู่ทวด สักการะ “สถูปสมภารจวง” (หลวงลุงหลวง ปู่ทวด สักการะ “สถูปที่ฝังรกของหลวงปู่ทวด”
ปู่ทวด) หน้าอุโบสถวัดดีหลวง ไหว้ขอพรด้าน “การ ที่ใต้ต้นเลียบอายุ 500 กว่าปี ปัจจุบันเป็นต้นไม้
เรียน”เข้าไปในอุโบสถที่บวชเรียนของหลวงปู่ทวด “รุกขมรดกของแผ่นดิน” ขอพรให้ “ชีวิตมี
เมื่อครั้งเป็นสามเณรปู สักการะพระประธานประจำ รากฐานมั่นคง” สักการะหลวงปู่ทวดองค์ใหญ่ที่
อุโบสถ “พระพุทธรูปหิ้วนก” ซึ่งหมายถึง “พระหก มีความสวยงามในวิหาร ขอพรให้ “ชีวิตอยู่เย็น
นิ้ว” ขอพรด้าน “การงาน การเงิน เหลือกิน เหลือ เป็นสุข” ร่วมทำบุญและถวายผ้าพระบฏ
ใช้” ร่วมทำบุญและลอยเทียนสะเดาะเคราะห์ และ
ชมความงามของสถาปัตยกรรมท้องถิ่นที่มีลักษณะ
สวยงาม เจดีย์ศักดิ์สิทธิ์ (เจดีย์รอบพระอุโบสถ)
และศาลาอาจารย์แก้ว พุทธฺมุณี เป็นศาลาโถงไม้
ทรงไทย

11.00-11.30 น. 11.30–12.30 น.

เรียนรู้และทดลองทำ “ขนมดูดี”ของกลุ่ม อร่อยกับ “ก๋วยเตี๋ยวโบราณ” ร้านยายชับ สูตร
สัมมาชีพบ้านเลียบ จากขนมดู ขนมพื้นบ้าน เด็ด คือ ซอสแดงโบราณและถั่วบด เพิ่มความ
ของอำเภอสทิงพระ พัฒนาปรับเปลี่ยนให้เข้า กลมกล่อมด้วยน้ำซุปกระดูกที่ต้มด้วยเตาถ่าน
กับยุคสมัยสมัย โดยการใส่ไส้ไปขนมดู เช่น ไส้
ลูกตาล ไส้เผือกไข่เค็ม ไส้มันไข่เค็ม ไส้ถั่ว
เหลืองไข่เค็ม และ พัฒนารูปร่างหน้าตาให้
สวยงามโดยนำไปใส่ในแม่พิมพ์เพื่อให้ได้
ลวดลายที่สวยงาม จึงเป็นที่มาของชื่อขนม
“ขนมดูดี”

12.30-13.15 น. 13.15-14.00 น.

เรียนรู้และทดลองทำ “ขนมข้าวแต๋น” ของกลุ่ม เรียนรู้และทดลองทำ “ลูกตาลลอยแก้ว” ของ
สตรีทำขนมพื้นบ้าน สูตรข้าวแต๋นน้ำแตงโม และ กลุ่มลูกตาลลอยแก้ว วัตถุดิบลูกตาลโตนดสดที่
ข้าวแต๋นมะพร้าวน้ำหอม โรยหน้ าข้าวแต๋นด้วย ขนาดพอดีไม่อ่อนไม่แข็ง ผ่านกระบวนการลอย
น้ำตาลโหนดเคี่ยวจนหนืด ทำให้ได้ข้าวแต๋นที่ แก้วโดยใช้น้ำผึ้งโตนดแทนน้ำตาลทราย ทำให้ได้
กรอบ หอมหวาน อร่อย ลูกตาลลอยแก้วที่หวาน หอม อร่อย

14.00-14.45 น. 14.45-15.30 น.

เรียนรู้และชมงานศิลปะแขนงต่าง ๆ ที่ โรงปั้ น นาย เรียนรู้และทดลองทำ “ขนมงาถั่วคั่วกรอบ”
ดิน ร่วมทำกิจกรรม “ปั้ มพระ” รูปองค์หลวงปู่ทวด ของกลุ่มเสาวลักษณ์ขนมพื้นบ้าน งาและถั่วที่
ด้วยมือแบบโบราณ ที่มีมวลสารศักดิ์สิทธิ์จากแหล่ง คั่วจนหอม นำมาผัดกับน้ำตาลมะพร้าวที่ข้น
ต่าง ๆ และสามารถนำองค์พระกลับไปบูชาเพื่อ ได้ที่ นำใส่แม่พิมพ์ เป็นขนมสำหรับคนรัก
ความเป็นสิริมงคล สุขภาพ

15.30-16.15 น. 16.15-17.00 น.

เรียนรู้และทดลองทำ “ขนมลากรอบ” ของ พักผ่อน หย่อนใจ เรียนรู้การทำเครื่องดื่ม-ขนม
วิสาหกิจชุมชนแม่บ้านเษตรกร บ้านชะแม โดยใช้วัตถุดิบจากตาลโตนด และถ่ายภาพกับ
เรียนรู้ภูมิปัญญาการทำขนมลากรอบรูปร่าง บรรยากาศ “ชายนาป่าโหนด” ที่ “โคกสุภักดิ์
สามเหลี่ยมชิ้นละคำ หนึ่งเดียวในจังหวัดสงขลา คอฟฟี่ ”
ที่กลิ่นหอมหวานธรรมชาติจากน้ำตาลโตนด

17.00-17.30 น. 17.00 น.

ถ่ายภาพบรรยากาศยามเย็นที่ “ถนนทิวตาล” เดินทางกลับมาที่วัดดีหลวง
ถนนที่มีต้นตาลโตนดเรียงกันอยู่สองข้างทาง
สวยงาม

คณะผู้จัดทำ

คณะผู้จัดทำ พัฒนาการจังหวัดสงขลา
ที่ปรึกษา นายอำเภอสทิงพระ
นายจรัญอินทสระ พัฒนาการอำเภอสทิงพระ
นายชัยเดช ปาละวงศ์ ผู้อำนวยการกลุ่มงานยุทธศาสตร์การพัฒนา
นางสาวรัชฎ์รมัย สายาลักษณ์
นางสาวอรวรรณ ศรีเกตุ
ชุมชน

คณะผู้จัดทำ

พระครูใบฎีกาศักรินทร์ สิริภทฺโท เจ้าอาวาสวัดต้นเลียบ

พระครูธรรมธรกิจจา กิตฺติญาโณ เจ้าอาวาสวัดดีหลวง

นางสาวสุวรรณี ศิริโกศล นักวิชาการพัฒนาชุมชนชำนาญการ

นางรัสมนต์ ยุระพันธุ์ อาจารย์มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย

นางสาวสาลินี ทิพย์เพ็ง อาจารย์มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย

นางสาวเกษศิรินทร์ พิทักษ์ธนินท์ กรรมการผู้จัดการ Digital Inner Power

นางสาวเพชราภรณ์ แก้วมณี นักวิชาการพัฒนาชุมชนชำนาญการ

เรียบเรียง/ตรวจทาน อาจารย์มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย
นางรัสมนต์ ยุระพันธุ์ นักวิชาการพัฒนาชุมชนชำนาญการ
นางสาวเพชราภรณ์ แก้วมณี


Click to View FlipBook Version