ตน้ ไมด้ อกสีขาว...น่าปลกู ในบา้ น
สวยบริสุทธ์ิ ส่งกล่ินหอมฟุ้งไปทวั่ บา้ น
หอ้ งสมุดประชาชนอาเภอแม่จริม
Mae Charim Public Library
รวมต้นไม้ดอกสีขาวน่าปลูก สวยบริสุทธ์ิ ส่งกลน่ิ หอมฟุ้งไปทวั่ บ้าน
สำหรับคนท่ีชอบปลกู ตน้ ไม้ คงอยำกจะใหบ้ ำ้ นท่ีอยอู่ ำศยั ตนเองเตม็ ไปดว้ ยตน้ ไม้
แมว้ ำ่ สวนสีเขียวจะใหค้ วำมสดชื่น ร่มร่ืน และเป็นธรรมชำติไดด้ ีอยแู่ ลว้ แต่เรำกค็ วรเพิ่ม
สีสนั อ่ืน ๆ เขำ้ ไปเสริมควำมสดใสบำ้ ง
ส่วนใครที่ช่ืนชอบควำมเรียบง่ำย สะอำดตำ และไม่ตอ้ งกำรควำมฉูดฉำด กจ็ ะนิยมปลูกตน้ ไม้
ดอกสีขำว ซ่ึงมีอยหู่ ลำกหลำยพนั ธุ์ มีท้งั ไมพ้ มุ่ ไมย้ นื ตน้ และไมเ้ ล้ือย บำงตน้ มีดอกท่ีสวย ส่งกล่ินหอม
ใหค้ วำมรู้สึกบริสุทธ์ิ สดชื่น
1. แกว้ ตน้ ไมด้ อกสขี าวนา่ ปลกู
แกว้ (Adaman Satinwood หรือ Chinese Box Tree) มีช่ือวทิ ยำศำสตร์วำ่ Murraya paniculata
(L.) Jack. ตน้ กำเนิดมำจำกประเทศจีนและประเทศแถบเอเชียตะวนั ออกเฉียงใต้ ลกั ษณะเป็นไมพ้ มุ่
ขนำดเลก็ สูงประมำณ 10 เมตร แตกก่ิงกำ้ นมำก ทรงกลม แน่นทึบ ไม่ผลดั ใบ ใบเป็นใบประกอบ
แบบขนนกปลำยค่ี รูปไข่ ปลำยใบแหลม โคนใบแหลม เน้ือใบเรียบและมีต่อมน้ำมนั ดอกออกท้งั
แบบเด่ียว ช่อส้นั และกระจุก สีขำว บำนกลำงคืน กลิ่นหอมแรงท้งั วนั ออกไดต้ ลอดปี ผลทรงรี
เมื่อสุกเป็นสีสม้ อมแดงและมีขนเหนียวหุม้ นิยมขยำยพนั ธุ์ดว้ ยกำรตอนก่ิงและเพำะเมลด็ แขง็ แรง
ทนทำน โตไดใ้ นดินเกือบทุกชนิด แต่ไม่ควรปลูกในดินทรำย ตอ้ งกำรน้ำมำก ชอบควำมช้ืนปำน
กลำง ชอบแสงแดดนอ้ ยถึงปำนกลำง
ตน้ ไมด้ อกสขี าวนา่ ปลกู
2. มะลิ
มะลิ (Sambac) มีชื่อวทิ ยำศำสตร์วำ่ Jasminum sambac. , Jusminum adenophyllum.
เป็น ตน้ ไมม้ งคล แสดงถึงควำมบริสุทธ์ิ และเป็นดอกไมป้ ระจำวนั แม่ ลกั ษณะเป็นไมพ้ มุ่
ขนำดเลก็ ถึงกลำง สูงประมำณ 1-3 เมตร แตกกิ่งกำ้ นรอบตน้ ใบเป็นใบเด่ียว รูปมน โคนใบ
เรียว ปลำยใบแหลม ขอบใบเรียบ ผวิ ใบเป็นมนั ดอกออกเป็นช่อ สีขำว ขนำดเลก็ ผลทรง
กลมรี ขนำดเลก็ เมื่อสุกเป็นสีดำและมีเมลด็ ขำ้ งใน นิยมขยำยพนั ธุ์ดว้ ยกำรปักชำและตอนกิ่ง
แต่กส็ ำมำรถทำบกิ่งและแยกกอได้ ชอบดินร่วนซุยที่มีควำมช้ืนปำนกลำงและระบำยน้ำดี
ชอบแสงแดดจดั กลำงแจง้ ตอ้ งกำรน้ำปำนกลำง ควรใส่ป๋ ุยคอกหรือป๋ ุยหมกั ปี ละ 5-6 คร้ัง
และควรระวงั โรครำกเน่ำหรือหนอนเจำะดอกเป็นพิเศษ
ตน้ ไมด้ อกสขี าวนา่ ปลกู
3. กาหลง
กำหลง (Snowy Orchid Tree) มีชื่อวทิ ยำศำสตร์วำ่ Bauhinia acuminata Linn.
ตน้ กำเนิดมำจำกประเทศอินเดียและประเทศแถบเอเชียตะวนั ออกเฉียงใต้ ลกั ษณะเป็นไมพ้ มุ่
ขนำดเลก็ สูงประมำณ 3-5 เมตร ผลดั ใบ ใบเป็นใบเด่ียว รูปมน ปลำยใบเวำ้ โคนใบแหลม
ลำ่ งใบมีขน ดอกออกเป็นช่อส้นั สีขำว ออกตลอดท้งั ปี ผลทรงฝักแบน เมื่อแก่เป็น
สีน้ำตำลเขม้ มีเมลด็ ขำ้ งใน นิยมขยำยพนั ธุ์ดว้ ยกำรเพำะเมลด็ ชอบดินร่วนท่ีมีควำมชุ่มช้ืน
และอุดมสมบูรณ์ โตไดด้ ีในท่ีท่ีมีแสงแดดจดั หรือกลำงแจง้
ตน้ ไมด้ อกสขี าวนา่ ปลกู
4. ชมนาด
ชมนำด (Bread Flower) มีชื่อวิทยำศำสตร์วำ่ Vallaris glabra (L.) Kuntze ตน้ กำเนิด
มำจำกประเทศแถบเอเชียเขตร้อน เช่น อินโดนีเซียและมำเลเซีย ลกั ษณะเป็นไมเ้ ล้ือย เล้ือยได้
ไกลประมำณ 6 เมตร เถำขนำดกลำง เน้ือแขง็ มีน้ำยำงสีขำว ใบเป็นใบเด่ียว รูปไข่ ปลำยใบ
แหลม โคนใบมน ขอบใบเรียบ แผน่ ใบเป็นคล่ืน ผวิ ใบเป็นมนั ดอกออกเป็นช่อกระจุก สีขำว
กลิ่นหอมแรง ออกตลอดท้งั ปี นิยมขยำยพนั ธุ์ดว้ ยกำรเพำะเมลด็ ปักชำ และตอนก่ิง ปลูกได้
ในดินทุกชนิด ชอบควำมช้ืนปำนกลำง ชอบน้ำปำนกลำง ชอบแสงแดดจดั เตม็ วนั
ตน้ ไมด้ อกสขี าวนา่ ปลกู
5. พดุ ซอ้ น
พดุ ซอ้ น (Cape Jasmine/Gardenia Jasmine) มีชื่อวทิ ยำศำสตร์วำ่ Gardenia augusta
(L.) Merr. หรือ Gardenia jasminoides ตน้ กำเนิดมำจำกประเทศจีน ไทย ไตห้ วนั และญี่ป่ ุน
เป็นตน้ ไมม้ งคลส่ือถึงควำมเจริญ มน่ั คง และบริสุทธ์ิ ลกั ษณะเป็นไมพ้ มุ่ ขนำดเลก็ สูงประมำณ
1-3 เมตร แตกก่ิงกำ้ นมำก ทรงกลม หนำทึบ ไม่ผลดั ใบ ลำตน้ เรียว เปลือกเรียบ ใบเป็นใบเด่ียว
รูปไข่ ปลำยใบเรียว โคนใบสอบ ขอบใบเรียบ ผวิ ใบเป็นมนั ดอกออกซอ้ นกนั เป็นช้นั สีขำว
กลิ่นหอมสดช่ืนช่วงเยน็ ถึงเชำ้ ออกตลอดท้งั ปี ผลทรงไข่ มีเมลด็ ขำ้ งใน นิยมขยำยพนั ธุ์ดว้ ยกำร
เพำะเมลด็ ปักชำ และตอนกิ่ง ชอบดินร่วนซุยท่ีอุดมสมบูรณ์และระบำยน้ำดี ชอบแสงแดดจดั
เตม็ วนั หรือกลำงแจง้ ตอ้ งกำรควำมช้ืนปำนกลำง ใหร้ ดน้ำประมำณ 5-7 วนั /คร้ัง ควรใส่ป๋ ุยคอก
หรือป๋ ุยหมกั อยำ่ งนอ้ ยปี ละ 2 คร้ัง และหมน่ั ตดั แต่งทรงพมุ่ เป็นประจำ
ตน้ ไมด้ อกสขี าวนา่ ปลกู
6. นางแยม้
นำงแยม้ (Glory Bower) มีช่ือวทิ ยำศำสตร์วำ่ Clerodendrum philippinum Schauer. var.
pleniflorum Schauer. ตน้ กำเนิดมำจำกประเทศไทยและพม่ำ ลกั ษณะเป็นไมพ้ มุ่ ขนำดเลก็ สูง
ประมำณ 3-5 ฟตุ ลำตน้ ต้งั ตรง แตกกิ่งกำ้ นมำก ใบเป็นใบเดี่ยว รูปใบโพธ์ิ ปลำยใบแหลม โคนใบ
รูปหวั ใจ ขอบใบหยกั แผน่ ใบหนำ ผวิ ใบมีขน ดอกออกเป็นช่อกระจุก สีขำว กลีบนอกสีชมพอู ม
ม่วง ลกั ษณะคลำ้ ยดอกมะลิซอ้ น บำนนำนหลำยวนั กลิ่นหอมเยน็ ท้งั วนั ท้งั คืน แต่จะแรงมำกสุด
ตอนเยน็ ออกตลอดท้งั ปี ผลทรงกลมถึงรี ขำ้ งในมีเมลด็ เดียว นิยมขยำยพนั ธุด์ ว้ ยกำรตอนกิ่งและ
ปักชำ ทนแดด ทนฝน ชอบดินร่วนซุยท่ีอุดมสมบูรณ์และมีควำมช้ืนสูง ตอ้ งกำรน้ำมำก ถำ้ ปลูกในท่ี
แสงรำไร ดอกจะเลก็ ก่ิงจะยำว ถำ้ ปลูกกลำงแจง้ ดอกจะใหญ่และสวย
ตน้ ไมด้ อกสขี าวนา่ ปลกู
7. ลีลาวดี
ลีลำวดี หรือลนั่ ทม (Frangipani, Plumeria, Temple tree) มีช่ือวทิ ยำศำสตร์วำ่ Plumeria spp.
ตน้ กำเนิดมำจำกประเทศแถบอเมริกำกลำงและอเมริกำใต้ ลกั ษณะเป็นไมย้ นื ตน้ ขนำดเลก็ สูง
ประมำณ 6-12 เมตร แตกก่ิงกำ้ นกวำ้ ง ยอดทรงร่ม ลำตน้ กลม มีน้ำยำงสีขำว ผลดั ใบ ใบเป็นใบเดี่ยว
รูปไขก่ ลบั หวั เสน้ ใบแบบขนนก เส้นใตใ้ บนูนเด่น ดอกออกเป็นช่อ มีหลำยสี แต่ส่วนมำกเป็นสีขำว
หรือไม่กส็ ีผสมในดอกเดียว มีกลิ่นหอม ออกตลอดท้งั ปี ผลทรงรียำว เม่ือแก่เป็นสีน้ำตำลถึงดำและ
แตกเป็นสองซีก นิยมขยำยพนั ธุ์ดว้ ยกำรปักชำ ตอนกิ่ง และเพำะเมลด็ ส่วนใหญจ่ ะปลูกในแปลง
มำกกวำ่ ในกระถำง เน่ืองจำกลำตน้ คอ่ นขำ้ งสูง แถมยงั ช่วยใหอ้ อกดอกดีกวำ่ ดว้ ย
ตน้ ไมด้ อกสขี าวนา่ ปลกู
8. รสสุคนธ์
รสสุคนธ์ มีช่ือวทิ ยำศำสตร์วำ่ Tetracera Loureiri (Finet & Gagnep.) Pierre ex Craib
ตน้ กำเนิดมำจำกประเทศไทย ลกั ษณะเป็น ไมเ้ ล้ือย เล้ือยไดไ้ กล 5-10 เมตร เถำขนำดกลำง
เน้ือเหนียวแขง็ แตกกิ่งกน้ มำก ใบเป็นใบเด่ียว รูปรี ปลำยใบแหลม โคนใบเรียว ขอบใบหยกั
แผน่ ใบหนำ้ ผวิ ใบสำก ดอกออกเป็นช่อกระจุก สีขำว ขนำดเลก็ กล่ินหอมแรงตอนกลำงวนั
หอมอ่อนตอนกลำงคืน ออกตลอดท้งั ปี แต่จะบำนแคเ่ ดือนพฤศจิกำยนถึงกมุ ภำพนั ธ์ ผลทรงกลม
เป็นผลสดมีเน้ือและเมลด็ ขำ้ งใน นิยมขยำยพนั ธุ์ดว้ ยกำรเพำะเมลด็ และตอนกิ่ง ดูแลง่ำย โตไดท้ ้งั
ในดินเคม็ และดินทวั่ ไป ปลูกไดท้ ้งั ที่ร่มและกลำงแจง้ แต่จะชอบแสงแดดเตม็ วนั มำกกวำ่ ตอ้ งกำร
ควำมช้ืนปำนกลำง และควรหำไมป้ ักหรือทำร้ัวใหเ้ ล้ือยเกำะ
ตน้ ไมด้ อกสขี าวนา่ ปลกู
9. กรรณิการ์
กรรณิกำร์ (Night Blooming Jasmine) มีช่ือวทิ ยำศำสตร์วำ่ Nyctanthes arbor-tristis L.
ตน้ กำเนิดมำจำกประเทศอินเดีย ลกั ษณะเป็นไมพ้ มุ่ ขนำดเลก็ สูงไม่เกิน 10 เมตร ทรงกลม ไม่
แน่นทึบ แตกก่ิงกำ้ นไม่เป็นระเบียบ กิ่งเป็นส่ีเหล่ียม ใบเป็นใบเด่ียว รูปรี ขอบใบเรียบ ผวิ ใบมี
ขนแขง็ ดอกออกเป็นกระจุก สีขำว หอมอ่อนช่วงกลำงวนั หอมมำกช่วงเยน็ ถึงกลำงคืน ออก
ตลอดท้งั ปี แต่จะดกช่วงปลำยฝนตน้ หนำว ผลทรงแบน ๆ กลม ๆ แยกเป็นสองส่วน แต่ละส่วนมี
เมลด็ ขำ้ งใน นิยมขยำยพนั ธุด์ ว้ ยปักชำ ชอบแสงแดดคร่ึงวนั ในช่วงเชำ้ ควรตดั แต่งทรงหลงั ออก
ดอกเสมอ ไม่ค่อยมีโรคหรือแมลงรบกวน
ตน้ ไมด้ อกสขี าวนา่ ปลกู
10. หิรญั ญิการ์
หิรัญญิกำร์ (Herald trumpet) มีชื่อวิทยำศำสตร์วำ่ Beaumontia grandiflora Wall.
ตน้ กำเนิดมำจำกประเทศจีน อินเดีย และประเทศแถบเอเชียตะวนั ออกเฉียงใต้ ลกั ษณะเป็น
ไมเ้ ล้ือยขนำดใหญ่ เล้ือยไดไ้ กล 5-10 เมตร เถำเน้ือแขง็ มีน้ำยำงสีขำว ใบเป็นใบเด่ียว
รูปหอกกลบั ปลำยใบแหลม โคนใบสอบ เน้ือใบหนำ ผวิ ใบเป็นมนั ใตใ้ บมีขน ดอกออกเป็นช่อ
สีขำว หอมช่วงเชำ้ ออกในเดือนธนั วำคมถึงเมษำยน ผลทรงกระบอก เม่ือแก่จะแตกเป็นสองซีก
นิยมขยำยพนั ธุ์ดว้ ยกำรเพำะเมลด็ และตอนกิ่ง ปลูกไม่ยำก โตไดใ้ นดินทุกประเภท ชอบแสงแดด
จดั กลำงแจง้ ตอ้ งกำรน้ำปำนกลำง และควรปักไมห้ รือทำซุม้ ท่ีมน่ั คงใหต้ น้ ยดึ เกำะ
ตน้ ไมส้ ง่ กลน่ิ หอมฟ้ งุ นา่ ปลกู
ปี บ/กาสะลอง
ปี บ ชื่อวิทยาศาสตร์ Millingtonia hortensis
L.f. จดั อยูใ่ นวงศแ์ คหางคา่ ง (BIGNONIACEAE)
มีช่ือทอ้ งถ่ินอ่ืน ๆ เชน่ เต็กตองโพ่ (กะเหร่ียง-
กาญจนบุรี), กาซะลอง กาสะลอง กาดสะลอง กาสะลองคา
(ภาคเหนือ), ปี บ กอ้ งกลางดง (ภาคกลาง) กางของ (ภาคอีสาน)
• ตน้ ปี บ เป็นไมย้ ืนตน้ ขนาดเล็กถึงขนาดกลาง ลาตน้ ตรง มีความสูง
ประมาณ 5-10 เมตร เปลือกตน้ เป็นสีเทาเขม้ แตกเป็นร่องลึก มีชอ่ ง
อากาศ รากเกิดเป็นหน่อ เจริญเป็นตน้ ใหมไ่ ด้ ขยายพนั ธุด์ ว้ ยวิธีการนา
เมล็ดมาเพาะ หรือใชต้ น้ ออ่ นท่ีเกิดจากรากรอบ ๆ ของตน้ แม่ นามาตดั
เป็นทอ่ นสนั้ ๆ แลว้ นามาปักชาในกระบะกรวยท่ีผสมดว้ ยข้ีเถา้ แกลบก็
ได้ ปีบเป็นพนั ธุไ์ มพ้ ้ืนเมืองของพมา่ และไทยท่ีข้ึนกระจดั กระจายอยู่
ทว่ั ไปตามป่าเบญจพรรณและป่าดิบแลง้ ทางภาคเหนือ ภาคตะวนั ตก
และทางภาคตะวนั ออกเฉียงเหนือ
ตน้ ไมส้ ง่ กลน่ิ หอมฟ้ งุ นา่ ปลกู
ราตรี
มีชื่อวิทยาศาสตร์ : Cestrum Nocturnum วงศ์ :
solanaceae ชื่อสามญั : Night Jessamine ชื่ออ่ืนๆ
Lady of the Night และชื่อไทย ราตรี, หอมดึก มีถ่ินกาเนิดใน
หม่เู กาะอินดีส
ราตรี เป็นไมพ้ ุ่มขนาดย่อม ลาตน้ มีเปลือกเป็นสีเทาออ่ นๆ แตก
ก่ิงกา้ นสาขามาก พุม่ ใบหนา ตน้ และใบมีกล่ินเหม็นเขยี วจดั ใบออ่ นบางรูปมน
รี ปลายใบและโคนเรียวแหลม ขนาดใบยาวประมาณ 5-6 น้ิว
ดอกออกเป็นชอ่ สีขาวอมเขียว ดอกมีขนาดเล็กและออกจบั กลุม่ ติดกนั
มากมายในชอ่ หน่ึงๆ ปลายดอกบานออกเป็นรูปดาว 5 แฉก ขนาดดอกบาน
เต็มท่ีกวา้ งประมาณ 0.5 ซม. ยาวประมาณ 2 ซม. ดอกราตรีมีกล่ินหอมจดั
ในเวลากลางคืน พอเชา้ ดอกท่ีบานจะหมดกล่ิน และจะหอมใหมใ่ นคืนตอ่ ไป
ออกดอกคราวๆหน่ึง 5-7 วนั
กล่ินหอมของราตรีในเวลากลางคืน กล่ินไม่ฉุนจนเกินไป และมีกล่ิน
เย็นเร่ือยๆ ทาใหไ้ ดอ้ ีกชื่อหนึ่งวา่ หอมดึก ส่วนมากนิยมปลูกเป็ นไม้
ประดบั ตามบา้ นเรือน
การขยายพนั ธรุ์ าตรี สามารถขยายพนั ธุไ์ ดส้ องวิธีทง้ั การตอนและการชาก่ิง
การปลูกและการดูแลรกั ษา ในชว่ งปกั ชาก่ิงหรือปลูกลงกระถางใหมๆ่ ควร
ปลูกในท่ีร่มราไร หลงั จากนน้ั เม่ือตง้ั ตวั ไดแ้ ลว้ คอ่ ยนาไปไวก้ ลางแจง้ ชอบดิน
ช้ืน และอยูไ่ ดใ้ นสภาพคอ่ นขา้ งแฉะเพราะตอ้ งการน้ามาก.
ตน้ ไมส้ ง่ กลน่ิ หอมฟ้ งุ นา่ ปลกู
พยอม
• พะยอม ชื่อวิทยาศาสตร์ Shorea roxburghii G.Don
(ช่ือพอ้ งวิทยาศาสตร์ Shorea talura Roxb.) จดั อยูใ่ นวงศย์ างนา
(DIPTEROCARPACEAE)
• มีช่ือทอ้ งถ่ินอ่ืน ๆ วา่ แดน (เลย), ยางหยวก (น่าน), กะยอม เชียง เซียว เซ่ีย
(เชียงใหม)่ , พะยอมทอง (ปราจีนบุรี สุราษฎรธ์ านี), ขะยอมดง พะยอมดง
(ภาคเหนือ), สุกรม (ภาคกลาง), คะยอม ขะยอม (อีสาน), ยอม (ภาคใต)้ ,
ขะยอม (ลาว), พะยอมแดง แคน พยอม เป็นตน้
• ตน้ พะยอม (ตน้ พยอม) มีถ่ินกาเนิดในประเทศไทยและเอเชีย เชน่ ประเทศ
พมา่ ลาว ศรีลงั กา และฟิลิปปินส์ จดั เป็นไมย้ ืนตน้ ขนาดกลางถึงขนาดใหญ่
ผลดั ใบ มีความสูงประมาณ 15-20 เมตร เสน้ ผา่ นศูนยก์ ลางของลาตน้ อาจ
ยาวถึง 300 เซนติเมตร เปลือกตน้ มีสีน้าตาลหรือสีเทาเขม้ แตกเป็นร่อง
ตามยาวและเป็นสะเก็ดหนา สว่ นเน้ือไมม้ ีสีเหลืองถึงสีน้าตาล ลกั ษณะของตน้
เป็นทรงพุม่ กลมสวยงามมาก แตกก่ิงกา้ นจานวนมาก ถา้ หากปลูกในท่ีโลง่ แจง้
และไมม่ ีพรรณไมใ้ หญช่ นิดอ่ืนอยูใ่ กล้ ๆ เป็นตน้ ไมท้ ่ีสวยโดยธรรมชาติ ไม่
จาเป็นตอ้ งทาการตดั แตง่ ก่ิงแตอ่ ยา่ งใด ขยายพนั ธุด์ ว้ ยวิธีการเพาะเมล็ดและ
การตอนก่ิง ซ่ึงในปจั จุบนั พนั ธุไ์ มช้ นิดน้ีกาลงั เร่ิมลดนอ้ ยลงไปเร่ือย ๆ โดย
สามารถพบไดต้ ามป่าเบญจพรรณแลง้ และช้ืน หรือป่าดิบแลง้ ทว่ั ไป ทุกภาคของ
ประเทศท่ีความสูงจากระดบั น้าทะเล 60-1,200 เมตร และดอกพะยอมยงั เป็น
ดอกไมป้ ระจาจงั หวดั กาฬสินธุด์ ว้ ย
ตน้ ไมส้ ง่ กลนิ่ หอมฟ้ งุ นา่ ปลกู
ลาดวน
• ชื่อวิทยาศาสตร์ Melodorum fruticosum Lour.
จดั อยูใ่ นวงศก์ ระดงั งา (ANNONACEAE)
• ตน้ ลาดวน หรือ ตน้ หอมนวล มีแหลง่ กาเนิดในเอเชียตะวนั ออก
เฉียงใตจ้ ดั เป็นไมย้ ืนตน้ ขนาดเล็กไมผ่ ลดั ใบ มีความสูงของตน้
ประมาณ 10-15 เมตร ลาตน้ ตรง แตกก่ิงใบจานวนมาก เรือนยอด
เป็นพุม่ กลมหรือเป็นพุม่ เป็นรูปกรวยคว่า เปลือกตน้ เรียบเป็นสีเทา
เม่ือลาตน้ แกเ่ ปลือกตน้ จะเป็นสีน้าตาลอมดา มีรอยแตกตามแนวยาว
ของลาตน้ สว่ นก่ิงออ่ นเป็นสีเขียวสด ยอดออ่ นและใบออ่ นเป็นสีแดง
ขยายพนั ธุด์ ว้ ยวิธีการเพาะเมล็ดและวิธีการตอนก่ิง เจริญเติบโตไดด้ ี
ในดินร่วนซุย ชอบความช้ืนสูง และแสงแดดแบบเต็มวนั ถึงคร่ึงวนั
ชอบข้ึนในท่ีโลง่ และมีแสงแดด พบไดต้ ามป่าเบญจพรรณ ป่าดิบแลง้
ทางภาคตะวนั ออก และภาคกลาง และพบไดม้ ากในจงั หวดั ศรีสะเกษ
เน่ืองจากตน้ ลาดวนเป็นตน้ ไมป้ ระจาจงั หวดั ศรีษะเกษ
ตน้ ไมส้ ง่ กลนิ่ หอมฟ้ งุ นา่ ปลกู
กนั เกรา
• ชื่อวิทยาศาสตร์ Fagraea fragrans Roxb. วงศด์ อก
หรีดเขา (GENTIANACEAE) มีช่ือทอ้ งถ่ินอ่ืน ๆ วา่
มนั ปลา (ภาคเหนือ ภาคอีสาน), ตาแสง ตาเสา ทาเสา (ภาคใต)้ ,
ตาเตรา (เขมร-ภาคตะวนั ออก), ตามูซู ตะมะซู (มลายู-ภาคใต)้
เป็นตน้ ตน้ กนั เกราจดั เป็นตน้ ไมป้ ระจาจงั หวดั สุรินทร์ และยงั
เป็นตน้ ไมป้ ระจามหาวิทยาลยั อบุ ลราชธานี มหาวิทยาลยั
นครพนม และมหาวิทยาลยั ราชภฏั รอ้ ยเอ็ดอีกดว้ ย
• ตน้ กนั เกรา เป็นไมย้ ืนตน้ ขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ สูงประมาณ
10-15 เมตร (อาจสูงไดถ้ ึง 25 เมตร) เปลือกตน้ เรียบมีสีน้าตาล
เม่ือตน้ แกจ่ ะแตกเป็นร่องลึกตามยาว ขยายพนั ธุด์ ว้ ยวิธีการเพาะ
เมล็ดและการปักชา มีถ่ินกาเนิดตามป่าเบญจพรรณและตามท่ี
ใกลก้ บั แหลง่ น้า ในประเทศไทย พมา่ มาเลเซีย เวียดนาม และ
อินเดีย สาหรบั ในบา้ นเราตน้ กนั เกราข้ึนไดท้ ว่ั ไปในทุกภาคของ
ประเทศไทย แตจ่ ะพบไดม้ ากทางภาคใต้
ทาไมถงึ นิยมปลูกตน้ ไม้มงคลในบา้ น
การปลูกตน้ ไมล้ ว้ นมีขอ้ ดีอยูห่ ลายอยา่ ง ทงั้ ความสวยงาม ลดภาวะโลกรอ้ น เป็นไมป้ ระดบั
ทาใหค้ นปลูกและคนท่ีพบเห็นเห็นรูส้ ึกผอ่ นคลาย กระตุน้ ความคิดสรา้ งสรรค์ แถมตน้ ไมบ้ างชนิดยงั สามารถ
ฟอกอากาศใหบ้ ริสุทธ์ิไดอ้ ีกดว้ ย เหมาะกบั สงั คมเมืองท่ีสุด
สาหรับสายมูจะเลือกปลูกไมป้ ระดบั มงคล หรือ ตน้ ไมม้ งคลเรียกทรพั ย์ เพราะเช่ือวา่ จะชว่ ยใหโ้ ชคใหล้ าภ
ปกปกั รักษาทุกคนในบา้ นใหร้ อดพน้ จากส่ิงเลวรา้ ยและอนั ตรายตา่ ง ๆ ซ่ึงอาจจะมาจากความเช่ือสว่ นตวั บา้ ง หรือตาม
หลกั ฮวงจุย้ บา้ ง
นอกจากน้ีการปลูกไมป้ ระดบั มงคลยงั เป็นการชว่ ยใหจ้ ิตใจของเราสงบ มีใจท่ีร่มเย็นตามไปดว้ ย
บรรณานุกรม
ขอขอบคุณขอ้ มูลจาก
https://home.kapook.com/view225769.html
หอ้ งสมุดประชาชนอาเภอแม่จริม
Mae Charim Public Library