The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

แผนวิชาระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์เบื้องต้น

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by jame_boll, 2023-03-22 23:01:06

แผนวิชาระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์เบื้องต้น

แผนวิชาระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์เบื้องต้น

การเรียงสายนำสัญญาณ การเรียงสายนำสัญญาณเพื่อการเข้า RJ-45 Plug นั้น จะมีการเรียงสาย 2 แบบ คือ 1.แบบต่อตรง (Straight-Through Ethernet Cable) โดยปลายสายทั้งสองด้านจะมีการเรียงสีใน เหมือนกัน ตามแบบมาตรฐานที่กำหนด ใช้สำหรับต่อสายระหว่างเครื่องคอมพิวเตอร์และ Hub 2.แบบต่อไขว้ (Crossover Cable) โดยปลายสายด้านหนึ่งจะสลับสายกับปลายสายอีกด้านหนึ่ง ซึ่งการ เรียงเส้นสายนำสัญญาณเป็นตามมาตรฐานที่กำหนด 3. บีบคีมให้กด RJ 45 Plug ให้แน่นกับสาย การย้ำหัวสายให้แน่นหัวย้ำทองแดงจะต้องกดทองแดงให้เขี้ยวฝังทะลุฉนวนของสายตัวนำไปชนกับ ตัวนำแต่เส้นสายสัญญาณ หัวย้ำตัวยึดสายต้องกดตัวยึดสายให้กดลงในฉนวนนอกเพื่อทำให้สายยึดกับหัว RJ-45 ให้แน่น การทดสอบสายแลน เข้าหัวถูกต้องหรือไม่ หรือมีสายหัก ขาดหรือไม่ เครื่องมือเช็คสายแลน (Network Cable Tester) ต่อสายแลนเข้ากับเครื่องมือเช็คสายแลน (Network Cable Tester) ฝั่งRemote และฝั่ง Master สังเกตหลอดไฟสีเขียววิ่งตรงกันทั้งฝั่ง Remoteและ Master แสดงว่าการเข้าสายถูกต้อง


2. การติดตั้งระบบเครือข่ายแบบใช้สาย 2.1. รวบรวมอุปกรณ์สำหรับติดตั้ง Local Area Network (LAN)แบบใช้สาย ซึ่งต้องใช้เราเตอร์หรือ network switch เป็น hub ไว้เชื่อมต่อ คอมพิวเตอร์ต่างๆ อุปกรณ์เหล่านี้จะส่งข้อมูลไปยัง คอมพิวเตอร์ เครื่องที่ถูกต้องให้เอง เราเตอร์ จะกำหนด IP address ให้คอมพิวเตอร์แต่ละเครื่องในเครือข่ายโดยอัตโนมัติ ถือว่าจำเป็นมาก ถ้าอยากแชร์สัญญาณอินเตอร์เน็ตกับ คอมพิวเตอร์ทุกเครื่องที่เชื่อมต่อกันอยู่ เพราะฉนั้น เวลาติดตั้ง Local Area Network (LAN)แบบใช้สาย เราเตอร์ถือเป็นอุปกรณ์ที่ขาดไม่ได้ ถึงแม้ไม่ต่อ อินเตอร์เน็ตให้คอมพิวเตอร์ทุกเครื่อง ก็ต้องใช้ network switch เป็นเหมือนเราเตอร์อย่างง่าย ใช้แล้ว คอมพิวเตอร์ในเครือข่ายจะสื่อสารกันได้ แต่ไม่มีการกำหนด IP address ให้ คอมพิวเตอร์แต่ละเครื่องอัตโนมัติ และแชร์อินเตอร์เน็ตไม่ได้ สวิตช์เหมาะสำหรับคนที่อยากเพิ่มจำนวนพอร์ท LAN ในเครือข่าย เพราะสวิตช์ เชื่อมต่อกับเราเตอร์ได้ 2.2 การตั้งค่าเราเตอร์ หากเป็นการติดตั้ง Local Area Network (LAN) แบบใช้สาย ก็ไม่ต้อง ปรับแต่งเราเตอร์ แค่เสียบปลั๊ก เลือกที่วางใกล้โมเด็ม จะได้แชร์สัญญาณอินเตอร์เน็ตได้


2.3 เสียบโมเด็มกับเราเตอร์ (หากจำเป็น) หากจะแชร์อินเตอร์เน็ตจากโมเด็ม ให้เสียบโมเด็มเข้าพอร์ท WAN/INTERNET ของเราเตอร์ ปกติสีของพอร์ทจะต่างจากพอร์ทอื่นๆ 2.4 เสียบสวิตช์กับเราเตอร์ (ถ้าจำเป็น). ถ้าใช้สวิตช์เพิ่มจำนวนพอร์ทของเราเตอร์ ให้เสียบสาย Ethernet กับพอร์ท LAN ของเราเตอร์ และพอร์ท LAN ของสวิตช์ เพื่อขยายเครือข่ายไปยังพอร์ท LAN ที่ เหลือของสวิตช์ 2.5 เสียบสาย LAN จากเครื่องคอมพิวเตอร์เข้ากับพอร์ท LAN ที่ว่างอยู่ของ สวิตช์ให้เสียบสาย Ethernet เพื่อเชื่อมต่อ คอมพิวเตอร์แต่ละเครื่องกับพอร์ท LAN ที่ว่างอยู่ของเราเตอร์หรือสวิตช์ โดยไม่ต้อง กังวลเรื่องลำดับของพอร์ท สาย Ethernet ถ้ายาวกว่า 100 เมตร (328 ฟุต) จะเริ่มส่งข้อมูลไม่เสถียร


2.6 กำหนด คอมพิวเตอร์เครื่องหนึ่งเป็น DHCP server คอมพิวเตอร์อื่นๆ ที่เชื่อมต่อไว้ก็จะได้ IP address โดยอัตโนมัติการสร้าง DHCP server ใน คอมพิวเตอร์เพียง แค่ติดตั้ง utility ที่จำเป็น คอมพิวเตอร์ เครื่องที่เหลือในเครือข่ายจะได้ IP address อัตโนมัติหลังตั้งเซิร์ฟเวอร์เสร็จ แต่ต้องกำหนดไว้ล่วงหน้า 2.7 เช็คการเชื่อมต่อของแต่ละเครื่อง พอคอมพิวเตอร์แต่ละเครื่องในเครือข่ายได้ IP address แล้ว ก็ จะสื่อสารกันได้ ถ้าใช้เราเตอร์แชร์อินเตอร์เน็ต แต่ละเครื่องจะต่ออินเตอร์เน็ตได้ 2.8 ตั้งค่าแชร์ไฟล์และพรินเตอร์ เมื่อสร้างเครือข่ายเรียบร้อยแล้ว จะยังไม่เห็นข้อมูลของ คอมพิวเตอร์แต่ละเครื่อง เว้นแต่จะกำหนดให้แชร์ไฟล์ไว้ โดยเลือกไฟล์ โฟลเดอร์ ไดรฟ์พรินเตอร์ และ อุปกรณ์อื่นๆ แล้วกำหนดเป็น shared (ใช้งานร่วมกัน) ต่อไปใครใช้เครือข่ายเดียวกัน (หรือเฉพาะผู้ใช้ที่ อนุญาต) ก็จะเข้าถึงไฟล์และทุกอย่างที่ shared ได้


3. การติดตั้งระบบเครือข่ายแบบไร้สาย 3.1 การตั้งค่าเราเตอร์ ตอนจะตั้งค่าเราเตอร์ Wi-Fi ต้องคำนึงถึงเรื่องต่อไปนี้ 3.1.1 จัดวางเราเตอร์Wi-Fi ไว้ใกล้ๆ โมเด็ม ถ้ามีปัญหาอะไรจะได้แก้ไขสะดวก 3.1.2 วางเราเตอร์Wi-Fi กลางห้อง สัญญาณจะได้ครอบคลุม 3.1.3 ต้องเสียบคอมพิวเตอร์กับเราเตอร์ผ่านสาย Ethernet ระหว่างตั้งค่า เราเตอร์Wi-Fi 3.2 เสียบ คอมพิวเตอร์เข้าพอร์ท LAN ของเราเตอร์. แล้วใช้เบราว์เซอร์เข้าหน้าปรับแต่ง wireless network ของเราเตอร์ 3.3 เปิดเบราว์เซอร์ใน คอมพิวเตอร์


3.4 พิมพ์ IP address ของเราเตอร์. ปกติจะติดอยู่ด้านล่างของเราเตอร์ หรือในคู่มือเราเตอร์ แต่ถ้า หาไม่เจอให้ลองทำขั้นตอนต่อไปนี้ หากระบบปฏิบัติการ เป็น Windows ให้คลิกขวาที่ปุ่ม Network ใน System Tray → คลิก Open Network and Sharing Center → คลิกลิงค์ Ethernet → คลิก Details → หา Default Gateway ของ IP address ของเราเตอร์ หากระบบปฏิบัติการ เป็น Mac ให้คลิกเมนู Apple แล้วเลือก System Preferences → คลิก Network → คลิก Ethernet ที่ต่อไว้ → หา Router ของ IP address ของเราเตอร์ 3.5 ล็อกอินด้วยบัญชีแอดมิน. จะมีให้กรอกข้อมูลล็อกอินเข้าเราเตอร์ ค่า default ที่ต้องใช้ล็อกอิน จะต่างกันไปตามรุ่นเราเตอร์ที่ใช้ แต่ปกติ username มักจะเป็น "admin" และรหัสผ่านมักจะเป็น "admin", "password" หรือเว้นว่างไว้สามารถเอารุ่นเราเตอร์ไปค้นข้อมูลได้ที่ https://portforward.com/routerpassword/ จะได้ข้อมูลที่ต้องใช้ล็อกอิน 3.6 เปิดส่วน Wireless ของ router settings. ตำแหน่งและคำที่เขียนไว้จะต่างกันไปตามเราเตอร์ที่ ใช้


3.7 ตั้งชื่อเครือข่าย (ชื่อ Wi-Fi) ในช่อง SSID. บางครั้งจะเขียนว่า "Network name" นี่คือชื่อที่ ปรากฏขึ้นมาในรายชื่อสัญญาณ Wi-Fi ที่เชื่อมต่อได้ 3.8 ตั้ง Authentication หรือ Security เป็น WPA2-Personal เพราะถือเป็นตัวเลือกที่ปลอดภัย อย่าเลือก WPA และ WEP เว้นแต่จำเป็น เพราะมีความปลอดภัยที่ต่ำกว่า และใช้กับอุปกรณ์ที่เก่ากว่า และใช้ WPA2 ไม่ได้ 3.9 ตั้งรหัสผ่านจำง่ายแต่เดายาก หากจะเชื่อมต่อ Wi-Fi นี้จะต้องใส่รหัสทุกครั้ง ช่องที่ให้พิมพ์รหัส บางครั้งจะเขียนว่า "Pre-Shared Key"


3.10 ตรวจสอบว่าเปิด Wi-Fi แล้ว. ส่วนนี้เราเตอร์บางเครื่อง อาจจะต้องติ๊กช่องหรือคลิกปุ่มที่ด้านบน ของเมนู Wireless ก่อน ถึงจะเปิดใช้ Wi-Fi ได้ 3.11 คลิกปุ่ม Save หรือ Apply. เพื่อเซฟการตั้งค่าใหม่ของเราเตอร์ 3.12 รอจนเราเตอร์รีสตาร์ทเสร็จ 3.13 การเชื่อมต่อ Wi-Fi ในอุปกรณ์ต่างๆ เมื่อมีสัญญาณ Wi-Fi เครื่องนี้จะปรากฏในรายชื่อ Wi-Fi ที่ ใช้งานได้ ในทุกอุปกรณ์ที่อยู่ในระยะสัญญาณ เวลาเลือกใช้ Wi-Fi จะให้ใส่รหัสผ่านที่ตั้งไปก่อนหน้า คอมพิวเตอร์ที่เสียบเราเตอร์ผ่านสาย Ethernet อยู่ จะไม่ต้องใส่รหัสผ่าน


การเชื่อมต่อระบบเครือข่าย 1. สำรวจจำนวนคอมพิวเตอร์ที่จะเชื่อมต่อ ซึ่งจะเป็นตัวกำหนดประเภทของอุปกรณ์ที่ใช้เชื่อมต่อ (network hardware) เช่น ต้องการเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์น้อยกว่า 4 เครื่อง ใช้เราเตอร์ตัวเดียวได้ หรือสวิตช์ ตัวเดียวถ้าไม่ต้องการต่ออินเตอร์เน็ต แต่ถ้าต้องการเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์มากกว่า 4 เครื่อง ต้องใช้ทั้งเราเตอร์ และสวิตช์ หรือใช้แค่สวิตช์ไม่ต้องการต่ออินเตอร์เน็ต 2. กำหนดลักษณะการเชื่อมต่อ หากต้องการติดตั้ง LAN แบบถาวร ต้องความคำนวณเรื่องความยาว สาย ของสาย CAT5 Ethernet ต้องไม่ยาวเกิน 250 ฟุต (76 เมตร) ถ้าอยากได้ไกลกว่านั้น ก็ต้องมีสวิตช์หลาย ตัวโดยเว้นระยะห่างตามปกติ หรือต้องใช้สาย CAT6 แทน ต้องมีสาย Ethernet 1 เส้นสำหรับคอมพิวเตอร์แต่ ละเครื่องที่เชื่อมต่อ LAN รวมถึงสาย Ethernet 1 เส้น สำหรับต่อเราเตอร์ไปสวิตช์ (ถ้ามี) 3. เตรียมอุปกรณ์ network hardware ต่อ LAN ต้องใช้เราเตอร์และหรือ network hardware เป็น "Hub" ของ LAN กับคอมพิวเตอร์ ทุกเครื่องที่จะเชื่อมต่อ วิธีต่อ LAN ง่ายที่สุด โดยที่คอมพิวเตอร์ทุกเครื่องใช้


อินเตอร์เน็ตใด้ คือใช้เราเตอร์ แล้วเพิ่ม network switch เข้าไปถ้าเราเตอร์มีพอร์ทไม่พอ เราเตอร์จะกำหนด IP address ให้คอมพิวเตอร์แต่ละเครื่องที่เชื่อมต่ออยู่โดยอัตโนมัติ สวิตช์มีการทำงานคล้ายกับเราเตอร์ เพียงแต่ไม่กำหนด IP address โดยอัตโนมัติ ปกติสวิตช์จะมีพอร์ท Ethernet มากกว่าเราเตอร์ 4. ต่อโมเด็มเข้าพอร์ท WAN หรือ INTERNET ของเราเตอร์จากนั้นสัญญาณอินเตอร์เน็ตจะถูกส่งไปยัง คอมพิวเตอร์ทุกเครื่องที่เชื่อมต่อผ่าน LAN 5. ต่อสวิตช์กับพอร์ท LAN ของเราเตอร์ ใช้ network switch เชื่อมต่อคอมพิวเตอร์เครื่องอื่นๆ ให้ต่อ สวิตช์กับพอร์ท LAN ของเราเตอร์ จะเชื่อมต่อกับพอร์ทใดของสวิตช์ก็ได้ที่ว่างอยู่ เมื่อเชื่อมต่อแล้ว เราเตอร์จะ สร้าง IP address ให้คอมพิวเตอร์ทุกเครื่องที่เชื่อมต่ออยู่กับอุปกรณ์นั้น


เชื่อมต่อคอมพิวเตอร์เข้ากับระบบเครือข่าย 1. พอร์ท Ethernet ของคอมพิวเตอร์ ปกติจะอยู่หลังเคส CPU หรือข้างๆ หรือข้างหลังของ Notebook แต่ Notebook บางรุ่น อาจจะไม่มีพอร์ท Ethernet จำเป็นต้องใช้ USB Ethernet adapter หรือเชื่อมต่อแบบไร้สายแทน 2. เสียบสาย Ethernet ข้างหนึ่งเข้าคอมพิวเตอร์ 3. เสียบสายอีกด้านเข้าพอร์ท LAN ที่ว่าง. พอร์ท LAN ของเราเตอร์หรือสวิตช์ ตามลักษณะการต่อ LAN


4. ทดสอบการเชื่อมต่อ หากใช้เราเตอร์ เมื่อคอมพิวเตอร์ทุกเครื่องเชื่อมต่อผ่านพอร์ท LAN จะได้ IP address โดยอัตโนมัติ และจะปรากฏในเครือข่าย 5. เปิดใช้ file and printer sharing. เพื่อแชร์ไฟล์ โฟลเดอร์ และพรินเตอร์ การกำหนด IP Address ให้กับเครื่องคอมพิวเตอร์ กรณีที่ไม่มีเราเตอร์ 1. คลิกขวาที่ network connection. จะอยู่ใน System Tray กรณีเชื่อมต่อผ่านสวิตช์ฮับ ไม่ใช้เรา เตอร์ ต้องตั้ง IP address เฉพาะให้คอมพิวเตอร์แต่ละเครื่องในเครือข่าย ปกติขั้นตอนนี้จะเป็นไปโดยอัตโนมัติ หากใช้เราเตอร์ เพราะ IP address เหมือนกับ "ที่อยู่" ของคอมพิวเตอร์ คอมพิวเตอร์แต่ละเครื่องในเครือข่าย ต้องมี IP address เฉพาะตัว เพื่อส่งข้อมูลผ่านเครือข่าย ได้อย่างถูกต้อง


2. คลิก Open Network and Sharing Center. 3. คลิกลิงค์ Ethernet ที่ด้านบนของหน้าต่าง. อยู่ด้านข้าง "Connections" 4. คลิก Properties. 5. คลิก Internet Protocol Version 4 (TCP/IPv4)


6. คลิก Properties. 7. คลิกปุ่ม Use the following IP address. 8. พิมพ์ 192.168.1.50 ในช่อง IP address. 9. พิมพ์ 255.255.255.0 ในช่อง Subnet mask.


10. พิมพ์ 192.168.1.1 ในช่อง Default gateway. 11. คลิก OK. เพื่อเซฟค่าที่ตั้งให้คอมเครื่องนั้น เท่านี้คอมเครื่องที่ว่าก็พร้อมใช้ในเครือข่าย แถมมี IP address ประจำตัวแล้วด้วย 12. เปิด properties ของ Internet Protocol Version 4 ในคอมเครื่องต่อไป. ทำตามขั้นตอนที่ว่า มาในคอมเครื่องที่ 2 เพื่อเปิดหน้าต่าง Internet Protocol Version 4 (TCP/IPv4) Properties


13. คลิกปุ่ม Use the following IP address. 14. พิมพ์ 192.168.1.51 ในช่อง IP address. เช็คให้ชัวร์ว่าเลขกลุ่มสุดท้ายต้องมากขึ้นอีก 1 15. ใส่ค่าเดิมในช่อง Subnet mask กับ Default gateway ต้องเหมือนกับของคอมเครื่องแรก (255.255.255.0 กับ 192.168.1.1 ตามลำดับ) 16. ตั้ง IP address ของคอมทุกเครื่องที่เพิ่มมา. ทำซ้ำตามขั้นตอนในแต่ละเครื่องที่เพิ่มมา อย่าลืม เพิ่มเลข IP address ทีละ 1 (จนถึง 255) ส่วนช่อง "Subnet mask" กับ "Default gateway" ก็เหมือนเดิม ทุกเครื่อง


การตรวจสอบระบบเครือข่ายแบบใช้สายและไร้สาย คำสั่งการตรวจสอบระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ การเข้าใช้งาน Command Line Start > Run…> cmd [enter] 1. คำสั่งทดสอบการเชื่อมต่อไปยังเครื่องปลายทาง ping pc1 [enter] ทดสอบ computer name ping 192.168.0.3 [enter] ทดสอบโดยใช้หมายเลขไอพีเครื่องที่ต้องการ ping http://www.yahoo.com [enter] ทดสอบเว็บไซต์ภายนอก ping http://www.yahoo.com -t [enter] ทดสอบเว็บไซต์ภายนอกแบบต่อเนื่อง 2. คำสั่งตรวจสอบรายละเอียดเครื่องคอมฯ ออนไลน์ net view [enter] ตรวจสอบ computer name ใน workgroup เดียวกัน net view/domain [enter] ตรวจสอบรายชื่อโดเมนในระบบเครือข่าย net view/domain:account [enter] ตรวจสอบรายชื่อ computer name ในโดเมน account net share [enter] ดูไฟล์ในเครื่องที่แชร์อยู่ net session [enter] ตรวจสอบผู้ใช้ที่เข้าใช้งานเครื่องเรา net help [enter] แสดงออปชั่นย่อยภายในคำ net net help time [enter] แสดงวิธีการเรียกใช้งานคำสั่งย่อย 3. คำสั่งตรวจสอบสถิติไอพี/บริการ ที่เราใช้งานอยู่ netstat -n [enter] netstat -an [enter] 4. คำสั่งตรวจสอบ ip address / subnet mask / gateway ipconfig > ipconfig /all > ตรวจสอบ ip address / subnet mask / gateway / dns ipconfig /displaydns > ตรวจสอบ DNS 5. คำสั่งดูตารางชื่อเครื่องและรายละเอียดต่างๆ (NetBIOS Remote Machine Name Table) nbtstat -A 192.168.0.4 [enter] 6. คำสั่งทำการ remote ไปยังเครื่อง Linux Server ที่เปิดบริการ Telnet telnet 192.168.0.12 [enter] 7. คำสั่งดูตาราง Routing table route print [enter] 8. คำสั่งแกะรอยแส้นทางเครือข่ายโดยใช้ domain name tracert http://www.northbkk.ac.th [enter] 9. คำสั่งแกะรอยแส้นทางเครือข่ายโดยใช้ ip address tracert 203.107.139.192 [enter] 10. คำสั่งสอบถามชื่อโฮสต์และไอพี nslookup http://www.nortbkk.ac.th [enter]


การตรวจสอบ Network Connections (สัญญาณอินเตอร์เน็ต) บน Windows ด้วยการเข้าใช้เมนู Network and Sharing และ คำสั่ง “netstat” ใน Windows วิธีการตรวจสอบ สัญญาณอินเตอร์เน็ต ที่ใช้อยู่ บน Windows 10 การตรวจสอบการเชื่อมต่ออยู่ใน Windows มีหลายวิธี เช่น Windows 10 ให้เข้า Network and Sharing Center แต่ Windows เวอร์ชั่น อื่นๆ ให้ใช้คำสั่ง “netstat” หรือ network statistics ที่เป็น command-line tool สำหรับตรวจสอบ ปัญหาและเช็คปริมาณ traffic ในเครือข่าย 1. การเข้าใช้เมนู Network and Sharing ใน Windows 10 1.1 คลิก Start. 1.2 ไปที่ Settings. 1.3 เลือก Ethernet.


1.4 ไปที่ Network and Sharing Center. เป็นฟีเจอร์ของ Windows 10 ใช้ดูสถานะของเครือข่ายที่ เชื่อมต่อ เช็คประเภทการเชื่อมต่อ ว่าเชื่อมต่อกับคอมเครื่องอื่นอยู่หรือไม่ และเช็คว่าเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตหรือ เชื่อมต่อกับเครือข่ายใดอยู่หรือไม่ 1.5 คลิกไอคอนข้าง "Connections" ไอคอนที่ปรากฏขึ้นอยู่กับประเภทการเชื่อมต่อ เช่น "Ethernet" จะเป็นรูป "หัวเสียบ" ของสาย ethernet ส่วน Wi-Fi จะเป็นรูป "พัด" หรือแถบสัญญาณ 5 แถบ 1.6 คลิก Details. เพื่อเปิดหน้าต่างที่มีรายละเอียดการเชื่อมต่อ (network connection)


2. การเข้าใช้เมนู Network and Sharing ใน Windows 7 2.1 เปิดเมนู Start. 2.2 พิมพ์ "ncpa.cpl" ในช่องค้นหา ไม่ต้องใส่เครื่องหมายคำพูด. 2.3 รอจนโฟลเดอร์ Network Connections ขึ้นมา จะเห็นการเชื่อมต่อทั้งหมดในเครือข่าย 2.4 คลิกขวาการเชื่อมต่อที่ต้องการ.


2.5 เลือก Status ในเมนูที่ขยายลงมา. 2.6 รอหน้า Network Connection Status ขึ้นมา เป็นหน้าสำหรับเช็คสถานะของเครือข่าย เลือก Details เพื่อดูรายละเอียดเพิ่มเติม 3. การใช้คำสั่ง Netstat ใน Windows 7 3.1 ไปที่เมนู Start. 3.2 ค้นหา “cmd” พิมพ์ "cmd" แบบไม่มีเครื่องหมายคำพูดในแถบค้นหาของ Windows 7 เพื่อเปิด command prompt


3.3 รอจนเห็นหน้าต่างสีดำหรือ terminal. พิมพ์คำสั่ง netstat 3.4 พิมพ์ netstat -a เพื่อแสดงการเชื่อมต่อปัจจุบัน. คำสั่งนี้ใช้แสดงรายชื่อการเชื่อมต่อและพอร์ท TCP หรือ Transmission Control Protocol ที่ใช้อยู่ โดยจะมีรายชื่อเครื่องคอมพิวเตอร์ในหัวข้อ local addresses และ host name ใน remote addresses นอกจากนี้ยังมีสถานะของพอร์ท (waiting (รอ), established (เชื่อมต่อแล้ว) และอื่นๆ) 3.5 พิมพ์ netstat -b เพื่อแสดงโปรแกรมที่ใช้การเชื่อมต่อ คำสั่งนี้จะแสดงรายชื่อเดียวกับของ netstast -a แต่จะมีบอก ว่าโปรแกรมอะไรใช้การเชื่อมต่อ/พอร์ทนี้อยู่


3.6 พิมพ์ netstat -n เพื่อแสดง IP address. คำสั่งนี้จะแสดงรายชื่อเดียวกับของการเชื่อมต่อและ พอร์ท TCP แต่เป็นตัวเลข หรือ IP address แทนชื่อของคอมหรือ services 3.7 พิมพ์ netstat /? เพื่อแสดงคำสั่งอื่นๆ ที่ใช้ได้. คำสั่งนี้จะแสดงสถิติของ netstat protocols อื่นๆ 3.8 เช็ค network connections ที่ใช้อยู่ เมื่อสั่งคำสั่ง netstat แล้ว จะเห็นรายชื่อการเชื่อมต่อ TCP/UCP พร้อม IP address


4. การใช้คำสั่ง Netstat ใน Windows XP 4.1 กด Start. 4.2 คลิก "Run". จะมีช่องพิมพ์ข้อความขึ้นมา 4.3 พิมพ์ "cmd" 4.4 รอจนเห็นหน้าต่างสีดำหรือ terminal. เอาไว้ใช้พิมพ์คำสั่ง netstat


4.5 พิมพ์ netstat -a เพื่อแสดงการเชื่อมต่อปัจจุบัน. คำสั่งนี้ใช้แสดงรายชื่อการเชื่อมต่อและพอร์ท TCP หรือ Transmission Control Protocol ที่ใช้อยู่ โดยจะมีรายชื่อคอมในหัวข้อ local addresses และ host name ใน remote addresses นอกจากนี้ยังมีสถานะของพอร์ท (waiting (รอ), established (เชื่อมต่อแล้ว) และอื่นๆ) 4.6 พิมพ์ netstat -b เพื่อแสดงโปรแกรมที่ใช้การเชื่อมต่อนั้น. คำสั่งนี้จะแสดงรายชื่อเดียวกับของ netstat -a แต่จะมีบอกด้วย ว่าโปรแกรมอะไรใช้การเชื่อมต่อ/พอร์ทนี้อยู่ 4.7 พิมพ์ netstat -n เพื่อแสดง IP address. คำสั่งนี้จะแสดงรายชื่อเดียวกับของการเชื่อมต่อและ พอร์ท TCP แต่เป็นตัวเลข หรือ IP address แทนชื่อของคอมหรือ services


4.8 พิมพ์ netstat /? เพื่อแสดงคำสั่งอื่นๆ ที่ใช้ได้. คำสั่งนี้จะแสดงสถิติของ netstat protocols อื่นๆ 4.9 เช็ค network connections ที่ใช้อยู่ เมื่อสั่งคำสั่ง netstat แล้ว จะเห็นรายชื่อการเชื่อมต่อ TCP/UCP พร้อม IP address 5. การใช้คำสั่ง Ping เพื่อทดสอบระบบเครือข่าย คำสั่ง Ping ใช้เพื่อทดสอบความเร็วในการเชื่อมต่อระหว่างคอมพิวเตอร์กับเครื่องแม่ข่ายปลายทาง 5.1 การใช้คำสั่ง Ping บน Windows, Mac OS X และ Linux 5.1.1 เปิด Command Prompt หรือ Terminal. คอมพิวเตอร์ทุกระบบปฏิบัติการจะมีหน้าต่าง สำหรับพิมพ์คำสั่ง รวมถึงคำสั่ง Ping อยู่แล้ว ส่วนวิธีใช้งานคำสั่ง Ping นั้น คล้ายกันในทุกระบบปฏิบัติการ ถ้า ใช้ Windows ให้เปิด Command Prompt โดยคลิกปุ่ม Start แล้วพิมพ์ cmd ในช่องค้นหา ถ้าใช้ Mac OS X ให้เปิด Terminal จากโฟลเดอร์ Applications แล้วเปิดโฟลเดอร์ Utilities เลือก Terminal ถ้าใช้ Linux ให้เปิดหน้าต่าง Telnet/Terminal ปกติจะอยู่ในโฟลเดอร์ Accessories ของโฟลเดอร์ Applications อีก ถ้า ใช้ Ubuntu ให้กดคีย์ลัด Ctrl + Alt + T เพื่อเปิด terminal


5.1.2 ใช้คำสั่ง Ping. โดยพิมพ์ ping hostname หรือ ping IP address ปกติ hostname คือ address ของเว็บ ให้แทนที่ hostname ด้วยเว็บหรือเซิร์ฟเวอร์ ที่ต้องการจะ ping เช่น ถ้าจะ ping หน้าเว็บ หลักของ google ก็ให้พิมพ์ ping www.google.com ส่วน IP address คือตำแหน่งในเครือข่ายของ คอมพิวเตอร์ที่ต้องการทดสอบ ไม่ว่าจะ local หรือออนไลน์ หากรู้ IP address ที่จะ ping ให้พิมพ์แทนที่ IP address ได้เลย เช่น ต้องการ ping IP address 192.168.1.1 ให้พิมพ์ ping 192.168.1.1 แต่จะ ping คอมพิวเตอร์ของตนเอง ให้พิมพ์ ping 127.0.0.1 5.1.3 กด Enter เพื่ออ่านผลที่ได้จากคำสั่ง ping. ผลที่ได้จะอยู่ล่างหน้าต่าง command 5.2 การใช้งาน Network Utility ของ Mac OS X 5.2.1 เปิด Network Utility. เปิดโฟลเดอร์ Applications แล้วเลือก Utilities จากนั้นมองหา Network Utility


5.2.2 คลิก tab Ping. แล้วระบุ hostname หรือ IP Address ปกติ hostname ก็คือ address ของ เว็บ เช่น ต้องการ ping หน้าเว็บหลักของ google ก็ให้พิมพ์ ping www.google.com ลงไป IP address คือ ตำแหน่งในเครือข่ายของคอมพิวเตอร์ที่ใช้ ไม่ว่าจะเป็น local หรือออนไลน์ เช่น ต้องการ ping IP address 192.168.1.1 ให้พิมพ์ 192.168.1.1 ในช่อง 5.2.3 กำหนดว่าจะส่ง pings. กี่ครั้ง เสร็จแล้วให้คลิก Ping แล้วจะเห็นผลที่ได้ที่ด้านล่างของหน้าต่าง 5.3 การอ่านผลที่ได้จากคำสั่ง Ping 5.3.1 อ่านบรรทัดแรก. บรรทัดแรกจะบอกว่าคำสั่งนี้ใช้ทำอะไร จะเป็นการทวน address ที่ใส่ไป และบอกว่าส่งข้อมูลไปเท่าใด เช่น Pinging www.wikihow.com [173.203.142.5] with 32 bites of data:


5.3.2 การอ่านเนื้อหาของผลที่ได้. ถ้าใช้คำสั่ง Ping สำเร็จ จะเห็นบรรทัดต่างๆ ที่แสดงเวลาที่เว็บ ปลายทางใช้ในการตอบสนอง TTL คือจำนวนครั้งในการ hops ที่เกิดระหว่างขั้นตอนการส่ง packet ยิ่งเลข ค่าต่ำ คือ packet ผ่านเราเตอร์มากขึ้นเท่านั้น Time คือระยะเวลาที่ใช้ในการเชื่อมต่อ หน่วยเป็นมิลลิวินาที Reply from 173.203.142.5: bytes=32 time=102ms TTL=48 Reply from 173.203.142.5: bytes=32 time=105ms TTL=48 Reply from 173.203.142.5: bytes=32 time=105ms TTL=48 Reply from 173.203.142.5: bytes=32 time=108ms TTL=48 ถ้าต้องการหยุดการทำงานของคำสั่ง Ping ก่อนที่คำสั่งจะทำงานจบ ให้กด Ctrl + C 5.3.3 การอ่านสรุปข้อมูล. เมื่อใช้คำสั่งเสร็จแล้ว จะมีสรุปข้อมูลให้อ่าน Lost packets คือการเชื่อม ต่อไปยัง address นั้นไม่ได้จำนวนกี่ครั้ง นอกจากนี้สรุปข้อมูลยังแสดงระยะเวลาโดยเฉลี่ยของการเชื่อมต่อ ด้วย Ping statistics for 173.203.142.5: Packets: Sent = 4, Received = 4, Lost = 0 (0% loss), Approximate round trip times in milli-seconds: Minimum = 102ms, Maximum = 108ms, Average = 105ms


5.4 ตัวเลือกเพิ่มเติมในการใช้งานคำสั่ง ping -c Count คือหยุดเมื่อส่ง packets ครบจำนวน อีกวิธีหยุดคำสั่งคือพิมพ์ [ctrl]-C ตัวเลือกนี้เหมาะ สำหรับสคริปต์ที่เอาไว้คอยเช็คลักษณะเครือข่าย -t ping จนหยุด ([ctrl]-C) -w Timeout มิลลิวินาที รอจนมีข้อความบอกว่าหมดเวลาหรือข้อมูลหายไป ให้ Ping โดยกำหนด timeout นานๆ หน่อย จะได้รู้ปัญหาแฝง ping -w 10000 ปกติจะมีประโยชน์เฉพาะตอนใช้เน็ตมือถือ สัญญาณดาวเทียม หรือเครือข่ายแบบ high latency -n เฉพาะผลที่เป็นตัวเลข (Numeric output) ใช้เพื่อหลีกเลี่ยงการติดต่อ nameserver -p Pattern คือชุดเลขฐานสิบหกต่อท้าย packet ถ้าสงสัยว่ามีปัญหาด้านข้อมูล ตรงนี้จะช่วยอะไรไม่ ค่อยได้เท่าไหร่ -R ให้ใช้ตัวเลือก Record Route ของ IP เพื่อดูว่าคำสั่ง ping ส่ง packets ไปเส้นทางไหน เว็บ ปลายทางอาจไม่แสดงข้อมูลตรงนี้ -r Bypass ข้าม routing tables ให้ใช้เวลาสงสัยว่า routing มีปัญหา แล้วคำสั่ง ping ไม่สามารถหา เส้นทางไปยังเว็บปลายทาง แต่จะได้ผลเฉพาะเว็บที่เข้าถึงได้โดยตรง ไม่ต้องผ่านเราเตอร์ -s ขนาด Packet ใช้เปลี่ยนขนาด packets และเช็ค packets ที่มีขนาดใหญ่มากที่ต้องกระจายเป็น ส่วนย่อย -V ผล Verbose ใช้แสดง ICMP packets เพิ่มเติมที่บอกข้อมูลโดยละเอียด -f Flood ใช้ส่ง packets โดยเร็วที่สุด เพื่อทดสอบแบบ stress test ว่าเครือข่ายทำงานได้สูงสุด เท่าไหร่ ไม่ควรใช้บ่อย -l Preload ใช้ส่ง preload packets โดยเร็วที่สุด จากนั้นก็กลับมาส่งข้อมูลในความเร็วปกติ เหมาะ สำหรับเช็คว่าเราเตอร์รับมือกับ packets ได้มากแค่ไหน เพื่อวิเคราะห์ปัญหาที่เกิดเฉพาะตอนหน้าต่าง TCP มี ขนาดใหญ่ -? Help ใช้แสดงรายชื่อตัวเลือกทั้งหมดของคำสั่ง Ping รวมถึง syntax ที่จำเป็น การตรวจสอบสถานะสัญญาณอินเตอร์เน็ตจาก ไอคอนสถานะของการ์ดแลน บน Windows การเชื่อมต่อเน็ตเวิร์ค มีความสำคัญกับการใช้คอมพิวเตอร์ในปัจจุบัน ทั้งในบ้านหรือในสำนักงาน และแม้จะมีคอมพิวเตอร์เพียงเครื่องเดียว ก็จะต้องมีการเชื่อมต่อเน็ตเวิร์คเพื่อเข้าสู่ระบบอินเตอร์เน็ตอยู่ดี ซึ่งการเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์เข้าสู่ระบบอินเตอร์เน็ตมีวิธีการเชื่อมต่อดังต่อไปนี้ 1. เชื่อมต่อผ่านสัญญาณอินเตอร์เน็ตใช้สาย ผ่านพอร์ต LAN ด้วยสายแลนที่มาจาก Router 2. เชื่อมต่อผ่านสัญญาณอินเตอร์เน็ตไร้สาย ที่ปล่อยสัญญาณมาจาก Wireless Router 3. เชื่อมต่อผ่าน USB ที่แชร์มาจาก Smartphone เมื่อนำสายแลนเสียบเข้ากับการ์ดแลนของคอมพิวเตอร์เพื่อใช้งานอินเตอร์เน็ต ถ้าเป็นปกติสัญลักษณ์ ที่มุมล่างด้านขวาของหน้าจอคอมพิวเตอร์ (รูปจอคอมพิวเตอร์) หากนำเม้าส์ไปชี้ จะขึ้นข้อความว่า Internet Access (เชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตได้) หรือ No Internet Access (เชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตไม่ได้) โดยลักษณะของสัญลักษณ์ ไอคอนของการ์ดแลน จะบอกถึงปัญหาของระบบเน็ตเวิร์ค ที่แตกต่างกัน โดย ลักษณะของสัญลักษณ์ ไอคอนของการ์ดแลน บน Windows แต่ละเวอร์ชั่น จะแสดงสถานะไม่เหมือนกัน โดยแบ่งรูปแบบการแสดงสถานะของการ์ดแลนเป็น 3 หัวข้อคือ - สถานะเมื่อเชื่อมต่อเน็ตเวิร์คได้ เข้าอินเตอร์เน็ตได้


- สถานะเมื่อเชื่อมต่อเน็ตเวิร์คได้ แต่เข้าอินเตอร์เน็ตไม่ได้ - สถานะเมื่อเชื่อมต่อเน็ตเวิร์คไม่ได้ (ถูกปิดการใช้งาน, สายแลนขาด, ไม่ได้เสียบสายแลน) หมายเหตุ สถานะทั้งหมดนี้อยู่บนเงื่อนไขที่ การ์ดแลนไม่เสียและติดตั้งไดรเวอร์เสร็จเรียบร้อยแล้ว 1. สถานะเมื่อเชื่อมต่อเน็ตเวิร์คได้ เข้าอินเตอร์เน็ตได้ Windows XP Windows 7 Windows 10 v1809 ↓ Windows 10 v1903 ↑ 2. สถานะเมื่อเชื่อมต่อเน็ตเวิร์คได้ แต่เข้าอินเตอร์เน็ตไม่ได้ Windows XP Windows 7 Windows 10 v1809 ↓ Windows 10 v1903 ↑ 3. สถานะเมื่อเชื่อมต่อเน็ตเวิร์คไม่ได้ (ถูกปิดการใช้งาน, สายแลนขาด, ไม่ได้เสียบสายแลน) Windows XP Windows 7 Windows 10 v1809 ↓ Windows 10 v1903 ↑ สถานะการ์ดแลนบน Windows XP SP3 1. Windows XP : การ์ดแลนเชื่อมต่อเน็ตเวิร์คได้ เชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตได้ สถานะเหมือนจอคอมพิวเตอร์สอง จอ ซ้อนกันอยู่ 2. Windows XP : การ์ดแลนเชื่อมต่อเน็ตเวิร์คได้ แต่เชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตไม่ได้ (เหมือนกับกรณีเชื่อมต่อ อินเตอร์เน็ตได้) 3-1. Windows XP : การ์ดแลนถูกปิดการใช้งาน ไม่มีสถานะขึ้นให้เห็น ถ้าจะให้ใช้ได้ต้องไปคลิกขวาที่การ์ด แลน แล้วเลือก Enable


3-2. Windows XP : สายแลนขาด หรือไม่ได้ต่อสายแลน สถานะขึ้นเป็นกากบาท สถานะการ์ดแลนบน Windows 7 SP1 1. Windows 7 SP1 : การ์ดแลนเชื่อมต่อเน็ตเวิร์คได้ เชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตได้ สถานะเหมือนจอคอมพิวเตอร์ หนึ่งจอและมีสายแลนอยู่ข้าง ๆ เมื่อเอาเม้าส์ไปชี้จะขึ้นข้อความว่า Internet Access 2. Windows 7 SP1 : การ์ดแลนเชื่อมต่อเน็ตเวิร์คได้ แต่เชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตไม่ได้ สถานะเหมือน จอคอมพิวเตอร์หนึ่งจอและมีสายแลนอยู่ข้าง ๆ มีเครื่องหมายตกใจอยู่ตรงกลาง เมื่อเอาเม้าส์ไปชี้จะขึ้น ข้อความว่า No Internet Access 3-1. Windows 7 SP1 : การ์ดแลนถูกปิดการใช้งาน ถ้าจะให้ใช้ได้ต้องไปคลิกขวาที่การ์ดแลน แล้วเลือก Enable สถานะขึ้นเป็นกากบาท เมื่อเอาเม้าส์ไปชี้จะขึ้นข้อความว่า Not connected – No connections are available 3-2. Windows 7 SP1 : สายแลนขาด หรือไม่ได้ต่อสายแลน สถานะขึ้นเป็นกากบาท เมื่อเอาเม้าส์ไปชี้จะขึ้น ข้อความว่า Not connected – No connections are available สถานะการ์ดแลนบน Windows 10 v1507 - v1809 1. Windows 10 v1507 – v1809 : การ์ดแลนเชื่อมต่อเน็ตเวิร์ดได้ เชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตได้ สถานะเหมือน จอคอมพิวเตอร์หนึ่งจอ และมีสายแลนอยู่ข้าง ๆ เมื่อเอาเม้าส์ไปชี้จะขึ้นข้อความว่า Internet Access


2. Windows 10 v1507 – v1809 : การ์ดแลนเชื่อมต่อเน็ตเวิร์คได้ แต่เชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตไม่ได้ สถานะรูป เหมือนจอคอมพิวเตอร์หนึ่งจอและมีสายแลนอยู่ข้าง ๆ มีเครื่องหมายตกใจอยู่ตรงกลาง เมื่อเอาเม้าส์ไปชี้จะ ขึ้นข้อความว่า No Internet Access 3-1. Windows 10 v1507 – v1809 : การ์ดแลนถูกปิดการใช้งาน ถ้าจะให้ใช้ได้ต้องไปคลิกขวาที่การ์ดแลน แล้วเลือก Enable สถานะขึ้นเป็นกากบาท เมื่อเอาเม้าส์ไปชี้จะขึ้นข้อความว่า Not connected – No connections are available 3-2. Windows 10 v1507 – v1809 : สายแลนขาด หรือไม่ได้ต่อสายแลน สถานะขึ้นเป็นกากบาท เมื่อเอา เม้าส์ไปชี้จะขึ้นข้อความว่า Not connected – No connections are available สถานะการ์ดแลนบน Window 10 v1903 - ปัจจุบัน 1. Windows 10 v1903 – ปัจจุบัน : การ์ดแลนเชื่อมต่อเน็ตเวิร์ดได้ เชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตได้ สถานะเหมือน จอคอมพิวเตอร์หนึ่งจอ และมีสายแลนอยู่ข้าง ๆ เมื่อเอาเม้าส์ไปชี้จะขึ้นข้อความว่า Internet Access 2. Windows 10 v1903 – ปัจจุบัน : การ์ดแลนเชื่อมต่อเน็ตเวิร์คได้ แต่เชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตไม่ได้ สถานะ เหมือนลูกโลก มีเครื่องหมาย stop อยู่ข้าง ๆ เมื่อเอาเม้าส์ไปชี้จะขึ้นข้อความว่า No Internet Access


3-1. Windows 10 v1903 – ปัจจุบัน : การ์ดแลนถูกปิดการใช้งาน ถ้าจะให้ใช้ได้ต้องไปคลิกขวาที่การ์ดแลน แล้วเลือก Enable สถานะเหมือนลูกโลก มีเครื่องหมาย stop อยู่ข้าง ๆ เมื่อเอาเม้าส์ไปชี้จะขึ้นข้อความว่า Not connected – No connections are available 3-2. Windows 10 v1903 – ปัจจุบัน : สายแลนขาด หรือไม่ได้ต่อสายแลน สถานะเหมือนลูกโลก มี เครื่องหมาย stop อยู่ข้าง ๆ เมื่อเอาเม้าส์ไปชี้จะขึ้นข้อความว่า Not connected – No connections are available วิธีตรวจเช็คและแก้ไขเมื่อระบบเน็ตเวิร์คมีปัญหาโดยสังเกต จากไอคอนสถานะของการ์ดแลน มีดังนี้ 1. ไอคอนสถานะของการ์ดแลนขึ้นเครื่องหมายตกใจ สามเหลี่ยม สีเหลือง ไอคอนสถานะของการ์ดแลนขึ้นเครื่องหมายตกใจ สามเหลี่ยม สีเหลือง หมายถึง เครื่องไม่ได้รับ IP Address หรือ IP Address DNS มีปัญหา สาเหตุปัญหา 1. Server แจกจ่าย IP Address มาไม่เพียงพอต่อความต้องการ 2. มีการโจมตีระบบจนทำให้การจราจรบนระบบเครือข่ายเต็ม การสื่อสารจึงเป็นไปได้ยาก เน็ตจะช้า หรือใช้ไม่ได้เลย อาจจะมาจากเครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องได้เครื่องหนึ่ง 3. ความไม่สมบูรณ์ของ Driver ที่ถูกติดตั้งบน windows แต่ละ windows (วิธีแก้ปัญหา เบื้องต้น ให้ Uninstall และ Restart เครื่องใหม่จากนั้นระบบปฏิบัติการจะลง Driver ให้ใหม่) 4. ระยะของสัญญาณห่างไกลเกิน/จุดรับตำแหน่งสัญญาณไม่ดี(กรณี ใช้ wireless) เป็นต้น ตรวจเช็คและแก้ไข - ไปที่ Start -> Run ชอง Open พิมพ์cmd แล้วกด OK - พิมพ์คำสั่ง ipconfig /release กดปุ่ม enter - พิมพ์คำสั่ง ipconfig /renew กดปุ่ม enter หมายเหตุวิธีนี้เป็นการขอ IP Address มาใหม่จาก Server สังเกตดูสัญลักษณ์สีเหลืองจะหายไป และใช้ network ได้ปกติหากยังไม่ได้จำเป็นต้องติดต่อผู้ดูแลระบบ สัญลักษณ์สีเหลืองที่ไอคอนสถานะของการ์ดแลนจะหายไปและใช้ network ได้ปกติ


2. ไอคอนสถานะของการ์ดแลนขึ้นเครื่องหมายกากบาท สีแดง ไอคอนสถานะของการ์ดแลนขึ้นเครื่องหมายกากบาท สีแดง ไอคอนสถานะของการ์ดแลนขึ้นเครื่องหมายกากบาท สีแดง หมายถึง เครื่องไม่มีการเชื่อมต่อเน็ตเวิร์ค ซึ่งสาเหตุปัญหา ไอคอนสถานะของการ์ดแลนขึ้นเครื่องหมายกากบาท สีแดง มีหลายสาเหตุตัวอย่างเช่น 1. การ์ดแลนเสีย สาเหตุปัญหา - คอมพิวเตอร์ที่เปิดใช้งานขณะไฟกระชากรุนแรง หรือฟ้าผ่า อาจทำให้การ์ดแลนเสียหายได้ - การ์ดแลนอาจเสียหายเองโดยอายุการใช้งานหรืออุปกรณ์บกพร่องจากโรงงาน ตรวจเช็คและแก้ไข - กดปุ่มค้นหา (ปุ่มแว่นขยาย) พิมพ์คำว่า Device Manager แล้ว กด Enter - กดที่หัวข้อ Network Adapters เพื่อดูว่ามีหัวข้อของการ์ดแลนหรือไม่ กรณีการ์ดแลนเสีย จะไม่มีหัวข้อการ์ดแลนให้เห็น แต่กรณีมีหัวข้อการ์ดแลนแสดงว่าการ์ดแลนอาจจะยังไม่เสีย แต่อาจมีความผิดปกติอันเนื่องมาจากสาเหตุอื่น - กรณีไม่เห็นรายชื่อการ์ดแลนภายใต้หัวข้อ Network Adapters ให้นำการ์ดแลนมาเปลี่ยน กรณีการ์ดแลนเสีย จะไม่มีหัวข้อการ์ดแลนให้เห็น 2. ไม่ได้ติดตั้งไดรเวอร์การ์ดแลน สาเหตุปัญหา - วินโดวส์ไม่รู้จักการ์ดแลน - มักเกิดขึ้นหลังติดตั้งวินโดวส์ใหม่ หรือไดรเวอร์การ์ดแลนถูกลบโดยไม่ได้ตั้งใจ


ตรวจเช็คและแก้ไข - กดปุ่มค้นหา (ปุ่มแว่นขยาย) พิมพ์คำว่า Device Manager แล้ว Enter - กดที่หัวข้อ Network Adapters การ์ดแลนมีเครื่องหมายตกใจสีเหลือง - ติดตั้งไดรเวอร์ให้ถูกต้อง โดยหากเป็นการ์ดแลนออนบอร์ด ให้ดูจากรุ่นเมนบอร์ด แล้ว ดาวน์โหลดไดรเวอร์มาติดตั้ง หากเป็นการ์ดแลนที่ติดตั้งเพิ่มในภายหลัง ให้ดูจากยี่ห้อและรุ่น แล้ว ดาวน์โหลดไดรเวอร์มาติดตั้ง การ์ดแลนมีเครื่องหมายตกใจสีเหลือง 3. สายแลนชำรุด / หัวแลนชำรุด สาเหตุปัญหา - สายแลนอาจเกิดการหักงอภายในจนบางเส้นหักขาดจากกัน - สายแลนที่ไม่มีคุณภาพ ทองแดงภายในขนาดเล็กไม่ได้มาตรฐาน ทำให้ขาดได้ง่าย - หัวแลน (RJ45) บริเวณหน้าสัมผัสอาจสกปรก หรือเข้าหัว (RJ45) ไม่แน่น ทำให้การ เชื่อมต่อกับพอร์ตแลนไม่สนิท ตรวจเช็คและแก้ไข - หาสายแลนเส้นที่ใช้งานได้มาทดลอง หรือนำสายแลนเส้นที่มีปัญหาไปทดลองใช้กับ คอมพิวเตอร์เครื่องอื่น - หากมีอุปกรณ์เช็คสายแลน ให้ทดสอบว่าสายปกติหรือไม่ - หากมีอุปกรณ์เข้าหัวแลน ให้เข้าหัวแลนใหม่ สายแลนชำรุด


4. การ์ดแลนและสายแลนไม่เสีย แต่ถูกปิดการใช้งาน สาเหตุปัญหา - ผู้ใช้งานอาจคลิกพลาด ทำให้การ์ดแลนถูกปิดการใช้งาน ตรวจเช็คและแก้ไข - กดปุ่มค้นหา (ปุ่มแว่นขยาย) พิมพ์คำว่า Device Manager แล้ว Enter - กดที่หัวข้อ Network Adapters จะเห็นการ์ดแลน - เมื่อเอาเม้าส์ไปคลิกขวา ที่การ์ดแลนซึ่งอยู่ใต้หัวข้อ Network Adapters จะขึ้นคำว่า Enable device ให้กด Enable device การ์ดแลนก็จะกลับมาใช้งานได้ตามปกติ หรือ - กดปุ่มค้นหา (ปุ่มแว่นขยาย) พิมพ์คำว่า Control panel แล้ว Enter - คลิก Network and Sharing Center - คลิก Change adapter settings - คลิกขวาที่ Local Area Connection (ที่ไอคอนจาง ๆ) แล้วเลือก Enable การ์ดแลนจะ กลับมาใช้งานได้ตามปกติ


*** ถ้าคลิกขวาแล้วบรรทัดแรกขึ้นคำว่า Enable แสดงว่า ถูก Disable ไว้ *** ถ้าคลิกขวาแล้วบรรทัดแรกขึ้นคำว่า Disable แสดงว่า ถูก Enable ไว้ 5. พอร์ตแลนของเราเตอร์หรือสวิทชิ่งฮับเสีย หรือขั้วทองแดงหักงอ สาเหตุปัญหา - ถ้าปัญหาเกิดจากกรณีนี้ คอมพิวเตอร์ทุกเครื่องจะขึ้นกากบาททั้งหมด แต่อาจเจอกรณีที่ เสียเป็นบางพอร์ต ตรวจเช็คและแก้ไข - ทดสอบด้วยการสลับสายไปเสียบกับพอร์ตอื่น ๆ - เปลี่ยนเราเตอร์หรือสวิทชิ่งฮับเครื่องใหม่


แบบฝึกหัดหลังเรียนหน่วยที่ 5.1 เรื่อง การติดตั้งและตรวจสอบระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ ตอนที่ 1 จงเลือกคำตอบที่ถูกต้องเพียงคำตอบเดียว 1. คำสั่ง netstat ใช้ตรวจสอบอะไร ก. ดูหมายเลข card LAN ข. ดูสถิติในระบบ,สถานะ,protocol ค. ตรวจสอบการเชื่อมต่อ ง. ค่าต่าง ๆ ภายในเครื่อง 2. คำสั่ง ping 203.151.239.2 เป็นการทดสอบเส้นทางระหว่างเครื่องใดกับเครื่องใด ก. เครื่องที่ใช้คำสั่งกับเครื่องที่มี IP 203.151.239.2 ข. เครื่องที่ใช้คำสั่งกับเครื่องที่มี IP 203.152.236.2 ค. เครื่องที่ใช้คำสั่งกับเครื่องที่มี IP 203.155.236.0 ง. เครื่องที่ใช้คำสั่งกับเครื่องที่มี IP 203.125.306.0 3. คำสั่ง ping ใช้ตรวจสอบอะไร ก. ตรวจสอบการเชื่อมต่อ ข. ค่าต่าง ๆ ภายในเครื่อง ค. ดูสถิติในระบบ,สถานะ,protocol ง. ดูหมายเลข card lan 4. การเรียงคู่สีของสาย แบบ T568A คือ ก. ขาวส้ม,ส้ม,ขาวเขียว,น้ำเงิน,ขาวน้ำเงิน,เขียว,ขาวน้ำตาล,น้ำตาล ข. ขาวเขียว,เขียว,ขาวส้ม,น้ำเงิน,ขาวน้ำเงิน,ส้ม,ขาวน้ำตาล,น้ำตาล ค. ขาวส้ม,ส้ม,ขาวเขียว,น้ำเงิน,ขาวน้ำเงิน,เขียว ง. ขาวส้ม,ส้ม,ขาวเขียว,น้ำเงิน,ขาวน้ำเงิน, ขาวน้ำตาล,น้ำตาล 5. การเรียงคู่สีของสาย แบบ T568B คือ ก. ขาวส้ม,ส้ม,ขาวเขียว,น้ำเงิน,ขาวน้ำเงิน,เขียว,ขาวน้ำตาล,น้ำตาล ข. ขาวเขียว,ขาวส้ม,น้ำเงิน,ขาวน้ำเงิน,ส้ม,ขาวน้ำตาล,น้ำตาล ค.ขาวส้ม,ส้ม,ขาวเขียว,น้ำเงิน,ขาวน้ำเงิน,เขียว ง. ขาวส้ม,ส้ม,ขาวเขียว,น้ำเงิน,ขาวน้ำเงิน, ขาวน้ำตาล,น้ำตาล 6. สาย UTP CAT5 ความยาวเหมาะสมกับการใช้งาน ไม่เกินกี่ เมตร ก. 100 เมตร ข. 300 เมตร ค. 2 เมตร ง. 4 เมตร 7. การหัวแบบสายไข้ว เรียกอีกอย่างว่าอะไร ก. สายตรง ข. สาย ไข้ว ค. Cross ง. ผิดทุกข้อ


8. อุปกรณ์ใดทำหน้าที่เป็นตัวกระจายสัญญาณอินเทอร์เน็ตไร้สายแบบพกพา ที่ไม่ต้องเสียบไฟบ้านตลอดเวลา และแบตเตอรี่ในตัว ก. Pocket Wi-Fi ข. Network adapter ค. Network Switch Hub ง. Router 9.การแชร์ไฟล์หมายถึง ก. การกำหนดรายชื่อ ข. การแบ่งปันข้อมูลคอมพิวเตอร์ด้วยเครือข่าย ค. เป็นออพเจ็กต์พิเศษ ง. ถูกทุกข้อ 10. Network and Sharing Center. เป็นฟีเจอร์ของ Windows 10 มีประโยชน์อย่างไร ก. ใช้ดูสถานะของเครือข่ายที่เชื่อมต่อ ข. ใช้ดูประเภทการเชื่อมต่อ ค. ใช้ดูว่าเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตหรือไม่ ง. ถูกทุกข้อ


แบบฝึกหัดหลังเรียนหน่วยที่ 5.2 เรื่อง การติดตั้งและตรวจสอบระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ ตอนที่ 1 จงเลือกคำตอบที่ถูกต้องเพียงคำตอบเดียว 1. การใช้คำสั่ง Ping หากมีการตอบรับกลับมาเป็น “Request Time Out” หมายความว่าอย่าไร ก. เชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์ปลายทางได้ ข. เชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์ปลายทางไม่ได้ ค. เชื่อมต่อการ์ดเครือข่ายไม่ได้ ง. เชื่อมต่อกับสายแลนไม่ได้ 2. การตรวจสอบหาข้อบกพร่องบนเครือข่ายสามารถตรวจสอบได้จากอะไร ก. ตรวจสอบอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ ข. ตรวจสอบกับคอมพิวเตอร์ปลายทาง ค. ตรวจสอบในการติดตั้งค่าในเวิร์คกรุ๊ป ง.ถูกทุกข้อ 3. ข้อใดไม่ใช่เครื่องมือในการติดตั้งระบบเครือข่าย ก. การ์ดแลน ข. มีดปอกสายแลน ค. คีมเข้าหัวสายแลน ง. เครื่องทดสอบสายแลน 4. ข้อใดไม่ใช่อุปกรณ์ในการติดตั้งระบบเครือข่าย ก. การ์ดแลน หรือ Network adapter ทั้งแบบใช้สายและไร้สาย ข. สายคู่บิดเกลียว (Twisted Pair) ค. Network Switch Hub ง. Router หรือ Router Wi-Fi 5. การอ่านเนื้อหาของผลที่ได้จากใช้คำสั่ง Ping “TTL” คือค่าของอะไร ก. จำนวนครั้งในการ hops ที่เกิดระหว่างขั้นตอนการส่ง packet ข. ระยะเวลาที่ใช้ในการเชื่อมต่อ ค. ขนาดของข้อมูลที่ส่ง ง. ไม่มีข้อถูก 6. การอ่านเนื้อหาของผลที่ได้จากใช้คำสั่ง Ping “Time” คือค่าของอะไร ก. จำนวนครั้งในการ hops ที่เกิดระหว่างขั้นตอนการส่ง packet ข. ระยะเวลาที่ใช้ในการเชื่อมต่อ ค. ขนาดของข้อมูลที่ส่ง ง. ไม่มีข้อถูก 7. ประโยชน์ของ Wi-Fi Router คือข้อใด ก. เราเตอร์สามารถช่วยเพิ่มการใช้งานของระบบเครือข่ายแบบไร้สายได้ ข. เราเตอร์ที่สามารถปล่อยสัญญาณไวไฟได้ ค. เราเตอร์บ้างรุ่นมีการติดตั้งโปรแกรมป้องกันไวรัสมาให้ด้วยทำให้เกิดความปลอดภัยในการใช้งาน ง. ถูกทุกข้อ


8. เมื่อต่อสายแลนเข้ากับเครื่องมือเช็คสายแลน (Network Cable Tester) ฝั่งRemote และฝั่ง Master แล้ว สังเกตเห็นว่าหลอดไฟสีเขียววิ่งไม่ตรงกันทั้งฝั่ง Remoteและ Master แสดงว่าการเข้าหัวสายแลนนั้นเป็น อย่างไร ก. การเข้าสายแบบต่อตรงได้ถูกต้อง ข. การเข้าสายแบบไขว้ผิด ค. การเข้าสายแบบต่อตรงผิด ง. ไม่มีข้อใดถูก 9. เมื่อต่อสายแลนเข้ากับเครื่องมือเช็คสายแลน (Network Cable Tester) ฝั่งRemote และฝั่ง Master แล้ว สังเกตเห็นว่าหลอดไฟสีเขียววิ่งตรงกันทั้งฝั่ง Remoteและ Master แสดงว่าการเข้าหัวสายแลนนั้นเป็นอย่างไร ก. การเข้าสายแบบต่อตรงได้ถูกต้อง ข. การเข้าสายแบบไขว้ผิด ค. การเข้าสายแบบต่อตรงผิด ง. ไม่มีข้อใดถูก 10. โปรแกรมที่ใช้ ตรวจสอบ ระบบเครือข่าย ของ Mac OS X คือข้อใด ก. work Utility ข. Network Utility ค. Utility Network ง. Network App


เฉลยแบบฝึกหัดหลังเรียนหน่วยที่ 5.1 1.คำสั่ง netstat ใช้ตรวจสอบอะไร ข. ดูสถิติในระบบ,สถานะ,protocol 2. คำสั่ง ping 203.151.239.2 เป็นการทดสอบเส้นทางระหว่างเครื่องใดกับเครื่องใด ก. เครื่องที่ใช้คำสั่งกับเครื่องที่มี IP 203.151.239.2 3.คำสั่ง ping ใช้ตรวจสอบอะไร ก. ตรวจสอบการเชื่อมต่อ 4.การเรียงคู่สีของสาย แบบ T568A คือ ข.ขาวเขียว,เขียว,ขาวส้ม,น้ำเงิน,ขาวน้ำเงิน,ส้ม,ขาวน้ำตาล,น้ำตาล 5.การเรียงคู่สีของสาย แบบ T568B คือ ก.ขาวส้ม,ส้ม,ขาวเขียว,น้ำเงิน,ขาวน้ำเงิน,เขียว,ขาวน้ำตาล,น้ำตาล 6. สาย UTP CAT5 ความยาวเหมาะสมกับการใช้งาน ไม่เกินกี่เมตร ก. 100 เมตร 7.การหัวแบบสายไข้ว เรียกอีกอย่างว่าอะไร ค. Cross 8 อุปกรณ์ใดทำหน้าที่เป็นตัวกระจายสัญญาณอินเทอร์เน็ตไร้สายแบบพกพา ที่ไม่ต้องเสียบไฟบ้านตลอดเวลา และแบตเตอรี่ในตัว ก. Pocket WiFi 9. การแชร์ไฟล์หมายถึง ข. การแบ่งปันข้อมูลคอมพิวเตอร์ด้วยเครือข่าย 10. Network and Sharing Center. เป็นฟีเจอร์ของ Windows 10 มีประโยนช์อย่างไร ง. ถูกทุกข้อ เฉลยแบบฝึกหัดหลังเรียนหน่วยที่ 5.2 1. การใช้คำสั่ง Ping หากมีการตอบรับกลับมาเป็น “Request Time Out” หมายความว่าอย่าไร ข. เชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์ปลายทางไม่ได้ 2. การตรวจสอบหาข้อบกพร่องบนเครือข่ายสามารถตรวจสอบได้จากอะไร ง. ถูกทุกข้อ 3. ข้อใดไม่ใช่เครื่องมือในการติดตั้งระบบเครือข่าย ก. การ์ดแลน 4. ข้อใดไม่ใช่อุปกรณ์ในการติดตั้งระบบเครือข่าย ข. สายคู่บิดเกลียว (Twisted Pair) 5. การอ่านเนื้อหาของผลที่ได้จากใช้คำสั่ง Ping “TTL” คือค่าของอะไร ก. จำนวนครั้งในการ hops ที่เกิดระหว่างขั้นตอนการส่ง packet 6. การอ่านเนื้อหาของผลที่ได้จากใช้คำสั่ง Ping “Time” คือค่าของอะไร ข. ระยะเวลาที่ใช้ในการเชื่อมต่อ 7. ประโยชน์ของ WiFi Router คือข้อใด ง. ถูกทุกข้อ


8. เมื่อต่อสายแลนเข้ากับเครื่องมือเช็คสายแลน (Network Cable Tester) ฝั่งRemote และฝั่ง Master แล้ว สังเกตเห็นว่าหลอดไฟสีเขียววิ่งไม่ตรงกันทั้งฝั่ง Remoteและ Master แสดงว่าการเข้าหัวสายแลนนั้นเป็น อย่างไร ง. ไม่มีข้อใดถูก 9. เมื่อต่อสายแลนเข้ากับเครื่องมือเช็คสายแลน (Network Cable Tester) ฝั่งRemote และฝั่ง Master แล้ว สังเกตเห็นว่าหลอดไฟสีเขียววิ่งตรงกันทั้งฝั่ง Remoteและ Master แสดงว่าการเข้าหัวสายแลนนั้นเป็นอย่างไร ก. การเข้าสายแบบต่อตรงได้ถูกต้อง 10. โปรแกรมที่ใช้ ตรวจสอบ ระบบเครือข่าย ของ Mac OS X คือข้อใด ข Network Utility


ใบงานหน่วยที่ 5.1 ใบงานที่ 5.1 จงอธิบายการสำรวจความต้องการก่อนสร้างเครือข่าย ตอบ…………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………..………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ใบงานที่ 5.2 อุปกรณ์และเครื่องมือที่ต้องเตรียม ในการติดตั้งระบบเครือข่าย มีอะไรบ้าง ตอบ…………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………….……… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….


ใบงานที่ 5.3 จงบอกประโยชน์ของ Pocket Wi-Fi Router มาอย่างน้อย 2 ข้อ ตอบ…………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………….………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………


ใบงานหน่วยที่ 5.2 ใบงานที่ 5.4 จงอธิบายขั้นตอนการติดตั้งระบบเครือข่ายแบบใช้สาย ตอบ…………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………..…………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ใบงานที่ 5.5 จงยกตัวอย่างคำสั่งการตรวจสอบระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์มา 5 คำสั่ง ตอบ…………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………….……………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….


ใบงานที่ 5.6 จงยกตัวอย่างสาเหตุปัญหาและวิธีการแก้ไข เมื่อ Icon Network ขึ้นเครื่องหมายกากบาทสีแดง มาอย่าง น้อย 3 สาเหตุปัญหา ตอบ…………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….


เฉลยใบงานหน่วยที่ 5.1 เฉลยใบงานที่ 5.1 จงอธิบายการสำรวจความต้องการก่อนสร้างเครือข่าย ตอบ…………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 1.1 นับจำนวน คอมพิวเตอร์ที่จะเชื่อมต่อ. ตอนจะสร้าง LAN ต้องรู้ก่อนว่าจะเชื่อมต่อ คอมพิวเตอร์ทั้งหมดกี่ เครื่องในเครือข่ายผ่านสาย Ethernet จะได้รู้ว่าต้องใช้ทั้งหมดกี่พอร์ท ถ้าต้องเชื่อมต่อทั้งหมดไม่เกิน 4 เครื่อง ก็ใช้แค่เราเตอร์ แต่ถ้าจะเชื่อมต่อ คอมพิวเตอร์เกิน 4 เครื่อง ต้องมีสวิตช์เพิ่มจำนวนพอร์ทของเราเตอร์ 1.2 หรือจะติดตั้ง wireless network. ถ้าอยากให้แต่ละอุปกรณ์ต่อเน็ตผ่าน Wi-Fi ต้องใช้เราเตอร์ที่กระจาย สัญญาณ Wi-Fi ได้ เดี๋ยวนี้เราเตอร์ส่วนใหญ่ ทั้งที่หาซื้อได้ตามร้านมักจะเป็นเราเตอร์ Wi-Fi ส่วน Network switch hub ใช้ต่อ Wi-Fi ให้อุปกรณ์ไม่ได้ จะใช้เชื่อมต่อ คอมพิวเตอร์เครื่องต่างๆ ในระบบ LAN หรือขยาย จำนวนพอร์ทของเราเตอร์เท่านั้น


1.3 อุปกรณ์ทุกเครื่องในเครือข่ายจะต่ออินเตอร์เน็ตหรือไม่ ถ้าอยากต่ออินเตอร์เน็ตให้ทุกอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อไว้ ในเครือข่าย จะต้องใช้เราเตอร์ แต่ถ้าไม่จำเป็นต้องต่ออินเตอร์เน็ตครบทุกเครื่อง ใช้แค่ network switch hub 1.4 วัดระยะห่างของทุกอุปกรณ์ที่ต้องเสียบสาย ปกติถ้าใช้งานตามบ้านจะไม่ค่อยมีปัญหานี้ ส่วนใหญ่สาย UTP ยาวได้ไม่เกิน 100 เมตร (328 ฟุต) ถ้าต้องใช้สายยาวกว่านั้น คงต้องเสียบกับ network switch hub เป็นระยะ 1.5 คำนึงถึงความต้องการในอนาคต. ถ้าใช้พอร์ทของเราเตอร์จนหมด อีกหน่อยถ้าจะเพิ่มอุปกรณ์ ก็คงต้อง หาทางขยับขยาย


Click to View FlipBook Version