หน่วยที่6 การสร้างฟอร์มใน Access สาระสำคัญ ฟอร์ม (Form) คือ เครื่องมือที่ Microsoft Access ใช้สร้างส่วนติดต่อกับผู้ใช้งาน (User Interface) เพื่อช่วยให้การป้อนข้อมูลและการแสดงผลทำได้สะดวกขึ้น รวมทั้งเพิ่มความสวยงามในการใช้งาน การสร้าง ฟอร์มสามารถสร้างได้โดยใช้ตัวช่วยสร้าง (Form Wizard) และการออกแบบโดยตรงด้วยตนเอง (Form Design) สาระการเรียนรู้ 1. การสร้างฟอร์มแบบอัตโนมัติ 2. การสร้างฟอร์มโดยใช้ตัวช่วยสร้าง 3. การสร้างฟอร์มแบบใช้ฟอร์มเปล่า 4. การจัดคอนโทรลภายในฟอร์ม 5. การปรับแต่งแบบฟอร์ม จุดประสงค์เชิงพฤติกรรม 1. สร้างฟอร์มโดยอัตโนมัติได้ 2. สร้างฟอร์มโดยใช้ตัวช่วยสร้างได้ 3. สร้างฟอร์มโดยใช้แบบฟอร์มเปล่า 4. จัดการคอนโทรลภายในฟอร์ม 5. ปรับแต่งแบบฟอร์มได้ สมรรถนะอาชีพ การสร้างแบบฟอร์มในฐานข้อมูล Microsoft Access
การป้อนข้อมูลเข้าไปเก็บในตารางฐานข้อมูลของ Microsoft Access แม้สามารถป้อนเข้าไปโดยตรง ได้ แต่การใช้งานจะไม่สะดวกโดยเฉพาะกับตารางที่หลายระเบียน หรือมีเขตข้อมูลจำนวนมาก Accessจึงได้ เตรียมเครื่องมือเรียกว่า ฟอร์ม (Form) เพื่อสร้างส่วนติดต่อกับผู้ใช้งาน (User Interface) จึงจะช่วยให้ป้อน ข้อมูลได้สะดวกขึ้น และแสดงผลได้สวยงามและดูง่ายกว่าการใช้ตาราง การสร้างฟอร์มใน Microsoft Access สามารถทำได้ 3 วิธีหลัก ๆ คือ 1) การสร้างฟอร์มแบบอัตโนมัติ (Auto Form) 2) การสร้างโดยใช้ตัวช่วยสร้าง (Form Wizard) 3) การสร้างโดยใช้แบบฟอร์มเปล่า (Blank Form) 1. การสร้างฟอร์มแบบอัตโนมัติ การสร้างฟอร์มแบบอัตโนมัติ (Auto Form) เป็นวิธีสร้างฟอร์มที่ทำได้ง่ายและรวดเร็วที่สุด เพียงแต่ดำเนินการ ไม่กี่ขั้นตอนดังรูปที่ 6.1 1) คลิกที่ริบบอน สร้าง 2) เลือกแหล่งข้อมูลจากตารางหรือคิวรี ที่จะนำมาสร้างฟอร์ม 3) คลิกที่ปุ่ม ฟอร์ม (Form) ก็จะได้ฟอร์มทันที่ดังรูปที่ 6.2 รูปที่ 6.1 แสดงการสร้างแบบฟอร์มโดยอัตโนมัติ
รูปที่ 6.2แสดงฟอร์มที่ได้จากการสร้างโดยอัตโนมัติ 2. การสร้างฟอร์มโดยใช้ตัวช่วยสร้าง การสร้างแบบฟอร์มโดยใช้ตัวช่วยสร้าง (Form Wizard) วิธีเป็นวิธีสร้างฟอร์มตามชั้นตอนที่ โปรแกรม จัดเตรียมไว้ สามารถทำใด้ดังรูปที่ 6.3 คือ 1) คลิกที่ริบบอน สร้าง 2) คลิกที่ปุ่ม ตัวช่วยสร้างฟอร์ม รูปที่ 6.3 แสดงขั้นตอนการสร้างฟอร์มโดยใช้ตัวช่วยสร้าง
จากนั้นให้ดำเนินการตามขั้นตอนดังนี้ ขั้นตอนที่ 1 เลือกแหล่งข้อมูลและเขตข้อมูลที่จะนำมาสร้างฟอร์ม 1) เลือกแหล่งข้อมูลที่จะนำมาสร้างฟอร์ม 2) เลือกเขตข้อมูลที่นำเข้ามาในฟอร์ม 3) ถ้ากดปุ่ม [ > ] จะเป็นการนำเข้าทีละเขตข้อมูลที่เลือก 4) ถ้ากดปุ่ม [ >> ] จะเป็นการนำเข้าเขตข้อมูลทั้งหมด 5) กดปุ่ม [ ถัดไป > ] รูปที่ 6. 4 แสดงหน้าต่างการเลือกข้อมูลที่จะมาสร้างฟอร์ม ขั้นตอนที่ 2 เลือกรูปแบบการแสดงผลของฟอร์ม จะมีให้เลือก 4 รูปแบบ คือ 1) แบบคอลัมน์ (Columnar) 2) แบบตาราง (Tabular) 3) แบบแผ่นข้อมูล (Datasheet) 4) แบบเต็มแนว (justified) โดยจะแสดงตัวอย่างของแบบฟอร์มที่เลือกในหน้าต่างการแสดงผล
รูปที่ 6.5 แสดงหน้าต่างการเลือกรูปแบบฟอร์มที่ต้องการ โดยแต่ละแบบจะมีลักษณะดังนี้ แบบคอลัมน์ (Columnar) แบบตาราง (Tabular)
แบบแผ่นข้อมูล (Datasheet) แบบเต็มแนว (Justified) หลังจากเลือกรูปแบบของฟอร์มแล้วกดปุ่ม ( ถัดไป > ] จะปรากฎหน้าจอภาพดังรูปที่ 6.6 โดย (1) กำหนดชื่อแบบฟอร์มที่สร้างขึ้น (2) เลือกเปิดฟอร์มที่สร้าง หรือปรับเปลี่ยนการออกแบบฟอร์ม (3) กดปุ่ม (เสร็จสิ้น)
รูปที่ 6.6 แสดงขั้นตอนสุดท้ายของการใช้ตัวช่วยสร้างแบบฟอร์ม 3. การสร้างฟอร์มโดยใช้แบบฟอร์มเปล่า แม้ว่าการสร้างแบบฟอร์มโดยอัตโนมัติหรือใช้ตัวช่วยสร้างจะสามารถดำเนินการได้สะดวกรวดเร็ว แต่อาจ ไม่ตรงกับความต้องการของผู้สร้าง เช่นอาจต้องการวางตำแหน่งหรือเลือกเฉพาะบางเขตข้อมูล ดังนั้นจึงมี วิธีการสร้างโดยใช้แบบฟอร์มเปล่า (Blank Form) โดยผู้สร้างสามารถดำเนินการได้อย่างอิสระ ดังรูปที่ 6.7 คือ (1) คลิกที่แถบริบบอน สร้าง (2) คลิกปุ่มเครื่องมือ ฟอร์มเปล่า รูปที่ 6.7 แสดงขั้นตอนการสร้างฟอร์มโดยใช้แบบฟอร์มเปล่า
จะปรากฎหน้าจอแบบฟอร์มเปล่า ดังรูปที่ 6.7 (1) คลิกตรงข้อความ แสดงตารางทั้งหมด ทางด้านขวาของหน้าจอภาพ จะปรากฎรายชื่อ ตารางให้เลือก ดังรูปที่ 6.8 รูปที่ 6.8 แสดงขั้นตอนการเลือกตารางที่จะนำมาสร้างฟอร์ม (2) คลิกที่ ปุ่ม [+] ด้านหน้าตารางที่จะนำมาสร้างแบบฟอร์ม เพื่อเปิดรายการเขตข้อมูล หรือ ดับเบิลคลิกที่ชื่อตารางที่ต้องการ จะปรากฎรายการเขตข้อมูล ดังรูปที่ 6.9 รูปที่ 6.9 แสดงขั้นตอนการเลือกเปิดตารางที่จะนำมาสร้างฟอร์ม (3) คลิกที่รายการเขตข้อมูลที่ต้องการด้านขวามือ แล้วกดลากเข้ามาปล่อยในแบบฟอร์มเปล่า หรือใช้วิธีดับเบิลคลิกที่รายชื่อเขตข้อมูล จะปรากฎช่องข้อมูลดังกล่าวในแบบฟอร์ม ดังรูปที่ 6.10
รูปที่ 6.10 แสดงการนำเขตข้อมูลจากตารางเข้ามาในฟอร์ม สำหรับการปิดฟอร์มที่สร้างทำได้ ดังรูปที่ 6.11 โดย (1) คลิกปุ่ม [ x ] ทางมุมบนขวาของหน้าต่างฟอร์ม (2) จะปรากฎหน้าต่างสอบถามว่าจะบันทึกฟอร์มที่สร้างหรือไม่ ให้คลิกที่ปุ่ม [ใช่] (3) จะมีหน้าต่างให้ใส่ชื่อฟอร์มที่สร้าง (4) จากนั้นคลิกที่ปุ่ม [ตกลง] (5) จะปรากฎรายชื่อของฟอร์มที่สร้างในแถบหน้าต่างซ้ายมือ รูปที่ 6.1 1 แสดงการปิดและบันทึกฟอร์ม ส่วนการเปิดฟอร์มที่สร้างทำได้ดังรูปที่ 6.12 โดย (1) ดับเบิลคลิกที่รายชื่อฟอร์มในแถบหน้าต่างซ้ายมือ (2) คลิกที่ปุ่มมุมมอง (3) เลือกมุมที่ต้องการ โดยมีให้เลือก 3 แบบ ดังนี้ 1) มุมมองฟอร์ม (Form) ใช้แสดงผลลัพธ์ของฟอร์มเพียงอย่างเดียว 2) มุมมองเค้าโครง (Layout) ใช้แสดงพร้อมทั้งปรับแก้ไขฟอร์ม 3) มุมมองออกแบบ (Design) ใช้แสดงโครงสร้างเพื่อแก้ไขรายละเอียดต่าง ๆ
รูปที่ 6.12 แสดงการเปิดฟอร์ม 4. การจัดการคอนโทรลภายในฟอร์ม แบบฟอร์มที่สร้างขึ้นมาจะประกอบด้วยส่วนควบคุมข้อมูล เรียกว่า คอนโทรล (Control) สามารถแบ่งเป็น 2 ประเภทใหญ่ ๆ คือ 1. คอนโทรลที่ผูกติดกับเขตข้อมูล (Bound Control) คือ คอนโทรลที่สร้างโดยวิธีกดลากจากรายการ เขตข้อมูลในขณะสร้างฟอร์มดังที่ผ่านมา โดยค่าของข้อมูลที่แสดงภายในคอนโทรลจะมีค่าตามข้อมูลที่ อยู่ในนั้น 2. ตอนโทรลที่ไม่ผูกติดกับเขตข้อมูล(Unbound Control) คือ คอนโทรลที่สร้างเพิ่มเติมขึ้นมา ภายหลังโดยใช้กล่องเครื่องมือ เช่น รูปภาพหรือกล่องข้อความ โดยค่าข้อมูลภายในคอนโทรลจะถูก กำหนดจากผู้ใช้ หรือกำหนดในคุณสมบัติของคอนโทรล 4.1 การนำเค้าโครงออกจากฟอร์ม สำหรับการสร้างฟอร์มส่วนใหญ่จะมีการกำหนดให้คอนโทรลต่าง ๆ อยู่ในกรอบของเค้าโครง ดังนั้น การปรับแต่งคอนโทรลอย่างอิสระจึงต้องเอาเค้าโครงที่ครอบคอนโทรลออกก่อนดังรูปที่ 6.13 (1) อยู่ในมุมมองออกแบบ แล้วกดแป้นพิมพ์ [Ctrl] [A] เพื่อเลือกคอนโทรลทั้งหมดในฟอร์ม (2) คลิกที่ริบบอนจัดเรียง ในส่วนของเครื่องมือออกแบบฟอร์ม (3) คลิกที่ปุ่มเอาเค้าโครงออก เพื่อนำเค้าโครงออกจากฟอร์ม
รูปที่ 6.13 แสดงการนำเค้าโครงออกจากแบบฟอร์ม 4.2 การเลือกคอนโทรล (Selecting Control) ก่อนทำการปรับแต่งเราจะต้องเลือกคอนโทรลที่ต้องการก่อนเสมอโดยสามารถทำได้ดังนี้ 1) การเลือกคอนโทรลเพียงตัวเดียว ทำโดยการคลิกเมาส์ที่คอนโทรลนั้น จะปรากฏจุดสี่เหลี่ยม ล้อมรอบคอนโทรลที่ถูกเลือก ดังรูปที่ 6.14 รูปที่ 6.14 แสดงการเลือกคอนโทรลภายในฟอร์ม 2) การเลือกคอนโทรลหลายตัวที่อยู่ติดกัน ทำโดยกดลากเมาส์คลุมคอนโทรลที่ต้องการ 3) การเลือกคอนโทรลหลายตัวที่อยู่ห่างกัน ทำโดยกดแป้น [Shift] ค้างไว้ แล้วคลิก คอนโทรลต่าง ๆ ที่ต้องการเลือก
4) การเลือกคอนโทรลที่อยู่ในแนวเดียวกัน อาจใช้วิธีคลิกเมาส์ที่หัวบรรทัด หรือที่ช่องไม้บรรทัด (Ruler) ด้านบนของหน้าต่างฟอร์ม 5) การเลือกคอนโทรลทั้งหมด ทำโดยการกดลากเมาส์ หรือกดแป้นพิมพ์ [Ctrl [A] 4.3 การย้ายคอนโทรล (Moving Control) การย้ายคอนโทรลสามารถทำได้ 2 ลักษณะคือ 1) ย้ายทั้งคอนโทรล ทำโดยคลิกเมาส์ที่ตัวคอนโทรลนั้น จากนั้นลากไปวางตามตำแหน่งที่ต้องการ ดังรูป ที่ 6.15 ทั้งตัวคอนโทรลและป้ายชื่อจะถูกย้ายไปพร้อมกัน รูปที่ 6.15 แสดงการย้ายตำแหน่งของคอนโทรล 2) ย้ายเฉพาะป้ายชื่อคอนโทรล ทำโดยคลิกเมาส์เฉพาะส่วนที่เป็นป้ายชื่อ (Label) จากนั้นสามารถลาก ไปวางในตำแหน่งที่ต้องการได้ทันที ดังรูปที่ 6.16 รูปที่ 6.16 แสดงการเลือกเฉพาะป้ายชื่อคอนโทรล 4.4 การปรับขนาดของคอนโทรล (Sizing Control) การปรับขนาดของคอนโทรลสามารถทำได้โดยคลิกเมาส์ที่คอนโทรลหรือกลุ่มคอนโทรลที่ต้องการปรับ ขนาด จากนั้นนำเมาส์ไปวางที่จุดสี่เหลียมที่อยู่ล้อมรอบคอนโทรล เมาส์จะเปลี่ยนเป็นรูปลูกศร 2 ทาง จากนั้น ทำการลากปรับให้ได้ขนาดตามที่ต้องการดังรูปที่ 6.17 รูปที 6.17 แสดงการปรับขนาดคอนโทรล
4.5 การจัดวางแนวคอนโทรลให้ตรงกัน การปรับแต่งเพื่อจัดวางคอนโทรลให้อยู่ในแนวเดียวกัน ทำได้ดังรูปที่ 6.18 โดย (1) เลือกกลุ่มคอนโทรล โดยกดลากเมาส์ลากคลุมคอนโทรลที่ต้องการ (2) ใช้ริบบอนจัดเรียง (3) คลิกที่ปุ่มเครื่องมือ จัดแนว แล้วเลือกรายการที่ต้องการ รูปที่ 6.18 แสดงวิธีจัดวางแนวคอนโทรล 4.6 การปรับระยะห่างของคอนโทรล การปรับระยะห่างระหว่างคอนโทรสสามารถทำได้ดังรูปที่ 6.19 โดย (1) เลือกกลุ่มคอนโทรลที่ต้องการ (2) ใช้ริบบอน จัดเรียง (3) เลือกรายการปรับระยะห่าง จากปุ่ม ขนาด/ระยะห่าง สาระน่ารู้: ในกรณีต้องการปรับคอนโทรลให้มีขนาดพอดีโดยอัตโนมัติ สามารถทำโดย ดับเบิลคลิกที่จุดสี่เหลี่ยม แทนการกดลากเมาส์เพื่อปรับขนาด
รูปที่ 6.19 แสดงวิธีปรับระยะห่างระหว่างคอนโทรล 4.7 การปรับรูปแบบตัวอักษรและตำแหน่งข้อความในคอนโทรล การปรับรูปแบบตัวอักษรของข้อความในตัวคอนโทรลสามารทำได้ดังรูปที่ 6.20 โดย (1) คลิกเลือกกลุ่มคอนโทรลที่ต้องการ (2) ใช้ริบบอน หน้าแรก (3) เลือกปุ่มเครื่องมือ การจัดรูปแบบข้อความ แล้วเลือกปรับตามความต้องการ รูปที่ 6.20 แสดงการปรับแต่งแบบอักษรของข้อความในตัวคอนโทรล 5. การปรับแต่งแบบฟอร์ม แบบฟอร์มใน Access จะแบ่งพื้นที่เป็น 3 ส่วน ดังรูปที่ 6.21 คือ 1) ส่วนหัวของฟอร์ม (Form Header) เป็นส่วนแสดงข้อมูลที่ส่วนหัวของฟอร์ม 2) ส่วนรายละเอียด (Detail) เป็นส่วนที่ใช้วางเขตข้อมูลต่าง ๆ จากตารางหรือคิวรี 3) ส่วนท้ายฟอร์ม (Form Footer) เป็นส่วนที่ใช้แสดงข้อมูลส่วนท้ายของฟอร์ม
รูปที่ 6.21 แสดงการแบ่งพื้นที่ภายในฟอร์ม เมื่อเลื่อนไปตามระเบียนต่าง ๆ ข้อมูลในส่วนรายละเอียดจะเปลี่ยนแปลงตามข้อมูลในระเบียนนั้น ๆ ส่วนข้อความในส่วนหัวและส่วนท้ายของฟอร์มส่วนใหญ่จะคงที่ไม่เปลี่ยนแปลงตาม 5.1 การปรับแต่งขนาดของฟอร์ม ในกรณีต้องการขยายหรือย่อขนาดของฟอร์มให้เหมาะสมกับการแสดงผลสามารถทำการปรับแต่งได้ โดย คลิกที่ขอบของฟอร์ม จนเมาส์เปลี่ยนเป็นรูปลูกศร 2 หัว จากนั้นทำการลากเมาส์เพื่อให้ได้ขนาดของ ฟอร์มตามที่ต้องการ ดังรูปที่ 5.17 รูปที่ 6.22 แสดงการปรับขนาดของฟอร์ม
5.2 การปรับแต่งสีพื้นของฟอร์ม การปรับแต่งสีพื้นของฟอร์มทำได้ดังรูปที่ 6.23 โดย (1) คลิกที่ส่วนที่ต้องการปรับแต่ง เช่น ส่วนรายละเอียด หรือส่วนหัว/ท้ายของฟอร์ม (2) เลือกริบบอน รูปแบบ (3) คลิกปุ่มกระป๋องสี บนแถบเครื่องมือ แล้วเลือกสีพื้นที่ต้องการ รูปที่ 6.23 แสดงการปรับสีพื้นของฟอร์ม 5.3 การใช้ภาพเป็นพื้นหลังของฟอร์ม ในกรณีต้องการใช้ภาพเป็นพื้นหลังของฟอร์ม สามารถทำได้ดังรูปที่ 6.24 โดย (1) คลิกที่ของฟอร์มแล้วใช้ปุ่มรูปพื้นหลัง ในริบบอนรูปแบบ (2) คลิก เรียกดู.... (3) เลือกไฟล์ที่ต้องการให้เป็นภาพพื้นหลังของฟอร์ม (4) คลิกที่ปุ่ม [ตกลง] รูปที่ 6.24 แสดงการปรับสีพื้นของฟอร์ม
ทำให้พื้นหลังของฟอร์มเป็นรูปภาพที่เลือกใช้ ดังรูปที่ 6.25 รูปที่ 6.25 แสดงผลลัพธ์การใช้ภาพเป็นพื้นหลังของฟอร์ม 5.4 การปรับแต่งฟอร์มให้เป็น ฟอร์มป้อนข้อมูล กรณีต้องการกำหนดให้ฟอร์มเป็นฟอร์มป้อนข้อมูล คือเปิดขึ้นมาเป็นฟอร์มเปล่าสำหรับป้อนข้อมูลได้ทันที สามารถทำได้ดังรูปที่ 6.26 โดย 1) คลิกที่จุดเลือกฟอร์ม หรือเลือกรายการ Form ในหน้าต่างคุณสมบัติ 2) คลิกที่แท็บ ข้อมูล (Data) 3) กำหนดรายการ การป้อนข้อมูล ให้เป็น ใช่ (Yes) รูปที่ 6.26 แสดงการกำหนดให้เป็น ฟอร์มป้อนข้อมูล
5.5 การปรับฟอร์มให้เป็น ฟอร์มแบบอ่านอย่างเดียว กรณีต้องการกำหนดให้เป็นฟอร์มชนิดอ่านอย่างเดียว (Read Only) เพื่อป้องกันการแก้ไขหรือเพิ่มข้อมูล สามารถทำได้โดยเปลี่ยนคุณสมบัติต่าง ๆ ในแท็บ ข้อมูล (Data) ดังรูปที่ 6.27 ดังนี้ 1. กำหนดคุณสมบัติ อนุญาตให้แก้ไข เป็น ไม่ไช่ (No) 2. กำหนดคุณสมบัติ อนุญาตให้ลบ เป็น ไม่ใช่ (No) 3. กำหนดคุณสมบัติ อนุญาตให้เพิ่ม เป็น ไม่ใช่ (No) รูปที่ 6.27 แสดงการกำหนดให้เป็นฟอร์มแบบอ่านอย่างเดียว 5.6การกำหนดมุมมองเริ่มต้นในการเปิดฟอร์ม ในกรณีที่ต้องการให้แสดงแบบฟอร์มในลักษณะต่าง ๆ เมื่อเปิดฟอร์มขึ้นมา จะต้องกำหนดที่รายการ มุมมองเริ่มต้น ดังรูปที่ 6.28 โดย ➢ ต้องการให้แสดงฟอร์มเป็นแบบ ฟอร์มเดี่ยว ให้เลือกรายการ Single Form ➢ ต้องการให้แสดงฟอร์มเป็นแบบ ฟอร์มต่อเนื่อง ให้เลือกรายการ Continuous Form ➢ ต้องการให้แสดงฟอร์มเป็นแบบ ฟอร์มแผ่นข้อมูล ให้เลือกรายการ Datasheet
รูปที่ 6.28 แสดงการกำหนดมุมมองเริ่มต้นในการเปิดฟอร์ม 5.7 การปรับแต่งรายละเอียดในส่วนต่าง ๆ ของฟอร์ม การแสดงฟอร์มให้สวยงาม จำเป็นต้องเข้าใจส่วนประกอบและคุณสมบัติของฟอร์มต่อไปนี้ รูปที่ 6.29 แสดงส่วนประกอบและการกำหนดคุณสมบัติของฟอร์ม - จุดที่ (1) ป้ายคำอธิบาย ใช้แสดงแถบชื่อของฟอร์ม - จุดที่ (2) ตัวเลือกระเบียน ใช้กำหนดว่าจะให้แสดงตัวเลือกระเบียนในฟอร์มหรือไม่ - จุดที่ (3) ปุ่มนำทาง ใช้กำหนดว่าจะให้แสดงปุ่มนำทางหรือไม่ - จุดที่ (4) แถบเลื่อน ใช้กำหนดฟอร์มว่าจะให้แสดงแถบเลื่อนทางแนวตั้ง/แนวนอนหรือไม่ - เส้นแบ่ง ใช้กำหนดว่าจะให้แสดงเส้นแบ่งบนฟอร์มหรือไม่ - ปรับขนาดอัตโนมัติใช้กำหนดให้ฟอร์มมีการปรับขนาดโดยอัตโนมัติเมื่อแสดงผล - จัดกลางอัตโนมัติใช้กำหนดให้ฟอร์มแสดงตรงกลางจอภาพโดยอัตโนมัติ
- ลักษณะเส้นขอบ ใช้กำหนดลักษณะของเส้นขอบว่าจะให้ปรับขนาดได้หรือไม่ - กล่องควบคุม และปุ่มต่าง ๆ เช่น ปุ่มปิด ปุ่มย่อ-ขยาย ใช้กำหนดให้แสดงหรือไม่แสดง 5.8 การสร้างจุดยืดคอนโทรล ในกรณีกำหนดฟอร์มเป็นแบบหน้าต่างป็อปอัพ (Popup) ดังรูปที่ 6.30 เมื่อขยายขนาดของฟอร์ม ขนาดของคอนโทรลต่าง ๆ ภายในฟอร์มจะยังคงเดิมไม่เปลี่ยนแปลง ในกรณีต้องการให้คอนโทรล ตัวใดมีการ ปรับขนาดไปตามขนาดของฟอร์มสามารถทำได้โดยสร้างจุดยืดของคอนโทรล ดังรูปที่ 6.31 รูปที่ 6.30 แสดงฟอร์มแบบหน้าต่างป็อปอัพ โดยขั้นตอนการสร้างจุดยึดของคอนโทรลทำได้ในมุมมองออกแบบ โดย (1) คลิกเมาส์ที่ตัวคอนโทรล (2) ใช้ริบบอนจัดเรียง (3) คลิกที่ปุ่มสร้างจุดยึด (Anchor) (4) เลือกรูปแบบที่ต้องการ
รูปที่ 6.31 แสดงขั้นตอนการสร้างจุดยืดคอนโทรล เมื่อเข้าสู่มุมมองแสดงฟอร์ม และทำกรขยายขนาดของฟอร์ม (1) จะเห็นว่าขนาดของคอนโทรลที่ เลือกจะมีการยืดออกตามแนวที่กำหนด (2) ดังรูปที่ 6.32 คือยืดลงทางแนวตั้งแต่จะไม่ยืดออกทางแนวนอน รูปที่ 6.32 แสดงผลลัพธ์การสร้างจุดยืดคอนโทรล