ยินดีต้อนรับ
พนักงานใหม่
บริษัท ไทยรับเบอร์ลาเท็คซ์ปอร์เรชั่น
(ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)
ปฐมนิเทศพนักงานเข้าใหม่
- ประวัติบริษัท
- แผนผังองค์กร
- ระเบียบข้อบังคับบริษัท
- สวัสดิการ
- กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ
คณะกรรมการบริหาร
คุณวรเทพ วงศาสุทธิกุล คุณไพบู ล วรประที ป คุณปรัชญ์นนท์ เต็ มฤทธิกุลชัย
ก ร ร ม ก า ร บ ริ ห า ร ก ร ร ม ก า ร บ ริ ห า ร
กรรมการผู้จัดการใหญ่ /
ประธานบริษั ท
วิ สั ย ทั ศ
นกเ้รำาายรจาตะงอเขป้บ็นนสขผูน้อนอำงงใโนลคอกวุตาโมสดตา้ยหอเนกง้กนรรา
รม
ของลูกค้าให้ดีที่สุด
พั น ธ กิ จ
สเคุป็าณนกภผลู้าผเพพืล่ิอเตหตนน้ือำอยบกาสวง่นาข้อมนงามุตค่งวรเฐานมานน
ใน
สตู้ งอสงุ ดกขา รอแงลลูะกคคว้ าา ม พึ ง พ อ ใ จ
ค่ า นิ ย ม
การทำงานเป็นทีมเพื่อคุณภาพดีเหนือกว่า
คมผวาลตางมราฐมนีาปคนรวดะา้สวมิทยซื่ธคอิภวสัาาตพมย์รแัสุบลจะผริริัดตกชษคอาวบสิ่าตง่มแอโวหปดนร้่ลงา้ทอใี่สแม
ลมุ่ะง
สู่ความเป็นเลิศ
ประวัติบริษัท
บริษัท ไทยรับเบอร์ลาเท็คซ์ปอร์เรชั่น
(ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)
จุดกำเนิดของบริษัท ไทยรับเบอร์ลาเท็คซ์คอร์ปอร์เรชั่น (ประเทศไทย) จำกัด
(มหาชน) เกิดขึ้นกว่า 30 ปีที่ผ่านมา ในปี พ.ศ.2510 ที่จังหวัดสงขลา ในภาคใต้
ของประเทศไทย โดยการถือ กำเนิดของห้างหุ้นส่วนจำกัด คลองแงะยางพารา
(หรือรู้จักกันในปัจจุบัน คือ บริษัท เอ็กซ์เซลล์รับเบอร์ จำกัด จากจุดเริ่มต้นเล็ก ๆ
บริษัทค่อย ๆ เติบโตขึ้นจากการรวมตัวของพันธมิตร เช่น บริษัท โอเรียนท์รับ
เบอร์ลาเท็คซ์ จำกัด บริษัท ไทยรับเบอร์แอนด์ลาเท็คซ์ จำกัด สูการรวมตัวเป็น
บริษัท ไทยรับเบอร์ลา เท็คซ์คอร์ปอร์เรชั่น(ประเทศไทย) จำกัด(มหาชน) ในปี
2533 หรือเป็นที่รู้จักกันในนาม "ไทยเท็คซ์" ผู้เชี่ยวชาญในการผลิตน้ำยางข้น ยาง
สกิม และยางยืด
ในปี พ.ศ. 2533 บริษัท ไทยรับเบอร์ลาเท็คซ์คอร์ปอร์เรชั่น (ประเทศไทย) จำกัด
(มหาชน) ได้ แปรสภาพมาจาก บริษัท โอเรียนท์ รับเบอร์ ลาเท็คซ์ จำกัด ซึ่งได้ก่อ
ตั้งมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2529 โดยมี วัตถุประสงค์หลักคือ ดำเนินกิจการอุตสาหกรรม
ผลิตน้ำยางข้น ต่อมาได้ขยายการลงทุนในกิจการอื่นที่ ประกอบกิจการอื่นที่
ประกอบกิจการแบบเดียวกัน และกิจการอย่างต่อเนื่อง อาทิ การผลิตเส้นด้ายยาง
ยืด ยางแท่ง หมอนและที่นอนยางธรรมชาติ กิจการสวนยางพารา จึงมีผลว่าขณะ
นี้การดำเนินการผลิต น้ำยางข้นที่อยู่ภายใต้การบริหารโดยตรงของคณะผู้บริหารใน
เครือเดียวกัน ที่มีชื่อว่า "THAITEX" คือ บริษัท ไทยรับเบอร์ลาเท็คซ์คอร์
ปอร์เรชั่น (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) มี 1 โรงงาน และ บริษัท ไทยรับเบอร์ลา
เท็คซ์กรุ๊ป จำกัด มี 4 โรงงาน
หมวด1
การรับ บรรจุและประเภทพนักงาน
1. การรับและบรรจุพนักงาน
1.1 มีอายุไม่เกิน 40 ปีบริบูรณ์ในวันที่บรรจุเข้าเป็นพนักงานบริษัท เว้นแต่ในบางตำแหน่งที่
มีความตอ้งการเป็นพิเศษ
1.2 มีสุขภาพพลานามัยสมบูรณ์ แข็งแรงไม่เป็นโรคติดต่อเรื้อรังหรือโรคที่สังคมรังเกียจ
1.3การคัดเลือกให้เป็นพนักงานบริษัทจะต้องทดลองปฏิบัติงานระยะเวลาหนึ่งติดต่อกันไม่
เกิน 119 วัน
1.4 นำหลักฐานประกอบการสมัครงานตามที่บริษัทระบุมา
1.5 บริษัทสงวนไว้ซึ่งสิทธิ์ในอันที่จะเปลี่ยนแปลง หรือโยกย้ายหน้าที่การงานหรือความรับ
ผิดชอบของพนักงานได้ตามความเหมาะสม
2. ประเภทพนักงาน
2.1 พนักงานทดลองงาน ได้แก่ พนักงานทดลองงานรายวัน หรือ
รายเดือนที่บริษัทแจ้งให้ราบแต่แรกว่าให้ทดลองปฏิบัติงาน ซึ่งใน
ช่วงของการทดลองปฏิบบัติงานริษัทมีสิทธิบอกเลิกจ้างเมื่อใด
ก็ได้
2.2 พนักงานประจำได้แก่ พนักงานที่ผ่านการทดลองงานแล้วและ
บริษัทได้บรรจุเป็นพนกังานของบริษัท
2.3 พนักงานสัญญาจ้างพิเศษ ได้แก่ พนักงานที่บริษัทไดเว่าจ้าง
ให้ปฏิบัติงาน มี ลักษณะงานเป็นการเฉพาะหรืองานครั้งคราว งาน
จร งานตามฤดูกาล หรือ โครงการเฉพาะที่ไม่ใช่งานปกติของ
ธุรกิจ หรือการค้าของบริษัทซึ่งมีเงื่อน
หมวด2
วันทำงาน เวลาทำงาน และเวลาพัก
1.วันทำงานปกติ 3.เวลาทำงานปกติ
สำนักงานใหญ่ : ทำงานสัปดาห์ละ 5 วัน จันทร์- ศุกร์ ทำงานวันละ 8 ชั่วโมง โดยแบ่งเป็นสามประเภท คือ
โรงงาน : ทำงานสัปดาห์ละ 6 วัน โดยมีวันหยุด 1 วัน
2.1 งานที่ไม่ใช่งานกะ
2. เวลาพัก สำนักงานใหญ่ : เวลาทำงาน 08.30 น. - 17.30 น.
โรงงาน : เวลาทำงาน 08.00น. - 17.00 น.
กำหนดเวลาพักไว้วันละ1ชั่วโมงหรือรวมกันแล้วอย่าง
2.2 งานกะๆละ 8 ชั่วโมง โดยแบ่งเป็น 3 กะ คือ เช้า
น้อยวันละ1ชั่วโมง บ่าย ดึก
งานที่ไม่ใช่งานกะ : เวลาพัก 12.00 น. - 13.00 น. กะเช้า : เวลาทำงาน 07.00 น. - 16.00 น.
งานกะ : เวลาพักวันละ1ชั่วโมง หลังจากทำงานมาแล้ว
กะบ่าย : เวลาทำงาน 15.00 น. - 24.00 น.
ไม่เกิน 5 ชั่วโมง กะดึก : เวลาทำงาน 23.00 น. - 08.00 น.
2.3 งานที่กำหนดเวลาไม่แน่นอนได้แก่ที่ต้องออกไป
ปฏิบัติงานนอกสถานที่เป็นประจำ อาทิเช่น งานการ
ตลาด งานขาย งานขนส่งลำเลียง ฯลฯ ซึ่งสภาพของ
งานถือว่าไม่อยู่ในข่ายที่จะกำหนดเวลาทำงานปกติที่
แน่นอนได้ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับงานหรือผลสำเร็จของงาน
ตามที่ได้รับมอบหมาย
2.4บริษัทสงวนไว้ซึ่งสิทธิในอันที่จะเปลี่ยนแปลง หรือ
แก้ไข เวลาทำงานปกติ งานกะ หรือวันหยุดประจำ
สัปดาห์ตามที่กำหนดนี้ ได้ตามความจำเป็นและเหมาะ
สมโดยบริษัทจะปฏิบัติให้เป็นไปตามกฎหมายแรงงาน
หมวด3
วันหยุดและหลักเกณฑ์การหยุด
1.วันหยุดประจำสัปดาห์ 2. วันหยุดตามประเพณี
บริษัทฯ ได้กำหนดให้มีวันหยุดสำหรับพนักงาน
บริษัทจะจัดวันหยุดตามประเพณีไม่น้อยกว่า
ดังนี้ ปีละ 13 วัน โดยรวมวันแรงงานแห่งชาติ ใน
1. วันหยุดประจำสัปดาห์ วันหยุดดังกล่าวนี้พนักงานจะได้รับค่าจ้าง
1.1 สำนักงานใหญ่ : วันเสาร์ - วันอาทิตย์ เป็นวัน
ตามปกติ ซึ่งในการนี้บริษัทจะประกาศให้
หยุดประจำสัปดาห์ พนักงานทราบล่วงหน้าเป็นปี ๆ ไป
1.2 โรงงาน : พนักงานที่ โรงงานจะได้หยุด ประจำ
ในกรณีที่วันหยุดดามประเพณีวันใดตรงกับ
สัปดาห์ๆ ละ 1 วัน วันหยุดประจำสัปดาห์ให้เลื่อนวันหยุดตาม
หลังจากที่ได้ปฏิบัติงนติดต่อกันแล้ว 6 วัน โดย
ประเพณีวันนั้นไปหยุดชดเชยในวันทำงาน
บริษัทจะจัดวันหยุดประจำสัปดาห์ให้พนักงาน และ
ถัดไป
จะแจ้งให้ทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 3 วัน
หมวด4
วันลา และหลักเกณฑ์การลา
เพื่อให้พนักงานได้มีโอกาสหยุดพักรักษาสุขภาพ หรือมีเวลาเพื่อไปประกอบกิจธุระส่วนตัว
ตามความจำเป็น บริษัทจึงได้กำหนดวันลาและหลักเกณฑ์การลา สำหรับพนักงานไว้ดังนี้
1.ลาป่วย 2.ลากิจ
พนักงานลาป่วยอันมิใช่เนื่องจากการปฏิบัติ
ในรอบปีปฏิทินหนึ่ง บริษัทอนุญาคให้
งานให้แก่บริษัท มีสิทธิลาป่วยได้เท่าที่ป่วย
พนักงานลากิจตามความจำเป็นได้ปีละไม่เกิน
จริงโดยได้รับค่าจ้างปีละไม่เกิน 30 วันทำงาน 3 วัน ทำงาน โดยได้รับค่าจ้างตามปกติ
กรณีที่พนักงานลาปวยตั้งแต่ 3 วันทำงาน
หมายเหตุ การลาป่วยที่มิใช่กิดเนื่องจาก
ติดต่อกันพนักงานจะต้องแสดงใบรับรอง
อุบัติเหตุจากการปฏิบัติงาน ไม่ได้เป็นไปตาม
แพทย์แผนปัจจุบัน ความเห็นของแพทย์ รวมทั้งการลากิงนี้
พนักงานที่ไม่สามารถทำงานได้เนื่องจาก
บริษัทจะนำมาพิจารณาประกอบการประเมิน
ประสบอันตรายหรือเจ็บป่วยที่เกิดขึ้น
ผลการปฏิบัติงานของพนักงานด้วย
เนื่องจากการทำงานให้บริษัท มีสิทธิที่จะลา
ป่วยใด้ตามคำวินิจฉัยของเพาย์แผนปัจจุบัน
ชั้นหนึ่ง
3.ลาเพื่อการคลอด 4.ลาเพื่อรับราชการทหาร
3.1 บริษัทฯ อนุญาตให้พนักงานที่เป็น
4.1 บริษัทอนุญาตให้พนักงานลาเข้ารับ
หญิงลาคลอดครรภ์หนึ่งได้ไม่เกิน 90 วัน
ราชการทหาร โดยพนักงานจะได้รับค่าจ้าง
โดยบริษัทจะจ่ยค่าจ้างในวันที่ลาคลอดเท่า
ปกติตามจำนวนวันที่ลา แต่ไม่เกินปีละ 60
กับค่จ้างในวันทำงานตลอดระยะเวลาที่ลา
วัน
แต่ไม่เกิน 45วัน ทั้งนี้วันลาคลอดให้รวม
4.2 พนักงานต้องขออนุญาตเป็นลาย
วันหยุดที่มีระหว่างวันลาด้วย ลักษณ์อักษรถ่วงหน้า พร้อมแสดงเอกสาร
3.2 ในกรณีพนักงานมีครรภ์และมีไบ
หลักฐานทางราชการประกอบการลาต่อผู้
รับรองแพทย์แผนปัจจุบันชั้นหนึ่งแสดงว่า
บังคับบัญชา
ไม่อาจปฏิบัติหน้าที่เดิมได้ บริษัทจะ
พิจารณาเปลี่ยนแปลงหน้าที่งานใหม่ให้แก่
5.ลาเพื่อทำหมัน
พนักงานเป็นการชั่วคราวก่อนหรือหลังค
ลอดได้ตามที่บริษัทเห็นสมควร บริษัทอนุญาตให้พนักงานลาเพื่อทำหมันและ
เนื่องจากการทำหมันโดยมีหลักเกณฑ์
1. ให้พนักงานมีสิทธิลาทำหมัน และลาเนื่องจากการ
ทำหมันตามระยะเวลาที่แพทย์แผนปัจจุบันชั้นหนึ่ง
กำหนด และออกใบรับรองโดยได้รับค่ข้างตามปกติ
2. การขอลาเพื่อการทำหมันส่วงหน้าไม่น้อยกว่า 3
และให้นำใบรับรองของแพทย์แผนปัจจุบันชั้นหนึ่ง
มามอบต่อบริษัทกายใน 7 วัน นับดั้งแต่วันเริ่มเข้า
ทำงาน
6. ลาเพื่อฝึกอบรมหรือ
พัฒนาความรู้
บริษัทอนุญาตให้พนักงานมีสิทธิลาเพื่อการ
6.2 การสอบวัดผลทางการศึกษาที่ทางราชการ จัดหรือ
ฝึกอบรม หรือพัฒนาความรู้ความสามารถ อนุญาตให้จัดขึ้นในการลาเพื่อการฝึกอบรมหรือการพัฒนา
ในกรณีดังต่อไปนี้ ความรู้ ให้นายจ้างทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 7 วัน ก่อนวัน
6.1 เพื่อประโยชน์ต่อค้านแรงงานและ
ลาเพื่อเข้ารับการฝึกอบรมหรือพัฒนาความรู้ความสามารถ
สวัสดิการสังคม ทั้งนี้จะต้องมีโครงการหรือ
บริษัทอาจไม่อนุญาตให้พนักงานลาเพื่อการฝึกอบรม
หลักสูตรและกำหนดช่วงเวลาของโครงการ
พัฒนาความรู้ ความสามารถใน กรณีดังต่อไปนี้
หรือหลักสูตรที่แน่นอนและชัดเจน .ในปีที่ลานั้นพนักงานเคยได้รับอนุญาตให้ลาพื่อการฝึก
อบรม ไม่น้อยกว่า 30 วัน หรือ 3 ครั้ง
- ถ้าบริษัทพิจารณาเห็นว่าการลาของพนักงานอาจก่อให้
เกิดความเสียหาย
การลาเพื่อฝึกอบรมหรือพัฒนาความรู้ ความสามารถ
บริษัทจะพิจารณาจ่ายค่าจ้าง ในวันลาให้กับพนักงานเป็น
กรณี ๆ ไป
7. ลาอุปสมบท และลา
7.2 การขอลาอุปสมบท ต้องชื่นใบลาต่อผู้บังคับบัญชา
พิธีการทางศาสนา ล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 60 วัน
บริษัทอนุญาตให้พนักงานลาอุปสมบทได้ตามหลัก
7.3พนักงานจะหยุดงานเพื่ออุปสมบทได้ต่อเมื่อได้รับ
เกณฑ์ดังต่อไปนี้ อนุญาตจากผู้บังคับบัญชาเป็นลายลักษณ์อักษรแล้วนั้น
อนึ่ง การลาทุกประเภทดังกล่าวข้างต้นนี้ พนักงานจะต้อง
7.1 พนักงานที่ปฏิบัติงานครบ 1 ปีบริบูรณ์ นับ
ยื่นขออนุมัติเป็นลายลักษณ์อักษรล่วงหน้าต่อผู้บังดับ
ตั้งแต่วันเริ่มเข้าทำงาน บริษัทอนุญาตให้ลา
บัญชาทุกครั้ง เว้นแต่กรณีเจ็บป่วยกะทันหัน ซึ่งพนักงาน
อุปสมบทได้ไม่เกิน 7 วัน โดยได้รับค่าจ้างตามปกติ ต้องรีบแจ้งหรือติดต่อผู้บังคับบัญชา การลาทุกประเภท
พนักงานที่ปฏิบัติงานครบ 2 ปีบริบูรณ์ นับตั้งแต่
หรือหยุดงานไปโดยไม่ได้รับอนุมัติจากผู้บังกับบัญชา
วันเริ่มเข้าทำงาน บริษัทอนุญาตให้ลาอุปสมบทได้
บริษัทถือว่าเป็นการขาดงานจะไม่ได้รับค่าจ้างในวันที่ขาด
ไม่เกิน 15 วัน โดยได้รับคำจ้างตามปกติ งานนั้น และอาจจะถูกลง โทษตามระเบียบบริษัท
หมวด5
การบริหารค่าจ้าง
บริษัทฯ ได้กำหนดค่าจ้างและเงินเดือนของพนักงานทุกระดับ โดยใช้องค์ประกอบ หรือ
ปัจจัยดังต่อไปนี้เป็นเกณฑ์พิจารณา
1. ขอบเขตความรับผิดชอบของตำแหน่งงาน
2. ความรู้ความสามารถ และผลการปฏิบัติงาน ตลอดจนความประพฤติของพนักงาน
3. สภาวะเศรษฐกิจ และอัตราค่ข้างในธุรกิจ โดยทั่วไป รวมถึงอัตราการจ้างของธุรกิจ
อุตสาหกรรมในประเภทหรือขนาดเดียว หรือใกล้คียงกันกับธุรกิจของบริษัท
4. ลักษณะความสำคัญของงานนั้น ๆ ในองค์กร
การปรับค่าจ้างเพื่อให้พนักงานของบริษัทได้รับคำตอบแทนจากการทำงานในรูปค่าจ้าง
ที่ยุติธรรม
บริษัทจึงกำหนดนโยบายในการบริหารค่าจ้าง ดังนี้
หมวด6
การจ้ายค่าจ้าง ค่าล่วงหน้าและค่าทำงานในวันหยุด
กำหนดการจ่ายค่าจ้าง ค่าล่วงเวลาและค่าทำงานในวันหยุด
บริษัทจะจ่ายค่าจ้าง ค่าล่วงเวลา และค่าทำงานในวันหยุดให้แก่พนักงาน ในสถานที่ทำการของบริษัทหรือ
จ่ายผ่านทางธนาคาร โดยได้รับความยินยอมจากพนักงาน กำหนดแนวปฎิบัติไว้ดังนี้
1.1 สำนักงานใหญ่
บริษัทจะจ่ายให้แก่พนักงานเดือนละครั้ง ภายในวันที่ 25
ของเดือนนั้น ๆ
1.2 โรงงาน
บริษัทจะจ่าขให้แก่พนักงานเดือนละ 2 ครั้ง โดยแบ่งเป็น
งวดกลางเดือนกับงวดสิ้นเดือน หรือตามที่เห็นว่า
เหมาะสมโดยได้รับความยินยอมจากพนักงาน
1.การทำงานล่วงเวลาและการ
ทำงานในวันหยุด
ในกรณีที่มีเหตุจำเป็นฉุกเฉินหรือเร่งด่วน ซึ่งอาจส่งผลเสียหายต่อการดำเนินธุรกิจของบริษัทหากไม่มี
การทำงาน โดยต่อเนื่องบริษัทจึงจำเป็นต้องให้พนักงานมาทำงานล่วงเวลา โดยจะแจ้งให้พนักงานทราบ
ล่วงหน้ทั้งนี้จะต้องได้รับความยินยอมจากพนักงานด้วย
1.1 การทำงานล่วงเวลา หมาขถึง การปฏิบัติงานนอกหรือเกินจากเวลาทำงานตามปกติหรือในวันหยุด
1.2 การทำงานในวันหยุด หมายถึง การที่พนักงานได้รับคำสั่งให้มาปฏิบัติงานในวันหยุดของพนักงาน
2. อัตราการจ่ายค่าล่วงเวลา ค่าทำงานในวันหยุด และค่ล่วงเวลาในวัน
หยุดบริษัทได้กำหนดหลักเกณฑ์ไว้ดังนี้
2.1 การทำงานล่วงเวลาในวันทำงานปกติ
บริษัทจะจ่ายค่าล่วงเวลาให้ในอัตรา 1.5 เท่าของค่าจ้าง
มูลฐาน โดยคำนวณตามชั่วโมงที่ทำงานล่วงเวลาในวัน
ทำงานปกติ
2.2 การทำงานในวันหยุด
2.2.1 พนักงานรายวัน ซึ่งไม่ได้รับค่าจ้างในวันหยุด
ประจำสัปดาห์ บริษัท จะจ่ายค่าทำงานในวันหยุดให้ใน
อัตรา 2 เท่าของค่าจ้างมูลฐาน โดยคำนวณตามจำนวน
ชั่วโมง ที่ทำงานในวันหยุด
2.2.2 นักงานรายวัน ซึ่งได้รับค่าจ้างในวันหยุดตามประเพณี วันหยุดพักผ่อนประจำปี มาทำงานในวัน
หยุด บริษัทจะจ่ยค่าทำงานในวันหยุดเพิ่มขึ้นในอัตรา 1 เท่าของค่าจ้างมูลฐาน โดยคำนวณตามจำนวน
ชั่วโมงที่ทำงานในวันทยุด
2.2.3 พนักงานรายเคือน ซึ่งได้รับค่ช้างในวันหยุดประจำสัปดาห์ วันหยุดตามประเพณี วันหยุดพักผ่อน
ประจำปี บริษัทจะจ่ยค่ำทำงานในวันหยุดให้เพิ่มขึ้น อีกไนอัตรา 1 เท่า ของค่จ้างมูลฐาน โดยคำนวณตาม
จำนวนชั่วโมงที่ทำงาน ไนวันหยุด
2.3 การทำงานล่วงเวลาในวันหยุด
กรณีที่พนักงานมาปฏิบัติงานในวันหยุดและ ได้ทำงานนอกเหนือจากเวลาปกติของการทำงาน บริษัทจะ
จ่ายค่าทำงานล่วงเวลาในวันหยุดในอัตรา 3 เท่า ของค่าจ้างมูลฐาน ตามจำนวนเวลาที่ทำเกินเวลาปกติ
2.4 พนักงานที่ไม่มีสิทธิ์ได้รับค่ถ่วงเวลา และค่าส่วงเวลาในหยุด
2.4.1 พนักงานซึ่งมีอำนาจหน้าที่ทำการแทนบริษัท สำหรับกรณีการจ้าง การให้บำเหน็จการลดค่าจ้าง
หรือการเลิกจ้าง
2.4.2 พนักงานที่ทำหน้ที่ฝ้หรือดูแลสถานที่ หรือทรัพย์สินของบริษัทอันมิใช่หน้าที่การทำงานปกติ
2.4.3 พนักงานที่ทำงานนอกสถานที่ โดยสภาพของงานไม่อาจกำหนดเวลาทำงานแน่นอนได้
2.4.4 งานอื่น ๆ คามที่บริษัทจะประกาศให้ทราบในโอกาสต่อไปตามที่ทางราชการจะให้กำหนดในภายหน้า
2.5 พนักงานตามข้อ 2.4.1 ไม่มีสิทธิได้รับค่ทำงานในวันหยุด
3. การจ่ายค่าจ้างในกรณีบริษัทมีความจำเป็นต้อง
หยุดกิจการชั่วคราว
3.1 ในกรณีที่บริษัทมีความจำเป็นต้องหยุดกิจการทั้งหมดหรือบางส่วน
เป็นการชั่วคราว โดยเหตุหนึ่งเหตุใดที่มิใช่เหตุสุดวิสัย บริษัทจะจ่ายเงินให้แก่
พนักงานไม่น้อยกว่าร้อยละ 75 ของค่าจ้างในวันทำงานที่พนักงาน ได้รับก่อน
บริษัทหยุดกิจการตลอดระยะเวลาที่บริ ษัทไม่ได้ให้พนักงานเข้าทำงาน
3.2 บริษัทจะแจ้งให้พนักงานและพนักงานตรวจแรงงานทราบล่วงหน้าเป็น
หนังสือก่อนวันเริ่มหยุดกิจการไม่น้อยกว่า 3 วันทำการ
หมวด 7
สวัสดิการและผลประโยชน์อื่นๆ
เพื่อเป็นการช่วยเหลือบรรเทาภาระค่าใช้ง่าย บริษัทจึงได้จัดให้มีสวัสดิการสำหรับ
พนักงาน โดยพิจารณาองค์ประกอบการจัดสวัสดิการของธุร กิจอุตสานกรรมดังนี้
1. กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ
บริษัทได้จัดตั้งกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ เพื่อให้พนักงานได้สะสมเงินได้ส่วนหนึ่งไว้และบริษัท
สมทบเพิ่มอีกส่วนหนึ่งเพื่อความมั่นคงในอนาคตของพนักงานเอง ซึ่งหลักเกณฑ์เป็นไปตามที่
บริษัทกำหนด
2. ของเยี่ยมกรณีคลอดบุตร
เมื่อพนักงานคลอดบุตรหรือมีบุตร บริษัทจะจัดของเยี่ยมเพื่อสร้างขวัญและกำลังใจแก่
พนักงานเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่บริษัทกำหนด
3. ของเยี่ยมไ ข้กรณีเจ็บป่วย
เมื่อพนักงานเจ็บป่วย ซึ่งจะต้องเข้ารับการดูแลรักยาในสถานพยาบาลตั้งแต่ 1 คืนขึ้นไป
บริษัทจะส่งผู้แทนไปเยี่ยมพนักงานพร้อมทั้งของเยี่ยม
4. เงินช่วยเหลือกรณีเสียชีวิต
บริษัทได้จัดสวัสดิการเงินช่วยเหลือกรณีเสียชีวิตของบุคคลในครอบครัวของพนักงานหรือ
พนักงานเสียชีวิต
5. เงินยืมฉุกเฉิน
บริษัทได้จัดให้มีเงินยืมฉุกเฉินเพื่อช่วยเหลือพนักงาน
6. เงินช่วยเหลือกรณีใช้พาหนะส่วนตัวในกิจการบริษัท
บริษัทได้จัดสวัสดิการเงินช่วยเหลือกรณี ที่พนักงานใช้รถส่วนตัวไปดิดต่อ หรือทำงานให้บริษั
ตามหลักเกณฑ์ที่บริษัทกำหนด
7.เงินช่วยเหลือเนื่องจากการโยกย้ายฐาน
การ โยกย้ายสถานที่ทำงานใหม่ อันมีผลให้พนักงานต้องย้ายถิ่นที่อยู่ บริษัทจึงจัดให้มีเงินช่วย
เหลือดังกล่าว ตามหลักเกณฑ์ที่บริษัทกำหนด
8. เบี้ยขยัน
บริษัทจัดให้มีเบี้ยขยันสำหรับพนักงานที่เป็นพนักงานของบริษัท เพื่อเป็นการส่งเสริมและเพิ่ม
ขวัญกำลังใจในการปฏิบัติงานของพนักงาน
๑. เบี้ยเลี้ยง ค่าที่พัก
บริษัทได้จัดให้มีเงินช่วยเหลือในกรณีที่พนักงานไปปฏิบัติงานตามคำสั่งของบริ ษัท เป็นการ
ชั่วคราว ณ ที่ทำงานใหม่
10. เครื่องแบบพนักงาน
บริษัทได้ง่ายเครื่องแบบให้พนักงาน เมื่อเข้าทำงานและเมื่อครบรอบปี
11. การตรวจสุขภาพประจำปี
บริษัทจะจัดตรจสุขภาพพนักงานตามหลักเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด
12. ประกันอุบัติเหตุ
บริษัทได้จัดให้มีกรประกันอุบัติเหตุหมู่ ไว้สำหรับพนักงานรายเดือนซึ่งจะได้
รับสิทธิประโยชน์ตามที่กำหนดไว้ในกรมธรรม์ทุกประการ
13. อุปกรณ์ป้องกันอันตรายส่วนบุคคล
จึงได้จัดให้มีอุปกรณ์ป้องกันอันตรายส่วนบุคคล อาทิเช่น รองเท้าบู๊ต
ถุงมือยาง ถุงมือผ้า ผ้ายางกันน้ำ หน้ากากกันฝุ่น อุปกรณ์ลคเสียงเป็นต้น
หมวด8 วินัยและการลงโทษ
เพื่อป้องกันการกระทำใด ๆ อันอาจเป็นอันตรายต่อชีวิต ทรัพย์สินและชื่อเสียงทั้งของพนักงาน ครอบครัวจึงได้
กำหนดวินัย และการลงโทษทางวินัยไว้ดังนี้
1. ความประพฤติหรือการกระทำที่ฝ ฝืนระเบียบวินัย
พนักงานที่ประพฤติหรือกระทำการดังต่อไปนี้ บริษัทถือว่าพนักงานได้ประพฤติผิดหรือฝ่าฝืนระเบียบวินัยของ
บริษัท ซึ่งจะถูกพิจารณาโทษตามที่กำหนดไว้
1.1 มาทำงานสาย
1.2 ไม่บันทึกเวลาเข้างาน หรือเลิกงาน
1.3 ไม่ติดบัตรประจำตัวพนักงานในขณะอยู่ในบริเวณบริษัทฯ
ผู้บังคับบัญชา
1.4 เจตนาปฏิบัติงานให้ล่าช้า นอนหรือหลับในเวลาทำงาน ละทิ้ง
1.5 ฝ้าฝืน ละเลย หลีกเสี่ยง เพิกเฉย หรือไม่ปฏิบัติตามคำสั่งอันชอบของผู้บังคับบัญชา
1.6 แจ้ง หรือรายงานเท็จต่อบริษัท หรือต่อผู้บังคับบัญชา
1.7 กระทำการใด ๆ อันก่อให้เกิดความเสียหายต่อทรัพย์สินของบริษัท โดยเจตนาหรือประมาท
1.8 นำเครื่องมือเครื่องใช้ หรือทรัพย์สินของบริษัทออกไปนอกสถานที่ทำการของบริษัทโดยมิได้รับอนุญาต
1.9 ใช้วัสดุ เครื่องมือ หรืออุปกรณ์ของบริษัทเพื่อประโยชน์ส่วนตัวและบริษัทอื่น
1.10 เล่นเกมส์ในเครื่องคอมพิวเตอร์ทั้งในและนอกเวลางาน
1.11 ฝ่าฝืน ละเลย หลีกเลี่ยง เพิกเฉข หรือไม่ปฏิบัติดามกฎข้อบังคับหรือระเบียบการ เข้า-ออก บริเวณโรงงาน/
บริษัท หรือการป้องกันอุบัติหรือความปลอดภัยในการทำงาน
1.12 รับประทานอาหารในสถานที่ทำงาน
1.13 เข้ามาในสถานที่ทำงาน หรือบริเวณบริษัทในสภาพมึนเมา
1.14 แพร่ข่าวอกุศลใส่ร้าย หรือก่อให้เกิดความเข้าใจ
1.15แสดงกริยาหรือใช้วาจา หรือขีดเขียนข้อความหยาบคาย ก้าวร้าว ดูหมิ่น
1.16 ทำธุรกิจส่วนตัวและธุรกิจของบริษัทอื่นในสถานที่ทำงาน หรือบริเวณบริษัท
1. 17 ทะเลาะวิวาท ทำร้าย หรือทำร้ายร่างกายซึ่งกันและกัน
1.18 ฝ่าฝืน ละเลย หลีกเลี่ยง เพิกเฉข หรือไม่ปฏิบัติดามกฎข้อบังคับหรือ ระเบียบ
การลา การแต่งกาย หรือเครื่องแบบพนักงาน ตลอดจนประกาศ
1.19 ทำลาย แก้ไข ต่อเติม หรือเพิ่มเติมข้อความในประกาศ ระเบียบ บันทึก หรือ
คำสั่งของบริษัทหรือประกาศของผู้อื่นซึ่งได้รับอนุญาตให้ติดประกาศในสถานที่ทำงาน
1.20ติดหรือแจกประกาศหรือเอกสารแผ่นปลิวในสถานที่ทำงานหรือบริเวณบริษัท
1.21 เปิดเผยข้อความ หรือเอกสาร ใด ๆ อันเป็นความลับของบริษัท
1.22นำอาวุธเข้ามาในบริเวณบริษัทหรือบริเวณบ้านพักที่บริษัทจัดให้ โกดังสินค้าบริษัท
1.23 การกระทำใด ๆ อันทำให้เกิดผลร้ายแก่บริษัททั้งทางตรงและทางอ้อม
หมายเหตุ : พนักงานที่ประพฤติผิด หรือฝ่าฝืนระเบียบวินัยดังกล่าวข้างต้นนี้ นอกจากจะได้รับโทษทางวินัยแล้ว
บริษัทจะนำมาพิจารณาประกอบการประเมินผลการปฏิบัติงานของพนักงานด้วย
1.20ติดหรือแจกประกาศหรือเอกสารแผ่นปลิวในสถานที่ทำงานหรือบริเวณบริษัท
1.21 เปิดเผยข้อความ หรือเอกสาร ใด ๆ อันเป็นความลับของบริษัท
1.22นำอาวุธเข้ามาในบริเวณบริษัทหรือบริเวณบ้านพักที่บริษัทจัดให้ โกดังสินค้าบริษัท
1.23 การกระทำใด ๆ อันทำให้เกิดผลร้ายแก่บริษัททั้งทางตรงและทางอ้อม
หมายเหตุ : พนักงานที่ประพฤติผิด หรือฝ่าฝืนระเบียบวินัยดังกล่าวข้างต้นนี้ นอกจากจะได้รับโทษทางวินัยแล้ว
บริษัทจะนำมาพิจารณาประกอบการประเมินผลการปฏิบัติงานของพนักงานด้วย
2. ความประพฤติหรือการกระทำที่ฝ่าฝืนระเบียบวินัยขั้นร้ายแรง
พนักงานที่ประพฤติ หรือกระทำการดังต่อไปนี้ บริษัทถือว่าพนักงานได้ประพฤติผิด
หรือฝ่าฝืนระเบียบวินัยร้ายแรง ซึ่งบริ ษัทจะพิจารณาโทษ โดยการเลิกจ้าง โดยไม่ได้รับค่าชดเชย
ในกรณีดังต่อไปนี้
2.1 ทุจริตต่อหน้าที่ หรือกระทำความผิดอาญาโดยเจตนาแก่บริษัท
2.2 จงใจทำให้บริษัท ได้รับความเสียหาย
2.3 ฝ่าฝืนข้อบังคับ หรือระเบียบเกี่ยวกับการทำงาน หรือคำสั่งอันชอบด้วยกฎหมาย
และเป็นธรรมของบริษัทและบริษัทได้ตักเตือนเป็นหนังสือแล้ว ซึ่งหนังสือตักเดือนนั้นมีผล
บังคับไม่เกิน 1 ปี นับดั้ง
งแต่วันที่ลูกจ้างได้กระทำความผิด เว้นแต่เป็นกรณีร้าขแรง บริษัทไม่
จำเป็นต้องดักเดือน
2.4 ขาคงาน หรือละทิ้งหน้าที่เป็นเวลา 3 วันทำงานติดต่อกันไม่ว่าจะมีวันหยุดคั่น
หรือไม่ก็ตามโดยไม่มีเหตุอันสมควร
2.5 ประมาท เลินเล่อ เป็นเหตุให้บริษัทได้รับความเสียหายอย่างร้ายแรง
2.6 ได้รับโทษจำคุกตามคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก ความประพฤติหรือการกระทำ
ดังต่อไปนี้บริษัทถือเป็นการกระทำที่ฝ่ฝืนระเบียบวินัยขั้นร้ายแรงตามข้อ 2.3 ด้วย
ก) เล่นการพนัน หรือร่วมในวงการพนันทุกประเภทในสถานที่ทำงาน
ข) เสพยาเสพติด หรือนำยาเสพติดเข้ามาในสถานที่ทำงานหรือบริเวณบริษัท
ค) ทำร้ายร่างกายซึ่งกันและกัน หรือต่อผู้บังคับบัญชา หรือต่อบุคคลอื่นในสถานที่
ทำงานหรือบริเวณบริษัท หรือภายนอกบริษัทโดยใช้อาวุธ หรือไม่ใช้อาวุธใด ๆ ก็ตาม
ง) สูบบุหรี่หรือกระทำการใด ๆ ให้เกิดประกายไฟ เปลวเพลิง ในบริเวณที่กำหนดไ ว้
เป็นเขตหวงห้ามเด็ดขาด
จ) ให้ผู้อื่นบันทึกบัตรลงเวลาให้ หรือบันทึกบัตรลงเวลาแทนผู้อื่น
ฉ) ลักขโมย ทรัพย์สินของบริษัทและผู้อื่น
หมวด9 การร้องทุกข์
ขอบเขตและความหมาย
การร้องทุกข์ หมายถึง กรณีพนักงานมีความไม่พอใจหรือมีความทุกข์อันเกิดขึ้นเนื่องจากการ
ทำงานอันได้แก่เรื่องสภาพการทำงาน สภาพการจ้าง การบังดับบัญชา การสั่งหรือมอบหมายงาน
การจ่ายค่าตอบแทนในการ ทำงานหรือประ โยชน์อื่นหรือการปฏิบัติใดที่ ไม่เหมาะสมระหว่างบริษัท
หรือผู้บังดับบัญชาต่อพนักงานหรือระหว่างพนักงานด้วยกัน ให้พนักงานเสนอความไม่พอใจหรือ
ความทุกข์นั้นต่อบริษัทเพื่อให้บริษัทได้ดำนินการแก้ไขหรือยุติเหตุการณ์นั้น ทั้งนี้เพื่อให้เกิดความ
สัมพันธ์อันดีระหว่างบริษัทและพนักงาน
วิธีการและขั้นตอน
พนักงานที่ไม่พอใจหรือรู้สึกว่าไม่ได้รับความเป็น ธรรมเนื่องจากการ ทำงานดังกล่าวข้างต้น ให้ยื่น
คำร้องทุกข์ต่อผู้บังคับบัญชาเหตุก็ให้ยื่นคำร้องทุกข์ต่อผู้บังคับบัญชาระดับสูงขึ้นไปอีกชั้นหนึ่ง
การยื่นคำร้องทุกข์ให้ร้องทุกข์ด้วยวาจาหรือทำเป็นหนังสือตามความเหมาะสม
การสอบสวนและพิจารณา
เมื่อผู้บังคับบัญชาได้รับคำร้องทุกข์จากพนักงานแล้ว ให้รีบคำเนิ นการสอบสวน
เพื่อให้ทราบข้อเท็จจริงในเรื่องที่ร้องทุกข์นั้น โดยละเอียดเท่าที่จะทำได้
เมื่อสอบสวนข้อเท็จจริงหากเป็นเรื่องที่อยู่ในขอบเขตของอำนาจหน้าที่ของผู้บังคับบัญชานั้น และผู้
บังคับบัญชาสามารถแก้ไขได้ก็ให้ผู้บังคับบัญชาดำนินการแก้ไขให้เสร็จสิ้นโดยเร็ว แล้วแจ้งให้พนักงาน
ผู้ยื่นคำร้องทุกข์ทราบโดยทำเป็นหนังสือ พร้อมทั้งรายงานให้บริษัททราบ หากเรื่องราวที่ร้องทุกข์นั้น
เป็นเรื่องที่อยู่นอกเขตอำนาจหน้าที่ของผู้บังคับบัญชา นั้นให้ผู้บังคับบัญชาดังกล่าวเสนอเรื่องราวที่
ร้องทุกข์พร้อมทั้งข้อเสนอในการแก้ไขหรือ
ความเห็นต่อผู้บังคับบัญชาระดับสูงขึ้นไปตามลำดับ ให้ผู้บังกับบัญชาระดับสูงขึ้นไปดำเนินการ
สอบสวนและพิจารณากำร้องทุกข์
เช่นเดียวกับผู้บังคับบัญชาระดับต้นที่ ได้รับคำร้องทุกข์
ผู้บังคับบัญชาแต่ละชั้นต้องคำเนินการเกี่ยวกับคำร้องทุกข์โดยเร็ว อย่างช้้าไม่เกิน 5
กระบวนการยุติข้อร้องทุกข์
เมื่อผู้บังกับบัญชาแต่ละชั้นที่ได้พิจารณาคำร้อง ก็ไห้แจ้งให้ผู้บังคับบัญชาทราบโดยเร็ว แต่ถ้าพนักงาน
ผู้ยื่นคำร้องทุกข์ไม่พอใจ ก็ให้ยื่นอุทธรณ์ต่อกรรมการผู้จัดการภายใน 7 วันนับแต่วันที่ทราบผลการ
ร้องทุกข์จากผู้บังคับบัญชาที่พิจารณากรรมการผู้จัดการจะพิจารณาอุทธรณ์และดำเนินการแก้ไข
หรือยุติเหตุการณ์ตามคำร้องทุกข์ และแจ้งผลการพิจารณาคำนินการให้พนักงานผู้ยื่นคำร้องทุกข์
ทราบภายใน 15
ความคุ้มครองผู้ร้องทุกข์และผู้เกี่ยวข้อง
เนื่องจากการร้องทุกข์ การพิจารณา และการยุติข้อร้องทุกข์ เป็นกระบวนการสร้าง
แรงงานสัมพันธ์ที่ดีดังนั้นพนักงานผู้อื่นคำร้องทุกข์ พนักงานผู้ให้ถ้อยคำ ให้ข้อมูล ไห้ข้อ
เท็จจริงหรือให้พยานหลักฐานใดเกี่ยวกับการร้องทุกข์ แม้จะเป็นเหตุให้เกิดข้อยุ้งยาก
ประการได้แก่บริษัทก์ย่อมได้รับการรับรองจากบริษัทว่าจะไม่เป็นเหตุหรือถือเป็นเหตุที่บริษัท
จะเลิกจ้าง ลงโทษ หรือดำเนินการใด ๆ ที่เกิดผลร้ายต่อพนักงานดังกล่าว
หมวด10
การพ้นสภาพพนักงานและการจ่ายชดเชย
พนักงานของบริษัทจะพ้นสภาพจากการเป็นพนักงาน ในกรณีดังต่อไปนี้
1. ลาออก
2. เกษียณอายุ
3. เลิกจ้างโดยได้รับค่าชดเชย
4. เลิกจ้างโดยไม่ได้รับค่าชดเชย
5. ถึงแก่กรรม
1. ลาออก
พนักงานที่ประสงค์จะลาออกจกการเป็นพนักงานของบริษัท ให้ยื่นหนังสือขอ
ลาออกต่อผู้บังคับบัญชา เพื่อพิจารณาอนุมัติดามลำดับขั้นเป็นการล่วงหน้าไม่น้อย
กว่า 30 วัน
ต่อเมื่อได้รับอนุมัติแล้ว จึงจะถือว่าพันสภาพจากการเป็นพนักงานโดยสมบูรณ์
2.เกษียณอายุ
พนักงานที่มีอายุครบ 60 ปี บริบูรณ์ ในปีใดจะพ้นสภาพจากการเป็นพนักงานของ
บริษัท ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม
3. เลิกจ้างโดยได้รับค่าชดเชย
3.1 บริษัทอาจพิจารณาให้พนักงานพ้นสภาพจากการเป็น พนักงาน โดยการเลิกจ้าง
3.1.เ แพทย์ลงความเห็นหรือวินิฉัยว่าทุพพลภาพหรือพิการ ซึ่งไม่สามารถปฏิบัติงานใน
ตำแหน่ง
หน้าที่ที่ปฏิบัติอยู่ต่อไปได้ และบริษัทไม่สามารถจัดหาดำแหน่งงานอื่นที่เหมาะสมให้
ปฏิบัติงาน
แทนได้
3.1.2 บริษัทมีความจำเป็นต้องปรับปรุงงาน โดยยุบหรือยกเลิกหน่วยงาน หรือ
ตำแหน่งงานนั้น ๆ
และบริษัทไม่สามารถที่จะจัดหาตำแหน่งงานอื่ ที่หมาะสมให้พนักงานปฏิบัติงานได้
3.1.3 ผลการปฏิบัติงานของพนักงานผู้นั้นไม่เป็นไปตามมาตรฐานที่ได้กำหนดไ ว้
ซึ่งผู้บังคับบัญชาได้แจ้งให้พนักงานผู้นั้นทราบแล้ว แต่ก็ยังไม่สามารถปรับปรุงผลการปฏิบัติ
งานให้ได้ตามมาตรฐานที่วางไว้
3.1.4 ประพฤติผิดวินัยแต่ยังไม่ถึงขั้นร้ยแรง และผู้บังคับบัญชาได้แจ้งให้
พนักงานทราบแล้ว แต่ยังมิได้ปรับปรุงความประพฤติให้ดีขึ้นภายในระยะเวลาที่เห็นเหมาะสม
หรือสมควร
พนักงานที่บริษัทพิจารณาให้พ้นสภาพจากการเป็นพนักงานด้วยสาเหตุข้างต้น บริษัท
จะจ่ายค่าชดเชยให้ดามที่กฎหมายแรงงานกำหนดไว้ดังนี้
ก) พนักงานซึ่งทำงานติดต่อกันครบหนึ่งร้อยยี่สิบวัน แต่ไม่ครบ 1 ปี ให้ง่ายไม่น้อยกว่า
ค่าจ้างอัตราสุดท้ายสามสิบวัน
ข) พนักงานซึ่งทำงานติดต่อกันมาครบหนึ่งปี แต่ไม่ครบสามปี ให้จ่ายไม่น้อยกว่า
ค่จ้างอัตราสุดท้ายเก้าสิบวัน
ค) พนักงานซึ่งทำงานติดต่อกันครบสามปีแต่ไม่ครบหกปี ให้จ่ายไม่น้อยกว่าค่าจ้าง
อัตราสุดท้ายหนึ่งร้อยแปดสิบวัน
ง) พนักงานซึ่งทำงานติดต่อกันครบหกปีแต่ไม่ครบสิบปี ให้จ่ายไม่น้อยกว่าค่าจ้าง
อัตราสุดท้าขสองร้อยสี่สิบวัน
จ) พนักงานซึ่งทำงานติดต่อกันครบสิบปีขึ้นไปให้จ่ายไม่น้อยกว่าค่าจ้างอัตราสุดท้าย
สามร้อยวันหรือไม่น้อยกว่าค่าจ้างของการทำงานสามร้อยวันสุดท้ายสำหรับลูกจ้าง
3.2 ค่าชดเชยพิเศษ
3.2.1 การย้ายสถานประกอบกิจการ
ในกรณีที่บริษัทข้ายสถานประกอบกิจการ ไปตั้ง ณ สถานที่อื่น อันมีผลกระทบสำคัญต่อการ
ดำรงชีวิตตามปกติของพนักงานหรือครอบครัว บริษัทจะแจ้งให้พนักงานทราบล่วงหน้าไม่น้อย
กว่า 30 ในการนี้ถ้พนักงานไม่ประสงค์จะไปทำงานด้วย ให้พนักงานมีสิทธิบอกเลิกสัญญาจ้าง
เป็นลายลักษณ์อักษรภายใน 30 วัน นับตั้งแต่วันที่ได้รับแจ้งจากบริษัทได้โดยบริษัทจะจ่ายค่า
ชดเชยพิเศษไม่น้อยกว่าอัตราค่าชดเชยที่ลูกจ้าง พึงมีสิทธิได้รับตามกฎหมายแรงงานตาม
มาตรา 118
3.2.2 การเลิกจ้างด้วยเหตุปรับปรุงกิจการ
บริษัทจะจ่ายค่าชดเชยพิเศษให้พนักงานที่บริษัทเลิกจ้างเพราะเหตุปรับปรุง
หน่วยงาน กระบวนการผลิต การจำหน่าย ซึ่งเป็นเหตุให้ต้องลดจำนวนพนักงาน บริษัทจะจ่าย
ค่าชดเชยพิเศษเพิ่มขึ้นจากค่าชดเชยตามกฎหมายแรงงาน มาตรา 118 แก่พนักงานที่ทำงาน
ติดต่อกันครบ 6 ปีขึ้นไป ไม่น้อยกว่าค่าจ้างอัตร าสุดท้าย 15 วันต่อการทำงานครบหนึ่งปี แต่
รวมแล้วต้องไม่เกินค่าจ้างอัตราสุดท้าย 360 วัน กรณี ระยะเวลาทำงาน ไม่ครบหนึ่งปี ถ้าเศษ
ของระยะทำงานมากก่า 180 วัน ให้นับเป็นการทำงานครบหนึ่งปี
3.2.2 การเลิกจ้างด้วยเหตุปรับปรุงกิจการ
ในกรณีที่บริษัทจะเลิกจ้างพนักงานเพราะเหตุที่นายจ้างปรับปรุงหน่วยงาน
กระบวนการผลิต การจำหน่าย ซึ่งเป็นเหตุให้ต้องลดจำนวนพนักงาน บริษัทจะแจ้งวันที่จะเลิก
จ้าง เหตุผลของการเลิกจ้างและรายชื่อพนักงานต่อพนักงานตรวจแรงงาน และพนักงานที่จะ
เลิกจ้างให้ทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 60 วันก่อนวันที่จะเลิกจ้าง
ในกรณีที่บริษัทไม่แจ้งให้พนักงานที่จะเลิกจ้างทราบล่วงหน้า หรือแจ้งล่วงหน้าน้อย
กว่า 60 วัน นอกจากจะได้รับค่าชดเชยตามกฎหมายแล้ว บริษัทจะจ่ายค่าชดเชยพิเศษแทนการ
บอกกล่าวถ่วงหน้าเท่ากับอัตราสุดท้าย 60 วันหรือเท่ากับค่าจ้างของการทำงาน 60 วัน
สุดท้ายสำหรับพนักงานซึ่งได้รับค่าจ้างตามผลงาน โดยคำนวณเป็นหน่วยด้วย
ในกรณีที่มีการจำยคำชดเชยพิเศษแทนการ บอกกล่าวล่วงหน้าดังกล่วแล้ว ให้ถือว่า
บริษัทได้ง่ายสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ด้วย
ทั้งนี้ บริษัทจะแจ้งวันที่เลิกจ้างและเหตุผลของการเลิกจ้างให้พนักงานทราบล่วงหน้า
ไม่น้อยกว่า 60 วัน ก่อนวันเลิกจ้าง ในกรณีบริษัทไม่อาจแจ้งให้พนักงานที่จะถูกเลิกจ้างทราบ
ล่วงหน้าหรือแจ้งล่วงหน้าน้อยกว่า 60 วัน บริษัทจะจ่ายค่าชดเชยพิเศษแทนการบอกกล่าวล่วง
หน้าเท่ากับค่าจ้างอัตราสุดท้าย 60 วัน
4. เลิกจ้างโดยไม่ได้รับค่าชดเชย
ในกรณีที่พนักงานประพฤติผิดวินัยขั้นร้ายแรงตามที่บริษัทได้กำหนคลักษณะ
ความผิดขั้นร้ายแรงไ ว้ในหมวดที่ 8 (ข้อ 2) บริษัทอาจพิจารณาเลิกจ้างโดยไม่จ่ยค่ชดเชย
5. ถึงแก่กรรม
พนักงานที่ถึงแก่กรรม ถือว่าพ้นสภาพจากการเป็นพนักงานของบริษัทในวันที่ถึงแก่
กรรมนั้น
Thank
You