รายงาน
สถานภาพทรัพยากรและสงิ่ แวดล้อมทางทะเลบริเวณเกาะโลซิน
พ.ศ. 2563
โดย
ศูนย์วจิ ยั ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอ่าวไทยตอนลา่ ง
กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง
ผสู้ นบั สนนุ บริษทั ปตท.สารวจและผลิตปิโตรเลี่ยม จากัด (มหาชน)
คานา
ในยุคท่ีข้อมูลข่าวสารมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วตามกระแสโลกที่เปล่ียนไป การจัดทา
ขอ้ มูลเชิงวชิ าการของสถานภาพทรัพยากรและสง่ิ แวดล้อมทางทะเลบริเวณเกาะโลซิน จงั หวัดปัตตานี ให้เป็น
ปัจจุบันมากท่ีสุดนับว่าเป็นส่ิงที่มีความจาเป็นอย่างยิ่ง เน่ืองจากเป็นพื้นที่ท่ีมีทรัพยากรทางทะเลท่ีมีความ
หลากหลายและอยู่ในสภาพสมบูรณ์ ประกอบกับสภาพทางธรรมชาตทิ ่ีเปราะบางห่างไกลจากชายฝั่ง เสี่ยงต่อ
การถูกทาลายจากการดาเนินกิจกรรมของมนุษย์ และเกาะโลซินมีความสาคัญต่อประเทศไทยอย่างยิ่ง ท้ังใน
ด้านความมนั่ คงและอาณาเขตทางทะเล ด้านพลงั งาน และดา้ นทรพั ยากรธรรมชาติ ซึ่งปัจจุบนั เกาะโลซินอยใู่ น
กระบวนการประกาศกฎกระทรวง ให้เป็นพ้ืนที่คุม้ ครองทางทะเลและชายฝ่งั ดังนน้ั จาเป็นต้องทราบถึงความ
หลากหลายทางชวี ภาพของทรัพยากรรอบเกาะโลซนิ
รายงานสถานภาพทรัพยากรและส่ิงแวดล้อมทางทะเลบริเวณเกาะโลซิน พ.ศ. 2563 นับเป็น
ความร่วมมือทางวิชาการระหว่างนักวชิ าการ นักวิจยั และบคุ ลากรจากหลายหนว่ ยงานทง้ั ภาครัฐและเอกชน โดย
การนาของนักวิชาการด้านปะการัง สถาบันวิจัยและพัฒนาทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง สานักงานทรัพยากร
ทางทะเลและชายฝ่ัง (สงขลา) กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝ่ัง ร่วมกับมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์
มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ มหาวิทยาลัยราชภัฎภูเก็ต มหาวิทยาลัยรามคาแหง และ
ศูนย์ปฏิบัติการอุทยานแห่งชาติทางทะเล (ชุมพร) จานวนทั้งสิ้น 22 คน ร่วมดาเนินการสารวจและวิเคราะห์ผล
ในระหว่างวันท่ี 31 สิงหาคม - 4 กันยายน 2563 ซ่ึงได้รับการสนับสนุนงบประมาณโดยบริษัท ปตท.สารวจและ
ผลิตปโิ ตรเลียม จากัด (มหาชน)
นับเป็นเกียรติอย่างย่ิงแก่คณะผู้เรียบเรียง ให้รายงานฉบบั น้ีมีความสมบูรณ์ ครบถ้วน เพ่ือใช้
เผยแพร่เป็นฐานขอ้ มลู ทรัพยากรและส่งิ แวดล้อมทางทะเลบรเิ วณเกาะโลซนิ โดยหวังเปน็ อย่างยงิ่ ว่าสังคมไทย
จะตื่นตัวร่วมกนั อนรุ ักษ์แนวปะการังและสิง่ มชี ีวติ ใต้ทะเลฝง่ั อ่าวไทยตอนลา่ ง เพอื่ การบริหารจัดการและสงวน
ไว้ใหค้ งอยใู่ นสภาพทส่ี มบรู ณต์ อ่ ไปอยา่ งยัง่ ยืน
(นางสาวราตรี สขุ สวุ รรณ)์
ผู้อานวยการศูนย์วจิ ยั ทรพั ยากรทางทะเลและชายฝัง่ อา่ วไทยตอนลา่ ง
กนั ยายน 2564
สารบญั 1
2
บทนา 2
- ลกั ษณะพื้นท่ี อาณาเขต และพกิ ัดท่ตี ้ัง
- การเปลย่ี นแปลงเหตุการณ์สาคัญที่ผ่านมา 4
4
ความหลากหลายของทรพั ยากรและสิ่งแวดล้อมทางทะเลบรเิ วณเกาะโลซิน พ.ศ. 2563 6
- ปะการงั 11
- โรคปะการงั 12
- ปลาในแนวปะการัง 13
- ฟองน้า 14
- เอคไคโนเดิร์ม 14
- ครัสตาเชียน 15
- ลกู ปลาวยั อ่อน 16
- สตั วท์ ะเลหน้าดนิ 17
- แพลงก์ตอนสัตว์ 17
- แพลงก์ตอนพชื 19
- สาหร่าย
- ปใู นแนวปะการงั 22
26
ลักษณะทางสมุทรศาสตร์ และกระแสนา้
- คุณภาพนา้ ทะเลในแนวปะการงั 29
ภาคผนวก (ก) 34
- ข้อมูลปลาท่ีพบในแนวปะการังเกาะโลซิน 35
36
ภาคผนวก (ข)
- คาขอบคุณ
- รายชื่อผ้รู ว่ มเดินทาง
- บรรณาธกิ าร คณะผู้เรียบเรียงและจัดทา
1
สถำนภำพทรัพยำกรและส่ิงแวดลอ้ มทำงทะเลบริเวณเกำะโลซิน จงั หวดั ปตั ตำนี
บทนำ
เกาะโลซิน ถือเป็นเกาะที่มีขนาดเล็กท่ีสุดของประเทศไทยและอยู่ห่างไกลจากชายฝั่งมากท่ีสุด
แต่กลับมีความสาคัญต่อประเทศไทยอย่างย่ิง ทั้งในด้านความมั่นคงและอาณาเขตทางทะเล ด้านพลังงาน และด้าน
ทรัพยากรธรรมชาติ ด้วยความอุดมสมบูรณ์ของโลกใต้ทะเลและความสาคัญของเกาะแห่งนี้ ทาให้มีความพยายามท่ีจะ
เสนอเกาะโลซินให้เป็นพื้นที่คุ้มครองทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ตามมาตรา 20, 23 แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมการ
บรหิ ารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง พ.ศ. 2558 ซ่ึงจะช่วยอนุรักษ์และคุ้มครองความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากร
ใตท้ ะเล และรกั ษาความหลากหลายทางชีวภาพเหล่านี้ไว้ได้อย่างเป็นรปู ธรรม
ท่ีผ่านมาได้มีการสารวจของนักวิจัยทางทะเลมาแล้วไม่น้อยกว่า 3 ครั้ง คร้ังล่าสุดนาทีมโดยนักวิจัยจาก
กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝ่ัง ร่วมกับทีมงานนักวิทยาศาสตร์ทางทะเล จากมหาวทิ ยาลัยต่างๆ และองค์กรอิสระ
ภาคเอกชนท่ี เกี่ยวข้อง ซึ่งเป็ นการสารวจความหลากห ลายของทรัพ ยากรและสิ่งแวดล้อมท างท ะเล
ในบรเิ วณรอบเกาะโลซนิ การสารวจครอบคลมุ ทุกด้าน ไดแ้ ก่ ปะการงั และโรคปะการงั สัตวท์ ะเล สัตวห์ น้าดิน สตั วน์ ้าวัย
ออ่ น แพลงก์ตอน ขยะทะเล ไมโครพลาสติก และคุณภาพนา้ สาหรับเตรยี มความพรอ้ มของฐานข้อมูลในด้านความอุดม
สมบูรณ์และความหลากหลายทางชวี ภาพ เพื่อสนับสนุนให้เกาะโลซินเป็นพ้ืนที่คุ้มครองทางทะเล และในปี พ.ศ. 2572
ข้อตกลงเจรจาระหวา่ งไทย-มาเลเซีย ที่กาหนดพ้ืนที่ทับซ้อนทางทะเลใหเ้ ป็นพื้นท่ีพัฒนาร่วมจะหมดอายุลง โลซินจะยัง
ถกู ตีความให้เปน็ เกาะตามนิยามใหม่หรอื ไม่ ขอ้ มูลที่นักวิจัยทาการศึกษา สารวจและติดตามอยา่ งน้อยปลี ะ 1 ครงั้ เพื่อ
เป็นส่วนสาคญั ทป่ี ระเทศไทยนาไปสนบั สนนุ การเปน็ เจา้ ของเกาะต่อไป การสารวจจานวน 3 ครั้งยอ้ นหลงั ไป มดี งั นี้
วันท่ี 18-21 พฤษภาคม พ.ศ. 2558 สารวจความหลากหลายบริเวณรอบเกาะโลซิน โดยทีมงานศนู ย์วจิ ยั และ
พัฒนาทรัพยากรทางทะเลและชายฝ่ังอ่าวไทยตอนล่าง ร่วมกับ SOS หรือ www.saveoursea.net และทีมงานจาก
มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ มหาวิทยาลัยบูรพา มหาวิทยาลัยราชภัฎภูเก็ต มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ และทีมงานจาก
ศนู ยว์ ิจยั และพัฒนาทรพั ยากรทางทะเลและชายฝงั่ ทะเลอนั ดามัน
วันที่ 17-20 มิถุนายน พ.ศ. 2562 สารวจติดตามสภาพความเสียหายบริเวณแนวปะการังและสารวจความ
หลากหลายบริเวณรอบเกาะโลซิน โดย ศูนย์วิจัยและพัฒนาทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอ่าวไทยตอนล่าง ร่วมกับ SOS
หรือ www.saveoursea.net และทีมงานจากมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ สมาคมวิทยาศาสตร์ทางทะเล มหาวิทยาลัย
ราชภัฎภูเก็ต ศูนย์วิจัยและพัฒนาทรัพยากรทางทะเลและชายฝ่ังทะเลอันดามัน ศูนย์วิจัยและพัฒนาทรัพยากรทางทะเล
และชายฝั่งอ่าวไทยตอนกลาง ศูนย์วจิ ัยและพัฒนาทรัพยากรทางทะเลและชายฝ่ังทะเลฝ่ังตะวันออก และศูนย์ปฏิบัติการ
อุทยานแหง่ ชาติทางทะเลท่ี 1 (จ.ชุมพร)
วันท่ี 1-4 กันยายน พ.ศ. 2563 สารวจสถานภาพทรัพยากรและส่ิงแวดล้อมทางทะเลรอบเกาะโลซิน โดย
ศูนย์วจิ ัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝ่ังอา่ วไทยตอนล่าง ภายใต้การสนับสนุนงบประมาณจาก บริษัท ปตท. สารวจและ
ผลิตปิโตรเลียม จากัด (มหาชน)หรือ ปตท.สผ. รว่ มกับนักวิจยั ของคณะประมงมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ คณะการจัดการ
สิ่งแวดล้อมและสถานวิจัยสมุทรศาสตร์ชายฝ่ังและการเปล่ียนแปลงสภาพภูมิอากาศ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์
นกั วิจัยจากมหาวิทยาลยั วลัยลักษณ์ นกั วิจัยจากคณะวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี มหาวทิ ยาลยั ราชภัฎภูเก็ต นักวจิ ัยจาก
ศูนย์ปฏิบัติการอุทยานแห่งชาติทางทะเลท่ี 1 (จ.ชุมพร) กรมอุทยาแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช นักวิจัยจากศูนย์วิจัย
ทรัพยากรทางทะเลและชายฝง่ั อา่ วไทยตอนกลาง และศูนย์วิจัยทรพั ยากรทางทะเลและชายฝงั่ อา่ วไทยฝั่งตะวนั ออก
2
ลกั ษณะพนื้ ท่ี อำณำเขต และพิกัดทีต่ ้ัง
เกาะโลซิน หรือ กองหินโลซิน (Ko Losin หรือ Losin islet) มีท่ีต้ังทางภูมิศาสตร์อยู่ท่ีพิกัด ละติจูด
7.316667 องศาเหนือ และลองติจูด 101.933333 องศาตะวนั ออก (รูปที่ 1) ต้ังอยู่ในเขต อ.ปะนาเระ จ.ปัตตานี ห่าง
จากชายฝั่งประมาณ 72 กิโลเมตร ถือเปน็ เกาะแรกทางทิศใต้ของเขตแดนทางทะเลด้านอ่าวไทยฝั่งตะวันตกของประเทศ
ไทย เม่อื ปี ค.ศ. 1992 รัฐบาลไทยได้ประกาศ เขตน่านนา้ ภายในของประเทศโดยใช้เส้นแนวเขตน่านน้าภายใน (รูปที่ 2)
เกาะโลซินมีสว่ นท่ีโผล่พน้ นา้ ขนึ้ มาเป็นกองหินเพียงเล็กน้อยประมาณ 2-3 เมตร เส้นผ่าศูนย์กลางของกองหินส่วนท่ีโผล่
พ้นนา้ ประมาณ 10 เมตร มีพื้นทเ่ี หนือน้ารวมประมาณ 100 ตารางเมตร บนเกาะไมม่ ีหาดทราย มีเพียงประภาคารท่ีส่ง
ไฟสัญญาณเตือนอยู่บนยอดหินสูงประมาณ 10 เมตร เพ่ือเป็นจุดสังเกตสาหรับการเดินเรือในช่วงเวลากลางคืนเท่าน้ัน
(รูปที่ 3) บรเิ วณรอบเกาะเปน็ แหลง่ ปะการังท่อี ุดมสมบรู ณ์ ปะการังกอ่ ตัวรอบกองหินเป็นพื้นทป่ี ระมาณ 493.75 ไร่ โดย
เรม่ิ พบปะการังขึ้นประปราย ณ จุดตื้นสุดประมาณ 7 เมตร และกอ่ ตัวหนาแนน่ มากตัง้ แต่ระดบั น้าลกึ ประมาณ 10 เมตร
ลงไปจนสนิ้ สุดทค่ี วามลึกประมาณ 30-35 เมตร ถดั จากนนั้ เป็นพนื้ ทราย
รปู ท่ี 1-3 แผนท่ีพิกัดทตี่ ั้ง อาณาเขตและตัวประภาคารของเกาะโลซิน จงั หวัดปตั ตานี
กำรเปลี่ยนแปลงเหตกุ ำรณส์ ำคัญท่ผี ่ำนมำ
พ.ศ. 2501 เกาะโลซินเคยเป็นดินแดนพิพาทระหว่างไทยกับมาเลเซีย ต่อมาคณะเจรจาไปพบกองหินกลาง
ทะเลคือเกาะโลซิน จึงได้ใช้อนุสัญญากรุงเจนีวาว่าด้วยกฎหมายทางทะเล พ.ศ. 2501 ให้โลซินมีสถานะเป็นเกาะ ไทยจึง
สามารถประกาศสิทธเิ ขตเศรษฐกจิ จาเพาะจากแนวนา้ ลดบรเิ วณชายฝัง่ ออกไปได้ 200 ไมลท์ ะเล
พ.ศ. 2511 ไทยประกาศพิกดั แนวเขตไหล่ทวีปในอ่าวไทยโดยประมาณ เพอ่ื กาหนดแปลงสารวจให้เอกชน
มายน่ื ขอนุญาตดาเนินการสารวจไดแ้ ละจดทาแผนท่หี มายเลข 68A (รูปที่ 4) เพือ่ แสดงขอบเขตแปลงสารวจและขอบเขต
ไหล่ทวีปโดยประมาณ และมาเลเซียประกาศขอบเขตไหล่ทวีปและกาหนดแนวเขตสอดคล้องกับแนวของไทยในแผนที่
หมายเลข 68A (ไมไ่ ดท้ าการตกลงกบั ไทย)
พ.ศ. 2514 ไทยปรับปรุงแผนที่และประกาศแนวขอบเขตใหม่และทับซ้อนกับพ้ืนที่ของมาเลเซียไปโดย
ปริยาย และก็เป็นเวลาเดียวกันกับท่ีมีการค้นพบก๊าซธรรมชาติในพื้นท่ีด้วย แน่นอนว่าทางการมาเลเซีย
ไม่ยอมรับแนวขอบเขตไหล่ทวีปตามแผนท่ีใหม่และยืนกรานจะแผนท่ีของตนเองท่ีได้ประกาศใช้ไปแล้ว ผลของความ
ขัดแย้งน้ีทัง้ มาเลเซยี และไทย จาตอ้ งให้เอกชนทุกรายยุตกิ ารสารวจแหลง่ ปิโตรเลยี มในเขตพนื้ ท่ดี ังกลา่ วไว้กอ่ น นับตง้ั แต่
ปี พ.ศ. 2518 เป็นต้นมา จนกว่าหาขอ้ สรุปร่วมกนั ได้ และใช้เป็นจุดอ้างองิ ลากเสน้ Baseline จากปากแม่น้าโกลกไปยัง
เกาะโลซิน แลว้ ใชเ้ ส้น Baseline นี้เป็นแนวอ้างอิงเพ่ือกาหนดเขตไหล่ทวีปได้ ซ่งึ ก็จะได้แนวเขตแดนตามที่ทางการไทย
ได้ปรบั ปรุงใหม่ใน พ.ศ. 2514 (รูปที่ 5)
3
รปู ที่ 4-5 แผนท่หี มายเลข 68A และเสน้ Baseline ลากผ่านเกาะโลซิน เกาะกระ และเกาะสมยุ
พ.ศ. 2515 มกี ารเจรจากันอย่างเป็นทางการ เรอื่ งการปรบั ตาแหน่งพรมแดนให้เหมาะกับสภาพปาก
แม่นา้ โกลกที่เปลย่ี นแปลงและลากเส้นเขตแดนในทะเลออกไป 25.5 ไมล์ทะเล
พ.ศ. 2519 ไทยพยายามนัดเจรจากับมาเลเซีย แต่มาเลเซียต้องการรอผลการประชุมอนุสัญญาเจนี
วา เรื่องขอ้ ตกลงเก่ยี วกับกฎหมายทางทะเลคร้ังที่ 3 ซึง่ มีแนวโน้มจะกาหนดให้เกาะเลก็ ๆไมม่ ีเขตไหล่ทวีปและจะทา
ใหไ้ ทยไม่สามารถใช้ประโยชน์เกาะโลซินในการอา้ งแนวเขตได้
พ.ศ. 2521 การเจรจาครั้งที่ 2 ท่ีกรุงกัวลาลัมเปอร์ทั้งสองฝ่ายยังยืนยันในจุดยืนเดิมของตนเอง
ซึ่งพบว่าพน้ื ทท่ี ับซ้อนกันอยูป่ ระมาณ 7,250 ตารางกโิ ลเมตร และมกี ารเสนอใหท้ ้ังสองฝ่ายมาร่วมกันสารวจและใช้
ประโยชน์จากทรพั ยากรในพืน้ ที่เกาะโลซินและพกั เรื่องการแบง่ แนวเขตประเทศไวก้ อ่ น
พ.ศ. 2563 ไทยปลูกต้นไม้เพื่ออธิปไตย โดยทหารเรือพยายามหาทางปลูกต้นไม้เพื่อให้เติบโตขึ้นมา
(รปู ท่ี 6-8) ให้เขา้ นิยามเป็น "เกาะ" ที่ถูกต้องกบั คานิยาม หากยังเป็นแบบนี้ ปี 2572 เวลาขึ้นโตะ๊ เจรจากบั มาเลเซีย
สาหรับการท่ีจะใชค้ าว่า โลซิน เป็นเกาะหรือไม่น้ัน ก็อยทู่ ่ีลักษณะกายภาพเช่นกันจะมีน้าหนักมากน้อยก็อยู่กับวิธี
เจรจาตอ่ รอง
รูปท่ี 6-8 ทหารเรอื ปลูกตน้ ไม้บนเกาะโลซินเพื่ออธปิ ไตยกลางทะเลของประเทศไทย
4
ควำมหลำกหลำยของทรัพยำกรและสิ่งแวดลอ้ มทำงทะเลบรเิ วณเกำะโลซิน พ.ศ. 2563
ทรัพยำกรปะกำรงั ปะการังรอบเกาะโลซินมเี ปน็ แนวปะการงั ทมี่ คี วามหลากหลายสภาพสมบูรณ์มาก จาก
การสารวจพบปะการังทั้งหมด 46 ชนดิ ลกั ษณะทว่ั ไปของแนวปะการงั ด้านตะวันตกและดา้ นใตข้ องเกาะโลซิน มคี วามกว้าง
ประมาณ 200 เมตร เปน็ ดา้ นที่มีการพัฒนาของแนวปะการงั ขึ้นได้หนาแนน่ กว่าด้านตะวันออกและด้านเหนอื ซึ่งเป็นด้าน
ที่ได้รับอิทธิพลจากลมมรสุมตะวันนออกเฉียงเหนือ แนวปะการังด้านตะวันออกและด้านเหนือของเกาะโลซิน พบแนว
ปะการังกว้างประมาณ 20-30 เมตร มีลักษณะเป็นผาหิน มีความลาดชันสูง เป็นจุดที่รับแรงประทะจากคล่ืนลมจาก
มรสุมตะวันออกเฉียงเหนือโดยตรง จึงเป็นแนวโขดหินที่มีการพัฒนาของแนวปะการังที่มีความหนาแน่นน้อยกว่าด้าน
ตะวนั ตกและดา้ นใตข้ องเกาะโลซิน (รปู ท่ี 9)
แนวปะการังด้านตะวันตกและด้านทิศใต้ของเกาะโลซินมีลักษณะเหมือนกันท่ีระดับความลึก 8-15เมตร มี
ปะการังที่มีชีวิต 40% ปะการังตาย 10% และพนื้ หนิ 50% ปะการังกลมุ่ เดน่ คอื ปะการังโขด (Porites lutea) ปะการัง
ดอกกะหล่า (Pocillopora damicornis) ถัดลึกลงมาต้ังแต่ท่ีระดับ 15 เมตรจนถึง 30 เมตร เป็นบริเวณท่ีปะการังขึ้น
หนาแนน่ มาก (true reef) มีปะการังท่ีมชี ีวิตประมาณ 70% มีเศษซากปะการงั กระจายบนพื้นทราย 30% ปะการงั ทพี่ บ
โดดเด่น ณ จุดน้ี ได้แก่ กลุ่มปะการังเขากวาง (Acroporidae) เช่น (Acropora intermedia, A. grandis) (รูปที่ 10)
ปะการงั โตะ๊ (Acropora hyacinthus) และมีปะการงั ช่องเล็กแบบแผน่ (Montipora aequituberculata) ปะการงั โขด
(Porites lutea) และปะการงั ดอกกะหล่า (Pocillopora damicornis) ข้ึนแทรกอยู่ทั่วไป บริเวณความลกึ ประมาณ ๓๐
เมตร เป็นพื้นทรายปนเศษปะการัง มีปะการังอ่อน (Sarcophyton sp.) ข้ึนอยู่ทั่วไป รวมท้ังพบสาหร่ายสีน้าตาลชนิด
Canistrocarpus cervicornis อยู่เปน็ บรเิ วณกวา้ งบนพื้นทราย (รูปที่ 11)
แนวปะการังด้านตะวนั ออกของเกาะโลซิน ท่ีระดับนา้ ตืน้ 7-15 เมตร มปี ะการงั ท่ีมชี วี ิตขน้ึ อยู่ประมาณ 30%
เศษ ซ าก ป ะก ารั งต าย กระจั ด ก ระจ าย บ นพ้ื นท ราย ป ระม าณ 30% แล ะ เป็ น พื้ นหิ น 40% ป ะ ก ารั ง
ท่ีพบส่วนใหญ่เป็นพวกปะการังโขดขนาดใหญ่ (Porites lutea) ปะการังดอกกะหล่า (Pocillopora verrucosa) และกลุ่ม
ปะการังเขากวางท่ีมีรูปทรงแบบโต๊ะ (Acropora hyacinthus, A. cytherea) และทรงพุ่มพาน (Acropora hoeksemai,
A.valenciennesi) ถัดลงไปขา้ งล่างต้ังแต่ระดบั ลึก 15 เมตร จนถึง 20 เมตร มีปะการังที่มีชีวิต ประมาณ 50% ปะการัง
ตาย 10% และพ้ืนหิน 40% ปะการงั ที่โดดเด่น ณ จุดนี้คือปะการังโขด (Porites lutea) ปะการังดอกกะหล่า (Pocillopora
verrucosa) ปะการังเขากวาง (Acropora intermedia, A. grandis) ปะการังเขากวางแบบโต๊ะ (Acropora hyacinthus, A.
cytherea) ปะการังเขากวางทรงพุ่มพาน (A. valenciennesi) ปะการังช่องเล็กแบบแผ่น (Montipora aequituberculata)
ที่ระดับลึก 20-30 เมตร มีปะการังท่ีมีชีวิตเพ่ิมมากข้ึนเป็น 70% ปะการังดาวใหญ่ (Diploastrea heliopora) ข้ึนโดดเด่น
มาก บริเวณลกึ จากโซนลาดชันเปน็ พื้นทรายปนเศษปะการัง พบปะการงั ออ่ น กัลปังหา และแส้ทะเล
รปู ที่ 9-10 บริเวณที่ระดับลกึ น้อยกวา่ 7 เมตร โดยทัว่ ไปเปน็ โขดหินท่ีมปี ะการังขนึ้ อยปู่ ระปราย
และทีร่ ะดับลึกกว่า 15 เมตรลงไป มีปะการงั เขากวาง (Acropora intermedia)
5
รูปท่ี 11 ทางด้านตะวันตกและด้านใตข้ องเกาะโลซิน เป็นจุดท่ีกาบังคลื่นลมได้ดี มปี ะการังก่อตัว
ได้หนาแนน่ มาก (AG = Acropora grandis, AH = Acropora hyacinthus, PL= Porites lutea)
ตัวออ่ นปะกำรงั บนพื้นธรรมชำติ (juvenile coral)
ผลการศึกษาพบตวั ออ่ นปะการังบนพ้ืนธรรมชาติ ทั้งหมด 5 สกุล ได้แก่ ตัวอ่อนปะการังดอกกะล่า
(Pocillopora) ตัวอ่อนปะการังผิวเกล็ดน้าแข็ง (Montipora) ตัวอ่อนปะการังโขด (Porites) ตัวอ่อนปะการัง
เขากวาง (Acropora) และตัวอ่อนปะการังสมอง (Symphyllia) โดยสถานีทิศตะวันตกมีความหนาแน่นของ
ตัวอ่อนปะการังสงู ที่สดุ 0.24±0.07 โคโลนีต่อตารางเมตร (รูปท่ี 12)
0.6 Porites Acropora
Juvenile coral (colony.m2) 0.5 Montipora
Pocillopora
Acropora
Porites Symphyllia Acropora
0.4 Porites Montipora
Montipora Pocillopora
0.3 Pocillopora
0.2
0.1
0.0
South West East
รูปที่ 12 ความหนาแนน่ (mean±SE) ของตวั ออ่ นปะการงั บนพืน้ ธรรมชาติ
6 B
A
CD
รปู ที่ 13-16 ตัวออ่ นปะการงั ชนดิ เดน่ ทพ่ี บบรเิ วณเกาะโลซนิ A: Pocillopora sp.; B: Montipora sp.;
C: Pocillopora sp.; D: Acropora sp.
โรคปะกำรัง (coral disease)
ผลการศึกษาพบว่า สถานีบริเวณทิศตะวันตกพบการแพร่กระจายของโรคและความผิดปกติต่าง ๆ
มากท่ีสุด (รปู ท่ี 17) โดยส่วนใหญ่เกดิ กับปะการังโขด (Porites) และปะการงั ผวิ เกล็ดน้าแขง็ (Montipora) ในขณะ
ที่ทิศใต้และทิศตะวันออกพบโรคและความผิดปกติในสัดส่วนน้อยกว่า 20% (รูปที่ 18 - 19) ซ่ึงอาการผิดปกติ
ท้ังหมดพบ 7 รูปแบบ ได้แก่ อาการด่างขาว (white syndromes) การเจริญเติบโตผิดปกติ (growth
anomalies) การตอบสนองต่อสิ่งเร้าด้วยสีชมพู (pigmentation response) การเจริญเติบโตผิดปกติจากการ
ปกคลุมของสาหร่าย (algal overgrowth) ร่องรอยจากการโดนหอยกนิ (gastropod predation) ร่องรอยจาก
การโดนปลาครูดกิน (fish bite) และอาการฟอกขาว (bleaching) นอกจากนย้ี ังพบอาการทผี่ ิดปกตขิ องปะการัง
นอกเหนือจากท่ีสารวจตามแนวเส้นเทป เช่น อาการสูญเสียเน้ือเย่ือปะการัง (skeletal eroding band) และ
การกินของดาวมงกุฎหนาม (Acanthaster planci) อย่างไรกต็ ามโดยภาพรวมของแนวปะการังเกาะโลซินเป็น
ปะการงั ที่มีสขุ ภาพดีมาก (รูปท่ี 20-35)
7
100%
Healthy
80% White syndromes
60% Growth anomalies
40% Pigmentation response
20% Algal overgrowth
0% Gastropod predation
Fish bite
Montipora Acropora PocilloporaGardineroseris Porites
รปู ท่ี 17 สถานภาพโรคและความผดิ ปกตขิ องปะการังบริเวณทิศตะวันตกของเกาะโลซนิ
100%
Healthy
80%
White syndromes
60% Algal overgrowth
40% Gastropod predation
20%
0%
Montipora Acropora Pocillopora Porites
รปู ที่ 18 สถานภาพโรคและความผดิ ปกตขิ องปะการงั บรเิ วณทศิ ใตข้ องเกาะโลซนิ
8
100%
Healthy
80% White syndromes
60% Pigment response
40% Gastropod predation
20% Bleaching
0%
Montipora Acropora Pocillopora Platygyra Diploastrea Porites
รูปท่ี 19 สถานภาพโรคและความผิดปกติของปะการังบรเิ วณทศิ ตะวนั ออกของเกาะโลซนิ
White syndromes
Skeletal eroding Ciliophora
band
9
Growth anomalies
Pigmentation
response
Algal overgrowth
10
Gastropod predation
Fish bites
Acanthaster planci predation
รูปท่ี 20-35 การแพร่กระจายของโรคและความผิดปกตติ ่าง ๆ ในแนวปะการงั เกาะโลซนิ
11
กำรเกิดโรคปะกำรัง มีการตายของปะการังเขากวางท่ีมีสาเหตุจากการเกิดโรคด่างขาว (white
syndrome) ซ่ึงพบได้ทว่ั ไปกบั ปะการังเขากวาง Acropora intermedia แตก่ ็ไม่เหน็ การตายจากโรคเป็นวงกว้างแต่
อย่างใด สว่ นปญั หาจากปลาดาวหนามกินปะการงั น้นั พบเหน็ ได้บา้ ง จานวนไมอ่ ย่ใู นระดบั การระบาด (รปู ที่ 36-37)
รปู ท่ี 36-37 ปะการงั เขากวาง (Acropora sp.) เกดิ โรคดา่ งขาว และปลาดาวหนามทีก่ นิ ปะการังเป็นอาหาร
ทรัพยำกรปลำในแนวปะกำรัง พบปลาในแนวปะการังจานวน 116 ชนิด จาก 65 สกุล 31 วงศ์
ปลาวงศ์เด่น ได้แก่ ปลานกขุนทอง (Labridae) และปลาสลิดหิน (Pomacentridae) ปลาชนิดเด่นที่พบ ได้แก่
ปลาสลิดหินคอดา (Dascyllus reticulatus) ท่ีมีความเด่นท้ังในแง่จานวนและความถ่ีท่ีพบ ภาพรวมของ
โครงสร้างประชากรปลาท่พี บ พบว่าปลาท่ีพบเดน่ ได้แก่ ปลาท่มี ีขนาดเล็กซึง่ มีจานวนมาก และมีความชุกชุมของ
จานวนตัวสูงมากในขณะที่กลุ่มปลาผู้ล่าขนาดใหญ่เช่นปลาเก๋า (Serranidae) ปลากะพง (Lutjanidae) และปลา
หางแขง็ (Carangidae) พบในสัดสว่ นท่ีน้อยมากเมื่อเทียบกับแนวปะการังในบริเวณอ่ืนๆ ปลาวงศ์ที่นา่ สนใจ ได้แก่
ปลานกแก้ว (Scaridae) จานวน 13 ชนิด 4 สกุล และปลาผีเสื้อ (Chaetodontidae) จานวน 10 ชนิด 3 สกุล
ซึ่งในบริเวณเกาะโลซินมีความหลากหลายของปลาทั้งสองวงศ์นี้มากกว่าในบริเวณอ่ืนๆ ของอ่าวไทย ปลาท่ีมี
รายงานการพบครั้งแรกในประเทศไทย มีปลาผีเสอ้ื ชนิด Chaetodon adiergastos, ปลาโนรีชนิด Heniochus
varius, ปลานกขุนทองชนิด Halichoeres prosopeion, ปลานกแก้วชนิด Hipposcarus longiceps และปลา
ววั ชนิด Melichthys vidua ซึ่งเป็นปลาท่ีมีรายงานการพบคร้ังแรกในประเทศไทย บริเวณเกาะโลซินยังพบปลา
หายากและมีความน่าสนใจในด้านการท่องเท่ียว เช่น ปลาฉลามวาฬ ปลากระเบนนก และปลานกแก้วหัวโหนก
เป็นตน้ (รูปที่ 38-41) เมอื่ พจิ ารณาโครงสรา้ งประชากรปลาที่พบบรเิ วณเกาะโลซิน จะมีความแตกต่างจากปลาที่
พบในบริเวณอืน่ ๆ ของอ่าวไทย แต่จะมีองค์ประกอบประชาคมปลาหลายชนิดทม่ี ีลักษณะคล้ายกบั แนวปะการัง
ในฝั่งทะเลอนั ดามนั และการทพ่ี บปลาหลายชนดิ ทไี่ ม่สามารถพบได้ในบริเวณอื่นๆ ของอา่ วไทย
ปลากะมงตาโต Caranx sexfasciatus ปลากระรอกแดง Sargocentron rubrum
12
ปลาการต์ นู อนิ เดยี นแดง Amphiprion ปลากะรังบ้งั แดง Epinephelus fasciatus
perideraion
ปลาสลิดหนิ คอดา Dascyllus reticulatus ฉลามวาฬ Rhincodon typus
รูปที่ 38-41 ตวั อย่างปลาทpeี่พrบidบeรraเิ วioณnแนวปะการังของเกาะโลซนิ perideraion
ทรัพยำกรฟองน้ำ สารวจพบฟองน้าทะเลบริเวณเกาะโลซินจานวน 11 วงศ์ 18 ครอบครัว 21
ชนิด กลุ่มฟองน้าที่พบเด่นได้แก่ Order Haplosclerida พบฟองน้าทั้งส้ิน 7 ชนิด Family ที่เด่นใน Order นี้
คือ Petrosiidae พบฟองนา้ ท้ังสนิ้ 3 ชนิด ทงั้ หมดเป็นชนิดที่สามารถพบได้ทั่วไปตามแนวปะการงั ได้แก่ ฟองน้า
ครก (Petrosia (Petrosia) sp. "vase" และ Xestospongia testudinaria ) พบกระจายอยูท่ ่ัวไป มีปลิงใสชนิด
Synaptula sp. อาศัยร่วมอยู่ด้วย และฟองน้าเคลือบสีน้าตาล (Petrosia (Petrosia) sp.1) ส่วนใหญ่พบขึ้น
เคลือบบนก้อนปะการังตายหรือโขดหิน รองลงมาคือ Order Poecilosclerida พบฟองน้าทั้งส้ิน 3 ชนิด
(รปู ที่ 42-47)
ฟองเคลือบสีนา้ ตาล Petrosia sp.1 ฟองน้าครก Petrosia (Petrosia) sp.2 "vase"
13
ฟองนา้ ครก Xestospongia testudinaria ฟองน้าลกู กอล์ฟ Paratetilla bacca
ฟองนา้ เคลือบสแี ดง Monanchora unguilata ฟองต้นไม้ Penares nux
รูปที่ 42-47 ตวั อย่างฟองน้าทพี่ บในแนวปะการงั ของเกาะโลซิน
ทรัพยำกรสัตว์กลุ่มเอคไคโนเดริ ์ม สารวจพบกลุ่มเอคไคโนเดิร์มจานวน 3 กลุม่ หลักรวม 7 ชนดิ ไดแ้ ก่
ดาวทะเล (Asteroidea) 1ชนิด เม่นทะเล (Echinoidea) 2 ชนิด และปลิงทะเล (Holothuroidea) 3 ชนิด โดยเอคไค
โนเดิรม์ ท่ีจดั ว่าเปน็ ชนิดทีพ่ บได้ทวั่ ไปและชุกชุมกว่าชนิดอ่นื ได้แก่ ปลิงใสฟองน้าครก (Synaptula sp.) มกั พบอาศัย
อยู่ร่วมบนผิวด้านนอกของฟองน้าครก (Xestospongia sp. และ Petrosia (Petrosia) sp.) ฟองน้าบางกอสามารถ
พบปลิงใสชนิดน้ีได้มากว่า 50 ตัว โดยแต่ละชนิดมีการแพร่กระจายเชิงพ้ืนที่เฉพาะ (microhabitat) แตกต่างกันไป
เช่น ซ่อนอยู่ภายในซอกหรือโพรง (crevice) หรือใต้โขดปะการัง และมีพฤติกรรมชอบหากินในเวลากลางคืน
(nocturnal) ได้แก่ เม่นดาหนามยาว (Diadema setosum) เม่นดาหนามส้ัน (Echinothrix calamaris) ส่วน
ปลิงทะเลชนิด Peasonothuria greaffei สามารถพบได้ท่ัวไปตามพ้ืนทรายและเกาะบนก้อนปะการังโขดเพ่ือกิน
ซากอินทรีย์ ในขณะท่ีปลิงทะเลชนิด Thelenota ananas พบเพียงตัวเดียว อาศัยบริเวณโขดหินที่ระดับน้าลึก
ประมาณ 6 เมตร นอกจากนี้ยังพบดาวมงกุฎหนาม (Acanthaster planci) กระจายอยู่ท่ัวไป แต่เม่ือพิจารณาจาก
ความสมบูรณ์ของแนวปะการังบริเวณเกาะโลซิน ปริมาณดาวมงกุฎหนามท่ีพบบริเวณเกาะโลซินยังไม่กระทบต่อ
ความสมบูรณ์ของแนวปะการัง (รูปที่ 48-51)
14
Pearsonothuria graeffei Thelenota ananas
Diadema sp. Acanthaster planci
รูปที่ 48-51 ตัวอยา่ งสัตว์กลุม่ Echinodermata บรเิ วณเกาะโลซนิ
ทรัพยำกรสัตว์กลุ่มครัสตำเซีย สารวจพบสัตว์ในกลุ่มครัสเตเชียน้อยมาก เนื่องจากสัตว์กลุ่มนี้
มักหลบซ่อน (Hiding animals) อยู่ภายในซอกหรือใต้โขดปะการัง หรือบริเวณพื้นที่มีการแตกหักของปะการัง
และชอบออกหากนิ ในช่วงเวลากลางคืน อยา่ งไรก็ตามลักษณะนิสัยของสัตวก์ ลมุ่ นี้ มักพบอาศยั ในบริเวณทม่ี ีซาก
ของปะการังทับถม เน่ืองจากมีความซับซ้อนของท่ีอยู่อาศัยมากกว่า แต่แนวปะการงั ส่วนใหญ่บริเวณเกาะโลซิน
เป็นแนวปะการังที่มีชีวิต ซ่ึงส่วนใหญ่เป็นปะการังเขากวาง (Acroporidae) จึงไม่ใช่ที่อาศัยท่ีเหมาะสมของสัตว์
กลุม่ ครัสตาเชีย ทาให้ปรมิ าณการพบสตั ว์กลุ่มน้นี ้อยกว่าแนวปะการังแหล่งอนื่ ๆ
จากการสารวจสามารถแบ่งกลุ่มสัตว์ครัสเตเช่ียนเป็นสองกลุ่มเด่น คือกลุ่มปู และกุ้ง โดยในส่วน
ของข้อมลู กลมุ่ ปพู บท้ังหมด 5 วงศ์ 6 ชนิด คือ วงศ์ Majidae ปแู มงมมุ ขอบหนาม (Schizophrys aspera) และ
ปูแต่งตัว (Decorator Crab) วงศ์ Trapeziidae ปูปะการังก้ามดา (Trapezia cymodoce) วงค์ Carpiliidae
ปใู บ้ปะการังจดุ (Carpilius maculatus) วงศ์ Xanthidae ปูใบห้ ลงั เตา่ (Atergatis integerrimus) และปูเสฉวน
อีกหนง่ึ ชนิด วงศ์ Diogenidae ปูเสฉวนขน (Dardanus lagopodes) ในส่วนของกลุ่มกุ้งพบเพียงชนิดเดยี ว คือ
วงศ์ Rhynchocinetidae กุ้งมดแดง (Rhynchocinetes durbanensis)
ทรัพยำกรลูกปลำวัยอ่อน จากการสารวจพบความหนาแน่นของลูกปลาวัยอ่อนเฉล่ีย 25.82 และ
135.95 ตัว/ปรมิ าตรนา้ 1,000 ลูกบาศก์เมตร ตามลาดบั ในช่วงเวลากลางคืนพบลกู ปลาวัยอ่อน ความหนาแน่น
เฉลี่ย 1,151.75ตัว/ปริมาตรน้า 1,000 ลูกบาศก์เมตร มากกว่าในช่วงเวลากลางวันท่ีพบเพียง 371.99 ตัว/
ปริมาตรน้า 1,000 ลูกบาศก์เมตร ลูกปลาวัยอ่อนวงศ์ วงศ์ปลากะตัก (Engraulidae) เป็นกลุ่มเด่นที่พบในการ
สารวจ (รูปที่ 52-54)
15
Engraulidae Lethrinidae Scombridae
รูปที่ 52-54 ลกู ปลาวัยออ่ นทพ่ี บบริเวณเกาะโลซิน
ทรัพยำกรสัตว์ทะเลหน้ำดิน การสารวจพบสัตว์ทะเลหน้าดินจานวน 6 ไฟลัม ได้แก่ ไฟลัม
Annelida, Arthropoda Mollusca Chordata Ophiuroidea และ Echinoidea ปริมาณความชุกชุมของสัตว์
ทะเลหน้าดินมีค่าเฉล่ีย 2,550 ตัวต่อตารางเมตร พบสตั วห์ น้าดินกลุ่มครสั ตาเซียมคี วามชุกชุมรวมสูงท่สี ุด 2,006 ตัว
ต่อตารางเมตร รองลงมาเป็นกลุ่มไส้เดือนทะเล 432 ตัวต่อตารางเมตร ส่วนกลุ่ม Mollusca Chordata
Ophiuroidea และ Echinoidea พบความชกุ ชมุ อย่ใู นช่วง 1-54 ตัวตอ่ ตารางเมตร (รปู ที่ 55-66)
ไส้เดอื นทะเล (Polychaete)
ครัสตาเซยี น กลมุ่ แอมฟพิ อด (Amphipod)
16
ครัสตาเซียน กลมุ่ คมู าเซีย (Cumacea) ทาไนดาเซยี (Tanaidacea) ออสตราคอด (Ostracod)
รูปท่ี 55-66 สัตวท์ ะเลหน้าดินบริเวณแนวปะการังของเกาะโลซิน
ทรัพยำกรแพลงก์ตอนสัตว์ พบประชาคมแพลงก์ตอนสัตว์ จานวน 10 ไฟลัม จาก 38 กลุ่ม ได้แก่
ไฟ ลัม Ctenophora, Cnidaria, Nematoda, Chaetognatha, Annelida, Arthropoda, Mollusca, Chordata
Echinodermata, และ Urochordata ความหนาแน่นเฉลี่ย 303 ตัว/ปริมาตรน้า 100 ลูกบาศก์เมตร แพลงก์
ตอนสัตว์กลุ่มท่ีพบมากที่สุด คือ Ostracods , Calycophoran และ Calanoid copepod ความหนาแน่นเฉล่ีย
1,187 , 1,122 และ 519 ตวั /ปรมิ าตรน้า 100 ลกู บาศกเ์ มตร (รปู ท่ี 67-75)
Ctenophora Cnidaria Arrow worm
Ostracod Calanoid copepod Calycophoran
Mollusca Echinodermata Chordata
รูปที่ 67-75 ตัวอย่างแพลงกต์ อนสัตวท์ พ่ี บบรเิ วณเกาะโลซนิ
17
ทรัพยำกรแพลงก์ตอนพืช พบแพลงก์ตอนพืชทั้งหมด 3 คลาส 49 ชนิด ประกอบด้วย คลาส
Bacillariophycea (ไดอะตอม) เป็นกลุ่มท่ีมีความหลากหลายชนิดสูงท่ีสุด (38 ชนิด) กลุ่มที่มีความหลากหลาย
ชนิดรองลงมาคือ คลาส Dinophyceae (ไดโนแฟลกเจลเลต) พบจานวน 10 ชนิด และคลาส Cyanophycea
(สาหรา่ ยสเี ขียวแกมน้าเงิน) พบเพียง 1 ชนิด (รปู ที่ 76-78)
Chaetoceros aequatorialis Lauderia annulata Mastogloia sp.
รปู ที่ 76-78 ตวั อยา่ งแพลงก์ตอนพืชทพ่ี บบรเิ วณเกาะโลซนิ
ทรัพยำกรสำหร่ำยทะเล สารวจพบสาหร่ายสีแดงและสีน้าตาลเป็นส่วนใหญ่ มีขนาดตั้งแต่ไม่ก่ี
มลิ ลเิ มตร ถงึ ประมาณ 5 เซนตเิ มตร สาหรา่ ยส่วนใหญ่เจริญบนกง่ิ ปะการังส่วนทีต่ าย หรือเศษปะการังท่ีแตกหัก
บนพ้ืนทราย (coral fragment) ก้อนหินหรือวัตถุต่างๆ ในน้า บางชนิดขึ้นแทรกอยู่บนสิ่งมีชีวิตชนิดอื่นๆ เช่น
เปลอื กหอย ฟองนา้ สาหรา่ ยทีพ่ บเปน็ ชนิดเด่นมดี ังนี้
Lobophora sp. เปน็ สาหรา่ ยสนี า้ ตาลอมเหลือง มีลักษณะแบน รปู รา่ งคลา้ ยพดั แผข่ นานไปกับพ้ืน
โดยมีส่วนปลายไม่ติดกับพ้ืนผิว ส่วนใหญ่ ขน้ึ ซ้อนกันบนกิ่งด้านล่างของปะการังเขากวาง พบในเกอื บทุกบริเวณ
ของเกาะโลซนิ ทีม่ ปี ะการังเขากวางแบบกิง่
Caulerpa racemosa var. peltata เป็นสาหร่ายสีเขียว หรือเขยี วเข้ม ส่วนปลายมลี ักษณะเป็นแผ่น
กลม แขนงยอ่ ยตั้งตรง สามารถเลื้อยยึดเกาะไปตามวัสดุใต้น้า ส่วนใหญ่แทรกข้ึนบนก่ิงปะการงั เขากวางมชี ีวิต หรือ
ปะการังตาย บางครั้งพบขึ้นแทรกปนอยู่กับพวกส่ิงมีชีวิตเกาะติดพวกพรมทะเล โดยในบริเวณท่ีไม่ลึกมีแสงจัด
สาหรา่ ยชนิดนี้จะมีขนาดตน้ คอ่ นข้างใหญ่สมบูรณ์ เมื่อเทยี บกบั บริเวณที่อยลู่ ึกหรือแสงนอ้ ย
Canistrocarpus cervicornis เป็นสาหร่ายสีน้าตาล มีแขนงตั้งตรง ลักษณะเป็นแถบพันกัน
เล็กน้อย แตกแขนงแบบคู่เป็นมุมแหลม ส่วนใหญ่ข้ึนเป็นบริเวณกว้างบนพื้นทรายปนเศษปะการัง ถัดจากโซน
ปะการังเขากวางออกไปในท่ลี กึ ประมาณ 24 เมตร ขน้ึ ไป
Leptolyngbya sp. อยู่ในกลุ่มสาหร่ายเขียวแกมน้าเงิน มีลักษณะเป็นเส้นใยเล็กละเอียด สีครีม
จนถึงสเี ขยี วและนา้ ตาล อยู่รวมกนั เป็นกระจุกขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 2-10 ซม. บนพ้ืนหินหรือปะการัง
ตาย ในทลี่ กึ 10- 22 เมตร
นอกจากนี้ยังพบสาหร่ายขนาดใหญ่ชนิดอืน่ ๆ ในปริมาณไม่มากนัก ไดแ้ ก่ สาหร่ายสีน้าตาลในสกุล
Padina sp. และ Dictyota friabilis สาหร่ายสีเขียวชนิด Neomeris annulata และ Bryopsis pennata
สว่ นสาหร่ายขนาดเล็ก (<5 มม.) ท่ีพบในบริเวณน้ี ส่วนใหญ่เป็นสาหร่ายสีแดง ซ่ึงท่ีพบในเกือบทุกสถานี ได้แก่
Pterocladiella caloglossoides, Gelidiella sp., Ceramium sp., Hypnea spinella, Caloglossa sp.,
Heteropsyphonia sp., Gelidiopsis variabilis, Leptolyngbya sp., Jania sp. และพ บสาหร่ายหิน ปูน
(calcareous algae; coralline red algae) ซึ่งมีจานวนมากพอสมควร โดยขึ้นเคลือบบนเศษปะการังตายหรือ
เป็นก้อนสแี ดงคลา้ ยหนิ พบอยตู่ ามพืน้ ในแนวปะการงั (รูปที่ 79-86)
18
Leptolyngbya sp Heteropsyphonia sp.
Caulerpa racemosa var. peltata Hypnea spinella
Lobophora sp. Padina sp.
Canistrocarpus cervicornis Canistrocarpus cervicornis
รปู ท่ี 79-86 สาหร่ายชนิดเด่นท่ีพบในแนวปะการังบริเวณเกาะโลซิน
19
ทรัพยำกรปูในแนวปะกำรงั บริเวณเกำะโลซิน จากการสารวจความหลากหลายของทรัพยากรปู
ในแนวปะการงั บริเวณเกาะโลซิน ด้วยวธิ ีดานา้ ลกึ (SCUBA diving) โดยไดส้ ารวจพน้ื ที่แนวปะการงั รอบกองหิน
ใต้น้าของเกาะโลซิน พบปูจานวน 21 ชนิด 8 วงศ์ 15 สกุล (ตารางที่ 1) มีปูชนิดเด่นจานวน 5 ชนิด ซ่ึงพบ
มากกว่า 10 ตัว ในทุกๆ จุดสารวจของแนวปะการังบริเวณน้ี ได้แก่ ปเู สฉวน Dardanus lagopodes ปูปะการัง
Tetralia glaberrima ปูปะการัง Tetralia nigrolineata ปูปะการัง Trapezia cymodoce และปูใบ้ปะการัง
Cymo andreossyi โดยปูเสฉวน D. lagopodes สามารถพบได้ท่ัวบรเิ วณของแนวปะการัง ส่วนปูปะการัง และ
ปใู บ้ปะการัง ทั้ง 4 ชนิดนี้เป็นปูท่ีอาศัย ในแบบ Symbiosis อยู่กับปะการังแข็ง ในรูปแบบ commensalism โดย
จะพบอาศัยอยู่กับปะการังกิ่งในสกุล Pocillopora และ Acropora ท่ีมีชีวิตเท่านั้น นอกจากน้ี ยังพบปูเสฉวน
Calcinus vachoni ท่ีคาดว่าจะเป็นรายงานใหม่ (New Record) ของประเทศไทย ซ่งึ ขณะน้อี ย่ใู นกระบวนการ
ทบทวนตรวจสอบข้อมลู (รูปที่ 87-102)
ตำรำงท่ี 1 ชนดิ ปูทพี่ บบริเวณแนวปะการังเกาะโลซนิ จงั หวดั ปัตตานี
ลำดบั ชอื่ วทิ ยำศำสตร์ แหล่งอำศยั ควำมชกุ ชุม
Family Diogenidae *
***
1 Calcinus vachoni แนวปะการงั (ซอกปะการงั พ้นื ทะเลระหว่างกอปะการัง) *
2 Dardanus lagopodes แนวปะการงั (ซอกปะการัง พ้ืนทะเลระหวา่ งกอปะการงั ) **
3 Dardanus mergistos แนวปะการงั (ซอกปะการงั พน้ื ทะเลระหวา่ งกอปะการงั ) **
Family Parguridae **
4 Pargurus sp. กอปะการงั (Acropora, Pocillopora) *
*
Family Porcellanidae *
5 Lissoporcellana sp. ปะการงั ดา (Antipatharia) *
*
Family Portunidae
***
6 Thalamita sp. แนวปะการงั (พื้นทะเลระหวา่ งกอปะการงั ) ***
***
Family Majidae *
**
7 Micippa sp. ซากปะการัง
8 Schizophrys aspera ซากปะการงั
9 Xenocarcinus conicus ปะการงั ดา (Antipatharia)
Family Pilumnidae
10 Pilumnus cf. orbitospinis ฟองนา้ ครก
11 Pilumnus sp. แนวปะการัง (ซอกปะการงั พนื้ ทะเลระหว่างกอปะการงั )
Family Trapeziidae
12 Tetralia glaberrima กอปะการัง (Acropora, Pocillopora)
13 Tetralia nigrolineata กอปะการัง (Acropora, Pocillopora)
14 Trapezia cymodoce กอปะการัง (Acropora, Pocillopora)
15 Trapezia guttata กอปะการัง (Acropora, Pocillopora)
16 Trapezia septata กอปะการัง (Acropora, Pocillopora)
20
Family Xanthidae แนวปะการงั (ซอกปะการัง พ้ืนทะเลระหว่างกอปะการงั ) **
17 Atergatis integerimus กอปะการัง (Acropora) ***
18 Cymo andreossyi **
19 Etisus laevimanus แนวปะการัง (ซอกปะการัง พ้นื ทะเลระหว่างกอปะการัง) *
20 Etisus anaglyptus แนวปะการัง (ซอกปะการัง พื้นทะเลระหว่างกอปะการัง) **
21 Liomera bella แนวปะการัง (ซอกปะการัง พืน้ ทะเลระหวา่ งกอปะการัง)
หมำยเหตุ ระดับความชุกชมุ ของปจู ากการสารวจ 45-50 นาท/ี ครัง้ ดว้ ยวธิ ีการดาน้าลึก (SCUBA diving)
(*) พบ 1-3 ตวั (**) พบ 4-10 ตัว (***) พบ มากกว่า 10 ตัว
ทมี่ าภาพ: https://1023world.net/ypark/anomura/Calcinus-vachoni
Calcinus vachoni Dardanus lagopodes*
Dardanus mergistos Lissoporcellana sp.
Xenocarcinus conicus Xenocarcinus conicus
21
Tetralia glaberrima* Tetralia glaberrima*
Tetralia nigrolineata* Tetralia nigrolineata*
Trapezia cymodoce* Trapezia guttata
Atergatis integerimus Cymo andreossyi*
22
Etisus laevimanus Liomera bella
รปู ที่ 87-102 ตัวอย่างปทู ี่พบบรเิ วณแนวปะการังเกาะโลซนิ จงั หวัดปตั ตานี
(หมายเหตุ: * ปชู นิดเดน่ ในระบบนเิ วศแนวปะการงั เกาะโลซิน)
ลักษณะสมุทรศำสตร์ คุณภำพน้ำ และกระแสน้ำบริเวณเกำะโลซนิ (water quality)
ขอ้ มูลสภาพสมุทรศาสตรแ์ ละสิ่งแวดล้อมบรเิ วณเกาะโลซิน ได้ดาเนินการตรวจวัดดว้ ยเคร่ืองมือทาง
วทิ ยาศาสตร์ตา่ งๆ โดยมรี ายละเอยี ด ดังนี้
ตรวจวัดกระแสน้าด้วยทุ่นกระแสสมุทร หรือทุ่นติดตามกระแสน้าด้วยระบบดาวเทียม ซึ่งพฒั นาโดย
คณะประมง มหาวิทยาลยั เกษตรศาสตร์และสถาบนั สารสนเทศทรพั ยากรนา้ (สสน.) (รูปที่ 103) และผลการตรวจวัด
(รูปท่ี 104) ซึง่ แสดงใหเ้ ห็นวา่ บริเวณเกาะโลซนิ มีกระแสนา้ ขนานกบั ชายฝ่ังทะเล โดยมีกระแสนา้ จากนา้ ขนึ้ -น้าลงใน
แกนทิศตะวนั ตกเฉียงเหนือและทศิ ตะวนั ออกเฉียงใต้ อย่างไรก็ตามมีกระแสนา้ เฉลีย่ ซึ่งอาจจะจากลักษณะลมและ
ปฏสิ ัมพันธร์ ะหว่างอา่ วไทยกบั ทะเลจนี ใต้ โดยภายหลังจากการปลอ่ ยทนุ่ ทุ่นไดเ้ คลอ่ื นจากจดุ ปลอ่ ยทง้ั หมดประมาณ
203 กิโลเมตรภายในเวลา 15 วัน โดยมรี ะยะทางการเคลอ่ื นทีส่ ุทธิเกาะโลซนิ ทัง้ หมด 62 กโิ ลเมตร
ตรวจวัดค่าคุณภาพน้าตามความลึกด้วยเครื่อง Multi-probe รุ่น AAQ-Rinko ยี่ห้อ JFE Advantech
บริเวณเกาะโลซิน และท่ีพื้นที่ทะเลห่างจากเกาะโลซินประมาณ 3 กิโลเมตร (รูปท่ี 105) ผลการตรวจวัด
(รปู ท่ี 106) จากผลการศกึ ษาแสดงใหเ้ ห็นว่า ในชว่ งเวลาทท่ี าการตรวจวัดน้ามีการแบ่งช้ันนา้ น้าช้ันบนอยรู่ ะหว่างผวิ
นา้ ถึงความลกึ ประมาณ 30 เมตร และน้าช้นั ล่างคอื มวลนา้ ท่ลี กึ กว่า 30 เมตร นา้ ชัน้ บนจะอุ่นและเค็มนอ้ ยกวา่ น้าชนั้
ล่าง โดยน้ าช้ันบนจะใส มีปริมาณ แพ ลงตอน น้อยกว่าและมีปริมาณ ออกซิเจน ละลายมากกว่าน้ า
ช้ันล่าง และมีการเปลี่ยนแปลงในแนวด่ิงของการแบ่งช้ันน้าอย่างรวดเร็ว ซ่ึงน่าจะมาจากผลของคลื่นใต้น้า
(Internal wave)
ตรวจวัดค่าการเปลี่ยนแปลงตามเวลาของระดับน้า คลื่นและอุณหภูมิน้า โดยใช้เคร่ือง Levelogger
ย่ีห้อ Solinst ติดตั้งที่พ้ืนท้องน้าบริเวณเกาะโลซิน (รปู ที่ 107) และผลการศึกษา (รูปท่ี 108-109) แสดงในเห็นว่า
ระดับน้ามกี ารเปล่ยี นแปลงน้าขน้ึ -น้าลง มีคา่ พสิ ัยน้าประมาณ 6 เมตร ระหวา่ งการตรวจวดั และมีลักษณะเป็นน้าคู่
(Semi-diurnal tide) อุณหภูมนิ ้าเปลีย่ นแปลงเล็กน้อยระหว่าง 30.0-30.3 องศาเซสเซียส ตรวจวัดในช่วงคล่ืนสงบ
มคี วามสงู คลื่นประมาณ 0.2-0.8 เมตรและมีคาบคล่ืน ประมาณ 4.5-6.5 วินาที
23
รูปที่ 103 การปลอ่ ยทุ่นกระแสน้าสมทุ ร ซึ่งเปน็ ทุ่นตดิ ตามกระแสน้าน้าทีเ่ ชือ่ มต่อกับดาวเทยี ม สามารถ
ติดตามลกั ษณะกระแสนา้ ต่อเนอ่ื งไดอ้ ยา่ งอตั โนมัติ
รูปท่ี 104 ผลการปลอ่ ยท่นุ กระแสน้าสมุทร ระหวา่ งวนั ท่ี 1-16 กันยายน พ.ศ. 2563 ทุ่นเครือ่ ง
ที่ตามกระแสน้านา้ ทงั้ หมด 203 กิโลเมตรและเคลอ่ื นดว้ ยระยะสทุ ธิ 62 กโิ ลเมตร
24
รูปท่ี 105 การตรวจวัดคณุ ภาพนา้ ตามความลึกโดยใชเ้ ครื่อง Multi-probe คณุ ภาพสูง รนุ่ AAQ-Rinko
รูปที่ 106 ผลการตรวจวดั คุณภาพน้าตามความลึกทเี่ วลาต่าง ๆ บรเิ วณเกาะโลซินและบรเิ วณทะเลหา่ งจาก
เกาะโลซนิ ประมาณ 3 กิโลเมตร ดว้ ยเครอ่ื ง AAQ-Rinko
25
รูปท่ี 107 การตรวจวดั ระดบั น้า คลื่นและอุณหภูมินา้ บริเวณเกาะโลซินดว้ ยเครื่องตรวจวดั อตั โนมตั ิ Solinst
Levelogger
รปู ท่ี 108 ผลการตรวจวดั ระดับน้าและอณุ หภูมนิ ้าดว้ ยเคร่อื งตรวจวดั อัตโนมัติ Solinst Levelogger
26
รปู ท่ี 109 ผลการตรวจวดั คลืน่ บริเวณดว้ ยเครอ่ื งตรวจวัดอัตโนมตั ิ Solinst Levelogger
คุณภำพนำ้ ทะเลในแนวปะกำรงั (water quality)
การเก็บข้อมูลปัจจัยทางกายภาพของน้าทะเล โดยใช้เคร่ืองวัดคุณภาพน้าหลายตัวแปรรุ่น AAQ
1183 (JFE Advantech Co., Ltd., Japan) (รปู ที่ 110) ซง่ึ บันทึกข้อมูลตามระดบั ความลึกจากผวิ นา้ ถึงพืน้ ทะเล
ได้แก่ อุณหภมู ิ ความเคม็ ความเป็นกรด-ด่าง ออกซิเจนละลายน้า ความเข้มแสง และปริมาณคลอโรฟิลล์เอ โดย
เก็บข้อมูลคณุ ภาพน้าทะเลในแนวปะการงั 4 สถานีรอบเกาะโลซิน พิกัดกาหนดจุดเก็บตัวอย่างน้า ได้แก่ ทิศใต้
(7°19'59.3"N 101°59'42.2"E) ทิศตะวันตก (7°20'00.2"N 101°59'39.2"E) ทิศเหนือ (7°20'05.5"N
101°59'41.2"E) และทิศตะวนั ออก (7°20'01.3"N 101°59'46.9"E)
ผลการสารวจคุณภาพในภาพรวมอยู่ในเกณฑ์ปกติของมาตรฐานคุณภาพน้าทะเลเพื่อการอนุรักษ์
แหล่งปะการัง (ประเภทที่ 2) อุณหภูมิอยู่ระหว่าง 29.9 - 30.6 °C ความเค็มอยู่ระหว่าง 32.6-30.0 ppt ความ
เป็นกรด-ด่างอยู่ระหว่าง 8.1-8.2 และออกซิเจนละลายน้า 6.3-6.6 mg/l โดยคุณภาพน้าบริเวณทิศใต้ (รูปที่
111) และทิศตะวันตก (รูปที่ 112) มีความแปรปรวนเลก็ น้อยที่ระดับความลึกประมาณ 10 เมตร ในขณะที่ ทิศ
เหนือ (รปู ท่ี 113) และทิศตะวนั ออก (รปู ท่ี 114) พบความแปรปรวนที่ระดับความลึก 20-25 เมตร ทาให้ค่าให้
อุณหภูมิลดลงและความเค็มสูงข้ึนเล็กน้อย แต่ค่าความเป็นกรด-ด่างและออกซิเจนละลายน้าค่อนข้างคงที่ทุก
สถานี สาหรับความเข้มแสงท่ีสอ่ งผ่านใต้น้ามีค่าลดลงอย่างต่อเนื่องต้ังแตผ่ ิวน้าไปจนถึงระดับความลึก 15 เมตร
จากนนั้ ค่อนข้างคงที่ประมาณ 100 – 200 µmol/m2s ตรงกนั ขา้ มกบั คา่ คลอโรฟลิ ลเ์ อทเ่ี พิ่มขึ้นตามระดบั ความลกึ
27
รปู ท่ี 110 การเก็บข้อมูลคณุ ภาพนา้ ทะเลตามระดบั ความลกึ
Depth m 30 Temperature ( C) 31 32 Salinity (ppt) 34 8 pH 8.4 8.5
0 0 0 0.3 0.4
-5 30.2 30.4 30.6 30.8 -5 32.5 33 33.5 -5 8.1 8.2 8.3
-10
-15 Dissolved oxygen (mg/l) -10 Light intensity µmol/m2s -10 Chlorophyll a (µg/l)
-20 -15 -15
-25 456 -20 200 400 600 -20 0.1 0.2
-30 -25 -25
-30 -30
3
0 70 800 0
-5 0 0
-10 -5 -5
-15
-20 -10 -10
-25 -15 -15
-30 -20 -20
-25 -25
-30 -30
รปู ท่ี 111 ปจั จัยคณุ ภาพนา้ ทะเลตามระดับความลึกบริเวณสถานที ิศใต้ของเกาะโลซนิ
Depth m 30 Temperature ( C) 31 32 Salinity (ppt) 34 8 pH 8.4 8.5
0 0 0 0.3 0.4
-5 30.2 30.4 30.6 30.8 -5 32.5 33 33.5 -5 8.1 8.2 8.3
-10
-15 Dissolved oxygen (mg/l) -10 Light intensity µmol/m2s -10 Chlorophyll a (µg/l)
-20 -15 -15
-25 456 -20 200 400 600 -20 0.1 0.2
-30 -25 -25
-30 -30
3
0 70 800 0
-5 0 0
-10 -5 -5
-15
-20 -10 -10
-25 -15 -15
-30 -20 -20
-25 -25
-30 -30
รปู ที่ 112 ปจั จยั คณุ ภาพน้าทะเลตามระดับความลกึ บริเวณสถานีทศิ ตะวนั ตกของเกาะโลซิน
28
Depth m 30 Temperature ( C) 31 32 Salinity (ppt) 34 8 pH 8.4 8.5
0 0 0 0.3 0.4
-5 30.2 30.4 30.6 30.8 -5 32.5 33 33.5 -5 8.1 8.2 8.3
-10
-15 Dissolved oxygen (mg/l) -10 Light intensity µmol/m2s -10 Chlorophyll a (µg/l)
-20 -15 -15
-25 456 -20 200 400 600 -20 0.1 0.2
-30 -25 -25
-30 -30
3
0 70 800 0
-5 0 0
-10 -5 -5
-15
-20 -10 -10
-25 -15 -15
-30 -20 -20
-25 -25
-30 -30
รปู ท่ี 113 ปจั จยั คณุ ภาพน้าทะเลตามระดบั ความลึกบริเวณสถานีทิศเหนอื ของเกาะโลซิน
Depth m 30 Temperature ( C) 31 32 Salinity (ppt) 34 8 pH 8.4 8.5
0 0 0 0.3 0.4
-5 30.2 30.4 30.6 30.8 -5 32.5 33 33.5 -5 8.1 8.2 8.3
-10
-15 Dissolved oxygen (mg/l) -10 Light intensity µmol/m2s -10 Chlorophyll a (µg/l)
-20 -15 -15
-25 456 -20 200 400 600 -20 0.1 0.2
-30 -25 -25
-35 -30 -30
-35 -35
3
0 70 800 0
-5 0 0
-10 -5 -5
-15
-20 -10 -10
-25 -15 -15
-30 -20 -20
-35 -25 -25
-30 -30
-35 -35
รูปท่ี 114 ปัจจยั คุณภาพน้าทะเลตามระดบั ความลึกบรเิ วณสถานที ิศตะวนั ออกของเกาะโลซนิ
29
ภาคผนวก (ก)
ขอ้ มูลปลาที่พบในแนวปะการงั เกาะโลซนิ
No. FAMILY TAXA พบในปี Thailand New
2558 2563 Record
1 Acanthuridae Acanthurus dussumieri
2 Acanthuridae Acanthurus mata / /
3 Acanthuridae Naso lituratus / /
4 Acanthuridae Naso unicornis /
5 Apogonidae Cheilodipterus artus //
6 Apogonidae Cheilodipterus quinquelineatus // /
7 Apogonidae Nectamia fusca* /
8 Apogonidae Ostorhinchus fleurieu* /
9 Apogonidae Taeniamia fucata /
10 Balistidae Balistoides viridescens //
11 Balistidae* Melichthys vidua* /
12 Balistidae Pseudobalistes flavimarginatus /
13 Belonidae Tylosurus crocodilus //
14 Caesionidae Caesio caerulaurea /
Caesio cuning //
15 Caesionidae Caesio teres /
16 Caesionidae Pterocaesio chrysozona //
17 Carangidae Carangoides fulvoguttatus /
18 Carangidae Carangoides bajad /
19 Carangidae Carangoides gymnostetus //
20 Carangidae Caranx ignobilis //
21 Carangidae Caranx sexfasciatus //
22 Carangidae Elagatis bipinnulata //
23 Carangidae Scomberoides lysan /
24 Carangidae Thrachinotus bailloni //
25 Chaetodontidae* Chaetodon adiergastos* /
26 Chaetodontidae* Chaetodon baronessa /
27 Chaetodontidae Chaetodon bennetti //
28 Chaetodontidae Chaetodon lineolatus //
29 Chaetodontidae Chaetodon lunula //
30 Chaetodontidae* Chaetodon lunulatus* /
//
/
/
30
No. FAMILY TAXA พบในปี Thailand New
2558 2563 Record
31 Chaetodontidae Chaetodon octofasciatus /
32 Chaetodontidae* Chaetodon speculum //
33 Chaetodontidae Chaetodon weibeli // /
34 Chaetodontidae Coradion chrysozonus //
35 Chaetodontidae Heniochus acuminatus //
36 Chaetodontidae Heniochus singularius //
37 Chaetodontidae Heniochus varius* //
38 Chanidae Chanos chanos
39 Diodontidae Diodon hystrix /
40 Diodontidae Platax orbicularis /
41 Ephippidae Platax teira //
42 Holocentridae Myripristis burndti
43 Holocentridae Myripristis murdjan /
44 Holocentridae Neoniphon sammara //
45 Holocentridae Sargocentron rubrum //
46 Kyphosidae Kyphosus cinerascens //
47 Labridae Bodianus mesothorax //
48 Labridae Cheilinus chlorurus //
49 Labridae Cheilinus fasciatus //
50 Labridae Cheilinus trilobatus /
51 Labridae Deproctacanthus xanthurus //
52 Labridae Ephibulus insidiator //
53 Labridae Halichoeres hortulanus //
54 Labridae Halichoeres leucurus //
55 Labridae Halichoeres melanurus //
56 Labridae Halichoeres nebulosus //
57 Labridae Halichoeres nigrescens
58 Labridae Halichoeres prosopeion* /
Halichoeres vrolikii //
59 Labridae Hemigymnus melapterus
60 Labridae Labricththys unilineatus /
61 Labridae Labroides dimidiatus /
62 Labridae Leptojulis cyanopleura /
63 Labridae Oxycheilinus celebicus /
64 Labridae Oxycheilinus digrammus //
//
//
/
//
//
31
No. FAMILY TAXA พบในปี Thailand New
2558 2563 Record
65 Labridae Paracheilinus filamentosus
66 Labridae Stethojulis bandanensis /
67 Labridae Stethojulis trilineatus //
68 Labridae Thalassoma lunare //
69 Lethrinidae Lethrinus olivaceus //
70 Lethrinidae Lethrinus ornatus //
Lethrinus semicinctus //
Lethrinidae Lutjanus argentimaculatus
71 Lutjanidae Lutjanus lutjanus /
72 Lutjanidae Lutjanus monostigma //
73 Lutjanidae Lutjanus quinquelineatus //
74 Lutjanidae Aluteres scriptus //
75 Monacanthidae Parupeneus multifasciatus //
76 Mullidae* Gymnothorax richardsoni //
77 Muraenidae Gymnothorax thyrsoides /
78 Muraenidae Scolopsis affinis /
79 Nemipteridae Scolopsis ciliatus //
80 Nemipteridae Scolopsis bilineatus //
81 Nemipteridae Scolopsis magaritifer //
82 Nemipteridae Scolopsis monogramma //
83 Nemipteridae Pempheris vanicolensis
84 Pempheridae Pomacanthus annularis /
85 Pomacanthidae Pomacanthus imperator
86 Pomacanthidae Pomacanthus sexstriatus /
87 Pomacanthidae Pomacanthus xanthometopon /
88 Pomacanthidae Abudefduf vaigieansis /
89 Pomacentridae Amblyglyphidodon aureus
90 Pomacentridae Amblyglyphidodon curacao //
91 Pomacentridae Amblyglyphidodon leucogaster /
Amphiprion perideraion
92 Pomacentridae Chromis cinerascens //
93 Pomacentridae Dascyllus reticulatus //
94 Pomacentridae Dascyllus trimaculatus
95 Pomacentridae Neoglyphidodon nigroris /
96 Pomacentridae Neopomacentrus anabatoides /
97 Pomacentridae //
//
//
//
/
/
32
No. FAMILY TAXA พบในปี Thailand New
2558 2563 Record
98 Pomacentridae Neopomacentrus cyanomos
99 Pomacentridae Neopomacentrus filamentosus //
100 Pomacentridae Plectoglyphidodon lacrymatus //
101 Pomacentridae Pomacentrus alexanderae //
102 Pomacentridae Pomacentrus azuremaculatus
103 Pomacentridae Pomacentrus coelestris /
104 Pomacentridae Pomacentrus moluccensis /
105 Priacanthidae Priacanthus hamrur //
106 Rachycentridae Rachycentron canadum //
107 Rhincodontidae Rhincodon typus //
108 Scaridae Bolbomethopon muricatum
109 Scaridae Cetoscarus bicolor /
110 Scaridae Chlorurus carpistratoides //
112 Scaridae Chlorurus microrhinos* //
113 Scaridae Chlorurus sordidus
Chlorurus spirulus // /
Scaridae Hipposcarus longiceps* / /
114 Scaridae Scarus dimidiatus
115 Scaridae Scarus fosterni //
116 Scaridae Scarus frenatus /
117 Scaridae Scarus ghobban
118 Scaridae Scarus niger //
119 Scaridae Scarus prasiognathos /
120 Scaridae Scarus quoyi /
121 Scaridae Scarus rivulatus
122 Scaridae Scarus rubroviolaceus /
123 Scaridae Scarus spinus //
124 Scaridae* Scarus tricolor //
125 Scaridae Anyperodon leucogrammicus //
126 Scaridae Cephalopholis boenak //
127 Serranidae Cephalopholis cyanostigma //
128 Serranidae Cephalopholis formosa //
129 Serranidae Cromileptes altivelis //
130 Serranidae Epinephelus fasciatus /
131 Serranidae Epinephelus fuscoguttatus
132 Serranidae /
//
//
//
/
//
//
33
No. FAMILY TAXA พบในปี Thailand New
2558 2563 Record
133 Serranidae Plectopomus leopardus
134 Serranidae Siganus argenteus // /
135 Siganidae Siganus doliatus /
136 Siganidae Siganus guttatus
137 Siganidae Siganus javus //
138 Siganidae Siganus punctatissimus //
139 Siganidae Siganus stellatus //
140 Siganidae Siganus virgatus //
141 Siganidae Siganus vulpinus* //
142 Sphyraenidae Sphyraena baracuda //
143 Sphyraenidae Sphyraena obtusata
144 Synodontidae Synodus variegatus /
145 Tetraodontidae Arothron mappa //
146 Tetraodontidae Arothron nigropunctatus /
147 Zanclidae Zanclus cornutus //
//
//
//
34
ภาคผนวก (ข)
คาขอบคณุ
เกาะในประเทศไทยที่ยังมีความอุดมสมบูรณ์ทั้งแนวปะการังและส่ิงมีชีวิตใต้ท้องทะเลอีกแห่งหนึ่ง
น่นั คือ เกาะโลซิน (Losin Island) หรือท่ีเรียกกันว่า กองหนิ โลซิน เน่ืองจากเป็นกองหินโผล่พ้นน้าไม่มีตน้ ไม้และ
อ่าวให้หลบลม มีเพียงประภาคารท่ีส่งไฟสัญญาณเตือนอยู่บนยอด บริเวณรอบเกาะเป็นแหล่งปะการังที่อุดม
สมบูรณ์และมีฝูงปลานานาชนิดโดยเฉพาะฉลามวาฬ จึงเป็นแหล่งด้าน้าและตกปลาท่ีมีชื่อเสียงแห่งหนึ่ง ในการ
เจรจาแบ่งเขตไหลท่ วีปไทยกบั มาเลเซียในอ่าวไทยเมื่อปี 2521 มาเลเซียไม่ยอมโดยอา้ งว่าเปน็ แค่เพยี งโขดหินไม่ใช่
เกาะจึงไม่มีอาณาเขตทางทะเล ส่งผลให้เกิดพ้ืนท่ีอ้างสิทธิทับซ้อนในไหล่ทวีปของทั้งสองประเทศ เป็นพ้ืนท่ี
ประมาณ 7,250 ตารางกิโลเมตร แต่ในท่ีสุดทั้งสองฝ่ายได้ตกลงใช้พ้ืนที่อา้ งสิทธิทับซอ้ นดังกล่าวเป็นพ้ืนที่พัฒนา
รว่ มเมื่อปี 2522 โดยแบ่งปันผลประโยชน์จากปิโตรเลียมที่ขุดได้ในพนื้ ท่ีดังกล่าวคนละคร่ึง ซึ่งบ่งบอกวา่ มาเลเซีย
ยอมรับผลของเกาะโลซนิ บางสว่ น
ผลความสา้ เรจ็ จากการสา้ รวจใตน้ ้าในครั้งนี้ขอขอบคุณอยา่ งสงู ต่อคณะ ผู้เชย่ี วชาญ อาจารย์ นักวิจัย
และนักวชิ าการ จากหลายหน่วยงานท่ีเข้าร่วมปฏิบัติการดา้ น้าเก็บตัวอยา่ งวันละ 2 ไดฟ์ เป็นเวลา 3 วนั ตลอดจน
วิเคราะห์ผลและรวบรวมข้อมลู แล้วเสรจ็ โดยแบง่ ออกเป็น 4 ทมี หลัก คือ
1. ทมี ส้ารวจและเกบ็ ตัวอย่างปะการงั
2. ทมี ส้ารวจและเก็บตวั อยา่ งปลา
3. ทมี ส้ารวจและเกบ็ ตัวอย่างหอย
4. ทมี ส้ารวจและเก็บตัวอยา่ งเอคไคโนเดิม หรือสตั วไ์ มม่ ีกระดกู สันหลังตามแนวปะการงั ปู กุ้ง รวมถึง
ฟองน้า และสาหรา่ ย
ในนามของกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝัง่ โดยศูนย์วจิ ัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝ่ังอา่ วไทย
ตอนล่าง จึงขอแสดงความขอบคณุ ผรู้ ่วมปฏบิ ัตกิ ารทุกท่าน ตลอดถึงผู้บังคับบัญชาทุกหน่วยงานท่ีให้ความร่วมมือ
เปน็ อย่างดี และขอขอบคณุ บริษทั ปตท.สา้ รวจและผลติ ปิโตรเลยี ม จ้ากดั (มหาชน) ทีใ่ หก้ ารสนับสนุนงบประมาณ
ในการสา้ รวจคร้งั นี้ และหวงั เป็นอย่างยิง่ วา่ จะได้รบั ความร่วมมอื และความอนเุ คราะห์เปน็ อย่างดีย่งิ ในครัง้ ต่อไป
35
รายช่ือผู้ร่วมเดนิ ทาง
ศนู ยว์ ิจัยทรพั ยากรทางทะเลและชายฝัง่ อ่าวไทยฝั่งตะวันออก จ.ระยอง
1. นางสาวอญั ชลี จนั ทรค์ ง โทร. 08-6365-9528
ศนู ย์วจิ ยั ทรัพยากรทางทะเลและชายฝ่งั อา่ วไทยตอนกลาง จ.ชมุ พร
2. นางสาวนรารตั น์ จันทรวาสน์ โทร. 08-0145-2322
ศูนย์วจิ ัยทรพั ยากรทางทะเลและชายฝง่ั อา่ วไทยตอนลา่ ง จ.สงขลา
3. นายทวีศกั ดิ์ กรไี กรนุช โทร. 08-7882-4482
4. นายณรงค์ สอเหรบ โทร. 08-1368-3292
ส้านักงานทรพั ยากรทางทะเลและชายฝัง่ ที่ 5 (สงขลา) โทร. 08-1731-9249
5. นายสนธยา ประไพทรัพย์ โทร. 08-1541-3197
6. นายธนเดช โกศลโชตชิ โลธร
คณะการจดั การสง่ิ แวดลอ้ ม มหาวทิ ยาลยั สงขลานครนิ ทร์
7. นางสาวเมธิณี อยู่เจริญ โทร. 08-5095-3991
8. Ms. Long Ying (Chainease student of PSU)
ส้านักวิชาวทิ ยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยวลัยลกั ษณ์ โทร. 086-968-9991
9. นายอุดมศกั ดิ์ ดรมุ าศ
คณะประมง มหาวิทยาลยั เกษตรศาสตร์ โทร. 063-998-8725
10. นายปรญิ ญา ลมิ ป์วิริยะกลุ โทร. 062-546-1999
11. นายธนสั พงษ์ โภควนิช โทร. 087-931-7444
12. นายวชริ ะ ใจงาม โทร. 081-912-9869
13. นายโดมม์ ลิมปวิ ฒั น์
คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวทิ ยาลยั ราชภัฏภูเกต็
14. นายทนงศักดิ์ จันทรเ์ มธากลุ โทร. 081-535-8671
15. นายจริ ะพงศ์ จีวรงคกลุ โทร. 082-362-2629
มหาวิทยาลัยรามค้าแหง โทร. 086-002-8444
16. นายสทิ ธิพร เพ็งสกุล
กรมอุทยานสตั วป์ ่าและพันธ์ุพชื โทร. 082-589-4955
17. นายวชั ระ สามสุวรรณ์
บริษัท ปตท.ส้ารวจและผลติ ปโิ ตรเลียม จ้ากัด (มหาชน) โทร. 089-148-6681
18. นายปยิ ะวฒั น์ สจุ ิรชาโต
19. นายเจษฎา สวุ รัตน์
20. นายรตั ชยั นันทวรรัตน์
21. นางสาวสภุ ญิ ญา พงษ์โสภา
22. นางสาวศภุ วรรณ ทองไพฑูรย์
36
บรรณาธิการ คณะผเู้ รยี บเรยี งและจดั ทา
บรรณาธิการ
ดร.อัญชลี จนั ทรค์ ง ปะการัง
ดร.สิทธพิ ร เพ็งสกุล ตวั อ่อนปะการัง
ดร.เมธณิ ี อย่เู จริญ โรคปะการงั
ดร.ทนงศักด์ิ จันทรเ์ มธากลุ ปะการังอ่อนและกัลปงั หา
นายจิระพงศ์ จวี รงคกลุ ปลาในแนวปะการัง
ดร.อดุ มศักด์ิ ดรุมาศ ฟองนา้ และกลุ่มเอคไคโนเดิรม์
ดร.วชริ ะ ใจงาม กลมุ่ ครัสตาเชียน และปใู นแนวปะการัง
ดร.ธนัสพงษ์ โภควนิช สมทุ รศาสตรแ์ ละกระแสน้า
กลมุ่ งานนิเวศทางทะเล (ศวทล.) ลกู ปลาวัยอ่อน สัตวท์ ะเลหนา้ ดิน แพลงกต์ อนพืช แพลงกต์ อนสตั ว์
คณะผู้เรียบเรียงและจัดทา ผอู้ ้านวยการศูนย์วิจยั ทรัพยากรทางทะเลและชายฝง่ั อ่าวไทยตอนลา่ ง
นางสาวราตรี สขุ สวุ รรณ์ นกั วิชาการประมงช้านาญการพิเศษ (หัวหน้ากลุม่ งานนิเวศทางทะเล)
นางรัชนี พุทธปรชี า บริษัท ปตท.ส้ารวจและผลิตปิโตรเลียม จ้ากดั (มหาชน)
นายปิยะวฒั น์ สจุ ิรชาโต